บ้านต้นรักษ์ (จบแล้วจ้า) รีไรท์
ก้อ...กอมารุน...ราชาแห่งท้องทะเลทราย

ปะทะกับ

นีล...นัจมุน...ราชินีแห่งท้องทุ่ง


เมื่อดวงจันทร์กับดวงดาวบนฟ้าต่างแข่งกันประจันแสง...
โดยมีต้นไม้ สายน้ำ และท้องทุ่ง เป็นตัวประกัน...

หมู่บ้านอันแสนสงบร่มเย็นอย่าง 'บ้านต้นรักษ์'
กำลังจะลุกเป็นไฟ

เมื่อสิ่งที่นักลงทุนอย่างเขาต้องการ
คือสิ่งเดียวกันกับที่หญิงสาวหวงแหนยิ่งชีพ
ทั้งๆที่เธอไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาหวงแหนในสิ่งที่ไม่ใช่
กรรมสิทธิ์ของตน!

การเชือดเฉือนจึงก่อกำเนิดในยุคแห่งวัตถุนิยม
ที่นายทุนเป็นใหญ่

ท่ามกลางสงครามอันร้อนระอุ

ระหว่าง

ราชาแห่งท้องทะเลทราย กับ ราชินีแห่งท้องทุ่ง

ที่อยู่ห่างกันราวคนละโลก ในชีวิตกันคนละแบบ
คิดอ่านกันคนละอย่าง...

เสียงเพรียกจากวันวาน จะกลับมาขับขาน
สะพานไม้หมากที่พาดข้ามฟากเชื่อมสองฝั่งคลอง
กำลังสั่นสะเทือน...เมื่อสะพานคอนกรีตจะเข้ามาแทนที่

สายสัมพันธ์ระหว่างคนกับต้นไม้กำลังจะพัดหวนคืน

...น้ำในลำธารใสสะอาดกับน้ำมันสีดำไม่อาจเข้ากันได้ฉันใด
เธอกับเขาก็ไม่อาจเข้ากันได้ฉันนั้น...

ไม่มีใครรู้ว่าระหว่าง ดวงจันทร์ดวงใหญ่แค่ดวงเดียวที่ลอยเด่น
อยู่บนฟ้ากับดวงดาวจำนวนมากมายนับล้าน
มีความเป็นมาอย่างไร...
เว้นแต่ต้นไม้ที่ผ่านกาลเวลาโดยไม่เคยหนีหายไปไหนเท่านั้น
ที่จะไขปริศนานี้...

ต้นไม้ที่ยืนผงาดอย่างอดทนผ่านร้อนหนาว
ผ่านฤดูกาลมาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีใครเคยได้ยินเสียงบ่น
ต้นไม้ที่เหมือนจะไม่รับรู้สิ่งใด...

หากทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นและเป็นไปกลับกลายเป็นส่วนหนึ่ง
ความรักความประทับใจและความผูกพันธ์ถูกบันทึกไว้ใต้ต้นไม้
หยั่งรากลึกลงในดิน หยั่งลึกลงในจิตใจ...
มีค่า มีความหมาย...นานเท่านาน...


Tags: ดราม่า รัก ต้นไม้ กอมารุน นัจมุน ก้อ นีล เชือดเฉือน แนวอนุรักษ์

ตอน: ต้นที่10 ต้นเสม็ด


“พ่อจะเอามันไปทำไมจ๊ะ…” คนเป็นลูกถามบิดาทันทีที่ท่านเอ่ยปากขอโฉนดที่ดิน
อันเป็นสมบัติเก่าที่ท่านยกให้เธอแล้ว แม้จะยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ให้ก็ตาม

“พ่อจำเป็นต้องใช้มันจริงๆ…”

“เอ่อ…หมายถึง…พ่อจะยกมันให้คนอื่นหรือจ๊ะ…”

นัจมุนรู้สึกใจหายวาบเมื่อผืนดินอันมีค่าและเต็มไปด้วยความทรงจำมากมายของเธอ
กำลังจะหลุดลอยไปอยู่ในมือคนอื่น

“พ่อเสียใจนีล…พ่อไม่ได้อยากทำแบบนี้…แต่พ่อจำเป็นต้องทำ…”

น้ำตาหญิงสาวรื้นขึ้นมา ทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะร้องไห้อย่างนัจมุนจอมขี้แย
ที่ใครๆมักล้อกันประจำในวัยเยาว์...

“แต่ที่นั่นมันเป็นที่ท่ีพวกเราเคยมีความสุขด้วยกัน…พ่อแม่ลูก...”

รวมทั้งพี่ก้อด้วย พี่ก้อคนในอดีต ไม่ใช่นายกอมารุน บินอัสมาในวันนี้…

“นีลอยากเก็บมันไว้…ไม่เคยคิดจะขายมันหรือยกมันให้ใครเลยจริงๆ
แต่…พ่อจะยกมันให้ใคร…นีลจะไปพูดกับเขาเอง…เขาอยากได้เงินเท่าไหร่ นีลจะหาให้เขา…”

คนเป็นพ่อไม่อาจบอกลูกสาวในตอนนี้ได้ว่าคนๆนั้นไม่ได้ต้องการเงินทอง
เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือที่ดินผืนนั้น...เท่านั้น...

“พ่อขอเถอะนีล…คืนมันให้พ่อ…ของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้นะลูก”

แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่ของนอกกายสักนิด มันอยู่ในใจนี่ อยู่มานานแล้ว
เธอไม่เคยต้องการผืนดินผืนอื่นไปมากกว่าผืนนี้…

และกับที่ดินผืนนี้…มันเป็นยิ่งกว่าผืนดิน เพราะมันคือความทรงจำแห่งความสุข
ความสุขที่บินหายไปจากชีวิตเธออย่างที่ไม่มีวันหวนคืนกลับมาอีกแล้ว…

แม่กับพี่ก้อได้จากเธอไปไกลแสนไกล วันนี้จึงเหลือเพียงเธอกับพ่อที่ยังหายใจอยู่…
แม้แต่กาลเวลายังไม่เคยพรากใครไปจากความทรงจำของเธอได้…

แต่วันนี้...แค่เงาของความทรงจำ ร่องรอยของความรู้สึกและร่องรอย
ของความผูกพันธ์ในบ้านหลังนี้ที่คนอื่นได้ลบเลือนมันไปหมดแล้ว...
ซึ่งกับเธอแล้วมันยังคงอยู่...แต่เธอกลับไม่มีสิทธิ์จะอยู่สัมผัสมันได้อีกต่อไป...

มันเป็นอะไรที่ไม่มีใครเข้าใจเธอได้เลย แม้กระทั่งผู้ให้กำเนิด...

“นานมากแล้วที่นีลไม่เคยขออะไรพ่อหรือต้องการอะไรจากพ่อเลย
นอกจากสิ่งนี้…แต่พ่อ…พ่อก็ให้นีลไม่ได้…ทั้งๆที่พ่อก็รู้ว่าทำไมนีลถึงต้องการมัน…”

นัจมุนพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ร่วงลงมา

คนอย่างเธอจะให้ใครมามองว่าอ่อนแออีกไม่ได้ แม้กระท่ังต่อหน้าพ่อ
เธอก็จะอ่อนแอให้ท่านเห็นไม่ได้ เธออยากให้ท่านแน่ใจว่าเธออยู่ได้อย่างเข้มแข็ง…

“พ่ออาจจะลืมๆไปแล้วว่าครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นบ้านของเรา…แต่นีล…นีลไม่เคยลืม…”
คนเป็นพ่อวางมือลงบนบ่าของลูกสาวแล้วบีบมัน

“พ่อก็ไม่เคยลืม…มันยังอยู่ในความทรงจำ...แม่ของนีลยังเป็นผู้หญิงที่พ่อรัก
และยังคงคิดถึง ระลึกถึงอยู่เสมอ…” นัจมุนแทบหลั่งน้ำตาลงมา

หญิงสาวโผเข้ากอดบิดาเอาไว้แน่น…นานเท่าไหร่แล้วหนอที่เธอไม่ได้กอดพ่อ
ไม่ได้สัมผัสกับอ้อมกอดนี้…ผู้เป็นบิดายกมือขึ้นลูบผมของลูกสาวขณะบอกว่า

“พ่อเชื่อว่าอะไรที่เป็นของเรามันก็ยังจะเป็นของเรา…อาจมีบางอย่าง
ที่เราหวงแหนหายไปจากเรา…แต่เมื่อเราสูญเสียสิ่งหนึ่งไป
เราอาจได้สิ่งทดแทนที่ดีกว่านั้น…ถ้าไม่สูญเสีย เราก็คงไม่ได้เจอกับอีกอย่าง…
พ่อเชื่อว่าลูกสาวพ่อจะได้สิ่งทดแทนที่ดีกว่านี้หลายเท่า…”

นานกว่าที่นัจมุนจะปลงตก…หญิงสาวผละจากอ้อมกอดบิดาแล้วเดิน
ไปหยิบเอกสารดังกล่าวยื่นมันให้กับบิดา…มองมันเป็นครั้งสุดท้าย
อย่างสุดแสนจะอาลัยอาวรณ์…

“พ่อขอโทษนีล…พ่อขอโทษ…” คนเป็นพ่อเอ่ยขอโทษซ้ำๆ
เมื่อรู้ว่าได้ทำร้ายจิตใจลูกสาวเพียงใด เขารู้ดีว่าลูกสาวหวงแหนมันแค่ไหน…

“มันเป็นของพ่อ…พ่อมีสิทธิ์ที่จะทำยังไงกับมันก็ได้…นีลก็แค่ผู้เก็บรักษา
แต่ในเมื่อพ่อต้องการให้คนอื่นมาดูแลมันแทนนีล…นีลก็ต้องยอมรับให้ได้…
จริงๆแล้ว…ไม่มีอะไรเป็นของเราโดยแท้จริงสักอย่าง…”

หญิงสาวบอกบิดาด้วยแววตาที่พยายามให้สดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้

“พ่อขอบใจนีล…ขอบใจที่ลูกเข้าใจ…” คนเป็นลูกยิ้มบาง

“นีลรักพ่อมากกว่าสิ่งที่อยู่ในมือพ่อ…ดังนั้น…ถ้าให้เลือก นีลก็ต้องเลือกพ่ออยู่แล้ว…”

คนเป็นพ่อยิ้มกว้างก่อนจะวางมือลงบนบ่าของลูกสาว

“ขอบใจ…ขอบใจลูก…” มือเหี่ยวย่นผละจากบ่าแล้ววางลงบนกลางกระหม่อมของลูกสาว
มองใบหน้าลูกสาวด้วยความรักทั้งหมดที่มี

“พ่อก็รักลูกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด…นีลคือทุกสิ่งในชีวิตที่พ่อมี…
ไม่มีสิ่งใดจะแทนค่าของนีลได้…ไม่มี…”

คนเป็นลูกยิ้มกว้างโผเข้ากอดบิดาอีกครั้ง คราวนี้น้ำตาแห่งความปลื้มปีติ
ก็หลั่งไหลออกมา

“พ่ออยากเห็นนีลมีความสุข…และปลอดภัย...ขอให้รู้ว่าพ่อทำทุกอย่างก็เพื่อนีล…”

“นีลก็อยากเห็นพ่อมีความสุขเหมือนกันจ่ะ…” ผู้เป็นบิดาผละจากลูกสาว
แล้วมองใบหน้าลูกสาวนิ่ง

“แต่งงานกับพี่ก้อเขาได้มั้ยนีล…” ถ้อยคำนั้นทำเอาคนฟังถึงกับเบิกตากว้าง
อย่างตระหนกตกใจ

“ทำไม…ทำไมพ่อถึงอยากให้นีลแต่งงานกับคนแบบนั้น…เขาไม่ใช่พี่ก้อ...
และเขาไม่ใช่คนดีพ่อก็เห็น…ต่อให้เขาร่ำรวยมีเงินเท่าภูเขานีลก็ไม่สนใจ…
นีลสนใจที่ความดีของคน…นีลรอคนดีของนีล…ถ้าเขาไม่มีตัวตนจริงๆ นีลก็พร้อมยินดี
จะอยู่เป็นโสดไปเรื่อยๆจนกว่าจะตาย…นีลอยู่ได้จริงๆนะจ๊ะพ่อ…พ่ออย่ากังวลไปเลย…”

หากผู้เป็นบิดามิได้เชื่อเช่นนั้นและไม่คิดว่าลูกสาวจะรอดปากเหยี่ยวปากปูไปได้
หากไม่มีคนคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด และคนๆนั้นก็ต้องเป็นกอมารุนเท่านั้น…

“ก้อสามารถดูแลปกป้องนีลได้…โลกนี้มีคนจิตเสื่อมมากเกินกว่านีลจะหยั่งเห็นได้…
อย่าเพิ่งตัดสินพี่เขาว่าเป็นคนไม่ดี…มันจะไม่ยุติธรรม
และอย่าให้ความรู้สึกด้านลบกับอคติทำให้ตาของลูกบอด…”

“นีลไม่ได้หูหนวกตาบอด…สิ่งที่เขาทำ สิ่งที่เขาพูดมันก็บอกได้แล้วว่าเขาเป็นคนยังไง…
และนีลไม่คิดจะเอาชีวิตของนีลไปทิ้งไว้กับคนพรรค์นั้น...ไม่เด็ดขาด…”

นัจมุนปฏิเสธเสียงแข็ง…เธอไม่คิดว่าตัวเองจะหายใจร่วมกับคนเช่นนั้นได้…ไม่มีทาง…

เธอกับเขาไม่มีอะไรเหมือนกัน เราต่างกันเกินไป…
เกินกว่าที่จะร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันได้…

“เอาเถอะ…พ่อจะให้เวลานีลได้ใคร่ครวญ…เพราะยังไงๆนีลก็ต้องแต่งงานกับพี่ก้อเขาอยู่ดี…”

คนเป็นพ่อคงไม่รู้ว่าคนอย่างนัจมุนเมื่อได้ตัดสินใจแล้วก็มีแต่จะเดินหน้าลูกเดียว
และเธอไม่คิดจะสนใจต่อกระแสใดๆ

ที่ผ่านมาเธอสามารถทวนกระแสต่างๆมาได้แล้ว
และเรื่องนี้ก็จะเป็นอีกเรื่องที่เธอจะทวนขึ้นไป ไม่ไหลตามมันอย่างเด็ดขาด!





และยิ่งตอกย้ำถึงความแตกต่างระหว่างเขากับเธอว่าไม่อาจจะร่วมหัวจมท้าย
ไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน เมื่อได้เห็นรถตัดต้นไม้ที่กำลังเดินหน้าไปยังทุ่งป่าเสม็ด
ซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงของคนในหมู่บ้าน…นัจมุนก็รีบรุดไปยังสถานที่นั้นทันที
และทันได้เห็นผู้ที่ยืนบัญชาการคนบนรถคันดังกล่าวด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ…

ท่าทางของเขาอาจดูน่าเกรงขามจนใครไม่กล้าขัดใจ
แต่สิ่งที่เขากำลังทำอยู่มันกำลังทำลายความหวังของคนนับร้อย

“หยุดนะ…นั่นคุณจะทำบ้าอะไรของคุณ…” เสียงแหลมๆนั้นทำให้คนที่ยืนสั่งการอยู่
ต้องหันมาเหลือบมอง และแค่เหลือบมองเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น
เขาก็หันไปสั่งงานคนงานต่อทันทีราวกับเสียงของเธอเป็นแค่เสียงนกเสียงกา
ที่บินผ่านไปมา...

“หูแตกหรือไง…ฉันถามว่าคุณกำลังจะทำอะไร…”

หญิงสาวตวาดเสียงแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ด้วยสีหน้าบึ้งตึงด้วยความโกรธ
ที่นอกจากเขาจะทำในสิ่งที่ขัดกับอุดมการณ์ของเธอแล้ว เขายังไม่ใส่ใจต่อเธอด้วย

ทำเอาคนที่เคยแต่ตวาดใส่คนอื่นเป็นอาจิณถึงกับหันมามองใบหน้านวลใส
ภายใต้หมวกปีกกว้างอย่างไม่พอใจสุดขีด

“นี่มันที่ของฉัน…ทำไมฉันต้องอธิบายให้คนอื่นรู้ด้วย…”

“คุณนี่มันไร้มนุษยธรรมจริงๆ…คุณรู้มั้ยว่าป่าเสม็ดหลายไร่แห่งนี้
มันอยู่คู่บ้านต้นรักษ์มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวด…เป็นท่อน้ำเลี้ยงของคนท่ีนี่
สร้างรายได้ให้คนในหมู่บ้านไม่น้อย…เห็ดเสม็ดพวกนี้เป็นที่นิยมของคนทั่วไปในแถบนี้
พวกทะเลทรายที่กินไม่เป็นอย่างคุณจะไปเห็นค่าอะไร…

ทำไมไม่กลับไปบ้านเมืองคุณ ไปกินหินดินทรายที่บ้านคุณซะ…มาทำอะไรที่นี่…”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะหยุดรถคันนั้น เลยต่อว่าต่อขานให้เจ็บแสบต่อไป
อีกทั้งยังไล่ให้เขาไปให้พ้นๆจากแผ่นดินนี้ กลับบ้านเกิดไปเลยเป็นดีที่สุด...

หากเขากลับคว้าหมวกของเธอไปไว้ในมือแล้วใช้มันพัดวีไล่ไอร้อนแทนการตอบโต้
ด้วยวาจา สีหน้าสบายๆ ราวกับไม่รับรู้ความทุกข์ร้อนของใคร...
มันจะด้านชาเกินไปแล้วนะ!

นัจมุนยกมือหมายจะคว้าหมวกของตนคืน หากอีกฝ่ายกลับไม่ยอมง่ายๆ
เขายักย้ายหมวกไปยังมืออีกข้างแทนราวกับจะยั่วอารมณ์อีกฝ่าย

“จะบ้ารึไง…เอาของฉันคืนมา…”

“นี่ของเธอหรือ…” เขาหันมาเลิกคิ้วถามเธออย่างยียวนกวนอารมณ์เป็นที่สุด

“ก็เห็นๆอยู่ว่าของฉัน…ยังจะมาถามอีก…”

“ความจริงเธอก็ไม่ได้โง่ซะทีเดียว น่าจะเห็นๆอยู่ว่าไอ้ทุ่งเสม็ดแห่งนี้มันเป็นของฉัน…
และเธอไม่ได้มีสิทธิ์อะไร…จะมาออกความเห็น!ด้วยซ้ำ”

ว่าพลางก็วางหมวกใบนั้นลงบนศีรษะของหญิงสาวที่มีผ้าคลุมสีเขียวอ่อนจางสะอาดตา
ก่อนจะก้มหน้าลงมาจนเกือบชิดกับใบหน้านวล ใบหน้านี้ที่อีกไม่ช้าหรอกหนา
เขาก็จะได้ครอบครองทุกสัดส่วนเช่นกัน...โดยเฉพาะริมฝีปากที่คอยแต่จะขยับขึ้นลง
อยู่ในตอนนี้...

“ดังนั้น…ฉันจะทำอะไรกับมัน…มันก็เรื่องของฉัน…สิทธิ์ของฉัน” แล้วเขาก็ยืดตัวตรง

“คุณมันเห็นแก่ตัวเองที่สุด…ทำไม…แค่ที่มีอยู่มันยังรวยไม่พออีกรึไง
ถึงได้มาเบียดเบียนชีวิตคนอื่นเขาแบบนี้…ฉันละเกลียดที่สุดไอ้พวกที่ไร้มโนธรรม…
กินหินเป็นอาหาร…หัวใจถึงได้แข็งกระด้างเหมือนหิน”

“ฮึ…ระวังไว้ก็แล้วกัน…เกลียดสิ่งไหนจะได้สิ่งนั้น…” เสียงหัวเราะฮึๆในลำคอของเขา
ทำเอาคนที่ได้ยินถึงกับแบะปาก

“ไม่มีทาง...และก็บอกให้เขาหยุดเดี๋ยวนี้นะ…” คนที่มองดูภาพต้นเสม็ดกำลังโดนทำลาย
ไปทีละนิดไม่ไหวถึงกับส่งเสียงแหลมๆใส่แก้วหูเขา กะจะให้หูเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ
ไปข้างนึง

“ระหว่างเห็ดเสม็ดกับเมล็ดปาล์ม เธอคิดว่า นักธุรกิจอย่างฉันจะเลือกสิ่งไหนฮึนัจมุน…”
เขาหันมามองหญิงสาว ยกมุมปากข้างขวาสูง แววตาเป็นประกาย

“นี่คุณจะเอาปาล์มมาปลูกหรือ…” หญิงสาวตกใจทีเดียว

เพราะการจะปลูกปาล์มได้ เขาต้องขุดดินยกร่องให้สูง ดังนั้นโอกาสท่ีผืนดินแห่งนี้
จะกลายเป็นท้องทุุ่งนาอย่างวันวานเกือบเป็นศูนย์

และเธอไม่คิดจะยอมง่ายๆ…ที่แห่งนี้เคยปลูกข้าวได้ผลผลิตต่อไร่อย่างงาม…
เขาจะมาทำลายผืนดินแห่งนี้เพื่อเอาไปปลูกปาล์มไม่ได้…
บนป่าเขาหรือดินเนินปาล์มมันยังขึ้นได้ แต่ข้าวไม่ได้จะปลูกขึ้นทุกที่...

“ทำไมไม่ไปปลูกปาล์มที่อื่น…ที่นี่ไม่เหมาะที่จะปลูกปาล์มสักนิด…มันเหมาะจะเป็นนาข้าว
เพราะมันเป็นที่ราบลุ่ม…ถ้าคุณถางป่าเสม็ดแห่งนี้แล้วปลูกปาล์ม ทางน้ำก็จะถูกปิดกั้น
แล้วผืนดินที่เหลือจะทำนากันยังไง…เคยคิดบ้างม้ัย…หรือเห็นแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง
จนลืมส่วนรวม...ลืมชีวิตคนอื่นๆไปหมดแล้ว...” หญิงสาวต่อว่าเขาอย่างไม่ลดละ…

"อะไรมันบังตาบังใจคุณให้คิดทำอะไรแบบนี้..." หญิงสาวตำหนิเขาอย่างเหลืออด

“แล้วใครว่าฉันจะปลูกปาล์มแค่ในส่วนตรงนี้ล่ะ…” คนฟังขมวดคิ้วมุ่น

“หมายความว่าไง”

“ก็…ฉันจะปลูกมันทั้งหมดนี่แหล่ะ ที่ดินที่เป็นท้องทุ่งร้างทั้งหมดนี่จะเป็นสวนปาล์มของฉัน…
รวมๆแล้วก็เกือบๆพันไร่นะเนี่ย…ต่อไปเธอก็จะได้เห็นบ้านต้นรักษ์
เต็มไปด้วยต้นปาล์มเขียวๆ ไม่ชอบหรือ…”

เขาพูดด้วยแววตาเป็นประกายวิบวับทีเดียว ทำเอาคนฟังถึงกับหัวใจสั่นยวบ
ชักไม่แน่ใจกับอะไรบางอย่างเสียแล้ว สังหรณ์ของเธอมันรุนแรงกว่าทุกครั้ง
จึงลองหยั่งเชิงเขาไปว่า

“คุณเอาอะไรมาพูด…นั่นมันที่ทำกินของชาวบ้านทั้งนั้น…” คนฟังส่ายหน้าไหวๆ

“เธอนี่ยังปิดหูปิดตาไม่สนใจโลกเอาเสียเลยว่าเขาไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว…
ชาวบ้านเขายินดีขายที่นาพวกนี้ให้ฉันหมดแล้ว…ไม่มีใครเขาอยากเหน็ดเหนื่อย
กับการทำนาอีกแล้วนัจมุน มันเหนื่อยแล้วก็ไม่คุ้มเงิน…สู้ขายที่แล้วนำเงินไปทำกิจการ
อย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ...ฉันก็แค่อยากช่วยสงเคราะห์ ไม่อยากเห็นชาวนาเหน็ดเหนื่อย
กับการก้มหน้าก้มตาปลูกข้าวเท่าไหร่ก็ใช้จ่ายไม่พอกิน…แล้วไอ้ที่เสียเงินส่งลูกไปเรียน
มันก็ไม่ได้ไปเรียน แต่ไปมั่วสุมทำแต่เรื่องดีๆให้พ่อแม่ทั้งนั้น...”

หญิงสาวแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเขา

“โกหก…ไม่จริง…คุณโกหกฉัน…” ชายหนุ่มกระตุกมุมปาก

“ไปถามชาวบ้านแถบนี้ดูเดี๋ยวก็รู้เอง ไม่เห็นจะต้องมาแว้ดๆใส่ฉันให้เสียเวลา…
มันน่ารำคาญ…” นัจมุนเหมือนจะไม่ได้ยินถ้อยคำดังกล่าว
เพราะเริ่มหูอื้อตั้งแต่ได้เห็นภาพของต้นเสม็ดที่กำลังโดนรังแกทีละต้นสองต้น
แล้วได้แต่หดหู่ใจ

ภาพวันเก่าๆเมื่อยังเยาว์แว้บผ่านเข้ามา แม่ที่มักชวนเธอออกมาเก็บเห็ดเสม็ด
ตอนเช้าตรู่ก่อนเธอไปโรงเรียนเพื่อนำไปขายที่ตลาด…ได้เงินมาก็จะซื้อเสื้อผ้า
ให้เธอกับพี่ก้อบ้าง ซื้อเครื่องครัวที่จำเป็นบ้าง บางครั้งก็ซื้อของเล่นให้พวกเราด้วย

พี่ก้อก็เคยติดตามมาช่วยหาด้วยทุกครั้ง…เขากับเธอเคยแข่งกันหาเห็ดว่าของใคร
ได้เยอะกว่าคนนั้นเป็นฝ่ายชนะ…

ส่วนคนที่แพ้ก็จะตกเป็นทาสรับใช้ผู้ชนะไปหนึ่งวันเต็มๆ…
ซึ่งสุดท้ายแล้ว เธอไม่เคยได้กำชัยชนะ…เขาหาเห็ดเก่งกว่าเธอเสียอีก
ทั้งๆที่สีม่วงๆออกไปทางดำของเห็ดนั่นมันแสนจะกลืนไปกับผืนหญ้า

หากมันก็ดูสนุกและท้าทายไม่น้อยสำหรับเด็กอย่างเธอในวันนั้น…
วันที่ไม่มีวันหวนคืนมาอีกแล้ว…มันปิดฉากไปแล้ว…มีแค่เงาเท่าน้ัน
ที่หลงเหลือจางๆอยู่ในความทรงจำ ไม่เคยไปไหน…

แม่กับพี่ก้อของเธอยังอยู่ตรงนี้…อยู่ในภาพความทรงจำ…

หญิงสาวสะบัดหัวเพื่อไล่ภาพเหล่านั้นออกไปก่อนที่น้ำตาเธอจะหลั่งออกมา…

คนที่เฝ้ามองหญิงสาวที่เหมือนจะนิ่งเงียบไป ถึงกับงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ

“มีใครเคยบอกคุณบ้างมั้ย…ว่าคุณเป็นคนที่ไร้หัวใจ จึงไร้ความทรงจำ
คุณคงไม่เคยใช้หัวใจเพื่อที่จะจดจำสิ่งใดๆเลยสินะ…ในหัวใจคุณมันเลย
เหมือนไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย…คุณมีสมองที่ดีเยี่ยม แต่หัวใจของคุณไม่!”

พูดจบหญิงสาวลอบถอนใจ…ในเมื่อเขามีกรรมสิทธิ์เหนือผืนดินแห่งนี้
คนไม่มีสิทธิ์อย่างเธอจะไปทำอะไรได้…แม้ใจจะสงสารต้นเสม็ดพวกนั้น
แต่จะทำอย่่างไรได้มากไปกว่านี้…

"ปาล์มมันยังน้อยไป...ทำไมคุณไม่เอาต้นอินทผาลัมที่บ้านของคุณ
มาปลูกซะที่นี่เลยล่ะ...ถ้าคิดว่า...ตัวเองมีสิทธิ์จะทำอะไรกับที่ดินผืนนี้ก็ได้
โดยไม่ต้องคิดว่าที่ดินแบบนี้มันเหมาะสำหรับเพาะปลูกสิ่งใด..."

หญิงสาวพูดราวกับเย้ยหยันเจ้าของที่ดิน เพราะความเจ็บปวดที่เขากำลังทำให้
ต้นเสม็ดพวกนี้ล้มหายไปต่อหน้าต่อตาเธอ...

เธอไม่ได้อยากเห็นต้นปาล์มเขียวๆ แต่เธอปรารถนาอยากเห็นที่นี่เป็นท้องทุ่งนาสีเขียว
กับรวงข้าวสีทองอย่างวันวาน...

"หรือถ้ามีเงินมากนักก็ขนทรายที่บ้านคุณเอามาเทให้ที่ตรงนี้กลายเป็นทะเลทราย
ไปซะด้วยเลยสิ...เผื่อต่อไปอีกร้อยปีพันปี ใต้ผืนดินแห่งนี้มันจะมีน้ำมัน
ให้ลูกหลานคุณได้ขุดขึ้นมาสร้างรายได้...สมองคุณฉลาดนักไม่ใช่รึไง
น่าจะคิดการณ์ไกลได้มากกว่านี้นะ...เอาเลยสิเอาให้สะใจไปเลย..."

คนฟังถึงกับกระตุกมุมปากเพียงนิดเมื่อเจอฤทธิ์ของยัยมดดำที่กำลังกัดเขายิกๆ

“ถ้าเธอยอมแต่งงานกับฉัน…ฉันจะปล่อยต้นเสม็ดพวกนี้ไป…”

ประโยคนั้นทำให้นัจมุนถึงกับมองคนพูดเพื่อให้แน่ใจว่าหูเธอไม่ได้ฝาดไป…
เพราะเธอจำได้ดีถึงเหตุการณ์ในวันนั้น จำได้ทุกถ้อยคำของเขาด้วยซ้ำ
ว่าได้เอ่ยอะไรออกไปบ้าง…แล้วทำไมวันนี้ เขาถึงกลับคำพูดไปได้ มันต้องมีอะไรแน่ๆ

“คุณช่วยพูดใหม่อีกครั้งได้มั้ย…ฉันไม่แน่ใจว่าที่ได้ยินนั้นฉันไม่ได้หูเพี้ยน…”

“ถ้าเธอได้ยินว่าฉันขอเธอแต่งงานล่ะก็…เธอไม่ได้หูเพี้ยนหรอก…”
นัจมุนขมวดคิ้วมุุ่น มองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“ทำไม…อะไรทำให้คุณนึกมาชวนฉันแต่งงาน…”

“ผู้มีบุญคุณอุตส่าห์ขอร้อง…ฉันจะนิ่งดูดายได้ยังไง…อีกอย่าง…
ตอนนี้ฉันก็โสดสนิท ไร้พันธะ…ไม่มีเมีย…แต่งเมียอีกสักคนก็ไม่น่าจะเป็นอะไร…
ฉันเองก็ไม่อยากนอนคนเดียวสักเท่าไหร่อยู่ด้วย…”

นัจมุนเม้มปากสนิททีเดียวเมื่อได้ฟังถึงเหตุผลของเขา…

“งั้นก็กลับไปแต่งกับอูฐที่ดินแดนคุณถอะ…เพราะฉันไม่มีวันไปเป็นเพื่อนนอน
แก้เหงาให้คุณแน่ๆ…” เป็นอีกครั้งที่เธอพยายามไล่เขาให้กลับบ้านกลับเมือง

“อูฐมันออกลูกให้ฉันไม่ได้เหมือนเธอนี่…” เขาว่าหน้าตาเฉย ลอบยิ้มในใจกับวาจา
เผ็ดร้อนของหญิงสาวตรงหน้า...หากคนฟังกลับไม่อาจอยู่นิ่งเฉย
หญิงสาวก้าวอาดๆไปใกล้เขาหลังจากที่ได้ถอยห่างไม่อยากจะเข้าใกล้สักเท่าไหร่
ก่อนหน้านี้...ไม่ใช่เพราะกลัว แค่ไม่อยากหวั่นไหว...พูดกันไกลๆย่อมดีกว่า

โดยเฉพาะแววตาของเขาที่มันไม่ได้สงบนิ่งและเฉยชาอย่างครั้งก่อนๆ...

“ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าท่อนไม้อย่างเธอจะเป็นยังไงถ้าได้อยู่ใต้ร่างของฉัน…”

“เผียะ! เผียะ! เผียะ!” มือบางฟาดไปบนแก้มสากนั่นสามทีซ้อน
ตามแรงอารมณ์เมื่อโดนเจ้าของแก้มนั่นดูถูกศักดิ์ศรีเข้าอย่างจัง

คนอย่างเธอถ้าได้ลงมือแล้ว ครั้งเดียวไม่เคยพอ!

“ที่ตบฉันเพราะอยากโดนจูบใช่มั้ยนัจมุน…” กอมารุนใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม
กับแตะตรงมุมปาก มือยัยนักตบหนักไม่ใช่เล่น ครั้งก่อนเขายังไม่ได้คิดบัญชี
ครั้งนี้เห็นทีจะปล่อยไปไม่ได้อีกแล้ว...

“เห็นทีฉันคงจะปล่อยให้เธอกลับไปโดยไม่โดนทำโทษไม่ได้แล้วล่ะ”

นัจมุนรีบก้าวถอยหลังเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มเอาจริง สีหน้าของเขา
ดูขึงขังและจริงจังกว่าครั้งไหนๆ มือของเขาแตะที่แก้มแดงๆที่มีรอยนิ้วของเธอ
ปรากฎอยู่บนนั้นอย่างชัดเจน

ช่างเป็นผลงานศิลปะชั้นเยี่ยมที่น่าภูมิใจจริงๆนัจมุนเอ๋ย
ขนาดไม่ได้แต้มสีบนฝ่ามือแม้แต่น้อย แต่รอยแดงๆบนแก้มขาวๆของเขาที่ปรากฏอยู่
ต่อหน้าเธอมันช่างบรรเจิด และจรรโลงตาจรรโลงใจคนที่กำลังชื่นชมผลงาน
ของตัวเองเหลือขนาด

“คุณพูดจาดูถูกไม่ให้เกียรติฉันมันก็สมควรแล้วที่จะโดนฉันให้เกียรติกลับไปแบบนั้น…”
หญิงสาวพยายามบอกเขาว่าที่เธอตบเขานั้น เพราะเขาพูดจาก้าวร้าวต่อเธอ

หากกอมารุนหาสนไม่ ชายหนุ่มก้าวอาดๆไปยังคนที่ประทุษร้ายเขา
ด้วยแววตาขุ่นโกรธ ทว่า...

“เชคครับ…” เสียงนั้นเรียกให้ชายหนุ่มหันไปมองทางเจ้าของเสียง

“อยู่ๆรถมันก็เสียขึ้นมาน่ะครับ…คงต้องใช้เวลาซ่อม จะให้เราทำไงดีครับ…”

“หยุดไว้ก่อน…ถ้าฉันไม่สั่งให้รื้อถอน ก็อย่าเพิ่งทำอะไร…”

เขาบอกก่อนจะหันไปหมายจะจัดการกับนัจมุน แต่หญิงสาวที่ไวราวกับลม
ใช้จังหวะนั้นเดินไปยังจักรยานแล้วปั่นมันหนีเขาไปเสียแล้ว…

ชายหนุ่มมองตามร่างนั้นอย่างคาดโทษ

“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยเห็ดเสม็ดดำ…วันใดที่เธอได้มาอยู่ใต้ร่างฉัน
ฉันจะขย่ำเธอให้แหลกคามือเลยทีเดียว...”







..............โปรดติดตามตอนต่อไป...................


ได้มาอีกหนึ่งฉายา...เหอๆ...บัญชีหนูนีลเหมือนจะยาวขึ้นเรื่อยๆ...อิอิ
ทำร้ายเขาเสร็จแล้วชิ่งหนีตลอด...เลยได้ตบฟรีๆไปหลายทีแล้ว...เหอๆ


เขาว่า...ไม่มีอะไรแพงกว่าของฟรี...อิอิ

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามค่ะ
ขอบคุณทุกวิว ทุกๆไลค์ และทุกคอมเมนท์ท่ีเป็นกำลังใจให้กันมากๆนะคะ



.......ตอบเมนท์ค่ะ.........


1.คุณปรางขวัญ...ตอนนี้ยังน่าหมั่นไส้อีกรึเปล่าคะ...ช่วงนี้เต่าขยันมาก
อัพให้ได้ทุกวันและยังพอมีค้างในสต๊อก...แต่ช่วงปลายๆสัปดาห์จะมีการโยกย้ายถิ่นฐาน
งานช้างงงงงค่ะงานนี้...เลยยังไม่แน่ใจว่ายังไง...อิอิ...
ส่วนพี่ก้อทำไมต้องอยากได้บ้านต้นรักษ์ต้องรอดูกันต่อไปค่ะ เพราะงานนี้ไม่ใช่แค่พี่ก้อ
หนูนีลเท่านั้นที่ต้องการ...คนอื่นก็จดๆจ้องๆอยู่เหมือนกัน...
โดยเฉพาะบ้านและที่ดินของหนูนีล...อิอิ

2.คุณsunflower...น่าหมั่นไส้จริงๆนั่นแหล่ะค่ะ...ชอบยั่วชอบแหย่
ให้หนูนีลของขึ้นได้เรื่อยๆ...เจ็บจี๊ดๆ ปรี๊ดๆงี้...อิอิ


3.คุณkonhin...พี่ก้อไม่น่าจะนิยมเล่นทองนะคะ...อิอิ
ส่วนพ่อนางเอกก็มีเหตุผลที่ต้องแต่งงานใหม่น่ะค่ะ...ไม่แต่งไม่ได้ซะด้วย
โยจะค่อยๆเปิดปมปัญหาเรื่อยๆ...สองพี่น้องหมอกกับนีลอายุห่างกัน 20 ปีแน่ะ...
เหมือนพี่สาวเต่ากับน้องชาย ก็ห่างกันยี่สิบกว่าปี เดินไปไหนด้วยกันเหมือนแม่ลูกเลย
ขนาดเต่ากับพี่สาวท่ีห่างกัน 16 ปี หมอยังเคยทักว่าเป็นแม่ลูกกัน...พี่สาวเต่า
แอบเคืองหมออยู่พักใหญ่...เหอๆ เรื่องนี้หมอกเลยแหย่พี่สาวเรื่องอายุได้บ่อยๆ
เหมือนเต่า เต่าก็ชอบแหย่พี่สาวได้เรื่อยๆ...อิอิ


4.คุณแว่นใส...ที่แน่ๆตอนนี้บอกนีลไปว่าจะปลูกปาล์มให้เขียวไปทั้งหมู่บ้าน...เหอๆ

5.คุณPampam...บ้านต้นรักษ์มีอะไรจริงๆค่ะ แต่จะเป็นอะไรนั้นต้องมาลุ้นกันต่อ
เดาๆดูเล่นนะคะ...โยว่าไม่น่าจะเดายาก...แต่ที่น่าจะเดายากหน่อยก็คือความคิดของ
พี่ก้อนี่แหล่ะ...อิอิ

6.คุณphakarat...ไม่แน่ค่ะไม่แน่...พี่ก้ออาจจะอยากยิงปืนทีเดียวได้นกเป็ดน้ำ
หลายตัวก็ได้...อิอิ...นกเป็ดน้ำเนี่ยเนื้อมันจะออกสีดำๆ แต่หวานอร่อยลิ้น...
หากินยากนักแล...อิอิ

7.คุณyapapaya...งานนี้มีหน่อไม้ในกอไผ่ชัวร์ เอ...หรือจะมีจงอางเฝ้าหน่อไม้อยู่
ก็ไม่รู้สินะ...อิอิ...อย่างน้อยอายุของมะม่วงน้ำดอกไม้ต้นนั้นที่ว่าหวงๆ
ก็ไม่น่าจะน้อยๆแล้ว แสดงว่า เฮียแกแว้บมาปลูกเอาไว้นานแล้ววววว...เหอๆ
แล้วชื่อที่ใช้ถือครองสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ก็หาใช่ชื่อตนเองซะด้วย นอมินีชัดๆ...




.....ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงถ้วนหน้านะคะ......

"เต่าโย"




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2558, 00:44:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2558, 00:44:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 2158





<< ต้นที่ 9 ต้นตอข้อต่อรอง   ต้นที่ 11 มะยมขม >>
konhin 20 พ.ค. 2558, 02:50:47 น.
ปิดบังปัญหา สงสารนางเอกอ่ะ เหมือนวิ่งอยู่ในที่มืด มึนๆ งงๆ ไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรจริงๆ


Pampam 20 พ.ค. 2558, 07:15:52 น.
พี่ก้อเหมือนกำลังสนุกที่ได้แหย่นางเอก แล้วพ่อคุณจะทำอะไรกับที่แถวนั้น คุณโยทำให้เราสงสัยตลอดเลย


ตุ๊งแช่ 20 พ.ค. 2558, 08:29:29 น.
เกลียดตัวกินไข่ หรือป่าวนี่พี่ก้อ ไหน บอก หนูนีลมิใช่สเปค แต่ตอนนี้ร่ำๆจะพาขึ้นเตียงซะงั้น


แว่นใส 20 พ.ค. 2558, 09:33:07 น.
ต้องการที่ดินไปทำอะไรนะ ต้องทำลายทิ้งหมดเลยเหรอ


yapapaya 20 พ.ค. 2558, 13:10:53 น.
เชือดเฉือนกันต่อไป ใครจะชนะ ยกนี้หนูนีลเป็นต่อนิดหนึ่ง แจกลูกตบ


phakarat 20 พ.ค. 2558, 22:55:51 น.
รู้สึกสงสารนัจมุนอย่างบอกไม่ถูก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account