พันธะรักจอมเถื่อน
ความทรงจำที่หายไปหลังจากประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากเรือ

ทำให้ ‘อรอาภา’ นักออกแบบเครื่องประดับสาวที่กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูง

ลืมเลือนไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่ว่าตน ‘แต่งงาน’ และมี ‘สามี’ แล้ว

มิหนำซ้ำ ผู้ชายคนนั้นยังรักใคร่และดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี

จนกระทั่งหญิงสาวตายใจ ยอม ‘ทำหน้าที่เมีย’ ให้แก่เขาอย่างเต็มที่ ทุกวันและทุกคืน

แม้จะแปลกใจที่ ‘ร่างกายเธอ’...

ดูจะไม่คุ้นเคยกับการกอดรัดฟัดเหวี่ยงอันเร่าร้อนของเขาแม้แต่น้อย

หากไม่นานความจริงก็เริ่มปรากฏ...

ว่าคนที่เธอได้ ‘ทำความรู้จัก’ กันมาแล้วอย่างลึกซึ้งและถึงพริกถึงขิง 

แท้ที่จริงเป็นซาตานจอมขี้โกง เชื่อใจไม่ได้ ที่หวังล่อลวง 

และใช้ความโชคร้ายของเธอเป็นเครื่องมือบำเรอความสุขเพียงเท่านั้น!

ไม่มีใครล่วงรู้ว่าทำไม... ผู้ชายระดับ ‘ฟาเบียโน่ ลูอิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า’ 

นักธุรกิจมหาเศรษฐี เจ้าของเหมืองเพชรและทองแหล่งใหญ่ของประเทศบราซิล

จึงไม่รีรอที่จะสอนจังหวะร่างกายอันกระแทกกระทั้นเร้าใจอย่างหนุ่มละตินให้แก่เธอ

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้...  ถ้าคิดจะให้เขาชายตามองผู้หญิงแพศยา

ให้กินเศษเดนความสาวที่ผ่านมือชายมาเป็นร้อยน่ะหรือ... อย่าฝันไปเลย!

แต่เพราะอะไร ‘ความลับนั้น’ คงมีแต่เขาคนเดียวที่รู้...

และฟาเบียโน่ก็จะเก็บมันเอาไว้ ‘อย่างมิดชิด’ ให้เป็นปริศนา 

เช่นเดียวกับที่เขาตั้งใจจะหน่วงเหนี่ยวเธอเอาไว้เป็นทาสบำเรอบนเตียงตลอดกาล

“ตายจริงเฟลิกซ์!! คุณได้แผลกลับมาด้วย ขอฉันดูหน่อยสิคะ”

อรอาภาตกใจพลางดึงใบหน้าที่ซบลงตรงหว่างอกของตัวเองออกมาอย่างยากลำบาก

หากแต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าตัวแม้แต่น้อย

ปากและจมูกของฟาเบียโน่ระดมจูบไปทั่วอกอวบทั้งสองข้าง

สูดกลิ่นหอมยวนใจที่ฝันหามาแสนนานเข้าเต็มปอด

“อื้อ... ดะ...เดี๋ยว เฟลิกซ์! ฉันอยากดูแผลให้คุณก่อน อื้อ...”

“แผลแค่นี้ไม่ทำให้ผมตายหรอกเมียจ๋า... 

ถ้าจะตายก็คงตายเพราะไม่ได้รักคุณมากกว่า”

ฟาเบียโน่พูดอู้อี้กับอกอิ่มพร้อมออกแรงรัดเอวคอด

ลอยขึ้นด้วยแขนทรงพลังเพียงข้างเดียว
Tags: ฟาเบียโน่ - อรอาภา

ตอน: ตอนที่ 9 100%

บ่ายวันหยุดของทุกสุดสัปดาห์ ฟาเบียโน่และอรอาภาต้องเดินทางออกจากวิลล่าในบูซิโอสเพื่อกลับสู่รีโอ เพื่อที่ฟาเบียโน่จะได้กลับมาทำงานในวันรุ่งเช้าได้อย่างสะดวก ทั้งคู่เดินทางไปมาระหว่างรีโอกับบูซิโอสนี้ทุกสัปดาห์ตลอดระยะเวลาสองเดือนกว่าที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เรือยอร์ชสีขาวราคาแพงระยับที่เขียนไว้ว่า ‘Ginger’ เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษด้วยสีน้ำเงินเข้มจรงด้านข้างของเรือยอร์ชนั้น ปรากฏให้เห็นเด่นจนเจ้าของชื่ออดยิ้มกับความเอาใจใส่ของสามีตัวโตไม่ได้

การเรียนรู้นิสัยใจคอของคนแข็งทื่ออย่างฟาเบียโน่ ทำให้อรอาภาไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าเหตุใดตัวเองถึงตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกับเขาทั้งที่ยังไม่ได้มีพิธีวิวาห์กัน เขาเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดของเธอ ยามที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาจะทำหน้าขรึม เชิด หยิ่งทะนง รอบตัวสามารถเปล่งรัศมีที่ทำให้คนอื่นขยาด ไม่กล้าเข้าใกล้แต่เมื่อเขาอยู่กับเธอแล้วเขากับเหมือนอบอุ่น ขี้เล่น บางครั้งก็เอาแต่ใจตัวเองเหมือนเด็กๆและเป็นผู้ชายหล่อเหลาที่โรแมนติดที่สุดในโลก!!

“คิดอะไรอยู่ ยิ้มคนเดียวก็ได้ด้วย??” ฟาเบียโน่สอดมือของตัวเองเข้ากอดเอวคอดกิ่วจากด้านหลัง เมื่อเห็นภรรยาสาวของตัวเองยืนยิ้มหวานให้ทะเลกว้างอยู่คนเดียว

อรอาภาพิงตัวเองกับอกกว้างด้านหลังทั้งตัว “คิดว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ได้รักคุณ และคุณก็รักฉัน ฉันอาจจะเป็นเด็กกำพร้าแต่เล็กแต่ก็ยังโชคดีนักที่โตขึ้นมาแล้วมีคุณเป็นครอบครัวของฉัน มีคุณเป็นสามี มีคุณให้ฉันได้รัก”

หัวใจแกร่งเต้นระรัวราวกลองรบที่ตีปลุกใจทหารก่อนออกศึก! คำบอกรักที่ได้ยินมันทำให้เขายิ้มจนแก้มแทบปริ ความสุขลอยวนเวียนอยู่รอบตัว แต่อรอาภากลับไม่ได้เห็นยิ้มอย่างภูมิใจนั้นเพราะเขากดคางคร้ามของตนเองไว้กับกระหม่อมบาง กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น พลางเอ่ยปากถามออกไปราวกับว่าเธอกำลังเพ้อไปคนเดียว “วันนี้เป็นอะไรซึ้ง... มาเชียว?”

อรอาภาทำหน้ามุ่ยเมื่อได้ยินคำถาม พร้อมหมุนตัวกลับมาแหนหน้ามองตาเขาอย่างขัดใจ! “เสียอารมณ์หมด! ฉันกำลังบอกรักคุณอยู่นะ แทนที่คุณจะบอกว่าคุณก็รักฉันมากเหมือนกัน ขอบคุณที่ฉันรักคุณสิมันถึงจะถูก!!”

ฟาเบียโน่ยังยิ้มหน้าตายต่อไป มองภรรยาตีทะเบียตัวน้อยในอ้อมแขนที่ทำหน้าง้ำหน้างออย่างเอ็นดู

“พูดสิ! บอกว่าคุณก็รักฉันเหมือนกัน” อรอาภาคะยั้ยคะยอแต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ ที่ได้มามีเพียงรอยยิ้มร้ายกาจของผู้ชายน่าโมโหคนนี้เท่านั้น

“จำได้ก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน” ฟาเบียโน่ตอบเสียงเอื่อยเฉื่อย ตีคิ้วหนาข้างหนึ่งขึ้นใส่ตาเธออย่างท้าทาย

“ไม่พูดก็ช่างคุณ ฉันรู้... ว่าคุณน่ะรักฉันจนจะจุกอกตายอยู่แล้ว แต่ขี้ขลาด ขี้งอนที่ฉันจำคุณไม่ได้ใช่ไหมล่ะก็เลยยังไม่อยากพูด”

อรอาภาคิดไปเองว่าการที่ฟาเบียโน่ไม่ยอมบอกรักเธอทั้งที่แสดงว่าให้เห็นเช่นนั้นมาตลอดเพราะฟาเบียโน่ยังงอนที่แม้แต่เขาเธอก็ยังจำไม่ได้!! “ช่างคุณสิ!! ไม่พูดก็เรื่องของคุณ ฉันพูดเองก็ได้ ฉันรักคุณๆๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อจากนี้ไปจะจำคุณได้หรือจำไม่ได้ฉันก็จะรักคุณอยู่กับคุณไม่ไปไหนเด็ดขาด”

คำบอกรักอย่างหนักแน่น ซ้ำไปซ้ำมาของคนในอ้อมแขนทำให้ชายวัยสามสิบห้าปีเต็ม อิ่มเอิบไปด้วยความสุขไหลวนเวียนไปทั่วร่าง มันเหมือนทำให้รู้สึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ สูงขึ้นอีกหลายฟุต!! เธอจะอยู่กับเขาไม่ไปไหนเด็ดขาดอย่างนั้นหรือ?? พอคิดถึงคำพูดนี้ของเธอแล้ว ฟาเบียโน่รู้สึกดีได้ไม่นาน ความจริงที่ปกปิดเธออยู่ก็กลับมาทำให้หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกทันที หากเธอรู้ว่ามีคนรักอยู่แล้ว! เพราะเหตุใดถึงต้องอยู่ที่นี่!! เขายังหลอกและปิดบังความจริงอยู่หลายเรื่อง!! เมื่อเธอรู้แล้วจะยังบอกว่ารักและอยู่กับเขาตลอดไปรึเปล่า??!

ฟาเบียโน่ทำอะไรไม่ได้มากไปว่าการย้ำให้เธอทำตามคำพูดของเธอเอง “จำคำพูดของตัวเองและกรุณาทำตามให้ได้ด้วยก็แล้วกัน จิงเจอร์”

“ก็ทำอยู่นี่ไงล่ะ คุณต่างหากตาทึ่ม!! แข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ไม่รู้จักโรแมนติกเอาซะเลย” อรอาภาว่าเข้าให้ แต่ฟาเบียโน่ทำหน้านิ่งราวกับไม่แน่ใจในคำพูดของเธอ ชายหนุ่มหลีกเลี่ยงที่จะไม่คิดถึงความจริงที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวดนั้นโดยการเปลี่ยนเรื่องคุยกับคนในอ้อมแขนทันที

“นี่จิงเจอร์ เมื่อกี้พนักงานที่คิงส์ ออฟ เจมส์ โทรฯมาบอกผมว่าเครื่องประดับที่คุณออกแบบทำเสร็จออกมาแล้วนะ เย็นนี้เขาจะเอามาให้คุณดูที่บ้านของเรา”

“คุณว่ามันจะขายได้เหรอคะ? ฉันไม่มั่นใจว่าจะถูกใจกลุ่มลูกค้าของคุณเท่าไหร่!”

“ขายไม่ได้ก็ไม่ต้องขายสิแต่กังวลไปทำไม ใครไม่ซื้อเดี๋ยวผมเหมาไว้เอง เรื่องเล็กจะตายไปที่สำคัญขอแค่คุณสบายใจที่จะทำมันเท่านั้น” ฟาเบียโน่บอกอย่างไม่ยี่หระ เหมือนการจะซื้อเครื่องเพชรแต่ละชิ้นสำหรับเขามันเป็นเงินแค่น้อยนิด ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาต้องการสร้างความมั่นใจให้เธอต่างหาก

“ค่า... เอาอย่างนั้นก็ได้ฉันลืมไปว่ามีสามีรวย เป็นเจ้าของเหมืองเพชรเหมืองทองคำ” อรอาภาเบ้ปากหมั่นไส้ ว่าประชดให้แต่ฟาเบียโน่กลับยักไหล่ไม่สนใจ ก็เขาเป็นอย่างที่เธอว่าจริงๆ และตอนนี้ก็ถึงฝั่งแล้วจึงไม่อยากต่อปากต่อคำกับเธอนัก

ฟาเบียโน่กระโดดลงจากเรืออย่างคล่องแคล่ว แล้วหันกลับมาใช้มือหนาทั้งสองข้างจับเข้าที่เอวคอดพร้อมยกร่างอ้อนแอ้นจากเรือลงมาวางภรรยาสาวลงอย่างอ่อนโยนมี่หาดทรายเนื้อละเอียด อรอาภากล่าวขอบคุณเบาๆ พร้อมระบายยิ้มบนใบหน้ารูปหัวใจของตัวเองให้สามี หญิงสาวคล้องแขนแกร่งเดินมาเรื่อยๆเพื่อจะไปขึ้นรถคันยาวที่จอดรออยู่ แสงแดดอันร้อนระอุในช่วงบ่ายของวันทำให้หน้าผากกว้างของฟาเบียโน่มีเหงื่อเป็นเม็ดๆผุดขึ้น อรอาภาจึงดึงผ้าเช็ดหน้าของตนเองออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นของตน พร้อมหมุนตัวเองเข้าหาสามีหมายจะซับเหงื่อที่หน้าผากให้เขา

ปุ๊!!! ปุ๊!!! ปุ๊!!!

แรงมหาศาลของกระสุนปืนที่ประทะเข้ากับร่างอ้อนแอ้นของอรอาภา ทำให้เธอนิ่งงันไปชั่วขณะพร้อมกับเสียการทรงตัว! เข่าอ่อนทรุดลงกับอกกว้างทั้งตัว!!

“จิงเจอร์ๆ” ฟาเบียโน่เรียกภรรยาสาวอย่างตกใจ เธอโดนยิง มือหนาของตนเองที่กุมอยู่บนหัวไหล่เหนียวๆสีแดงสดไหลลงตามซอกมือใหญ่ของฟาเบียโน่ ดีเกาและอิบันที่วิ่งตามมาทีหลัง ชักปืนออกมาจากบั้นเอว เหลียวซ้ายแลขวาสอดสายตาหาต้นตอของกระสุนที่คนร้ายยิงพลาดตกลงบนหาดทราย แต่บริเวณนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ฟาเบียโน่รู้ได้ทันทีว่าพวกมันลอบยิงจากที่ที่ห่างไกลนัก และไม่ใช่เวลาที่จะตอบโต้พวกมันกลับคืนตอนนี้เขาต้องช่วยร่างระทดระทวยในอ้อมแขนนี้ให้ปลอดภัยเสียก่อน!!
ฟาเบียโน่พลิกร่างบางให้ซบอยู่กับอกตนเองแล้วมองดูที่ด้านหลังของภรรยาสาว เธอโดนยิงบริเวณหลังต่ำกว่าหัวไหล่ประมาณสิบห้าเซนติเมตร “เป็นยังไงบ้างจิงเจอร์??”

“จะ...เจ็บค่ะ มันเจ็บ จนชา... ไปหมดแล้วเฟลิกซ์” อรอาภาละล่ำละลักบอก ความเจ็บที่ได้รับมันมากจนทำให้รู้สึกว่ามีน้ำตาคลออยู่เต็มตาตัวเอง

“อดทนนะที่รัก ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล” ฟาเบียโน่บอกพร้อมช้อนร่างอ่อนระทวยของภรรยาขึ้นมาในวงแขน ก้าวขึ้นรถคันยาวที่ดีเกาเปิดประตูรอไว้อยู่แล้ว “ไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด!” ฟาเบียโน่สั่งเสียงเข้ม

“ฉันจะตาย... ไหมคะเฟลิกซ์?? ทำไมมันเจ็บ... อย่างนี้!!” คนไม่เคยโดนยิงว่าเสียงอ่อย น้ำตาร้อนๆยังไหลเป็นทางไม่ขาดสาย

“ไม่ตายหรอกที่รัก แค่นี้ไกลหัวใจ สัญญาว่าผมจะลากคอพวกมันมาให้คุณตัดนิ้วเล่นทีละนิ้วเลยล่ะ” ฟาเบียโน่บอกพร้อมใช้นิ้วแข็งแรงป้ายน้ำตาออกจากใบหน้างดงามที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นซีดเซียวแล้ว ไม่นานนักเจ้าของใบหน้าซีดเซียวก็หมดสติไปพลัน ก่อนที่รถจะจอดหน้าโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา


สองชั่วโมงต่อมาฟาเบียโน่เฝ้ามองร่างบางที่นอนตะแคงหลับนิ่งสนิท หลังจากที่คุณหมอได้ทำการผ่าตัดเอากระสุนที่ฝังอยู่ในเนื้อนวลของเธอออกมา จากนั้นจึงย้ายหญิงสาวเข้ามาพักฟื้นที่ห้องพักวีไอพีแห่งนี้ ฟาเบียโน่ขอกระสุนที่คุณหมอผ่าออกมาได้ส่งให้ดีเกาไปเทียบหาแหล่งที่มา พวกมันคือคนกลุ่มไหนที่บังอาจมาทำให้ดวงใจของเขาต้องพบเจอกับความเจ็บปวด ซึ่งความจริงแล้วเขารู้แก่ใจตัวเองดีว่าเป้าหมายที่แท้จริงของพวกมันคือเขาต่างหาก แต่อรอาภาเป็นคนที่มารับเคราะห์นั้นแทน!!

ฟาเบียโน่รู้ดีว่ากระสุนไม่ได้โดนจุดสำคัญและไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่เกือบชั่วโมงที่เธออยู่ในห้องผ่าตัดนั่น!! มันทำให้รู้สึกเหมือนมีคีมเหล็กอันใหญ่มาบีบคั้นหัวใจไว้ตลอดเวลา เขาไม่ต้องการให้เธอพบพานกับความเจ็บปวดไม่ว่าจะทางร่างกายหรือจิตใจ มันตอกย้ำให้ฟาเบียโน่ไม่อาจปฏิเสธใจตัวเองได้ว่า รักผู้หญิงที่นอนหลับสนิทอยู่ตรงหน้านี้มากเพียงไร หากแม้ช่วงเวลาของชีวิตต่อจากนี้ไปเขาคงจะอยู่ไม่ได้หากปราศจากผู้หญิงที่ชื่ออรอาภา เพราะเมื่อตอนที่เธออยู่ในห้องผ่าตัดนั้น เขาไม่สามารถกำหนดแม้ลมหายใจเข้าออกของตัวเองให้เป็นปกติได้ จิตใจกระวนกระวาย ร้อนเร่า ราวกับใครเอาไฟมาสุมไว้ในอก!!!

เวลานี้เขาอยากให้เธอลืมตาขึ้นมาพูดคุยออดอ้อนอย่างที่เธอชอบทำ ฟาเบียโน่ละสายตาจากร่างบอบบางตรงหน้า เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยเดินใกล้เข้ามา

“ข่าวเร็วเสมอนี่ อาร์ตี้” ฟาเบียโน่ทักน้องชายร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวด้วยชื่อเล่นที่เรียกขานกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยวีไอพี

อเตต้าร์ เมนดิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า น้องชายคนเดียวของฟาเบียโน่ บุรุษผู้มีบุคลิกอันห้าวหาญ เถื่อนดิบนักถ้าเทียบกับผู้เป็นพี่ชาย ชายหนุ่มก้าวเข้ามายืนเคียงข้าง สายตาคมกริบมองใบหน้างดงามบนเตียงคนป่วยแล้วเหลือบตาหันมามองพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างๆตัวเอง

“คนนี้ใช่มั้ยเมียตีทะเบียนของพี่??” อเตต้าร์เหล่มองพี่ชายและยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นฟาเบียโน่พยักหน้ารับ “ความจริงผมกะจะมาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่ว่าง”

“แล้วทำไมถึงว่างได้ล่ะ?” ฟาเบียโน่ถามกลับ

“ความจริงไม่ได้ว่างเล้ย... แต่ปู่อยากเห็นหน้าหลานสะใภ้ บ่นเช้าบ่นเย็นจนผมหูชา น้อยอกน้อยใจว่าพี่ไม่พาเธอไปหาน่ะสิ ผมก็เลยต้องมาหาเอง นี่... คงมีใครส่งข่าวไปบอกแล้วว่าเธอโดนลูกหลง! ดีนะที่ผมรู้ตอนที่กำลังจะออกจากรีโอกรันดี โดซุล ไม่งั้นไปหาที่รีโอเดอจาเนโรก็คงไม่ได้เจอกันอยู่ดี” อเตต้าร์รู้ดีว่าพี่ชายของตนสามารถรับมือกับพวกมือปืนลอบยิงได้สบายอยู่แล้ว

“เธอไม่เป็นอะไรมากหรอก โดนยิงที่ด้านหลัง หมอผ่าเอากระสุนออกมาแล้ว นี่ก็กะว่าถ้าเธอฟื้นขึ้นมาแล้วจะขออนุญาตหมอกลับไปพักฟื้นที่บ้านเลย”

“แล้วรู้รึยังว่าเป็นพวกไหน??”

“ดีเกากำลังสืบหาพวกมันจากหัวกระสุนอยู่ ไม่นานคงได้รู้ว่าพวกระยำนั่นมันเป็นใคร?” ฟาเบียโน่บอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม!
พอได้เห็นแววตาอำมหิต ได้ยินน้ำเสียงอาฆาตแค้นของพี่ชายแล้ว อเตต้าร์รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญมากแค่ไหน “ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า... รู้ว่าพี่ต้องตอบแทนพวกมันอย่างสาสมแน่ แต่พี่ควรจะเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังบ้างนะ ถ้าปล่อยให้ผมกลับไปเฉยๆแบบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรของเธอเลย ปู่คงได้ฆ่าผมตายแน่!!”

ฟาเบียโน่มองหน้าน้องชายด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าการันก้า โอลีเวย์ร่า ชายชราวัยแปดสิบปีของทั้งคู่อยากให้หลานทั้งสองมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนสักเพียงใด เพราะอยากเห็นหน้าทายาทรุ่นต่อไปของตัวเองเต็มทีแล้ว ถึงแม้ว่าท่านจะนั่งอยู่บนรถเข็ญตลอดเวลา เนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อยี่สิบปีก่อนแต่เสือเฒ่าการันก้าก็ไม่เคยตกข่าวเกี่ยวกับหลานชายทั้งสองคนไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัวก็ตาม

อเตต้าร์เลิกคิ้วแปลกใจหลายครั้งหลายหน เมื่อได้ยินเรื่องราวของสาวหน้าหวานจากปากของพี่ชายตนเอง

เธอคือเด็กที่พี่ชายของเขารับอุปการะมาตั้งแต่อายุสิบห้าปี!!

เธอคือผู้หญิงที่ถูกคนใจร้ายคนนึงยกให้กับฟาเบียโน่เพื่อเป็นนางบำเรอ!!

เธอคือคนความจำเสื่อมที่ฟื้นขึ้นมาแล้วเรื่องราวรอบตัวทำให้เข้าใจไปว่าฟาเบียโน่คือสามี!! แต่สิ่งที่อเตต้าร์ไม่อยากเชื่อมากที่สุดก็คือ คนอย่างฟาเบียโน่ที่ไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงต้องสมอ้างว่าเป็นสามีของเธอ ยิ่งรู้ลึกลงไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่อยากเชื่อ ถ้าหากว่าไม่ได้ยินจากปากของเจ้าตัวเอง

“ผมว่าเธอคงจะจำอะไรไม่ได้ไปอีกนานหรอก ก็พี่เล่นไม่ได้พูดความจริงกับเธอนี่” อเตต้าร์ว่าเหมือนประชด เมื่อได้ฟังเรื่องราวนั้นจบลงและจับน้ำเสียงได้ว่าฟาเบียโน่รู้สึกกังวลในตัวของผู้หญิงคนนี้ไม่น้อยว่าหากเธอจำเรื่องราวในอดีตได้แล้วจะเปลี่ยนไปจากเดิม

“ก็แค่บางเรื่องเท่านั้นเพื่อความสบายใจของเธอ” ฟาเบียโน่ถอนหายใจเฮือก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองปิดบังอรอาภาอยู่หลายเรื่องแต่ไอ้น้องบ้านี่มันควรจะเข้าใจ ไม่ใช่ว่ามาพูดประชดประชันเขาอย่างนี้ “ไม่รู้สิ บางครั้งฉันก็อยากให้เธอจำได้แต่บางครั้งก็อยากเก็บเธอไว้กับตัวเองคนเดียว”

“เฮ้อ... สับสนยังกับหนุ่มน้อยเชียว” อเตต้าร์แซวพี่ชายพร้อมวางท่อนแขนที่บ่ากว้าง ออกแรงลากคอพี่ชายเข้ามาหาพร้อมกับพากันเดินออกไปนอกห้อง “ไปหาเบียร์เย็นๆดื่มกันดีกว่า มันจะไปยากอะไรเฟลิกซ์!! ถ้าพี่กลัวว่าเธอจะไม่เหมือนเดิมก็ทำให้เธอท้องซะสิ ผู้หญิงน่ะทิ้งลูกทิ้งผัวตัวเองไม่ได้หรอก” คนนิสัยเถื่อนแนะวิธีแก้ปัญหาแบบห่ามๆให้พี่ชาย

มันคงเป็นคำแนะนำที่ฟังไม่รื่นหูสำหรับอรอาภาแต่มันเข้าท่าสำหรับฟาเบียโน่และยังทำให้เขาหัวเราะออกมาได้อีก เสียงหัวเราะครื้นเครงของสองพี่น้องเงียบลง เมื่อทั้งคู่เดินออกมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาลด้านหน้า สาวน้อยหน้าใสคนหนึ่งก็เดินมาขวางทั้งคู่เอาไว้

“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือเซญอร์ฟาเบียโน่รึเปล่าคะ??” หญิงสาวหน้าตางดงาม ผิวขาวละออตาเอ่ยถามด้วยภาษาโปรตุกีสสำเนียงไพเราะกว่าที่เคยได้ยินนัก

“ใช่ครับ ผมเอง” ฟาเบียโน่ตอบ

“สวัสดีค่ะดิฉันมนตร์ลดา กิตติพานิชย์ ที่เซญอร์เคยฝากเรื่องไว้ว่าต้องการพยาบาลไปดูแลคนไข้ที่รีโอน่ะค่ะ ดิฉันเป็นพยาบาล กำลังจะย้ายจากบูซิโอสไปที่รีโอเดอจาเนโรก็เลยอยากจะทราบรายละเอียดน่ะค่ะ” พยาบาลสาวไทยเอ่ยแนะนำตัวเอง

“อ้อครับ เดี๋ยวเราไปคุยกันที่คอฟฟี่ช็อปด้านล่างดีไหม จะได้สะดวกหน่อย” ฟาเบียโน่บอกพร้อมเดินนำหน้าทั้งหมดลงบันไดเลื่อนมาชั้นล่างในส่วนร้านอาหารและเครื่องดื่มที่โรงพยาบาลแบ่งแยกไว้อย่างชัดเจน

อเตต้าร์มองพยาบาลสาวสวยไม่วางตา ปากอิ่มสีเชอร์รี่ของเธอมันช่างดูเย้ายวน น่าลิ้มลองนัก!! แล้วยังรูปร่างทรงนาฬิกาทรายของเธออีก เธอมีอกสะบึ้ม เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายอย่างสาวบราซิลทั่วไปแต่ที่ทำให้แตกต่างและโดดเด่นคือผิวขาวราวกับนมสดของเธอ มันทำให้อเตต้าร์นึกอยากจะเกลือกกลิ้งผิวกร้านของตัวเองกับผิวนิ่มๆดูสุขภาพดีของเธอนัก!!

“ไม่ทราบว่าเป็นลูกครึ่งรึเปล่าครับ??” ฟาเบียโน่เริ่มบทสนทนาอย่างเป็นกันเอง เมื่อทั้งหมดนั่งลงในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“เปล่าค่ะ ดิฉันเป็นคนไทยแท้ๆ เกิดและเติบโตที่ประเทศไทยมาทำงานที่นี่ได้เกือบปีแล้ว พอดีคุณแม่ย้ายตามสามีมาเปิดร้านอาหารไทยในรีโอน่ะค่ะ ดิฉันลาออกจากโรงพยาบาลแล้วจะกลับรีโอพอดีค่ะ”

“งั้นก็ลงตัวกันพอดี ผมจะย้ายภรรยาที่เพิ่งผ่าตัดเอากระสุนออกไปพักฟื้นที่บ้านในรีโอ ถ้าคุณหมอไม่ขัดข้องอะไรเราก็จะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์กันพรุ่งนี้เลย คุณก็มีหน้าที่ดูแลเธอระหว่างที่เธอยังไม่สบายอยู่ แต่ช่วงสองสามวันแรกผมคงต้องให้คุณค้างที่บ้านกับเราก่อน ถ้าเธอดีขึ้นแล้วคุณค่อยไปเช้าเย็นกลับ หรือว่าจะค้างที่บ้านผมเลยก็ได้แล้วแต่คุณจะสะดวก”

อเตต้าร์ฟังฟาเบียโน่บอกรายละเอียดต่างๆ ตามที่แม่พยาบาลสาวตรงหน้าเขาถาม ทั้งสองตอบโต้กันอยู่พักใหญ่ จนฟาเบียโน่ขอตัวลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นของตัวเอง

“อายุเท่าไหร่แล้วคุณ เพิ่งจบมาจะดูแลคนป่วยไหวเหร้อ??” อเตต้าร์ถามปลายเสียงถามอย่างประเมินความสามารถของเธอ

“ดิฉันอายุยี่สิบสามปีแล้วค่ะ เรียนจบพยาบาลวิชาชีพมาสองปีแล้ว ปีแรกทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐในประเทศไทย แล้วย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้มาได้เก้าเดือนเต็มแล้วค่ะ” มนตร์ลดาตอบพร้อมข่มอารมณ์ ไว้ไม่ให้สนใจกับน้ำเสียงที่เหมือนจะดูถูกความสามารถของเธอ พร้อมกัดฟันมองผู้ชายหน้าตากวนประสาทแล้วยังทำเบ้ปากพยักหน้าช้าๆ ราวกับไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่เธอพูดอีก!!

ไอ้หมอนี่มันกุ๊ยดีๆนี่เอง หน้าตางี้เต็มไปด้วยเคราเฟิ้มถึงจะทำให้ดูว่าหล่อเถื่อนๆก็ตามเถอะ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเซญอร์ฟาเบียโน่จะรู้จักกับคนท่าทางอันธพาลแบบนี้ได้ มนตร์ลดาคิดเองในใจ

หน็อยแม่คุณ!! ทำมาเป็นคอแข็งมองฉัน คิดว่าฉันเหมือนอันธพาลข้างถนนอยู่ล่ะสิ!! “รับจ้างเป็นพยาบาลส่วนตัวม่ะ?? เงินดีนะไม่ต้องทำงานประจำให้เหนื่อย ถ้าทำดีถูกใจจ่ายทิปให้หนักด้วย วันๆไม่ต้องทำอะไรมาก แต่งตัวสวยๆคอยป้อนข้าวป้อนน้ำเป็นพอ”
มนตร์ลดาได้ยินคำถามที่เหมือนกับจะซื้อตัวเธอไปทำอีหนูซะมากกว่าที่จะไปเป็นพยาบาลส่วนตัวถึงกับกำมือแน่น “ดิฉันรับจ้างดูแลเฉพาะผู้ป่วยเท่านั้นค่ะ ไอ้ที่คุณพูดมาคงต้องไปหาเอาตามชายหาดข้างหน้ามีให้เกลื่อน พวกเธอคงพอจะทำให้คุณจ่ายทิปหนักๆได้อยู่หรอกค่ะ”

อเตต้าร์งงเป็นไก่ตาแตก ก็เขาจะจ้างเธอไปดูแลคุณปู่แต่เธอกลับบอกให้เขาไปหาเอาตามชายหาด! จะให้เขาเอาอีหนูนอนเปลือยยอดอกไปคอยดูแลคนแก่อายุแปดสิบปีแล้วท่านจะไม่หัวใจวายตายก่อนหรือยังไง ดู! ดูสายตาประนามที่เธอมองเข้าสิ! ก่อนที่อเตต้าร์จะได้ตอบโต้อะไรมากไปกว่านั้นฟาเบียโน่ก็เดินเข้ามาพอดี

“คุณ... เอ่อคุณมีชื่อที่เรียกง่ายกว่านี้ไหม??” ฟาเบียโน่ถาม

“เรียกดิฉันว่ามิ้นต์ก็ได้ค่ะ” มนตร์ลดาบอกชื่อเล่นของตัวเอง

“โอเคมิ้นต์ คุณตกลงตามข้อเสนอที่ผมให้ไปไหม??”

“ตกลงค่ะ เซญอร์จะออกจากบูซิโอสประมาณกี่โมงคะ”

ฟาเบียโน่ยกข้อมือของตัวเองขึ้นมองนาฬิกาที่สวมอยู่ “พรุ่งนี้... น่าจะสักหกโมงเช้า มาเจอกันที่ชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาลได้เลย”

“งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” มนตร์ลดาบอกพร้อมกับยิ้มใฟ้ฟาเบียโน่และหุบยิ้มฉับเมื่อสายตาหันมาปะทะกับผู้ชายมารยาททรามตรงหน้า สองขาเรียวหมุนตัวเดินฉับๆออกจากร้านกาแฟ โดยไม่รู้ว่ามีดวงตาคมกริบหรี่มองร่างระหงของตัวเองจนลับตา

ฟาเบียโน่มองน้องชายที่ทำหน้าแปลกๆอย่างรู้ทัน “คิดจะเคลมผู้หญิงไทยน่ะมันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะโว้ย ไม่รู้หรือไงว่าพวกเธอเป็นพวกสาวพรหมจรรย์ที่ใครกล้าล่วงล้ำเข้าไปแล้วต้องเสียชีวิตโสดทุกราย”

อเตต้าร์หัวเราะเสียงดังโดยไม่ได้สนใจคนรอบกาย ก็เขามันพวกไร้มารยาทอยู่แล้วนี่ ถึงจะต้มหนังสือสมบัติผู้ดีให้กินเช้าเย็น ก็คงจะเลิกนิสัยห่ามๆไม่ได้! “พี่อาจจะคิดว่าเธอผุดผ่องเพราะเป็นผู้หญิงไทยเหมือนเมียตัวเอง แต่ผมไม่คิดว่าแม่คิตตี้นี่จะเป็นสาวพรหมจรรย์หรอกนะ แล้วก็ไม่เคยคิดจะเอาสาวด้อยประสบการณ์มาทำเมียหรอก ขี้เกียจสอน จะโยกจะคลึงแต่ละทีก็ต้องทะนุทถนอม มันไม่ถึงใจ!! อย่างผมมันต้องเชี่ยวชาญมันถึงจะสนุก ไม่เอาน่าเฟลิกซ์ผมไม่เจอพี่แค่ไม่ถึงสามเดือน อย่ามาทำตัวเป็นคนดีหน่อยเลยแต่ก่อนพี่ก็ชอบแบบผมนี่แหละ แล้วนึกยังไงมาเปลี่ยนใจเอาป่านนี้??”

ฟาเบียโน่ส่ายหน้าไม่อยากจะต่อความกับน้องชาย บางทีเขายังเคยคิดว่าถ้าปู่ส่งอเตต้าร์ไปเรียนที่อังกฤษด้วยกัน ความเงียบ มีมารยาทของผู้คนที่นั่น มันอาจจะทำให้น้องชายของเขาปากมอมน้อยลงกว่านี้ก็เป็นได้ “ใครจะไปรู้ได้วะ ว่าตัวเองจะได้ผู้หญิงแบบไหนมาเป็นเมีย แต่พอรู้ว่าเธอเป็นแบบไหนเราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากันได้สิ” แต่... มันก็เร้าใจไปอีกแบบ ฟาเบียโน่คิดต่อเอาเองในใจเพราะไม่อยากพูดถึงเธอในเรื่องแบบนี้ให้ใครฟังถึงแม้จะเป็นน้องชายของตัวเองก็เถอะ! มันหวง!! นี่ขนาดว่าแค่คิดถึงสัมผัสของเธอ มันยังทำให้เขาร้อนแทบลุกเป็นไฟ แล้วถ้าได้มีกันและกันอย่างลึกล้ำจริงๆมันคงทำให้เขาแทบคลั่งตายวันละหลายรอบ!!

“แล้วคืนนี้ต้องนอนเฝ้าเมียที่นี่ใช่มะ?” อเตต้าร์ถามแต่ยังไม่วายประชดประชันอีก

“อื้อ... แล้วนายจะไปไหนรึเปล่า”

อเตต้าร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ไปหาเหล้า! หาผู้หญิงซักคนหรือหลายคน!! เบื่อพวกกลัวเมียแล้วเจอกันที่รีโอเลย”

ฟาเบียโน่มองน้องชายที่เดินออกไป ปกติเขากับอเตต้าร์ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะต้องแบ่งกันทำงานรับผิดชอบกิจการของตระกูลโอลีเวย์ร่า ปีหนึ่งๆจะเจอกันสักสองสามครั้ง และทุกครั้งที่เจอกันก็ไม่พ้นสุราเคล้านารีตามประสาหนุ่มโสด ถ้าฟาเบียโน่เป็นฝ่ายไปเยี่ยมคุณปู่ที่รีโอกรันดี โดซุลรัฐทางใต้สุดของบราซิลที่มีชายแดนติดกับอุรุกวัยและอาเจนติน่า อเตต้าร์จะจัดปาร์ตี้ฟองสบู่ที่เต็มไปด้วยเซเลบสาวคนดัง ดารานางแบบที่นุ่งน้อยห่มน้อยหรืออีกทีพวกเธอก็ต้อนรับสองพี่น้องตระกูลโอลีเวย์ร่าด้วยฟองสบู่ปกปิดเรือนกายจุดสำคัญเท่านั้น!! สาวๆทั่วโลกมีใครบ้างที่ไม่อยากเป็นผู้หญิงของสองพี่สองโอลีเวย์ร่า แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว สาวๆพวกนั้นคงจะเหลือผู้ชายแค่คนเดียวคืออเตต้าร์ต่างหาก ส่วนเขาจะเก็บตัวไว้ให้เมียตีทะเบียนคนเดียว!!

ฟาเบียโน่เดินกลับขึ้นมาหาอรอาภาในห้องพลางนึกขำกับความคิดของตัวเองนัก ไม่รู้ว่าเขาเกิดมีความคิดหวงเนื้อหวงตัวราวกับสาวพรหมจรรย์ได้ยังไง!?? ถ้าหากใครได้ล่วงรู้ความลับนี้คงหัวเราะเยาะเขาจนท้องคัดท้องแข็งตาย


ในขณะที่อัลเฟไลย์ได้รับข่าวว่าภรรยาของฟาเบียโน่ถูกลอบยิงที่บูซิโอสแล้ว ชายหนุ่มก็ประติดประต่อเรื่องทั้งหมดได้ทันที ว่าใครส่งมือปืนกระจอกพวกนั้นไปลอบทำร้ายฟาเบียโน่!! เขาจัดการต่อสายหาดอนคาร์โลที่อยู่ในอีกทวีปหนึ่งกับตนเองทันที

“ดอนครับ เซญอร์อัลเฟไลย์ต้องการเรียนสายด้วยครับ” ลูกน้องคนสนิทของคาร์โลส่งโทรศัพท์ให้เจ้านายอย่างนอบน้อม

“ไหนว่าดอนจะให้เวลาผมสองอาทิตย์ แล้วนี่อะไรเพียงแค่อาทิตย์เดียว ดอนก็ส่งคนไปลอบยิงฟาเบียโน่แล้ว!!?”

“ก็แค่ขู่สั่งสอนมันนิดๆหน่อยๆให้แกได้ทำงานง่ายขึ้นเท่านั้นเอง ใครจะไปรู้ว่าพวกมือปืนหน้าโง่มันจะพลาดกับงานง่ายๆแค่นี้” ดอนคาร์โล อันเชย์รอตติ ยังพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้ทุกข์ร้อนใจแต่อย่างใด

“ที่ดอนทำไปมันทำให้ผมทำงานยากขึ้นเป็นพันเท่า ตอนนี้ฟาเบียโน่มันส่งคนสืบจากกระสุนปืนที่ลูกน้องเฮงซวยของดอนยิงออกไปแล้ว ทำไมไม่เชื่อผมบ้าง แล้วทีนี้จะแก้ปัญหากันยังไง??” อัลเฟไลย์ต่อว่าโดยไม่เกรงว่านั่นคือมาเฟียโฉดแห่งอิตาลี

“เฮ้ย!! ไม่คิดว่าคนอย่างอัลเฟไลย์จะปอดแหก ขี้โวยวายแบบนี้ ไอ้ฟาเบียโน่มันรู้แล้วหรือยังไงว่าใครเป็นคนลอบยิงมัน ถึงได้ร้อนรนนัก! จะว่าไปยิงพลาดไปโดนเมียมันก็ดีเหมือนนะ ยิ่งมันรักมากก็ยิ่งห่วงมาก ทีนี้ล่ะคงได้คุยกันง่ายขึ้น”

“เอาเป็นว่าภายในวันสองวันนี้ก็เตรียมซ่อนไอ้มือปืนกระจอกที่ดอนส่งมาสั่งสอนฟาเบียโน่ไว้ให้ดีล่ะครับ ผมว่าต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหา ฟาเบียโน่ก็คงไม่ปล่อยมันไว้แน่แล้วผมก็ยังไม่รับปากดอนด้วยว่าจะทำให้เงินสกปรกในกระเป๋าของดอนสะอาดขึ้นได้ภายในสองอาทิตย์ เท่านี้นะครับผมเองก็ต้องเตรียมหาทางหนีทีไล่เหมือนกัน!!” พูดจบอัลเฟไลย์ก็วางสายลงทันที

“โธ่โว้ย!! ไอ้พวกมาเฟียงี่เง่า มันสร้างปัญหาแล้วยังจะมาบอกว่าช่วยให้เรื่องมันง่ายขึ้น ระยำเอ๊ย!!” อัลเฟไลย์สบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย สองมือใหญ่ตบลงโต๊ะทำงานเสียงดังจนลุยเซาที่ยืนอยู่ไม่ไกลสะดุ้งสุดตัว

“แล้วตอนนี้เราะจะทำยังไงต่อดีครับเซญอร์” ลุยเซาถาม

“ก็คงต้องอยู่เงียบๆสักพัก คอยจับตาดูฟาเบียโน่และคนของมันให้ดีรับรองว่ามันไม่ปล่อยคนที่ลอบยิงไปจนกว่าจะจับตัวได้แน่ ถ้าพวกมันเคลื่อนไหวหรือมีอะไรผิดปกติให้รีบรายงานฉันก่อน ห้ามทำอะไรบุ่มบ่ามเด็ดขาด!!”

“ครับเซญอร์”

“อ้อ! อีกอย่างลุยเซา เรื่องดำเนินการปลอมแปลงข้อมูลของบริษัทที่ตั้งขึ้นมาใหม่ก็ดำเนินการต่อไปไม่ให้ขาดตอน ช่วงที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ดอนคาร์โลก็ไม่สามารถที่จะใช้เวลาสองอาทิตย์มาบีบเราได้แล้ว”

ลุยเซารับคำและเดินออกจากห้องเพื่อไปดำเนินการตามที่เจ้านายสั่งทันที

ส่วนอัลเฟไลย์ยังนั่งอยู่ที่เดิม พร้อมยกมือของตัวเองขึ้นมาคลึงขมับ เรื่องทุกอย่างกำลังจะเป็นไปด้วยดีแต่ดอนคาร์โลก็มากวนน้ำที่กำลังใสให้ขุ่นมัวขึ้นมา และตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไงดี


เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นร่างอ้อนแอ้นที่นอนหลับสนิทก็เริ่มที่จะพลิกตัวไปมา ท่าทางทั้งหมดนั้นก็อยู่ในสายตาคมกริบของฟาเบียโน่ที่ทำหน้าที่เป็นพยาบาลเฝ้าไข้ภรรยาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ กระพริบติดกันหลายๆครั้งเพื่อปรับม่านตาของตนเองให้สู้กับแสงสีส้มของโคมไฟสลัวบนหัวเตียง

“เป็นยังไงบ้างจิงเจอร์??” ฟาเบียโน่ถามด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร เมื่ออรอาภาลืมตาขึ้นมามองเขาตาแป๋ว

“เจ็บ... ไปทั้งตัวเลยค่ะ นี่ฉันโดนยิงตรงไหนกันคะเฟลิกซ์?” อรอาภาถามพลางจะขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถแต่ก็ต้องชะงักค้างเพราะเสียงห้ามของฟาเบียโน่

“อย่าขยับนะ! ถ้าคุณนอนหงายเดี๋ยวมันจะทับแผลแล้วคุณจะเจ็บอีก คุณโดนยิงที่หลังต่ำกว่าไหล่ลงไปนิดหน่อย” ฟาเบียโน่บอกพร้อมใช้นิ้วของตัวเองแตะเบาๆบริเวณใกล้เคียงกับแผลให้ภรรยาสาวได้รู้ตำแหน่ง

“โดนนัดเดียวเท่านั้นเองเหรอคะ??”

ฟาเบียโน่ขำกับคำถามของเธอ โดนยิงนัดเดียวมันก็ได้รับความเจ็บปวดมากเกินไปแล้วสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอ “ทำไมถามอย่างนั้นล่ะที่รัก คุณไม่สมควรที่ต้องรับความรู้สึกเจ็บปวดนี้เลยด้วยซ้ำ ผมสัญญาว่าจะลากคอไอ้ระยำที่มันทำให้คุณเป็นแบบนี้มาคุกเข่าอยู่ที่ฝ่าเท้าคุณแน่ จิงเจอร์”

อรอาภาเกร็งตัวขึ้นทันที เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาดุกร้าวของสามี เธอเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแม้มันจะเจ็บระบมไปทั้งตัวจนไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองถูกยิงแค่นัดเดียว แต่ไม่อยากให้เขาต้องอาฆาตแค้นจองเวรกันไปไม่จบไม่สิ้น “ฉันก็ปลอดภัยดีแล้ว ขอร้องนะคะว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่า ยังไงคนทำผิดจะเร็วจะช้าก็ต้องได้รับโทษอยู่แล้ว”

ฟาเบียโน่มองหน้าอรอาภานิ่งเพราะไม่คิดว่าเธอเป็นคนจิตใจดีอย่างนี้ ขนาดโดนทำร้ายจนต้องมานอนเจ็บตัวในโรงพยาบาลแบบนี้ยังไม่คิดอาฆาตแค้น แล้วคนแบบนี้น่ะเหรอที่จะมักใหญ่ใฝ่สูง เอาความสาวเข้าแลกกับชื่อเสียงเงินทองอย่างที่นงนุชพูด!??

“เฟลิกซ์? เฟลิกซ์คะ?!” อรอาภาเรียกสามีที่นั่งอยู่ข้างเตียงและเขาเงียบไปพักหนึ่ง “เป็นอะไรไปรึเปล่าคะ?”

ฟาเบียโน่ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มที่มุมปากให้เธอ “ว่างไงจ๊ะ?”

“ฉันอยากเข้าห้องน้ำค่ะ”

เมื่อได้ยินภรรยาตัวน้อยบอก ฟาเบียโน่ก็ไม่รีรอที่จะทำตามคำร้องขอของเธอ สองแขนแกร่งโอบอุ้มร่างอ้อนแอ้นขึ้นในวงแขน เดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับวางเธอลงอย่างเบามือ หลังจากที่เธอทำธระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว พ่อค้าเพชรชื่อก้องโลกก็ลงมือจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัว แปรงฟันให้ภรรยาสาวอย่างคล่องแคล่ว เรื่องดูแลเธอยามเจ็บไข้ได้ป่วยนี่เขาถนัดนัก ไม่นานฟาเบียโน่ก็อุ้มคนป่วยที่อยู่ในชุดเดรสผ้าฝ้ายใส่สบายออกมาวางไว้บนเตียงผู้ป่วยเช่นเดิม

“เดี๋ยวเราจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับบ้านกันเลย เมื่อคืนผมคุยกับคุณหมอแล้วเขาอนุญาต ผมจ้างพยาบาลให้คอยดูแลคุณที่บ้านของเราด้วย เธออายุเท่ากันกับคุณเป็นคนไทยเหมือนกันด้วย อีกสักพักก็คงมา” ฟาเบียโน่บอกภรรยาพลางจัดวางหมอนซ้อนกันหลายใบรองที่แผ่นหลังบางกันไม่ให้ถูกกดทับโดนแผลผ่าตัด

“จริงเหรอคะ เธอเป็นคนไทยด้วยเหรอคะ แล้วชื่ออะไรคะ??” อรอาภาถามอย่างตื่นเต้น

“จ้ะ... ชื่อมิ้นต์ ผมจำชื่อแรกเธอไม่ได้เพราะออกเสียงยากมาก เธอเลยให้เรียกชื่อเล่นแทน”

ก๊อก.. ก๊อก...

เสียงเคาะห้องดังขึ้นพร้อมแพทย์และพยาบาลที่เดินเข้ามาสามคน คุณหมอวัยกลางคนเริ่มซักถามคนป่วยที่นั่งเอนอยู่บนเตียงพร้อมตรวจเช็คร่างกายของเธออย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะบอกให้ญาติของผู้ป่วยออกไปรับยา จากนั้นคุณหมอและพยาบาลสองคนก็เดินออกไปจากห้อง เหลือไว้แต่หญิงสาวรูปร่างระเหิดระหง ใส่เสื้อเชิ้ตสีอ่อนกับกางเกงยีนส์พอดีตัวดูทะมัดทะแมงไว้
“นี่มิ้นต์พยาบาลที่ผมเล่าให้ฟังว่าจะดูแลคุณที่บ้านไงที่รัก มิ้นต์นี่จิงเจอร์ภรรยาของผมครับ” ฟาเบียโน่แนะนำให้สองชาวเชื้อชาติเดียวกันได้รู้จักกัน

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะคะจิงเจอร์” มนตร์ลดาเอ่ยคำทักทายเป็นภาษาไทย

“เช่นกันค่ะ ดีใจจังเลยที่รู้ว่าคุณเป็นคนไทยเหมือนกัน” อรอาภายิ้มกว้างเมื่อคิดว่าต่อไปนี้จะได้พูดภาษาไทยแล้ว เผื่อว่าความทรงจำของตัวเองจะกลับคืนมาเร็วขึ้น “แล้วมิ้นต์ชื่อจริงว่ายังไงคะ ขอโทษนะที่ต้องถามอย่างนี้แต่เฟลิกซ์เขาบอกว่าชื่อคุณออกเสียงยากเขาจำไม่ได้” จบคำพูดของอรอาภาสองสาวก็หัวเราะออกมาครื้นเครง โดยมีหนุ่มบราซิลเลี่ยนยืนทำหน้าเซ็งเพราะไม่รู้เรื่องว่าพวกเธอคุยอะไรกันแต่ที่แน่ๆ ตัวเขาเองคงเป็นหัวข้อสนทนาอยู่เพราะภรรยาของตนเองเอ่ยชื่อออกมา

“มนตร์ลดา กิตติพานิชย์ค่ะ”

“ว้าว!! ชื่อคุณเพราะจังค่ะ แล้วมาอยู่ที่นี่นานรึยังคะ??” อรอาภาถาม

ฟาเบียโน่ยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นท่าทางของอรอาภามีความสุขยิ่งนักที่ได้รู้จักเพื่อนใหม่วัยเดียวกันทั้งยังเป็นคนไทยเหมือนกันดีอีก ท่าทางของเธอมันทำให้เขาพลอยยิ้มออกมาได้ด้วย จากนั้นตนเองจึงออกมาจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลและรับยาที่คุณหมอสั่งให้กลับไปทานที่บ้าน


สองชั่วโมงถัดมาทั้งหมดกำลังลงจากเฮลิคอปเตอร์บนชั้นดาดฟ้า บ้านหลังงามริมชายหาดอีปาเนมาของสองสามีภรรยาโอลีเวย์ร่า ฟาเบียโน่อุ้มอรอาภาเดินลงมาถึงชั้นล่างที่เปิดโล่งไปด้วยกระจกบานใส วางหญิงสาวไว้ที่เก้าอี้นวดตัวหนานุ่มตัวโปรดของเธอ หันหน้าออกไปตรงสระว่ายน้ำเป็นแนวต่อกับทะเลกว้างออกไปสุดลูกหูลูกตา

“ตายจริง เซญอร่าจิงเจอร์เป็นอะไรมากไหมคะ ยังเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า?” นอสซาที่เฝ้ารอนายสาวใจจดจ่อและเป็นกังวลอย่างมากเมื่อรู้ข่าวว่าเธอโดนลอบยิงที่บูซิโอส

“ไม่ตายหรอกค่ะ อีกหลายคืบกว่าจะถึงหัวใจ ขอบใจนอสซาที่เป็นห่วงนะ” อรอาภายังมีกะใจจะหยอกเย้าคนอื่น ทั้งที่ตัวเองยังรู้สึกเจ็บอยู่ไม่น้อย “อ้อ! นอสซาจ๊ะ นี่เซญอริน่ามิ้นต์เธอเป็นพยาบาลที่จะมาดูแลฉัน จะพักกับเราที่นี่จนกว่าฉันจะหายดี นอสซาช่วยพาเธอไปห้องรับแขกและให้เด็กมาช่วยยกกระเป๋าด้วยนะ”

นอสซาหันมายิ้มให้มนตร์ลดาอย่างเป็นมิตรและจัดแจงเรียกเด็กรับใช้มายกกระเป๋าของพยาบาลสาวไป

“งั้นขอตัวสักครู่นะคะ” มนตร์ลดาบอก

“ตามสบายค่ะ คุณจัดของได้ไม่ต้องรีบ ฉันจะนั่งอยู่ตรงนี้ล่ะค่ะ” อรอาภาบอก เมื่อเห็นว่าพยาบาลสาวเดินจากไปแล้วจึงหันมาถามสามี “วันนี้คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ?”

“ไปจ๊ะ แต่คิดว่าสายๆซักหน่อย คุณอยากได้อะไรไหม?” ฟาเบียโน่ถาม ทรุดตัวลงนั่งบนส้นเท้าของตัวเองมองใบหน้ารูปหัวใจที่ยังดูเซียวๆอยู่เล็กน้อยพร้อมกับเอื้อมมือไปจับเอาลูกผมที่ตกลงมาขึ้นไปเกี่ยวไว้ที่ใบหูบางอย่างอ่อนโยน

“ง่วงนอนค่ะ ฉันว่ายาหลังอาหารนั่นต้องเป็นยานอนหลับแน่ๆ” พูดจบก็ยื่นแขนตัวเองออกไปข้างหน้าสองทั้งสองข้างเหมือนเด็กเล็กที่เรียกร้องอยากให้ผู้ใหญ่อุ้ม พอฟาเบียโน่ลุกขึ้นช้อนร่างของตัวเองไว้ในอ้อมแขนพาเดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่ ระหว่างทางอรอาภาก็ซุกหน้าของตัวเองลงที่ซอกคอแกร่ง “เบื่อไหมคะ ที่ฉันเป็นภาระของคุณ ต้องคอยอุ้มฉันอยู่บ่อยๆ สามวันดีสี่วันไข้ ไม่สบายอยู่เป็นประจำ”

“จะอุ้มคุณทั้งวันก็ยังได้ แล้วต่อไปนี้ก็ห้ามคิดว่าตัวเองเป็นภาระของผม คุณเป็นเมียผมถ้าผมไม่ดูแลคุณแล้วจะให้ผมไปดูแลใคร” ฟาเบียโน่วางเธอลงบนเตียงหนากว้างในห้องนอนที่ทั้งคู่ใช้มันหลับใหลด้วยกันทุกคืนวัน

“ฉันจะหายไวๆจะได้ทำอะไรตอบแทนคุณบ้าง” อรอาภาบอกพร้อมใช้มือของตัวเองประคองที่ใบหน้าคร้ามคมให้ลดลงมาหาตัวเอง จุ๊บแก้มสากเบาๆหนึ่งครั้ง “อาจจะทำอะไรตอบแทนคุณไม่ได้มากแต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องให้คุณห่วงหน้าพะวงหลัง”

“คุณรู้ดีน่า... ว่าผมอยากได้อะไรตอบแทน ผมจะลงแดงตายแล้วนะที่รัก คุณก็รู้ว่าผู้ชายอดทนเรื่องแบบนี้ไม่ได้นาน” ฟาเบียโน่ครางลึก ไม่เคยรู้เลยว่าความอ่อนหวาน อ่อนโยนของผู้หญิงที่ตนเองปราถนามันจะมากล้นจนตัวเองเป็นฝ่ายเรียกร้องอยากได้เธอมาเป็นภรรยาโดยสมบูรณ์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นคนออกปากเองว่าอยากให้เธอจำทุกอย่างได้เสียก่อน!!

“คนนิสัยไม่ดี ได้คืบจะเอาศอก” อรอาภาว่าไม่จริงจังนัก

ฟาเบียโน่เบ้ปาก “ดีแต่คุณนั่นแหละเอาเปรียบคนอื่น คนมีเมียที่ไหนต้องโชคร้ายอดเสน่หาอย่างที่ผมเป็นกัน”

“ทีเมื่อก่อนไม่มีเมียมาตั้งสามสิบกว่าปียังอยู่มาได้ แล้วตอนนี้ทำมาบ่น”

ฟาเบียโน่อยากจะหัวเราะให้ก้องโลกนัก ก็เมื่อก่อนที่เขาไม่มีเมียน่ะ เคยอดอยากปากแห้งอย่างนี้ซะที่ไหนกัน กระดิกนิ้วแค่ทีเดียวพวกเธอก็แก้ผ้า กระโดดขึ้นบนเตียงรอแล้ว แล้วนี่แม่ปีศาจน้อยคงไม่คิดว่าเขาอยู่มาได้สามสิบกว่าปีแบบไม่เคยปลดปล่อยน้ำเชื้อในร่างกายตัวเองเลยหรือยังไง!!? โอย… อยากจะบ้าตาย!!!

“ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอให้จำได้ก่อน ยังไงๆคุณก็เป็นเมียของผมอยู่วันยังค่ำ ฮึ!??” ตอนแรกฟาเบียโน่เป็นคนยกเอาเหตุผลนี้ขึ้นมาอ้างแต่ตอนนี้กลับเป็นคนเร่งวันเร่งคืนให้เธอได้ทำหน้าที่ของภรรยาโดยสมบูรณ์ซะเอง

“คุณไม่เข้าใจหรอกว่ามันอาย ฉันอาจจะเคยนอนกับคุณมาแล้วแต่ตอนนี้ฉันจำมันไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าอะ...เอ่อ มันจะเป็นยังไง แล้วก็ไม่ต้องมากลับคำเลยคุณเป็นคนบอกฉันเองนะว่าอยากให้ฉันจำทุกอย่างได้ก่อน! ปัดโธ่เอ๊ย!! ฉันความจำเสื่อมอยู่นะ แล้วตอนนี้ฉันก็ป่วยอยู่ด้วยคุณจะมาเร่งรัดอะไรเอาตอนนี้เล่า!!” เมื่อหาเหตุผลดีๆปฏิเสธไม่ได้ อรอาภาก็ทำเป็นโวยวายกลบเกลื่อนซะเลย

“แปลว่าถ้าแผลที่หลังหายแล้วจะยอมใช่ไหม??” ฟาเบียโน่ต่อรองด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แววตาสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวัง

“ไม่รู้อะไรทั้งนั้นล่ะ ฉันง่วง! จะนอนแล้ว คุณก็อาบน้ำแต่งตัวไปรีบทำงานเลย!”

ฟาเบียโน่มองคนเอาแต่ใจตัวเองหลับตาลงเอาดื้อๆแถมยังขึ้นเสียงขู่เขากลับอีกด้วย นี่ถ้าเธอยังสบายดีไม่ได้รับบาดเจ็บตรงส่วนไหนของร่างกายแล้วล่ะก็ พ่อจะจับทำเมียจริงๆซะตอนนี้เลย เอาให้มันท้องกันไปเลยแล้วค่อยปล่อยเธอลงจากเตียง ปัญหาทว้าวุ่นอยู่ภายในใจ กลัวว่าจะเกิดขึ้นเมื่อเธอจำได้มันจะได้จบลงไปอย่างที่อเตต้าร์น้องชายของเขาแนะนำ

“ถ้าผมอดขึ้นมาไม่ได้เมื่อไหร่แล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบที่ผ่านมาสามสิบกว่าปีนั่น แล้วอย่ามาโทษกันเชียวล่ะ ยัยปีศาจน้อย!!” ฟาเบียโน่ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าขู่กลับบ้าง รู้ว่าเธอเข้าใจในความหมายของคำพูดนั่นดีเชียวล่ะ ส่วนตัวเองก็ต้องเข้ามาใช้น้ำเย็นจัดระงับอารมณ์อันคุกรุ่นขึ้นอีกมาตามเคย

คำพูดที่ทำให้อรอาภาหูผึ่ง!! แต่เพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้สมองไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ เพียงแค่บอกตัวเองว่าให้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มก่อนถึงจะมีเรี่ยวแรงมาสู้รบปรบมือกับสามีตัวโตได้ เพียงเท่านั้นหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปบนเตียงกว้างใหญ่อันนุ่มนิ่มอบอุ่นทันที


สวัสดีค่า นักอ่านที่รัก

พันธะรักจอมเถื่อนเป็นรูปเล่มแล้วและสามารถครอบครองได้ที่ร้านซีเอ็ดบุ๊ก ร้านนายอินทร์ ร้านบีทูเอส เว็บสำนักพิมพ์อินเลิฟ เว็บบุ๊กสไมล์ และสามารถพูดคุยกับศิริพาราได้ตามช่องทางดังนี้

1. e-mail siripara2writer@gmail.com

2. fanpage https://www.facebook.com/siripara.raya

3.facebook https://www.facebook.com/siripara.looktan

ติชมหรือแสดงความคิดเห็นได้ตามสบายค่า เม้ามอยหอยขมกันได้ไม่เฉพาะเรื่องนิยาย ศิริพารายังมีเกมกติกาแสนง่ายดาย แจกของรางวัลเล็กน้อยเพื่อตอบแทนนักอ่านที่รัก อย่าลืมกดlikefanpage ศิริพารา รายาฤดีนะคะ

จบเรื่องนี้แล้ว ศิริพาราจะเอานิยายทั้งหมดมาอัพให้นักอ่านที่รักได้อ่านกันทุกเรื่อง ขอบคุณที่ติดตามและแสดงความคิดเห็นค่ะ

จุ๊บๆๆ
ศิริพารา



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ค. 2558, 20:57:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ค. 2558, 20:57:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1161





<< ตอนที่ 8 100%   ตอนที่ 10 100% >>
pkka 12 พ.ค. 2558, 21:35:53 น.
เย่


Cheraga 13 พ.ค. 2558, 17:00:24 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account