~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 3 .. แม่ตัวดี




คณะสต๊าฟนำเที่ยวของวิริยา ไทยทัวร์ และลูกค้าเกือบทั้งหมดถูกส่งกลับที่พัก จากทางด้านหน้าชายหาดโรงแรมรู้ค รีสอร์ทแอนด์สปาในเวลาประมาณ ๑๖ นาฬิกาเศษ คนที่เหลืออยู่บนพาหนะท่องทะเลจึงมีเพียงเจ้าของสถานที่ คนดูแลประจำเรือ และหัวหน้าสต๊าฟทัวร์อีกคนที่ถูกกักตัวไว้


ก่อนเรือสปีดโบ้ทจะถูกสตาร์ทและเร่งเครื่องยนต์อีกครั้ง เพื่อมุ่งหน้าไปยังท่าเทียบเรือเล็กซึ่งเป็นอู่ซ่อมบำรุงและที่เก็บเรือของรู้คโดยเฉพาะ


เพลิงกัลป์เปลี่ยนให้สมคิด หรือบังคิดรับช่วงต่อขับเรือเข้าเทียบท่าบริเวณโป๊ะรับส่งผู้โดยสาร เพราะเขาต้องพามัสลินไปทำแผลที่อนามัยตำบลของเกาะที่อยู่ถัดจากจุดนี้ไปไม่ไกล


ชายหนุ่มกระตุกยิ้มนิดๆที่ 'คนอวดดี' ของเขา ยินยอมทำอย่างที่เขาพูด และตามมาอย่างว่าง่าย .. ผิดปกติ


แต่ก็ช่างเถอะ เพราะมันดีกว่าจะมีใครสักคน ต้องมาเป็นบาดทะยักแล้วถึงแก่ชีวิตคาโรงแรมให้ฉาวกระฉ่อน ชื่อเสียแบบนั้นคงไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก ในหมู่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยว


ตั้งแต่ตอนขึ้นจากเรือก็ทีหนึ่งแแล้ว เพลิงกัลป์พยายามหยิบยื่นน้ำใจให้ ด้วยการส่งมือออกมารับคนขาเจ็บ แต่แม่เจ้าประคุณกลับค่อยเขยกก้าวข้ามช่องว่างระหว่างสปีดโบ้ทกับสะพานท่าเทียบเรือ แล้วเดินลากเท้านิดๆผ่านเขาไปชนิดไม่แยแส จนคนหวังดีถึงกับเม้มปากยากจะปั้นหน้านิ่งได้อยู่อึดใจ


ท่านประธานแห่งรู้คจ้องเขม็งที่เรือนผมยาวสยายคลอเคลียแผ่นหลัง ก่อนแล่นลิ่วตามจนก้าวแซงและเดินนำทางไปข้างหน้า โดยใช้เพียงหางตาชำเลืองมองคนเจ็บ ที่ไม่ว่าเมื่อไรก็ยังวางท่าทีอวดดีกับเขาไม่เลิกรา





แม้สถานีอนามัยจะอยู่ไม่ไกลจากท่าเทียบเรือเล็ก แต่ระยะก้าวของคนปกติกับคนเจ็บย่อมนำมาเทียบกันไม่ได้ กว่าจะเดินมาถึงก็เล่นเอามัสลินเหงื่อซึมตามหน้าผากไรผมเปียกชื้นเลยทีเดียว ซึ่งเพลิงกัลป์ที่ล่วงหน้ามาก่อนก็ลืมคิดจะเรียกรถรับจ้าง เนื่องจากตนเองคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้กว่าอีกฝ่าย


หญิงสาวปวดข้อเท้ายิ่งกว่าตอนอยู่ที่เกาะรอก หากตั้งใจแล้วว่า จะไม่ปริปากบ่นหรือร้องขอความเห็นใจจากใคร ถึงว่าจะก้าวตามคนเดินจ้ำอ้าวไม่ทัน เธอก็ค่อยสาวเท้าตามมาเรื่อยๆ เพราะใช่ว่าจะไม่เคยมาที่นี่เสียเมื่อไร


อนามัยขนาดกะทัดรัดแต่เป็นศูนย์รวมของคนแทบจะทั้งเกาะ เพราะอยู่ในย่านชุมชนใหญ่ ผู้คนจึงสะดวกที่จะมาหาหมออนามัย มากกว่าจะไปโรงพยาบาลที่อยู่ท้ายเกาะ ซึ่งใช้เวลาเดินทางไม่น้อยกว่าจะไปถึง


มัสลินเข้ามาหยุดยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า เหลียวซ้ายแลขวาก็เห็นร่างสูงโดดเด่นกว่าใคร กำลังเจรจากับหญิงชาวเกาะที่แต่งกายเรียบร้อยในชุดเสื้อแขนยาวกระโปรงยาว บนศีรษะโพกผ้าคลุมสีดูสะอาดตาล้อมกรอบรอบดวงหน้าเจ้าของนัยน์ตาคมโต ผิวสีน้ำผึ้งเนียน ปกปิดมิดชิดลงมาถึงระดับอก ที่เรียกว่าฮิญาบ ซึ่งสตรีผู้นับถือศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัดบนเกาะนี้พึงปฏิบัติ


ครู่เดียวหญิงคนนั้นก็หันมาสบตากับมัสลินพร้อมระบายยิ้มให้ ก่อนพูดอะไรสองสามคำกับเพลิงกัลป์ แล้วจึงลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเดินมาทางเธอ


"คุณมัสลิน นะคะ .. นายหัวแจ้งว่าคุณบาดเจ็บ เดี๋ยวเชิญทางนี้เพื่อซักประวัติก่อนนะคะ แล้วนั่งรอเรียกชื่อ คุณหมอยังมีตรวจคนไข้อีก ๓-๔ คนค่ะ"


เจ้าหน้าที่อนามัยหญิงบรรจงจับท่อนแขนมัสลิน ประคองเดินผ่านกลุ่มคนป่วยและญาติ มาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของเธอซึ่งมีอุปกรณ์วัดความดัน สเต็ทหรือหูฟังของแพทย์ ปรอท รวมไปถึงรถเข็นเล็กๆด้านข้าง ที่เต็มไปด้วยชุดอุปกรณ์ทำแผลไม่ว่าจะเป็นกระปุกแก้วใส่น้ำเกลือสีขาว แอลกอฮอล์สีฟ้า ทิงเจอร์ไอโอดีน เบตาดีน เจนเชียนไวโอเล็ต สำลีกับผ้าก็อตสารพัดแบบ เท่าที่จะวางบนรถอเนกประสงค์คันนี้ได้


เมื่อมัสลินนั่งลงบนเก้าอี้เบื้องหน้าของเจ้าหน้าที่อนามัย หญิงสาวมองเห็นกระดาษแข็งที่มีชื่อของเธอเขียนอยู่ บอกให้ทราบได้เป็นอย่างดีว่า เพลิงกัลป์ทำอะไรไปบ้างก่อนหน้าที่คนขาเจ็บอย่างเธอจะเดินมาถึง


พอละสายตาจากกระดาษแผ่นนั้น มัสลินก็เงยหน้าหันหน้าหันหลังหาบุคคลที่จู่ๆก็หายเงียบไร้วี่แววไปเสียแล้ว


เสี้ยววินาทีหนึ่งกับความรู้สึกดีๆที่วูบขึ้นกลางใจ หญิงสาวเผลอแย้มรอยละมุนอ่อนบาง ก่อนจะหุบฉับราวปิดกั้นความรู้สึก .. และปฏิเสธมัน


ไม่ .. เธอไม่ปรารถนารับสิ่งใดๆ จากคนหยิ่งจองหองพรรค์นั้น เพราะรู้ว่าทุกอย่างเป็นแค่หน้าที่ของเขา .. ที่จำต้องปฏิบัติต่อเธอ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก นี่ต่างหาก คือสิ่งที่ต่างคนต่างรู้อยู่แก่ใจ






เพลิงกัลป์ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่า เขาสามารถจดจำข้อมูลส่วนตัวของ 'ยัยจอมดื้อ' นั่นได้ แต่ไม่นานเขาก็หาคำแก้ต่างให้ความคิดนั้นว่า อะไรที่ผ่านตาแล้วจำได้ขึ้นมา น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าความตั้งใจ ไม่มีความหมายหรือความพิเศษอื่นใดให้ต้องกังวล และเขาพร้อมเสมอกับการสลัดทิ้งมันไปได้ทุกเมื่อ


หลังจากสอบถามรายละเอียดว่าต้องใช้เวลากี่มากน้อย จนได้คำตอบซึ่งพอจะคำนวณคร่าวๆว่า ควรจะกลับมารับเธอตอนไหน ชายหนุ่มก็หลบออกมาเตร็ดเตร่ข้างนอก ระหว่างรอมัสลินที่กำลังจะได้รับการรักษาพยาบาลที่ถูกต้อง


เขาเดินข้ามมาอีกฟากถนนตรงข้ามกับสถานีอนามัย เร่งสาวเท้าเข้าไปในซอยที่มีร้านรวงขายของกระจุกกระจิก จะเปิดบ้างปิดบ้างก็หาได้อยู่ในความสนใจของคนที่รู้ว่า ตนเองหมายตาจะไปที่ใด กระทั่งมาหยุดยืนหน้าร้านขายของที่ระลึกร้านหนึ่ง


"อ้าว นายหัว .. วันนี้แวะมาถึงนี่เชียว เชิญครับ"


เสียงทักทายและเชื้อเชิญของหนุ่มร่างผอมผิวคล้ำแดดดูเข้ม แต่การแต่งกายกลับสีจัดจ้าน ถักผมเป็นทรงเดรดล็อค* เรียกรอยยิ้มที่น้อยครั้งและน้อยคนจะมีโอกาสได้เห็นของผู้มาเยือน ก่อนจะก้าวตามชายผู้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเข้าไปในร้านค้าคูหาเดียว ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของแฮนด์เมดที่ระลึกให้เลือกซื้อหาและสะสม


"ไง ขายดีมั้ยช่วงนี้ .."


"เรื่อยๆน่ะนายหัว ที่ยังอยู่มาได้ .. ก็นะ"


หนุ่มเดรดล็อคตอบคำถาม 'รู้ๆกัน' โดยที่เพลิงกัลป์ยกมุมปากรับบอกได้ดีว่า 'เข้าใจ' ในสิ่งที่ไม่ต้องพูดออกมา


"แน่ใจเหรอว่า จะไม่มีใครดมกลิ่นเจอ .. ซะก่อน"


"เจอแล้วไง .. ใช่ว่าผมจะทำคนเดียว .. นายหัวก็ 'รู้' นี่"


'นายหัว' ไม่พูดอะไรเพราะเขาก็เป็นเช่นที่หนุ่มเดรดล็อคเปรย การมาอยู่ที่นี่ต้องเรียนรู้ให้มาก เขาไม่ได้มาอยู่แบบนักท่องเที่ยว ประเดี๋ยวมา ประเดี๋ยวก็จากไป .. เพราะที่นี่กำลังจะกลายเป็นบ้านหลังที่สอง เป็นแหล่งสร้างรายได้และตั้งตัว เพื่อที่วันหนึ่ง เขาอาจจะได้กลับไปยังที่ที่เขาจากมา .. เดอะ ฟินิกซ์


เพลิงกัลป์หยิบสินค้าที่วางแยกจากของที่ระลึกขึ้นมาชิ้นหนึ่ง มันเป็นเสื้อยืดทีเชิ้ตคอกลม สกรีนคำว่า 'รู้ค' ในภาษาอังกฤษ เนื้อผ้าและสัญญลักษณ์รูปนกยักษ์สยายปีก นัยน์ตาสีเข้มขรึมฉายประกายวาววับ แสดงออกถึงความพึงพอใจบนสีหน้าคมคาย จนคนที่มองอยู่อดยิ้มตามไม่ได้ก่อนจะลดรอยนั้นลงแทบจะเหลือแค่การแยกเขี้ยว


"ยังไงก็ระวังตัวไว้บ้าง ฉันขี้เกียจคุยกับพวกนั้นบ่อยๆ มันเสียเวลาทำมาหากิน"


"น่า .. นายหัวสั่งยังไง ผมเคยขัดเหรอ .. เป็นไงบ้าง ใช้ได้มั้ย ถ้าไม่โอเค ผมจะแก้แบบให้ใหม่"


การพูดคุยประหนึ่งเจรจาการค้าไม่ใช่เรื่องลับลมคมใน หากแต่ทุกอย่างได้ถูกถ่ายทอดไว้จนหมดสิ้น และมีเพียงชายหนุ่มในวัยไล่เลี่ยกันที่รู้ว่า พวกเขากำลังคุยถึงอะไรอยู่


"จะให้ฉันจ่ายตอนนี้ หรือ เมื่อไหร่"


"ก็แล้วแต่นายหัว .. ถ้าได้ทันที ผมก็มีทุนไปหา 'ของ' มาสำรองไว้"


"หึหึ .. ท่าทางลูกค้าจะเยอะนะ .. แล้วอย่าเอาตัวเองไปทดลองล่ะ ฉันบอกแล้วว่าขี้เกียจคุย"


เพลิงกัลป์ย้ำคำเตือน ที่อีกฝ่ายก็ทำเป็นยืนนิ่งกอดอกฟัง ท่าเอียงไหล่อิงขอบประตูมาดกวนๆนั้น ทำให้เขาอยากจะเก็บกระเป๋าสตางค์ที่ล้วงมาถือไว้ในมือกลับเข้าที่เดิม แล้วเดินออกจากร้านไปเสียเดี๋ยวนั้น


ทว่า ในที่สุดธนบัตรสีเทาปึกหนาพอดีๆที่หนุ่มเดรดล็อครับมา กับท่วงท่าค่อยกรีดนิ้วนับช้าๆทีละใบๆ ก็ละลายท่าทางขัดหูขัดตาเจ้าของโรงแรมรู้คอย่างง่ายดาย


"สองหมื่นเลยหรือครับ .. นายหัว .. สำหรับ .."


"ค่าเสื้อและรู้ค .. นายทำได้ .. ถูกใจฉัน"


หนุ่มเดรดล็อคเงยหน้าสบตานายหัวที่เขาเรียก จ้องลึกลงไปในดวงตาสีเข้มคมกริบ หมายหยั่งความคิดให้เท่าทัน กระทั่งต้องพยักหน้ารับทราบเจตนาที่แท้จริง


"ครับ .. ผมจะทำสุดฝีมือ .. ไม่ให้เดือดร้อนไปถึง 'รู้ค'หรอก เชื่อมือผมสิ"


การรับปากจากคนที่เพลิงกัลป์ไว้ใจ มีค่าพอสำหรับการลงทุนที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง ชายหนุ่มคิดว่า เขายังโชคดีที่ไม่ต้องมีบทเรียนด้วยการแลกอะไรที่ไม่คุ้ม ถ้าสิ่งที่เขาทำจะเป็นการล้อมคอกก่อนวัวหาย .. ซึ่งมันไม่ยากและพร้อมที่จะทำเลย


ชายหนุ่มเรียนรู้ด้วยตัวเองมานานแล้วว่า ความดีและความซื่อ ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกคน ทุกที่หรือทุกเวลา แค่ต้องใช้มันให้ถูกกาละและเทศะ ไม่เช่นนั้น มันจะกลายเป็นดาบสองคมเหมือนที่หนุ่มเดรดล็อคคนนี้ เคยประสบมาก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือจากเขา





มัสลินได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยัก และยังต้องฉีดยาต่อเนื่องตามระยะเวลาที่กำหนดอีก ๒ เข็ม แต่เธอสามารถรับการฉีดวัคซีนจากสถานพยาบาลที่สะดวก ตามบัตรนัดเข็มต่อไปที่ทางอนามัยตำบลของเกาะระบุไว้ถัดจากนี้ไปอีก ๑ เดือนและ ๖ เดือนจนกว่าจะครบ


ข้อเท้าก็ได้รับการพันผ้าแบนเดจอย่างดี ป้องกันการกระทบกระเทือน เพราะขณะทำแผลอยู่นั้น เจ้าหน้าที่อนามัยหญิงที่เธอมาทราบภายหลังว่า เป็นพยาบาลวิชาชีพ ออกปากตำหนิเบาๆถึงการใช้งานอวัยวะที่บาดเจ็บอย่างสมบุกสมบันจนฟกช้ำกว่าที่ควรจะเป็น


นอกจากการรักษาโดยการฉีดยาและทำแผล ก็มียารับประทานแผนปัจจุบันเพื่อลดอาการปวดอักเสบ ครีมนวดบรรเทาปวดชนิดเย็น เรียกว่าดูแลกันหลายขนานทีเดียว


หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณทั้งคุณหมอประจำอนามัยที่เป็นนายแพทย์วัยกลางคน และคุณพยาบาลสาวผู้อารีที่ประมาณอายุอานามน่าจะเป็นรุ่นพี่ ก่อนเอ่ยลาและออกมารอคนที่ ‘อุตส่าห์’ พามาหาหมอที่ม้านั่งด้านนอก เพราะยังมีคนต่อคิวรอเข้ารับการรักษาอีกหลายราย


มัสลินมองไปทางแนวร้านค้าฝั่งตรงข้าม และด้วยแสงแดดยามบ่ายค่อนเย็นของที่นี่ยังเจิดจ้า จึงปะทะสายตาจนต้องหรี่ดวงตาสวยแต่ดูดุลง ก่อนจะเห็นร่างสูงสะดุดตาของเพลิงกัลป์ก้าวยาวๆมุ่งตรงมาทางนี้


ในมือของเขามีกล่องพัสดุขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลเหมือนสีซองเอกสาร ใบหน้าเรียบนิ่งเฉยชาราวคนไม่สนใจอะไรในโลกนี้ .. ยกเว้นตัวเอง


“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย .. เดี๋ยวบังคิดจะเอารถมารับ .. เธอกลับไปก่อน ฉันยังมีธุระที่ต้องทำ”


เพลิงกัลป์ถามแบบไม่ต้องการคำตอบ และออกคำสั่งเสร็จสรรพ แน่นอนว่าไม่ต้องการให้อีกฝ่ายขัดหรือย้อนถามได้ นอกจากต้องปฏิบัติตามสิ่งที่เขากำหนดไว้เท่านั้น


“ค่ะ”


คือการตอบรับคำบัญชา .. ที่ชายหนุ่มได้ยินแล้วก็มุ่นหัวคิ้วเข้าหากัน ทำไมฟังๆดูเหมือนกำลังถูกประชดก็ไม่รู้


“ก็ดี .. ถ้างั้น ฉันไปล่ะ แล้วอย่าก่อเรื่องหรือทำความเดือดร้อนให้ใครอีกล่ะ”


“ค่ะ”


แม้จะเป็นคำน้อมรับอย่างสุภาพ แต่ก็ทำเอาคนสั่งการเม้มปากได้อีกครั้ง เจ้าตัวสูดลมหายใจกลั้นมันเอาไว้ก่อนระบายมันออกมา .. อดทนแต่กำลังจะอดกลั้นไม่อยู่ กับความกวนประสาทของ ‘แม่ตัวดี’ ที่เขาแอบค่อนขอดในใจ


“ไม่มีอะไรจะพูดมากกว่านี้หรือไง .. ฉันจะรู้มั้ยว่าเธอเข้าใจอย่างที่พูดจริงๆ”


“เอ๊ะ .. คุณนี่ยังไง ฉันเข้าใจ แต่ท่าทางคุณนั่นล่ะ ที่ไม่เข้าใจ .. เอาเป็นว่า ฉันรับทราบว่าบังคิดกำลังจะมารับ ส่วนคุณจะไปไหนก็ไปสิ .. คะ .. ออ ขอบคุณสำหรับหน้าที่ที่ต้องพาฉันมาที่นี่ .. ค่ะ”


บทคนเงียบมาตลอดจะพูด .. ก็พูดเสียจนทำเอาชายหนุ่มฟังแทบไม่ทัน แต่เขาจะฮึดฮัดมากไปก็ใช่ที่ และเกรงจะหาว่าไม่เป็นผู้ใหญ่พอ จึงเลือกที่จะตีสีหน้าให้ยิ่งเข้มขรึมเกินจำเป็น


พอๆกับที่เพลิงกัลป์ยิ่งรู้สึกขัดอกขัดใจกับคำพูดของหญิงสาว จนเขาตั้งฉายาให้เธอ ด้วยคำที่มีความหมายตรงข้ามกันเชิงประชดว่า 'แม่ตัวดี'


มัสลินแหงนหน้ามองจ้องเขานิ่ง ตลอดนับตั้งแต่เขาถามคำแรก .. แล้วตามมาด้วยคำสั่ง .. และสั่ง


เธอเพียงแต่รับคำ แต่ไม่ทราบหรอกว่า การกระทำเช่นนั้น ยิ่งทำให้เพลิงกัลป์หงุดหงิดได้โดยไม่ต้องออกกิริยาท่าทางใด


ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะผละจากไป รถกระบะสีขาวมีสติกเกอร์โลโก้นกยักษ์ สัญลักษณ์ของรู้คที่กระพือปีกเหนือฟากฟ้าแปะที่ด้านข้างประตูก็แล่นมาจอดเทียบอย่างถูกที่ถูกเวลา ขัดจังหวะอารมณ์ที่กำลังพุ่งทะยานดังไฟโชนของเพลิงกัลป์ได้ชะงัดนัก


“คุณลินิน .. ไปครับ นายหัวแกสั่งผมไว้ตั้งกะก่อนแวะหน้าหาดแล้ว”


สมคิด หรือบังคิดโพล่งคำสั่งของผู้เป็นนายโดยไม่ได้คิดให้สมชื่อของแกเลย จนได้รับรางวัลในความ ‘ปากดี’ จากคนร่างสูงเป็นดวงตาขึงขังแกมดุ จนลูกน้องที่ยิ้มๆอยู่ถึงกับแหยไปทันตาเพราะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร


ส่วนเพลิงกัลป์เองก็ทำท่าเหมือนคนเสียหน้าที่ราวกับถูกมัสลินจับไต๋ได้ เขาพยักพเยิดหน้าให้บังคิดนิดหนึ่ง แล้วหันหลังเดินแยกออกจากบุคคลทั้งสองทันที


พอคล้อยหลังเจ้าของรู้ค รีสอร์ทแอนด์สปา มัสลินก็แอบเบ้ปากให้เขาจากข้างหลัง หากบังคิดที่มองตามเช่นกันไม่ทันได้หันมาทางหญิงสาว จึงไม่ได้รับรู้อากัปกิริยานั้นนอกจากเปรยให้ฟังว่า


“นายหัวเขาเป็นห่วงคนในความดูแลทุกคนล่ะครับ คุณลินิน .. เห็นแกขรึมๆดุๆแบบนั้น จริงๆแกใจดีนะครับ”


“สร้างภาพ”


น้ำเสียงนุ่มหวานขัดกับบุคลิกของมัสลินเอ่ยกับตัวเอง แต่มันก็ยังไปกระทบโสตของบังคิด จนเขาต้องหันกลับมาถามเพราะได้ยินไม่ถนัด


“ครับ .. คุณลินิน ว่าอะไรนะครับ”


“อ๋อ .. ลินินอยากกลับน่ะค่ะ .. ไปกันเถอะบัง .. พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้วที่จะอยู่บนเกาะ ต้องบรีฟงานกับเพื่อนค่ะ”


หญิงสาวหาข้ออ้างกลบเกลื่อนได้อย่างแนบเนียน ทำให้บังคิดเข้าใจไปตามนั้นได้ไม่ยากเย็น ประกอบกับทีท่ากระตือรือร้นของคนเจ็บขาที่ดูจะได้ยาดี เดินปร๋อนำหน้าไปรอถึงประตูรถก่อนเขาเสียอีก


บังคิดจึงรีบวิ่งเหยาะๆเปิดประตูรถให้มัสลินขึ้นไปนั่งเรียบร้อย แล้วเดินอ้อมหน้ารถมาประจำตำแหน่งคนขับ ก่อนติดเครื่องโดยมีที่หมายคือ รู้ค รีสอร์ทแอนด์สปา นั่นเอง






สายลมแผ่วเบาพัดโชยไออุ่นสลับเย็นชื่นจากท้องทะเล มาจนถึงหน้าเทอร์เรซที่พักของเพลิงกัลป์ และเขาก็กำลังออกมานั่งเล่น สูดรับเอาบรรยากาศสดของธรรมชาติเข้าไปเต็มปอด


เป็นความผ่อนคลายที่หาได้ง่ายไม่ต้องพึ่งพาผับบาร์ หรือสถานความบันเทิงจำพวกบีชบาร์ที่มีเกร่อเกลื่อนชายหาดสาธารณะ จนความเป็นส่วนตัวเริ่มห่างหายไปทุกที โดยเฉพาะคืนวันพระจันทร์เต็มดวงกับงานฟูลมูนปาร์ตี้


เพลิงกัลป์ไม่ต้องการให้อาณาบริเวณของรู้คปราศจากความรื่นรมย์ทางธรรมชาติ เขาจึงไม่ต้อนรับกิจกรรมเรียกลูกค้าเช่นนั้น เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า ฟูลมูนปาร์ตี้ไม่ใช่ปาร์ตี้ธรรมดา หากแต่มันแอบแฝงภัยร้ายและอาชญากรรม


ชายหนุ่มถอนหายใจเอาอาการหนักอกของตนออกมาทิ้ง และยอบรับกับตัวเองตรงๆว่า แรกๆเขาเหนื่อยและท้ออยู่ไม่น้อยกับอิทธิพลเงียบของเกาะแห่งนี้


ถ้าลำพังคนในพื้นที่ยังพอพูดคุยหาทางออกร่วมกันได้ แต่ปัญหามันมีมากกว่านั้น และที่สำคัญ มันถูกนำเข้ามาจากคนที่มุ่งหาประโยชน์จากความเห็นแก่ตัว


การทำธุรกิจก็ไม่ต่างกันเท่าไร แต่เพลิงกัลป์คิดว่า การชิงไหวชิงพริบในสนามแข่งขันอย่างเป็นไปตามกฎกติกา ยังดีกว่าต้องทำอะไรผิดกฎหมาย ทว่า หากคิดจะอยู่ให้รอดก็จำต้องพลิกแพลงได้ทุกสถานการณ์


เพลิงกัลป์ปล่อยความคิดล่องลอยเรื่อยเปื่อย ก่อนที่จะหยุดมันเพราะเงาวูบไหวจากปลายหางตา แม้แสงจะสลัวหม่น แต่ก็ไม่ได้มืดมิดเสียจนมองไม่เห็นว่า ใครที่กำลังเดินทอดน่องลงไปยังหน้าหาด


มัสลิน!


“ไม่เป็นไรมากหรอกพาย .. แค่ซุ่มซ่ามน่ะ .. พรุ่งนี้ปิดทริปก็ข้ามกลับแผ่นดินใหญ่แล้ว ..”


ชายหนุ่มขมวดคิ้วกับเสียงสนทนาที่แว่วลอยลม พร้อมกับเผลอยกมุมปากไม่รู้ตัวกับคำโทษตัวเองของหญิงสาว ที่คงคิดว่าอยู่ตามลำพัง แล้วจะไม่มีใครได้ยิน


“พายล่ะ .. เป็นไง .. เหรอ กลับมาก่อนหน้าลินินอีก .. เออนี่ แล้วทริปต่อไป พัทยาใช่มั้ย ..”


มัสลินหยุดยืนพลางมองรอบตัวขณะคุยกับพายพัด ที่รอบนี้ต้องทำงานแยกกัน เธอถือโอกาสทบทวนตารางงานล่วงหน้าไปในตัว หารู้ไม่ว่าคำว่า ‘พัทยา’ จากเรียมปากเต็มอิ่มก็เรียกความสนใจใครบางคนจนหูผึ่ง


“เหรอ .. เสียดายนะ พี่กรีไปอยู่ นรข.** แล้ว ไม่งั้นลินินอาจจะขออาศัยเส้นสายนายเรือ ไปนอนเล่นหาดทรายแก้วบ้าง”


เพลิงกัลป์ได้ยินเสียงนุ่มๆหูเอ่ยพาดพิงชื่อหนึ่ง ซึ่งเขามั่นใจว่าต้องเป็นนายทหารเรือเพื่อนรักของเขาแน่นอน พลันความรู้สึกก็แปรเป็นระคายเคือง ริมฝีปากเหยียดอย่างคนดูแคลนกับกิริยาหัวร่อต่อกระซิกของคนคอยหวังผลประโยชน์จากผู้อื่น


เขาอดคิดไม่ได้และไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมพายพัดจึงเลือกคบเพื่อนแบบนี้


“จ้ะ .. พายก็ดูแลตัวเองดีๆนะ .. อย่าทำให้คุณตามพ์เป็นห่วงมากนักล่ะ”


อีกครั้ง .. กับชื่อบุคคลที่แวดล้อมเกี่ยวโยงมาถึงชายหนุ่ม ดูเหมือนว่า แต่ละชื่อที่มัสลินเอ่ยอ้าง จะยิ่งสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้สูงขึ้นทุกขณะ โดยไม่รู้เลยว่า แท้จริงแล้วการสื่อสารระหว่างหญิงสาวสองคนเป็นอย่างไรกันแน่


หรือว่า .. ความคิดของเพลิงกัลป์พานหยุดไว้แค่นี้เอาดื้อๆ .. นี่เขาจะต้องมาสนใจอะไรกับเด็กกะโปโลคนหนึ่งด้วยนะ


และเพราะเขาได้ตระหนักถึงความจริงบางอย่าง แต่ไม่อาจยอมรับที่ทำได้จึงมีเพียงสลัดมันให้หลุดออกไปจากหัวตัวเอง


มารู้ตัวอีกทีคนที่เขาชอบตีความว่า มีแต่ก่อเรื่องและก่อความรู้สึกกึ่งระอาแกมชัง ก็มานั่งเงียบเหม่อมองฟองคลื่นที่สาดซัดเข้าหาฝั่งด้วยท่าทางหงอยเหงา .. และว้าเหว่


เพลิงกัลป์เองก็พลอยเผลอไผลนั่งมองหลังไหล่บอบบางของมัสลินไปเสียเฉยๆ แล้วอดย้อนถามตัวเองไม่ได้กับคำถามที่เกิดขึ้นเมื่อครู่


เขาไม่เข้าใจพายพัด .. ในการคบหาเพื่อนเช่นมัสลิน


แต่บัดนี้ เขากลับไม่ได้สังเกตความรู้สึกที่ว่า เหตุใดจึงรับรู้ได้ถึงบรรยากาศรอบตัวเธอผู้นั้น .. มากกว่าตนเองเสียอีก





อาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ที่ทางโรงแรมจัดเตรียมให้แก่ผู้เข้าพัก รวมถึงคณะนักท่องเที่ยวของวิริยา ไทยทัวร์ เริ่มทยอยกันมายังห้องอาหาร ที่เป็นแบบเปิดโล่งเพื่อรับอากาศสดชื่นริมทะเลยามเช้า


หากใครต้องการรับประทานอาหารบริเวณลานใกล้สระว่ายน้ำ ก็สามารถขอความช่วยเหลือจากบริกร ให้บริการจัดโต๊ะได้เช่นกัน


มัสลินตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อม เพราะคณะทัวร์ของเธอต้องเช็คเอาท์ช่วงสายๆของวันนี้ ก่อนจะขึ้นรถโค้ชออกเดินทางจากเกาะสู่แผ่นดินใหญ่ และจุดหมายสุดท้ายที่จะไปคือสุสานหอย ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านไปยังตัวเมืองกระบี่


เมื่อสถานที่ท่องเที่ยวตามลำดับสิ้นสุดลง วิริยา ไทยทัวร์จะเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔ เพชรเกษม แล้วส่งทุกคนให้ถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพด้วยความประทับใจ ตามกำหนดการที่วางไว้ตลอดทริปการเดินทางครั้งนี้


เพียงแค่คิดหญิงสาวก็เผยรอยยิ้มสดใสออกมาได้ ว่าอีกไม่ถึง ๒๔ ชั่วโมง เธอก็จะได้กลับบ้าน และพักกายใจอันแสนอ่อนล้าให้หายเหนื่อย เพื่อรอเริ่มงานครั้งต่อไปกับเพื่อนรัก ที่ตอนนี้คงใจจดใจจ่อรออีเมลของ ‘คนพิเศษ’ อยู่ที่กรุงเทพฯ และคาดว่าพายพัดจะต้องชวนเพื่อนสนิทอีกคนมาด้วยแน่ๆ คิดแล้วยิ่งทำให้อยากกลับไปในตอนนี้เลยทีเดียว


แต่ชีวิตใช่จะมีอะไรง่ายดังใจคิดเสมอไป ประตูหน้าของมัสลินห้องถูกเคาะพร้อมเสียงสดใสที่ไม่ว่าผ่านมากี่ปี เธอก็จำได้ดีว่าเป็นของใคร ทั้งในฐานะอดีตรุ่นพี่และผู้ร่วมงานในปัจจุบัน


สาวรุ่นน้องค่อยๆก้าวเดินอย่างระมัดระวังมายังประตู โดยทิ้งน้ำหนักลงขาข้างที่เจ็บให้น้อยที่สุด การเคลื่อนไหวเนิบช้าจนตัวเองอึดอัดขัดใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายอมรับอาการเหล่านี้จนกว่าจะหายเป็นปกติ


“ขอโทษนะคะพี่ฟ้า ที่มาเปิดรับช้า ..”


เวหายิ้มรับส่ายหน้าน้อยๆนึกเอ็นดูคนหน้าจ๋อย เพราะรู้และเข้าใจว่ารุ่นน้องของเธอยังไม่หายดี และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้จัดการต้อนรับส่วนหน้าแวะมาหาแต่เช้า


“ไม่เป็นไรจ้ะ .. ว่าแต่กินอาหารเช้าหรือยัง จะได้กินยา เห็นว่าอนามัยจัดหยูกยามาให้เยอะเลยนี่”


“ยังค่ะ .. พี่ฟ้าเข้ามาก่อนมั้ยคะ พอดีลินินกำลังจัดของเตรียมตัวกลับ ..”


มัสลินเชื้อเชิญเจ้าของสถานที่อย่างเกรงอกเกรงใจ ซึ่งเวหาก็ตอบรับด้วยการสาวเท้าเข้าไปในห้อง ที่การออกแบบและตกแต่งใกล้เคียงกับห้องของเธอที่อยู่ถัดไปอีกหลังนี่เอง


เวหาไม่ปฏิบัติกับมัสลินเสมือนเป็นคนป่วยชนิดดูแลตัวเองไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ช่วยปิดประตูห้องแต่เดินมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวนุ่ม รอให้คนขาเจ็บโขยกเขยกตามานั่งบนเตียงไม่ห่างกัน ระหว่างเก็บข้าวของไปด้วย


“เมื่อคืน .. พี่คุยกับทัต .. เรื่องลินิน .. แล้วทีนี้พอวางสายไปสักพัก .. ทัตก็โทร.ย้อนกลับมาหาพี่ ว่าเขาไปคุยกับน้องพายอีกต่อ .. ไม่รู้ว่าลินินได้คุยกับน้องพายหรือยัง”


“อ๋อ .. ค่ะ คุยแล้ว ยังคุยกันถึงพี่น้ำอยู่เลยค่ะ .. ทริปหน้าเราจะไปบางแสน-พัทยากัน”


สาวรุ่นน้องตอบอารมณ์ดีไม่ได้คิดเลยว่า การมาของสาวรุ่นพี่จะมีบางอย่างที่เหนือความคาดหมาย อาจทำให้ตารางชีวิตที่วางไว้พลิกกลับกะทันหัน


“เอ .. หรือว่าน้องพายยังไม่ได้บอก ..”


“อะไรเหรอคะ พี่ฟ้า”


น้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ได้ฉงนเพียงแต่คำถาม หากสีหน้าเหลอหลางุนงงที่เวหาเห็น ก็เข้าใจแล้วว่า อดีตรุ่นน้องรหัสของเธอ ยกหน้าที่นำสารให้แล้วโดยบอกผ่านมายังรัศมิทัตเมื่อคืน


“อืม .. พี่เห็นว่าลินินน่าจะพักการเดินทางไว้ก่อน แล้วค่อยบินกลับตามไปไม่พรุ่งนี้ก็มะรืน .. เดี๋ยวก่อน ฟังพี่ก่อน ทั้งน้องพาย ทั้งทัตต่างก็เป็นห่วงลินินนะ รวมถึงพวกพี่ด้วย .. และพี่เชื่อว่าสต๊าฟของวิริยา ไทยทัวร์ทุกคนสามารถจัดการปัญหาเฉพาะหน้า .. ทุกอย่าง .. ได้อย่างมีประสิทธิภาพ .. และที่สำคัญคุณป้ายา .. ก็อนุญาต”


มัสลินที่เตรียมอ้าปากค้านถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลย กับความห่วงใยอันล้นเหลือของใครต่อใคร หากแต่หญิงสาวจะไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลย ถ้าใครอีกคนจะไม่คิดกลับด้านต่างจากคนหมู่มากที่รายรอบตัวเธอ


“คือ .. ลินินแค่ขาเจ็บนิดหน่อย อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ เดี๋ยวกลับบ้านก็ได้พักแล้ว น่าจะหายทันทริปหน้าด้วยซ้ำ นี่เลยต้องเดือดร้อนกันไปหมด แล้วยังคุณป้าวิริยาอีก”


แม้จะซาบซึ้งตื้นตันแต่มัสลินก็ไม่อาจรับความปรารถนาดีนี้ได้ เธอคิดเสมอว่าต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตนให้ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเรื่องเล็กน้อยเท่านี้ก็ไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้างเพื่อความสบายส่วนตัว รวมไปถึงรบกวนผู้หลักผู้ใหญ่เจ้าของบริษัทวิริยา ไทยทัวร์อย่างไม่พอที่


เวหาจับตามองสีหน้าเกรงใจเหลือประมาณอยู่ตลอด นึกเห็นใจมัสลินที่ต้องลำบากใจในขณะนี้ แต่เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะการเดินทางขึ้นๆลงๆรถโค้ชในสภาพนี้ ไม่ใช่เรื่องสนุก อีกอย่างเธอแอบไปคุยกับพวกสต๊าฟซึ่งทุกคนเห็นดีด้วยกับสิ่งที่ได้พูดกับมัสลินไปแล้ว


ก็มีแต่เจ้าตัวนี่ล่ะ ที่ตอนนี้เริ่มส่อแววดื้อดึงออกมาให้เห็นรำไร และถ้าจะให้เดาว่า อาการเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ย่อมได้คำตอบอย่างไม่ต้องสงสัยให้ยากเย็นหรือเหนื่อยแรง


สาวรุ่นพี่สบตาสาวรุ่นน้องตรงๆ ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีอ่อนขยับขึ้นลง เอ่ยคำบางคำชนิดจี้ใจคนฟัง จนมือไม้ถึงกับอ่อนยวบหยุดการทำงานของตนไปชั่วขณะ และยังมีผลให้จังหวะสะท้อนขึ้นลงของชีพจรกระตุกสั้นๆก่อนจะรู้สึกชาหนึบนิ่งนาน


ด้วยเหตุผลกลใดมัสลินก็ไม่ทราบได้เหมือนกัน ที่ทำให้เธอเกิดปฏิกิริยาเช่นนี้ กับแค่คำถามของเวหาที่ว่า


“งั้น .. ลินินกำลังกลัวอะไร .. หรือว่ากำลังกลัวใครอยู่กันแน่ ถึงได้ปฏิเสธความหวังดีของทุกคนแบบนี้”






*ทรงผมเดรดล็อค คือ การนำผมมารวบเป็นช่อถักหรือม้วนเข้าด้วยกัน อาจจะเป็นลักษณะเปีย หรือหลอด มีหลายรูปแบบให้เลือกตามความชอบของแต่ละบุคคล พบเห็นได้จากกลุ่มศิลปินแนวเร้กเก้ หรือผู้มีรสนิยมรักอิสระ สะท้อนความเป็นตัวของตัวเอง



** นรข. ย่อมาจาก หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (เดิมชื่อ หน่วยปฏิบัติการตามลำแม่น้ำโขง หรือ นปข.)







*********************************************************






โปรดติดตามตอนต่อไป ...



ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามฮะ ..



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ค. 2558, 02:32:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 พ.ค. 2558, 02:32:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1433





<< ใยเส้นที่ 2 .. ไฟ .. บรรลัยกัลป์   ใยเส้นที่ 4 .. ยังไม่ถึงเวลา >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account