พันธะรักจอมเถื่อน
ความทรงจำที่หายไปหลังจากประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากเรือ

ทำให้ ‘อรอาภา’ นักออกแบบเครื่องประดับสาวที่กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูง

ลืมเลือนไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่ว่าตน ‘แต่งงาน’ และมี ‘สามี’ แล้ว

มิหนำซ้ำ ผู้ชายคนนั้นยังรักใคร่และดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี

จนกระทั่งหญิงสาวตายใจ ยอม ‘ทำหน้าที่เมีย’ ให้แก่เขาอย่างเต็มที่ ทุกวันและทุกคืน

แม้จะแปลกใจที่ ‘ร่างกายเธอ’...

ดูจะไม่คุ้นเคยกับการกอดรัดฟัดเหวี่ยงอันเร่าร้อนของเขาแม้แต่น้อย

หากไม่นานความจริงก็เริ่มปรากฏ...

ว่าคนที่เธอได้ ‘ทำความรู้จัก’ กันมาแล้วอย่างลึกซึ้งและถึงพริกถึงขิง 

แท้ที่จริงเป็นซาตานจอมขี้โกง เชื่อใจไม่ได้ ที่หวังล่อลวง 

และใช้ความโชคร้ายของเธอเป็นเครื่องมือบำเรอความสุขเพียงเท่านั้น!

ไม่มีใครล่วงรู้ว่าทำไม... ผู้ชายระดับ ‘ฟาเบียโน่ ลูอิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า’ 

นักธุรกิจมหาเศรษฐี เจ้าของเหมืองเพชรและทองแหล่งใหญ่ของประเทศบราซิล

จึงไม่รีรอที่จะสอนจังหวะร่างกายอันกระแทกกระทั้นเร้าใจอย่างหนุ่มละตินให้แก่เธอ

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้...  ถ้าคิดจะให้เขาชายตามองผู้หญิงแพศยา

ให้กินเศษเดนความสาวที่ผ่านมือชายมาเป็นร้อยน่ะหรือ... อย่าฝันไปเลย!

แต่เพราะอะไร ‘ความลับนั้น’ คงมีแต่เขาคนเดียวที่รู้...

และฟาเบียโน่ก็จะเก็บมันเอาไว้ ‘อย่างมิดชิด’ ให้เป็นปริศนา 

เช่นเดียวกับที่เขาตั้งใจจะหน่วงเหนี่ยวเธอเอาไว้เป็นทาสบำเรอบนเตียงตลอดกาล

“ตายจริงเฟลิกซ์!! คุณได้แผลกลับมาด้วย ขอฉันดูหน่อยสิคะ”

อรอาภาตกใจพลางดึงใบหน้าที่ซบลงตรงหว่างอกของตัวเองออกมาอย่างยากลำบาก

หากแต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าตัวแม้แต่น้อย

ปากและจมูกของฟาเบียโน่ระดมจูบไปทั่วอกอวบทั้งสองข้าง

สูดกลิ่นหอมยวนใจที่ฝันหามาแสนนานเข้าเต็มปอด

“อื้อ... ดะ...เดี๋ยว เฟลิกซ์! ฉันอยากดูแผลให้คุณก่อน อื้อ...”

“แผลแค่นี้ไม่ทำให้ผมตายหรอกเมียจ๋า... 

ถ้าจะตายก็คงตายเพราะไม่ได้รักคุณมากกว่า”

ฟาเบียโน่พูดอู้อี้กับอกอิ่มพร้อมออกแรงรัดเอวคอด

ลอยขึ้นด้วยแขนทรงพลังเพียงข้างเดียว
Tags: ฟาเบียโน่ - อรอาภา

ตอน: ตอนที่ 7 100%

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาอรอาภาถามคำถามมากมายที่ตนสงสัย อยากรู้กับฟาเบียโน่จนเข้าใจความเป็นมาของตัวเองตามคำบอกเล่าของเขาแบบมึนๆ เธอเป็นเด็กกำพร้าไม่มีญาติพี่น้อง ทำงานออกแบบเครื่องประดับให้กับบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองไทย แสดงว่าต้องมีเพื่อนสนิทมีร่วมงานแต่เขาก็หน้าตึงขึ้นมาเมื่อเธอถามละเอียดลึกลงไป พอจะอ้าปากเปลี่ยนคำถามใหม่เขาก็ชิงตอบตัดหน้าเอาดื้อๆว่า

‘ผมรู้จักแค่ตัวคุณเท่านั้นแหละ จิงเจอร์ คุณคือคนที่ผมจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องไปค้นหารายละเอียดที่คุณถามมาเพราะผมไม่ได้เอาคนเหล่านั้นมาใช้ชีวิตด้วย พวกเขาจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร รู้จักกับคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมผมต้องไปสนใจเรื่องแค่นั้นด้วย ผมเข้าใจนะว่าคุณอยากจำเรื่องราวที่ผ่านมาให้ได้แต่บางทีผมก็มีเรื่องต้องคิด แล้วผมก็ไม่เคยสนใจด้วยว่าที่ผ่านมาคุณจะเป็นยังไง ผมตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่กับคุณเพราะตัวคุณเอง ไม่ใช่ว่าเพราะคุณเป็นใครมาจากไหน เข้าใจไหมจิงเจอร์ ผมตอบคุณได้เท่าที่ผมรู้ พอผมตอบไม่ได้คุณก็ตั้งคำถามใหม่กับผม ในใจคุณตอนนี้ก็ต้องคิดว่าผมไม่ให้ความร่วมมือกับคุณ ทำไมไม่เริ่มเรียนรู้ตัวเองจากปัจจุบัน เรียนรู้จากสถานะที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ เป็นเมียของฟาเบียโน่คนนี้ล่ะ?’

อรอาภามองสามีที่มีสีหน้าจริงจัง พูดย้ำเรื่องทั้งหมดด้วยเสียงแข็ง ในใจหญิงสาวกระตุกวาบเพราะรู้สึกตัวเองขึ้นมาได้ทันทีว่าตัวเองทำตัวน่าเบื่ออีกแล้ว และสิ่งที่เขาพูดมายืดยาวนี้มันก็ถูกต้องทุกอย่าง

‘สรุปก็คืออย่าไปกดดันตัวเองมาก ปล่อยจิตใจให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ สักวันไม่ช้าก็เร็วคุณก็ต้องจำเรื่องราวทั้งหมดได้อยู่แล้ว คุณบอกเองว่าไม่อยากให้ผมกลับไปเป็นหุ่นยนต์ เป็นคนแปลกหน้าที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเดียวกัน เพราะฉะนั้นหากคุณหยุดคำถามมากมายกับผมได้ ผมก็จะไม่เป็นแบบนั้นอีก โอเคมั้ย??’ ฟาเบียโน่ต่อรอง ยกเอาเรื่องที่เธอไม่อยากได้เห็นท่าทางของตนเองแบบนั้นขึ้นมาขู่เธอเพราะกลัวว่าถ้าต้องสร้างเรื่องโกหกบ้างจริงบ้างมาตอบคำถามของเธออยู่แบบนี้ ซักวันเขานั่นแหละที่จะต้องประสาทเสียไปก่อนเธอ

อรอาภาพลางพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมด จริงสินะ! เธอกับเขาต่างก็เพิ่งมาพบกัน เกิดและเติบโตมาจากคนละซีกโลก เขาก็คงจะรู้เรื่องราวชีวิตของเธอจากปากเธอเอง มันคงลำบากใจไม่น้อยที่จะตอบคำถามที่ตัวเองไม่รู้ เธอมัวแต่คิดถึงแต่ตัวเองไม่เคยคิดที่จะเรียนรู้จากปัจจุบันอย่างที่เขาว่ามา ไม่เคยได้ถามเกี่ยวกับครอบครัวของเขาด้วยซ้ำ!!

ฟาเบียโน่ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อได้รับคำขอโทษและรอยยิ้มหวานละมุนของเธอ ในใจหวังว่าคงไม่ต้องลำบากใจกับคำถามมากมายของเธออีกแล้ว แต่อีกใจก็อดรู้สึกผิดต่อเธอไม่ได้ที่ต้องกดดันเธอจนมาถึงสุดขอบตรงนี้ มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจว่าเธอรู้สึกอึดอัดใจเพียงไรแต่ก็ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาให้มันดีกว่านี้ได้ยังไง เวลาเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น บางทีการให้เธอเคยชินกับความคิดที่ว่าเธอคือเมียของเขามันอาจจะทำให้เรื่องกระทบจิตใจในอดีตของเธอ คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นก็ได้


หลังจากที่เปิดใจพูดคุยกันตั้งแต่เมื่อวานนี้ ฟาเบียโน่ก็สังเกตุได้ว่าอรอาภามีท่าทางที่สบายๆขึ้น รู้สึกว่าเธอใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างไม่ร้อนรน เธอยังบ่นกระปอกกระแปดว่าเบื่อที่จะคุยกับจิตแพทย์แล้วเพราะคำถามที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองใกล้เคียงกับคนบ้าเข้าไปทุกที สุดท้ายสิ่งที่ทำให้ฟาเบียโน่ยิ้มออกก็คือท่าทางออดอ้อนของเธอที่มาบอกเขาว่าเธอแข็งแรงดี ไม่ต้องให้จิตแพทย์มาคุยกับเธอที่บ้านทุกวันแบบนี้อีกแล้ว

ผลก็คือฟาเบียโน่ตอบรับคำของเธอง่ายดาย ก็ใครมันจะไปใจแข็งกับท่าทีน่ารัก น่าชังของคนตัวนุ่มนิ่มอย่างเธอได้กันเล่า!! พ่อค้าเพชรชื่อก้องโลกส่ายหน้าให้กับความใจง่าย ใจอ่อนของตัวเองที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แต่พอมาเจอแม่ปีศาจน้อยนี่หว่านเสน่ห์เข้าหน่อยเขาก็แทบจะละลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟแล้ว

ตอนบ่ายของวันฟาเบียโน่พาอรอาภามาเธอไปตรวจร่างกายซ้ำอีกครั้งที่โรงพยาบาล แพทย์ใช้เวลาตรวจร่างกายเธอราวชั่วโมงกว่า ทั้งคู่จึงเข้ามาฟังผลการตรวจที่เป็นปกติดีทุกอย่าง คำแนะนำสำหรับการปฏิบัติตัวในการฟื้นความทรงจำ ตามด้วยการกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นในร่างกายของเธอเองอีกยาวเหยียดถึงห้าหน้ากระดาษ อรอาภาตอบแบบสอบถามนั้นอย่างเบื่อหน่าย!! ก่อนจะกลับบ้านยังต้องเซ็นเอกสารปึกหนาที่เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เธอยังไม่ได้เซ็น! อรอาภาจรดปากกาเซ็นชื่อของตัวเองลงโดยไม่มีกระจิตกะใจที่จะอ่านเพราะตอนนี้เธอเบื่อโรงพยาบาล อยากกลับบ้านเต็มที

ฟาเบียโน่ได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า เดินตามร่างอ้อนแอ้นที่เดินตัวปลิวไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้าโรงพยาบาล อยู่บนรถแม่ตัวดีก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันทีทำเหมือนกับว่าจากบ้านมานานเป็นปีทั้งที่เพิ่งจากมาได้ไม่ถึงสามชั่วโมง


ช่วงเวลาส่วนมากของอรอาภาก็หมดไปกับการอ่านหนังสือมากมายที่อยู่ในห้องหนังสือของฟาเบียโน่ หนังสือท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศไทยและในแถบเอเชียเพราะมั่นใจว่ามันเป็นวิธีที่ทำให้ความจำที่เลือนหายกลับคืนมาได้ในเร็ววัน จากนั้นก็ออกมารับประทานอาหารกลางวัน แล้วก็มาหมกตัวอยู่ในห้องหนังสือต่ออีกสองชั่วโมง จึงออกมาเตรียมอาหารเย็นรอสามี

ทุกวันที่เห็นฟาเบียโน่เดินกลับเข้ามาในบ้านหลังเลิกงาน อรอาภาจะรู้สึกดีเสมอ รู้สึกเหมือนกับเป็นสิ่งเดียวที่เธอรอคอยแล้วไม่รู้สึกว่ามันเสียเวลาเปล่าเหมือนการอ่านหนังสือแล้วยังไม่สามารถจำอะไรได้ หลังอาหารเย็นทุกวันก็จะพากันออกมาเดินย่อยอาหาร รับลมทะเล จบลงที่การพูดคุยซักถามเกี่ยวกับชีวิตประจำวันบนเตียงนอนนุ่มที่ฝ่ายสามียังให้เกียรติภรรยาความจำเสื่อม ไม่ได้ล่วงเกินเธอเลยแม้แต่น้อย รุ่งเช้าระหว่างที่รอเขาอาบน้ำบางครั้งหญิงสาวก็เตรียมเสื้อผ้าให้เขาและคอยผูกเนคไทให้อยู่มาหลายวันแล้ว อรอาภาอมยิ้มกับความสัมพันธ์อันดีที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์เหล่านี้มันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นระหว่างกันอยู่แล้ว เพียงแค่สะดุดลงเพราะเธอความจำเสื่อมเท่านั้นเอง


อรอาภาอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อคิดถึงเรื่องตอนเช้า เมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองได้ทำเรื่องน่าอายเพราะเป็นฝ่ายนอนกอดเขาไว้ทั้งตัวเสียเองโดยที่เขาลืมตาจ้องมองเธออย่าล้อเลียน เป็นฝ่ายนอนนิ่งให้เธอกอด พอเธอรู้ตัวรีบชักมือและขาออกจากตัวเขาก็เรียกเสียงหัวเราะอย่างถูกใจพร้อมกดจูบหนักๆที่แก้มของเธอทั้งสองข้าง เดินเข้าห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี

หญิงสาวนั่งคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วในสัปดาห์อยู่ริมสระว่ายน้ำที่มองออกไปเห็นชายหาดกว้างไกลตรงหน้า การปล่อยตัวปล่อยใจให้สบายๆอย่างที่เขาว่ามันทำให้เวลาที่ผ่านไปไม่น่าเบื่อ ไม่รู้สึกว่าหงุดหงิดเหมือนที่ผ่านมา อีกทั้งความสัมพันธ์ของเธอและเขาก็ดีขึ้นอย่างที่ไม่คาดคิดอีกด้วย หญิงสาวอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเองจนไม่รู้ตัวว่าฟาเบียโน่ได้กลับมาถึงบ้านแล้ว

ฟาเบียโน่แปลกใจมากที่วันนี้แม่ปีศาจตัวน้อยไม่มารอรับเขากลับจากทำงาน เขาเลยยังไม่ได้จูบแก้มหอมๆของเธอ ที่แท้เธอก็มานั่งทอดอารมณ์อยู่ก้าวอี้เอนริมสระว่ายน้ำนี่เอง

“คะ?” อรอาภาแหนหน้าขึ้นมองคนที่เอาซองเอกสารสีน้ำตาลมายื่นไว้ตรงหน้าตัวเอง เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบก็เลยหยิบซองนั่นจากมือของเขามาเปิดดูเสียเอง

ฟาเบียโน่มองมือเล็กๆขาวๆเปิดซองเอกสารออกมาดูอย่างพินิจพิจารณา รอยยิ้มที่ตื่นเต้นดีใจของเธอที่ปรากฏบนใบหน้านั้น มันทำให้เขาลืมสิ้นถึงความกังวลในช่วงเวลาที่คิดหายหนทางเอาทะเบียนสมรสมาให้เธอดูด้วยวิธีไหน? รอยยิ้มนั้นมันคุ้มค่า มันหวานซาบซ่านไปทั้งหัวใจและไม่คิดว่าเธอจะดีใจถึงเพียงนี้ มันเป็นแค่กระดาษใบหนึ่งที่ผูกมัดแค่ชื่อของคนสองคนเข้าไว้ด้วยกันเท่านั้น มันไม่ได้มีค่าความหมายใดเลยถ้าสองคนนั่นไม่ได้มีความรักต่อกัน แต่เธอทำราวกับเห็นเพชรโฮปอยู่ในมืออย่างกับมันคือของล้ำค่าที่เธอตามหามานาน

“คุณคือสามีของฉัน ฉันจะรักษาสถานะภาพนี้ของเราไว้ให้ดีที่สุดค่ะ” อรอาภาบอกพร้อมกับสอดใบทะเบียนสมรสกลับเข้าไปในซองสีน้ำตาลดังเดิม กอดไว้แนบอกของตนเอง “ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ”

สองสามีภรรยาเดินเคียงข้างกันกลับเข้าตัวบ้าน อรอาภาใช้แขนข้างหนึ่งโอบสะโพกสอบไว้หลวมๆ ไม่นานนักแขนแข็งแรงของฟาเบียโน่ก็โอบรอบไหล่บอบบางเอาไว้ ส่งผลให้อรอาภาแหนหน้าขึ้นยิ้มแบบที่ทำให้หัวใจของเขาละลายแทนคำขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เขาทำให้

ดีเกาและอิบันที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ถึงกับหันมามองหน้ากัน

“สงสัยเซญอร์จะตกหลุมรักลูกตัวเองแล้วล่ะพี่” อิบันเปรยขึ้นมา

“แกก็พูดซะเซญอร์เสียหาย ลูกบุญธรรมโว้ย!... แล้วท่านก็ไม่ได้แก่ขนาดที่เซญอร่าจิงเจอร์จะเป็นลูกได้สักหน่อย” ดีเกาแก้ตัวแทนเจ้านายเป็นพัลวัน

“รู้แล้วน่าแค่แซวเล่นๆ ความจริงฉันดีใจมากกว่าที่เซญอร่าของโอลีเวย์ร่าจะไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่คุ้นเคยกันมานาน ตอนที่ได้ยินว่าเซญอร์ฟาเบียโน่จะจดทะเบียนสมรสฉันยังตกใจกว่าที่รู้ว่าหุ้นโอลีเวย์ร่าตกซะอีก แต่พอเห็นท่านเซ็นชื่อแบบที่ไม่ได้รีรอ แถมยังใช้เล่ห์เหลี่ยมวางแผงให้เซญอร่าจิงเจอร์เซ็นชื่อพร้อมกับเอกสารในโรงพยาบาล ก็มั่นใจแล้วว่าท่านตกหลุมรักเซญอร่าจิงเจอร์จริงๆ แต่ปากแข็ง!!”

ดีเกายิ้มและเห็นด้วยกับคำพูดของน้องชาย “แต่เรื่องที่น่าเป็นห่วงคือ ถ้าเซญอร่าจิงเจอร์ฟื้นความจำได้เมื่อไหร่ วันนั้นแหละที่ท่านต้องเจอกับเรื่องปวดหัว”

“ทางออกมันก็มีนะ แล้วฉันก็คิดว่าท่านรู้อยู่แล้วด้วยถึงได้ทำแบบนี้”

“อะไรวะ??” ดีเกาผู้ชายที่ไร้ความรู้สึกในเรื่องผู้หญิงถามน้องชาย

“ก็ทำให้เซญอร่าจิงเจอร์รักจริงๆ จัดพิธีวิวาห์ มีลูกด้วยกันได้ยิ่งดีก่อนที่เซญอร่าจิงเจอร์จะจำอะไรๆ ได้น่ะสิ!!” อิบันบอกพร้อมกับเดินจากตรงนั้นมา ทิ้งให้พี่ชายทึ่งกับความคิดของน้องชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้นักหนา แต่เมื่อขบคิดแล้วก็เห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น


คิงส์ ออฟ เจมส์

สัปดาห์ต่อมาฟาเบียโน่กำลังอ่านข้อมูลของแอลอินเวสเมนต์ ที่มีดีเอโก้ เปไรย์ร่า ชายชาวอาร์เจนไตย์เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่ ชายผู้นี้เริ่มจากการเป็นโปรเกอร์ในตลาดหลักทรัพย์ธรรมดาๆ แต่ที่ไม่ธรรมาดาคือมันสมองอันชาญฉลาด เขาสามารถสร้างกำไรให้กับกลุ่มลูกค้าวัยปลดเกษียณได้เป็นกอบเป็นกำ มีความซื่อสัตย์ที่หาได้ยากจากโบรเกอร์ทั่วไป ภายในเวลาเพียงสี่ปีเขาก็สามารถจดทะเบียนตั้งแอลอินเวสเมนต์ ขึ้นมาได้ ลูกค้าที่มีอายุมากกว่าห้าสิบปีขึ้นไปให้ความเชื่อถือเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทของเขาเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และอีกห้าปีต่อมาเขาก็สามารถพาบริษัทของตนเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ของอาร์เจนตินาได้ ธนาคารสองแห่งในอาร์เจนตินาปล่อยสินเชื่อให้เขาในระยะเวลาสามปีที่แล้วและเขาใช้หนี้หมดก่อนกำหนดที่ทำสัญญาไว้กับธนาคาร

ดีเอโก้ เปไรย์ร่า จึงขยายตลาดมาประเทศใกล้เคียงที่มีฐานลูกค้าที่กว้างใหญ่มากขึ้นอย่างบราซิล เพียงแค่หกเดือนที่เขาเปิดแคมเปญโกลด์ฟิวเจอร์กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของเขา การตอบรับที่ถล่มทลายของลูกค้า เขาได้รับความไว้วางใจให้ดูแลเรื่องการลงทุนและทองคำซึ่งมีราคาผันผวนเป็นอย่างมาก กำไรที่เห็นเป็นกอบเป็นกำแม้ไม่ได้มากมาย หวือหวาแต่ทว่าทุกครั้งที่ลงทุนก็มั่นใจได้ว่าจะไม่เฉือนเนื้อของนักลงทุนมือสมัครเล่นแน่นอน

นักลงทุนมือสมัครเล่นมั่นใจที่จะลงทุนกับแอลอินเวสเมนต์ มากกว่าลงทุนกับธนาคารพานิชย์เสียอีก นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ เอเอฟแบงค์ ธนาคารยักษ์ใหญ่ในบราซิลที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่รัฐเซาเปาโลปล่อยสินเชื่อจำนวนมหาศาลให้กับแอลอินเวสเมนต์

“ดีเอโก้ เปไรย์ร่า คนนี้น่าสนใจดีนะ ถ้าเขาเริ่มจากโบรเกอร์ธรรมดาๆจริงก็ถือว่าเขาฉลาดเป็นกรดเลยทีเดียว” ฟาเบียโน่ กวาดตาอ่านเอกสารปึกหนาที่อิบันสืบมาด้วยความรวดเร็วและสามารถจับใจความสำคัญได้อย่างดีเยี่ยม นี่คือคุณสมบัติที่ฟาเบียโน่มีเหนือกว่านักธุรกิจทั่วไป

“ดูท่าว่าเขาอยากร่วมงานกับเรามากนะครับท่าน สองอาทิตย์ผ่านมาที่เรายังเงียบอยู่ เขาให้เลขาส่วนตัวโทรมาทุกวันและเมื่อเช้านี้เขาก็โทรมาด้วยตัวเองครับ” ดีเการายงาน

“หรือเขาจะรู้ว่าเราสืบประวัติของเขาอยู่?” อิบันถามเจ้านาย

“เขารู้อยู่แล้วล่ะ แต่ก็ไม่เห็นแปลกตรงไหน ประวัติน่าสนใจก็ต้องมีคนอยากรู้เป็นธรรดา” ฟาเบียโน่ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
“แล้วท่านจะให้ผมตอบดีเอโก้ ว่ายังไงครับ?” ดีเกาถาม

“บอกเขาว่าพรุ่งนี้ตอนเที่ยงฉันว่าง สถานที่ก็แล้วแต่เขา ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะเอาทองคำแท่งไปทำอะไร” ฟาเบียโน่บอกแล้วก้มหน้าลงทำงานของตัวเองต่อ


สายวันต่อมาอรอาภาแต่งตัวสวยลงมาจากชั้นบน หลังจากที่ส่งฟาเบียโน่ไปทำงานด้วยการจูบแก้มสากของเขาอย่างเช่นทุกวันแล้ว อรอาภาก็หายตัวเข้าไปในห้องแต่งตัวด้วยเดรสสั้นเหนือเข่า แขนกุดพิมพ์ลายดอกไม้เล็กทั่วทั้งตัวคาดเข็มขัดสีน้ำตาลเส้นเล็กที่เอวคอดกิ่ว แต่งหน้าบางๆ ทาปากลิปกลอสสีส้มอ่อนส่งผลให้ใบหน้าดูสว่างกระจ่างตา

หลายวันที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเธอกับสามีหนุ่มใหญ่เป็นไปด้วยดี อ่านหนังสือทุกประเภทได้อย่างมีความสุข แต่หนังสือประเภทฮาวทู กลับเป็นสิ่งเดียวที่กระตุ้นให้เธออยากออกจากบ้าน การไปเซอร์ไพร์สามีในที่ทำงานก็เป็นอีกอย่างหนึ่งของการแสดงความเป็นเจ้าของผู้ชายของคุณได้เป็นอย่างดี แต่จะต้องทำอย่างแนบเนียนไม่ให้เขารู้ตัวว่าคุณมาประกาศความเป็นเจ้าของเขาในที่ทำงาน มันเป็นการเตือนให้พวกแมลงหวี่กวนความสัมพันธ์ทั้งหลายต้องคิดหนักมากขึ้น แต่ถ้าคุณทำให้เขารู้ตัวล่ะก็ความยุ่งยากใจที่เขาจะคิดว่าคุณไม่ไว้ใจเขาจะเป็นปัญหาของคุณทันที หนังสือฮาวทูว่าไว้ว่าอย่างนั้น!!

แน่ละว่าที่ผ่านมาอรอาภาไม่เคยได้คิดถึงสาวๆแมลงหวี่แมลงวันพวกนี้เลย ก็สามีของเธอทั้งหล่อ รวย มีเซ็กส์แอพพีลสูงขนาดนี้ มันจะไม่มีใครมาตามตอแยเขาบ้างหรือยังไง?? อรอาภาอดคิดไม่ได้ วันนี้เลยต้องทำตามที่หนังสือแนะนำซักหน่อย!

“โอ้โหวันนี้เซญอร่าจิงเจอร์ดูยังกับเด็กสาวเลยค่ะ จะออกไปตอนนี้เลยใช่ไหมคะ? ดิฉันจะได้บอกให้คนขับรถเอารถมารอ” นอสซาที่เห็นเจ้านายสาวเดินลงมาจากบันไดด้วยท่าทางแจ่มใสจึงอดชื่นชมไม่ได้

“ชมอย่างนี้ก็เขินแย่สิคะ นอสซาอยากได้อะไรไหมจ๊ะ ฉันจะซื้อมาฝาก?” อรอาภาถามอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่นอสซาให้เด็กรับใช้คนหนึ่งไปบอกคนขับรถให้เอารถออกมารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว

“ไม่หรอกค่ะ เซญอร่าแน่ใจนะคะว่าจะไปคนเดียว ดิฉันว่าให้เด็กไปช่วยถือของซักคนไม่ดีกว่าเหรอคะ?” นอสซาถามอีกครั้ง เมื่อตอนก่อนขึ้นไปอาบน้ำเธอก็บอกว่าจะออกไปเดินซื้อของคนเดียว และได้รับการอนุญาตจากฟาเบียโน่แล้ว

“ฉันดูแลตัวเองได้ ขอบคุณนอสซามากที่เป็นห่วง ไปแล้วนะจ๊ะ”

นอสซามองตามร่างอ้อนแอ้นที่ก้าวขึ้นรถออกไป พร้อมถอนหายใจออกมา เธอดีใจนักที่เห็นเซญอร์ฟาเบียโน่ยิ้มง่ายขึ้น ยิ้มบ่อยขึ้นเมื่อมีเซญอร่าจิงเจอร์อยู่ใกล้ๆไม่เอางานกลับมาทำที่บ้านอีก ใช้เวลาหลังกลับจากทำงานร่วมกันเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป นอสซานั้นไม่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของอรอาภากลับอยากให้เจ้านายสาวจำเรื่องราวต่างๆได้ในเร็ววัน เพราะเธออยากเห็นพิธีวิวาห์ของเจ้านายทั้งสองเร็วๆเสียแล้ว


อรอาภาเลือกห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ห่างจากที่ทำงานของฟาเบียโน่นัก โดยใช้การพูดคุยสอบถามจากคนขับรถเล็กน้อยเท่านั้น เธอก็ได้รู้แล้วว่าที่ทำงานของสามีนั้นมีห้างสรรพสินค้าชื่อดังตั้งอยู่ไม่ไกลกันนัก

เมื่อเช้าเธอบอกฟาเบียโน่ว่าอยากเดินซื้อของใช้ส่วนตัวบ้าง เขาก็พยักหน้ารับและบอกให้เอาเด็กรับใช้มาเป็นเพื่อนสักคนสองคน แต่เธอจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรในเมื่อจุดประสงค์ที่แท้จริงคือเธอต้องการมาหาเขาที่ทำงาน การที่จะเอาคนอื่นมานั่งรออยู่ในรถเป็นนานนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เข้าท่าสักเท่าไหร่ หญิงสาวจึงบอกสามีของตนเองออกไปว่าอยากเดินเลือกซื้อของ เปิดหูเปิดตาตามลำพังมากกว่า สามีของเธอนิ่งเงียบไปพักใหญ่และหยิบเอาเครดิตการ์ดสีทองใบหนึ่งยัดใส่มือของเธอพร้อมทั้งกำชับว่าให้พบโทรศัพท์ติดตัวตลอดและดูแลตัวเองให้ดี เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนแล้ว

อรอาภาเดินดูของไปเรื่อยเปื่อยในห้างสรรพสินค้าหรู เสื้อผ้าเครื่องสำอางที่อัดแน่นอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเธอนั้นเป็นสิ่งที่ใช้ทั้งปีทั้งชาติก็ยังไม่รู้ว่าจะใช้หมดรึเปล่า หญิงสาวเดินผ่านร้านจีเวลรีที่โชว์เครื่องประดับมากมายละลานตา พร้อมทั้งหยุดดูเครื่องประดับเหล่านั้นนิ่งนาน ในความรู้สึกนั้นเธอไม่ได้อยากเป็นเจ้าของสิ่งมีค่าสวยงามเหล่านั้น แต่กำลังคิดไปถึงรูปทรงของชิ้นงานแต่ละชิ้น เหมือนกับอยากลงมือวาดรูปทั้งหลายที่อยู่ในหัวออกมา เจ้าของร่างอ้อนแอ้นก้าวฉับๆไปยังร้านขายอุปกรณ์สำหรับวาดรูปในชั้นถัดลงมา มือเรียวเลือกดินสอ กระดาษ สีน้ำอย่างคล่องแคล่วราวกับว่าเธอทำมันมาอยู่เป็นประจำ ยื่นทั้งหมดพร้อมเครดิตการ์ดสีทองให้กับพนักงานขาย

พนักงานหญิงอายุประมาณสามสิบปี มองด้านหลังเครดิตการ์ดแล้วมองใบหน้าของเธอสลับกันอยู่สองสามครั้ง “เอ่อ... คุณคือมิสซิสอรอาภา โอลีเวย์ร่าอย่างนั้นหรือคะ?!”

“ค่ะ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นรึเปล่าคะ?” อรอาภาตอบและถามกลับ เมื่อเห็นสายตาที่มองมาราวกับว่าเธอขโมยบัตรนั่นมาอย่างนั้นแหละ!! ท่าทางอึกอักไม่ยอมพูดของพนักงานทำให้อรอาภาหยิบไอดีการ์ดของตนในกระเป๋าส่งให้พนักงานขายอีกหนึ่งใบ

พนักงานขายคนดังกล่าวมองรูปในไอดีการ์ดสลับกับตัวจริงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ยิ้มแหยๆ ให้ลูกค้า และรีบจัดการรูดบัตรเครดิต พร้อมส่งของทั้งหมดที่ใส่ลงไปในถุงให้ลูกค้าสาวอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณเซญอร่าอรอาภาที่มาใช้บริการของร้านเรานะคะ ดิฉันต้องขอโทษด้วยที่เสียมารยาทเพราะไม่เคยเห็นตัวจริงของเซญอร่า มีเพียงแค่ข่าวลือที่ว่าเซญอร์ฟาเบียโน่แต่งงานแล้ว แต่ยังไม่มีใครที่เคยได้เห็นตัวจริงเลยค่ะ สาวๆค่อนโลกคงต้องอกหักไปตามๆกัน ที่สำคัญเซญอร่าสวยเอามากๆเลยค่ะ”

อรอาภาเพียงแค่ยิ้มรับและยัดบัตรต่างๆลงในกระเป๋าสะพายของตัวเองเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดี สามีของเธอคงเป็นคนที่ชาวรีโอรู้จักกันเป็นอย่างดี หรือไม่เขาก็คงเป็นหนุ่มฮอต! ที่สาวๆไม่เชื่อว่าเขาจะแต่งงานแล้วนั่นเอง มันยิ่งทำให้อรอาภาคิดว่าตนเองตัดสินใจไม่ผิดที่จะไปหาเขาที่ทำงานบ้าง ผ้าเช็ดหน้าคือสิ่งของที่เป็นข้ออ้างที่จะนำเธอไปปรากฏตัวในที่ทำงานของฟาเบียโน่!!


คิงส์ ออฟ เจมส์

เมื่อรถคันยาวจอดสนิทอยู่หน้าตัวอาคารที่เลียนแบบเพชรเม็ดร่วงสองเม็ดวางซ้อนกันเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้า อรอาภาถึงกับตกตะลึง ความทรงจำที่เลือนหายไปไม่ได้ทำให้คิดเลยว่าเคยมาที่นี่แล้วถึงสองครั้ง หญิงสาวผ่านการตรวจตราอันเข้มงวดเข้ามาอย่างง่ายดายด้วยคนขับรถรีบวิ่งไปกระซิบบอกกับพนักงานรักษาความปลอดภัยร่างยักษ์ว่าเธอคือเซญอร่าอรอาภา

ตาคู่สวยกำลังจ้องมองเครื่องประดับที่จัดโชว์ไว้ในตู้โชว์ราวกับต้องมนต์สะกด ผู้คนหลายร้อยคนที่อยู่ในนี้ต่างฟังพนักงานของคิงส์ ออฟ เจมส์ อธิบายเกี่ยวกับเครื่องเพชรตรงหน้าอย่างสนใจ

“อ้าว! เซญอร่าจิงเจอร์ มาได้ยังไงครับเนี่ย??” อิบันกำลังจะเดินขึ้นไปชั้นบน สะดุดสายตาอยู่ที่ร่างอ้อนแอ้นของเจ้านายสาว เธอเดินชมเครื่องประดับที่จัดแสดงไว้อย่างมีความสุข

“พอดีมาเดินห้างแถวๆนี้น่ะค่ะ ซื้อของมาให้เฟลิกซ์ก็เลยจะแวะเอามาให้ อยู่รึเปล่าคะ?”

“อยู่ครับ เชิญเซญอร่าจิงเจอร์ตามผมมาด้านนี้เลยครับ”

อรอาภาเดินตามอิบันเข้ามาในอีกส่วนที่เขียนป้ายบอกไว้ว่าเขตหวงห้าม ด้านในเป็นออฟฟิศที่เรียกได้ว่ามีพนักงานอยู่หลายชีวิตนั่งทำงานอยู่ในที่ของตนเอง พอหญิงสาวก้าวเข้าไปในลิฟต์แก้วก็มองลงมาเห็นภาพของพนักงานที่ทำงานอยู่อย่างทะลุปรุโปร่ง ตลอดจนถึงโซนด้านหน้าที่จัดแสดงเครื่องเพชร รวมทั้งทิวทัศน์ภายนอก

“คนออกแบบที่นี่คงจะเก่งน่าดู มองจากตรงนี้เห็นทะลุปรุโปร่งไปถึงด้านหน้าเลย สวยมากค่ะ” อรอาภาเอ่ยปากชม

“สถาปนิกเป็นชาวบราซิเลียนนี่แหละครับ แต่เขาออกแบบตามความต้องการของเซญอร์ฟาเบียโน่ ท่านอยากสื่อตรงๆให้คนทั่วไปได้รู้เลยว่าท่านขายอะไร ไม่ต้องอ้อมค้อมให้มากความ ท่านว่าอย่างนั้นนะครับ” อิบันบอกประโยคคำพูดที่เขาจำได้ขึ้นใจของเจ้านายตัวเอง

“ฉันเชื่อค่ะ ว่าเซญอร์ของอิบันเป็นคนทื่อๆ”

เมื่อได้ยินคำตอบของนายสาว อิบันอดขำไม่ได้จึงได้เพียงแค่ก้มหน้าลงยิ้มกับตัวเองเท่านั้น ทั้งคู่พูดคุยกันเล็กน้อยจนอรอาภารู้ว่าเที่ยงนี้สามีของเธอมีนัดทานอาหารกับลูกค้าแล้ว

เมื่อลิฟต์เปิดออกพนักงานราวยี่สิบชีวิตกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นกันทุกคน “ทั้งหมดเป็นพนักงานระดับสูง เช่นว่าหัวหน้าฝ่าย หัวหน้าแผนกก็จะอยู่ชั้นนี้หมดครับ” อิบันบอกพรางเดินนำหน้าไปตามทางเดินที่ปูด้วยพรมหนาสีเทาเข้ม แล้วหยุดอยู่ที่ประตูไม้โอ๊คบานใหญ่พร้อมออกแรงเคาะขออนุญาตจากคนด้านใน

ฟาเบียโน่เลิกคิ้วหนาขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นอรอาภาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า

“ฉันมาเดินห้างแถวๆนี้น่ะค่ะ ซื้อของมาฝากคุณด้วย พอดีคนขับรถบอกว่าที่ทำงานคุณอยู่แถวนี้ก็เลยถือโอกาสเอามาให้เสียเลย ไม่ว่ากันนะคะที่มาโดยไม่ได้บอกก่อน” อรอาภาพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติที่สุด ก้าวเข้าไปใกล้ๆ พร้อมยื่นถุงหิ้วใบเล็กวางไว้บนโต๊ะทำงานกว้างของเขา มันเป็นโต๊ะทำงานที่ใหญ่มากถ้าหากว่านั่งสองคนก็คงไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร

“อะไรเหรอ?” ฟาเบียโน่เปรยถามเหมือนไม่อยากรอคำตอบเพราะมือแข็งแรงหยิบถุงใบเล็กมาเปิดดูของที่อยู่ด้านในทันที
‘ผ้าเช็ดหน้า’ มือหนาอีกข้างหนึ่งสอดเข้าไปในเสื้อสูทแล้วดึงอีกผืนที่อยู่ในเสื้อออกมาโชว์ให้เธอดู สายตาสีฟ้าจัดหรี่ตามองแม่ปีศาจน้อยอย่างรู้ทันความคิดเธอ

“วันนี้คุณไม่ได้ลืม ทุกวันคุณก็ไม่เคยลืมใส่มันในกระเป๋าให้ผมนะ!”

อรอาภา! ยัยโง่เอ๊ย!! พลาดอีกจนได้ อยากโขกหัวตัวเองกับโต๊ะทำงานของเขานัก เธอมักลืมไปเสมอว่าเขาฉลาดเป็นกรดเพียงใด!

“ฉันก็ไม่ได้ว่าตัวเองลืมนี่คะ เพียงแค่เห็นว่ามันเหมาะกับคุณมากแล้วที่ทำงานของคุณก็อยู่ละแวกนี้ เลยอยากเอามาให้ด้วยตัวเอง”

โกหกไม่เนียนเลยแม่ปีศาจน้อย อีกไม่กี่ชั่วโมงเขาก็กลับบ้านแล้ว เอาไว้ให้ดูตอนนั้นก็ได้ แต่เอาเถอะเขายังไม่รู้แน่ว่าเธอมาหาเขาถึงที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร แต่เมื่อเห็นหน้าของเธอแล้วก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ความจริงเขาอยากโทรหาเธอทุกชั่วโมง อยากกลับไปกินข้าวกันทุกมื้อ แต่ก็กลัวคนอื่นจะมองว่าเห่อเมีย! เพราะตลอดระยะเวลาที่เธอฟื้นขึ้นมาเนี่ยก็กินข้าวเช้าและเย็นด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว วันนี้เธอยังแต่งตัวได้น่ารักถูกใจเขานัก ใจหนุ่มมันเรียกร้องอยากหอมแก้มใสๆของเธออีกแล้ว!!

ฟาเบียโน่เบื่อกับความคิดไม่เข้าท่าของตัวเอง ใจที่เริ่มจะควบคุมมันไม่ได้มันทำราวกับว่ากลับไปเป็นหนุ่มน้อยคลั่งรักอีกครั้ง!!

“ไม่กวนคุณแล้วนะคะ คุณจะได้ทำงานต่อ” อรอาภารีบบอก เมื่อเห็นเขาเงียบไปพักหนึ่งทั้งยังกลัวว่าเขาจะรู้ทันความคิดของเธอ จับได้ว่าเธอมาที่แน่เพื่อมาแสดงความเป็นเจ้าของในตัวเขา!!

“เดี๋ยวก่อน!... ไหนๆก็มาหาผมถึงที่นี่แล้ว จะเที่ยงแล้วเราออกไปกินข้าวด้วยกัน” ฟาเบียโน่กลั้นยิ้ม แสร้งทำหน้านิ่งเหมือนที่ชอบทำ

อรอาภาเปิดยิ้มกว้าเมื่อได้ยินคำชวนนั้น เพียงชั่วอึดใจหญิงสาวก็ปรับสีหน้าให้ดูจริงจัง หันกลับไปถามเขาหน้าตาใสซื่อ ท่าทางเกรงใจ “อย่าดีกว่าค่ะ เห็นอิบันบอกว่าคุณมีนัดทานกลางวันกับลูกค้า ฉันไปด้วยจะเกะกะเปล่าๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า คุณตัวเล็กนิดเดียวจะไปเกะกะอะไร” สาบานได้เลยว่าจบคำพูดของตัวเอง เขาก็ได้เห็นแววตาที่ลิงโลดอยู่ในดวงตาของเธอแวบหนึ่งแล้วเปลี่ยนมาเป็นเกรงใจแทนอย่างฉับพลัน!! “มานั่งรอตรงนี้ก่อนเดี๋ยวถึงเวลาค่อยออกไปกัน แล้ววันนี้ไปซื้อของได้อะไรมามั่ง?”

“ฉันเดินไปเห็นเครื่องประดับแล้วเกิดอยากวาดรูปขึ้นมาทันที เลยได้พวกอุปกรณ์วาดรูปมาเต็มเลยค่ะ” อรอาภาตอบแล้วเดินมาทรุดตัวนั่งที่โซฟาตัวนิ่ม

“จำอะไรได้บ้างรึเปล่า?” ฟาเบียโน่ถามหน้าตื่น!

อรอาภาทำหน้ามุ่ย ส่ายหน้าเหมือนกับเบื่อตัวเอง “ไม่เลยค่ะ แค่อยากวาดรูปเท่านั้น แต่ฉันก็ไม่แปลกใจเลยเพราะมันเป็นอาชีพของฉันนี่ ฉันคงอยากทำมันตามที่จิตใต้สำนึกของตัวเองสั่งเท่านั้น”

ฟาเบียโน่มองสีหน้าเศร้าๆนั้นอย่างสงสาร เร่งทำงานในมือที่เหลืออีกเล็กน้อยให้แล้วเสร็จแล้วลุกขึ้นเดินไปนั่งลงข้างๆอรอาภา “อย่าถอดใจเร็วนักสิ จิงเจอร์ที่ผมรู้จักไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ เธอเข้มแข็งจะตายไป”

อรอาภายิ้มอ่อนโยนให้คนที่ให้กำลังใจอยู่ข้างๆ พลางซบหน้าลงกับต้นแขนแกร่งที่นั่งอยู่ใกล้ตัวเอง รู้สึกอุ่นใจเสมอเมื่อมีเขาอยู่เคียงข้างแบบนี้ “เชื่อไหมคะ ว่าฉันรู้สึกสับสน เคว้งคว้างอยากจะจำให้ได้สักทีว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ฉันมักจะโมโหประจำเมื่อจำอะไรรอบข้างไม่ได้สักอย่าง รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกตัวคนเดียว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฉันคนเดียวเท่านั้น แต่ฉันกลับรู้สึกวางใจ อุ่นใจ มั่นใจว่าตัวเองมีอีกคนที่เป็นที่พึ่งเพียงแค่ไหล่ของเราได้สัมผัสกันอย่างตอนนี้”

ฟาเบียโน่เผลอยิ้มออกมาประทับใจกับคำพูดของเธอ เหมือนกับว่าเธอวางชีวิตไว้ในมือของเขา ความจริงอยากจะบอกเธอเหลือเกินว่าเขาได้ดูแลเธอตั้งแต่เธออายุสิบห้าปีด้วยซ้ำ แม้มันจะเป็นแค่ความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่ตนเองก่อขึ้นเท่านั้น แต่บัดนี้เขากลับอยากแบกรับภาระนั้นไว้อย่างเต็มใจ หากแต่เรื่องนี้มันซับซ้อนเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ สิ่งที่ทำได้คือรอ... รอให้เธอจำเรื่องราวทั้งหมดได้และรู้เรื่องในอดีตด้วยตัวของเธอเอง

“ไปกินข้าวกันเถอะ หิวรึยัง? เอายาหลังอาหารมาด้วยรึเปล่า?”

ต่างคนต่างทำตัวเหมือนคู่สามีภรรยาเข้าไปทุกวัน ความห่วงใย เอื้ออาทรที่มีให้กันมันยิ่งทำให้ระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันสร้างสายใยความผูกพันขึ้นมารัดรึงหัวใจทั้งสองดวงเข้าไว้ด้วยกันโดยไม่รู้ตัว ทั้งคู่เดินออกมาจากห้องทำงานอีกครั้ง ฟาเบียโน่แนะนำผู้หญิงที่เขากุมมือเดินออกมาข้างๆ นี้ว่า ‘เธอคือเซญอร่าอรอาภา’ คำแนะนำสั้นๆที่ทำให้อรอาภายิ้มหวานจนแก้มแทบปริ เธอไม่ได้ดีใจที่พนักงานทั้งหลายต่างพินอบพิเทาเมื่อรู้ฐานะของเธอแล้ว แต่เธอดีใจเพราะเขาไม่ได้ปิดบังหรือไม่กล้าบอกใครว่าเธอเป็นภรรยาอย่างที่เธอระแวงไปเอง แม้จะยังไม่มีพิธีวิวาห์กันก็ตาม พร้อมพึมพำขอบอกขอบใจหนังสือฮาวทูเล่มใหญ่ที่ได้อ่านมันช่วยเธอได้แยะทีเดียว!!


ภัตาคารอาหารอิตาเลียน ในโรงแรมหรูกลางเมืองรีโอเดอจาเนโร

ดีเอโก้ เปไรย์ร่าลุกขึ้นยืน เมื่อได้เห็นร่างสูงใหญ่ตามรูปในหน้าข่าวหนังสือพิมพ์ของฟาเบียโน่ ลูอิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า เดินเข้ามาในห้องอาหารวีไอพีพร้อมหญิงสาวเอเชียหน้าตาสะสวยคนหนึ่ง ทั้งคู่จับมือทักทายกันตามมารยาท หลังจากนั้นฟาเบียโน่จึงแนะนำภรรยาของตัวเองบ้าง

“นี่อรอาภา โอลีเวย์ร่าภรรยาของผมครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ดีเอโก้ ชายวัยห้าสิบปี ร่างท้วม ผิวสองสี หน้าตาท่าทางเป็นคนอารมณ์ดีกล่าวทักทายอย่างสุภาพพร้อมยื่นมือไปสัมผัสกับมือเล็กๆขาวๆของเธอ

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” อรอาภายิ้มทักทายกลับพลางนั่งลงข้างๆสามีที่เลื่อนเก้าอี้ให้นั่งด้วยตัวเอง

ดีเอโก้เป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน เมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว “วันนี้ผมโชคดีมากครับที่มีโอกาสได้รู้จักเซญอร่าอรอาภาด้วย”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ ดิฉันซะอีกที่ถือวิสาสะตามมาด้วยทั้งที่คุณจะคุยเรื่องงานกัน”

ฟาเบียโน่พอใจกับการวางตัวของเธอ เธอตอบโต้ได้อย่างสุภาพไม่ได้เด็กจนตกตื่น ประหม่าที่จะเข้าสังคมพูดคุยกับคนที่มีอายุห่างกันมากๆ

“ความจริงผมยังไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกับเซญอร์ฟาเบียโน่เลย วันนี้เซญอร์แค่ตอบรับจะมาทานข้าวกับผมเท่านั้นเอง เราสั่งอาหารกันเลยไหมครับ?” ดีเอโก้ รู้จักพูดอย่างเข้าใจสถานการณ์แต่มันไม่ได้ทำให้ฟาเบียโน่แปลกใจแต่อย่างใด เพราะจากประวัติของเขาแล้วผู้ชายคนนี้ต้องมีฝีปากไม่เบาแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถล้วงเงินในกระเป๋าคนที่มีอายุเกินครึ่งร้อยให้ออกมาลงทุนได้ ซึ่งกลุ่มคนอายุประมาณนี้เป็นกลุ่มคนที่มองหาความมั่นคงมาเป็นอันดับหนึ่ง

ระหว่างรออาหารที่เพิ่งสั่งไป ดีเอโก้ ก็เป็นฝ่ายชวนทั้งฟาเบียโน่และอรอาภาคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป จนบริกรยกอาหารมาเสิร์ฟทั้งสามคนก็จัดการกับอาหารของตนเอง พูดคุยกันเป็นระยะๆบ้างเพื่อไม่ให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจืดชืดจนเกินไป

“ทำไมถึงได้สั่งของมากมายอย่างนั้นล่ะครับ ขอโทษด้วยที่ต้องถามตรงๆ คำถามของผมอาจจะดูไม่เหมือนพ่อค้าซักเท่าไหร่” ฟาเบียโน่ถามขึ้นหลังอาหารเมนคอร์สจบลง

“ผมกลับมองว่าคุณเป็นคนตรงมากๆ แต่ก็จริงอย่างที่คุณว่าผมยอมรับว่าออกจะแปลกใจไม่น้อยที่ได้ยินคำถามแบบนี้ ถ้าไม่ได้ศึกษาประวัติคร่าวๆของเซญอร์มาก่อน ผมกำลังจะเปิดตลาดขายทองคำแท่งซึ่งมีลูกค้าอยู่มากเหมือนกันที่ซื้อทองคำแล้วอยากได้ทองคำเก็บไว้กับตัวเอง หรือไม่พวกเขาก็แค่อยากเห็นทองคำและฝากเอาไว้กับผมอีกทีหนึ่งเท่านั้นเอง” ดีเอโก้บอก

“น่าจะง่ายกว่าถ้าให้พวกเขาไปซื้อจากร้านจำหน่ายทองคำทั่วไป” ฟาเบียโน่บอก

“ครับ แต่ความเชื่อใจของคนนี่ ถ้ามีให้ใครแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนและผมก็ไม่อยากให้ลูกค้าต้องผิดหวังในตัวผม ผมเลยคิดที่จะเปิดขายทองคำแท่งให้กับลูกค้าเสียเอง” ดีเอโก้ พูดพลางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม “แต่ไม่ใช่อย่างร้านจำหน่ายทองคำทั่วไปนะครับ ผมแค่จะซื้อขายแลกเปลี่ยนแค่ทองคำแท่งที่ลูกค้าซื้อจากผมและรับซื้อคืนเฉพาะที่ซื้อจากผมไปเท่านั้น”

ฟาเบียโน่พยักหน้า “อืม... ก็เลยจะมาของซื้อทองคำแท่งจากผม”

ดีเอโก้ยิ้ม “กำไรน้อยไงครับ ผมก็เลยต้องขอซื้อจากแหล่งโดยตรง อีกอย่างทองคำจากเหมืองของโอลีเวย์ร่าก็เป็นทองคำที่ได้รับการันตีว่าบริสุทธิ์ ซื่อสัตย์กับลูกค้าที่สุดแล้ว”

ใจความที่ทั้งสองคุยกันเรื่องงานมีเท่านี้จริงๆ จากนั้นทั้งคู่ก็ดึงอรอาภาที่นั่งฟังเงียบๆ มาเข้าวงสนทนาด้วยเรื่องที่ดีเอโก้บอกถามเกี่ยวกับเมืองไทย อรอาภาตอบอะไรไม่ได้มากนักและมีสามีตัวโตเป็นคนออกตัวว่าจะต้องกลับเข้าบริษัทแล้วเพราะมีประชุม ดีเอโก้ จึงลุกขึ้นกล่าวคำอำลาพร้อมส่งคู่สามีภรรยาที่ขอตัวกลับก่อน

“ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้คุณขัดจังหวะขึ้นก่อน ฉันคงต้องสาธยายเรื่องความจำเสื่อมของตัวเองให้คนอื่นฟังแน่ๆ น่าอายชะมัด!!” คนที่ทำเป็นวางท่าอยู่พักใหญ่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาอย่างโล่งอก “ปั้นหน้านั่งขรึมเป็นคุณนายอยู่ตั้งนาน”

“อ้าว!! ที่แท้ก็วางฟอร์มหรอกเหรอ ผมก็คิดว่าคุณเป็นแบบนั้นจริงๆซะอีก ความจริงน่าจะปล่อยให้ดีเอโก้ถามเรื่องที่เมืองไทยต่อ คงวุ่นพิลึกล่ะคราวนี้!”

ฟาเบียโน่หัวเราะหึๆในลำคอนานอยู่พักใหญ่ เสียงหัวเราะของเขาไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าตลกอะไรนักหนาแต่มันให้ความรู้สึกว่าเขากำลังหัวเราะเยาะเธออยู่ต่างหาก อรอาภาหน้ามุ่ยหยุดเดินทันที!! ในขณะที่เขาเพียงแค่เอี้ยวหน้ากลับมาปรายตามองเท่านั้น พร้อมเสียงหัวเราะกวนประสาทไม่เลิก

“ทำไมต้องเยาะเย้ยฉันแบบนี้ด้วย??!”

ฟาเบียโน่ไม่ได้ตอบว่าไร แต่เขาเดินกลับมาสองก้าวแล้วคว้าเอามือนุ่มออกแรงดึงให้เธอเดินมาขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าโรงแรม พอขึ้นรถได้แม่ปีศาจตัวน้อยก็สะบัดมือของตัวเองออกจากเขาเป็นพัลวัน ขยับไปนั่งชิดขอบประตูจนจะกลายเป็นเนื้อเดียวกับประตูไปแล้ว

โกรธแล้วนะ! คนยิ่งเสียเซล์ฟอยู่แล้วยังจะมาหัวเราะเยาะอีก แล้วตอนนี้เขายังมองมาด้วยสายตาขบขันเธอหนักหนา มันไม่เห็นจะตลกตรงไหนอุตส่าห์ขอบคุณที่เขาใจดีออกหน้าแทน แต่พออยู่ด้วยกันเขากลับเห็นว่าเรื่องหนักใจของเธอคือเรื่องตลกของเขา!! อรอาภาถลึงตาใส่คนตัวโตที่นั่งไขว่ห้างดูสบายใจจนเกินเหตุ สายตาของเธอกำลังตะโกนใส่หน้าเขาว่า ‘ฉันโกรธจริงๆแล้วนะ!’

ฟาเบียโน่เห็นท่าทางของเธอแล้วจึงไม่อยากจะต่อความด้วย เพราะเขาไม่ถนัดที่จะงอนง้อใครมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ชายหนุ่มมองไปข้างทางระหว่างที่รถกำลังเคลื่อนตัวผไปได้อย่างช้าๆ เพราะการจราจรอันติดขัด ดูมันจะเป็นปัญหาของสังคมเมืองที่ความเจริญกระจุกตัวกันอยู่เป็นเพียงบริเวณใดบริเวณหนึ่งเท่านั้น พอหันหน้ากลับมาหาเธออีกที แม่ปีศาจตัวน้อยกลับมีน้ำตานองหน้า จ้องมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ ฟันสะอาดที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบขบเข้าที่ริมฝีปากล่างตัวเองอย่างไม่กลัวเจ็บ ท่าทางเพียงเท่านี้กลับทำให้หัวใจแกร่งกระตุกวาบ รู้สึกตัวทันทีว่าไม่ควรหัวเราะ ล้อเล่นกับเรื่องความทรงจำของเธอเพราะเธอยังอ่อนไหวกับเรื่องนี้นัก “ร้องไห้ทำไมจิงเจอร์ เป็นอะไร? ใครทำอะไรให้??” ฟาเบียโน่ถามเสียงตื่น

“คุณนั่นแหละที่ทำฉัน!!” อรอาภาโต้กลับทันควัน พร้อมกับใช้มือเล็กๆของตนเองป้ายน้ำตาออกจากใบหน้า ท่าทางเหมือนเด็กๆ
“ผมทำที่ไหน ผมยังไม่ได้ว่าอะไรให้คุณสักหน่อย!!”

เสียงปฏิเสธข้อกล่าวหาเป็นพัลวันของเจ้านายทำให้อิบันที่กำลังขับรถอยู่เหลือบมองกระจกตรงหน้าทันที

“คุณไม่ได้ว่าฉันด้วยคำพูด แต่คุณว่าฉันด้วยสายตาและก็เสียงหัวเราะเยาะเย้ยกวนประสาทของคุณ คุณคิดว่าฉันอยากความจำเสื่อมอย่างนั้นหรือไง? คุณคิดว่าฉันอยากเป็นตัวตลกหรือไง คุณรู้ไหมว่าฉันรู้สึกปลอดภัยตอนที่มีคุณอยูใกล้ๆ เมื่อกี้คุณช่วยฉันออกมาจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดได้ รู้ไหมว่าฉันรู้สึกดีแค่ไหน แต่ไม่ถึงนาทีคุณกลับหัวเราะเยาะฉัน! ทำเหมือนฉันเป็นยัยบ้าที่จำอะไรไม่ได้ คุณทำให้ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อคุณมันเสียหายไปหมดแล้ว!!”

ฟาเบียโน่ถึงกับเงียบกริบเมื่อได้ยินเธอระเบิดอารมณ์ออกมายืดยาวและไม่รู้ว่าจะปลอบโยนเธออย่างไรเพราะคนอย่างฟาเบียโน่ไม่เคยปลอบใจผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น! น้ำตาใสๆ ยังไหลรินออกมาจากสองตาไม่ขาดสาย และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ มันเป็นการร้องไห้ที่ไม่ได้โวยวาย แต่น้ำตากับเสียงกลั้นสะอื้นเพราะกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้มันบีบเค้นหัวใจแกร่งของเขานัก
มือหนาของฟาเบียโน่จึงเอื้อมไปรั้งข้อศอกเล็กๆ ของเธอให้เข้ามาใกล้ๆ แรงขืนที่น้อยนิดนั้นสู้แรงของคนตัวโตไม่ได้ ไม่นานอรอาภาก็ขึ้นไปเกยอยู่บนอกแกร่งกว้างของฟาเบียโน่ เขาโอบหญิงสาวไว้ทั้งแผ่นหลัง กดศีรษะได้รูปลงที่กลางอกตนเองอย่างไม่ได้กลัวว่าน้ำหูน้ำตาเธอจะเปรอะเปื้อนเสื้อ

“ชู่ว... เงียบซะ ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณคิดแบบนั้น ผมขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ขนาดนั้น”

โอ... พระเจ้าช่วย!! เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินเซญอร์ฟาเบียโน่เอ่ยคำขอโทษ อิบันคิดในใจ ตั้งใจเปิดรูหูให้กว้างที่สุด เผื่อว่าตัวเองจะได้ยินอะไรไม่ชัดเจน!!

“อย่ามาแก้ตัว คุณทำฉันเสียใจรู้ตัวบ้างไหม??” อรอาภายังบอกเสียงอู้อี้อยู่กับอกกว้าง

“ขอโทษอีกทีก็ได้... ผมแค่ขำที่คุณวางท่าคุยกับดีเอโก้ได้อย่างดิบดี มั่นใจในตัวเอง แต่พอลับหลังเขาไม่ถึงนาทีคุณก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนราวกับถอดหน้ากาก ผมก็เลยขำ ไม่ได้เยาะเย้ยคุณเรื่องความจำเสื่อมสักหน่อย ทำไมถึงได้เป็นคนคิดมากอย่างนี้ล่ะจิงเจอร์” ฟาเบียโน่อธิบายเสียงนุ่ม

“จริงนะ อย่าหลอกฉันให้รู้สึกดีแล้วมาเสียใจทีหลังอีกนะ!” อรอาภาเงยหน้าขึ้นจากอกกว้างมองเห็นเพียงแค่คางเขียวครึ้มที่เพียงครึ่งวันเคราสากก็ทำท่าว่าจะกลับมาเยือนเขาอีกแล้ว

“อื้มมม... ใครจะบ้าอย่างนั้นเล่า เงียบซะ! ขี้แยเป็นเด็กไปได้” ฟาเบียโน่ว่าแบบไม่จริงจังนัก พลางคิดว่าเธอคงเหงาไม่น้อยที่ต้องอยู่บ้านระหว่างที่เขามาทำงาน “ไปเที่ยวไหมเผื่อจะได้อารมณ์ดีขึ้น? วันศุกร์นี้เราไปบูซิโอสกัน ค้างซักสองสามคืนก็ได้ คุณเคยบ่นว่าอยากไปนี่”

“ฉันไม่ได้บ่นว่าอยากไป แค่บอกว่าอยากไปต่างหาก” อรอาภาแก้ให้ เรียกเสียงหัวเราะจากลำคอหนาได้อีกครั้งหนึ่ง อีกครึ่งของวันที่เหลือ ฟาเบียโน่ชวนอรอาภาให้อยู่ที่คิงส์ ออฟ เจมส์ ด้วยกันพร้อมเอาอุปกรณ์วาดรูปที่เธอเพิ่งซื้อมาขึ้นไปด้วย เพราะจะได้มีอะไรทำระหว่างที่เขาทำงาน อรอาภานั่งวาดรูปที่ตนเองอยากวาดไปเรื่อยเปื่อย ส่วนคนที่ทำงานอยู่ข้างๆก็ยุ่งอยู่ทุกนาที อรอาภามองเขาอย่างทำความเข้าใจ ไม่แปลกใจเลยที่เขาร่ำรวยมีฐานะมั่นคงขนาดนี้ คนอะไรจะทำงานยุ่งได้ทุกนาทีขนาดนี้!! จนเลยเวลาเลิกงานเกือบชั่วโมง คู่สามีภรรยาจึงออกจากที่นั่นกลับเข้าบ้านริมหาดอีปาเนมาทันที


วันศุกร์ที่อรอาภารอคอยก็มาถึง วันนี้ที่สามีตัวโตบอกว่าจะพาไปวิลล่าในบูซิโอส เมื่อเช้าเขาบอกว่าจะกลับมาตอนบ่ายแล้วออกเดินทางไปบูซิโอสทันทีและจะค้างที่นั่นสองคืน อรอาภาไม่ต้องเตรียมอะไรไปเลยเพราะนอสซาบอกว่าที่วิลล่ามีของใช้ส่วนตัวของเธอและเซญอร์ฟาเบียโน่ครบครันอยู่แล้ว หญิงสาวจึงเตรียมแค่อุปกรณ์วาดรูปที่ตั้งแต่ได้มันมาก็จะเห็นทั้งคนและของวางอยู่ใกล้กันตลอดเวลา สิ่งหนึ่งที่ค้นพบก็คือเธอเป็นคนที่ชอบวาดรูปเอามากๆ ไม่เฉพาะแต่สร้อย แหวน กำไลเท่านั้นแต่จะเป็นภาพทะเลหรืออะไรก็ตามที่เพียงแค่คิดว่าอยากวาด เธอก็จะลงมือวาดมันทันที

สามชั่วโมงต่อมาฟาเบียโน่ช้อนร่างอ้อนแอ้นของอรอาภาลงจากเรือยอร์ชสีขาว วางเธอลงที่หาดทรายเม็ดละเอียดที่สุด ขาวสะอาดที่สุด น้ำทะเลสีฟ้าเข้มจก็ปรากฏให้หญิงสาวได้เห็นตรงหน้า

“โอ! ที่นี่ทะเลสวยอย่างนี้นี่เองฉันถึงได้หลงรัก” อรอาภาบอกพร้อมทั้งรั้งมือใหญ่ไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเอง “เราไปเดินเล่นกันก่อนได้ไหมคะ”

ฟาเบียโน่ยอมให้สายตาออดอ้อนของเธออย่างง่ายดายเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เขาเองก็คร้านจะนับ!! หรือไม่ก็คงทุกครั้งที่ปีศาจตัวน้อยๆนี้เอ่ยปาก เธอยิ่งดูน่าปราถนาไปทั้งตัวเมื่อสวมเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงผ้าพลิ้วลวดลายต้นมะพร้าว กับแว่นตากันแดดกรอบใหญ่ ฟาเบียโน่มองแล้วบอกไม่ถูกว่าเธอเหมือนสาวน้อยที่ไม่เดียงสาเพราะอกอิ่มที่ใหญ่เกินตัว เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผาย เซ็กซี่ เย้ายวนใจ ซุกซน น่ารัก

โอ!!! พอได้แล้วฟาเบียโน่ แกอย่าได้ให้แม่ปีศาจน้อยเจ้าปัญหานี่ได้รู้ความคิดว่าแกชอบเธอทุกอย่างเชียว เพราะเธอจะใช้มันผูกจมูกแกจูงเดินเหมือนสัตว์เลี้ยงแสนรักแน่!!!

อรอาภาออกเดินตามชายหาดของเกาะส่วนตัวของตระกูลโอลีเวย์ร่าพร้อมกับเจ้าของเกาะไปเรื่อย น้ำทะเลใสแจ๋วที่ฝ่าเท้าของตัวเองสัมผัสได้นี้มันน่าลงไปสัมผัสกับความสดชื่นเย็นฉ่ำทั้งตัวนัก พรุ่งนี้เธอจะไม่พลาดเรื่องดีๆอย่างการเล่นน้ำตรงหาดนี้แน่ พร้อมกับทรุดตัวลงใช้มือของตัวเองสัมผัสเม็ดทรายที่ละเอียดอยู่อย่างอดใจไม่ไหว

หญิงสาวนิ่วหน้า เมื่อสามีกล้ามใหญ่เดินใจลอยเลยเธอไปแล้วเขายังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเธอหายไปจากข้างกายของเขาแล้ว

กรี๊ดดด... กรี๊ดดด...

ฟาเบียโน่ตื่นจากห้วงความคิดของตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาที่ดังอยู่ไม่ไกล! เขากลับหันหลังวิ่งไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวคนที่กรีดร้องเสียงเกินร้อยแปดสิบเดซิเบลที่นั่งแหมะอยู่กับพื้นทราย

“เป็นอะไรจิงเจอร์??!” ฟาเบียโน่จับบ่าบอบบางของอรอาภาพร้อมถามด้วยน้ำเสียงตกใจ!!

อรอาภาส่ายหน้าพร้อมช้อนตาขึ้นมองสามีอย่างน้อยใจ “งู เมื่อกี้ฉันเห็นงู!!”

ฟาเบียโน่ขมวดคิ้วมุ่น สอดส่ายสายตาหางูอย่างที่เธอว่า “ไหน? อยู่ตรงไหน??”

“มันเลื้อยไปตรงโน้นแล้วค่ะ”

ฟาเบียโน่ถอนหายใจ มองแม่ตัวแสบอย่างรู้ทันความคิดของเธอ “เด็กเลี้ยงแกะ โกหกบ่อยๆเข้าไว้ก็แล้วกัน ถ้าเกิดมันมีขึ้นมาจริงๆ ดูซิจะมีใครมาช่วยไหม!”

อรอาภาทำหน้ามุ่ย อ้อมแอ้มตอบน้ำเสียงน้อยใจ “ฉันนั่งลงตรงนี้ตั้งนานแล้วคุณยังไม่รู้สึกตัว เดินไปเฉยเลย ถ้าคุณไม่อยากมาที่นี่หรือยังมีธุระอะไรที่รีโอเรากลับกันก็ได้นะคะ”

ฟาเบียโน่ทิ้งสะโพกสอบของตัวเองลงกับพื้นทรายบ้าง กรอกตาขึ้นฟ้าอย่างระอาใจ แม่คุณเอ๊ย! จะต้องให้เขาประกาศว่าเธอคือศูนย์กลางจักรวาลของเขาหรืออย่างไร เท่าที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้มันก็แทบจะสั่งการหัวใจตัวเองไม่ได้แล้ว อย่าให้ต้องพูดหรือแสดงออกมาให้เธอได้รู้เลย ขอให้เหลือความมั่นใจไว้ให้เขาบ้างเถอะ!! พ่อค้าเพชรชื่อก้องโลกอยากหัวเราะให้ดังๆนัก เมื่อยังเห็นแม่ปีศาจน้อยหน้ามุ่ยอยู่เหมือนเดิม ฟาเบียโน่ก็ทิ้งตัวลงนอนหงายกับพื้นทรายมันซะเลยพลางใช้มือตบที่กลางอกของตัวเองเป็นเชิงบอกให้เธอนอนลงตรงหน้าอกเขา “มานอนตรงนี้ซิจิงเจอร์ มานอนลงตรงนี้แล้วบอกผมหน่อยว่าผมจะปล่อยให้คุณเป็นอะไรได้ไหม”

อรอาภาใช้หูแนบกับหน้าอกกว้างที่มีกล้ามเนื้อหัวใจสีแดงๆเต้นอยู่ในนั้น นิ่ง นาน ความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ ความอบอุ่น เขาเป็นเหมือนทุกสิ่งอย่างในชีวิต

...นั่นคือสิ่งที่อรอาภาสัมผัสได้ ต่างคนต่างเงียบ ฟาเบียโน่เองก็รู้สึกดีเหลือเกินที่มีเธออยู่ข้างกาย มันคงดีไม่น้อยหากมีกันและกันอยู่อย่างนี้

“กลับเข้าบ้านกันเถอะนะ พรุ่งนี้ค่อยออกมาเดินเล่นใหม่ก็ได้”

อรอาภาลุกขึ้นก่อนเพราะตัวเองนอนทับหน้าอกเขาอยู่ “ฉันเมื่อยค่ะ ปวดขาไปหมดเลย ขี่หลังคุณกลับได้ไหม?”

ฟาเบียโน่กัดฟันกรอด ลุกขึ้นแล้วนั่งลงที่ส้นเท้าของตัวเองให้ปีศาจตัวน้อยขี้อ้อนได้ขึ้นมาอยู่ที่หลังของตนเองพร้อมกับลุกขึ้นออกเดินกลับเข้าไปในวิลล่า เขาไม่ได้ลำบากอะไรที่จะแบกผู้หญิงที่ตัวเล็กๆ คนนี้เพราะตั้งใจจะแบกเธอไว้บนบ่าชั่วชีวิตอยู่แล้ว แต่เธอไม่รู้หรอกว่าเนื้อตัวนุ่มนิ่ม ทรวงอกอิ่มไซส์ใหญ่พิเศษที่เธอดันมันอยู่กับแผ่นหลังเขานี้มันทำให้เขารวดร้าวสักแค่ไหน? เมื่อไหร่ที่ความอดทนกับเรื่องบ้าๆ นี่ไม่ได้แล้วเขาคงจะฟิวส์ขาด แล้วฟาดเธอหนักๆ ให้สมกับที่ตัวเองทรมานสักวัน

พอกลับถึงวิลล่าอรอาภาก็มองรูปทั้งคู่และเดี่ยวของตัวเองและสามีที่วางอยู่ในกรอบรูปเล็กบ้างใหญ่บ้าง โชว์อยู่ในมุมต่างๆของบ้าน และรูปที่ทำให้เธอยืนมองอยู่นานก็รูปเดี่ยวที่เธอไม่ได้มองกล้องแต่เหมือนกำลังมองอะไรสักอย่าง ซึ่งเธอไม่ได้สนใจว่าเธอกำลังมองอะไร แต่สิ่งที่ทำให้สนใจคือสร้อยทองคำเส้นเล็กที่ห้อยจี้เล็กๆ ไว้ที่คอแต่กลับมองไม่ชัดว่ามันคืออะไร และหาคำตอบให้ตัวเองจนต้องเอ่ยปากถามกับสามีที่สันนิษฐานว่าน่าจะหลุดหายในตอนที่เธอจมน้ำ

รุ่งเช้าสองสามีภรรยาตื่นนอนพร้อมกัน ลุกขึ้นมาวิ่งออกกำลังกายพร้อมกันโดยขากลับอรอาภาใช้พาหนะพิเศษกลับมาอย่างเช่นเมื่อวานนี้ คือขึ้นหลังให้ฟาเบียโน่แบกกลับมานั่นเอง ทั้งคู่ช่วยกันลงมือทำอาหาร แล้วออกมานั่งกินด้วยกัน สายสักหน่อยก็ออกมาเล่นน้ำทะเลอยู่นานจนฝ่ายสามีต้องอุ้มภรรยาสาวขึ้นจากทะเลเพราะกลัวว่าเธอจะไม่สบายเอา บางครั้งก็หาอาหารทะเลมาปิ้งย่างกันสองคนที่ชายหาดจนมืดค่ำ จบลงที่จูบดูดดื่ม หวานล้ำ ซาบซ่านบนเตียงนุ่มที่ฟาเบียโน่แทบจะคลั่งตายทุกครั้งที่ไม่ได้สานต่อให้จนจบสิ้นสุดของความสัมพันธ์หญิงชาย เพราะสัญญาที่มีต่อกันว่าเธออยากจำจะเรื่องราวทั้งหมดได้เสียก่อนและยังขอบคุณเขาที่พยักหน้าเข้าใจความรู้สึกของเธอ กิจกรรมที่ทั้งคู่มีร่วมกันทำให้วันหยุดในวิลล่าหรูผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ฟาเบียโน่มองสายตาอาลัยอาวรณ์ของอรอาภาที่มีต่อเกาะแห่งนี้อย่างขำๆ จึงปลอบใจว่าจะพาเธอมาที่นี่ทุกสุดสัปดาห์ อรอาภาสบตากับสามีอย่างขอบคุณ ซาบซึ้งใจพร้อมกระโดดกอดเขาอย่างดีใจ ช่วงเวลาที่อยู่ในรีโอ บ่อยครั้งที่ฟาเบียโน่พาอรอาภาออกไปทำงานด้วยกันและกลับเข้าบ้านมาด้วยกันในตอนค่ำของวัน วันไหนที่อรอาภาต้องอยู่บ้านก็ต้องมีคนหนึ่งโทรมาหาอีกคนหนึ่งอยู่วันละหลายครั้ง ครั้งละหลายนาที ถามไถ่เรื่องราวของแต่ละคนราวกับไม่ได้เจอหน้ากันมานานเป็นแรมปีทั้งที่เพิ่งห่างกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง โดยมีสายตาของนอสซามองนายสาวด้วยความเอ็นดู ดีเกาและอิบันก็มองเจ้านายหนุ่มของตัวเองที่ทำตัวราวกับหนุ่มน้อยที่เพิ่งจะริรัก ติดโทรศัพท์ ที่สำคัญคือต่างฝ่ายต่างไม่รู้ตัวว่าใครติดใครกันแน่!!

จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน ความสุขที่ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันนั้นแทบไม่มีอุปสรรคใดๆ เลย มันมีแต่ความผูกพันที่นับวันจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักที่ไม่มีใครมาแยกทั้งสองออกจากกันได้



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ค. 2558, 07:53:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ค. 2558, 07:53:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1437





<< ตอนที่ 6 100%   ตอนที่ 8 100% >>
pkka 10 พ.ค. 2558, 20:53:54 น.
สนุกดีค่ะ..รออยู่ๆ


Cheraga 11 พ.ค. 2558, 19:12:03 น.
รออยู่น่ะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account