~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 4 .. ยังไม่ถึงเวลา





“เป็นไงบ้าง คุณฟ้า .. คู่หูยัยแฟนผมยอมมั้ยฮะ”

คู่สนทนาเร่งเร้าเอาความกับเวหา ขนาดที่คนฟังได้ฟังเสียงปลายสายแล้วถึงกับ ‘หึ’ เบาๆในลำคอ และมันก็ดังพอจะเล็ดลอดทางอุปกรณ์สื่อสาร ซึ่งหญิงสาวก็มั่นใจมากว่า รัศมิทัตได้ยินมันชัดเจนและสามารถตีความในความหมายนั้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากที่เธอเงียบรอแค่อึดใจ สุดท้ายก็ไม่อาจแสร้งสวมบทจับผิดต่อไปได้ นั่นก็เพราะเขาเอ่ยเสียงอ่อยเหมือนจะแก้ตัวออกมา แต่น้ำเสียงกลับระรื่นจนคนฟังเผลอหัวเราะคิกหลุดบทบาทของตัวเอง

“เอ่อ .. คุณฟ้า ทำไมผมสัมผัสได้ถึงไอเย็นแห่งความอำมหิต แผ่ซ่านออกมาจากโทรศัพท์ .. เอ รึว่า ใครบางคนกำลัง .. หึง ผมอยู่นะ .. คุณฟ้ารู้มั้ย”

“จะบ้าเหรอทัต .. ไม่ได้เกี่ยวกันเลย ใครจะมาหึงเธอเรื่องอะไร .. นี่ไม่ต้องมาเฉไฉเข้าตัว ฉันโทร.หาก็เพราะคิดว่า ยัยแฟนของเธอ กำลังรอฟังคำตอบนี่ล่ะ .. ทำไมต้องให้ฉันคุยผ่านเธอด้วยก็ไม่รู้ น้องพายเนี่ย”

เวหาแสร้งบ่นอย่างอิดหนาระอาใจกับความมากเรื่อง หากแต่รู้ดีว่าพายพัดมีจุดประสงค์ใดกันแน่ แล้วจู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงออดถามของรัศมิทัต ที่เจือกระแสบางอย่างสื่อความนัยมาเต็มเปี่ยม

“คุณฟ้า .. ไม่รู้จริงๆเหรอฮะ .. ว่าเพราะอะไร”

“จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะ .. เอาเป็นว่า ฝากบอกยัยแฟนเพื่อนทัตด้วย .. ลินินยอมอยู่ที่นี่ต่ออีก ๒ วัน แต่จะให้ดี เดี๋ยวฉันคุยกับน้องพายเอง .. น่าจะได้เรื่องได้ราวมากกว่าคุยกับเธอ”

“นั่นสินะ .. คุยกับผม .. ไม่ได้เรื่องได้ราว .. ได้แค่ .. เป็นแฟนกันเองเนอะ”

ตอนแรกที่รัศมิทัตเออออกับตน เวหาอดยิ้มกริ่มเมื่อเขายอมรับแต่โดยดีไม่ได้ กระทั่งชายหนุ่มรุ่นน้องลากเสียงตอนท้าย ก่อนรวบรัดสรุปสถานะระหว่างกัน จนหญิงสาวไม่รู้จะสรรหาคำใดมาตอบโต้ นอกจากปล่อยให้แก้มนวลระบายสีระเรื่อชมพูกว่าบลัชออนที่ใช้

หญิงสาวไม่คิดว่าเขาจะกล้าใช้คำนั้นแทนความสัมพันธ์ที่เธอยังไม่ได้ตอบตกลงอะไร เพียงแต่นับจากวันที่รู้ตัวว่า อกหักจากคนที่เคยแอบหลงรัก เมื่อเกือบ ๔ ปีก่อน ข้างกายเธอก็มีชายหนุ่มรุ่นน้องที่ชื่อ รัศมิทัต เรื่อยมา

แม้ว่าพวกเธอจะต้องเกี่ยวข้องกันจากหน้าที่การงาน อีกทั้งผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายยังสนิทสนมและเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ

แต่เรื่องบางเรื่อง เวหาคิดว่า มันยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผยให้ใครรับรู้ เพราะยังไม่มีสิ่งใดยืนยันแน่นอน ถึงจะมีผู้ใหญ่บางคน หรือใครอีกหลายคนเห็นดีเห็นงามด้วยก็ตาม

และหนึ่งในเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้เวหายังไม่อาจคล้อยตามรัศมิทัตได้ ก็มาจากตัวของรัศมิทัตเอง

“คุณฟ้า .. เป็นอะไรครับ .. ผมขอโทษ ถ้าผม .. ล้ำเส้นมากเกินไป”

นี่ก็เป็นนิสัยอีกอย่างของเขา ที่มักจะแสดงออกอย่างใส่ใจ ยามรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติทางอารมณ์

ความจริงจังในน้ำเสียง ความสุภาพอ่อนโยนกลบรอยทะเล้นช่างยั่วแทบหมดสิ้น เมื่อพบว่าหญิงสาวมีบางอย่างให้ครุ่นคิด เกินกว่าจะตอบโต้เหมือนเคย .. กับเรื่องที่เขากระเซ้าเย้าแหย่

“เปล่า .. ไม่มีอะไร พอดีคิดเรื่องงานด้วยน่ะ”

“คุณฟ้ารู้ตัวมั้ย .. เวลาคุณยกเรื่องงานมาอ้าง ผมคอยแต่จะคิดว่า คุณกำลังคิดเรื่องของผมอยู่”

เวหางันไปกับสิ่งที่รัศมิทัตบอก เธอไม่รู้หรอกว่าเขารู้ได้อย่างไร หรือแค่พูดคาดเดาลอยๆ แต่ว่า มันก็ใกล้เคียงกับความจริงในความคิดของเธอเหลือเกิน .. จนต้องเบี่ยงประเด็นเอ่ยเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในหัว ยามได้พูดคุยกับหนุ่มรุ่นน้องคนนี้มาขัดตาทัพอีกคราว

“ตลกแล้วทัต ฉันคิดเรื่องงาน .. เรื่องคอนแทรคกับโรงแรมของเพื่อนฉัน อย่าคิดเองเออเองไปหน่อยเลยน่า”

กระทั่งหญิงสาวแว่วเสียงถอนลมหายใจหนักๆ ตามมาด้วยความเงียบราวมีสุญญากาศเกิดขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่ปลายสายจะเปรยเสียงเรียบเพื่อตัดบทสนทนา จนทำเอาเธอใจแป้วได้พอควร

“ครับ .. ผมเข้าใจแล้ว ว่าคุณไม่เคยคิดเรื่องของผมเลย .. มีความสุขกับการทำงานนะครับ แล้วผมจะคุยกับพายเองเรื่องลินิน .. บายครับ”

รัศมิทัตตัดสายไปทันทีโดยไม่รอให้เวหาร่ำลากลับ หญิงสาวลืมคิดไปว่า ผู้ชายคนนี้เติบโตขึ้นจากเมื่อ ๔ ปีก่อนมากทีเดียว

เขาเรียนจบแล้ว มีหน้าที่การงานในสาขาอาชีพที่สำเร็จการศึกษา และประสบการณ์จากกิจการอันรุ่งเรืองของครอบครัว ที่คาดได้ว่าเขาจะต้องเป็นผู้รับสืบทอดต่อจากคุณชัยทัต ศิลป์รังสรรค์ หุ้นส่วนคนสำคัญของรู้ค รีสอร์ทแอนด์สปา ไม่ช้าก็เร็ว

ทั้งยังพร้อมพรั่งไปด้วยรูปสมบัติที่ไม่ด้อยไปกว่าคุณสมบัติแม้แต่น้อย อุปนิสัยยิ่งไม่มีอะไรให้เป็นข้อตำหนิ

ที่ผ่านมาเวหาก็ไม่เคยเห็น หรือรับรู้ว่ารัศมิทัตวอกแวกไปกับสาวหน้าใสคนอื่นที่ไหน

ถ้าไม่ทำงานของตัวเอง ก็คอยไปช่วยดูเรียนรู้งานจากบิดาของเขา หรือไม่ก็ติดต่อกับเธอผ่านการสื่อสารทุกทางที่ทำได้ แม้แต่ยอมปลีกตัวมาหาถึงที่เกาะห่างไกลแห่งนี้ เขาก็ทำมาแล้ว

ข้อเดียวที่เวหายังรู้สึกตะขิดตะขวงใจ กับความสัมพันธ์ที่รัศมิทัตพยายามจะเดินหน้า แต่เธอเป็นคนเหนี่ยวรั้งไว้นั่นก็เพราะ เขาอายุน้อยกว่าเธอ มิหนำซ้ำยังเป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันการศึกษาอีกด้วย

เมื่อลองถามใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า .. คำตอบที่ได้จึงมีแค่คำว่า .. รอ

รอให้เธอมั่นใจในตนเองมากพอจะยอมรับเรื่องความแตกต่างระหว่างวัย รวมทั้งเป็นการพิสูจน์ว่า อีกฝ่ายจริงจังและมั่นคงกับเธอมากพอ

วันนั้น .. เวหาจึงจะกล้าบอกกับรัศมิทัตตรงๆ หากเขายังไม่เปลี่ยนแปลงไป






แผนการดำเนินงานตามข้อเสนอ การตกลงทำสัญญาร่วมกันที่ได้พูดคุยก่อนหน้านี้ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เมื่อโรงแรมมณเฑียร สวีท โฮเทล ตอบรับกลับมาทางโทรสารยืนยันมีตราประจำรงแรมประทับเอกสารเรียบร้อย

ในส่วนของรายละเอียดคอนแทรค เพลิงกัลป์พยายามกระตุ้นให้เวหาจัดทำอย่างเร่งด่วน โดยที่เขาแทรกความคิดปลีกย่อยของตนลงไปในนั้น

ไม่ว่าจะเป็นการเสนอรูปแบบแพ็คเกจทัวร์รอบเกาะ หรือหมู่เกาะกลางทะเลที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ก่อนที่คนไทยจะได้ทำความรู้จักเสียอีก

แม้จะถูกผู้จัดการฟร้อนท์ ออฟฟิศ แมเนเจอร์โดยตำแหน่ง มองด้วยสายตาแปลกๆอยู่บ้าง แต่เวหาก็ต้องยอมรับว่า สิ่งที่ท่านประธานฯรู้คแนบมานี้ ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้แก่นักท่องเที่ยวจากอ่าวไทย จนดึงดูดให้ได้มาสัมผัสถึงความงดงามแห่งฟากฝั่งทะเลอันดามัน เป็นการเพิ่มฐานลูกค้าของรู้คขึ้นไปอีก

เวหาอดใจไม่ไหวกับผลประโยชน์ที่จะได้รับทั้งสองฝ่าย จึงติดต่อไปยังเพื่อนรักเพื่อนสนิท หวังจะให้ได้รับทราบความคืบหน้าอย่างกระตือรือร้น

“น้ำ .. ฟ้ามีข่าวดีจะบอก”

หญิงสาวแทรกเสียงยินดีลงยังปลายสายทันทีที่อีกฝ่ายมีสัญญาณตอบรับจากอุปกรณ์สื่อสาร และแน่นอนว่าการสนทนานับจากนี้ จะมีเพียงแค่คนสองคนที่รับรู้เท่านั้น เพราะเวหาลงทุนหลบมาคุยยังห้องพักของตน เพื่อให้พ้นจากการเป็นเป้าสายตา

“มีอะไรเหรอฟ้า ปกติไม่เคยใช้เบอร์ส่วนตัวติดต่อตอนทำงานนี่นา .. เออนี่ ได้รับเอกสารแล้วใช่มั้ย คุณแต้มต่อพอใจมากเลยนะกับเรื่องนี้ อนุมัติให้น้ำลงมาคุยเองเลย”

“ก็เรื่องนี้ล่ะ .. ฟ้าถึงต้องรีบโทร.หา เพราะยังไม่คิดเลยว่า ทางมณเฑียรจะตอบกลับเป็นกิจจะลักษณะ แถมมีรายละเอียดพอสมควร ที่เหลือก็รอน้ำลงมา .. แล้วก็เซ็นสัญญากัน”

เวหาเองก็ตื่นเต้นที่โครงการของเธอ ซึ่งร่วมกันคิดกับศิราได้ผลเกินคาด ไม่นึกด้วยว่าเพลิงกัลป์จะสนอกสนใจจนยอมลัดคิวพิจารณาเป็นงานด่วน
แต่พอรู้สึกได้ว่า เพื่อนรักที่ควรจะดีใจเหมือนๆกันกลับเงียบจนผิดสังเกต กอปรกับน้ำเสียงก็ดูแห้งผากเกินไป จึงต้องถามออกไปด้วยความห่วงใยที่มีถึงกันตลอดมา

“มีอะไรหรือเปล่าน้ำ .. ไม่สบายใจ .. อีกแล้วใช่มั้ย”

คนเป็นเพื่อนเอ่ยปากถามอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ก็ทราบดีว่าศิรากำลังประสบปัญหาที่แม้แต่ความสำเร็จจากการงาน ยังไม่สามารถดึงเธอรับรู้และพลอยยินเช่นเดียวกับเวหาได้

“เรื่องนั้นอีกล่ะสิ .. ทำไมนะ .. ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้”

“ช่างเถอะฟ้า .. เขาก็มีเรื่องอึดอัดใจมากพออยู่แล้ว น้ำไม่อยากเป็นสร้างปัญหา เป็นภาระให้เขา .. ห่วง ..”

“ถ้าเขาห่วง .. เขาต้องไม่ทำให้เพื่อนฟ้าเสียใจสิ .. ทั้งๆที่ ..”

เวหาเม้มริมฝีปากเคลือบสีอ่อนขบมันอย่างขัดใจ อยากจะพูดให้ศิราบอกความรู้สึกนี้ให้ตัวต้นเหตุเข้าใจ แต่ก็นั่นล่ะ .. เรื่องของคนสองคน บุคคลที่สามไม่ควรจะยื่นมือไปก้าวก่าย

“ขอบใจนะฟ้า .. แต่น้ำเป็นคนยอมรับเรื่องนี้แต่แรก .. งานของเขาก็เหนื่อยหนักพออยู่แล้ว .. แต่น้ำโชคดีนะ ที่มีฟ้าเป็นเพื่อนแท้ รับฟังและเข้าใจน้ำมาโดยตลอด”

ประโยคยืดยาวที่เวหาได้ยินคือ ความหมายของศิรา ซึ่งบอกเป็นนัยว่ากำลังใช้ปกป้องใครอีกคน ที่ตกอยู่ในประเด็นสนทนา ทั้งๆที่ตัวเขานั้นอยู่อีกภาคของประเทศไทย และเธอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจากอึดอัดอัดอั้นแทนเพื่อน

“เอาเป็นว่า .. อาทิตย์หน้าน้ำจะลงไปกระบี่ .. คนเดียว .. ฟ้ามารับที่แอร์พอร์ตด้วยก็แล้วกัน .. เราแวะอ่าวนางกันสักคืน ค่อยไปที่รู้ค .. ไปนอนคุยกันให้หายคิดถึง .. เนอะ”

แผนการนอกรอบของศิราที่เบี่ยงเบนเป้าหมายไปอีกทาง เรียกรอยยิ้มคืนสู่ใบหน้าบึ้งตึงของเวหาได้ชะงัด คราวนี้ล่ะ เธอจะซักฟอกเพื่อนสาวให้ละเอียดลออเชียว .. ถึงสาเหตุแห่งความวิตกกังวลใจที่ไม่ควรบังเกิด

ในเมื่อคนที่เป็นอดีตรักแรกของเธอ มาลงเอยกับเพื่อนรัก และดูเป็นคู่ที่เหมาะสมลงตัวกันทุกอย่าง แล้วทำไมทุกอย่างจึงกลับตาลปัตรไปหมด

“ได้ .. แล้วฟ้าจะไปรับ .. เรามีเรื่องต้องคุยกัน .. เยอะเลย”

เวหาหมายมาดในใจ เมื่อรับปากจะออกจากเกาะขับรถไปรับศิราด้วยตัวเอง ที่สนามบินนานาชาติกระบี่แล้วเลยไปอ่าวนางดังที่นัดกัน

เพราะนอกจากเรื่องคนรักของเพื่อน ยังมีเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเธอ ที่ควรทำความตกลงกันให้เข้าใจ ว่าจะบอกเพลิงกัลป์ในคราวเดียว หรือทอดระยะเวลาออกไป .. อีกนิด






มัสลินได้แต่มองตามท้ายรถโค้ชนำเที่ยวของวิริยา ไทยทัวร์ แล่นออกจากโรงแรมรู้ค รีสอร์ทแอนด์สปา ด้วยความรู้สึกยากจะอธิบาย หลังจากช่วยดูแลทำการเช็คเอาท์ ตลอดจนขนสัมภาระชิ้นสุดท้ายของลูกทัวร์ขึ้นรถ แล้วก็กลับมารู้สึกลึกๆในใจว่า เธอกำลังถูกทิ้งไว้ที่นี่เพียงลำพัง

แม้ว่าสต๊าฟทุกคนที่แวดล้อมตัวเธอ จะเห็นใจกับสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทาง และรับปากว่าจะดูแลลูกค้าไม่ให้ขาดตกบกพร่อง กลับกลายเป็นว่า เจ้าตัวยิ่งละอายใจมากขึ้นทุกทีที่ไม่สามารถรับผิดชอบงานได้ตลอดรอดฝั่ง

หญิงสาวระบายลมหายใจพรู ลดอาการหน่วงในโพรงอก ไม่อยากจะคิดเลยว่านับจากนาทีนี้เธอต้องเจอกับอะไร และจัดการกับชีวิตตัวเองอย่างไร

รายชื่อบุคคลในโทรศัพท์มือถือ ที่ตั้งกลุ่มว่า ‘ครอบครัว’ ก็ไม่มีใครให้ต้องติดต่อส่งข่าวคราว ว่าตอนนี้เธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร นับตั้งแต่สูญเสียมารดาไปเมื่อสองปีก่อน ไม่ทันที่ท่านจะได้เห็นความสำเร็จจากการสู้อุตส่าห์ส่งเสียให้ได้ร่ำเรียนระดับปริญญา

มัสลินใจหายแน่นหนึบทุกครั้งที่คิดถึงแม่ .. ส่วนพ่อ .. คงไม่มีเวลาให้เธออีกแล้ว เพราะต้องดูแลครอบครัวใหม่ที่เริ่มสร้างหลังจาก แม่ของเธอเสียชีวิตได้ไม่ถึงปี

รอยรื้นแห่งความน้อยใจและร้าวลึก อยากจะทำหน้าที่ของความอ่อนแอให้สมบทบาท แต่เธอก็สะกดกลั้นมันเอาไว้ได้ ด้วยการถอนหายใจแรงๆสองสามครั้ง แล้วเชิดหน้ามองฟ้าครามยามเที่ยงที่ไร้หมู่เมฆรบกวน

หญิงสาวภาวนาขอให้ทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิต จงผ่านไปอย่างราบรื่นเหมือนท้องฟ้ากระจ่าง มองเห็นทุกอย่างถ้วนทั่วไม่มีสิ่งใดมาบดบัง

แต่ใช่ว่าตัวเธอจะไร้ญาติขาดมิตรเสียทีเดียว อย่างน้อยก็ยังเหลือศรตฤณอีกคน ที่มัสลินให้ความสนิทชิดเชื้อมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อพูดคุยหรือขอคำปรึกษาแทบจะทุกเรื่องในชีวิตวัยรุ่น แม้เขาจะไม่ใช่คนในครอบครัวแท้ๆก็ตาม

ขณะมัสลินกำลังหันกลับและค่อยย่างเท้าข้างที่เจ็บสืบไปข้างหน้าช้า มุ่งสู่ห้องพักเพราะเริ่มรู้สึกตึงๆข้อเท้าที่บอบช้ำขึ้นมา เพียงแค่ตั้งใจมองโดยรอบของโรงแรม เธอก็บังเอิญพบกับสายตาเข้มขรึมของผู้ทรงอำนาจแห่งรู้คเขม้นมาทางนี้ แทบจะเรียกได้ว่าจดจ้องไม่วางตา

หญิงสาวไม่ต้องการอยู่เป็นเป้านิ่งนานนัก จึงหลุบตาลงแล้วก้าวต่อไปไม่สนใจท่านประธานฯ 'คนสำคัญ' .. ให้เสียอารมณ์

ก้าวขาไปได้ไม่ถึงหนึ่งในสี่พลันก็ต้องชะงักและหยุดยืนกะทันหัน เมื่อเสียงขลุ่ยผิวจากโทรศัพท์ที่ตั้งไว้เป็นการเฉพาะก็บรรเลงให้ได้ยิน สีหน้าบ่งบอกว่ายินดีจนเผยรอยยิ้มกว้าง ราวกับบุคคลปริศนาที่รอให้รับสายมาอยู่เบื้องหน้า

มัสลินจำได้ขึ้นใจสำหรับเพลงๆนี้ ว่าเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์เป็นคนเลือกและใช้มันด้วยตัวเขาเอง .. ‘ต้นวรเชษฐ์’*

หญิงสาวขยับลำตัวเล็กน้อยเพื่อหยิบโทรศัพท์ของตนที่อยู่ในกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ขาสั้นขึ้นมา หน้าจอเครื่องมือสื่อสารกะพริบวูบวาบ และชื่อที่แสดงให้เห็นก็เป็นคนที่เธอคิดไว้จริงๆ จึงไม่รีรอที่จะรับสายด้วยดวงหน้าฉายความสดใส ผิดจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง

“สวัสดีค่ะ อาป่าน .. คิดถึงจังเลย เมื่อไหร่จะกลับเมืองไทยคะ .. ลินินเหงาจะแย่อยู่แล้ว”

มัสลินกล่าวทักทายและบอกความรู้สึกไปตามจริง เว้นจังหวะเล็กน้อยให้ตอบกลับ หากยังไม่ทันเอ่ยปากใดๆ คนทางนี้ก็หยอดลูกอ้อนส่งไปถึงปลายสาย

และคำตอบที่ได้รับยิ่งทำให้เธออยากกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ ดีว่ายังพอระงับอาการนั้นไว้ได้ ก่อนจะละล่ำละลักกรอกเสียงตื่นเต้นถามย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง

“จริงนะคะอาป่าน .. อย่าล้อลินินเล่นนะ .. โอย .. ดีใจ เราไม่ได้พบกันตั้งสองสามปี .. ถ้าอามาอยู่ที่เกาะนี่จริงๆ ลินินขอไปพักกับอาให้หายคิดถึงได้มั้ย .. น้าๆ นะคะ อาป่าน .. นะๆ”




อารามดีใจทำให้มัสลินลืมตัวลืมทุกอย่างหมดสิ้น ทุกคำพูดกับเสียงฉอเลาะไม่มีสักครั้งที่จะให้ใครได้ยิน ทว่า มันคงต้องได้รับข้อยกเว้นในนาทีนี้ เมื่อมีใครคนหนึ่งบังเอิญมายืนอยู่เบื้องหลังไม่ห่างกัน

“แล้วอาป่านพักที่ไหนคะ .. ลินินจะได้ไปหาถูก เกาะนี้ลินินพาลูกทัวร์มาหลายหนแล้ว ถึงจะยังสำรวจไม่ครบทุกตารางนิ้ว แต่ก็ไม่น่าจะยากเกินความสามารถ ..”

“หึ..”

มัสลินนิ่วหน้าเมื่อถูกขัดจังหวะส่วนตัวด้วยเสียงๆหนึ่ง หากความรู้สึกบอกเธอว่า กำลังมีบางคนแสดงอาการ ‘เยาะ’ ในลำคอ แล้วร่างสูงก็เดินผ่านหน้าไปอย่างไม่อินังขังขอบใดๆ

“อาป่าน .. แค่นี้ก่อนนะคะ .. ไว้ลินินจะโทร.หาอีกที .. ดีไม่ดีอาจจะเก็บเสื้อผ้าไปพักด้วย ถ้าอยู่ ‘ที่นี่’ แล้วมันอึดอัดนัก”

หญิงสาวจงใจกรอกเสียงเสนาะนั้นด้วยระดับที่ดังพอสมควร เผื่อว่าใครแถวนี้ที่เพิ่งเดินผ่านไปจะยังอยู่ในรัศมีการรับรู้และได้ยิน พูดจบเธอก็ได้รับคำตอบจาก ‘อาป่าน’ ของเธอก่อนจะวางสายไป

ตอนนี้อารมณ์ของเธอกลับมาฉิวกรุ่นจนเกือบกลายเป็นโมโห เพราะความไร้มารยาทของคนที่ได้ชื่อว่า มีอำนาจสูงสุดของรู้ค

สองมือบอบบางกำแน่นระงับความรู้สึกที่อยากจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อระบายโทสะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ในเมื่อไม่อาจทำอะไรได้ก็ต้องจำใจเก็บมันเอาไว้กับตัว แล้วสาวเท้าก้าวไปยังที่หมายเดิม แม้จะต้องเดินผ่านคนๆนั้นก็ตาม

“ได้ข่าวว่าคุณอาวิริยาให้พักงานระหว่างขาเจ็บ .. แต่นี่อะไร ลูกทัวร์ยังไม่ทันถึงฝั่งโน้น คนบางคนก็จะหนีเที่ยวซะแล้ว”

เพลิงกัลป์เปรยทั้งที่ผินหน้าชมทะเลและท้องฟ้ากว้าง โดยไม่สนใจว่าคนที่เขาต้องการกระทบนั้นจะได้ยินหรือไม่

ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่รู้เพราะเหตุใดในเมื่อไม่ใช่กงการใดๆของเขา .. แต่ทำไมกลับต้องมารับรู้เรื่องราวหรือสิ่งที่ทำให้เสียความรู้สึกจากผู้หญิงคนนี้ .. แทบจะทุกครั้งก็ว่าได้

มัสลินที่กำลังจะเดินผ่านไปถึงกับชะงักกึก ไม่สามารถไปต่อได้เนื่องจากคำเสียดสีที่แม้ไม่ระบุตัว เธอย่อมรู้แก่ใจดีว่า เพลิงกัลป์หมายถึงใคร

หญิงสาวหันขวับมาทันที สำนึกในตอนนี้มีแค่ว่า ภาระหน้าที่ของเธอถูกปลดเปลื้องหมดลงนับแต่รถโค้ชนำเที่ยว แล่นออกนอกอาณาเขตโรงแรมรู้ค รีสอร์ทแอนด์สปา เมื่อเกือบชั่วโมงที่ผ่านมา

ขณะนี้เธอไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ใดๆ จากหัวโขนที่สวมใส่ในนามพนักงานของบริษัท วิริยา ไทยทัวร์ ทำให้เธอเป็นตัวของเธอเองได้อย่างอิสระเต็มที่

“ขอโทษนะคะ .. ดิฉันทราบมาว่า พนักงานระดับปฏิบัติการของรู้คทุกคน ต้องรักษามารยาทไม่ว่าทั้งต่อหน้าและลับหลัง .. ก็นั่นล่ะค่ะ ผู้น้อยย่อมต้องทำตามคำสั่งไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ แต่ผู้ออกคำสั่งกลับทำตัวไม่เหมาะสมเสียเอง คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้วมั้งคะ .. ว่าต่อไปจะเป็นยังไง”

มัสลินพูดอย่างใจคิด โดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับตำแหน่งแห่งที่ของผู้ชายตรงหน้า และหากจะมองสรีระทางกายภาพ แน่นอน .. เขาย่อมได้เปรียบเธอทุกอย่าง

เรื่องอะไรจะต้องมาทนให้เขาพูดจากกระทบกระเทียบด้วยเล่า ในเมื่อการที่เธอมาอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ความต้องการของเธอแม้แต่น้อย

แต่เป็นเพราะ .. เธอไม่สามารถขัดความปรารถนาดีของใครๆได้ต่างหาก

แล้วกับความคิดที่เป็นจริงตรงหน้า .. เพลิงกัลป์ คือ เหตุผลประการเดียวต่อคำถามของเวหาเมื่อเช้า ที่มัสลินไม่กล้าตอบออกไปตามตรง มันทำให้เธอจนด้วยข้ออ้าง และต้องรับความหวังดีนั้นไว้ ซึ่งเธอเองก็ไม่อยากให้เกิดความรู้สึกบาดหมางกับคนที่เธอเคารพนับถือ ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น

เว้นก็แต่ .. คนแถวนี้

เพลิงกัลป์ได้ยินทุกคำที่มัสลินหยิบยกระเบียบปฏิบัติที่เขากำหนดขึ้นนำมาย้อนศร จนเริ่มรู้สึกถึงความเห่อชาแล้วลุกลามผะผ่าวไปทั่วผิวหน้า ต้องหันกลับมาเผชิญหน้าแบบ .. ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

ในใจเข่นเขี้ยวจนเผลอขบกรามแน่น ภายในร้อนฉ่าพร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ .. จะมีใครกล้าดีตีฝีปาก สำบัดสำนวนกับเขาตรงๆอย่าง ‘ยัยเด็กนี่’ อีกไหม!

“มันจะมากไปแล้วนะ .. มัสลิน”

“อะไรคือมากคะ .. ดิฉันพูดไปตามเนื้อผ้า”

เจ้าของใบหน้าคมคายยิ่งเข้มขรึมบึ้งตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนมัสลินแอบวิตกว่าเครื่องหน้าที่ใครๆชื่นชมถึงความโดดเด่นสะดุดตาจะมาขยุ้มกองรวมกัน เพราะเท่าที่เห็นเขาหมั่นผูกคิ้วผูกตาให้ขมวดมัดกันเหลือเกิน

พอคิดได้ดังนี้อารมณ์ครึ้มๆคึกครื้นก็คืนมาแทนที่ มัสลินเผลอคลายความตึงเครียด ส่งผลให้นัยน์ตาคมเคลือบดุจึงแปรเป็นระยิบระยับ ราวพบสิ่งบันเทิงเริงรมย์ อย่างมิอาจซ่อนไว้ได้อย่างมิดชิด

แต่มันก็มากพอจะทำให้เพลิงกัลป์ตีความไปได้ไกลกว่านั้น .. มากเสียจนชายหนุ่มถึงกับเปลี่ยนจากก้าวเข้าหาธรรมดาเป็นการย่างสามขุมได้ทันทีทันใด

“มีอะไรน่าขำนัก .. ฮึ ฉันรู้สึกว่า การที่เธอเป็นเพื่อนกับน้องพาย หรือทำงานให้คุณอาวิริยา มันชักจะทำให้ได้เห็นอะไรมากขึ้น ชัดเจนขึ้นทุกที”

ทุกถ้อยคำตอกย้ำสำนึกที่มัสลินตระหนักอยู่ทุกเวลานาที ไม่ต้องให้มีใครมาพร่ำพูดปาวๆใส่หน้า เธอก็รู้ว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อาจห้ามความคิดของคนอื่นได้

มัสลินมองเห็นช่องว่างระหว่างความเป็นเพื่อน นับแต่ทราบว่าพายพัดเป็นลูกพี่ลูกน้องของใคร และเกี่ยวพันไปถึงใครต่อใครอีกหลายคน ซึ่งบุคคลเหล่านั้นล้วนถึงพร้อมทั้งฐานะและความมีหน้ามีตาในสังคม ผิดกับคนตัวเล็กๆเช่นเธอ

แต่มันก็ไม่ได้สลักสำคัญต่อการที่เธอจะคบหากับใคร หรือต้องมาคอยใส่ใจคำพูดที่ล้วนแล้วมีแต่ ‘อคติ’

หญิงสาวโปรยรอยยิ้มอ่อนหวานชนิดที่สามารถบาดใจใครก็ตาม ให้หลงเสน่ห์ของเธอได้หากต้องการ แต่ดวงตานั้นกลับกร้าวไม่ยอมรับในสิ่งที่ชายหนุ่มคิดและเข้าใจไปเอง ที่หนักสุดเห็นจะเป็นการยัดเยียดในสิ่งที่เธอไม่ได้เป็น .. ให้เป็นไปตามความเชื่อของเขานี่สิ

ก่อนที่จะเกิดการโต้แย้งถกเถียงให้เสียเวลา มัสลินชิงพูดขึ้นมาทั้งที่ยังจ้องนัยน์ตาของเพลิงกัลป์เขม็ง ด้วยริมฝีปากเรียวอิ่มขยับแย้มขึ้นลง หากแต่ละคำหมายเชือดเฉือนความรู้สึกเล่นงานคนที่คิด ‘ร้ายๆ’ กับเธอ

“ถ้าคุณเพลิงกัลป์ว่างมาก .. จนพอจะมาคิดอะไรไร้สาระ .. คุณน่าจะคิดทำสิ่งที่เป็นประโยชน์มากกว่าคอยมาจับตาดูดิฉันนะคะ .. เอ .. หรือว่า เกิดสนใจดิฉันขึ้นมา .. ถึงได้ตามตอแยขนาดนี้”

มัสลินทิ้งท้ายด้วยการยกมุมปากเหมือนให้เป็นการยิ้ม แต่ในความรู้สึกของเพลิงกัลป์มันคือ สิ่งที่เขามักคิดและแสดงออกกับเธอบ่อยครั้ง

แต่คราวนี้เป็นเขาเสียเองที่ถูกลูบคมด้วยคำหยามเยาะที่ไม่อาจรับได้ ..

นั่นคือ .. สนใจ .. ตามตอแย ..

ชายหนุ่มพูดไม่ออก บอกได้แต่ว่า มันเหมือนมีอะไรมากระแทกชายโครงจนจุก และกว่าอาการนั้นจะจางไป ก็สายเกินกว่าจะทำอะไรได้ เพราะหญิงสาวคนที่เขาคิดว่าถือดีที่สุด .. หันหลังเดินกลับไปทางที่พักหลายก้าวแล้ว





ศรตฤณเคาะโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่า ยี่ห้อที่เคยดังอยู่ยุคหนึ่งกับมือตนเองเบาๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดถูกหรือผิดที่ติดต่อมัสลินไปเมื่อครู่

แต่พอได้ยินน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้าสู่วัยสามสิบห้ามาหมาดๆก็อดระบายยิ้ม หวังส่งให้มันไปถึงคนที่มองไม่เห็นหน้าค่าตาไม่ได้

ศรตฤณรู้จักหลานสาวคนโตที่มีอายุห่างจากเขาเพียงสิบเอ็ดปีดีกว่าใคร และเพราะเหตุนี้กระมังที่ทำให้ลูกผู้พี่ที่เป็นพ่อของมัสลิน ต้องออกปากฝากให้เขาดูแลลูกสาวแทน เพราะนับวันความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวยิ่งมีแต่รอยร้าวขึ้นทุกที

ความสนิทสนมระหว่างเขากับหลานสาวมีอันต้องห่างกันไปหลายปี เนื่องจากเขาตัดสินใจช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในวัยมัธยมปลาย เลือกที่จะกลับไปอยู่กับมารดาที่ประเทศฝรั่งเศส

กระทั่งเรียนจบและเข้าทำงานในหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งทำให้เขามีโอกาสเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในหลายประเทศ ก่อนที่จะมาปักหลักยังประเทศไทยบ้านเกิดของตน

นี่คงเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆที่ศรตฤณเลือกเวลาติดต่อมัสลินได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ เพราะเธอเพิ่งบอกกับเขาว่า อยู่บนพื้นที่ที่เป็นเกาะเดียวกับเขา และคาดว่าในอีกไม่ช้าสองอาหลานก็จะได้พบกัน

“คงไม่เป็นไรหรอกน่า .. งานก็ส่วนงาน หลานก็ส่วนหลานสิ”

ชายหนุ่มพึมพำแกมระอาบ่นตัวเองเบาๆ ที่ใจเร็วด่วนตัดสินใจบอกมัสลินว่าเขาอยู่ที่ไหนเพราะความใจอ่อน

เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่แค่ได้ยินน้ำเสียงหวานละมุนออเซาะข้างหู เขาก็ต้องยอมแพ้ให้แก่เสียงออดอ้อนของหลานสาวที่เขารัก .. ไปเสียทุกทีสิ













* เพลงต้นวรเชษฐ์ (ซึ่งเป็นที่รู้จักกันมากกว่าชื่อต้นบรเทศ) เป็นเพลงอัตราจังหวะสองชั้นและชั้นเดียว ทำนองเพลงของเก่า สมัยอยุธยา รวมอยู่ในเพลงประเภทสองไม้และเพลงเร็วเรื่องเต่ากินผักบุ้ง ต่อมาหลวงประดิษฐไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง) นำเอาทำนองต้นบรเทศมาแต่งเป็น ๓ ชั้น และตั้งชื่อใหม่ว่าเพลงชมแสงจันทร์ อีกทางหนึ่งแต่งเป็นเพลงชมแสงทอง ๓ ชั้น (หรือเพลงอรุณไขแสง หรือเพลงชมแสงจันทร์ทางเจ้าชู้)
.. หรือที่คุ้นหูกันในเพลง กินอะไรถึงสวย ซึ่งเป็นเพลงลูกทุ่ง ดังมากเมื่อประมาณเกือบ ๔๐ ปีที่แล้ว ทำให้สายัณห์ สัญญา มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาทันที และยังคงดังอยู่จนทุกวันนี้ (ทั้งเพลงและทั้งนักร้อง)






****************************************************








โปรดติดตามตอนต่อไป ....


ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ค. 2558, 03:30:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ค. 2558, 03:30:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1409





<< ใยเส้นที่ 3 .. แม่ตัวดี   ใยเส้นที่ 5 .. เขาคนนั้น >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account