พันธะรักจอมเถื่อน
ความทรงจำที่หายไปหลังจากประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากเรือ
ทำให้ ‘อรอาภา’ นักออกแบบเครื่องประดับสาวที่กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูง
ลืมเลือนไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่ว่าตน ‘แต่งงาน’ และมี ‘สามี’ แล้ว
มิหนำซ้ำ ผู้ชายคนนั้นยังรักใคร่และดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี
จนกระทั่งหญิงสาวตายใจ ยอม ‘ทำหน้าที่เมีย’ ให้แก่เขาอย่างเต็มที่ ทุกวันและทุกคืน
แม้จะแปลกใจที่ ‘ร่างกายเธอ’...
ดูจะไม่คุ้นเคยกับการกอดรัดฟัดเหวี่ยงอันเร่าร้อนของเขาแม้แต่น้อย
หากไม่นานความจริงก็เริ่มปรากฏ...
ว่าคนที่เธอได้ ‘ทำความรู้จัก’ กันมาแล้วอย่างลึกซึ้งและถึงพริกถึงขิง
แท้ที่จริงเป็นซาตานจอมขี้โกง เชื่อใจไม่ได้ ที่หวังล่อลวง
และใช้ความโชคร้ายของเธอเป็นเครื่องมือบำเรอความสุขเพียงเท่านั้น!
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าทำไม... ผู้ชายระดับ ‘ฟาเบียโน่ ลูอิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า’
นักธุรกิจมหาเศรษฐี เจ้าของเหมืองเพชรและทองแหล่งใหญ่ของประเทศบราซิล
จึงไม่รีรอที่จะสอนจังหวะร่างกายอันกระแทกกระทั้นเร้าใจอย่างหนุ่มละตินให้แก่เธอ
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้... ถ้าคิดจะให้เขาชายตามองผู้หญิงแพศยา
ให้กินเศษเดนความสาวที่ผ่านมือชายมาเป็นร้อยน่ะหรือ... อย่าฝันไปเลย!
แต่เพราะอะไร ‘ความลับนั้น’ คงมีแต่เขาคนเดียวที่รู้...
และฟาเบียโน่ก็จะเก็บมันเอาไว้ ‘อย่างมิดชิด’ ให้เป็นปริศนา
เช่นเดียวกับที่เขาตั้งใจจะหน่วงเหนี่ยวเธอเอาไว้เป็นทาสบำเรอบนเตียงตลอดกาล
“ตายจริงเฟลิกซ์!! คุณได้แผลกลับมาด้วย ขอฉันดูหน่อยสิคะ”
อรอาภาตกใจพลางดึงใบหน้าที่ซบลงตรงหว่างอกของตัวเองออกมาอย่างยากลำบาก
หากแต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าตัวแม้แต่น้อย
ปากและจมูกของฟาเบียโน่ระดมจูบไปทั่วอกอวบทั้งสองข้าง
สูดกลิ่นหอมยวนใจที่ฝันหามาแสนนานเข้าเต็มปอด
“อื้อ... ดะ...เดี๋ยว เฟลิกซ์! ฉันอยากดูแผลให้คุณก่อน อื้อ...”
“แผลแค่นี้ไม่ทำให้ผมตายหรอกเมียจ๋า...
ถ้าจะตายก็คงตายเพราะไม่ได้รักคุณมากกว่า”
ฟาเบียโน่พูดอู้อี้กับอกอิ่มพร้อมออกแรงรัดเอวคอด
ลอยขึ้นด้วยแขนทรงพลังเพียงข้างเดียว
ทำให้ ‘อรอาภา’ นักออกแบบเครื่องประดับสาวที่กำลังประสบความสำเร็จอย่างสูง
ลืมเลือนไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่เรื่องที่ว่าตน ‘แต่งงาน’ และมี ‘สามี’ แล้ว
มิหนำซ้ำ ผู้ชายคนนั้นยังรักใคร่และดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี
จนกระทั่งหญิงสาวตายใจ ยอม ‘ทำหน้าที่เมีย’ ให้แก่เขาอย่างเต็มที่ ทุกวันและทุกคืน
แม้จะแปลกใจที่ ‘ร่างกายเธอ’...
ดูจะไม่คุ้นเคยกับการกอดรัดฟัดเหวี่ยงอันเร่าร้อนของเขาแม้แต่น้อย
หากไม่นานความจริงก็เริ่มปรากฏ...
ว่าคนที่เธอได้ ‘ทำความรู้จัก’ กันมาแล้วอย่างลึกซึ้งและถึงพริกถึงขิง
แท้ที่จริงเป็นซาตานจอมขี้โกง เชื่อใจไม่ได้ ที่หวังล่อลวง
และใช้ความโชคร้ายของเธอเป็นเครื่องมือบำเรอความสุขเพียงเท่านั้น!
ไม่มีใครล่วงรู้ว่าทำไม... ผู้ชายระดับ ‘ฟาเบียโน่ ลูอิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า’
นักธุรกิจมหาเศรษฐี เจ้าของเหมืองเพชรและทองแหล่งใหญ่ของประเทศบราซิล
จึงไม่รีรอที่จะสอนจังหวะร่างกายอันกระแทกกระทั้นเร้าใจอย่างหนุ่มละตินให้แก่เธอ
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้... ถ้าคิดจะให้เขาชายตามองผู้หญิงแพศยา
ให้กินเศษเดนความสาวที่ผ่านมือชายมาเป็นร้อยน่ะหรือ... อย่าฝันไปเลย!
แต่เพราะอะไร ‘ความลับนั้น’ คงมีแต่เขาคนเดียวที่รู้...
และฟาเบียโน่ก็จะเก็บมันเอาไว้ ‘อย่างมิดชิด’ ให้เป็นปริศนา
เช่นเดียวกับที่เขาตั้งใจจะหน่วงเหนี่ยวเธอเอาไว้เป็นทาสบำเรอบนเตียงตลอดกาล
“ตายจริงเฟลิกซ์!! คุณได้แผลกลับมาด้วย ขอฉันดูหน่อยสิคะ”
อรอาภาตกใจพลางดึงใบหน้าที่ซบลงตรงหว่างอกของตัวเองออกมาอย่างยากลำบาก
หากแต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าตัวแม้แต่น้อย
ปากและจมูกของฟาเบียโน่ระดมจูบไปทั่วอกอวบทั้งสองข้าง
สูดกลิ่นหอมยวนใจที่ฝันหามาแสนนานเข้าเต็มปอด
“อื้อ... ดะ...เดี๋ยว เฟลิกซ์! ฉันอยากดูแผลให้คุณก่อน อื้อ...”
“แผลแค่นี้ไม่ทำให้ผมตายหรอกเมียจ๋า...
ถ้าจะตายก็คงตายเพราะไม่ได้รักคุณมากกว่า”
ฟาเบียโน่พูดอู้อี้กับอกอิ่มพร้อมออกแรงรัดเอวคอด
ลอยขึ้นด้วยแขนทรงพลังเพียงข้างเดียว
Tags: ฟาเบียโน่ - อรอาภา
ตอน: ตอนที่ 10 100%
บ่ายวันเดียวกันฟาเบียโน่กำลังนั่งฟังลูกน้องคนสนิทรายงานเรี่องการสืบหาต้นตอของคนร้ายที่ลอบยิงในห้องทำงาน คิงส์ ออฟ เจมส์
“เป็นกระสุนจากโรงงานผลิตอาวุธในเกาหลีเหนือครับ” ดีเกาสืบหาแหล่งผลิตกระสุนปืนชนิดนี้ได้ในเวลาเพียงข้ามคืน “ผมเค้นจากผู้ผลิตได้ว่ามันเป็นกระสุนที่พวกมาเฟียอิตาลีสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ”
“แล้วพวกมันเป็นใคร??” ฟาเบียโน่ถามด้วยความสงสัยเพราะเท่าที่จำได้เขายังไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับมาเฟียสักคนเดียว
“ดอนคาร์โล อันเชย์รอตติครับ เขาเป็นมาเฟียเฒ่าตัวร้ายแห่งอิตาลีแต่ผมยังนึกไม่ออกว่าเขาจะทำอย่างนั้นทำไมกันเพราะระหว่างเราไม่เคยมีความแค้นหรือขัดผลประโยชน์กันมาก่อน” ดีเกาแสดงความคิดเห็น
“หรือไม่ก็อาจจะเป็นการยิงผิดตัวหรือเข้าใจอะไรผิดก็อาจเป็นได้นะครับ” อิบันตั้งข้อสันนิษฐานใหม่ขึ้นมาอีกข้อหนึ่ง
ฟาเบียโน่นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าออกมาช้าๆ “ไม่หรอก ถ้าเป็นการหมายเอาชีวิตหรือพวกมันจะตั้งใจจะฆ่าใครคงไม่โง่ใช้กระสุนจำเพาะกลุ่มให้เราตามหาพวกมันได้ง่ายๆแบบนี้แน่ เราอาจจะไปขัดผลประโยชน์ของดอนคาร์โลเข้าโดยไม่รู้ตัวมากกว่า ที่พวกมันทำอย่างนี้ก็เพื่อที่จะขู่ฉันแต่จิงเจอร์โชคร้ายมารับเคราะห์แทน”
“ผมยังนึกไม่ออกเลยว่ามันเรื่องอะไรกัน??” ดีเกาได้ยินที่เจ้านายพูดอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกมึนไปเหมือนกันเรื่องมันซักจะซับซ้อนไปกันใหญ่
“นั่นล่ะคือสิ่งที่เราต้องหา!! อิบันไปสืบมาให้ละเอียดว่าดอนคาร์โลคนนี้ทำธุรกิจอะไร? แต่ฉันเชื่อแน่ว่ามันคงไม่ได้ขาวสะอาดเท่าไหร่แน่เพราะถึงกับขนาดต้องสั่งผลิตอาวุธของตัวเองขนาดนั้น” ฟาเบียโน่สั่งเสียงเครียด!
“ครับเซญอร์” อิบันรับคำและก้าวออกไปจากห้องของเจ้านายทันที
“เซญอร์ครับ ดีเอโก้ส่งใบสั่งซื้อทองคำแท่งล็อตที่สองเพิ่มขึ้นแล้วนะครับ” ดีเกาบอกพร้อมกับวางเอกสารตรงหน้าของเจ้านาย
ฟาเบียโน่กวาดสายตามองเอกสารตรงหน้า ถ้าดีเอโก้สามารถขายทองคำแท่งที่ซื้อไปยังไม่ถึงเดือนหมดจนต้องสั่งซื้ออีก ก็ถือว่าเขาทำธุรกิจนี้ได้ดีมากๆจนน่าตกใจ “ปล่อยให้เขาไป แต่คอยส่งคนตามไปดูด้วยว่าคนที่มาซื้อทองคำจากดีเอโก้เป็นลูกค้าจริงๆรึเปล่า”
“เซญอร์กำลังสงสัยว่าเขาทำเรื่องผิดกฏหมายเหรอครับ” ดีเกาถามอย่างสงสัย
“แล้วมันไม่น่าสงสัยหรือไง นี่... ถ้าฉันไม่รู้ประวัติว่าดีเอโก้ เป็นนักลงทุนชั้นยอดหรือเขาไม่ร่ำรวยอย่างตอนนี้ คงจะทาบทามเขามาทำงานกับเราโดยไม่เกี่ยงเรื่องเงินเดือนแล้ว” ฟาเบียโน่พูดน้ำเสียงติดตลกแต่ดีเการู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้ของเจ้านายนั้น ภายในใจของท่านต้องคิดไปไกลกว่าที่แสดงออกมาเสมอ
วันถัดมาอรอาภาอาการดีขึ้น ความรู้สึกปวดแผลก็ทุเลาลงมากแล้ว หญิงสาวสามารถเดินออกมาส่งสามีไปทำงานได้ตามปกติ เมื่อวานหลังจากโต้เถียงกันเรื่องน่าอายแล้วเธอก็เผลอหลับสนิทไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนเที่ยงวัน แล้วพบว่ามีพยาบาลเพื่อนใหม่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ สองสาวคุยกันอย่างถูกคอ ทำกิจกรรมร่วมกันคือการเตรียมอาหารไทยที่มนตร์ลดาเป็นคนทำและมีอรอาภาคอยนั่งดูเพราะพยาบาลส่วนตัวยังไม่อยากให้ทำอะไรมากนัก อรอาภานั่งตาแป๋วฟังพยาบาลสาวที่พูดถึงชีวิตส่วนตัวของเธอในช่วงที่อยู่เมืองไทยพร้อมทั้งซักถามอย่างสนอกสนใจ แต่ความรู้ใหม่ที่ได้ยินก็ไม่ได้ช่วยให้อรอาภารู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่เหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
มนตร์ลดายิ้มให้กำลังใจพร้อมกับเล่าเรื่องราวของคนไข้รายหนึ่งที่ตนเองเคยดูแลตอนอยู่เมืองไทยให้อรอาภาฟัง “ฉันเคยดูแลผู้ป่วยที่มีอาการความจำเสื่อมชั่วคราวอยู่คนนึงค่ะ เธอมาโรงพยาบาลในอาการที่สับสนหวาดกลัวมากเพราะว่าเธอนอนหลับไปแล้วก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความคิดที่ว่าตัวเองอายุเพียงสิบห้าปี เธอตกใจจนแทบช็อกเมื่อตื่นขึ้นมาพบเด็กผู้ชายคนนึงนั่งเล่นเกมส์อยู่ใกล้ๆตัวเอง และที่สำคัญเด็กผู้ชายคนนั้นเรียกเธอว่าแม่!!”
“ตายจริง!! มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอคะ?” อรอาภาทำหน้าตื่น
“ค่ะ เธอรับไม่ได้สุดๆ กรีดร้องราวกับคนบ้าเพราะตอนนี้คนรอบข้างบอกกับว่าเธออายุสามสิบสองปีแล้ว แถมยังเป็นซิงเกิ้ลมัมอีกต่างหาก เธอต้องพักอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบเดือนเชียวนะคะกว่าที่จะยอมรับสถานภาพปัจจุบันของตัวเองได้” มนตร์ลดาพูดไปพลางทำอาหารไปด้วย “แล้วที่ทำให้ทั้งสงสารทั้งขำก็คือ เธอเอาแต่ร้องไห้คิดถึงโรงเรียน คิดถึงแฟนที่เพิ่งตกลงคบกันได้ไม่นาน เธอไม่สามารถจะส่งอีเมล์ได้ด้วยซ้ำไป มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าทุกอย่างแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ”
“โอ!... ฉันรู้ดีทีเดียวล่ะค่ะไอ้ความสับสนที่ว่านั่นมันน่ากลัว น่าโมโหตัวเองแค่ไหน ฉันเองก็จำไม่ได้แม้กระทั่งสามีของตัวเอง แม้ตอนนี้จะออดอ้อนบอกรักเขาแค่ไหน เขาก็ยังไม่เคยพูดว่ารักฉันซักคำ” อรอาภาบอกด้วยน้ำเสียงประชดน้อยๆ
“แหม... ถึงเซญอร์ฟาเบียโน่ไม่พูดว่ารักคุณ เด็กอมมือก็ยังดูออกเลยค่ะว่าเซญอร์รักคุณแค่ไหน”
“ความจริงฉันก็ดูออก สัมผัสได้ค่ะว่าเขารักฉันมากแค่ไหน แต่บางที่ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้พอเราบอกรักเขาก็อมยิ้มเฉยๆ มันเสียเซล์ฟน่ะ มิ้นต์เข้าใจไหม?”
มนตร์ลดาอดขำออกมาไม่ได้ เข้าใจในความรู้สึกของคนทั้งคู่ว่าเป็นอย่างไร “เอาเถอะค่ะ... อดทนอีกสักนิด ฉันคิดว่าไม่นานคุณน่าจะค่อยๆจำอะไรได้มากขึ้น” พยาบาลสาวให้กำลังใจพลางจัดการตักข้าวที่ผัดแล้วเรียบร้อยลงในผลสัปปะรดที่คว้านใส้ในออกแล้วนำไปเข้าเตาอบอีกครั้ง
“เห็นเงียบๆขรึมๆอย่างนั้นแต่ถ้าจะงอนขึ้นมาล่ะก็มันน่าโมโหที่สุดในโลกเลยนะคะ!!” ทั้งยังเป็นจอมหื่นที่เถียงเรื่องบนเตียงทั้งวันก็ได้อย่างน่าตาเฉย อรอาภาต่อเอาเองในใจเพราะไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องน่าอายแบบนี้ให้คนอื่นได้รู้ได้ยังไง “แล้วคนไข้ของมิ้นต์ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะจำเรื่องราวทั้งหมดได้?”
“สองปีค่ะ” มนตร์ลดาตอบพลางเหลือบตาขึ้นไปเห็นสีหน้าสลดอย่างคนใจเสียของอรอาภา “อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นสิคะ ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือบางคนใช้เวลาแค่ไม่ถึงเดือนก็จำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมด้วยนะคะ คนรอบข้างนี่ก็สำคัญ คุณก็ให้เซญอร์ฟาเบียโน่เล่าเรื่องราวในอดีตที่ทำร่วมกัน หรือเรื่องประทับใจที่มำด้วยกันให้ฟังบ่อยๆ แบบนี้ก็ช่วยได้มากเหมือนกันนะคะ”
อรอาภาพยักหน้าเชิงเห็นด้วยกับคำพูดของพยาบาลสาว แต่หลังจากที่ฟาเบียโน่พูดกับเธอในครั้งนั้นว่าให้เรียนรู้กันจากปัจจุบันโดยไม่ต้องไปสนใจอดีต จึงไม่เคยได้ซักไซ้เรื่องในอดีตที่ผ่านมากมายเหมือนเมื่อก่อนนัก โดยหญิงสาวเปลี่ยนไปถามถึงครอบครัวของฟาเบียโน่ ชีวิตในวัยเด็กของเขาซะเป็นส่วนมาก ชีวิตของเขามีเรื่องราวหลายอย่างน่าสนใจ เขาประสบความสำเร็จและก้าวขึ้นมาอยู่จุดนี้ได้อย่างไม่ง่ายนักและมันก็ทำให้ยิ่งประทับใจในความสามารถ ความฉลาดรอบด้านของเขา มันย้ำเตือนให้ภูมิใจว่าตัวเองเลือกคู่ชีวิตได้ไม่ผิดเลย
จากนั้นสองสาวจึงนั่งรับประทานข้าวอบสัปปะรดหน้าตาสวยงาม รสชาติอร่อยเป็นอาหารมื้อเที่ยง ต่อด้วยการนั่งฝึกสมองประลองหมากรุกผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่ราวชั่วโมง อรอาภาก็หาวซ้ำแล้วซ้ำอีก พยาบาลสาวจึงมองขำๆพร้อมกับพาคนไข้สาวขึ้นไปพักผ่อนในห้องนอนในตอนบ่ายของวัน
สามชั่วโมงต่อมาฟาเบียโน่เดินทางกลับมาถึงบ้านริมชายหาดอีปาเนมาของตัวเองอีกครั้ง บ้านช่องเงียบกริบมีเพียงนอสซาที่ออกมารับเจ้านาย
“จิงเจอร์ล่ะ??” ทันทีที่ส่งกระเป๋าเอกสารในมือให้นอสซา ฟาเบียโน่ก็ถามถึงภรรยาทันทีจนทำให้หัวหน้าแม่บ้านยิ้มปลื้มใจแทนเจ้านายสาวของตน
“เซญอร่าหลับอยู่ข้างบนค่ะ ส่วนเซญอริน่ามิ้นต์กำลังเตรียมสอนให้ดิฉันทำอาหารไทย เมื่อตอนกลางวันเธอทำข้าวอบสัปปะรดให้เซญอร่าจิงเจอร์ทาน ทานได้มากเป็นพิเศษเลยค่ะ ดิฉันก็เลยอยากหัดทำเอาไว้บ้าง” นอสซาบอกพร้อมกับเดินเอากระเป๋าทำงานไปเก็บในห้องทำงานของฟาเบียโน่
มือหนาของฟาเบียโน่ค่อยๆเปิดประตูห้องนอนออกอย่างเบามือที่สุด เพราะกลัวว่าคนที่นอนหลับอยู่ด้านในจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ความเครียดจากการทำงานทั้งหมดมลายหายไปสิ้นเพียงแค่ได้มองเห็นร่างอ้อนแอ้นนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงกว้าง เธอหลับสนิทไม่รู้สึกตัวนั่นคงเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่ได้รับ กล้ามเนื้อภายในร่างกายตื่นตัวรับความเครียดที่ผุดพุ่งขึ้นมาพลันเพียงเพราะอยากหาไอ้ระยำที่มันบังอาจทำให้เธอต้องมานอนซมอยู่อย่างนี้!! ชายหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการชำระร่างกายเรียกความสดชื่นให้กับตัวเอง หลังจากที่ขบคิดปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับมาเฟียอิตาลีที่ลอบทำร้ายตัวเองอยู่ตลอดทั้งวัน และบอกกับตัวเองว่าเขาจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้จบสิ้นไป ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีทางที่จะละสายตาจากร่างที่นอนหลับนิ่งอยู่ด้านนอกได้แน่
ก่อนออกจากคิงส์ ออฟ เจมส์ ก็ยังได้รับโทรศัพท์จากคุณปู่การันก้าที่ต่อสายตรงมาจากรีโอกรันดี โดซุล คำถามมากมายเกี่ยวกับอรอาภาก็ระรัวใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว เล่นเอามึนไปพักใหญ่เหมือนกัน แต่ฟาเบียโน่ก็ต้องดึงโทรศัพท์ออกมามองอย่างมึนงงมากขึ้นไปอีกเมื่อจู่ๆคุณปู่ก็เป็นฝ่ายตัดสายไปเองดื้อๆ ไม่ถึงสิบนาทีดีคุณปู่การันก้าของเขาก็โทรฯเข้ามาอีก คราวนี้บ่นอุบว่าพยาบาลประจำตัวขอลาออกกระทันหันเพราะเธอท้อง!! ชายหนุ่มต้องฟังคุณปู่บ่นอยู่เกือบสิบนาทีก่อนที่ท่านจะเป็นฝ่ายวางสายไปเองอีกครั้งหนึ่ง
ฟาเบียโน่จัดการแต่งตัวอย่างรวดเร็วและเงียบกริบแล้วเดินกลับลงมาชั้นล่างอีกครั้งหนึ่ง เสียงคุยและเสียงหัวเราะคิกคักที่ดังลอดออกมาจากห้องครัวทำให้ขาแข็งแกร่งเปลี่ยนจุดหมายจากห้องทำงาน เดินตามเสียงที่ได้ยินจนมาถึงห้องครัวก็เห็นว่ามนตร์ลดากำลังสอนนอสซาและเด็กรับใช้อีกสองคนให้ทำอาหารพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“เซญอร์ต้องการอะไรรึเปล่าคะ?” นอสซาถามเมื่อเห็นเจ้านายยืนพิงกรอบประตูห้องครัวอยู่
“เปล่า... แค่ได้ยินเสียงก็เลยเดินมาดูเท่านั้นเอง” ฟาเบียโน่ตอบเสียงราบเรียบทั้งยังยืนอยู่ตำแหน่งเดิม “รบกวนคุณรึเปล่าครับมิ้นต์ ต้องดูแลจิงเจอร์แล้วยังต้องมาสอนทำอาหารอีก?”
“ไม่เลยค่ะ! ความจริงแล้วเซญอร่าจิงเจอร์สามารถช่วยตัวเองได้เป็นอย่างดี ฉันต่างหากล่ะคะที่ยังทำงานไม่คุ้มกับค่าตอบแทน เรื่องแค่นี้เล็กน้อยค่ะ” มนตร์ลดารีบตอบ แต่ยังไม่วางมือจากแกงจืดลูกรอกที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณนิดหน่อย” ฟาเบียโน่บอกความต้องการของตนเอง
มนตร์ลดาที่ได้ยินดังนั้นจึงสั่งการให้นอสซาทำอาหารที่ยังค้างอยู่ต่อจากตนเอง จัดการถอดผ้ากันเปื้อนออกพร้อมทำความสะอาดมือไม้แล้วเดินตามร่างสูงของฟาเบียโน่ผ่านห้องรับแขกโล่งกว้างสบายตา ลึกเข้าไปตามทางเดินกว้างๆ มาหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่เจ้าของบ้านเปิดออกกว้างแล้วพยักหน้าให้เธอตามเข้ามาด้านใน
“คุยกันคราวที่แล้ว ผมจำได้ว่าคุณยังว่างงานอยู่ใช่ไหม?” ฟาเบียโน่ถามเข้าเรื่องทันทีที่เข้ามาในห้องทำงาน
“ใช่ค่ะ กะว่าหลังจากที่เซญอร่าจิงเจอร์แข็งแรงดีแล้วดิฉันจะไปสมัครงานตามโรงพยาบาลดูน่ะค่ะ”
“ขอโทษนะที่ต้องถาม พอจะบอกผมได้ไหมว่าทำไมถึงได้ลาออกจากที่ทำงานเดิม?” ฟาเบียโน่ถามลึกลงไปอีก ปกติเขาเองไม่เคยสนใจใครอยู่แล้วแต่ถ้าหากเธอสนใจที่จะไปดูแลคุณปู่การันก้าที่บูซิโอส เขาก็น่าจะได้รู้ความเป็นมาของเธอบ้าง
“อึดอัดใจค่ะ มันเริ่มจากการเหยียดเชื้อชาติ กลายเป็นดูถูกความสามารถ มองทุกอย่างในตัวเราเป็นเรื่องติดลบหมด มีผลงานสามารถเลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานให้สูงขึ้นได้แต่กลับต้องถูกปฏิเสธ ฉันคงอดทนน้อยเกินไปมั้งคะเลยตัดสินใจลาออกทั้งที่ทำงานที่นั่นมาได้ตั้งเก้าเดือนแล้ว” มนตร์ลดาบอกพร้อมยิ้มเศร้าๆ
“หึ!! ผมเกลียดนักไอ้คนพวกนี้ อย่าไปคิดถึงคนพวกนั้นอีกเลยดีแล้วล่ะที่ตัดสินใจออกมา พอดีว่าพยาบาลที่ดูแลคุณปู่ของผมเธอลาออกกระทันหัน คุณสนใจที่จะไปดูแลท่านรึเปล่า?”
“ท่านไม่สบายเหรอคะ?” มนตร์ลดาถาม
“ท่านเกิดอุบัติเหตุเมื่อหลายยี่สิบปีก่อนทำให้เป็นอัมพาตท่อนล่าง ต้องนั่งอยู่บนรถเข็ญตลอด ตอนนี้อายุแปดสิบปีแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงนะที่นั่นมีเด็กรับใช้อีกหลายคน คุณแค่ไปดูแลหายาให้ท่านกิน อาจจะต้องฉีดยาให้ท่านตามที่หมอสั่งบ้าง คอยคุยเป็นเพื่อนท่านบ้าง ค่าตอบแทนผมก็ให้ตามสมควรอยู่แล้ว ท่านอยู่กับน้องชายของผมที่รีโอกรันดี โดซุลมันอาจจะไกลจากที่นี่สักหน่อย แต่ที่นั่นน่าอยู่มากเป็นคฤหาสน์ในไร่องุ่นของเราเอง”
“ดิฉันไม่ได้เกี่ยงว่าท่านช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หรอกนะคะ แต่คุณแม่ของดิฉันเองก็สุขภาพไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ถ้าคุณปู่อยู่ที่นี่ดิฉันคงไม่รีรอต้องตอบตกลงแน่ค่ะ ยังไงขอเอาไปปรึกษาคุณแม่ดูก่อนได้ไหมคะ ถ้าเซญอร์ยังไม่ได้รีบต้องการคำตอบในวันนี้?” มนตร์ลดาแบ่งรับแบ่งสู้ พูดกันตามตรงก็คือรีโอกรันดี โดซุลมันไกลจากที่นี่นัก ถ้าตอบตกลงก็เท่ากับว่าต้องห่างไกลจากแม่ของตัวเองอีก แต่อีกใจหนึ่งก็ยังไม่อาจจะปฏิเสธงานที่มีค่าตอบแทนดีเช่นนี้ได้ คนรู้จักคิด ประหยัดมาตั้งแต่เล็กรู้ดีว่าเงินแต่ละบาทนั้นหาบากเพียงไรคิด
“ไม่เป็นไร กลับไปปรึกษา คิดดูสักสามสี่วันก่อนก็ได้แล้วค่อยมาให้คำตอบผม” ฟาเบียโน่พูดพร้อมลุกขึ้นเมื่อสิ่งที่ตนเองพูดจบลง ชายหนุ่มเดินตามหลังพยาบาลสาวกำลังจะออกมาจากห้องเพราะใกล้เวลาอาหารเย็นเต็มทีแล้ว มนตร์ลดาใช้มือเรียวของตนเองบิดลูกบิดประตูเปิดออก แต่ก็หันหลังกลับมากระทันหันเพราะนึกขึ้นได้ว่าตนเองยังมีเรื่องถามกับฟาเบียโน่อีก
ฟาเบียโน่ที่เดินตามหลังมนตร์ลดามาติดๆ และไม่รู้ว่าเธอจะหันกลับมาอย่างกระทันหัน ทั้งสองก็ชนกันเข้าอย่างจัง!! เสื้อถักโครเซร์ตัวโปร่งที่มนตร์ลดาสวมทับอยู่ด้านนอกก็เกี่ยวเข้ากับซิบกางเกงยีนส์ของฟาเบียโน่ทันที!!
“อุ๊ย!! ตายจริง! เสื้อของฉันมันเกี่ยวเข้ากับซิบกางเกงของเซญอร์น่ะค่ะ” มนตร์ลดาบอกทั้งพยายามแกะเสื้อของตนเองออก แต่เหมือนยิ่งแกะยังไงเสื้อของเธอมันก็ยังติดหนึบพันกับซิบกางเกงของเขาแน่น จนแล้วจนรอดก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดออกจากกันได้โดยง่าย ฟาเบียโน่จึงหมุนตัวเองหันหน้าเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะทำงาน โดยมีมนตร์ลดาที่ค่อยๆถอยหลังตามไปด้วย
ฟาเบียโน่ใช้แขนแข็งแรงของตัวเองหยิบกรรไกรที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานส่งให้พยาบาลสาว “ใช้นี่... คงง่ายกว่ากันเยอะเลย”
“ค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่ะฉันไม่น่าจะหยุดกระทันหันอย่างนั้น” มนตร์ลดาพึมพำบอกอยู่กับอกกว้างทั้งเล็งอย่างลำบากที่จะตัดเสื้อของตนเองออกจากจุดที่ชวนให้หวาดเสียวของชายชาตรี
ดูเหมือนว่าฟาเบียโน่ก็จะรู้ได้ว่าพยาบาลสาวประหม่า ชายหนุ่มจึงพูดติดตลกให้เธอได้ผ่อนคลายลงบ้างเพราะเธอต้องเอื้อมมือลงไปใกล้จุดสำคัญของเขา “เอาดีๆ นะคุณพยาบาล คุณกำลังทำผมเสียวจะแย่แล้ว!”
อรอาภาเกร็งตัวทันทีเมื่อเดินมาได้ยินคำพูดนั้นของสามีตนเอง สายตาหวานคมมองลอดเข้าไปในประตูห้องทำงานที่แง้มออกเล็กน้อยอย่างหวาดระแวง ภาพที่ได้เห็นคือฟาเบียโน่และมนตร์ลดายืนซ้อนกันขยับตัวเบียดเสียดกันอย่างไม่อายฟ้าดิน ซุ่มเสียงน่าเกลียดของสามีทำให้หญิงสาวถึงกับยกมือทั้งสองข้างของตนเองปิดปากกลั้นเสียงร้องไห้!! ร่างอ้อนแอ้นพลิกตัวกลับมายืนแนบแผ่นหลังกับผนังปูนเย็นเฉียบฟังเสียงสนทนาที่ทำให้เกือบจะปล่อยโฮออกมาอย่างเหลืออด!! น้ำตาร้อนๆไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“อีกนิดเดียวก็ออกแล้วค่ะ โอ๊ะ! เสร็จแล้วค่ะ” มนตร์ลดาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ดีนะที่ได้ไอ้นี่! ไม่งั้นอีกนานแน่กว่าจะเสร็จ” ฟาเบียโน่บอกพร้อมกับชูกรรไกรที่มนตร์ลดาส่งคืนให้ แล้วหัวเราะออกมาพร้อมกัน
อรอาภาได้ยินเสียงหัวเราะต่อกระซิกกันของทั้งสองแล้วก็ไม่อาจจะทนฟังเสียงนั้นได้อีกต่อไป หญิงสาววิ่งทั้งน้ำตาออกมาด้านนอกอย่างรวดเร็วจนมาหยุดอยู่ที่ริมชายหาดที่ตนเองและสามีมักมีกิจกรรมร่วมกันบริเวณนี้เป็นประจำ ร่างบางทรุดลงบนพื้นทรายละเอียดอย่างหมดเรี่ยวแรง น้ำตาร้อนๆที่เกิดจากความเสียใจ ผิดหวังไหลออกมาจากสองตาไม่ขาดสาย ท้องฟ้ามืดครึ้มราวไม่ต่างจากความขุ่นมัวในหัวใจมันยิ่งตอกย้ำให้เศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งพบเจอมา ไม่เคยคิดเลยว่าสามีที่ตนเองรักนักหนาจะคิดนอกใจมีสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ของเธอเอง เหตุผลนี้ซินะที่ทำให้แม่พยาบาลสาวนั่นทำดีกับเธอนัก! นี่พวกเขาคงจะคิดว่าเธอหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ข้างบนสินะ คงจะมีความสุขกันจนลืมเวลาไปว่าเธออาจจะตื่นขึ้นมาได้เห็นได้!!
‘ถ้าผมอดขึ้นมาไม่ได้เมื่อไหร่แล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบที่ผ่านมาสามสิบกว่าปีนั่น แล้วอย่ามาโทษกันเชียวล่ะ ยัยปีศาจน้อย!!’
คำพูดของฟาเบียโน่เคยพูดไว้พลันผุดขึ้นมาในสมองทันที น้ำตาหยุดไหลราวกับปิดก๊อกน้ำเช่นกัน! ‘อดไม่ได้เลยกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอย่างงั้นเหรอ!??’ คราวนี้หากเธอจะจำอะไรไม่ได้สักสิบปีเขาก็คงจะไม่ได้เดือดร้อนสินะ!! เพราะมีผู้หญิงสาวสวยรองรับอารมณ์พิศวาสเอาไว้อยู่แล้ว! อรอาภาคิดและปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งลง จริงอยู่ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเธอเอง เมื่อภรรยาในบ้านไม่สามารถมอบความสุข ความเสน่หาอันเร่าร้อนให้กับสามีได้ก็สมควรแล้วที่เขาจะออกไปหาเอาจากนอกบ้าน!! แต่นี่เขาทำอย่างโจ่งแจ้งไม่อายฟ้าดินในบ้านที่เขาพูดเสมอว่ามันคือบ้านของเรา!!!
อรอาภาคิดอย่างชอกช้ำใจ หญิงสาวจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนความมืดมิดเงียบสงัดของยามค่ำคืนรายล้อมรอบตัว ร่างบางจึงค่อยๆหยัดตัวลุกขึ้น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกอย่างเรียกกำลังใจให้ตัวเองพลางใช้มือปาดน้ำตาออกจากสองแก้ม ก้าวเดินอย่างเชื่องช้ากลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งราวกับจะถ่วงเวลาให้ตนเองได้ทำใจที่จะต้องไปพบหน้าคนใจร้ายทั้งสองที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดหัวใจอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ฟาเบียโน่ทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นร่างของภรรยาเดินกลับเข้ามาในบ้าน เมื่อสักครู่เขาเดินขึ้นชั้นบนเพื่อจะปลุกเธอให้ตืนเพราะรู้สึกว่าเธอจะนอนหลับยาวเกินไปอีกทั้งใกล้เวลาอาหารเย็นแล้วแต่ก็พบเพียงห้องนอนที่ว่างเปล่า “ไปไหนมาจิงเจอร์?”
อรอาภามองเขาด้วยสายตาเจ็บปวดตัดพ้อเพียงชั่วแวบเดียวแล้วก็ต้องเสมองไปที่อื่นแทน “ไปเดินเล่นมาค่ะ”
ฟาเบียโน่ไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงสายตาตัดพ้อที่ส่งมาเลยสักนิด ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วเดินมาเกี่ยวเอวคอดของอรอาภาพาเดินเข้ามาในห้องอาหารอย่างสบายอามรณ์ “มากินข้าวกันดีกว่า วันนี้มิ้นต์เขาทำอาหารไทยหลายอย่างให้คุณเลยนะ หน้าตาน่าทานเชียว”
อรอาภาขบริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น ฟาเบียโน่ยังคงปฏิบัติตัวต่อเธออย่างสุภาพ เอาใจใส่ อ่อมโยนเช่นเดิม เลื่อนเก้าอีให้นั่ง ส่งยิ้มอย่างอ่อนโยน พลางตักอาหารหลายอย่างให้อย่างเอาใจ มนตร์ลดาก็ช่างตีสองหน้าได้อย่างน่านับถือ ทั้งแนะนำอาหารน่าตาน่าทานหลายอย่างตรงหน้าได้อย่างไหลลื่น ไม่กระดากอายสักนิดว่าชั่วโมงที่ผ่านมาทั้งคู่ยังเล่นรักกันในห้องทำงานอย่างไม่ละอายใจต่อเธอเลยสักนิด อรอาภาไม่รู้สึกถึงรสชาติอร่อยล้ำของอาหารตรงหน้าแม้แต่น้อย มันไร้รสชาติ ฝืดคอยิ่งนัก หนำซ้ำยังรู้สึกเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทงหัวใจเมื่อเห็นทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนิทสนม
“วันนี้ดิฉันขอไปค้างกับแม่ที่บ้านได้ไหมคะ? พรุ่งนี้รับรองว่าจะรีบมาถึงก่อนแปดโมงเช้าค่ะ” มนตร์ลดาเอ่ยขึ้นเมื่ออาหารมื้อค่ำกำลังจะจบลง
ฟาเบียโน่พยักหน้ารับ “ไปเถอะ เดี๋ยวผมจะดูแลจิงเจอร์เอง ไปดูอาการของแม่คุณสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
อรอาภาอยากจะกรีดร้องออกมานัก ขนาดว่าตัวเองคุยกับพยาบาลสาวกันหลายเรื่องหลายชั่วโมง ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเธอเป็นอะไร “คุณแม่ไม่สบายเหรอคะ?” อรอาภาอดถามออกมาไม่ได้
“ไม่ได้อาการหนักอะไรมากหรอกค่ะ ท่านเป็นโรคความดันโลหิตสูงกับโรคเบาหวานน่ะค่ะต้องทานยาเป็นประจำ” มนตร์ลดาบอก
“อยู่ด้วยกันทั้งวันไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังบ้างเลย” อรอาภาเปรยขึ้นแล้วหันไปถามฟาเบียโน่ที่นั่งอยู่ข้างๆตังเองด้วยน้ำเสียงแข็งๆแทน “แล้วคุณรู้ได้ไงคะว่าคุณแม่ของมิ้นต์ไม่สบาย หรือว่าคุณรู้เรื่องส่วนตัวของคนในปกครองทุกคน??”
“เปล่า... เฉพาะบางคนที่ผมอยากรู้เท่านั้นแหละที่รัก” ฟาเบียโน่ยิ้มพรายรับและไม่ได้รู้สึกว่าคำถามนั้นดูแปลกหู ยกเว้นแต่มนตร์ลดาที่รู้สึกได้ว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูเครียด สายตาของอรอาภาที่มองตนเองนั้นก็เปลี่ยนไป แต่พยาบาลสาวก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะอยากจะกลับบ้านไปสวมกอดแม่อย่างเต็มที่แล้ว “อ้อ! คุณอย่าลืมปรึกษากับแม่เรื่องที่เราคุยกันด้วยนะ? เดี๋ยวจะให้คนเอารถไปส่ง”
“ขอบคุณค่ะ งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ ไปแล้วนะคะจิงเจอร์” มนตร์ลดาเอ่ยลากทุกคนพร้อมลุกขึ้นหยิบกระเป๋าถือที่อยู่ใกล้มือเดินตัวปลิวออกไปจากห้องอาหารด้วยความดีใจ
หัวใจของอรอาภารู้สึกร้อนรุ่ม ความเสียใจ น้อยใจ ผิดหวังสับสนปนเปกันไปหมดแต่ต้องเก็บกดเอาไว้เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดกับคนที่ทำหน้าสบายอารมณ์ข้างๆนี่อย่างไร ได้แต่กำมือแน่น ขบริมฝีปากล่างตัวเองอย่างอดกลั้นรู้ซึ้งถึงคำว่าน้ำท่วมปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนนี้สิ่งเดียวที่อยากทำมากที่สุดก็คือหลบไปนอนร้องไห้คนเดียวให้หนำใจ น้ำตาแห่งความรู้สึกยอดแย่เหล่านั้นที่ไหลรินออกมามันคงทำให้รู้สึกดีขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้นัก!!
ฟาเบียโน่เฝ้ามองปฏิกิริยาของภรรยาตัวน้อยข้างกายอย่างสงสัย วันนี้เธอมีท่าทางแปลกๆ เงียบจนผิดปกติ ตอนนี้ยังนั่งนิ่งขบฟันกับริมฝีปากล่างของตัวเองแน่นราวกับมีเรื่องทุกข์ใจหนักหนาให้ขบคิด!!
“จิงเจอร์... จิงเจอร์!? เป็นอะไร? คุณกัดปากตัวเองอย่างนั้นทำไม??” ฟาเบียโน่ใช้มือหนาของตัวเองสะกิดที่หัวไหล่บอบบางของอรอาภา และต้องผงะออกมาเล็กน้อยเมื่อกิริยาตอบกลับคืนมาคือการสะบัดไหล่หนีมือของเขา มองมาด้วยสายตาอย่างรังเกียจเสียเต็มประดา! “เป็นอะไรจิงเจอร์??”
อรอาภาผุดลุกขึ้นจากก้าวอี้ แต่ก็ไม่ทันได้ขยับหนีไปไหนไกลฟาเบียโน่ก็ฉุดข้อมือเล็กไว้ทันที “ปล่อย!”
สายตาสองคู่จ้องมองกันอยู่สักครู่ ต่างคนต่างมีคำถามในใจของตัวเองเกี่ยวกับกิริยาท่าทางที่แปลกไปของอีกฝ่าย แต่ก่อนที่จะมีใครได้เอ่ยปากอะไรออกมา เสียงกระแอมของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่หันมามองตามเสียงนั้นทันที
“ฮะแฮ่ม!!” อเตต้าร์แกล้งกระแอมเสียงดัง ขัดจังหวะคู่พระนางขึ้นก่อน
“อ้าว! มาตั้งแต่เมื่อไหร่??” ฟาเบียโน่ถามน้องชายที่ยืนพิงกับกรอบประตูมองมายังตนเองอย่างด้วยสายตาขันๆ
อเตต้าร์ไม่ได้ตอบคำถามของพี่ชายแต่กลับมองใบหน้าสวยหวาน รับกับผิวพรรณผุดผ่องที่มองปราดเดียวก็พอรู้ว่าเธอสวยอย่างนี้นี่เองถึงทำให้ฟาเบียโน่เปลี่ยนสเปกจากสาวทรงโต หุ่นดินระเบิดมาเป็นสาวร่างอ้อนแอ้นแบบนี้พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “พี่จะไม่แนะนำให้ผมรู้จักกับพี่สะใภ้หน่อยหรือไง เฟลิกซ์?”
“จิงเจอร์... นี่อเตต้าร์น้องชายของผมเอง” ฟาเบียโน่ทำตามอย่างว่าง่ายพลางปล่อยข้อมือของอรอาภาแล้ววาดวงแขนไปโอบไหล่บอบบางรั้งเธอเข้ามาแนบอกตัวเองแทน
อรอาภาไม่อยากเสียมารยาทจึงอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นแต่กลับทำให้เธอเจ็บปวดไปพร้อมกันอย่างไม่ขัดขืน พลางยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า หน้าตาของเขาหล่อเหลาไม่แพ้ฟาเบียโน่แต่หากดูห้าวหาญ เถื่อนดิบมากกว่านักและสิ่งหนึ่งที่อรอาภาเห็นว่าแตกต่างกับสามีของตัวเองโดยสิ้นเชิงก็คือการแต่งตัว!!
อเตต้าร์รู้สึกขำนักกับสายตาที่มองตนเองอย่างสำรวจตรวจตราตั้งแต่หัวจรดเท้า หากแต่สายตาของเธอกลับไม่ได้ทำให้เขาโกรธเพราะมันเป็นสายตาที่คาดไม่ถึงว่าตนเองและฟาเบียโน่จะเป็นพี่น้องที่คลานตามกันออกมา สายตาที่ได้เห็นจนชาชินจากคนทั่วไป หนุ่มมาดเซอร์จึงยื่นมืออกไปรอพร้อมเอ่ยทักทายเธอก่อน “ยินดีที่ได้พบคุณครับ เรียกผมว่าอาร์ตี้ก็ได้ครับ”
“อรอาภาค่ะ ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกันเรียกฉันว่าจิงเจอร์ก็ได้นะคะ” อรอาภายิ้มให้หนุ่มหล่อเถื่อน! ดูๆไปเขาก็เหมือนเทพบุตรแดนเถื่อน!! บุคลิกแตกต่างกันกับสามีของตัวเองโดยสิ้นเชิง ฟาเบียโน่นั้นหล่อเหลามาดเข้มขรึมเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว เขาต้องโกนหนวดทุกวัน สวมสูทแต่งกายเนี้ยบก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง แต่อเตต้าร์กลับดูเหมือนหนุ่มคาวบอยมาดเถื่อน มีเคราเขียวครึ้มตามแนวสันคาง ตัดผมสกินเฮด ใส่ต่างหูเพชรเม็ดเบ้อเร่อที่หูข้างซ้ายอีกด้วย แสงแวววาวของมันตัดกับผิวสีแทนอย่างคนกลำแดดส่งผลให้เขาดูเป็นผู้ชายเร้าใจยิ่งนัก! หากแต่เธอกลับชอบผู้ชายมาดขรึมอย่างคนที่กอดเธอไว้แนบอกอยู่ข้างๆนี่มากกว่า ถึงแม้ว่าเขาจะทำให้รู้สึกชอกช้ำหัวใจก็ตาม อรอาภาลอบถอนหายใจออกมาฟังสามีกับน้องชายของเขาคุยกันอยู่เงียบๆ
“กินอะไรมารึยังล่ะ เราเพิ่งกินข้าวเสร็จกันเดี๋ยวนี้นี่เอง” ฟาเบียโน่ถามขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว
“ยังเลย กะว่าจะมาหาข้าวกินที่นี่ ค้างสักคืนพรุ่งนี้เย็นๆ ผมต้องรีบกลับแล้ว” อเตต้าร์ว่าพลางทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะอาหารที่มีร่องรอยของการรับประทานอาหารหลงเหลืออยู่
“รอแป๊บเดียวนะคะ เดี๋ยวดิฉันจัดมาให้ใหม่” อรอาภาบอกยิ้มๆพลางดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของฟาเบียโน่
“เดี๋ยวเรียกให้นอสซามาทำดีกว่า คุณยังไม่หายดีเลยนะที่รัก” ฟาเบียโน่บอกน้ำเสียงเอื้ออาทรพลางรั้งร่างอ้อนแอ้นให้นั่งลงข้างตัวเองอีกครั้ง มืออีกข้างก็สั่นกระดิ่งเรียกแม่บ้านทั้งหลายให้ตั้งอาหารใหม่อีกครั้งหนึ่ง
“นั่นสิครับ คุณนั่งลงดีกว่าจะได้คุยกะน ทำความรู้จักกันไว้ เผื่อผมกลับรีโอกรันดี โดซุลแล้วตอบคำถามของปู่ไม่ได้คงได้ตายแน่ๆ” อเตต้าร์บอก
“คุณปู่ท่านสบายดีนะคะ” อรอาภาเอ่ยถามถึงญาติผู้ใหญ่ของฟาบัยโน่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว
“ครับ... สบายดีแต่อยากเห็นหน้าหลานสะใภ้ ก็เลยต้องให้ผมมาสืบข่าวถึงที่นี่ ความจริงปู่ไม่ได้สนใจคุณสองคนหรอก ใจจริงท่านอยากเห็นหน้าเหลนมากกว่า”
อรอาภาหน้าเห่อแดงเมื่อพูดถึงสิ่งมีชีวิตน้อยๆที่ยังไม่มีโอกาสได้ถือกำเนิดขึ้น และก็อดยิ้มออกมาไม่ได้กับความตรงไปตรงมาของหนุ่มหล่อเถื่อนตรงหน้า ไม่เพียงแค่บุคลิกเท่านั้นที่แตกต่างกับฟาเบียโน่แม้แต่คำพูดคำจาก็แตกต่างกันมากทีเดียว “คุณเป็นน้องชายของเฟลิกซ์จริงๆเหรอคะ?”
หนุ่มมาดเถื่อนหัวเราะชอบใจกับความเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาของพี่สะใภ้ “ฮ่า... ก็น้องจริงๆน่ะสิครับ แต่เฟลิกซ์ขายเพชรขายทองก็เลยดูเป็นผู้ดี ส่วนผมมันแค่ชาวไร่ชาวสวนก็เลยดูเถื่อนๆไม่ค่อยมีมารยาทอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ”
กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...
“คุยกันไปก่อนนะ” ฟาเบียโน่บอกเมื่อเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ตนเองดังขึ้น อรอาภาชะเง้อมองตามร่างสูงใหญ่ของสามีที่รีบร้อนออกไปรับสายโทรศัพท์ลึกลับนอกระเบียงที่กั้นด้วยกระจกใส ในใจอยากรู้เหลือเกินว่าใครโทรเข้ามา เขาถึงต้องแยกตัวออกไปรับสายตามลำพังแบบนี้!!
อเตต้าร์อมยิ้มกับสายตาหึงหวงที่แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งของอรอาภา พร้อมกับคิดว่าฟาเบียโน่คงทำนิสัยเจ้าชู้ให้เธอได้เห็นเป็นแน่ เธอถึงได้แสดงท่าทางออกมาแบบนี้!! “เฟลิกซ์มีพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจเหรอครับ? คุณถึงมองเขาไม่วางตาอย่างนั้น” ชายหนุ่มแกล้งแซวเล่นทันที
“ฉันต้องถามคุณมากกว่าว่าสองพี่น้องคงเจ้าชู้น่าดู ใช่ไหมคะ??” อรอาภาไม่ตอบแต่กลับหลุดปากส่งคำถามที่อยากออกมาทันที
“อะไรกันจิงเจอร์! คุณมองผมกับเฟลิกซ์ออก... ง่ายอย่างนั้นเชียว?” อเตต้าร์ยักไหล่พร้อมถามพร้อมหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ เมื่อสาวสวยตรงหน้าพยักหน้ารับเร็วๆอย่างที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย “คุยเรื่องอื่นดีกว่า ผมมีลางสังหรณ์ว่าถ้าคุยเรื่องนี้กับคุณแล้วคงต้องเผลอปากพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดแน่”
“เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ ฉันเองก็เคยคิดอยู่เสมอว่าเฟลิกซ์คงไม่เล่าทุกอย่างให้ฉันฟังแน่” อรอาภาขยับตัวเข้าหา ทำท่าตั้งใจฟัง!!
“ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่ามาถูกวันรึเปล่า?” อเตต้าร์บอกพลางสังเกตท่าทีของเธอ จริงอยู่ว่าไม่เคยได้รู้จักมักคุ้นกันมากก่อน แต่ท่าทางที่เธอแสดงออกมานั้นมันเหมือนกับผู้หญิงกำลังหึงหวงที่รู้ว่าผู้ชายของตนไปมีผู้หญิงคนอื่น หรือมีพฤติกรรมนอกใจจากตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายอย่างอเตต้าร์พยายามกันตัวเองออกจากความหึงหวง เป็นเจ้าข้าวเจ้าเหล่านั้นอย่างที่สุดเพราะยังไม่ต้องการผูกมัดตัวเองกับผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น
แต่เรื่องนั้นมันไม่ใช่ประเด็นหลักในตอนนี้! อเตต้าร์รู้ได้ทันทีจากสายตาหึงหวงขุ่นมัวนั่นของอรอาภา เธอกำลังมีเรื่องระแวงคลางแคลงใจในตัวของฟาเบียโน่ จึงไม่รีรอที่จะถามออกไปทันที “ผมว่าคุณต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเล่าเรื่องที่สงสัยอยู่ให้ผมฟัง?”
อรอาภากระพริบตาถี่ๆ มองใบหน้าของอเตต้าร์และก้มลงมองฝ่ามือตนเองสลับกันไปมาอย่างคนกำลังชั่งใจ แต่ยังไม่ทันได้ข้อสรุปในใจฟาเบียโน่ก็เดินเข้ามาซะก่อน ทั้งอเตต้าร์และอรอาภาจึงต้องยุติหัวข้อที่กำลังจะเปิดบทสนทนาขึ้นโดยปริยาย หลังอาหารเย็นของอเตต้าร์ทั้งหมดก็นั่งคุยอยู่พักใหญ่ ส่วนมากฟาเบียโน่จะถามถึงเรื่องงานในไร่องุ่นที่เพิ่งถูกไฟไหม้เสียหายอยู่มากโขทีเดียวและถามถึงสุขภาพของคุณปู่การันก้า แล้วคนหน้าตายอย่างฟาเบียโน่ก็ยังหันมาพูดว่าหากเธอแข็งแรงเป็นปกติแล้ว จะพาไปเยี่ยมคุณปู่การันก้าที่รีโอกรันดี โดซุลอีกด้วย
ตลอดเวลาที่พูดคุยกันนั้นฟาเบียโน่โอบหัวไหล่ของเธอตลอดเวลาราวกับเป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันปานจะกลืน ดึกพอสมควรฟาเบียโน่ก็บอกกับน้องชายว่าต้องพาภรรยาสาวแล้วเพราะเธอยังสุขภาพไม่แข็งแรงดีนักจึงไม่ควรจะนอนดึกๆดื่นๆ
อรอาภานึกหมั่นไส้ขึ้นมาในทันที! เกลียดนักไอ้คนสร้างภาพ!! ใช่ เขามันจอมลวงโลก!! เบื้องหน้าแสดงว่าเป็นสามีที่แสนดี เบื้องหลังก็มีอีหนูไว้คอยบำบัดความใคร่ ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนอนเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็รีบคลานขึ้นเตียงทันที ข่มตาให้หลับก่อนที่ฟาเบียโน่จะกลับออกมาจากห้องน้ำ เพราะยังไม่พร้อมที่จะคุยกับเขาอย่างเปิดอก เธอกลัวเหลือเกินว่าความสัมพันธ์ที่มีต่อกันมันจะสั่นคลอนเพราะมีมือที่สามเข้ามาแทรกระหว่างกลาง พันธะรักต่อกันที่มีเพียงทะเบียนสมรสเป็นหลักประกันระหว่างที่รอให้จำเรื่องราวทั้งหมดได้มันจะไม่แข็งแรงพอที่จะต้านทานความใคร่ของมือที่สามได้ พูดกันง่ายๆก็คืออรอาภากลัวว่าจะต้องสูญเสียเขาไปตลอดกาลนั่นเอง!!
รุ่งเช้าอรอาภารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองอยู่บนเตียงตามลำพังอีกตามเคย สายตาหวานผงกหัวขึ้นจากหมอนใบนุ่มเหลือบมองดูดูนาฬิกาทรงแปลกตาที่ติดไว้ตรงผนังปลายเตียง
“ตายจริง... แปดโมงครึ่งแล้ว!!” ร่างอ้อนแอ้นกระเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนนุ่มราวกับตัวติดสปริงเพราะด้วยความเคยชินที่ต้องไปส่งฟาเบียโน่ไปทำงานทุกวัน แต่พอคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อวานนี้แล้วจึงไม่ได้รีบร้อนอีก มั่นใจว่าเขาต้องออกจากบ้านไปทำงานแล้วแน่นอน ที่สำคัญเธอยังไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดเรื่องราวทั้งหมดยังไงดี ราวยี่สิบนาทีต่อมาอรอาภาเดินลงมาชั้นล่างแล้วเลี้ยวเข้าไปในห้องอาหารก็พบว่าอเตต้าร์กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ โดยมีนอสซากำลังเสิร์ฟอาหารเช้าให้
“มาทานอาหารเช้าด้วยกันสิครับจิงเจอร์” อเตต้าร์เอ่ยชวนพลางพับหนังสือพิมพ์ในมือของตัวเองแล้ววางมันลงบนโต๊ะ ยิ้มแย้มให้เธออย่างเป็นมิตร
อรอาภายิ้มตอบด้วยสีหน้าไม่เบิกบานนักพลางทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ประจำของตนเอง
“วันนี้เซญอร์ฟาเบียโน่ออกไปตั้งแต่เช้าเลยค่ะ เห็นว่ามีเรื่องสำคัญเลยต้องรีบออกไปค่ะ” นอสซารายงานตามปกติพลางวางแก้วนมสดให้เจ้านายสาว จากนั้นจึงถอยออกมายืนข้างหลังรอดูห่างๆว่าเจ้านายจะต้องการสิ่งใดเพิ่มหรือไม่
อรอาภาพยักหน้ารับ “มิ้นต์ยังไม่มาเหรอคะ?”
“มาถึงตั้งแต่เช้าแล้วก็ออกไปพร้อมเซญอร์ฟาเบียโน่อีกครั้งค่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าจะกลับมากี่โมง เซญอร่าต้องการอะไรรึเปล่าคะ?”
เพล้ง!!
เสียงช้อนสเตนเลสอย่างดีที่อยู่ในมือของอรอาภาตกกระทบกับชามกระเบื้องดังเพล้ง! ทันทีที่จบคำพูดของหัวหน้าแม่บ้าน ทำให้อเตต้าร์ชะงักจากการรับประทานอาหารทันที
“เป็นอะไรไปคะ เซญอร่ารู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่าคะ?” นอสซาก้าวเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ขอโทษค่ะ ฉันขอตัวนะคะ” หญิงสาวส่ายหน้าตอบพร้อมกับผลุนผลันวิ่งออกไปจากห้องอาหารทันที ทิ้งให้อเตต้าร์และนอสซามองตามอย่างงงๆ
อเตต้าร์เดินตามร่างอ้อนแอ้นของอรอาภาออกมาด้านนอกทันทีเช่นกัน ตอนนี้เธอนั่งอยู่ริมสระว่ายน้ำ เพียงแค่เห็นหัวไหล่และแผ่นหลังที่สะท้านไหว ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังร้องไห้อย่างหนัก!!
ชายหนุ่มค่อยๆเดินเข้าไปนั่งลงบนแผ่นไม้ระแนงอย่างดีที่ปูอยู่รอบริมสระว่ายน้ำข้างๆคนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตานองหน้า “เป็นอะไรไปเหรอครับ? พอจะบอกผมได้ไหม”
อรอาภายังเงียบได้เงยหน้าขึ้นมามองน้องชายสามี ไม่อาจสะกดกลั้นความเสียใจที่ได้รู้ว่าฟาเบียโน่และมนตร์ลดาออกไปข้างนอกด้วยกัน น้ำตาและเสียงสะอื้นไห้จึงล้นทะลักออกมาไม่ขาดสาย
“เฟลิกซ์กับพยาบาลที่มาดูแลฉัน ขะ...เขาทั้งคู่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันค่ะ” อรอาภาพูดทั้งน้ำตา
“เฮ้ย!! ไม่จริงมั้ง!” อเตต้าร์ตอบกลับออกไปทันที ไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง “เอ่อ... คือผมไม่ได้ไม่เชื่อที่คุณพูดนะจิงเจอร์ แต่คุณเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า?? พยาบาลที่คุณว่าเนี่ยคือผู้หญิงไทยที่เฟลิกซ์จ้างเธอให้มาดูแลคุณตอนที่อยู่โรงพยาบาลในบูซิโอสคนนั้นน่ะเหรอ?”
“ใช่ค่ะ เธอนั่นแหละ” อรอาภาพยักหน้าย้ำคำพูดของตัวเองว่ามันเป็นเรื่องจริง เมื่อเห็นสีหน้าไม่แน่ใจของอเตต้าร์ “เมื่อวานฉันเห็นกับตาได้ยินกับหู พวกเขามีอะไรกันในห้องทำงานของเฟลิกซ์!”
“เป็นไปได้ไง เฟลิกซ์ไม่น่าจะทำอย่างนั้นในบ้านทั้งที่คุณก็อยู่ด้วย” จริงอยู่ทั้งเขาและพี่ชายอาจจะเป็นคนที่มีพลังขับเคลื่อนทางเพศสูงแต่ก็ยับยั้งใจตัวเองได้ตลอด เพราะไม่ใช่เด็กหนุ่มที่เพิ่งหัดมีเซ็กส์!! อเตต้าร์คิด
“พวกเขาคิดว่าฉันหลับอยู่บนห้อง ตอนที่ฉันลงมาเห็นพวกเขา! กำลัง... ฮือ...” อรอาภาพูดต่อไปไม่ได้แล้ว หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากไม่อยากให้เสียงร้องไห้ของตัวเองดังไปมากกว่านี้
อเตต้าร์มองหญิงสาวตรงหน้าร้องไห้จนตัวโยนโดยไม่รู้ว่าจะช่วยเธอแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร
“ขะ...เขามันคนหลอกลวง จอมสร้างภาพ! เขาบอกว่ารอฉันได้ จะรอจนกว่าฉันจะจำได้ แต่พอลับหลังก็ไปมีคนอื่น ฮือ... ฉันน่าจะรู้ว่าผู้ชายอดทนเรื่องแบบนี้ไม่ได้นานอยู่แล้ว ฉันมันโง่เอง! โดนพวกเขามาสวมเขาให้ถึงในบ้าน ฮือ...”
อเตต้าร์สงสารผู้หญิงตรงหน้ายิ่งนัก แม่พยาบาลร่านรัก! นั่นก็เหลือเกินเป็นคนไทยเหมือนกันแท้ๆยังทำกันได้ถึงขนาดนี้!! นี่ขนาดว่าเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันยังไวไฟมีเซ็กส์กันในห้องทำงานแล้ว เฮอะ!! แต่ก็อย่างว่าล่ะนะผู้หญิงสมัยนี้ชอบเงินกันทั้งนั้น ขนาดว่าเขามีเมียอยู่เป็นตัวเป็นตนก็ยังไม่เว้น
โธ่เอ๊ย!! แล้วยังมีหน้ามามองเขาหัวจรดเท้าแบบดูถูกเหยียดหยามราวกับเขาเป็นกุ๊ยข้างถนนอีก
“ใจเย็นๆก่อนดีกว่าครับ เอาไว้ผมจะลองคุยกับเฟลิกซ์ดู เขาอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะแม่พยาบาลร้อนรักนั่นยั่วยวนก็เป็นได้ ผมว่าคุณไปกินข้าวก่อนดีกว่า รีบรักษาตัวให้หายแล้วจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองก่อนที่คนอื่นจะมาแย่งไปทำมากกว่านี้” อเตต้าร์พูดเย้าให้หญิงสาวอารมณ์ดีขึ้น ไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าเธอเป็นใคร มากไหน?? แท้จริงแล้วเธอเป็นเพียงแค่เมียตีทะเบียนของฟาเบียโน่เท่านั้นเอง บางทีมันก็อาจเป็นได้ที่ฟาเบียโน่จะเผลอใจไป แต่ก็ควรให้เกียรติคนที่ตัวเองเรียกว่าเมียบ้าง
คำพูดของอเตต้าร์ไม่ได้ทำให้อรอาภาขำแต่อย่างใด มันกลับทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาว่า จริงสินะ! หากตนเองสามารถทำหน้าที่ของภรรยาได้อย่างสมบูรณ์เพียบพร้อมทุกอย่างแล้ว ปัญหาแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นมากวนใจแน่นอน หญิงสาวจึงเดินกลับเข้ามาในห้องอาหารอีกครั้งและปล่อยให้อเตต้าร์ได้นั่งอยู่ริมสระว่ายน้ำดังเดิม ราวเที่ยงวันน้องชายของสามีก็ขับรถสปอร์ตคู่ใจออกไปข้างนอก เหลือเพียงแค่อรอาภาที่ยังนั่งทบทวนขบคิดปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างตนเองและฟาเบียโน่!!?
ทุ่มตรงของวันเดียวกันฟาเบียโน่เดินกลับเข้ามาในบ้านริมชายทะเลของตนเองผิดเวลาจากทุกวันอยู่หลายชั่วโมง เพราะเขาเพิ่งจะได้เบาะแสสำคัญของคนร้ายที่ลอบทำร้ายภรรยาเมื่อสามวันก่อน ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอนก็เห็นร่างอ้อนแอ้นที่คิดถึงมาตลอดทั้งวันนั่งหลับตาปล่อยให้เก้าอี้นวดไฟฟ้าตัวโปรดบีบนวดอย่างเพลิดเพลิน ตนเองจึงรีบเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องน้ำเพราะอยากอาบน้ำชำระร่างกายขับไล่ความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นเต็มที
พอได้ยินเสียงน้ำไหลซ่าๆดังขึ้น อรอาภาก็เปิดเปลือกตาขึ้นรู้สึกสะท้อนใจยิ่งนักเพราะสามีไม่ทักทายเธอหรือเดินเข้ามาคลอเคลีย กอด หอมอย่างที่เคยทำมาแต่กลับเดินเข้าไปอาบน้ำโดยที่ไม่สนใจเธอเลยสักนิด ตลอดทั้งวันหญิงสาวพยายามหาวิธีแก้ปัญหาแล้วตัดสินใจว่า ต้องเปิดอกพูดคุยกับฟาเบียโน่ให้รู้เรื่อง จะปล่อยให้เรื่องดำเนินต่อไปแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เธอไม่สามารถทนแบกรับความอึมครึม ความอึดอัดใจที่เกิดขึ้นได้อีกต่อไป ฟาเบียโน่ต้องเป็นคนจัดการแก้ไขปัญหาที่เขาเป็นคนก่อมันขึ้นให้จบสิ้นไปหากยังต้องการมีผู้หญิงที่ชื่ออรอาภาเป็นภรรยาอยู่ และเมื่อปัญหาทุกอย่างจบสิ้นลงเธอบอกกับตัวเองว่าจะทำหน้าที่ภรรยาทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยให้สมบูรณ์ที่สุด
พอได้ใจเย็น นั่งลงมองถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างใจเป็นกลางแล้ว อรอาภาจึงคิดได้ว่าตัวเองก็มีส่วนผิดอยู่ไม่น้อยหากเธอสามารถทำหน้าที่ทุกอย่างของภรรยาได้ฟาเบียโน่ก็คงไม่ต้องไปแสวงหาเอาจากนอกบ้าน แต่ที่ทำให้เธอเสียใจและผิดหวังในตัวเขามากที่สุดก็คือ พวกเขาแอบมีอะไรกันในห้องทำงาน ในขณะที่คิดว่าเธอหลับอยู่ข้างบนมันเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกีรยติคนที่เขาเรียกว่าภรรยาอย่างเต็มปากเลยสักนิด!!
ฟาเบียโน่เดินออกมาจากห้องน้ำสักพักแล้ว พร้อมกับขมวดคิ้วหนาของตัวเองมองท่าทางของอรอาภาอย่างแปลกใจ ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วที่เธอมีท่าทางแปลกๆนั่งน่านิ่วคิ้วขมวดราวกับมีเรื่องขบคิดนักหนา บ่อยครั้งก็มองเขาอย่างเจ็บปวดแล้วแปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายราวกับอยากจะแล่เนื้อเถือหนังเขาออกมาเป็นชิ้น
“เป็นอะไรจิงเจอร์? ผมเห็นคุณนั่งหน้ายุ่งอยู่ตั้งนานแล้วนะ คิดมากแบบนี้เดี๋ยวตีนกาก็ได้ถามหากันพอดี” คำพูดติดตลกที่ตั้งใจอยากให้ภรรยาหัวเราะออกมาแต่มันกลับทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดกันไปใหญ่โต หากแต่ฟาเบียโน่ก็ไม่เคยรู้เลย ชายหนุ่มจึงไม่ได้สนใจกับแววตาเขียวปัดนั้นเพราะมัวแต่เปิดตู้หาเสื้อผ้ามาสวมใส่อยู่
“ก็เพราะคุณเบื่อฉันแล้วน่ะสิ ถึงได้เห็นว่าฉันแก่ ฉันมันก็ของตายที่ใช้ไม่ได้ ไหนเลยจะสดซิงเหมือนของที่ทำให้คุณร้องครางเพราะความเสียวซ่านได้!!” อรอาภาว่าให้ตรงๆ พร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้นวดอย่างคล่องแคล่ว
“พูดอะไรไม่เห็นจะเข้าใจเลย?” ฟาเบียโน่ถามพลางสวมกางเกงนอนเนื้อนิ่ม
“กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องยังมีหน้ามาพูดว่าไม่เข้าใจอีกเหรอ?” ตอนแรกอรอาภากะว่าจะอารมณ์เย็นพูดกับเขาด้วยเหตุผลแต่พอเอาเข้าใจ ความหึงหวงน้อยใจทั้งหลายที่เก็บกดไว้ก็ปะทุมาเข้าสิงร่างเธอทันที
ฟาเบียโน่แปลกใจเป็นอย่างมากไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร และทำไมถึงได้อารมณ์เสียมากมายแบบนี้ พร้อมทั้งมองท่าเดินก้าวฉับๆมามองหน้าหาเรื่องเขาอย่างคล่องแคล่
“หาเรื่องทะเลาะอย่างนั้นเหรอ? ฉันพูดความจริงคุณก็ว่าฉันหาเรื่อง! คุณจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่? ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้!?” อรอาภาถามเสียงดัง! ด้วยแววตาเจ็บปวดใจ
“พูดอะไรของคุณจิงเจอร์??”
“ก็พูดเรื่องที่คุณนอกใจฉัน! คุณมีคนอื่น! คุณบอกว่ารอฉันได้แต่คุณก็สวมเขาให้ฉัน ไอ้คนสับปรับ!! ไอ้คนหลอกลวง!!” พูดจบอรอาภาก็กระโจนเข้าทำร้ายร่างกายคนหน้าตายที่ไม่ยอมรับผิดทันที!!
ฟาเบียโน่จับข้อมือทั้งสองข้างที่กำลังจะระดมเข้ามาประทุษร้ายตัวเองไว้ทันที “หยุดก่อนจิงเจอร์! ผมไปทำอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่ามาใส่ความกันนะยัยตัวแสบ!?” ด้วยความงงันกับข้อกล่าวหาที่ตัวเองไม่ได้ทำจึงจับข้อมือเล็กไว้อย่างไม่มั่นคงนักเลยทำให้ได้รับแผลข่วนที่ใบหน้าตนเองไปหนึ่งที “โอ๊ย... มันเจ็บนะ คุณอยู่บ้านคนเดียวเลยคิดฟุ้งซ่านมากไปใช่ไหม??”
“ไอ้คนเลว! นอกใจฉันแล้วยังมาหาว่าฉันฟุ้งซ่าน จิตว่างอีกเหรอ คนหน้าไม่อาย” อรอาภาไม่ฟังอะไรอีกแล้วโถมตัวเข้ารัวกำปั้นใส่อกเปลือยเปล่าของฟาเบียโน่ไม่ยั้ง! “ฉันเกลียดคุณ ฮือ... คุณปล่อยให้ฉันอยู่บ้านกับความรู้สึกผิดที่ว่าตัวเองทำหน้าที่ภรรยาไม่สมบูรณ์ แต่พอลับหลังฉันคุณก็ไปมีผู้หญิงคนอื่น!! ฮือ...”
ฟาเบียโนรวบร่างที่ทำร้ายตัวเองไว้ด้วยแขนทรงพลังเพียงข้างเดียวเพราะไม่กล้าออกแรงรักเธอแน่นนักกลัวว่าจะไปโดนแผลที่หลังเธออีก เมื่อเธอสู้แรงเขาไม่ได้ภรรยาตัวน้อยจึงหลับหูหลับตาบ่นว่าทั้งน้ำตาและไม่ยอมฟังอะไรเลย ประกอบกับเสียงโทรศัพท์ของฟาเบียโน่ก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน
อรอาภาดิ้นสุดแรงเกิดไม่ยอมให้เขาใช้กำลังกับตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว สองแขนถูกรวบไปไว้ที่ด้านหลังแล้วก็ใช้สองเท้าของตัวเองที่ยังเป็นอิสระดิ้นรน ถีบ แตะเขาเป็นพัลวัน แล้วต้องกรีดร้องออกมาด้วยความโมโหตัวเองที่สู้แรงเขาไม่ได้เพราะเขาจัดการกับเธอโดยทิ้งตัวทับร่างอ้อนแอ้นลงกับที่นอนนุ่มตวัดขาแกร่งขึ้นมาคร่อมร่างของเธอที่นอนนอนหงายดิ้นเร่าๆเพราะสู้ไม่ได้ พร้อมหัวเราะราวกับว่าสนุกนักหนา
“หึ... สู้ได้เหรอ คนสวย? อย่าดิ้นมากนักน่า... เดี๋ยวได้เจ็บแผลอีกหรอก” ฟาเบียโน่ยิ้มอย่างผู้ชนะใส่ตาเธออย่างยั่วเย้า
“ไอ้คนหลอกลวง จะรังแกฉันจะทำร้ายฉันใช่ไหม ฮือๆๆ ปล่อยฉันนะ ถ้าไม่รักฉันแล้วเรามาหย่ากันเลย อย่ามาทำกับฉันเหมือนฉันเป็นลาโง่ มาสวมเขาให้ฉันทำไม!!”
ฟาเบียโน่หน้าตึงขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำท้าหย่าของเธอ เขาอยากจะบ้าตายตอนนี้นัก เธอคิดได้ยังไงว่าเขามีเมียน้อยนอกใจเธอและไอ้เสียงโทรศัพท์นี่ก็ดังไม่หยุดหย่อนเสียที! มันยิ่งทำให้เขารู้ว่าคนที่โทรเข้ามาต้องมีเรื่องสำคัญแน่ “จิงเจอร์!! คุณจะหยุดโวยวายแล้วมาพูดกันดีๆกันก่อนได้ไหม ผมงงไปหมดแล้ว ผมไปมีคนอื่นตอนไหนกัน?”
“ไม่หยุด! ฉันจะหย่า ฉันจะไม่ทนอยู่กับผู้ชายที่ไม่กล้ายอมรับผิดแบบคุณอีกแล้ว” เมื่ออรอาภาโดนคนตัวโตกดข้อมือไว้กับที่นอนใหญ่ทั้งสองข้าง ยังตะโกนร้องบอกน้ำตานองหน้า ความที่เขาไม่ยอมรับว่านอกใจทำให้อรอาภาโมโหคิดจะแยกทางกับเขาอย่างเดียว!!
“เราต้องคุยกันจิงเจอร์ แต่ก่อนอื่นผมขอรับสายก่อน โอเค้??” ฟาเบียโน่พูดเสียงเข้มพลางลุกออกจากร่างของอรอาภา ไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมารับสายทันที
อรอาภาชันตัวลุกขึ้นใช้สองมือป้ายน้ำตาออกจากสองแก้มพร้อมอาการสะอึกสะอื้น แต่กลับเงียบเงี่ยหูกับฟังฟาเบียโน่รับโทรศัพท์กับใครไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าเขากำลังจะออกไปข้างนอกอีกครั้งหนึ่งแล้วเพราะก่อนวางสายเขาพูดสั้นๆแค่เพียงว่า ‘แล้วจะรีบไป’
“ว่าไง บอกผมให้กระจ่างใจหน่อยได้ไหมคุณผู้หญิง อะไรที่ทำให้ผมเป็นคนชั่วในสายตาคุณได้ขนาดนั้น??” ฟาเบียโน่ถามพลางเดินตรงดิ่งไปที่ตู้เสื้อถอดกางเกงนอนเนื้อนิ่มออกอย่างไม่อาย พร้อมจัดการสวมกางเกงยีนส์และเสื้อยืดคอโปโลด้วยความรวดเร็วเหลื่อเชื่อราวกับหนุ่มที่กำลังจะออกเที่ยวกลางคืน
“เมื่อวานในห้องทำงานของคุณ ฉันเห็นนะ! คุณบอกว่ามิ้นต์ทำให้คุณเสียวแทบขาดใจ พวกคุณสองคนยังยืนติดกันจนฉันแทบจะมองไม่เห็นหล่อน!! ไอ้คนเหลือทนคุณเป็นคนมีชู้แล้วยังมีหน้ามาถามฉันอีกหรือยังไง??” อรอาภากระดากปากที่จะพูดอีกต่อไป!! พลางกระโดดลงจากเตียงออกไปยืนขวางหน้าเขาไว้ทั้งตัว “จะออกไปไหนอีก”
“เดี๋ยวผมจะกลับมาอธิบายให้ฟังที่รัก แต่ตอนนี้ผมต้องออกไปทำงานก่อน” ฟาเบียโน่บอกอย่างรีบร้อนเพราะต้องรีบออกไปจัดการเรื่องสำคัญที่ดีเกาเพิ่งโทรฯมาบอกเมื่อกี้นี้ด้วยตัวเอง
“จะออกไปหาผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม ไปด้วยกันมาทั้งวันคุณยังไม่หนำใจหรือยังไง” อรอาภาถามทั้งน้ำตาแต่ยังปักหลักยืนนิ่งขวางเขาไว้อยู่!
ฟาเบียโน่อยากจะหัวเราะให้ก้องโลกนัก ความคิดที่ว่าจะอดทนรอมันมอดไหม้หมดลงทันทีต่อไปนี้เขาจะมอบร่างกายที่มันกระสันอยากในตัวเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ย้ำให้เธอไม่มีสมองไปคิดเรื่องเหลวไหลนั่นได้อีกต่อไป เอาให้เธอไม่มีแรงที่จะก้าวขาลงจากเตียงไปเลย พอกันทีกับความอดทนอันไร้ประโยชน์แบบนี้ เขาต้องกลับมาจัดการเรื่องนี้กับเธอให้จบแน่แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ “ผมจะบอกว่าคุณเข้าใจผิดแต่ผมไม่มีเวลาอธิบายตอนนี้ ผมมีเรื่องสำคัญต้องไปสะสาง คุณรอผมอยู่ที่นี่ก่อน แล้วผมจะกลับมาอธิบายให้ฟังทุกอย่าง!” ฟาเบียโน่บอกอย่างนั้นเพราะเหลือบตาไปมองนาฬิกาที่มันใกล้เวลานัดมากแล้ว
“ทำงานอะไรถึงได้แต่งตัวแบบนี้ จะออกไปเที่ยวข้างนอกใช่ไหม ฮือ...” อรอาภาถามพลางร้องไห้ไม่หยุด
ฟาเบียโน่ถอนหายใจเฮือกหันหน้ามาจับสองไหล่มนมองตาเธออย่างให้ความมั่นใจ “เชื่อใจผมหน่อยสิที่รัก ไม่ว่าคุณจะเห็นหรือได้ยินอะไรมันก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ตอนนี้ผมต้องไปทำงาน”
“โกหก! คุณหลอกฉันอีกแล้วหรือไม่ถ้าไปทำงานจริง ก็ให้ฉันไปด้วยสิ!!” อรอาภาต่อรอง
“ไม่ได้! อยู่ที่นี่ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น เข้าใจไหม”
“ไม่! งั้นก็มาหย่ากันเลยแล้วคุณจะออกไประริกระรี้ที่ไหน กับใครก็เชิญเลย”
“โว้ย!! อะไรกันนักกันหนา รอผมอยู่ที่นี่อรอาภา ไม่อย่างนั้นผมจะจับมาฟาดก้นให้หนักๆเลย คุณกำลังทำให้ผมเสียเวลา!! เข้าใจบ้างมั้ย!?” ฟาเบียโน่ตวาดเสียงกร้าว ต้องทำไม่ใส่ใจกับน้ำตาเม็ดโตที่ร่วงผลัวะลงมาจากสองดวงตาหวานช้ำของเธอแล้วตัดใจเดินหนีออกจากห้องไป
“หยุดนะเฟลิกซ์!! เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ” อรอาภาบอกพร้อมตบประตูปังๆ วิ่งไม่ทันร่างสูงใหญ่ที่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงประตูบานใหญ่แล้ว เสียงกร้าวตะโกนเรียกให้คนเอากุญแจมาล็อกด้านนอกกักตัวเธอเอาไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหนได้ก่อนที่เขาจะกลับมาอีกครั้งดังขึ้นอยู่อีกด้านของประตู โดยไม่สนใจกับเสียงพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย!!
อรอาภาถูกขังอยู่ในห้องนอนให้อยู่กับความน้อยใจ ความเสียใจ หญิงสาวร้องไห้ออกมานานจนแทบไม่เหลือน้ำตา ภาพที่ฟาเบียโน่เดินออกไปจากห้องอย่างไม่สนใจไยดีมันตอกย้ำให้รู้ซึ้งว่า หากต้องมีอันเลิกรากันไป เธอคงไม่อาจจะทนแบกรับความเศร้าเสียใจ ความเจ็บปวดที่ไม่มีเขาอยู่ข้างกายได้อย่างไร?!!
สวัสดีค่า นักอ่านที่รัก
พันธะรักจอมเถื่อนเป็นรูปเล่มแล้วและสามารถครอบครองได้ที่ร้านซีเอ็ดบุ๊ก ร้านนายอินทร์ ร้านบีทูเอส เว็บสำนักพิมพ์อินเลิฟ เว็บบุ๊กสไมล์ และสามารถพูดคุยกับศิริพาราได้ตามช่องทางดังนี้
1. e-mail siripara2writer@gmail.com
2. fanpage https://www.facebook.com/siripara.raya
3.facebook https://www.facebook.com/siripara.looktan
ติชมหรือแสดงความคิดเห็นได้ตามสบายค่า เม้ามอยหอยขมกันได้ไม่เฉพาะเรื่องนิยาย ศิริพารายังมีเกมกติกาแสนง่ายดาย แจกของรางวัลเล็กน้อยเพื่อตอบแทนนักอ่านที่รัก อย่าลืมกดlikefanpage ศิริพารา รายาฤดีนะคะ
จบเรื่องนี้แล้ว ศิริพาราจะเอานิยายทั้งหมดมาอัพให้นักอ่านที่รักได้อ่านกันทุกเรื่อง ขอบคุณที่ติดตามและแสดงความคิดเห็นค่ะ
จุ๊บๆๆ
ศิริพารา
“เป็นกระสุนจากโรงงานผลิตอาวุธในเกาหลีเหนือครับ” ดีเกาสืบหาแหล่งผลิตกระสุนปืนชนิดนี้ได้ในเวลาเพียงข้ามคืน “ผมเค้นจากผู้ผลิตได้ว่ามันเป็นกระสุนที่พวกมาเฟียอิตาลีสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ”
“แล้วพวกมันเป็นใคร??” ฟาเบียโน่ถามด้วยความสงสัยเพราะเท่าที่จำได้เขายังไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับมาเฟียสักคนเดียว
“ดอนคาร์โล อันเชย์รอตติครับ เขาเป็นมาเฟียเฒ่าตัวร้ายแห่งอิตาลีแต่ผมยังนึกไม่ออกว่าเขาจะทำอย่างนั้นทำไมกันเพราะระหว่างเราไม่เคยมีความแค้นหรือขัดผลประโยชน์กันมาก่อน” ดีเกาแสดงความคิดเห็น
“หรือไม่ก็อาจจะเป็นการยิงผิดตัวหรือเข้าใจอะไรผิดก็อาจเป็นได้นะครับ” อิบันตั้งข้อสันนิษฐานใหม่ขึ้นมาอีกข้อหนึ่ง
ฟาเบียโน่นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าออกมาช้าๆ “ไม่หรอก ถ้าเป็นการหมายเอาชีวิตหรือพวกมันจะตั้งใจจะฆ่าใครคงไม่โง่ใช้กระสุนจำเพาะกลุ่มให้เราตามหาพวกมันได้ง่ายๆแบบนี้แน่ เราอาจจะไปขัดผลประโยชน์ของดอนคาร์โลเข้าโดยไม่รู้ตัวมากกว่า ที่พวกมันทำอย่างนี้ก็เพื่อที่จะขู่ฉันแต่จิงเจอร์โชคร้ายมารับเคราะห์แทน”
“ผมยังนึกไม่ออกเลยว่ามันเรื่องอะไรกัน??” ดีเกาได้ยินที่เจ้านายพูดอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกมึนไปเหมือนกันเรื่องมันซักจะซับซ้อนไปกันใหญ่
“นั่นล่ะคือสิ่งที่เราต้องหา!! อิบันไปสืบมาให้ละเอียดว่าดอนคาร์โลคนนี้ทำธุรกิจอะไร? แต่ฉันเชื่อแน่ว่ามันคงไม่ได้ขาวสะอาดเท่าไหร่แน่เพราะถึงกับขนาดต้องสั่งผลิตอาวุธของตัวเองขนาดนั้น” ฟาเบียโน่สั่งเสียงเครียด!
“ครับเซญอร์” อิบันรับคำและก้าวออกไปจากห้องของเจ้านายทันที
“เซญอร์ครับ ดีเอโก้ส่งใบสั่งซื้อทองคำแท่งล็อตที่สองเพิ่มขึ้นแล้วนะครับ” ดีเกาบอกพร้อมกับวางเอกสารตรงหน้าของเจ้านาย
ฟาเบียโน่กวาดสายตามองเอกสารตรงหน้า ถ้าดีเอโก้สามารถขายทองคำแท่งที่ซื้อไปยังไม่ถึงเดือนหมดจนต้องสั่งซื้ออีก ก็ถือว่าเขาทำธุรกิจนี้ได้ดีมากๆจนน่าตกใจ “ปล่อยให้เขาไป แต่คอยส่งคนตามไปดูด้วยว่าคนที่มาซื้อทองคำจากดีเอโก้เป็นลูกค้าจริงๆรึเปล่า”
“เซญอร์กำลังสงสัยว่าเขาทำเรื่องผิดกฏหมายเหรอครับ” ดีเกาถามอย่างสงสัย
“แล้วมันไม่น่าสงสัยหรือไง นี่... ถ้าฉันไม่รู้ประวัติว่าดีเอโก้ เป็นนักลงทุนชั้นยอดหรือเขาไม่ร่ำรวยอย่างตอนนี้ คงจะทาบทามเขามาทำงานกับเราโดยไม่เกี่ยงเรื่องเงินเดือนแล้ว” ฟาเบียโน่พูดน้ำเสียงติดตลกแต่ดีเการู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้ของเจ้านายนั้น ภายในใจของท่านต้องคิดไปไกลกว่าที่แสดงออกมาเสมอ
วันถัดมาอรอาภาอาการดีขึ้น ความรู้สึกปวดแผลก็ทุเลาลงมากแล้ว หญิงสาวสามารถเดินออกมาส่งสามีไปทำงานได้ตามปกติ เมื่อวานหลังจากโต้เถียงกันเรื่องน่าอายแล้วเธอก็เผลอหลับสนิทไป ตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนเที่ยงวัน แล้วพบว่ามีพยาบาลเพื่อนใหม่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ สองสาวคุยกันอย่างถูกคอ ทำกิจกรรมร่วมกันคือการเตรียมอาหารไทยที่มนตร์ลดาเป็นคนทำและมีอรอาภาคอยนั่งดูเพราะพยาบาลส่วนตัวยังไม่อยากให้ทำอะไรมากนัก อรอาภานั่งตาแป๋วฟังพยาบาลสาวที่พูดถึงชีวิตส่วนตัวของเธอในช่วงที่อยู่เมืองไทยพร้อมทั้งซักถามอย่างสนอกสนใจ แต่ความรู้ใหม่ที่ได้ยินก็ไม่ได้ช่วยให้อรอาภารู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่เหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
มนตร์ลดายิ้มให้กำลังใจพร้อมกับเล่าเรื่องราวของคนไข้รายหนึ่งที่ตนเองเคยดูแลตอนอยู่เมืองไทยให้อรอาภาฟัง “ฉันเคยดูแลผู้ป่วยที่มีอาการความจำเสื่อมชั่วคราวอยู่คนนึงค่ะ เธอมาโรงพยาบาลในอาการที่สับสนหวาดกลัวมากเพราะว่าเธอนอนหลับไปแล้วก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความคิดที่ว่าตัวเองอายุเพียงสิบห้าปี เธอตกใจจนแทบช็อกเมื่อตื่นขึ้นมาพบเด็กผู้ชายคนนึงนั่งเล่นเกมส์อยู่ใกล้ๆตัวเอง และที่สำคัญเด็กผู้ชายคนนั้นเรียกเธอว่าแม่!!”
“ตายจริง!! มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอคะ?” อรอาภาทำหน้าตื่น
“ค่ะ เธอรับไม่ได้สุดๆ กรีดร้องราวกับคนบ้าเพราะตอนนี้คนรอบข้างบอกกับว่าเธออายุสามสิบสองปีแล้ว แถมยังเป็นซิงเกิ้ลมัมอีกต่างหาก เธอต้องพักอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบเดือนเชียวนะคะกว่าที่จะยอมรับสถานภาพปัจจุบันของตัวเองได้” มนตร์ลดาพูดไปพลางทำอาหารไปด้วย “แล้วที่ทำให้ทั้งสงสารทั้งขำก็คือ เธอเอาแต่ร้องไห้คิดถึงโรงเรียน คิดถึงแฟนที่เพิ่งตกลงคบกันได้ไม่นาน เธอไม่สามารถจะส่งอีเมล์ได้ด้วยซ้ำไป มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าทุกอย่างแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ”
“โอ!... ฉันรู้ดีทีเดียวล่ะค่ะไอ้ความสับสนที่ว่านั่นมันน่ากลัว น่าโมโหตัวเองแค่ไหน ฉันเองก็จำไม่ได้แม้กระทั่งสามีของตัวเอง แม้ตอนนี้จะออดอ้อนบอกรักเขาแค่ไหน เขาก็ยังไม่เคยพูดว่ารักฉันซักคำ” อรอาภาบอกด้วยน้ำเสียงประชดน้อยๆ
“แหม... ถึงเซญอร์ฟาเบียโน่ไม่พูดว่ารักคุณ เด็กอมมือก็ยังดูออกเลยค่ะว่าเซญอร์รักคุณแค่ไหน”
“ความจริงฉันก็ดูออก สัมผัสได้ค่ะว่าเขารักฉันมากแค่ไหน แต่บางที่ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้พอเราบอกรักเขาก็อมยิ้มเฉยๆ มันเสียเซล์ฟน่ะ มิ้นต์เข้าใจไหม?”
มนตร์ลดาอดขำออกมาไม่ได้ เข้าใจในความรู้สึกของคนทั้งคู่ว่าเป็นอย่างไร “เอาเถอะค่ะ... อดทนอีกสักนิด ฉันคิดว่าไม่นานคุณน่าจะค่อยๆจำอะไรได้มากขึ้น” พยาบาลสาวให้กำลังใจพลางจัดการตักข้าวที่ผัดแล้วเรียบร้อยลงในผลสัปปะรดที่คว้านใส้ในออกแล้วนำไปเข้าเตาอบอีกครั้ง
“เห็นเงียบๆขรึมๆอย่างนั้นแต่ถ้าจะงอนขึ้นมาล่ะก็มันน่าโมโหที่สุดในโลกเลยนะคะ!!” ทั้งยังเป็นจอมหื่นที่เถียงเรื่องบนเตียงทั้งวันก็ได้อย่างน่าตาเฉย อรอาภาต่อเอาเองในใจเพราะไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องน่าอายแบบนี้ให้คนอื่นได้รู้ได้ยังไง “แล้วคนไข้ของมิ้นต์ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะจำเรื่องราวทั้งหมดได้?”
“สองปีค่ะ” มนตร์ลดาตอบพลางเหลือบตาขึ้นไปเห็นสีหน้าสลดอย่างคนใจเสียของอรอาภา “อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นสิคะ ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือบางคนใช้เวลาแค่ไม่ถึงเดือนก็จำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมด้วยนะคะ คนรอบข้างนี่ก็สำคัญ คุณก็ให้เซญอร์ฟาเบียโน่เล่าเรื่องราวในอดีตที่ทำร่วมกัน หรือเรื่องประทับใจที่มำด้วยกันให้ฟังบ่อยๆ แบบนี้ก็ช่วยได้มากเหมือนกันนะคะ”
อรอาภาพยักหน้าเชิงเห็นด้วยกับคำพูดของพยาบาลสาว แต่หลังจากที่ฟาเบียโน่พูดกับเธอในครั้งนั้นว่าให้เรียนรู้กันจากปัจจุบันโดยไม่ต้องไปสนใจอดีต จึงไม่เคยได้ซักไซ้เรื่องในอดีตที่ผ่านมากมายเหมือนเมื่อก่อนนัก โดยหญิงสาวเปลี่ยนไปถามถึงครอบครัวของฟาเบียโน่ ชีวิตในวัยเด็กของเขาซะเป็นส่วนมาก ชีวิตของเขามีเรื่องราวหลายอย่างน่าสนใจ เขาประสบความสำเร็จและก้าวขึ้นมาอยู่จุดนี้ได้อย่างไม่ง่ายนักและมันก็ทำให้ยิ่งประทับใจในความสามารถ ความฉลาดรอบด้านของเขา มันย้ำเตือนให้ภูมิใจว่าตัวเองเลือกคู่ชีวิตได้ไม่ผิดเลย
จากนั้นสองสาวจึงนั่งรับประทานข้าวอบสัปปะรดหน้าตาสวยงาม รสชาติอร่อยเป็นอาหารมื้อเที่ยง ต่อด้วยการนั่งฝึกสมองประลองหมากรุกผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่ราวชั่วโมง อรอาภาก็หาวซ้ำแล้วซ้ำอีก พยาบาลสาวจึงมองขำๆพร้อมกับพาคนไข้สาวขึ้นไปพักผ่อนในห้องนอนในตอนบ่ายของวัน
สามชั่วโมงต่อมาฟาเบียโน่เดินทางกลับมาถึงบ้านริมชายหาดอีปาเนมาของตัวเองอีกครั้ง บ้านช่องเงียบกริบมีเพียงนอสซาที่ออกมารับเจ้านาย
“จิงเจอร์ล่ะ??” ทันทีที่ส่งกระเป๋าเอกสารในมือให้นอสซา ฟาเบียโน่ก็ถามถึงภรรยาทันทีจนทำให้หัวหน้าแม่บ้านยิ้มปลื้มใจแทนเจ้านายสาวของตน
“เซญอร่าหลับอยู่ข้างบนค่ะ ส่วนเซญอริน่ามิ้นต์กำลังเตรียมสอนให้ดิฉันทำอาหารไทย เมื่อตอนกลางวันเธอทำข้าวอบสัปปะรดให้เซญอร่าจิงเจอร์ทาน ทานได้มากเป็นพิเศษเลยค่ะ ดิฉันก็เลยอยากหัดทำเอาไว้บ้าง” นอสซาบอกพร้อมกับเดินเอากระเป๋าทำงานไปเก็บในห้องทำงานของฟาเบียโน่
มือหนาของฟาเบียโน่ค่อยๆเปิดประตูห้องนอนออกอย่างเบามือที่สุด เพราะกลัวว่าคนที่นอนหลับอยู่ด้านในจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ความเครียดจากการทำงานทั้งหมดมลายหายไปสิ้นเพียงแค่ได้มองเห็นร่างอ้อนแอ้นนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงกว้าง เธอหลับสนิทไม่รู้สึกตัวนั่นคงเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่ได้รับ กล้ามเนื้อภายในร่างกายตื่นตัวรับความเครียดที่ผุดพุ่งขึ้นมาพลันเพียงเพราะอยากหาไอ้ระยำที่มันบังอาจทำให้เธอต้องมานอนซมอยู่อย่างนี้!! ชายหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการชำระร่างกายเรียกความสดชื่นให้กับตัวเอง หลังจากที่ขบคิดปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับมาเฟียอิตาลีที่ลอบทำร้ายตัวเองอยู่ตลอดทั้งวัน และบอกกับตัวเองว่าเขาจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้จบสิ้นไป ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีทางที่จะละสายตาจากร่างที่นอนหลับนิ่งอยู่ด้านนอกได้แน่
ก่อนออกจากคิงส์ ออฟ เจมส์ ก็ยังได้รับโทรศัพท์จากคุณปู่การันก้าที่ต่อสายตรงมาจากรีโอกรันดี โดซุล คำถามมากมายเกี่ยวกับอรอาภาก็ระรัวใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว เล่นเอามึนไปพักใหญ่เหมือนกัน แต่ฟาเบียโน่ก็ต้องดึงโทรศัพท์ออกมามองอย่างมึนงงมากขึ้นไปอีกเมื่อจู่ๆคุณปู่ก็เป็นฝ่ายตัดสายไปเองดื้อๆ ไม่ถึงสิบนาทีดีคุณปู่การันก้าของเขาก็โทรฯเข้ามาอีก คราวนี้บ่นอุบว่าพยาบาลประจำตัวขอลาออกกระทันหันเพราะเธอท้อง!! ชายหนุ่มต้องฟังคุณปู่บ่นอยู่เกือบสิบนาทีก่อนที่ท่านจะเป็นฝ่ายวางสายไปเองอีกครั้งหนึ่ง
ฟาเบียโน่จัดการแต่งตัวอย่างรวดเร็วและเงียบกริบแล้วเดินกลับลงมาชั้นล่างอีกครั้งหนึ่ง เสียงคุยและเสียงหัวเราะคิกคักที่ดังลอดออกมาจากห้องครัวทำให้ขาแข็งแกร่งเปลี่ยนจุดหมายจากห้องทำงาน เดินตามเสียงที่ได้ยินจนมาถึงห้องครัวก็เห็นว่ามนตร์ลดากำลังสอนนอสซาและเด็กรับใช้อีกสองคนให้ทำอาหารพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“เซญอร์ต้องการอะไรรึเปล่าคะ?” นอสซาถามเมื่อเห็นเจ้านายยืนพิงกรอบประตูห้องครัวอยู่
“เปล่า... แค่ได้ยินเสียงก็เลยเดินมาดูเท่านั้นเอง” ฟาเบียโน่ตอบเสียงราบเรียบทั้งยังยืนอยู่ตำแหน่งเดิม “รบกวนคุณรึเปล่าครับมิ้นต์ ต้องดูแลจิงเจอร์แล้วยังต้องมาสอนทำอาหารอีก?”
“ไม่เลยค่ะ! ความจริงแล้วเซญอร่าจิงเจอร์สามารถช่วยตัวเองได้เป็นอย่างดี ฉันต่างหากล่ะคะที่ยังทำงานไม่คุ้มกับค่าตอบแทน เรื่องแค่นี้เล็กน้อยค่ะ” มนตร์ลดารีบตอบ แต่ยังไม่วางมือจากแกงจืดลูกรอกที่อยู่ตรงหน้าตัวเอง
“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณนิดหน่อย” ฟาเบียโน่บอกความต้องการของตนเอง
มนตร์ลดาที่ได้ยินดังนั้นจึงสั่งการให้นอสซาทำอาหารที่ยังค้างอยู่ต่อจากตนเอง จัดการถอดผ้ากันเปื้อนออกพร้อมทำความสะอาดมือไม้แล้วเดินตามร่างสูงของฟาเบียโน่ผ่านห้องรับแขกโล่งกว้างสบายตา ลึกเข้าไปตามทางเดินกว้างๆ มาหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่เจ้าของบ้านเปิดออกกว้างแล้วพยักหน้าให้เธอตามเข้ามาด้านใน
“คุยกันคราวที่แล้ว ผมจำได้ว่าคุณยังว่างงานอยู่ใช่ไหม?” ฟาเบียโน่ถามเข้าเรื่องทันทีที่เข้ามาในห้องทำงาน
“ใช่ค่ะ กะว่าหลังจากที่เซญอร่าจิงเจอร์แข็งแรงดีแล้วดิฉันจะไปสมัครงานตามโรงพยาบาลดูน่ะค่ะ”
“ขอโทษนะที่ต้องถาม พอจะบอกผมได้ไหมว่าทำไมถึงได้ลาออกจากที่ทำงานเดิม?” ฟาเบียโน่ถามลึกลงไปอีก ปกติเขาเองไม่เคยสนใจใครอยู่แล้วแต่ถ้าหากเธอสนใจที่จะไปดูแลคุณปู่การันก้าที่บูซิโอส เขาก็น่าจะได้รู้ความเป็นมาของเธอบ้าง
“อึดอัดใจค่ะ มันเริ่มจากการเหยียดเชื้อชาติ กลายเป็นดูถูกความสามารถ มองทุกอย่างในตัวเราเป็นเรื่องติดลบหมด มีผลงานสามารถเลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานให้สูงขึ้นได้แต่กลับต้องถูกปฏิเสธ ฉันคงอดทนน้อยเกินไปมั้งคะเลยตัดสินใจลาออกทั้งที่ทำงานที่นั่นมาได้ตั้งเก้าเดือนแล้ว” มนตร์ลดาบอกพร้อมยิ้มเศร้าๆ
“หึ!! ผมเกลียดนักไอ้คนพวกนี้ อย่าไปคิดถึงคนพวกนั้นอีกเลยดีแล้วล่ะที่ตัดสินใจออกมา พอดีว่าพยาบาลที่ดูแลคุณปู่ของผมเธอลาออกกระทันหัน คุณสนใจที่จะไปดูแลท่านรึเปล่า?”
“ท่านไม่สบายเหรอคะ?” มนตร์ลดาถาม
“ท่านเกิดอุบัติเหตุเมื่อหลายยี่สิบปีก่อนทำให้เป็นอัมพาตท่อนล่าง ต้องนั่งอยู่บนรถเข็ญตลอด ตอนนี้อายุแปดสิบปีแล้ว แต่ไม่ต้องห่วงนะที่นั่นมีเด็กรับใช้อีกหลายคน คุณแค่ไปดูแลหายาให้ท่านกิน อาจจะต้องฉีดยาให้ท่านตามที่หมอสั่งบ้าง คอยคุยเป็นเพื่อนท่านบ้าง ค่าตอบแทนผมก็ให้ตามสมควรอยู่แล้ว ท่านอยู่กับน้องชายของผมที่รีโอกรันดี โดซุลมันอาจจะไกลจากที่นี่สักหน่อย แต่ที่นั่นน่าอยู่มากเป็นคฤหาสน์ในไร่องุ่นของเราเอง”
“ดิฉันไม่ได้เกี่ยงว่าท่านช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หรอกนะคะ แต่คุณแม่ของดิฉันเองก็สุขภาพไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ถ้าคุณปู่อยู่ที่นี่ดิฉันคงไม่รีรอต้องตอบตกลงแน่ค่ะ ยังไงขอเอาไปปรึกษาคุณแม่ดูก่อนได้ไหมคะ ถ้าเซญอร์ยังไม่ได้รีบต้องการคำตอบในวันนี้?” มนตร์ลดาแบ่งรับแบ่งสู้ พูดกันตามตรงก็คือรีโอกรันดี โดซุลมันไกลจากที่นี่นัก ถ้าตอบตกลงก็เท่ากับว่าต้องห่างไกลจากแม่ของตัวเองอีก แต่อีกใจหนึ่งก็ยังไม่อาจจะปฏิเสธงานที่มีค่าตอบแทนดีเช่นนี้ได้ คนรู้จักคิด ประหยัดมาตั้งแต่เล็กรู้ดีว่าเงินแต่ละบาทนั้นหาบากเพียงไรคิด
“ไม่เป็นไร กลับไปปรึกษา คิดดูสักสามสี่วันก่อนก็ได้แล้วค่อยมาให้คำตอบผม” ฟาเบียโน่พูดพร้อมลุกขึ้นเมื่อสิ่งที่ตนเองพูดจบลง ชายหนุ่มเดินตามหลังพยาบาลสาวกำลังจะออกมาจากห้องเพราะใกล้เวลาอาหารเย็นเต็มทีแล้ว มนตร์ลดาใช้มือเรียวของตนเองบิดลูกบิดประตูเปิดออก แต่ก็หันหลังกลับมากระทันหันเพราะนึกขึ้นได้ว่าตนเองยังมีเรื่องถามกับฟาเบียโน่อีก
ฟาเบียโน่ที่เดินตามหลังมนตร์ลดามาติดๆ และไม่รู้ว่าเธอจะหันกลับมาอย่างกระทันหัน ทั้งสองก็ชนกันเข้าอย่างจัง!! เสื้อถักโครเซร์ตัวโปร่งที่มนตร์ลดาสวมทับอยู่ด้านนอกก็เกี่ยวเข้ากับซิบกางเกงยีนส์ของฟาเบียโน่ทันที!!
“อุ๊ย!! ตายจริง! เสื้อของฉันมันเกี่ยวเข้ากับซิบกางเกงของเซญอร์น่ะค่ะ” มนตร์ลดาบอกทั้งพยายามแกะเสื้อของตนเองออก แต่เหมือนยิ่งแกะยังไงเสื้อของเธอมันก็ยังติดหนึบพันกับซิบกางเกงของเขาแน่น จนแล้วจนรอดก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดออกจากกันได้โดยง่าย ฟาเบียโน่จึงหมุนตัวเองหันหน้าเดินกลับเข้ามาที่โต๊ะทำงาน โดยมีมนตร์ลดาที่ค่อยๆถอยหลังตามไปด้วย
ฟาเบียโน่ใช้แขนแข็งแรงของตัวเองหยิบกรรไกรที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานส่งให้พยาบาลสาว “ใช้นี่... คงง่ายกว่ากันเยอะเลย”
“ค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่ะฉันไม่น่าจะหยุดกระทันหันอย่างนั้น” มนตร์ลดาพึมพำบอกอยู่กับอกกว้างทั้งเล็งอย่างลำบากที่จะตัดเสื้อของตนเองออกจากจุดที่ชวนให้หวาดเสียวของชายชาตรี
ดูเหมือนว่าฟาเบียโน่ก็จะรู้ได้ว่าพยาบาลสาวประหม่า ชายหนุ่มจึงพูดติดตลกให้เธอได้ผ่อนคลายลงบ้างเพราะเธอต้องเอื้อมมือลงไปใกล้จุดสำคัญของเขา “เอาดีๆ นะคุณพยาบาล คุณกำลังทำผมเสียวจะแย่แล้ว!”
อรอาภาเกร็งตัวทันทีเมื่อเดินมาได้ยินคำพูดนั้นของสามีตนเอง สายตาหวานคมมองลอดเข้าไปในประตูห้องทำงานที่แง้มออกเล็กน้อยอย่างหวาดระแวง ภาพที่ได้เห็นคือฟาเบียโน่และมนตร์ลดายืนซ้อนกันขยับตัวเบียดเสียดกันอย่างไม่อายฟ้าดิน ซุ่มเสียงน่าเกลียดของสามีทำให้หญิงสาวถึงกับยกมือทั้งสองข้างของตนเองปิดปากกลั้นเสียงร้องไห้!! ร่างอ้อนแอ้นพลิกตัวกลับมายืนแนบแผ่นหลังกับผนังปูนเย็นเฉียบฟังเสียงสนทนาที่ทำให้เกือบจะปล่อยโฮออกมาอย่างเหลืออด!! น้ำตาร้อนๆไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“อีกนิดเดียวก็ออกแล้วค่ะ โอ๊ะ! เสร็จแล้วค่ะ” มนตร์ลดาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ดีนะที่ได้ไอ้นี่! ไม่งั้นอีกนานแน่กว่าจะเสร็จ” ฟาเบียโน่บอกพร้อมกับชูกรรไกรที่มนตร์ลดาส่งคืนให้ แล้วหัวเราะออกมาพร้อมกัน
อรอาภาได้ยินเสียงหัวเราะต่อกระซิกกันของทั้งสองแล้วก็ไม่อาจจะทนฟังเสียงนั้นได้อีกต่อไป หญิงสาววิ่งทั้งน้ำตาออกมาด้านนอกอย่างรวดเร็วจนมาหยุดอยู่ที่ริมชายหาดที่ตนเองและสามีมักมีกิจกรรมร่วมกันบริเวณนี้เป็นประจำ ร่างบางทรุดลงบนพื้นทรายละเอียดอย่างหมดเรี่ยวแรง น้ำตาร้อนๆที่เกิดจากความเสียใจ ผิดหวังไหลออกมาจากสองตาไม่ขาดสาย ท้องฟ้ามืดครึ้มราวไม่ต่างจากความขุ่นมัวในหัวใจมันยิ่งตอกย้ำให้เศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งพบเจอมา ไม่เคยคิดเลยว่าสามีที่ตนเองรักนักหนาจะคิดนอกใจมีสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ของเธอเอง เหตุผลนี้ซินะที่ทำให้แม่พยาบาลสาวนั่นทำดีกับเธอนัก! นี่พวกเขาคงจะคิดว่าเธอหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ข้างบนสินะ คงจะมีความสุขกันจนลืมเวลาไปว่าเธออาจจะตื่นขึ้นมาได้เห็นได้!!
‘ถ้าผมอดขึ้นมาไม่ได้เมื่อไหร่แล้วกลับไปใช้ชีวิตแบบที่ผ่านมาสามสิบกว่าปีนั่น แล้วอย่ามาโทษกันเชียวล่ะ ยัยปีศาจน้อย!!’
คำพูดของฟาเบียโน่เคยพูดไว้พลันผุดขึ้นมาในสมองทันที น้ำตาหยุดไหลราวกับปิดก๊อกน้ำเช่นกัน! ‘อดไม่ได้เลยกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอย่างงั้นเหรอ!??’ คราวนี้หากเธอจะจำอะไรไม่ได้สักสิบปีเขาก็คงจะไม่ได้เดือดร้อนสินะ!! เพราะมีผู้หญิงสาวสวยรองรับอารมณ์พิศวาสเอาไว้อยู่แล้ว! อรอาภาคิดและปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งลง จริงอยู่ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเธอเอง เมื่อภรรยาในบ้านไม่สามารถมอบความสุข ความเสน่หาอันเร่าร้อนให้กับสามีได้ก็สมควรแล้วที่เขาจะออกไปหาเอาจากนอกบ้าน!! แต่นี่เขาทำอย่างโจ่งแจ้งไม่อายฟ้าดินในบ้านที่เขาพูดเสมอว่ามันคือบ้านของเรา!!!
อรอาภาคิดอย่างชอกช้ำใจ หญิงสาวจมอยู่กับความคิดของตัวเองจนความมืดมิดเงียบสงัดของยามค่ำคืนรายล้อมรอบตัว ร่างบางจึงค่อยๆหยัดตัวลุกขึ้น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกอย่างเรียกกำลังใจให้ตัวเองพลางใช้มือปาดน้ำตาออกจากสองแก้ม ก้าวเดินอย่างเชื่องช้ากลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งราวกับจะถ่วงเวลาให้ตนเองได้ทำใจที่จะต้องไปพบหน้าคนใจร้ายทั้งสองที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดหัวใจอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ฟาเบียโน่ทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นร่างของภรรยาเดินกลับเข้ามาในบ้าน เมื่อสักครู่เขาเดินขึ้นชั้นบนเพื่อจะปลุกเธอให้ตืนเพราะรู้สึกว่าเธอจะนอนหลับยาวเกินไปอีกทั้งใกล้เวลาอาหารเย็นแล้วแต่ก็พบเพียงห้องนอนที่ว่างเปล่า “ไปไหนมาจิงเจอร์?”
อรอาภามองเขาด้วยสายตาเจ็บปวดตัดพ้อเพียงชั่วแวบเดียวแล้วก็ต้องเสมองไปที่อื่นแทน “ไปเดินเล่นมาค่ะ”
ฟาเบียโน่ไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงสายตาตัดพ้อที่ส่งมาเลยสักนิด ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วเดินมาเกี่ยวเอวคอดของอรอาภาพาเดินเข้ามาในห้องอาหารอย่างสบายอามรณ์ “มากินข้าวกันดีกว่า วันนี้มิ้นต์เขาทำอาหารไทยหลายอย่างให้คุณเลยนะ หน้าตาน่าทานเชียว”
อรอาภาขบริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น ฟาเบียโน่ยังคงปฏิบัติตัวต่อเธออย่างสุภาพ เอาใจใส่ อ่อมโยนเช่นเดิม เลื่อนเก้าอีให้นั่ง ส่งยิ้มอย่างอ่อนโยน พลางตักอาหารหลายอย่างให้อย่างเอาใจ มนตร์ลดาก็ช่างตีสองหน้าได้อย่างน่านับถือ ทั้งแนะนำอาหารน่าตาน่าทานหลายอย่างตรงหน้าได้อย่างไหลลื่น ไม่กระดากอายสักนิดว่าชั่วโมงที่ผ่านมาทั้งคู่ยังเล่นรักกันในห้องทำงานอย่างไม่ละอายใจต่อเธอเลยสักนิด อรอาภาไม่รู้สึกถึงรสชาติอร่อยล้ำของอาหารตรงหน้าแม้แต่น้อย มันไร้รสชาติ ฝืดคอยิ่งนัก หนำซ้ำยังรู้สึกเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทงหัวใจเมื่อเห็นทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนิทสนม
“วันนี้ดิฉันขอไปค้างกับแม่ที่บ้านได้ไหมคะ? พรุ่งนี้รับรองว่าจะรีบมาถึงก่อนแปดโมงเช้าค่ะ” มนตร์ลดาเอ่ยขึ้นเมื่ออาหารมื้อค่ำกำลังจะจบลง
ฟาเบียโน่พยักหน้ารับ “ไปเถอะ เดี๋ยวผมจะดูแลจิงเจอร์เอง ไปดูอาการของแม่คุณสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
อรอาภาอยากจะกรีดร้องออกมานัก ขนาดว่าตัวเองคุยกับพยาบาลสาวกันหลายเรื่องหลายชั่วโมง ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเธอเป็นอะไร “คุณแม่ไม่สบายเหรอคะ?” อรอาภาอดถามออกมาไม่ได้
“ไม่ได้อาการหนักอะไรมากหรอกค่ะ ท่านเป็นโรคความดันโลหิตสูงกับโรคเบาหวานน่ะค่ะต้องทานยาเป็นประจำ” มนตร์ลดาบอก
“อยู่ด้วยกันทั้งวันไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังบ้างเลย” อรอาภาเปรยขึ้นแล้วหันไปถามฟาเบียโน่ที่นั่งอยู่ข้างๆตังเองด้วยน้ำเสียงแข็งๆแทน “แล้วคุณรู้ได้ไงคะว่าคุณแม่ของมิ้นต์ไม่สบาย หรือว่าคุณรู้เรื่องส่วนตัวของคนในปกครองทุกคน??”
“เปล่า... เฉพาะบางคนที่ผมอยากรู้เท่านั้นแหละที่รัก” ฟาเบียโน่ยิ้มพรายรับและไม่ได้รู้สึกว่าคำถามนั้นดูแปลกหู ยกเว้นแต่มนตร์ลดาที่รู้สึกได้ว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูเครียด สายตาของอรอาภาที่มองตนเองนั้นก็เปลี่ยนไป แต่พยาบาลสาวก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นเพราะอยากจะกลับบ้านไปสวมกอดแม่อย่างเต็มที่แล้ว “อ้อ! คุณอย่าลืมปรึกษากับแม่เรื่องที่เราคุยกันด้วยนะ? เดี๋ยวจะให้คนเอารถไปส่ง”
“ขอบคุณค่ะ งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ ไปแล้วนะคะจิงเจอร์” มนตร์ลดาเอ่ยลากทุกคนพร้อมลุกขึ้นหยิบกระเป๋าถือที่อยู่ใกล้มือเดินตัวปลิวออกไปจากห้องอาหารด้วยความดีใจ
หัวใจของอรอาภารู้สึกร้อนรุ่ม ความเสียใจ น้อยใจ ผิดหวังสับสนปนเปกันไปหมดแต่ต้องเก็บกดเอาไว้เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดกับคนที่ทำหน้าสบายอารมณ์ข้างๆนี่อย่างไร ได้แต่กำมือแน่น ขบริมฝีปากล่างตัวเองอย่างอดกลั้นรู้ซึ้งถึงคำว่าน้ำท่วมปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนนี้สิ่งเดียวที่อยากทำมากที่สุดก็คือหลบไปนอนร้องไห้คนเดียวให้หนำใจ น้ำตาแห่งความรู้สึกยอดแย่เหล่านั้นที่ไหลรินออกมามันคงทำให้รู้สึกดีขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้นัก!!
ฟาเบียโน่เฝ้ามองปฏิกิริยาของภรรยาตัวน้อยข้างกายอย่างสงสัย วันนี้เธอมีท่าทางแปลกๆ เงียบจนผิดปกติ ตอนนี้ยังนั่งนิ่งขบฟันกับริมฝีปากล่างของตัวเองแน่นราวกับมีเรื่องทุกข์ใจหนักหนาให้ขบคิด!!
“จิงเจอร์... จิงเจอร์!? เป็นอะไร? คุณกัดปากตัวเองอย่างนั้นทำไม??” ฟาเบียโน่ใช้มือหนาของตัวเองสะกิดที่หัวไหล่บอบบางของอรอาภา และต้องผงะออกมาเล็กน้อยเมื่อกิริยาตอบกลับคืนมาคือการสะบัดไหล่หนีมือของเขา มองมาด้วยสายตาอย่างรังเกียจเสียเต็มประดา! “เป็นอะไรจิงเจอร์??”
อรอาภาผุดลุกขึ้นจากก้าวอี้ แต่ก็ไม่ทันได้ขยับหนีไปไหนไกลฟาเบียโน่ก็ฉุดข้อมือเล็กไว้ทันที “ปล่อย!”
สายตาสองคู่จ้องมองกันอยู่สักครู่ ต่างคนต่างมีคำถามในใจของตัวเองเกี่ยวกับกิริยาท่าทางที่แปลกไปของอีกฝ่าย แต่ก่อนที่จะมีใครได้เอ่ยปากอะไรออกมา เสียงกระแอมของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่หันมามองตามเสียงนั้นทันที
“ฮะแฮ่ม!!” อเตต้าร์แกล้งกระแอมเสียงดัง ขัดจังหวะคู่พระนางขึ้นก่อน
“อ้าว! มาตั้งแต่เมื่อไหร่??” ฟาเบียโน่ถามน้องชายที่ยืนพิงกับกรอบประตูมองมายังตนเองอย่างด้วยสายตาขันๆ
อเตต้าร์ไม่ได้ตอบคำถามของพี่ชายแต่กลับมองใบหน้าสวยหวาน รับกับผิวพรรณผุดผ่องที่มองปราดเดียวก็พอรู้ว่าเธอสวยอย่างนี้นี่เองถึงทำให้ฟาเบียโน่เปลี่ยนสเปกจากสาวทรงโต หุ่นดินระเบิดมาเป็นสาวร่างอ้อนแอ้นแบบนี้พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “พี่จะไม่แนะนำให้ผมรู้จักกับพี่สะใภ้หน่อยหรือไง เฟลิกซ์?”
“จิงเจอร์... นี่อเตต้าร์น้องชายของผมเอง” ฟาเบียโน่ทำตามอย่างว่าง่ายพลางปล่อยข้อมือของอรอาภาแล้ววาดวงแขนไปโอบไหล่บอบบางรั้งเธอเข้ามาแนบอกตัวเองแทน
อรอาภาไม่อยากเสียมารยาทจึงอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นแต่กลับทำให้เธอเจ็บปวดไปพร้อมกันอย่างไม่ขัดขืน พลางยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า หน้าตาของเขาหล่อเหลาไม่แพ้ฟาเบียโน่แต่หากดูห้าวหาญ เถื่อนดิบมากกว่านักและสิ่งหนึ่งที่อรอาภาเห็นว่าแตกต่างกับสามีของตัวเองโดยสิ้นเชิงก็คือการแต่งตัว!!
อเตต้าร์รู้สึกขำนักกับสายตาที่มองตนเองอย่างสำรวจตรวจตราตั้งแต่หัวจรดเท้า หากแต่สายตาของเธอกลับไม่ได้ทำให้เขาโกรธเพราะมันเป็นสายตาที่คาดไม่ถึงว่าตนเองและฟาเบียโน่จะเป็นพี่น้องที่คลานตามกันออกมา สายตาที่ได้เห็นจนชาชินจากคนทั่วไป หนุ่มมาดเซอร์จึงยื่นมืออกไปรอพร้อมเอ่ยทักทายเธอก่อน “ยินดีที่ได้พบคุณครับ เรียกผมว่าอาร์ตี้ก็ได้ครับ”
“อรอาภาค่ะ ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกันเรียกฉันว่าจิงเจอร์ก็ได้นะคะ” อรอาภายิ้มให้หนุ่มหล่อเถื่อน! ดูๆไปเขาก็เหมือนเทพบุตรแดนเถื่อน!! บุคลิกแตกต่างกันกับสามีของตัวเองโดยสิ้นเชิง ฟาเบียโน่นั้นหล่อเหลามาดเข้มขรึมเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว เขาต้องโกนหนวดทุกวัน สวมสูทแต่งกายเนี้ยบก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง แต่อเตต้าร์กลับดูเหมือนหนุ่มคาวบอยมาดเถื่อน มีเคราเขียวครึ้มตามแนวสันคาง ตัดผมสกินเฮด ใส่ต่างหูเพชรเม็ดเบ้อเร่อที่หูข้างซ้ายอีกด้วย แสงแวววาวของมันตัดกับผิวสีแทนอย่างคนกลำแดดส่งผลให้เขาดูเป็นผู้ชายเร้าใจยิ่งนัก! หากแต่เธอกลับชอบผู้ชายมาดขรึมอย่างคนที่กอดเธอไว้แนบอกอยู่ข้างๆนี่มากกว่า ถึงแม้ว่าเขาจะทำให้รู้สึกชอกช้ำหัวใจก็ตาม อรอาภาลอบถอนหายใจออกมาฟังสามีกับน้องชายของเขาคุยกันอยู่เงียบๆ
“กินอะไรมารึยังล่ะ เราเพิ่งกินข้าวเสร็จกันเดี๋ยวนี้นี่เอง” ฟาเบียโน่ถามขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว
“ยังเลย กะว่าจะมาหาข้าวกินที่นี่ ค้างสักคืนพรุ่งนี้เย็นๆ ผมต้องรีบกลับแล้ว” อเตต้าร์ว่าพลางทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะอาหารที่มีร่องรอยของการรับประทานอาหารหลงเหลืออยู่
“รอแป๊บเดียวนะคะ เดี๋ยวดิฉันจัดมาให้ใหม่” อรอาภาบอกยิ้มๆพลางดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของฟาเบียโน่
“เดี๋ยวเรียกให้นอสซามาทำดีกว่า คุณยังไม่หายดีเลยนะที่รัก” ฟาเบียโน่บอกน้ำเสียงเอื้ออาทรพลางรั้งร่างอ้อนแอ้นให้นั่งลงข้างตัวเองอีกครั้ง มืออีกข้างก็สั่นกระดิ่งเรียกแม่บ้านทั้งหลายให้ตั้งอาหารใหม่อีกครั้งหนึ่ง
“นั่นสิครับ คุณนั่งลงดีกว่าจะได้คุยกะน ทำความรู้จักกันไว้ เผื่อผมกลับรีโอกรันดี โดซุลแล้วตอบคำถามของปู่ไม่ได้คงได้ตายแน่ๆ” อเตต้าร์บอก
“คุณปู่ท่านสบายดีนะคะ” อรอาภาเอ่ยถามถึงญาติผู้ใหญ่ของฟาบัยโน่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว
“ครับ... สบายดีแต่อยากเห็นหน้าหลานสะใภ้ ก็เลยต้องให้ผมมาสืบข่าวถึงที่นี่ ความจริงปู่ไม่ได้สนใจคุณสองคนหรอก ใจจริงท่านอยากเห็นหน้าเหลนมากกว่า”
อรอาภาหน้าเห่อแดงเมื่อพูดถึงสิ่งมีชีวิตน้อยๆที่ยังไม่มีโอกาสได้ถือกำเนิดขึ้น และก็อดยิ้มออกมาไม่ได้กับความตรงไปตรงมาของหนุ่มหล่อเถื่อนตรงหน้า ไม่เพียงแค่บุคลิกเท่านั้นที่แตกต่างกับฟาเบียโน่แม้แต่คำพูดคำจาก็แตกต่างกันมากทีเดียว “คุณเป็นน้องชายของเฟลิกซ์จริงๆเหรอคะ?”
หนุ่มมาดเถื่อนหัวเราะชอบใจกับความเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาของพี่สะใภ้ “ฮ่า... ก็น้องจริงๆน่ะสิครับ แต่เฟลิกซ์ขายเพชรขายทองก็เลยดูเป็นผู้ดี ส่วนผมมันแค่ชาวไร่ชาวสวนก็เลยดูเถื่อนๆไม่ค่อยมีมารยาทอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ”
กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...
“คุยกันไปก่อนนะ” ฟาเบียโน่บอกเมื่อเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ตนเองดังขึ้น อรอาภาชะเง้อมองตามร่างสูงใหญ่ของสามีที่รีบร้อนออกไปรับสายโทรศัพท์ลึกลับนอกระเบียงที่กั้นด้วยกระจกใส ในใจอยากรู้เหลือเกินว่าใครโทรเข้ามา เขาถึงต้องแยกตัวออกไปรับสายตามลำพังแบบนี้!!
อเตต้าร์อมยิ้มกับสายตาหึงหวงที่แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้งของอรอาภา พร้อมกับคิดว่าฟาเบียโน่คงทำนิสัยเจ้าชู้ให้เธอได้เห็นเป็นแน่ เธอถึงได้แสดงท่าทางออกมาแบบนี้!! “เฟลิกซ์มีพฤติกรรมไม่น่าไว้ใจเหรอครับ? คุณถึงมองเขาไม่วางตาอย่างนั้น” ชายหนุ่มแกล้งแซวเล่นทันที
“ฉันต้องถามคุณมากกว่าว่าสองพี่น้องคงเจ้าชู้น่าดู ใช่ไหมคะ??” อรอาภาไม่ตอบแต่กลับหลุดปากส่งคำถามที่อยากออกมาทันที
“อะไรกันจิงเจอร์! คุณมองผมกับเฟลิกซ์ออก... ง่ายอย่างนั้นเชียว?” อเตต้าร์ยักไหล่พร้อมถามพร้อมหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ เมื่อสาวสวยตรงหน้าพยักหน้ารับเร็วๆอย่างที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย “คุยเรื่องอื่นดีกว่า ผมมีลางสังหรณ์ว่าถ้าคุยเรื่องนี้กับคุณแล้วคงต้องเผลอปากพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดแน่”
“เล่าให้ฟังหน่อยสิคะ ฉันเองก็เคยคิดอยู่เสมอว่าเฟลิกซ์คงไม่เล่าทุกอย่างให้ฉันฟังแน่” อรอาภาขยับตัวเข้าหา ทำท่าตั้งใจฟัง!!
“ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่ามาถูกวันรึเปล่า?” อเตต้าร์บอกพลางสังเกตท่าทีของเธอ จริงอยู่ว่าไม่เคยได้รู้จักมักคุ้นกันมากก่อน แต่ท่าทางที่เธอแสดงออกมานั้นมันเหมือนกับผู้หญิงกำลังหึงหวงที่รู้ว่าผู้ชายของตนไปมีผู้หญิงคนอื่น หรือมีพฤติกรรมนอกใจจากตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ชายอย่างอเตต้าร์พยายามกันตัวเองออกจากความหึงหวง เป็นเจ้าข้าวเจ้าเหล่านั้นอย่างที่สุดเพราะยังไม่ต้องการผูกมัดตัวเองกับผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น
แต่เรื่องนั้นมันไม่ใช่ประเด็นหลักในตอนนี้! อเตต้าร์รู้ได้ทันทีจากสายตาหึงหวงขุ่นมัวนั่นของอรอาภา เธอกำลังมีเรื่องระแวงคลางแคลงใจในตัวของฟาเบียโน่ จึงไม่รีรอที่จะถามออกไปทันที “ผมว่าคุณต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายเล่าเรื่องที่สงสัยอยู่ให้ผมฟัง?”
อรอาภากระพริบตาถี่ๆ มองใบหน้าของอเตต้าร์และก้มลงมองฝ่ามือตนเองสลับกันไปมาอย่างคนกำลังชั่งใจ แต่ยังไม่ทันได้ข้อสรุปในใจฟาเบียโน่ก็เดินเข้ามาซะก่อน ทั้งอเตต้าร์และอรอาภาจึงต้องยุติหัวข้อที่กำลังจะเปิดบทสนทนาขึ้นโดยปริยาย หลังอาหารเย็นของอเตต้าร์ทั้งหมดก็นั่งคุยอยู่พักใหญ่ ส่วนมากฟาเบียโน่จะถามถึงเรื่องงานในไร่องุ่นที่เพิ่งถูกไฟไหม้เสียหายอยู่มากโขทีเดียวและถามถึงสุขภาพของคุณปู่การันก้า แล้วคนหน้าตายอย่างฟาเบียโน่ก็ยังหันมาพูดว่าหากเธอแข็งแรงเป็นปกติแล้ว จะพาไปเยี่ยมคุณปู่การันก้าที่รีโอกรันดี โดซุลอีกด้วย
ตลอดเวลาที่พูดคุยกันนั้นฟาเบียโน่โอบหัวไหล่ของเธอตลอดเวลาราวกับเป็นคู่สามีภรรยาที่รักกันปานจะกลืน ดึกพอสมควรฟาเบียโน่ก็บอกกับน้องชายว่าต้องพาภรรยาสาวแล้วเพราะเธอยังสุขภาพไม่แข็งแรงดีนักจึงไม่ควรจะนอนดึกๆดื่นๆ
อรอาภานึกหมั่นไส้ขึ้นมาในทันที! เกลียดนักไอ้คนสร้างภาพ!! ใช่ เขามันจอมลวงโลก!! เบื้องหน้าแสดงว่าเป็นสามีที่แสนดี เบื้องหลังก็มีอีหนูไว้คอยบำบัดความใคร่ ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดนอนเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็รีบคลานขึ้นเตียงทันที ข่มตาให้หลับก่อนที่ฟาเบียโน่จะกลับออกมาจากห้องน้ำ เพราะยังไม่พร้อมที่จะคุยกับเขาอย่างเปิดอก เธอกลัวเหลือเกินว่าความสัมพันธ์ที่มีต่อกันมันจะสั่นคลอนเพราะมีมือที่สามเข้ามาแทรกระหว่างกลาง พันธะรักต่อกันที่มีเพียงทะเบียนสมรสเป็นหลักประกันระหว่างที่รอให้จำเรื่องราวทั้งหมดได้มันจะไม่แข็งแรงพอที่จะต้านทานความใคร่ของมือที่สามได้ พูดกันง่ายๆก็คืออรอาภากลัวว่าจะต้องสูญเสียเขาไปตลอดกาลนั่นเอง!!
รุ่งเช้าอรอาภารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองอยู่บนเตียงตามลำพังอีกตามเคย สายตาหวานผงกหัวขึ้นจากหมอนใบนุ่มเหลือบมองดูดูนาฬิกาทรงแปลกตาที่ติดไว้ตรงผนังปลายเตียง
“ตายจริง... แปดโมงครึ่งแล้ว!!” ร่างอ้อนแอ้นกระเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนนุ่มราวกับตัวติดสปริงเพราะด้วยความเคยชินที่ต้องไปส่งฟาเบียโน่ไปทำงานทุกวัน แต่พอคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อวานนี้แล้วจึงไม่ได้รีบร้อนอีก มั่นใจว่าเขาต้องออกจากบ้านไปทำงานแล้วแน่นอน ที่สำคัญเธอยังไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดเรื่องราวทั้งหมดยังไงดี ราวยี่สิบนาทีต่อมาอรอาภาเดินลงมาชั้นล่างแล้วเลี้ยวเข้าไปในห้องอาหารก็พบว่าอเตต้าร์กำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ โดยมีนอสซากำลังเสิร์ฟอาหารเช้าให้
“มาทานอาหารเช้าด้วยกันสิครับจิงเจอร์” อเตต้าร์เอ่ยชวนพลางพับหนังสือพิมพ์ในมือของตัวเองแล้ววางมันลงบนโต๊ะ ยิ้มแย้มให้เธออย่างเป็นมิตร
อรอาภายิ้มตอบด้วยสีหน้าไม่เบิกบานนักพลางทรุดตัวนั่งลงที่เก้าอี้ประจำของตนเอง
“วันนี้เซญอร์ฟาเบียโน่ออกไปตั้งแต่เช้าเลยค่ะ เห็นว่ามีเรื่องสำคัญเลยต้องรีบออกไปค่ะ” นอสซารายงานตามปกติพลางวางแก้วนมสดให้เจ้านายสาว จากนั้นจึงถอยออกมายืนข้างหลังรอดูห่างๆว่าเจ้านายจะต้องการสิ่งใดเพิ่มหรือไม่
อรอาภาพยักหน้ารับ “มิ้นต์ยังไม่มาเหรอคะ?”
“มาถึงตั้งแต่เช้าแล้วก็ออกไปพร้อมเซญอร์ฟาเบียโน่อีกครั้งค่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าจะกลับมากี่โมง เซญอร่าต้องการอะไรรึเปล่าคะ?”
เพล้ง!!
เสียงช้อนสเตนเลสอย่างดีที่อยู่ในมือของอรอาภาตกกระทบกับชามกระเบื้องดังเพล้ง! ทันทีที่จบคำพูดของหัวหน้าแม่บ้าน ทำให้อเตต้าร์ชะงักจากการรับประทานอาหารทันที
“เป็นอะไรไปคะ เซญอร่ารู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่าคะ?” นอสซาก้าวเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ขอโทษค่ะ ฉันขอตัวนะคะ” หญิงสาวส่ายหน้าตอบพร้อมกับผลุนผลันวิ่งออกไปจากห้องอาหารทันที ทิ้งให้อเตต้าร์และนอสซามองตามอย่างงงๆ
อเตต้าร์เดินตามร่างอ้อนแอ้นของอรอาภาออกมาด้านนอกทันทีเช่นกัน ตอนนี้เธอนั่งอยู่ริมสระว่ายน้ำ เพียงแค่เห็นหัวไหล่และแผ่นหลังที่สะท้านไหว ก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังร้องไห้อย่างหนัก!!
ชายหนุ่มค่อยๆเดินเข้าไปนั่งลงบนแผ่นไม้ระแนงอย่างดีที่ปูอยู่รอบริมสระว่ายน้ำข้างๆคนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตานองหน้า “เป็นอะไรไปเหรอครับ? พอจะบอกผมได้ไหม”
อรอาภายังเงียบได้เงยหน้าขึ้นมามองน้องชายสามี ไม่อาจสะกดกลั้นความเสียใจที่ได้รู้ว่าฟาเบียโน่และมนตร์ลดาออกไปข้างนอกด้วยกัน น้ำตาและเสียงสะอื้นไห้จึงล้นทะลักออกมาไม่ขาดสาย
“เฟลิกซ์กับพยาบาลที่มาดูแลฉัน ขะ...เขาทั้งคู่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันค่ะ” อรอาภาพูดทั้งน้ำตา
“เฮ้ย!! ไม่จริงมั้ง!” อเตต้าร์ตอบกลับออกไปทันที ไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง “เอ่อ... คือผมไม่ได้ไม่เชื่อที่คุณพูดนะจิงเจอร์ แต่คุณเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า?? พยาบาลที่คุณว่าเนี่ยคือผู้หญิงไทยที่เฟลิกซ์จ้างเธอให้มาดูแลคุณตอนที่อยู่โรงพยาบาลในบูซิโอสคนนั้นน่ะเหรอ?”
“ใช่ค่ะ เธอนั่นแหละ” อรอาภาพยักหน้าย้ำคำพูดของตัวเองว่ามันเป็นเรื่องจริง เมื่อเห็นสีหน้าไม่แน่ใจของอเตต้าร์ “เมื่อวานฉันเห็นกับตาได้ยินกับหู พวกเขามีอะไรกันในห้องทำงานของเฟลิกซ์!”
“เป็นไปได้ไง เฟลิกซ์ไม่น่าจะทำอย่างนั้นในบ้านทั้งที่คุณก็อยู่ด้วย” จริงอยู่ทั้งเขาและพี่ชายอาจจะเป็นคนที่มีพลังขับเคลื่อนทางเพศสูงแต่ก็ยับยั้งใจตัวเองได้ตลอด เพราะไม่ใช่เด็กหนุ่มที่เพิ่งหัดมีเซ็กส์!! อเตต้าร์คิด
“พวกเขาคิดว่าฉันหลับอยู่บนห้อง ตอนที่ฉันลงมาเห็นพวกเขา! กำลัง... ฮือ...” อรอาภาพูดต่อไปไม่ได้แล้ว หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากไม่อยากให้เสียงร้องไห้ของตัวเองดังไปมากกว่านี้
อเตต้าร์มองหญิงสาวตรงหน้าร้องไห้จนตัวโยนโดยไม่รู้ว่าจะช่วยเธอแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร
“ขะ...เขามันคนหลอกลวง จอมสร้างภาพ! เขาบอกว่ารอฉันได้ จะรอจนกว่าฉันจะจำได้ แต่พอลับหลังก็ไปมีคนอื่น ฮือ... ฉันน่าจะรู้ว่าผู้ชายอดทนเรื่องแบบนี้ไม่ได้นานอยู่แล้ว ฉันมันโง่เอง! โดนพวกเขามาสวมเขาให้ถึงในบ้าน ฮือ...”
อเตต้าร์สงสารผู้หญิงตรงหน้ายิ่งนัก แม่พยาบาลร่านรัก! นั่นก็เหลือเกินเป็นคนไทยเหมือนกันแท้ๆยังทำกันได้ถึงขนาดนี้!! นี่ขนาดว่าเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันยังไวไฟมีเซ็กส์กันในห้องทำงานแล้ว เฮอะ!! แต่ก็อย่างว่าล่ะนะผู้หญิงสมัยนี้ชอบเงินกันทั้งนั้น ขนาดว่าเขามีเมียอยู่เป็นตัวเป็นตนก็ยังไม่เว้น
โธ่เอ๊ย!! แล้วยังมีหน้ามามองเขาหัวจรดเท้าแบบดูถูกเหยียดหยามราวกับเขาเป็นกุ๊ยข้างถนนอีก
“ใจเย็นๆก่อนดีกว่าครับ เอาไว้ผมจะลองคุยกับเฟลิกซ์ดู เขาอาจจะควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะแม่พยาบาลร้อนรักนั่นยั่วยวนก็เป็นได้ ผมว่าคุณไปกินข้าวก่อนดีกว่า รีบรักษาตัวให้หายแล้วจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองก่อนที่คนอื่นจะมาแย่งไปทำมากกว่านี้” อเตต้าร์พูดเย้าให้หญิงสาวอารมณ์ดีขึ้น ไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าเธอเป็นใคร มากไหน?? แท้จริงแล้วเธอเป็นเพียงแค่เมียตีทะเบียนของฟาเบียโน่เท่านั้นเอง บางทีมันก็อาจเป็นได้ที่ฟาเบียโน่จะเผลอใจไป แต่ก็ควรให้เกียรติคนที่ตัวเองเรียกว่าเมียบ้าง
คำพูดของอเตต้าร์ไม่ได้ทำให้อรอาภาขำแต่อย่างใด มันกลับทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาว่า จริงสินะ! หากตนเองสามารถทำหน้าที่ของภรรยาได้อย่างสมบูรณ์เพียบพร้อมทุกอย่างแล้ว ปัญหาแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นมากวนใจแน่นอน หญิงสาวจึงเดินกลับเข้ามาในห้องอาหารอีกครั้งและปล่อยให้อเตต้าร์ได้นั่งอยู่ริมสระว่ายน้ำดังเดิม ราวเที่ยงวันน้องชายของสามีก็ขับรถสปอร์ตคู่ใจออกไปข้างนอก เหลือเพียงแค่อรอาภาที่ยังนั่งทบทวนขบคิดปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างตนเองและฟาเบียโน่!!?
ทุ่มตรงของวันเดียวกันฟาเบียโน่เดินกลับเข้ามาในบ้านริมชายทะเลของตนเองผิดเวลาจากทุกวันอยู่หลายชั่วโมง เพราะเขาเพิ่งจะได้เบาะแสสำคัญของคนร้ายที่ลอบทำร้ายภรรยาเมื่อสามวันก่อน ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอนก็เห็นร่างอ้อนแอ้นที่คิดถึงมาตลอดทั้งวันนั่งหลับตาปล่อยให้เก้าอี้นวดไฟฟ้าตัวโปรดบีบนวดอย่างเพลิดเพลิน ตนเองจึงรีบเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องน้ำเพราะอยากอาบน้ำชำระร่างกายขับไล่ความเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นเต็มที
พอได้ยินเสียงน้ำไหลซ่าๆดังขึ้น อรอาภาก็เปิดเปลือกตาขึ้นรู้สึกสะท้อนใจยิ่งนักเพราะสามีไม่ทักทายเธอหรือเดินเข้ามาคลอเคลีย กอด หอมอย่างที่เคยทำมาแต่กลับเดินเข้าไปอาบน้ำโดยที่ไม่สนใจเธอเลยสักนิด ตลอดทั้งวันหญิงสาวพยายามหาวิธีแก้ปัญหาแล้วตัดสินใจว่า ต้องเปิดอกพูดคุยกับฟาเบียโน่ให้รู้เรื่อง จะปล่อยให้เรื่องดำเนินต่อไปแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เธอไม่สามารถทนแบกรับความอึมครึม ความอึดอัดใจที่เกิดขึ้นได้อีกต่อไป ฟาเบียโน่ต้องเป็นคนจัดการแก้ไขปัญหาที่เขาเป็นคนก่อมันขึ้นให้จบสิ้นไปหากยังต้องการมีผู้หญิงที่ชื่ออรอาภาเป็นภรรยาอยู่ และเมื่อปัญหาทุกอย่างจบสิ้นลงเธอบอกกับตัวเองว่าจะทำหน้าที่ภรรยาทั้งทางพฤตินัยและนิตินัยให้สมบูรณ์ที่สุด
พอได้ใจเย็น นั่งลงมองถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างใจเป็นกลางแล้ว อรอาภาจึงคิดได้ว่าตัวเองก็มีส่วนผิดอยู่ไม่น้อยหากเธอสามารถทำหน้าที่ทุกอย่างของภรรยาได้ฟาเบียโน่ก็คงไม่ต้องไปแสวงหาเอาจากนอกบ้าน แต่ที่ทำให้เธอเสียใจและผิดหวังในตัวเขามากที่สุดก็คือ พวกเขาแอบมีอะไรกันในห้องทำงาน ในขณะที่คิดว่าเธอหลับอยู่ข้างบนมันเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกีรยติคนที่เขาเรียกว่าภรรยาอย่างเต็มปากเลยสักนิด!!
ฟาเบียโน่เดินออกมาจากห้องน้ำสักพักแล้ว พร้อมกับขมวดคิ้วหนาของตัวเองมองท่าทางของอรอาภาอย่างแปลกใจ ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้วที่เธอมีท่าทางแปลกๆนั่งน่านิ่วคิ้วขมวดราวกับมีเรื่องขบคิดนักหนา บ่อยครั้งก็มองเขาอย่างเจ็บปวดแล้วแปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายราวกับอยากจะแล่เนื้อเถือหนังเขาออกมาเป็นชิ้น
“เป็นอะไรจิงเจอร์? ผมเห็นคุณนั่งหน้ายุ่งอยู่ตั้งนานแล้วนะ คิดมากแบบนี้เดี๋ยวตีนกาก็ได้ถามหากันพอดี” คำพูดติดตลกที่ตั้งใจอยากให้ภรรยาหัวเราะออกมาแต่มันกลับทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดกันไปใหญ่โต หากแต่ฟาเบียโน่ก็ไม่เคยรู้เลย ชายหนุ่มจึงไม่ได้สนใจกับแววตาเขียวปัดนั้นเพราะมัวแต่เปิดตู้หาเสื้อผ้ามาสวมใส่อยู่
“ก็เพราะคุณเบื่อฉันแล้วน่ะสิ ถึงได้เห็นว่าฉันแก่ ฉันมันก็ของตายที่ใช้ไม่ได้ ไหนเลยจะสดซิงเหมือนของที่ทำให้คุณร้องครางเพราะความเสียวซ่านได้!!” อรอาภาว่าให้ตรงๆ พร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้นวดอย่างคล่องแคล่ว
“พูดอะไรไม่เห็นจะเข้าใจเลย?” ฟาเบียโน่ถามพลางสวมกางเกงนอนเนื้อนิ่ม
“กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องยังมีหน้ามาพูดว่าไม่เข้าใจอีกเหรอ?” ตอนแรกอรอาภากะว่าจะอารมณ์เย็นพูดกับเขาด้วยเหตุผลแต่พอเอาเข้าใจ ความหึงหวงน้อยใจทั้งหลายที่เก็บกดไว้ก็ปะทุมาเข้าสิงร่างเธอทันที
ฟาเบียโน่แปลกใจเป็นอย่างมากไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร และทำไมถึงได้อารมณ์เสียมากมายแบบนี้ พร้อมทั้งมองท่าเดินก้าวฉับๆมามองหน้าหาเรื่องเขาอย่างคล่องแคล่
“หาเรื่องทะเลาะอย่างนั้นเหรอ? ฉันพูดความจริงคุณก็ว่าฉันหาเรื่อง! คุณจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่? ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้!?” อรอาภาถามเสียงดัง! ด้วยแววตาเจ็บปวดใจ
“พูดอะไรของคุณจิงเจอร์??”
“ก็พูดเรื่องที่คุณนอกใจฉัน! คุณมีคนอื่น! คุณบอกว่ารอฉันได้แต่คุณก็สวมเขาให้ฉัน ไอ้คนสับปรับ!! ไอ้คนหลอกลวง!!” พูดจบอรอาภาก็กระโจนเข้าทำร้ายร่างกายคนหน้าตายที่ไม่ยอมรับผิดทันที!!
ฟาเบียโน่จับข้อมือทั้งสองข้างที่กำลังจะระดมเข้ามาประทุษร้ายตัวเองไว้ทันที “หยุดก่อนจิงเจอร์! ผมไปทำอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่ามาใส่ความกันนะยัยตัวแสบ!?” ด้วยความงงันกับข้อกล่าวหาที่ตัวเองไม่ได้ทำจึงจับข้อมือเล็กไว้อย่างไม่มั่นคงนักเลยทำให้ได้รับแผลข่วนที่ใบหน้าตนเองไปหนึ่งที “โอ๊ย... มันเจ็บนะ คุณอยู่บ้านคนเดียวเลยคิดฟุ้งซ่านมากไปใช่ไหม??”
“ไอ้คนเลว! นอกใจฉันแล้วยังมาหาว่าฉันฟุ้งซ่าน จิตว่างอีกเหรอ คนหน้าไม่อาย” อรอาภาไม่ฟังอะไรอีกแล้วโถมตัวเข้ารัวกำปั้นใส่อกเปลือยเปล่าของฟาเบียโน่ไม่ยั้ง! “ฉันเกลียดคุณ ฮือ... คุณปล่อยให้ฉันอยู่บ้านกับความรู้สึกผิดที่ว่าตัวเองทำหน้าที่ภรรยาไม่สมบูรณ์ แต่พอลับหลังฉันคุณก็ไปมีผู้หญิงคนอื่น!! ฮือ...”
ฟาเบียโนรวบร่างที่ทำร้ายตัวเองไว้ด้วยแขนทรงพลังเพียงข้างเดียวเพราะไม่กล้าออกแรงรักเธอแน่นนักกลัวว่าจะไปโดนแผลที่หลังเธออีก เมื่อเธอสู้แรงเขาไม่ได้ภรรยาตัวน้อยจึงหลับหูหลับตาบ่นว่าทั้งน้ำตาและไม่ยอมฟังอะไรเลย ประกอบกับเสียงโทรศัพท์ของฟาเบียโน่ก็ดังขึ้นพร้อมๆกัน
อรอาภาดิ้นสุดแรงเกิดไม่ยอมให้เขาใช้กำลังกับตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว สองแขนถูกรวบไปไว้ที่ด้านหลังแล้วก็ใช้สองเท้าของตัวเองที่ยังเป็นอิสระดิ้นรน ถีบ แตะเขาเป็นพัลวัน แล้วต้องกรีดร้องออกมาด้วยความโมโหตัวเองที่สู้แรงเขาไม่ได้เพราะเขาจัดการกับเธอโดยทิ้งตัวทับร่างอ้อนแอ้นลงกับที่นอนนุ่มตวัดขาแกร่งขึ้นมาคร่อมร่างของเธอที่นอนนอนหงายดิ้นเร่าๆเพราะสู้ไม่ได้ พร้อมหัวเราะราวกับว่าสนุกนักหนา
“หึ... สู้ได้เหรอ คนสวย? อย่าดิ้นมากนักน่า... เดี๋ยวได้เจ็บแผลอีกหรอก” ฟาเบียโน่ยิ้มอย่างผู้ชนะใส่ตาเธออย่างยั่วเย้า
“ไอ้คนหลอกลวง จะรังแกฉันจะทำร้ายฉันใช่ไหม ฮือๆๆ ปล่อยฉันนะ ถ้าไม่รักฉันแล้วเรามาหย่ากันเลย อย่ามาทำกับฉันเหมือนฉันเป็นลาโง่ มาสวมเขาให้ฉันทำไม!!”
ฟาเบียโน่หน้าตึงขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำท้าหย่าของเธอ เขาอยากจะบ้าตายตอนนี้นัก เธอคิดได้ยังไงว่าเขามีเมียน้อยนอกใจเธอและไอ้เสียงโทรศัพท์นี่ก็ดังไม่หยุดหย่อนเสียที! มันยิ่งทำให้เขารู้ว่าคนที่โทรเข้ามาต้องมีเรื่องสำคัญแน่ “จิงเจอร์!! คุณจะหยุดโวยวายแล้วมาพูดกันดีๆกันก่อนได้ไหม ผมงงไปหมดแล้ว ผมไปมีคนอื่นตอนไหนกัน?”
“ไม่หยุด! ฉันจะหย่า ฉันจะไม่ทนอยู่กับผู้ชายที่ไม่กล้ายอมรับผิดแบบคุณอีกแล้ว” เมื่ออรอาภาโดนคนตัวโตกดข้อมือไว้กับที่นอนใหญ่ทั้งสองข้าง ยังตะโกนร้องบอกน้ำตานองหน้า ความที่เขาไม่ยอมรับว่านอกใจทำให้อรอาภาโมโหคิดจะแยกทางกับเขาอย่างเดียว!!
“เราต้องคุยกันจิงเจอร์ แต่ก่อนอื่นผมขอรับสายก่อน โอเค้??” ฟาเบียโน่พูดเสียงเข้มพลางลุกออกจากร่างของอรอาภา ไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนหัวเตียงขึ้นมารับสายทันที
อรอาภาชันตัวลุกขึ้นใช้สองมือป้ายน้ำตาออกจากสองแก้มพร้อมอาการสะอึกสะอื้น แต่กลับเงียบเงี่ยหูกับฟังฟาเบียโน่รับโทรศัพท์กับใครไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าเขากำลังจะออกไปข้างนอกอีกครั้งหนึ่งแล้วเพราะก่อนวางสายเขาพูดสั้นๆแค่เพียงว่า ‘แล้วจะรีบไป’
“ว่าไง บอกผมให้กระจ่างใจหน่อยได้ไหมคุณผู้หญิง อะไรที่ทำให้ผมเป็นคนชั่วในสายตาคุณได้ขนาดนั้น??” ฟาเบียโน่ถามพลางเดินตรงดิ่งไปที่ตู้เสื้อถอดกางเกงนอนเนื้อนิ่มออกอย่างไม่อาย พร้อมจัดการสวมกางเกงยีนส์และเสื้อยืดคอโปโลด้วยความรวดเร็วเหลื่อเชื่อราวกับหนุ่มที่กำลังจะออกเที่ยวกลางคืน
“เมื่อวานในห้องทำงานของคุณ ฉันเห็นนะ! คุณบอกว่ามิ้นต์ทำให้คุณเสียวแทบขาดใจ พวกคุณสองคนยังยืนติดกันจนฉันแทบจะมองไม่เห็นหล่อน!! ไอ้คนเหลือทนคุณเป็นคนมีชู้แล้วยังมีหน้ามาถามฉันอีกหรือยังไง??” อรอาภากระดากปากที่จะพูดอีกต่อไป!! พลางกระโดดลงจากเตียงออกไปยืนขวางหน้าเขาไว้ทั้งตัว “จะออกไปไหนอีก”
“เดี๋ยวผมจะกลับมาอธิบายให้ฟังที่รัก แต่ตอนนี้ผมต้องออกไปทำงานก่อน” ฟาเบียโน่บอกอย่างรีบร้อนเพราะต้องรีบออกไปจัดการเรื่องสำคัญที่ดีเกาเพิ่งโทรฯมาบอกเมื่อกี้นี้ด้วยตัวเอง
“จะออกไปหาผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม ไปด้วยกันมาทั้งวันคุณยังไม่หนำใจหรือยังไง” อรอาภาถามทั้งน้ำตาแต่ยังปักหลักยืนนิ่งขวางเขาไว้อยู่!
ฟาเบียโน่อยากจะหัวเราะให้ก้องโลกนัก ความคิดที่ว่าจะอดทนรอมันมอดไหม้หมดลงทันทีต่อไปนี้เขาจะมอบร่างกายที่มันกระสันอยากในตัวเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ย้ำให้เธอไม่มีสมองไปคิดเรื่องเหลวไหลนั่นได้อีกต่อไป เอาให้เธอไม่มีแรงที่จะก้าวขาลงจากเตียงไปเลย พอกันทีกับความอดทนอันไร้ประโยชน์แบบนี้ เขาต้องกลับมาจัดการเรื่องนี้กับเธอให้จบแน่แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ “ผมจะบอกว่าคุณเข้าใจผิดแต่ผมไม่มีเวลาอธิบายตอนนี้ ผมมีเรื่องสำคัญต้องไปสะสาง คุณรอผมอยู่ที่นี่ก่อน แล้วผมจะกลับมาอธิบายให้ฟังทุกอย่าง!” ฟาเบียโน่บอกอย่างนั้นเพราะเหลือบตาไปมองนาฬิกาที่มันใกล้เวลานัดมากแล้ว
“ทำงานอะไรถึงได้แต่งตัวแบบนี้ จะออกไปเที่ยวข้างนอกใช่ไหม ฮือ...” อรอาภาถามพลางร้องไห้ไม่หยุด
ฟาเบียโน่ถอนหายใจเฮือกหันหน้ามาจับสองไหล่มนมองตาเธออย่างให้ความมั่นใจ “เชื่อใจผมหน่อยสิที่รัก ไม่ว่าคุณจะเห็นหรือได้ยินอะไรมันก็เป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ตอนนี้ผมต้องไปทำงาน”
“โกหก! คุณหลอกฉันอีกแล้วหรือไม่ถ้าไปทำงานจริง ก็ให้ฉันไปด้วยสิ!!” อรอาภาต่อรอง
“ไม่ได้! อยู่ที่นี่ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น เข้าใจไหม”
“ไม่! งั้นก็มาหย่ากันเลยแล้วคุณจะออกไประริกระรี้ที่ไหน กับใครก็เชิญเลย”
“โว้ย!! อะไรกันนักกันหนา รอผมอยู่ที่นี่อรอาภา ไม่อย่างนั้นผมจะจับมาฟาดก้นให้หนักๆเลย คุณกำลังทำให้ผมเสียเวลา!! เข้าใจบ้างมั้ย!?” ฟาเบียโน่ตวาดเสียงกร้าว ต้องทำไม่ใส่ใจกับน้ำตาเม็ดโตที่ร่วงผลัวะลงมาจากสองดวงตาหวานช้ำของเธอแล้วตัดใจเดินหนีออกจากห้องไป
“หยุดนะเฟลิกซ์!! เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ” อรอาภาบอกพร้อมตบประตูปังๆ วิ่งไม่ทันร่างสูงใหญ่ที่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงประตูบานใหญ่แล้ว เสียงกร้าวตะโกนเรียกให้คนเอากุญแจมาล็อกด้านนอกกักตัวเธอเอาไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหนได้ก่อนที่เขาจะกลับมาอีกครั้งดังขึ้นอยู่อีกด้านของประตู โดยไม่สนใจกับเสียงพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย!!
อรอาภาถูกขังอยู่ในห้องนอนให้อยู่กับความน้อยใจ ความเสียใจ หญิงสาวร้องไห้ออกมานานจนแทบไม่เหลือน้ำตา ภาพที่ฟาเบียโน่เดินออกไปจากห้องอย่างไม่สนใจไยดีมันตอกย้ำให้รู้ซึ้งว่า หากต้องมีอันเลิกรากันไป เธอคงไม่อาจจะทนแบกรับความเศร้าเสียใจ ความเจ็บปวดที่ไม่มีเขาอยู่ข้างกายได้อย่างไร?!!
สวัสดีค่า นักอ่านที่รัก
พันธะรักจอมเถื่อนเป็นรูปเล่มแล้วและสามารถครอบครองได้ที่ร้านซีเอ็ดบุ๊ก ร้านนายอินทร์ ร้านบีทูเอส เว็บสำนักพิมพ์อินเลิฟ เว็บบุ๊กสไมล์ และสามารถพูดคุยกับศิริพาราได้ตามช่องทางดังนี้
1. e-mail siripara2writer@gmail.com
2. fanpage https://www.facebook.com/siripara.raya
3.facebook https://www.facebook.com/siripara.looktan
ติชมหรือแสดงความคิดเห็นได้ตามสบายค่า เม้ามอยหอยขมกันได้ไม่เฉพาะเรื่องนิยาย ศิริพารายังมีเกมกติกาแสนง่ายดาย แจกของรางวัลเล็กน้อยเพื่อตอบแทนนักอ่านที่รัก อย่าลืมกดlikefanpage ศิริพารา รายาฤดีนะคะ
จบเรื่องนี้แล้ว ศิริพาราจะเอานิยายทั้งหมดมาอัพให้นักอ่านที่รักได้อ่านกันทุกเรื่อง ขอบคุณที่ติดตามและแสดงความคิดเห็นค่ะ
จุ๊บๆๆ
ศิริพารา
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ค. 2558, 11:53:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ค. 2558, 11:53:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 1234
<< ตอนที่ 9 100% | ตอนที่ 11 100% >> |