{ เจ้าบ่าวจอมเถื่อน }
เจ้าบ่าวจอมเถื่อน
Tags: เจ้าบ่าวจอมเถื่อน, เขม, ขวัญกมล, เกษม, ขจีพรรณ, บุลินทร, นักเลง, สาวแว่น, หื่น, เถื่อน, ตบจูบ, คอมเมดี้

ตอน: บทที่ 5 ถามทำไม (ครึ่งแรก)



ถามทำไม






ขวัญกมลถึงกับชะงักไป แม้เขมจะเกรียนแตกแค่ไหน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะเริ่มด้วยคำถามนี้

“ว่าไงนะคะ” หญิงสาวถามเพื่อความแน่ใจ เมื่อครู่เขาอาจจะถามว่า ไปเรียนที่เจแปนเป็นยังไง แต่หูเธอเพี้ยนเลยได้ยินว่ามีแฟนยัง

“อ้าว ใจลอยไปถึงไหนเนี่ย” เขมตำหนิอย่างไม่จริงจังนัก ขณะดวงตาสีเข้มพราวประกายจับจ้องใบหน้าเนียนใสที่ทาเพียงแป้งฝุ่นไว้บางๆ และริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อแต้มลิปมันสีธรรมชาติ แวววาวจนอยากลองสัมผัสด้วยปากดูว่าจะนุ่มนิ่มและหวานละมุนลิ้นสักแค่ไหน

ชายหนุ่มสลัดศีรษะเบาๆ นี่เขาคิดแบบนั้นกับยายป้าได้ยังไงนะ!

“ฉันฟังคุณอยู่ค่ะ แค่ไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกไหม” เธอหลบสายตาและตอบด้วยท่าทีสำรวม

เขมดึงสติกลับมาและเอ่ยยียวนเช่นเดิม “ทำไมครับ คำถามแรกของการสัมภาษณ์งานต้องเป็นยังไง ช่วยแนะนำตัวเองหน่อย มีประสบการณ์ทำงานที่ไหนมาบ้าง ทำไมถึงอยากทำงานกับเรา มีจุดอ่อนจุดแข็งอะไร แบบนี้เหรอ ผมว่าน่าเบื่อออก งานการตลาดเป็นงานสร้างสรรค์ ผมถามแบบแหวกแนวก็ถูกแล้วนี่”

“สรุปคุณถามฉันว่ามีแฟนยัง?”

“ถูกต้องนะคร้าบ!” เขมยกมือทำท่าเลียนแบบพิธีกรชื่อดัง

“ขอโทษนะคะ มันเกี่ยวกับงานที่ฉันจะทำตรงไหน นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัว”

“เกี่ยวสิครับ ถ้าคุณมีแฟน วันๆคงคุยไลน์กับแฟนตลอด หรือไม่ก็โทร.หากันบ่อยๆ ซึ่งทำให้เสียสมาธิในการทำงาน ผมคิดว่าถ้าพนักงานเป็นโสดจะดีมากกว่า” เขมบอกอย่างมั่นใจในความคิด

“ผลวิจัยจากไหนเหรอคะ” ขวัญกมลหมั่นไส้เขามากขึ้นทุกที

“ไม่ต้องอ้างอิงผลวิจัยก็พอเดาได้”

“ถึงจะมีแฟนหรือเปล่า ฉันว่าไม่สำคัญหรอกนะคะ เพราะถ้าเรามีความรับผิดชอบ งานก็จะไม่เสียแน่นอน” เธอจะพยายามคิดว่าเขาทดสอบความอดทนและไหวพริบอยู่แล้วกัน อย่าไปเต้นเร่ากับคำถามและสายตาแพรวพราวคู่นั้นเลย

“คุณว่างั้นเหรอ”

“ค่ะ”

“โอเค ก็เป็นคำตอบที่ใช้ได้ แต่คุณยังไม่ได้ตอบคำถามแรกเลย ตกลงมีแฟนไหม” เขมทวงคำตอบ เดาได้เลยว่ายังไม่มีใครหลงผิดมาชอบยายขวัญกมลขี้มูกแห้งแน่

หญิงสาวเงียบคล้ายชั่งใจ ครู่เดียวก็ตอบด้วยดวงตาเด็ดเดี่ยว “ไม่มีค่ะ”

ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้ม คิดแล้วเชียวว่าต้องไม่มี “ที่ถามไม่ใช่ว่าผมอยากจีบคุณนะ อย่าเข้าใจผิดล่ะ ก็แค่อยากถามอะไรแบบไม่ให้ตั้งตัว จะได้ดูปฏิกิริยาว่ารับมือได้ดีแค่ไหน เพราะเวลาทำงานอาจเจอสิ่งที่ไม่คาดคิดได้ตลอด” เขาพูดดักคอไว้ก่อน

ขวัญกมลก้มหน้ากลั้นหัวเราะ นึกว่าตัวเองหน้าตาดีมากหรือไงนะ ผู้หญิงทุกคนจะได้ชอบหมด

“ขำอะไรครับ” เขมถามเสียงเรียบ ใบหน้าคมจริงจังขึ้น

“เปล่าค่ะ คำถามต่อไปเลยดีกว่า” เธอตัดบท เพราะไม่อยากให้เป็นประเด็นยาว

ชายหนุ่มรู้สึกเสียเซลฟ์ขึ้นมาทันที ที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาตกอยู่ในอาการนี้เลย เขามองหญิงสาวด้วยสายตาตำหนิ

“ขอโทษค่ะ” เธอค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะนั่งในท่าสุภาพเชิงว่าพร้อมสำหรับคำถามต่อไป

ชายหนุ่มกระแอมเบาๆ ก่อนเริ่มสัมภาษณ์ต่อ “เมื่อกี้อย่างที่เห็นว่าพ่อผมชอบคุณมาก ถ้าคุณได้ทำงานที่นี่ ไม่กลัวเหรอว่าเพื่อนร่วมงานจะครหาว่าเป็นเด็กเส้นแล้วไม่คบด้วย”

“ไม่เลยค่ะ” ขวัญกมลตอบแทบจะทันที “ฉันจะใช้ความสามารถพิสูจน์ว่าไม่ได้ได้งานเพราะใช้เส้นเจ้าของไร่ ส่วนเรื่องเพื่อนร่วมงานคิดว่าไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แค่จริงใจและเป็นตัวของตัวเองเท่านั้น”

เขมยกมือขึ้นกอดอกและพยักหน้ารับรู้ ยิงคำถามกวนๆต่ออีกยาว แต่อีกฝ่ายก็ไม่ปรี๊ดแตกเลย ยายนี่อดทนเก่งจริงๆ!

“โอเค ไม่รู้จะถามอะไรแล้ว เพราะยังไงพ่อผมก็รับคุณ”

“คุณจะดูพวกเอกสารการศึกษาของฉันไหมคะ” เธอเตรียมทุกอย่างมาพร้อมอยู่แล้ว

“ไม่ละ” เขาส่ายหน้า เพราะดูไปก็เท่านั้น สุดท้ายเธอก็ได้ทำงานที่นี่ เพราะพ่อเขาไม่มีทางไม่รับ

ต่างฝ่ายต่างเงียบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ขวัญกมลเอื้อมมือไปตักสปาเก็ตตี้ไวท์ซอสแก้เก้อ ด้วยความเคยชินหญิงสาวเผลอดูดเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปาก รู้ตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะก๊ากของคนนั่งข้าง ดวงตาเรียวยาวหลังกรอบแว่นสายตาปรากฏรอยขัดเขินขึ้นทันที

“เหมือนตอนเด็กไม่มีผิด” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขบขัน ยายขวัญกมลเปิ่นแบบนี้เอง ถึงยังไม่มีแฟน ผู้หญิงอะไรสูดเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากต่อหน้าผู้ชาย

“ขอโทษค่ะ” แก้มใสร้อนวูบวาบ ไม่น่าเผลอต่อหน้าเขมเลยจริงๆ เพราะคนอย่างเขามีแต่จะซ้ำเติม แทนที่จะพูดให้รู้สึกดีขึ้น ว่าแต่เขาจำได้ด้วยเหรอว่าตอนเด็กๆเธอก็ชอบกินอาหารเส้นด้วยวิธีนี้ เวลาผ่านมาตั้งนาน นึกว่าจะลืมไปแล้วซะอีก

ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนที่เคยสนิทกันมากๆ เล่นด้วยกัน เจอหน้ากันแทบทุกวัน อยู่ด้วยกันไม่ต่ำกว่าวันละสิบชั่วโมง จะค่อยๆห่างเหินกันออกไปจนเกือบจะกลายเป็นคนแปลกหน้า ไม่รู้ว่าการมาเจอกันอีกครั้งคราวนี้ เขาและเธอจะกลับมาสนิทกันเหมือนเดิมหรือเปล่านะ

“ขอโทษทำไม”

เสียงของเขมดึงขวัญกมลหลุดจากความคิด หญิงสาวตอบสุภาพ “ก็ฉันเสียมารยาท”

“ผมไม่ถือสาหรอกน่า แค่นี้เอง ถ้าไปทำแบบนี้ต่อหน้าผู้ชายที่คุณชอบสิถึงจะน่าอาย” ว่าแต่ยายขวัญกมลชอบผู้ชายแบบไหนนะ หรือบางทีเจ้าหล่อนอาจไม่เคยชอบใครมาก่อนในชีวิตเลยก็ได้ เพราะท่าทางเจ้าระเบียบ แก่เรียนแบบนี้ ส่วนมากจะไม่สนใจเรื่องความรัก

หัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะทันที หญิงสาวรวบช้อนส้อมและยกแก้วน้ำขึ้นดื่มราวกับมันจะช่วยให้อาการประหลาดดีขึ้นได้

“อ้าว ทักแค่นี้เลิกกินเลยเหรอ กินต่อได้ตามสบายนะ” ใบหน้าคมคายยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รู้สึกเบิกบานอารมณ์ชอบกลที่ได้เย้าแหย่ ตั้งแต่ห่างกันไป เขาก็ไม่ค่อยได้แกล้งผู้หญิงคนไหน เพราะไม่มีใครน่าแกล้งเท่าขวัญกมลอีกแล้ว

“ฉันอิ่มแล้วค่ะ”

“จะอายทำไม เราเห็นกันมาแต่เด็ก สมัยก่อนคุณทำอะไรตลกๆกว่านี้ตั้งเยอะ ผมเห็นมาหมดแล้ว แค่เผลอดูดเส้นสปาเก็ตตี้พรวดๆนี่เล็กน้อยมาก” เขมบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ

ขวัญกมลทำหน้าเอือม เขาพูดยังกับเธอเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบ ตอนนี้เธออายุยี่สิบสามแล้ว แถมยังเป็นผู้หญิง จะไม่ให้อายได้ยังไงเล่า

เขมมองเธอและยิ้มบางๆ ผู้หญิงทุกคนยกเว้นพีชญา เมื่ออยู่ต่อหน้าเขามักจะไม่ทำอะไรโก๊ะๆเปิ่นๆให้เห็น สงสัยวันนี้ต้องรวมขวัญกมลเข้าไปในข้อยกเว้นด้วยอีกคน

“คุณไม่มีอะไรจะถามแล้ว ฉันกลับได้เลยใช่ไหมคะ” เมื่อการสัมภาษณ์เสร็จ เธอก็ไม่รู้จะอยู่ให้เขมมองด้วยสายตาขำๆทำไม

“รีบไปไหนล่ะ ผมว่าจะพาขี่บิ๊กไบค์ชมรอบไร่อยู่พอดี ไหนๆก็จะได้ทำงานที่นี่แล้ว ไปทำความรู้จักไร่เกษมสักหน่อยดีไหม ผ่านมาหลายปี บางอย่างก็ไม่เหมือนสมัยเด็กตอนคุณมาวิ่งเล่นที่นี่แล้วนะ” เขมมองผ่านกระจกใสที่กรุรอบตัวร้านอาหารออกไปด้านนอกซึ่งรายล้อมด้วยวิวธรรมชาติงดงาม

“คุณว่างเหรอคะ” ขวัญกมลเผลอตัวยิ้ม แต่ก็รีบหุบฉับ ก่อนเขาจะหันกลับมาเห็น

“อ้าว ถ้าไม่ว่างจะชวนทำไม”

“แต่วันนี้ฉันใส่กระโปรงคงไม่สะดวก”

“กลับไปเปลี่ยนสิ พูดเหมือนบ้านอยู่ไกล แล้วอีกครึ่งชั่วโมงกลับมาเจอกันที่เรือนอำนวยการ” เขมมองเหมือนจะถามว่ามีปัญหาอะไรอีกไหม

กริ๊ง-ง-ง-ง!

เสียงโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มดังขึ้น เมื่อหยิบออกมาดู เขมขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะเป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ แต่ก็กดรับเผื่อใครจะมีธุระสำคัญ

“เขมพูดครับ”

“เขม นี่ริสาเองนะคะ” ผู้ที่โทร.มาคือดาวประจำมหาวิทยาลัยที่เขมเรียนอยู่นั่นเอง

“ริสา” เขาทวนชื่อเธอราวไม่อยากเชื่อหู เท่าที่รู้เธอแต่งงานและไปอยู่กับสามีที่ประเทศอังกฤษหลายปีแล้ว และไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลย

“ค่ะ ริสาเพิ่งกลับมาเชียงรายเมื่อวานตอนค่ำ เดี๋ยวบ่ายๆจะเข้าไปหาเขมที่ไร่นะคะ คิดถึงเขมมากๆเลยค่ะ” ริสาเอ่ยเสียงหวานปนออดอ้อน

“เอ่อ”

“แล้วเจอกันค่ะเขม” ริสาจบบทสนทนาโดยที่เขายังอ้ำอึ้งแล้วเธอก็วางสายไป

ขวัญกมลเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ถ้ามีนัดแล้ว ไม่ต้องพาฉันไปชมไร่ก็ได้นะคะ”

“รู้ได้ไงว่าผมมีนัด”

“ก็…เมื่อกี้”

“เอาตามที่เราตกลงกันนั่นแหละ ไม่ต้องพูดมาก” เขมสรุป



บุลินทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2558, 13:18:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ค. 2558, 14:34:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1893





<< บทที่ 4 เพียงแรกเห็นก็ปั่นป่วน (จบตอน)   บทที่ 5 ถามทำไม (จบตอน) >>
บุลินทร 14 พ.ค. 2558, 13:26:07 น.
คุณ ดังปัณณ์
อะไรๆ กล่าวหารึ ตาเขมนี่เหมือนคนเขียนน้อยสุดแล้ว ส่วนขวัญจะตบหรือจะตอบ ได้รู้กันไปแล้วนะ ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้หมอหมายังคงหายอยู่ แต่ตอนหน้าน่าจะมาแล้วละ เดี๋ยวคนอ่านจะลืม

คุณ lovemuay
หนูขวัญตอบไปแล้วครับ แต่คนถามจะจีบมั้ยไม่รู้ ฮ่าๆๆ

คุณ พันธุ์แตงกวา
ก๊าก นอกจากนายเขมจะอยากแกล้งหนูขวัญแล้ว คนอ่านก็อยากแกล้งพระเอกเหมือนกันนะเนี่ย

คุณ Zephyr
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของบุลินทรที่พระเอกโดนหมั่นไส้ป่าวนี่ ปกติเฟอร์จะหมั่นไส้นางเอก


แว่นใส 14 พ.ค. 2558, 15:26:14 น.
ยกมือด้วยคน


ดังปัณณ์ 14 พ.ค. 2558, 15:30:21 น.
วั้ย ไม่ยอมรับ วึ้ย กะซางเถาะ!

คือไม่รู้จะบอกยังไงดี หมั่นไส้อิเขมนะ อยากเกลี้ยด อยากเกลียดมัน แต่อดฮาไม่ได้ คือพอจะทำคะแนน แหม พี่หนอนนี่อยากมุดจอไปบีบคอมัน 5555+

มันเกรียนอ่ะ เหมือนจะน่ารักนะ แต่ไม่ใช่ คือมีทุกอารมณ์ สรุปคือ เอาอิเขมให้อยู่หมัดเลยขวัญ!

วะฮะฮ่า หมอหมาจะได้เป็นของเรา เอ๊ย! ไม่ใช่


lovemuay 14 พ.ค. 2558, 20:12:38 น.
จะเอาขวัญมาเป็นไม้กันหมาสินะ 555


Zephyr 14 พ.ค. 2558, 21:29:06 น.
อ้ะ แน่นอน
ตาเขมทันน่าหมั่นไส้นี่นา
คิดว่าหล่อ เท่ เกรียน ตายละ ฮึ
ขวัญ สู้ๆนะ อย่าตกหลุมตานี่เลย


พันธุ์แตงกวา 14 พ.ค. 2558, 21:29:06 น.
หนูขวัญ มากินสปาเก็ตตี้กับกรรณจะได้ไม่อาย สูดได้เต็มที่
ตาเขมนี่นะ ร้ายกาจๆ จะคอยดูตอนตกม้าตาย มันจะกะล่อนไปได้สักกี่น้ำ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account