หยกวาดตะวัน
"ฉันชื่อวาดตะวัน มาจากในนิยาย นิยายบนโลกมนุษย์นี่แหละ!"


เสียงเล็กแหลมของสาวน้อยที่แฝงไว้ด้วยความมาดมั่นร่ำร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
ทำเอาชานนอยากจะเป็นบ้าตาย


ตอนนี้ชีวิตเขาวุ่นวายมากพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะหน้าที่การงานหรือว่าคนรัก
เขาเพิ่งถูกแฟนสาวสลัดทิ้งมาหมาดๆ

แต่แล้วจู่ๆ วันดีคืนดีก็มีผู้หญิงร่างเล็กบอบบางแทบปลิวได้ตกลงมาในบ้านเขา
ซ้ำร้ายยังเอาแต่พร่ำเพ้อว่าตัวเองหลุดมาจากโลกในนิยาย

งานนี้ไม่รู้ว่าหล่อนหรือเขากันแน่ที่บ้า

...ทางเดียวที่ทำได้คือเขาต้องไล่หล่อนกลับไปในโลกนิยายอย่างนั้นเหรอ ?

Tags: นักเขียน แฟนตาซี ปาฎิหารย์ ใสซื่อ เวทย์มนตร์

ตอน: บทที่ 5 (ครึ่งหลัง)

บทที่ 5 (ต่อ)



จากประตูรั้วเข้ามา เด็กสาวดูแลบ้านเดินนำทั้งสองมุ่งตรงไปตามทางถนนลูกรังด้านใน ชานนว่าระยะทางจากบ้านเขามาถึงที่นี่ก็นับว่าไกลมากโขแล้ว ไม่นึกว่ากว่าจะถึงตัวบ้านแม่หมอจันทรนิมิตยังมีถนนให้เข้าไปอีกลึก

“เดินไกลหน่อยนะจ๊ะ แม่หมอแกค่อนข้างต้องการความเป็นส่วนตัวสูงเลยปลูกบ้านอยู่ลึก”

ชานนเพียงครางรับรู้ในลำคอ ต่างจากสาวที่เดินอยู่เคียงข้าง สายตาเจ้าหล่อนนั้นเอาแต่เหลือบซ้ายแลขวามองไปรอบกายอย่างกล้าๆ กลัวๆ ด้วยว่าสองข้างทางสภาพเหมือนป่ารกชัฏ มีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นสูงเบียดเสียดกันแน่น โค้งลงมาปกคลุมทางเดินปิดบังฟ้าอึมครึมเมื่อครู่จนมิด วาดตะวันเลยเผลอกระเถิบกายมาชิดเขาโดยไม่รู้ตัวคล้ายต้องการใครสักคนให้พออุ่นใจ ชานนเห็นแล้วก็ลอบอมยิ้ม สำหรับเขาเหมือนกำลังเดินลอดอุโมงค์ต้นไม้เสียมากกว่า

“เดี๋ยวพวกคุณนั่งรอกันบนระเบียงบ้านก่อนนะจ๊ะ ฉันจะเข้าไปโทรศัพท์บอกแม่หมอก่อน”

เด็กสาวบอกก่อนหายเข้าไปในบ้าน

เมื่อเหลือกันแค่เพียงสองคน วาดตะวันจึงเลือกนั่งรอตรงม้านั่งยาวหนึ่งเดียวบนระเบียงบ้าน ส่วนชานนั้นยังคงยืนกอดอกมองความใหญ่โตของบ้านแม่หมอซึ่งมีรูปทรงไม่ต่างจากคฤหาสน์ลึกลับ ก่อด้วยอิฐโทนแดงทั้งหลังกลมกลืนกับธรรมชาติโดยรอบ แล้วไหนจะสวนรกร้างที่รายล้อม รวมๆ แล้วเนื้อที่ลักษณะเจ้าของบ้านจะรวยจริงอย่างที่มนชนกว่า

“ออกัสแอบขึ้นรถตามพวกเรามาตั้งแต่ที่บ้านแล้วละค่ะ”

วาดตะวันบอกให้ชายหนุ่มอีกคนรับรู้ด้วยหลังจากที่มีเวลาได้อยู่กับสัตว์เลี้ยงของหล่อนอย่างจริงจัง

หากเจ้าออกัสยังคงกระโดดเหยงๆ อยู่บนอุ้งมือวาดตะวันชี้ไปบนท้องฟ้าเหมือนต้องการบอกใบ้อะไรสักอย่าง จังหวะนั้นเองมีกิ่งไม้จากไหนไม่รู้พุ่งผ่านระเบียงเข้ามา !

“เฮ้ย คุณ !”

ชานนตกใจรีบกระโจนเข้าไปดึงวาดตะวันออกมาจากตรงนั้น ก่อนที่กิ่งไม้จะผ่านหน้าสาวเจ้าไปแบบฉิวเฉียด กระแทกกับผนังบ้านดังปักตกลงบนพื้น

“คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า” ชานนยังมีสติพอเป็นห่วงสาวข้างกาย เมื่อครู่นี้ทั้งเขาและหล่อนไม่ทันได้ตั้งตัวเลยเสียหลักล้มไปตามๆ กัน

วาดตะวันเพียงส่ายหน้า หล่อนเป็นห่วงออกัสมากกว่าจึงกระวนกระวายลุกไปหาเจ้ากระรอกตัวน้อยที่หลุดจากอุ้งมือหล่อน หัวคะมำกลิ้งหลุนๆ ตกไปใต้ม้านั่ง

กิ่งไม้ที่ตกอยู่บนพื้นข้างออกัสถูกชานนหยิบขึ้นมาพินิจพิเคราะห์อย่างเหลือเชื่อ เพราะเขาเห็นเต็มสองตาว่ามันพุ่งตรงมาทางสัตว์เลี้ยงของวาดตะวัน แต่พอมองพ้นระเบียงบ้านไปแล้วกลับไม่เห็นใครนอกจากแค่นกฮูกตัวหนึ่งกระพือปีกบินหายเข้าไปในกลุ่มแมกไม้

“มีอะไรกันจ๊ะ”

เด็กสาวดูแลบ้านคนเดิมหน้าตาตื่นออกมาจากบ้านเนื่องจากได้ยินเสียงเอะอะของแขกด้านนอก

ชานนไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่เลยพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ตกลงแม่หมอจันทรนิมิตว่ายังไงบ้าง”

“อ๋อ ฉันก็กำลังจะมาบอกพวกคุณอยู่นี่แหละจ้ะ” เด็กสาวเปิดประตูบ้านกว้างขึ้นทำนองเชื้อเชิญ

“ถ้าพวกคุณไม่มีธุระที่ไหน แม่หมอขอให้อยู่พักที่นี่สักคืนจ้ะ”

“พักที่นี่ !?” ชานนทวนคำเสียงสูง ร้อนถึงอีกฝ่ายต้องอธิบายว่า

“แม่หมอแกกว่าจะกลับมาถึงก็คงดึกมากแล้วจ้ะ ฝนใกล้ตกแล้วด้วย ปล่อยให้พวกคุณขับรถกลับไปตอนนี้แกกลัวจะอันตรายเกินไป”

ชานนเงยหน้ามองฟ้า กลุ่มเมฆหนาที่ลอยครึ้มมาแต่ไกลนั้นยืนยันคำพูดของเด็กสาวดูแลบ้านได้ดี หากเขาก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอจะมานั่งรอแม่หมอจันทรนิมิตได้ข้ามวันข้ามคืนหรอกนะ ไหนจะงานที่สถาบันสอนพิเศษพรุ่งนี้ที่ต้องทำชดเชย น้องสาวที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว แล้วยังจะรินรดาแฟนสาวสุดที่รักของเขาอีกล่ะที่อาจรอให้เขาไปรับที่ทำงานเหมือนทุกครั้ง...คิดแล้วชานนก็ยิ่งกลุ้มใจ





************************************


"ทีเชอร์เมธัสคะ...ทีเชอร์เมธัส"

เหมือนฝันรีบเรียกทีเชอร์หนุ่มรั้งไว้เมื่อเห็นว่าเดินผ่านหน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์พอดี เมธัสนั้นออกไปทานข้าวเย็นข้างนอกมาตามวิสัยเลยเพิ่งกลับเข้ามาในสถาบันสอนพิเศษเพื่อเตรียมตัวสอนคาบสุดท้าย

"ฝัน...เอิ่ม ไม่อยากขัดจังหวะทีเชอร์หรอกนะคะ แต่คุณลัลลาเบลมาถามหาทีเชอร์ได้สักพักแล้ว นั่นไงคะ เธอนั่งรออยู่ตรงนั้น"

เมธัสมองตามองศาการชี้บอกของสาวประชาสัมพันธ์ พอเห็นผู้หญิงที่ชื่อลัลลาเบลนั่งหน้ามุ่ยอยู่กับลูกสาวบริเวณที่นั่งรอของสถาบันเมธัสก็ถอนใจออกมา ไม่ลืมเอ่ยขอบคุณเหมือนฝันแม้จะไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสำหรับเขาก็ตาม

ลัลลาเบลคือมารดาของลิลลี่ ลูกศิษย์สาวของเขาที่เรียนคลาสเดียวกับมนชนก ลำพังแค่ลิลลี่เขาไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่มารดาของลูกศิษย์สาวนี่สิที่ทำให้เขาลำบากใจทุกครั้งยามต้องพูดคุยด้วย

"อ้าว ทานข้าวเสร็จแล้วเหรอคะทีเชอร์เมธัส"

ลัลลาเบลหันมาเห็นทีเชอร์หนุ่มก่อน จากที่หน้ามุ่ยยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาทันที วางนิตยสารในมือพลัน ลิลลี่เองก็เงยหน้าจากโทรศัพท์มือถือเช่นกันเห็นเมธัสก็ยกมือไหว้ตามมารยาทไปอย่างนั้น เป็นมารดาของเด็กสาวอีกตามเคยที่ผายมือเชื้อเชิญให้ทีเชอร์หนุ่มนั่งร่วมโต๊ะด้วย

"ถ้าผมจำไม่ผิด วันนี้ลิลลี่ไม่มีเรียนนี่ครับ"

"ก็ไม่มีน่ะสิคะ...อุ๊บส์" สาวใหญ่มีจริตเล็กน้อยแสร้งปิดปากตัวเองทำเหมือนเผลอหลุดปากพูดออกมา แล้วต้องโบกปัดไปมาในอากาศ ยิ้มขันกลบเกลื่อน

"แหม…ทีเชอร์เมธัสก็ จำเป็นด้วยเหรอคะว่าฉันมาที่นี่ต้องเฉพาะเจาะจงแค่พาน้องลิลลี่มาเรียน" ลัลลาเบลเอ่ยด้วยน้ำเสียงแกมตัดพ้อชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่จะเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งไขว่ห้างจงใจอวดต้นขาขาวนวลเนียนของหล่อนให้ทีเชอร์หนุ่มเห็นเต็มสองตา เซกซี่เย้ายวนจนเมธัสรู้สึกร้อนวูบวาบในกายแปลกๆ ต้องเสมองไปทางอื่น

"เผอิญฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากทีเชอร์น่ะค่ะ เกี่ยวกับน้องลิลลี่"

เด็กสาวที่ถูกพูดถึงยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพม์มือถือในมือ ลิลลี่ยังอยู่ในชุดนักเรียนอยู่เลยลักษณะเหมือนถูกมารดาลากมาด้วยกันหลังเลิกเรียน

"อีกไม่กี่ปีน้องลิลลี่แกก็จะต้องสอบเข้ามหา'ลัยแล้ว แต่คอร์สที่แกเรียนอยู่นี้เห็นว่าเน้นไปในส่วนของการใช้ในชีวิตประจำวันเสียมากกว่า ฉันเลยอยากจะรบกวนขอให้ทีเชอร์..."

"ที่สถาบันของเราก็มีคอร์สสำหรับติวเข้ามหา'ลัยโดยเฉพาะนะครับ" คนเป็นทีเชอร์รีบบอก "ถ้าคุณลัลลาเบลสนใจเดี๋ยวผมพาไปคุยกับคุณเหมือนฝันให้ รายนั้นเขาจะรู้รายละเอียดเรื่องพวกนี้ดีกว่าผม"

"ยะ...อย่าลำบากเลยค่ะ" ลัลลาเบลถึงกับปฏิเสธลิ้นพันเพราะไม่พูดเปล่าเมธัสยังทำท่าจะลุกพาหล่อนไปหาสาวหน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์เสียเดี๋ยวนั้น

"ฉัน...เอ่อ...เพิ่งคุยกับคุณเหมือนฝันเมื่อกี้เองค่ะ" สาวใหญ่พูดอ้างไปเรื่อย "ที่จริงคอร์สพวกนั้นก็น่าสนใจ แต่ฉันอยากให้น้องลิลลี่ได้เรียนกับทีเชอร์ที่แกคุ้นเคยมากกว่า"

"ลี่ขอตัวออกไปซื้อขนมข้างนอกนะคะ" จู่ๆ ลิลลี่ก็โพล่งแทรกขึ้นมา เรียกความสนใจทั้งจากลัลลาเบลและเมธัส หากเด็กสาวเหมือนแค่บอกให้ผู้ใหญ่บนโต๊ะรับรู้มากกว่าเพราะพูดแค่นั้นก็ลุกเดินออกจากสถาบันสอนพิเศษไปดื้อๆ ผู้เป็นมารดาอย่างลัลลาเบลเลยหน้าเจื่อน

"ฉันขอโทษแทนน้องลิลลี่แกด้วยนะคะที่เสียมารยาท"

เมธัสเพียงยิ้มๆ ไม่ได้ถือสาหาความอะไร

"สรุปคือคุณลัลลาเบลอยากให้ผมช่วยติวน้องลิลลี่?"

"ใช่แล้วค่ะ อ้อ ขอแบบติวตัวต่อตัวด้วยนะคะ...ที่บ้านของฉันเอง อย่างที่เห็นว่าน้องลิลลี่แกเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร เพื่อนๆ เลยมักจะมองว่าแกเป็นคนหยิ่ง ถ้าได้เรียนตามลำพังตัวต่อตัวกับทีเชอร์แกน่าจะสบายใจกว่า ไอ้ครั้นฉันจะติวแกเอง ภาษาก็ไม่ดีพอถึงขั้นจะไปสอนแกให้เข้ามหา'ลัยได้หรอกค่ะ...นะคะทีเชอร์เมธัส"

ลัลลาเบลถือโอกาสนั้นเอื้อมมือมาเกาะกุมมือทีเชอร์หนุ่มเป็นทำนองขอร้องให้เขาเห็นใจ แต่เมธัสเห็นว่าไม่เหมาะสมจึงดึงมือตัวเองออก ขณะเดียวกันยังสุภาพพอไม่ได้แสดงท่าทีในทางลบให้เห็นแม้ว่าสุดแสนจะอึดอัดใจก็ตาม




************************



เสียงนกกระจิบนกกระจอกที่ต่างร้องทักทายกันในยามเช้า ปลุกชายหนุ่มที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงตื่นจากนิทรา แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องผ่านม่านบางเบาเข้ามาในห้องนอนทำให้ชานนต้องหยีตาสู้แสงแดดมองฟ้าข้างนอก ด้วยความที่เมื่อคืนพายุเข้า นอกจากมีลมกรรโชกแรงแล้วฝนยังเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย เขากับวาดตะวันเลยจำใจต้องค้างคืนที่บ้านแม่หมอจันทรนิมิต โดยมีเด็กสาวดูแลบ้านช่วยหาชุดนอนมาให้สวมใส่แก้ขัด ขณะเดียวกันนั้นก็อุตส่าห์นำชุดที่แขกทั้งสองใส่ไปซักพร้อมอบแห้งให้เสร็จสรรพเพื่อสำหรับผลัดเปลี่ยนในตอนเช้า

เมื่อท้องฟ้ายามนี้กลับมาสว่างสดใสดังเดิมแล้วชานนเลยรีบลุกจากที่นอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ป่านนี้มนชนกคงเป็นห่วงเขาแย่แล้ว เพราะครั้งสุดท้ายที่โทรศัพท์กลับไปบอกน้องสาว ยังไม่ทันจะได้ความโทรศัพท์มือถือกลับแบตหมดเสียก่อน

"คุณออกไปเดินเล่นฆ่าเวลาก่อนก็ได้จ้ะ"

เด็กสาวดูแลบ้านบอกเมื่อเห็นชานนลงบันไดมายังชั้นล่าง ขณะที่เจ้าตัวกำลังทยอยจัดวางอาหารลงโต๊ะ

"ฉันทำอาหารจวนใกล้เสร็จแล้ว เดี๋ยวอีกสักพักแม่หมอก็คงลงมาเองแหละจ้ะ"

ชานนนั้นจะถามถึงเจ้าของบ้านอยู่พอดี พอเด็กสาวดูแลบ้านบอกมาแบบนั้นเลยยืนเคว้งมองความเงียบเชียบภายในบ้านอยู่ครู่

เขาแวะเคาะประตูเรียกวาดตะวันแล้วเนื่องจากหล่อนถูกจับแยกให้ไปนอนห้องข้างๆ แต่เรียกเท่าไหร่คนในห้องก็เงียบเฉย สงสัยยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียง ครั้นจะขอใช้โทรศัพท์บ้านแม่หมอจันทรนิมิตโทร.หามนชนก เด็กสาวดูแลบ้านก็คงไม่มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจ ไปๆ มาๆ ชานนเลยจนใจออกไปเดินเล่นฆ่าเวลาอย่างที่เด็กสาวแนะนำ

สายลมเอื่อยที่พัดผ่านผิวกายนำพาความสดชื่นมาให้ชายหนุ่ม สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดรับเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกาย ต้องยอมรับว่าบรรยากาศยามเช้าที่บ้านแม่หมอจันทรนิมิตนั้นทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะความเขียวชอุ่มของต้นไม้ใบหญ้าที่โอบล้อมอยู่รอบกาย ซึ่งแตกต่างจากบรรยากาศในเมืองอย่างสิ้นเชิงที่มีแต่ควันรถควันบุหรี่ลอยคลุ้งไปทั่ว

"เจ้าออกัสมานี่เร็ว"

เสียงคุ้นหูที่ลอยมาตามสายลมเรียกความสนใจจากชานนหันมอง แล้วต้องประหลาดใจที่เห็นวาดตะวันกำลังนั่งเล่นอยู่ในสวน ไม่ได้มัวแต่นอนขี้เซาอยู่ในห้องอย่างที่เข้าใจ

"คุณยังมีแก่ใจตื่นเช้ามาเล่นกับสัตว์เลี้ยงของคุณอีกเหรอ"

นั่นคือประโยคแรกของวันที่ชานนทักหล่อน ก่อนตามมานั่งเคียงข้าง

วาดตะวันจากที่กำลังอารมณ์สุนทรีย์ร้องเพลงเล่นอยู่กับเจ้ากระรอกตัวน้อยเลยหันมามองเขา

"ทำไมฉันจะเล่นกับเจ้าออกัสไม่ได้ล่ะ"

คำถามใสซื่อเหมือนทุกครั้งนั้น ชานนเริ่มชินแล้วล่ะเลยทำเป็นยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เหยียดกายไปบนสนามหญ้า ทีแรกเขาคิดว่าพอมาถึงบ้านแม่หมอจันทรนิมิตแล้ววาดตะวันจะมีอาการผิดสังเกตให้เขาจับพิรุธได้บ้าง ทว่าผิดคาด เจ้าหล่อนกลับดูสนุกกับการได้เปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวเล่นกับเจ้าออกัสสัตว์เลี้ยงของหล่อนเสียอย่างนั้น บุญแค่ไหนที่ทั้งคนทั้งสัตว์รอดจากอุบัติเหตุเมื่อวานมาได้อย่างหวุดหวิด

"ที่นี่ทั้งสงบและก็สวยพอๆ กับที่ฟลาวเวอรี่ทาวน์เลยละค่ะ เสียดาย น่าจะปลูกพวกไม้ดอกเพิ่มอีกหน่อย"

"คุณพูดอย่างกับบ้านคุณอยู่ในป่าในเขาอย่างนั้น"

"อาจใช่ก็ได้นะคะ" วาดตะวันยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มไม่ได้รับรู้ว่าถูกเขาแซวแขวะ

"อย่างที่ฉันเคยบอกนายไป ฟลาวเวอรี่ทาวน์เป็นแค่เมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งในโลกนิยาย อืม...พูดไปนายก็คงไม่เข้าใจ ฉันอยากพานายไปจัง แล้วนายจะเห็นว่าบ้านฉันมีแต่ดอกไม้สวยๆ ทั้งนั้น แล้วก็หอมสดชื่นด้วย...มีสีสันสวยงามกว่าบนโลกมนุษย์มาก"

ประโยคท้ายชานนรับรู้ได้ถึงความหมองเศร้าเจืออยู่ในน้ำเสียงนั้น

"พวกคุณจ๊ะ แม่หมอให้มาตามไปกินข้าวเช้าด้วยกันจ้ะ"

เด็กสาวดูแลบ้านนั่นเองที่ออกมาเรียก ชานนกับวาดตะวันจึงกลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง...

แม่หมอจันทรนิมิตนั่งรออยู่แล้วในห้องอาหาร เมื่อเห็นหนุ่มสาวตรงหน้าพากันกลับเข้ามาในบ้านก็ผายมือเชื้อเชิญให้ทั้งสองนั่งร่วมโต๊ะทานมื้อเช้าด้วยกัน หากชานนนั้นใจร้อน เขาอยู่รอเจ้าของบ้านมาจนข้ามคืนแล้วแต่แทนที่อีกฝ่ายจะสนใจไถ่ถามถึงธุระของเขาบ้างกลับเอาแต่นิ่งเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เลยอดรนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายเข้าเรื่อง

"ผมต้องการคำอธิบายจากแม่หมอเรื่องกำไลหยกวงนี้"

ชานนวางกำไลหยกสีเขียวอ่อนลงตรงหน้าแม่หมอ

"แม่หมอเอากำไลวงนี้มาให้ผมทำไม แล้วแม่หมอได้มันมาจากไหน"

แม่หมอจันทรนิมิตยังคงวางมาดนิ่งขรึมดั่งหมอดูผู้ทรงศีล ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

"เอาไว้พวกคุณอิ่มแล้วค่อยคุยกันถึงเรื่องนี้"

แม่หมอส่งสายตาบอกเด็กดูแลบ้านทำนองให้เลื่อนเก้าอี้ให้แขกเป็นเชิงบังคับกรายๆ ไม่รู้เขารู้สึกไปเองรึเปล่าว่าอีกฝ่ายต้องการกวนประสาทเขาเล่นจึงชักหัวเสีย ตั้งท่าจะเอาเรื่องแม่หมอ ร้อนถึงวาดตะวันต้องดึงตัวชายหนุ่มข้างกายให้ลงนั่งบนโต๊ะอาหารตรงที่ที่เด็กสาวดูแลบ้านจัดไว้ให้เพื่อให้เขาใจเย็นลง แต่คราวนี้กลับกลายเป็นเจ้าของบ้านเสียเองที่ลุกจากเก้าอี้ดื้อๆ เสียอย่างนั้น ทำนองหมดอารมณ์ที่จะลิ้มรสอาหารตรงหน้า เดินเลี่ยงออกจากห้องอาหารไป

ชานนเห็นก็ยิ่งได้ใจตามแม่หมอออกมา

"ตกลงแม่หมอจะยอมบอกผมแล้วใช่มั้ย"

"ดิฉันได้บอกเหตุผลนั้นกับน้องสาวของคุณไปหมดแล้ว"

"แต่ผมไม่เข้าใจ" ชานนก้าวยาวๆ ไม่กี่ก้าวก็มาดักหน้าแม่หมอไว้ได้

วาดตะวันนั้นตามชานนกับแม่หมอจันทรนิมิตออกมาจากห้องอาหารเช่นกัน ก่อนหน้านี้หล่อนไม่ลืมคว้ากำไลหยกที่ชานนทิ้งไว้บนโต๊ะอาหารมาด้วย สวมใส่กำไลวงนั้นอย่างคุ้นเคย พลันนั้นแม่หมอจันทรนิมิตก็หันมองมาทางหญิงสาวที่เพิ่งตามออกมาอย่างสนใจ เพราะสะดุดตากับสีของกำไลหยกที่ประกายเข้มขึ้นจนเห็นได้ชัด

"เหตุนี้นี่เองพวกคุณถึงได้มาหาดิฉันถึงที่นี่"

สีหยกประกายสวยชวนให้แม่หมอหลงไหล ดึงมือวาดตะวันมาสัมผัสใกล้ๆ แล้วต้องผุดรอยยิ้มแปลกประหลาดให้เห็นที่มุมปาก

"สักวันหนูก็จะหาทางกลับบ้านได้เอง"

"แม่หมอรู้เรื่องของหนูด้วยเหรอคะ" วาดตะวันมีความหวังขึ้นมา เกาะกุมมือแม่หมอไว้เช่นกัน

"หนูต้องทำยังไงคะถึงจะได้กลับบ้าน"

"เมื่อถึงเวลานั้นหนูก็จะรู้เองจ้ะ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับตัวหนูเองและผู้ชายคนนี้ด้วย" แม่หมอจันทรนิมิตพูดแค่นั้นก็ปล่อยมือวาดตะวัน เหลือบมองมาทางชานนด้วยหางตาแวบหนึ่งก่อนที่จะหันหลังให้เดินผละจากไป #



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ค. 2558, 12:54:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ค. 2558, 14:46:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 980





<< บทที่ 5 (ครึ่งแรก)   บทที่ 6 (ครึ่งแรก) >>
Zephyr 11 พ.ค. 2558, 00:20:24 น.
ปมเยอะจังนะ


สรัน 13 พ.ค. 2558, 13:37:52 น.


Zephyr 28 พ.ค. 2558, 19:32:58 น.
ป้าลัล นางจะทำไรป้า
ป้าไปอยู่ส่วนป้าเหอะ


สรัน 29 พ.ค. 2558, 12:35:33 น.
ลัลลาเบลได้ยินว่าป้า สะดุ้งโหยง55555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account