บ่วงรักฝังแค้น
เมื่อความรักกลายเป็นความอาฆาตแค้น และตามจองเวรเขาและเธอไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ว่าภพชาติไหนจะขอตามจองล้างจองผลาญไม่ให้เหลือสิ้น ความรักและความแค้น
จากอดีตชาติติดตามเป็นเงาตามตัว เขาและเธอจะทำเช่นไรเพื่อหยุดความแค้นนี้ลงได้
Tags: บ่วง,รัก,ฝัง,แค้น

ตอน: ตอนที่ 5 ในฝัน

ตอนที่ 5 ในฝัน

คอนโดหรูใจกลางเมือง
ภายในห้องพัก

“ปัง!”เสียงทุบโต๊ะดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมเสียงคำรามของคนภายในห้อง บ่งบอกได้ว่าอารมณ์ในยามนี้ฉุนเฉียวมากมายเพียงใด แต่ที่แน่ๆ แม้แต่ผีเสื้อยังไม่กล้าบินเข้าไปเกาะกระจกหน้าต่างเพื่อสังเกตการณ์ก็ว่าได้

“นี่พวกแกกำลังจะบอกข้าว่า ไอ้พิการนอนหลับเหมือนเจ้าชายนินทรา จู่ๆ มันก็หายตัวออกไปจากโรงพยาบาลอย่างนั้นเหรอ แล้วพวกแกมัวไปมุดหัวทำอะไรอยู่ หายหัวไปไหนกันหมดไม่รู้แม้กระทั่งไอ้พิการนั่นมันหายตัวจากห้อง ICU ไปได้อย่างไง โธ่ว๊อย!”

“พวกเราทุกคนงงมากเลยครับนาย ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดแล้วก็ปกติดีทุกอย่าง แต่ไม่รู้ว่าทำไมไอ้แก่นั่นมันถึงหายตัวออกไปจากโรงพยาบาลได้”ลูกสมุนกล่าวรายงานเจ้านาย

“แสดงว่าจะต้องมีคนมาช่วยเหลือมันออกจากโรงพยาบาล ใครจะไปช่วยเหลือมันได้ ไอ้เจตน์ลูกชายมันก็จัดการให้มันไปลงนรกแล้ว ใครมาช่วยพ่อของมันไปได้วะ มันต้องเป็นมืออาชีพแน่ๆ หาไม่แล้วมันจะเร้นร่างไอ้แก่นั้นหายไปจากสายตาของพวกแกที่มีอยู่เต็มโรงพยาบาลไปได้อย่างไงกัน! บัดซบจริงๆ ถ้าเกิดอาการมันดีขึ้น มันจะทำให้ข้าต้องเข้าไปนอนกินข้าวแดงในคุก โธ่โว๊ย!ทำไมไม่ฆ่ามันให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยวะ ทำไมข้าถึงปล่อยให้ไอ้แก่มันมีชีวิตรอดจนมีคนมาช่วยมันออกไปได้ ทำไมกัน!” หนุ่มใหญ่ผู้เป็นนายโวยวายฉุนเฉียวเป็นการใหญ่

“ตู้ด ตู้ด ตู้ด”เสียงโทรศัพท์มือถือของหนุ่มใหญ่ผู้เป็นนายดังขัดจังหวะ

“ใครวะ! โทรมาเวลานี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญละก็มึงตายแน่”หนุ่มใหญ่สบถเสียงฉุนเฉียว

ครั้นเมื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิจารณาเลขหมายที่โทรเข้า หนุ่มใหญ่เจ้าของเครื่องหน้าเปลี่ยนสีไปทันทีเมื่อเห็นเลขหมายโทรเข้า

“รู้ได้อย่างไงวะว่าเกิดเรื่อง มีใครจุดธูปรายงานไปอย่างนั้นเหรอ เจ้าหล่อนถึงโทรมา”หนุ่มใหญ่กล่าวสบถ พลางปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้เป็นปกติ ก่อนจะกดรับสายโทรศัพท์

“สวัสดีจ๊ะที่รัก มีอะไรอย่างนั้นเหรอถึงโทรหาผมได้”

“ก็มีนะสิ! ลูกน้องคุณยังไม่ได้รายงานให้คุณรู้อย่างนั้นเหรอ ว่าไอ้แก่คมกริชมันตายแล้ว! ตายตอนรุ่งสางวันนี้ โรงพยาบาลโทรมาบอกฉันเมื่อกี้นี่เอง”

“หา!ไอ้แก่พิการมันตายแล้วเหรอ...มันตายที่ไหน!”หนุ่มใหญ่เอ่ยถามกลับไปด้วยความแปลกใจระคนสงสัย ก่อนจะหันกลับไปมองลูกน้องของเขาที่ยืนเรียงหน้าสลอนตรงหน้า

“เอ้า!คุณก็ถามแปลกๆ มันก็ตายที่โรงพยาบาลนะสิ พอมันตายโรงพยาบาลก็เอาศพมันไปไว้ที่ห้องดับจิตแล้ว เห็นบอกว่า ไอ้แก่มันบริจาคร่างกายให้เป็นอาจารย์ใหญ่ของนักศึกษาแพทย์ ทางโรงพยาบาลจึงต้องดูแลศพไอ้แก่เป็นอย่างดี”

“อ๋อเป็นอย่างนี้เอง...ไอ้เราก็กำลังสงสัยว่าไอ้แก่มันหายไปได้อย่างไง”หนุ่มใหญ่เริ่มจะเข้าใจเหตุการณ์ ก่อนจะได้ยินปลายสายซักถามกลับมา

“พวกคุณสงสัยว่าไอ้แก่มันหายไปอย่างนั้นเหรอ แสดงว่าลูกน้องคุณมันไม่อัพเดทข่าวสารเลยล่ะสิ เลี้ยงเสียข้าวสุกซะเปล่า”ปลายสายเอ่ยเสียงขุ่น

“ไม่ต้องสนใจเรื่องลูกน้องผมหรอกมารตี เอาเป็นว่าผมจะให้ลูกน้องไปติดตามความเคลื่อนไหวของโรงพยาบาลว่าไอ้แก่มันตายอย่างไง ตายเมื่อไร และถ้ามันบริจาคร่างกายก็ยิ่งดีสำหรับเรา จะได้ไม่ต้องทำพิธีศพของมันให้สิ้นเปลือง ได้เรื่องอย่างไงเดี๋ยวผมส่งข่าวให้ที่รักรู้นะจ๊ะ แค่นี้ก่อนนะ รักนะจ๊ะที่รัก”หนุ่มใหญ่ส่งคำหวานให้คู่ควงหวานจ๋อย และทันทีที่วางสายหนุ่มใหญ่หันมาเล่นงานลูกน้องของเขาทันที

“เป็นอย่างไงพวกแก ไอ้พวกไม่อัพเดทข่าวสาร แสดงว่าวันๆ พวกมึงเอาแต่เฝ้าจริงๆ ไม่รู้จักใช้หัวสมอง ใช้ความคิดว่าจะต้องทำอย่างไงต่อไป แค่ไม่เห็นไอ้แก่ก็สรุปว่ามันหายอกไปจากโรงพยาบาล และตอนนี้เป็นยังไงคุณมารตีโทรมาบอกฉันว่า ไอ้แก่มันตายแล้วตอนรุ่งสาง พวกแกไปเลยนะ! ไปสอบถามข่าวการตายของไอ้แก่มาให้อย่างละเอียด อย่าให้พลาดอีกนะมึง อย่าเอาข่าวมั่วมารายงานอีก ไปเลยไป!”หนุ่มใหญ่ตะโกนไล่ส่งลุกสมุน เล่นเอาลูกสมุนตรงหน้ารีบลนลานออกไปทำตามคำสั่งทันที

“พวกโง่!แผนเกือบเสียแล้วเพราะมีลูกน้องโง่ดักดาน แต่ก็ถือว่าโชคเข้าข้าง สุดท้ายไอ้แก่มันก็ตาย ไม่มีใครสงสัยว่าใครเป็นคนให้มันเป็นแบบนี้ คราวนี้ก็ถึงยุคของผู้บริหารรุ่นใหม่อย่างเราเสียที ไม่มีไอ้แก่! ไม่มีไอ้เจตน์! ก็เหลือแค่เราเท่านั้น กรรมการทุกคนมีหรือจะปฏิเสธความสามารถของเราไปได้ หึหึหึ”หนุ่มใหญ่จอมบงการหัวเราะเบาๆ ในลำคอ สิ่งที่เขาเฝ้ารอคอยและความสำเร็จกำลังจะตกมาอยู่ในเงื้อมมือของเขาอีกไม่กี่อึดใจเท่านั้น

ณ คฤหาสน์เดชวโรดม
เสียงทรัมแป๊ตดังแว่วออกมาจากห้องนอนใหญ่ของผู้เป็นเจ้านายสูงสุดของบ้าน เสียงเพลงหวานซึ้ง ตรึงใจ อย่าว่าแต่คนที่ได้ฟังเลย แม้แต่ผียังเพลิดเพลินกับเสียงทรัมแป๊ต ที่บรรเลงได้หวานดั่งต้องมนต์สะกด ซึ่งอลันกำลังเล่นอย่างคล่องแคล่ว เสียงขับกล่อมจากทรัมแป๊ตที่ถูกบรรเลงจากมืออาชีพของอลัน หยุดตราตรึงทุกอย่างไว้ทั้งหมดเลยทีเดียว

ดวงวิญญาณของเจตน์ นั่งมองพี่ชายฝาแฝดเป่าทรัมแป๊ต อย่างชำนาญ ฝีมือการเล่นระดับมืออาชีพก็ว่าได้ ดวงวิญญาณของชายหนุ่มนั่งอ้าปากหวอด้วยความทึ่งในความสามารถของพี่ชาย

“โห! พี่ชายเก่งโคตรเวอร์เลย”ดวงวิญญาณรำพึงอย่างชื่นชมพร้อมเสียงเพลงจากทรัมแป๊ตจบลง

“เป๊ะ เป๊ะ เป๊ะ หวีดวิ้ว!”เจตน์ตบมือเกรียวกราวพร้อมเป่าปากหวีดวิ้ว ด้วยความชอบอกชอบใจ

“เอ้า เอ้า เอ้า เป่าปาก ตบมือได้ด้วยเหรอเจตน์”อลันถามกลับไปด้วยความสงสัยกับกิริยาอาการของดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝด

“อ้าวพี่อลัน ถึงผมจะเป็นแค่ดวงวิญญาณ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะใช้ชีวิตหรือทำอะไรต่อมิอะไรไม่ได้ ผมสามารถทำทุกอย่างได้เหมือนตอนครั้งที่มีชีวิตอยู่ได้หมดทุกอย่างและจะเพิ่มมากขึ้นถ้าผมมีบารมีและพลังมากพอ”ดวงวิญญาณเจตน์กล่าวอธิบาย

“อ๋อ!เออดีจะได้ช่วยพี่ทำงาน เดี๋ยวจะมีเอกสารทุกอย่างที่เกี่ยวกับบริษัททั้งหมดมาส่งที่บ้าน แกตรวจสอบและอ่านให้ดีเพราะมันเป็นสัญญาที่พี่ทำให้เดชวโรดมไม่ต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือของใคร ไม่มีใครหน้าไหนสามารถทำอะไรแกกับคุณพ่อได้อีกต่อไป”อลันเอ่ยบอกน้องชาย

“หมายความว่าไงพี่อลัน พี่กำลังบอกผมว่ากิจการทุกอย่างของเดชวโรดมและบริษัทในเครือ อยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาจมูกใครเลยอย่างนั้นเหรอ”เจตน์เอ่ยถามพี่ชายด้วยความดีใจระคนแปลกใจ

“ถูกต้องฉันจะทำให้เดชวโรดมหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งนับจากนี้ต่อไป คือ AMS จะต้องยิ่งใหญ่ในระดับแนวหน้าของประเทศไทยและพวกที่มันฆ่าแกและทำร้ายคุณพ่อ มันจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม”อลัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบแฝงเร้นความน่าสะพรึงกลัว ซึ่งดวงวิญญาณของน้องชายฝาแฝดสัมผัสได้

“บรื้ออออ!น่ากลัว...พี่ชายน่ากลัวมากเลย รังสีอำมหิตจัดเต็ม”ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยตามความรู้สึกนึกคิดของเขา

คำกล่าวตรงไปตรงมาตามความรู้สึกนึกคิดของน้องชายฝาแฝดทำให้อลัน ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาไม่หยุด เป็นเสียงหัวเราะที่ดังที่สุดในรอบ 10 ปี ของเขาก็ว่าได้ และเสียงหัวเราะดังกล่าวทำให้ดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝด ถึงกับออกอาการเหวอเมื่อพี่ชายของเขาส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างต่อเนื่อง

“พี่อลันเป็นอะไร ผมพูดอะไรผิดเหรอพี่ชาย”ดวงวิญญาณเจตน์ถามออกไปด้วยความสงสัย ก่อนจะได้ยินคำตอบของพี่ชายเอ่ยตอบกลับมา

“เออวะ..แกพูดผิดมากๆเลยไอ้น้องชาย ตกลงตอนนี้แกเป็นอะไรกันแน่ แกทำท่าทางกลัวพี่ชนิดขนลุกขนพอง คนที่จะต้องกลัวควรจะเป็นพี่ที่กลัวแกมากกว่า นี่อะไรแกดันมากลัวพี่ซะงั้น ถามจริงๆ เถอะแกทำงานช่วยคุณพ่ออย่างไงเจ้าเจตน์ ผู้บริหารระดับสูงต้องเด็ดขาดและต้องอำมหิตกับบุคคลที่ไม่พึงประสงค์มันถึงจะเรียกว่าผู้บริหาร”

คำกล่าวของพี่ชายฝาแฝดเล่นเอาคุณน้องผี นั่งนิ่งไม่ขยับ ไม่ตอบ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาพี่ชายฝาแฝดของเขาที่ยืนเหมือนยักษ์ตีหน้าถมึงทึงตรงหน้า

“เอ้า!ทำไมเงียบล่ะเจ้าเจตน์ ที่ถามนะได้ยินหรือเปล่า”อลันเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“เออ..ถ้าจะบอกว่าผมเข้ามาบริหารหรือเปล่า คือผมไม่เคยเข้าบริษัทของเราเลยพี่ชาย มีแต่คุณพ่อที่ต้องดูแลบริหาร ตอนผมยังไม่ตายผมเกลียดการเข้าประชุมและเข้าบริษัทฯ เป็นชีวิตจิตใจ ผมก็เลยหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปดีกว่าในนั้นมีแต่พวกเสือ สิงห์ กระทิง แรด จนคุณพ่อตัดสินใจบอกกับกรรมการบอร์ดว่า ผมสุขภาพไม่ดี รักษาตัวอยู่จึงไม่สะดวกที่จะเข้าบริษัทได้”เจตน์เอ่ยตอบพี่ชายกลับไปตามความเป็นจริง

อลัน ยืนฟังด้วยความอึ้งกับพฤติกรรมของน้องชายฝาแฝด เขาพอจะรู้แล้วว่าน้องชายเขาทำไมถึงพลาดท่าเสียรู้คนจนทำให้ตัวเองต้องจบชีวิต

“แล้วแกชอบทำอะไรมากที่สุดเจ้าเจตน์”ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางยืนกอดอกตั้งใจฟังน้องชายฝาแฝดของเขา

“สิ่งที่ผมชอบมากที่สุด คือทำอาหาร ผมชอบทำอาหารทุกชนิด ชอบทำขนม อยากมีร้านอาหารดังๆ ทำอาหารอร่อยๆให้คนได้กิน ทำขนมให้ใครๆ ได้ชิม เป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันมาตลอดเลยพี่ชาย”ดวงวิญญาณของเจตน์เอ่ยตอบพี่ชายของเขากลับไป

“ตกลงน้องชายเรามันเป็นเกย์หรือกะเทยอย่างนั้นเหรอวะ”อลันรำพึงอยู่ภายในใจ แต่เสียงรำพึงของเขาดวงวิญญาณของเจตน์ก็สามารถรับรู้ได้
“พี่ชายอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะว่าผมเป็นเกย์หรือกะเทย ผมไม่ได้เป็นทั้งสองอย่างตามที่พี่คิดเลยแม้แต่น้อย”ดวงวิญญาณของเจตน์ปฏิเสธอย่างแข็งขัน

“ถ้าไม่ใช่แกเป็นอะไรวะ แกนุ่มนิ่มเกินไป มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายแท้ๆ แมนๆเขามีลักษณะแบบนี้หรอกนะ”อลันพูดพลางสังเกตดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝดอย่างถี่ถ้วน

“พี่ชาย...ไอ้การที่ผู้ชายชอบทำอาหาร ทำขนม ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเกย์ เป็นกะเทย เป็นตุ๊ด แต๋วแตกเสียเมื่อไรกันเล่า ผู้ชายที่ชอบทำอาหาร เป็นพ่อครัว เป็นเชปชื่อดังมีเยอะแยะถมถืดไป ลักษณะผู้ชายแบบผม เขาเรียกว่าเป็นผู้ชายอ่อนโยน มีอารมณ์โรแมนติคสุนทรีย์เยอะ”เจตน์อธิบายพี่ชายให้เข้าใจเสียยืดยาว ก่อนจะนั่งนิ่งๆไม่ปริปากพูดอะไรอีก เมื่อพี่ชายของเขายืนจ้องมองเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

“ถ้างั้นพี่มีคำถามจะถามแก และแกต้องตอบความเป็นจริง ห้ามมุสาเด็ดขาด วิญญาณของแกกำลังบำเพ็ญเพียร ปฏิบัติธรรมเพื่อให้มีพลังและบารมีอยู่ไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นถึงแกจะเป็นแค่ดวงวิญญาณก็ห้ามผิดศีลเด็ดขาด”อลัน มองหน้าน้องชายเขม็ง ก่อนจะเอ่ยสำทับเริ่มคำถามขึ้นทันที

“ผู้หญิงในสเป็คแกมีไหม”อลันเอ่ยถามคำถามแรก

“ไม่มีเลย”เจตน์เอ่ยตอบตามความเป็นจริง

“ถ้ามีผู้หญิงให้ดอกไม้แกรับไหม”

“ไม่รับหรอก”

“ถ้ามีผู้หญิงขอให้แกจูบเขาแกจูบไหม

“ไม่จูบ”

“ถ้ามีผู้หญิงมาให้ท่าแกถึงเตียงนอนแกจะนอนกับเขาไหม

“ไม่นอน”

“ถ้ามีผู้หญิงขอเดทแกจะรับเดทไหม

“ไม่รับเสียเวลา”

“ถ้ามีผู้หญิงร้องไห้ซบอกแก แกจะปลอบไหม

“ไม่รู้สิ ปลอบไม่เป็น”

“เออแกมันตายด้าน เย็นชากับผู้หญิง ไม่มีความรู้สึกเกิดกับผู้หญิงเลย เพราะทุกข้อที่พี่ถาม ถ้าเป็นพี่ไม่พลาด”อลัน พูดพลางส่ายหน้าไปมาพร้อมเสียงโวยวายของน้องชายฝาแฝดดังสวนขึ้นมาทันที

“อ้าวพี่ชายด่วนสรุปแบบนี้ได้อย่างไง ก็ผมไม่เคยมีความรักกับผู้หญิงให้ผมรู้สึกได้อย่างไงกันเล่า”เจตน์บ่นพึมพำ

“งั้นฉันมีอีกคำถามที่จะถามแก”อลันเอ่ยบอก

“พี่ชายจะถามอะไรมากกว่านี้ก็ได้ ถามมาเลย”น้องชายฝาแฝดท้าพี่ชาย

“ถ้างั้นก็ดี ฟังนะแกมีผู้ชายในอุดมคติไหม”

“มีแน่นอน..เฮ้ย!”เสียงเจตน์ร้องโวยวาย

“ นั่นไง”อลันพูดพร้อมดีดหัวแม่นิ้วโป้งของเขาทันที ราวแจ๊คพ๊อตแตก

“ฉันรู้แล้วว่าแกมีจิตเสน่หากับผู้ชาย เพียงแต่แกเก็บกดพยายามไม่แสดงออกให้ใครๆ รู้ และแกก็ยังไม่แน่ใจตัวเองด้วยว่าจริงๆ แล้วแกชอบผู้ชายหรือผู้หญิง ซึ่งความรู้สึกของแกมันมีทั้งต่อต้านและอยากที่จะปลดปล่อยให้เป็นไปตามความรู้สึกที่แท้จริงของแก”อลันบอกกับน้องชายฝาแฝดของเขาเสียยืดยาว ทำเอาดวงวิญญาณของน้องชายนั่งนิ่งงันไปเลยทีเดียว ก่อนจะเอ่ยถามกลับไป

“พี่ชายจบจิตวิทยามาเหรอไง ถึงอ่านความรู้สึกนึกคิดของคนและดวงวิญญาณอย่างผมได้”

“พี่เรียนจบระดับด๊อกเตอร์มานะไอ้น้องชาย เคยเรียนเอกทางด้านจิตวิทยาสมัยทำปริญญาโท ทำไมจะไม่สามารถสรุปได้ว่า ลึกๆแล้วแกเป็นอะไรกันแน่ตอนที่แกยังมีชีวิตอยู่ แต่จะว่าไปก็เป็นการดี ทำให้พี่ไม่ต้องเหนื่อยมากขึ้นไปกว่านี้ เพราะการที่แกมีพฤติกรรมแบบนี้ เป็นการง่ายสำหรับพี่ที่จะเข้าไปในบริษัท โดยไม่มีใครสงสัย”อลันเอ่ยบอกน้องชาย

“แต่มีคนหนึ่งที่รู้จักผมดีและเห็นผมอยู่ตลอดเวลา”เสียงของน้องชายฝาแฝดเอ่ยบอก และนั่นทำให้อลันยกมือขึ้นกอดอกทันที

“ใครที่มันเห็นแก”อลันเอ่ยถามเสียงเย็นยะเยียบ

“คุณมารตี ภรรยาใหม่ของคุณพ่อ”เจตน์เอ่ยตอบพี่ชาย

ร่างสูงใหญ่ของอลัน ยืนกอดอกมองน้องชายฝาแฝดของเขาพลางใช้ความคิดอย่างรอบคอบ พร้อมนึกย้อนถึงรายงานจากบอดี้การ์ดที่ส่งให้สายข่าวสืบประวัติความเป็นไปของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ เดชวโรดม รูปถ่ายและประวัติของผู้หญิงที่ชื่อนางสาวมารตี ไกรสุริยา ก่อนจะมาเปลี่ยนนามสุกล เป็นเดชวโรดม เมื่อเธอแต่งงานกับพ่อแท้ๆ ของเขา

“ผู้หญิงคนนี้อายุน้อยกว่าคุณพ่อ 2 รอบ แถมยังอายุน้อยกว่าเราสองคน 3 ปี ผู้หญิงอายุแค่ 28 เอาความสาวมาทิ้งกับคนแก่อายุ 60 กว่าๆ แทนที่จะสนใจหนุ่มๆ รุ่นเดียวกันกับเธอ มันแปลกเกินไป ถ้าจะอ้างว่าเพราะบุพเพสันนิวาสพานพบมาให้พบเจอกำหนดให้เราเป็นคู่กัน สมัยนี้ไม่มีแล้ว นอกจากผลประโยชน์อย่างเดียว”อลัน เอ่ยตามสัญชาติญาณของนักธุรกิจที่เจนประสบการณ์มานักต่อนัก

“ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นเห็นแกครั้งล่าสุดเมื่อไร”อลันเอ่ยถามน้องชายฝาแฝด

เจตน์ นั่งทบทวนความทรงจำสมัยเขายังมีชีวิตอยู่ถึงระยะเวลาที่แม่เลี้ยงสาวของเขาไม่ได้พบเจอหน้ากันเป็นระยะเวลานานมากน้อยเพียงใด

“ประมาณเกือบ 6 เดือนแล้วล่ะพี่ชายที่ไม่เห็นหน้ากันเลย ผมไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับเขาก็เลยย้ายออกมาอยู่คอนโดที่ซื้อไว้แถวริมแม่น้ำ รายนั้นบ้าซื้อของทุกอย่างที่ขวางหน้า ต้องแพงที่สุด ดีที่สุด ดีที่คุณพ่อไม่บ้าจี้หลงเมียสาว ตรงกันข้ามคุณพ่อจะเอ็ดเขาทุกครั้ง ที่เขาซื้อของแบบบ้าคลั่ง”

“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ”อลัน รำพึงด้วยความแปลกใจ

“ไม่รู้เหมือนกันพี่ชาย แต่จะว่าไปคุณพ่อก็แปลกแต่งงานกับคุณมารตีก็จริงแต่คุณพ่อแยกห้องนอนคนละห้องตั้งแต่คืนแรกที่แต่งงานเลย”

“เออ...แปลก..ทำไมคุณพ่อถึงทำแบบนั้น แสดงว่าต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่นอน คุณพ่อเท่านั้นที่จะให้คำตอบเราสองคนได้”อลัน เอ่ยบอกน้องชาย

“แต่ตอนนี้คุณพ่ออาการเพียบหนัก บางอย่างบอกผมว่าพวกที่บงการฆ่าผม อยู่เบื้องหลังอาการป่วยของคุณพ่อด้วยนะพี่อลัน และยังอยู่เบื้องหลังการโอนถ่ายอำนาจบริหารออกจากตระกูลเดชวโรดม เปลี่ยนมือไปเป็นของฝ่ายตรงข้ามเราอีกนะพี่ชาย”ดวงวิญญาณน้องชายฝาแฝดรายงานละเอียดถี่ยิบ

“อะไรนะ!”อลันขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ชายหนุ่ม ยืนใช้ความคิดเขามีความรู้สึกว่าครอบครัวทางเมืองไทยของเขา มีเรื่องราวซับซ้อนซ่อนเงื่อนแฝงปริศนาต้องใช้ความคิดเพื่อตีโจทย์ให้แตกตลอดเวลา และมีบางอย่างที่เขายังไม่รู้เสียด้วย

“ไอ้น้องชายแกรู้อะไรนอกเหนือจากนี้อีกไหมว่าตระกูลเดชวโรดม มีศัตรูที่ไหนบ้าง”อลันเอ่ยถามน้องชายฝาแฝดด้วยความอยากรู้

ดวงวิญญาณของเจตน์ เริ่มทบทวนความทรงจำสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่ว่าเคยได้ยินเรื่องราวหรือการบอกเล่าศัตรูคู่อาฆาตของเดชวโรดมหรือเปล่า ก่อนจะค่อยรื้อฟื้นความทรงจำตอบคำถามพี่ชายกลับไป

“ผมเคยฟังคุณย่าเล่าว่า ตระกูลเดชวโรดมของเราสืบเชื้อสายมาจากวังอิศรา คุณย่าก่อนจะแต่งงานกับคุณปู่ใช้นามสกุลอิศรา ซึ่งนั้นก็หมายความว่าคุณย่าสืบเชื้อสายราชนิกูลมาจากวังอิศรา และวังอิศรามีศัตรูมาตั้งแต่สมัยคุณชวดของคุณชวดอีกที วังอิศราถูกสาปแช่งและกล่าวคำอาฆาตจองเวรเอาไว้รู้สึกจะมีอีกตระกูลด้วยแต่ผมจำไม่ได้แล้ว แต่มันคงไม่เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นกับผมและคุณพ่อและกิจการทั้งหมดของเดชวโรดมกระมังพี่ชาย”เจตน์ เอ่ยบอกตามประสาคนมองโลกสวย

“แกคิดว่าอย่างนั้นเหรอ แต่พี่คิดว่าอะไรที่จะเป็นต้นเรื่องและที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมดที่แกต้องตาย และคุณพ่อต้องกลายเป็นเจ้าชายนินทราไปแบบนี้ รวมไปถึงกิจการของเดชวโรดมทั้งหมด มันต้องอยู่ในข่ายที่ต้องสืบค้น ไม่เป็นไรพี่จะให้นักสืบหาข่าวและสืบค้นตระกูลเพื่อนของคุณชวด ว่าแต่ตระกูลเพื่อนคุณชวดเขาใช้นามสกุลอะไร”อลันเอ่ยถาม

เจตน์นั่งนึกทบทวนคำบอกเล่าของคุณย่าสมัยยังมีชีวิตอยู่ แต่จนแล้วจนรอดก็นึกไม่ออกได้แต่ทำหน้าแหยๆ ส่งยิ้มแห้งๆ ให้พี่ชายฝาแฝดของเขา

“คุณย่าไม่ได้บอกผมครับพี่ชายและผมก็ไม่ค่อยสนใจฟังและสนใจถามท่าน มีคุณพ่อเท่านั้นครับที่ทราบว่าศัตรูตั้งแต่รุ่นคุณชวดของคุณชวด ใช้นามสุกลว่าอะไร รู้แต่ว่าเป็นตระกูลของราชนิกูลด้วยนะ สืบทอดมาตั้งแต่ในสมัยโบราณโน้นเลย”เจตน์พูดพลางชี้มือชี้ไม้ไปไกล

“ย้อนไปไกลถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึงกรุงสุโขทัยเลยไหม ปัดโธ่!เดี๋ยวเขกกะโหลกสักที คุยเป็นงานเป็นการทำทะเล้นนอกเรื่องอีกแล้ว”อลัน บ่นพึมพำให้น้องชายพลางส่ายหน้าไปมาที่มีน้องชายเป็นผี แถมยังมีนิสัยขี้เล่นอีกต่างหาก

“แหม..แค่อยากให้พี่ชายผ่อนคลาย คุยแต่เรื่องเครียดๆ มันทำให้มีความรู้สึกว่าหัวมันหนักๆ อึ้งๆ อย่างไงชอบกลก็เท่านั้นเอง”เจตน์ บ่นกะปอดกะแปดเมื่อถูกพี่ชายฝาแฝดดุเสียงเขียว

“เอาล่ะเรื่องตระกูลเพื่อนคุณชวดพักเอาไว้ก่อน เราต้องทำงานเร่งด่วนที่กำลังจะใกล้เข้ามา เอกสารทุกตัวจะส่งมาที่บ้านแล้วตั้งใจอ่านให้ละเอียด เดี๋ยวพี่จะออกไปทำธุระข้างนอกสักหน่อย แล้วก็ไม่ต้องตามพี่ไปด้วย”อลันสั่งงานวิญญาณน้องชายฝาแฝด พร้อมหันกายเพื่อทำธุระส่วนตัว ก่อนจะได้ยินเสียงน้องชายฝาแฝดตะโกนถามไล่หลัง

“พี่ชายให้ผมไปด้วยสิ ปล่อยผมไว้ที่บ้านคนเดียวได้ไง ผมกลัวนะ”เจตน์เอ่ยบอก

“ไอ้บ้า!แกจะไปกลัวอะไรในเมื่อแกเป็นผีอยู่แล้ว ผีกลัวผีมีด้วยอย่างนั้นเหรอ”อลัน ตะโกนตอบกลับไป พร้อมโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำ

“เรื่องของผู้ชาย แกเป็นผีอยู่เฉยๆ เข้าใจไหมไอ้น้องชาย”

ดวงวิญญาณของเจตน์ยกมือขึ้นเกาศีรษะกับคำพูดของพี่ชายเขา มันทำให้ดวงวิญญาณที่เพิ่งตายใหม่ๆของเขาทำอะไรไม่ถูกเลย

“แล้วเราไม่ใช่ผู้ชายตรงไหนวะ ถึงไปด้วยไม่ได้ก็แค่เป็นผี พี่อลันทำไมพูดอะไรให้เข้าใจยากจริงๆ เลย ไม่ให้ตามไปก็ไม่ไปหรอก แต่เรื่องอะไรเราจะต้องอยู่บ้านคนเดียวด้วยวะ”เจตน์ บ่นพึมพำพร้อมค่อยๆ เลือนหายไปจากห้องนอนใหญ่ของ อลัน

โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ภายในโรงแรมสุดหรู ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณชั้นบนสุดมองเห็นสายน้ำใหญ่ที่ไหลผ่านกรุงเทพมหานครลมเย็นๆพาดผ่านมาเบาๆ ในช่วงพลบค่ำ รมรื่นเย็นสบายผ่อนคลายกับผู้มาเยือน และมารับประทานอาหารได้ดีมากทีเดียว โต๊ะอาหารของโรงแรม จัดวางเรียงรายไว้อย่างสวยงาม เป็นมุมที่มองเห็นทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาได้เป็นอย่างดี

ดวงตาสีนิลคมกล้า กำลังทอดสายตาชมทัศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยความสำราญใจ เขาชอบทุกอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของความเป็นไทย แม้อลัน แอนเดอร์สัน จะเติบใหญ่และใช้วิถีชีวิตทั้งชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกามาโดยตลอดแต่เขากลับไม่เคยคิดว่าประเทศนั้นคือบ้านของเขาเลย ตรงกันข้ามเพียงแค่บินมาถึงแผ่นดินไทยและเพิ่งจะอยู่พำนักในเมืองไทยยังมาถึง 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ชายหนุ่มกลับคิดว่า ที่นี่คือบ้านของเขาที่แท้จริง และรู้สึกอย่างไรบอกไม่ถูกที่พาตัวเองมาชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งๆ ที่ไม่เคยมาเลย แต่อะไรสักอย่างดลใจให้เขามา

นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่ม กำลังวนปากแก้วไวน์ด้วยความเพลิดเพลิน หนุ่มหล่อนั่งกินลมชมวิวจิบไวน์ด้วยความเพลิดเพลินเจริญใจอย่างยิ่งยวด ท่ามกลางเสียงเพลงขับกล่อมดนตรีทำนองแนวแจ๊ส ซึ่งโรงแรมนำเสนอให้แขกผู้มาเยือนได้ยินได้ฟัง ท่ามกลางเสียงเพลงขับกล่อมทำนองแจ๊ส บรรเลงมาอย่างยาวนานก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียงดนตรีไทย เสียงดนตรีไทยเล่นสดไม่ได้เปิดเทปซะด้วย ทำให้อลันหันกลับมาพิจารณาวงดนตรีไทยที่กำลังบรรเลงโหมโรงขึ้นมาทันที

“โรงแรมนี้มีวงดนตรีไทยมาเล่นสดด้วยเหรอ มิยักกะรู้”ชายหนุ่มรำพึงพร้อมทอดสายตามองเข้าไปภายในโรงแรมบริเวณที่เป็นลานวงดนตรีของเพลงแจ๊ส ทันใดนั้นเอง

ดวงตาสีนิลกาฬค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น เมื่อสองตาของเขามองเห็นพื้นที่ที่เขานั่งอยู่ในขณะนี้ กลับกลายเป็นพื้นที่โล่งกว้าง ท่ามกลางหญ้าเขียวขจี มีลานพิธีและมีดนตรีไทยกำลังขับกล่อมผู้คน ทว่าเหตุใดเล่าผู้คนที่กำลังเดินขวักไขว่อยู่ในขณะนี้ จึงแต่งกายดั่งเช่นคนไทยสมัยโบราณ ทั้งชายและหญิงต่างนุ่งโจงกระเบน ห่มสไบ ด้วยผ้าหลากสีสันมากมาย

ท่ามกลางผู้คนที่แต่งกายโบราณกำลังเดินขวักไขว่ อยู่ใกล้ริมแม่น้ำราวกับว่ามีงานสำคัญอะไรบางอย่าง และมีหญิงสาวร่างหนึ่งกำลังเดินตรงมาที่อลันกำลังนั่งอยู่ และมีคนเดินตามหลังเป็นผู้หญิงอีกสองคน ร่างสูงโปร่งงามระหง แลอรชรอ้อนแอ่นพิไลพรรณเป็นอย่างยิ่ง เครื่องแต่งกายเฉิดฉายแลดูสูงส่งด้วยยศศักดิ์ยิ่งนัก เครื่องประดับทั่วเรือนกายล้วนวิจิตรและสูงค่า ร่างระหงค่อยๆ ก้าวเดินตรงมาหาเขาอย่างช้าๆ จนกระทั่งหยุดยืนตรงหน้าเขาก่อนจะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหญ้า ซึ่งระยะห่างการนั่งของเธอกับอลัน อยู่ใกล้กันชนิดที่ว่าลมหายใจเป่ารดต้นคอ พร้อมเสียงบริวารที่ตามมาด้วยเอ่ยขึ้นทางด้านหลัง เมื่อนางทั้งสองทรุดตัวลงนั่งพับเพียบพร้อมยื่นบางสิ่งให้

“ท่านหญิงเพค่ะ”บริวารหญิงอายุราว 50 ปีเศษเอ่ยพร้อมยื่นกระทงที่ทำจากใบตอง ซึ่งทำอย่างปราณีตวิจิตรบรรจงยิ่งนักอย่างที่ไม่เคยพบเห็นที่ใดมาก่อน

มือเรียวของโฉมงามผู้สูงศักดิ์ รับกระทงที่ทำอย่างวิจิตรมาจากบริวารมาถือเอาไว้ พร้อมรับโคมไฟจากบริวารเพื่อจะนำมาจุดธูปเทียนซึ่งปักอยู่ในกระทง มือเรียวสวยประดับด้วยแหวนทองคำโบราณสุดวิจิตร เธอค่อยๆ วางบางอย่างลงบนกระทงใบน้อย อลันพยายามเพ่งมองใบหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาในระยะลมหายใจเป่ารดต้นคอ เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขากำลังเห็นอยู่ในขณะนี้คืออะไร ภาพหลอนลวงตาหรือมันคือเรื่องจริง

และทันทีที่หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ จุดธูปและเทียนแสงสว่างทำให้เขามองเห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ซึ่งอยู่ตรงหน้าเขา และนั่นทำให้เขาถึงกับหยุดลมหายใจของตัวเองเมื่อได้พิศใบหน้างามของหญิงสาวผู้สูงศักดิ์เต็มสองตา ทั่วเรือนกายชาวาบไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับเขา

ใบหน้างามที่มีเครื่องหน้าครบสูตรของความงามของหญิงไทย หากแต่เธองามล้ำยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นคิ้วที่เรียงตัวกันเป็นแนวโค้งได้รูปสวยรับกับใบหน้า จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาหวานกลมโตภายใต้ขนตางามงอนเป็นแพยาว รูปหน้าเรียว ปากหยักเป็นกะจับสีชมพูระเรื่อ พวงแก้มแดงสุกปลั่งเป็นสีเลือดฝาดของวัยสาว เธอคือหญิงงามที่มีรูปโฉมรัญจวนใจอย่างยิ่งและนี่หรือโฉมหน้าของหญิงสมัยโบราณ แต่หน้าตาไม่โบราณแม้แต่น้อยตรงกันข้ามงดงามมากจนสาวสมัยใหม่ยังต้องอายเพราะเธองามไร้สิ้นการปรุงแต่งและไร้ศัลยกรรมอย่างสิ้นเชิง อลันหัวใจหยุดเต้นไปชั่วครู่ก่อนจะเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ เมื่อได้เห็นรูปโฉมของหญิงสาวตรงหน้า

“ผู้หญิงคนนี้เหมือนคนที่อยู่ในรูปถ่ายที่เราเก็บได้!”อลัน รำพึงอยู่ภายในใจ ก่อนจะได้ยินเสียงหวานของเธอเอ่ยขึ้นให้เขาได้ยินเป็นครั้งแรกในชีวิต เมื่อเธอกำลังตั้งจิตอธิษฐาน

“ลูกขอกราบสักการระบูชาพระแม่คงคา อันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ดูแลผืนน้ำอันยิ่งใหญ่และบันดาลความอุดมสมบูรณ์ให้แก่แผ่นดินสยามให้อุดมสมบูรณ์มาเป็นเวลาช้านาน ลูกขอกราบพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระแม่คงคาด้วยเครื่องสักการะบูชาซึ่งจัดเตรียมถวายให้แก่พระแม่ ขอพระแม่คงคาบันดาลความอุดมสมบูรณ์ให้แก่สยามประเทศตราบนานเท่านาน ไม่ว่าเกิดภพชาติใดขอให้ลูกได้เกิดบนผืนแผ่นดินสยามประเทศ และหากแม้นในภพชาติใดลูกต้องพานพบคู่ครองที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ก็ขอให้พานพบคู่แท้ที่ร่วมกันสะสมบุญบารมีมาทุกภพทุกชาติ อย่าได้พานพบคู่เวรคู่กรรมให้มีวิบากกรรมต่อกัน หากแม้นในภพชาติใดลูกได้พานพบคู่แท้ ก็ขอให้จดจำกันได้ซึ่งกันและกันด้วยเทอญ”

สิ้นคำกล่าวอธิษฐาน เกิดลมพัดผ่านขึ้นมาทันที ราวกับว่าได้รับรู้คำอธิษฐานของหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ กระทงวิจิตรใบน้อยค่อยๆ นำลงในน้ำพร้อมๆ กับสายตาของอลันมองตามกระทงใบนั้นโดยไม่คลาดสายตา และสิ่งที่อยู่ในกระทงทำให้ดวงตาสีนิลของชายหนุ่ม เบิกกว้างขึ้นมาทันที

“ภายถ่ายขาวดำของหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ในชุดไทยโบราณ อยู่ในกระทง ตรงมุมของภาพถ่ายเขียนบางอย่างไว้ และเมื่อชายหนุ่มได้เห็นข้อความตรงมุมของภาพถ่าย อลันหลุดปากออกมาทันที

“มณีภัสสร!”ชายหนุ่มอ่านข้อความที่อยู่บนภาพถ่ายนั้น และทันทีที่เขาอ่านข้อความบนภาพที่ละม้ายคล้ายชื่อเรียก หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ หยุดชะงักทันทีราวกับว่าเธอนั้นก็ได้ยินเสียงของอลัน

“ผู้ใดเรียกชื่อของเรากระนั้นรึ เหตุใดจึงเรียกชื่อของเราเฉยๆ เช่นนี้ได้”เสียงหวานของหญิงผู้สูงศักดิ์เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย พร้อมขยับร่างของพระองค์จนทะลุร่างของอลันที่กำลังนั่งมองด้วยความตื่นตะลึงนั้นทันที

“พรึ่บ!”ร่างของหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ หายวับไปกับตา ร่างของโฉมงามผู้สูงศักดิ์เลือนหายไปทันทีพร้อมบรรยากาศรอบด้านราวกับว่าเคยบังเกิดขึ้นในสมัย 100 กว่าปีก่อน เลือนหายลับไปเช่นกัน

เสียงบรรเลงเพลงแจ๊สของโรงแรมยังคงบรรเลงขับกล่อมให้ความสำราญกับบรรดาแขกที่เข้ามารับประทานอาหารและชมบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยาในเวลาค่ำกันอย่างเนืองแน่น ในขณะที่อลัน กำลังอยู่ในภาวะตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อครู่ที่ผ่านมา ดวงตาสีนิลค่อยๆ สำรวจไปทั่วบริเวณของโรงแรม

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเรา ทำไมเราถึงเห็นภาพผู้คนในสมัยก่อน ผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงในภาพถ่ายขาวดำที่เราเก็บได้มีตัวตนเมื่อร้อยกว่าปีก่อนอย่างนั้นเหรอ ความฝันหรือความจริงกันแน่วะหรือว่าเราเมาไวน์ แต่ไม่ใช่สิแทบจะไม่ได้แตะเลย เรามีปัญหาทางด้านประสาทกับสายตาหรือเปล่า หรือตั้งแต่เราสัมผัสกับเจตน์ได้ก็เลยเห็นผีได้ทุกที่อย่างนั้นเหรอ มันจะใช่เหรอ!”อลัน รำพึงรำพันอยู่เพียงลำพัง พร้อมยกแก้วไวน์กระดกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว เพื่อขับไล่ภาพหลอนออกจากความทรงจำของเขา

“นี่เราเห็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้เห็นอะไรแปลกๆ แบบนี้ เฮ้ย! หรือผีหลอก!”อลัน โวยวายขึ้นมาทันทีและเสียงโวยวายของเขาทำให้สายตาทุกคู่ ที่กำลังนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ภายในบริเวณนั้นหันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน

“เออ...เออ..เอาเข้าแล้ว ใครๆ ก็พากันมอง อยู่ไม่ได้แล้วเดี๋ยวจะถูกเหมาว่าเราบ้า”ชายหนุ่มรำพึงในใจพร้อมรีบลุกขึ้นจากโต๊ะที่เขานั่ง ก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ร่างสูงใหญ่ของหนุ่มหล่อมาดแมน ในชุดสูทลำลองราคาแพงลิบเดินผ่านผู้คนที่กำลังรับประทานอาหาร สายตาของทุกคู่จ้องมองเขาไม่วางตา เมื่อทุกคนต่างมองเห็นเหมือนกันหมดจนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา

“ผู้ชายก็หล่อมาก ผู้หญิงก็สวยไม่มีที่ติ เขาสมกันมากเลยนะคู่นี้ ทำบุญด้วยอะไรหนอถึงได้เกิดมาสวยหล่อสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ว่าแต่ผู้หญิงเขามางานเลี้ยงที่ต้องแต่ชุดไทยเหรอ ถึงได้แต่งชุดไทยโบราณอลังการงานสร้างซะขนาดนั้นเชียว

“คงจะมีงานประกวดการแต่งกายชุดไทยสมัยโบราณกระมัง แหมดูผ้าสิ ลวดลายฝีมือการทอเหลืองอร่ามไปหมดยังกับทอทองคำลงบนผ้าเลยว่าไหม”

“เออ.ใช่คิดเห็นเหมือนกันเลย ไม่ต้องประกวดก็ได้รางวัลชนะเลิศไปเลย แหมแต่งกายห่มผ้าไทยโบราณ งดงามมาก ผู้หญิงสมัยโบราณถ้าสวยขนาดนี้ เขาเรียกว่านางสวรรค์เลยล่ะเธอ””เสียงผู้คนต่างเอ่ยชมกันเอ็ดอึง

บรรดาแขกที่เข้ามารับประทานอาหาร ต่างมองเห็นอลัน แอนเดอร์สัน ควงคู่มากับหญิงสาวโฉมสะคราญน่าหลงใหลเป็นที่สุด ร่างระหงกำลังเดินตามหลังเขาไปติดๆ โฉมงามผู้สูงศักดิ์ก้าวเดินพร้อมรอยยิ้มหวานที่แสนตรึงใจ ร่างระหงก้าวเดินตามหลังชายหนุ่มไปทุกฝีก้าว

สิ่งที่มหาเศรษฐีหนุ่มได้ประสบเหตุการณ์คืออะไรกันแน่! ภาพลวงตา ผี จิตวิญญาณ เหตุการณ์ในอดีตเมื่อ 100 กว่าปีก่อน เหตุใดจึงย้อนกลับมาให้ชายหนุ่มได้เห็น และสิ่งที่เขาเห็นมันเกี่ยวพันกับอลันโดยตรงหรือทางอ้อม หญิงสาวสวมชุดโบราณท่าทางแลดูสูงศักดิ์มีความเกี่ยวพันกับเขาหรือไร ใครจะให้คำตอบกับเขาเรื่องนี้ได้



มณีภัสสร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ค. 2558, 01:40:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ค. 2558, 15:05:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 742





<< ตอนที่ 4 ภาพถ่ายโบราณ   ตอนที่ 6 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account