หยกวาดตะวัน
"ฉันชื่อวาดตะวัน มาจากในนิยาย นิยายบนโลกมนุษย์นี่แหละ!"


เสียงเล็กแหลมของสาวน้อยที่แฝงไว้ด้วยความมาดมั่นร่ำร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
ทำเอาชานนอยากจะเป็นบ้าตาย


ตอนนี้ชีวิตเขาวุ่นวายมากพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะหน้าที่การงานหรือว่าคนรัก
เขาเพิ่งถูกแฟนสาวสลัดทิ้งมาหมาดๆ

แต่แล้วจู่ๆ วันดีคืนดีก็มีผู้หญิงร่างเล็กบอบบางแทบปลิวได้ตกลงมาในบ้านเขา
ซ้ำร้ายยังเอาแต่พร่ำเพ้อว่าตัวเองหลุดมาจากโลกในนิยาย

งานนี้ไม่รู้ว่าหล่อนหรือเขากันแน่ที่บ้า

...ทางเดียวที่ทำได้คือเขาต้องไล่หล่อนกลับไปในโลกนิยายอย่างนั้นเหรอ ?

Tags: นักเขียน แฟนตาซี ปาฎิหารย์ ใสซื่อ เวทย์มนตร์

ตอน: บทที่ 6 (ครึ่งแรก)

บทที่ 6



"ให้ตายสิ มาเสียเวลาเปล่าจริง"

ชานนบ่น เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งมาตลอดทางตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว เพราะแม่หมอจันทรนิมิตเล่นไม่ให้ความกระจ่างแก่เขาสักอย่าง ไม่วายยังตอบกลับมาแบบกำปั้นทุบดิน อมพะนำอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นั่นเอง ถ้ารู้ว่าต้องมาเจอหมอดูกวนประสาทแบบนี้ เขาไม่ถ่อสังขารขับรถมาตั้งไกลให้เปลืองน้ำมันเล่นหรอก มีตาทิพย์จริงรึเปล่าก็ไม่รู้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องบอกเขามาแล้ว ให้เสียเวลาอยู่รอทั้งคื่นเพื่อ!?

“...นี่คุณฟังผมอยู่รึเปล่า" หงุดหงิดคนเดียวไม่พอยังพานมาลงที่วาดตะวัน ซึ่งนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ

"รู้สึกคุณไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรบ้างเลยนะ หรือว่าไม่อยากกลับบ้านแล้ว"

"ใครว่าฉันไม่อยากกลับบ้าน..." วาดตะวันตอบเสียงเศร้าๆ หล่อนกำลังเหม่อลอยนึกถึงคำพูดที่แม่หมอจันทรนิมิตให้ไว้

"แม่หมอนั่นนึกว่าตัวเองสำคัญตาย" ชานนยังคงบ่นไม่เลิก "สงสัยคงเคยเจอแต่คนคอยเอาเงินมาประเคน แทบจะก้มกราบล่ะสิถึงได้เล่นตัวเอาโล่"

"แต่ก่อนที่เราจะขึ้นรถ แม่หมอก็ให้เด็กในบ้านวิ่งตามเอากระดาษโน้ตมาให้พวกเรานะ"

วาดตะวันคลี่กระดาษโน้ตแผ่นนั้น มันยับยู่ยี่ไปหน่อยเพราะผ่านมาหลายมือ ก่อนที่จะอ่านข้อความสั้นๆ ที่แม่หมอจันทรนิมิตเขียนฝากไว้ให้บนกระดาษเล็กๆ แผ่นนั้นอีกครั้ง



'คนใกล้คือคนไกล'



คำบอกใบนั้นชานนจำได้อยู่หรอก แต่ยังไงก็ไม่ได้ช่วยให้เขาแจ่มชัดขึ้นมาสักนิด อาจเป็นเพราะเขาไม่ศรัทธาในตัวแม่หมอจันทรนิมิตอยู่แล้วด้วยเลยรู้สึกว่ามันเลื่อนลอย ไร้สาระสิ้นดี ไม่ต่างจากเหตุผลที่แม่หมอให้กำไลหยกวงนั้นแก่เขา จนตอนนี้เขาเลยยังไม่รู้อยู่ดีว่าตกลงนั่นใช่กำไลหยกของวาดตะวันจริงรึเปล่า แล้วทำไมสายตาที่แม่หมอจันทรนิมิตมองมาทางเขาครั้งสุดท้าย...ถึงได้ดูเหมือนต้องการที่จะฝากฝังสาวข้างกายไว้กับเขายังไงยังงั้น

"นายระวัง!"

อยู่ดีๆ วาดตะวันก็ร้องเสียงหลงออกมา ฉุดคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดตกใจรีบเหยียบเบรกรถดังเอี๊ยด

วาดตะวันมีอาการตื่นตระหนกตกใจยิ่งกว่าคนขับ รีบลงรถไปดูเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ล้มลงไปนั่งหน้าซีดเผือดอยู่หน้ารถ ชานนเองเพิ่งได้สติตามหลังวาดตะวันมาเลยรู้ตัวว่าเกือบขับรถชนเด็กคนนั้น

"ลูกแม่...!"

มารดาของเด็กผู้หญิงใจหายใจคว่ำไม่แพ้กัน ตาลีตาเหลือกเข้ามาหาลูกสาว ก่อนหน้านี้หล่อนมัวแต่สนใจซื้อลูกชิ้นปิ้งข้างทาง เลยไม่ทันสังเกตว่าลูกสาวตัวเองทำของเล่นหลุดมือเลยจะวิ่งไปเก็บบนถนน โชคดีที่วาดตะวันเห็นเข้าเสียก่อน ไม่อย่างนั้นชานนอาจขับรถชนเด็กไปแล้ว

พอเห็นแม่ เด็กคนนั้นก็ทำท่าจะเบะปากร้องไห้ วาดตะวันเลยต้องช่วยพยุงพาหลบไปนั่งบนฟุตปาธข้างทาง โดยมีแม่เด็กตามมาไม่ห่าง

"ต้องขอโทษพวกคุณด้วยนะคะ ฉันผิดเองค่ะที่ไม่ทันระวัง"

"ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราเองก็ต้องขอโทษคุณเหมือนกันที่เกือบชนน้อง...ใช่มั้ยนาย" วาดตะวันหันมาพยักเพยิดกับชายหนุ่มข้างกาย รายนั้นเพิ่งลงรถมาอีกรอบเพราะหายไปเอารถเทียบจอดข้างทางมาเลยอึกอักตอบไปว่า

"ครับคุณน้า เอ่อ...ยังดีที่ผมขับมาไม่เร็วมาก คราวหลังคุณน้าก็อย่าเผลอปล่อยแกไว้คนเดียวอีกนะครับ ผมกลัวจะไม่โชคดีเหมือนอย่างวันนี้"

ผู้เป็นแม่ยิ้มขอบคุณในคำเตือนสติของชานนทั้งน้ำตา โอบกอดลูกสาวไว้ในอ้อมแขนปลอบ

ชานนมองสองแม่ลูกแล้วต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนมองเลยผ่านมายังวาดตะวัน ทว่าภาพที่เขาเห็นคือแม่คุณกำลังมองสองแม่ลูกคู่นั้นน้ำตารื้นซาบซึ้งในความรัก ประหนึ่งตัวเองเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวตรงหน้าเสียอย่างนั้น

"พะ...พี่นน!"

มนชนกหน้าตาตื่นทันทีที่เห็นพี่ชายลงจากรถมาเปิดประตูรั้ว

"เรามาก็ดีแล้ว พาวาดตะวันเข้าบ้านไปเลย เดี๋ยวพี่ต้องไปที่สถาบันสอนพิเศษอีก"

"แต่ว่าพี่..."

"อ้อ แล้วไม่ต้องรอกินข้าวเย็นนะ" ชานนไม่ฟังเสียงน้องสาว เพราะจวนใกล้ถึงเวลาสอนเข้าไปทุกทีแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาไม่รีบบึ่งรถกลับมาบ้านหรอก

"เย็นนี้พี่ต้องไปรับพี่ดาเขาที่ทำงานอาจเลยไปกินข้าวด้วยกันต่อ ยังไงพี่ฝากเราดู...ดา!" ชานนชะงัก

อยู่ดีไม่ว่าดีรินรดาก็โผล่ออกมาจากบ้านเขา สายตาของหญิงสาวผู้นั้นที่มองมาทางชานนทำให้น้องสาวอย่างมนชนกกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก เนื่องจากรินรดาอยู่ในบ้านกับหล่อนตั้งแต่ก่อนที่พี่ชายจะกลับมาได้สักพักแล้ว เลยตกใจจะรีบบอกให้พี่ชายรู้เรื่องแต่พี่ชายเว้นช่องว่างให้ได้พูดเสียที่ไหนกันเล่า คนไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างชานนเลยถึงกับนิ่งอึ้ง มองแฟนสาวค้างอยู่อย่างนั้น

"ขะ...คุณมาบ้านผมตั้งแต่เมื่อไหร่...เอ่อ...ผมนึกว่าคุณทำงาน"

"วันนี้วันเสาร์ ดาทำงานแค่ครึ่งวัน...นนลืมแล้วเหรอคะ" รินรดาหมดใจที่จะพูดด้วย เดินผ่านหน้าเขาออกประตูรั้วบ้านไป

ชานนซึ่งยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ต้องหันมาถามน้องสาว รายนั้นเลยเล่าว่ารินรดาพยายามโทรศัพท์หาเขาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว พอติดต่อเขาไม่ได้เลยโทร.เข้าเบอร์บ้าน มนชนกเป็นคนรับสายเลยอ้อมแอ้มโกหกรินรดาไปว่า พี่ชายไม่สบายนอนพักอยู่ในห้อง รินรดาก็คงเป็นห่วงเลยมาเยี่ยมอย่างที่เห็น ร้อนถึงคนป่วยโดยไม่รู้ตัวต้องตามไปง้อแฟนสาว แถมคราวนี้เรื่องใหญ่ด้วย เพราะรินรดาเห็นเต็มสองตาว่าเขากลับมาพร้อมวาดตะวัน!

"นั่นใครเหรอคะน้องออม"

วาดตะวันถามเมื่อถูกมนชนกพาลงจากรถรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ หลบลี้ภัยเข้ามาในบ้าน

"พี่ดา...แฟน...เอิ่ม...ออมหมายถึงเธอเป็นคนรักของพี่นนน่ะค่ะ พอดีเธอมาหาพี่นนที่บ้าน แต่ออมไม่อยากให้พี่ดารู้เรื่องที่พี่นนพาพี่วาดตะวันไปค้างคืนที่บ้านแม่หมอจันทรนิมิตมาเลยโกหกพี่ดาไปว่าพี่นนไม่สบาย" ว่าแล้วมนชนกก็จับวาดตะวันนั่งลงบนโซฟาด้วยกัน

"แล้วพวกพี่ไปหาแม่หมอมาได้เรื่องยังไงบ้างคะ"

วาดตะวันเพียงส่งกระดาษโน้ตให้อีกฝ่าย ส่วนตัวหล่อนนั้นยังคงเมียงๆ มองๆ ชานนกับรินรดาผ่านบานหน้าต่าง ชานนพยายามอธิบายให้รินรดาเข้าใจ แต่ดูเหมือนฝ่ายหญิงจะปักใจเชื่อภาพที่เห็นในรถไปแล้วเลยต่อว่าแฟนหนุ่มยกใหญ่ ตบหน้าชานนเสียหน้าหัน ก่อนที่รินรดาจะปาดน้ำตาทิ้งหนีขึ้นรถแท็กซี่แถวนั้นไปต่อหน้าต่อตาเขา




สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ค. 2558, 13:37:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ค. 2558, 13:37:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 937





<< บทที่ 5 (ครึ่งหลัง)   บทที่ 6 (ครึ่งหลัง) >>
Zephyr 14 พ.ค. 2558, 00:16:33 น.
พี่นนต้องโดนยายดาตบอีกกี่รอบเนี่ย กว่าจะเลิกกันอ่ะ


สรัน 14 พ.ค. 2558, 23:26:35 น.
ไม่แน่ พี่นนอึด อาจไม่เลิกก็ได้นะคะ 55555555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account