บ้านต้นรักษ์ (จบแล้วจ้า) รีไรท์
ก้อ...กอมารุน...ราชาแห่งท้องทะเลทราย

ปะทะกับ

นีล...นัจมุน...ราชินีแห่งท้องทุ่ง


เมื่อดวงจันทร์กับดวงดาวบนฟ้าต่างแข่งกันประจันแสง...
โดยมีต้นไม้ สายน้ำ และท้องทุ่ง เป็นตัวประกัน...

หมู่บ้านอันแสนสงบร่มเย็นอย่าง 'บ้านต้นรักษ์'
กำลังจะลุกเป็นไฟ

เมื่อสิ่งที่นักลงทุนอย่างเขาต้องการ
คือสิ่งเดียวกันกับที่หญิงสาวหวงแหนยิ่งชีพ
ทั้งๆที่เธอไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาหวงแหนในสิ่งที่ไม่ใช่
กรรมสิทธิ์ของตน!

การเชือดเฉือนจึงก่อกำเนิดในยุคแห่งวัตถุนิยม
ที่นายทุนเป็นใหญ่

ท่ามกลางสงครามอันร้อนระอุ

ระหว่าง

ราชาแห่งท้องทะเลทราย กับ ราชินีแห่งท้องทุ่ง

ที่อยู่ห่างกันราวคนละโลก ในชีวิตกันคนละแบบ
คิดอ่านกันคนละอย่าง...

เสียงเพรียกจากวันวาน จะกลับมาขับขาน
สะพานไม้หมากที่พาดข้ามฟากเชื่อมสองฝั่งคลอง
กำลังสั่นสะเทือน...เมื่อสะพานคอนกรีตจะเข้ามาแทนที่

สายสัมพันธ์ระหว่างคนกับต้นไม้กำลังจะพัดหวนคืน

...น้ำในลำธารใสสะอาดกับน้ำมันสีดำไม่อาจเข้ากันได้ฉันใด
เธอกับเขาก็ไม่อาจเข้ากันได้ฉันนั้น...

ไม่มีใครรู้ว่าระหว่าง ดวงจันทร์ดวงใหญ่แค่ดวงเดียวที่ลอยเด่น
อยู่บนฟ้ากับดวงดาวจำนวนมากมายนับล้าน
มีความเป็นมาอย่างไร...
เว้นแต่ต้นไม้ที่ผ่านกาลเวลาโดยไม่เคยหนีหายไปไหนเท่านั้น
ที่จะไขปริศนานี้...

ต้นไม้ที่ยืนผงาดอย่างอดทนผ่านร้อนหนาว
ผ่านฤดูกาลมาครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่มีใครเคยได้ยินเสียงบ่น
ต้นไม้ที่เหมือนจะไม่รับรู้สิ่งใด...

หากทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นและเป็นไปกลับกลายเป็นส่วนหนึ่ง
ความรักความประทับใจและความผูกพันธ์ถูกบันทึกไว้ใต้ต้นไม้
หยั่งรากลึกลงในดิน หยั่งลึกลงในจิตใจ...
มีค่า มีความหมาย...นานเท่านาน...


Tags: ดราม่า รัก ต้นไม้ กอมารุน นัจมุน ก้อ นีล เชือดเฉือน แนวอนุรักษ์

ตอน: ต้นที่ 12 ถั่วงอกในคุก


นัจมุนหิ้วกระเป๋าเดินทางลงจากเรือนเพื่อมุ่งไปยังรถกระบะส่วนตัวที่จอดอยู่ใต้ถุนเรือน…
หากเพียงแค่ย่างขาออกจากประตูบ้านก็พบกับหญิงหน้ายักษ์ที่ยืนปักหลั่น
อยู่ตรงเสาเรือน 2 ตนในชุดดำปกปิดมิดชิด ยกเว้นใบหน้าเท่านั้น…

ยักษ์สองตนนี้หลุดมาจากตะเกียงไหนเนี่ย…คงไม่ใช่จากตะเกียงแก้วอะลาดินหรอกนะ…

และเมื่อได้ยินถ้อยคำของนางยักษ์ท่ีพูดภาษาไทยไม่ค่อยชัด
จึงทำให้รู้ว่าที่คิดไว้มันก็ดูใกล้เคียงกันอยู่ไม่น้อย…

“ท่านเชคสั่งไว้ว่าห้ามคุณออกไปไหนค่ะ…ถ้าอยากได้อะไรให้บอกพวกเรา”

นัจมุนกระตุกคิ้วมุ่น สองคนนี้กลายมาเป็นผู้ควบคุมการเคลื่อนไหวของเธอตั้งแต่เมื่อใด…
แต่เมื่อได้ยินชื่อเชคๆ ก็พอจะเข้าใจได้ในทันทีว่าใครคือเจ้าของตะเกียงแก้ว…

“ทำไมฉันจะต้องเชื่อฟังด้วย…นี่มันชีวิตฉันนะ…แผ่นดินนี้ฉันมีสิทธิ์ที่จะเดินไปไหนก็ได้
ตามความสามารถของฉัน และนี่คือสิ่งที่ฉันอยากได้จากพวกคุณสองคน…”

นัจมุนแจ้งความประสงค์ของตน อยากรู้จริงๆว่ายักษ์สองตนตรงหน้าจะเสกให้เธอได้มั้ย…

“แต่ตอนนี้คุณไร้ซึ่งความสามารถนั้นแล้ว…เพราะอีกไม่นานคุณต้อง
เข้าพิธีนิกะห์กับท่านเชค…จะหลบหนีไปไหนไม่ได้ทั้งน้ัน…”

ยักษ์ประจำเสาเรือนต้นที่หนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง แล้วยักษ์ประจำเสาต้นที่สอง
ก็เอ่ยสำทับอีกทีเป็นการตอกย้ำว่า

“เราสองคนมีหน้าที่คุ้มกันเจ้าสาวของท่านเชคให้ปลอดภัย…จนกว่าท่านเชค
จะมีสิทธิ์ในตัวคุณ ซึ่งนั่นก็คือหลังจากคุณเป็นภรรยาของท่านแล้ว…
ถึงตอนนั้น ถ้าคุณไม่อยากเห็นหน้าเราสองคน เราก็จะไม่มายุ่มย่ามใจ
เว้นแต่ท่านเชคจะมีคำสั่งเพิ่มเติม…”

นัจมุนถึงกับตาค้าง กะพริบตาปริบๆ…ไม่คิดว่าเขาจะเอาจริงขนาดนี้…

นี่มันอะไรกันเนี่ย…เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ…ทำไมมันพลิกหงายพลิกคว่ำ
ไปได้อย่างนี้หนอ…

หญิงสาวใช้นิ้วคลึงขมับที่กำลังปวดตุบๆ สงสัยไมเกรนจะกำเริบอีกแล้ว…
เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับเพราะเฝ้าคิดทั้งคืนว่าจะทำยังไงกับชีวิตดี
เพราะบ้านหลังนี้พร้อมด้วยที่ดินได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของท่านเชคผู้ยิ่งใหญ่ไปแล้ว…

คิดไปคิดมา จึงนึกได้เพียงว่า ทางเดียวที่เธอจะเก็บรักษาที่ดินผืนนี้ไว้ได้ก็คือ
การหนีงานแต่ง หนีผู้คน…เมื่อไม่มีการแต่งงานตามเงื่อนไข
เขาก็จะไม่มีสิทธิ์ในบ้านและที่ดินผืนนี้อย่างแน่นอน…เธอก็เลยคิดว่าหนีไปตั้งหลัก
ที่ใดสักพักไม่ให้ใครค้นหาเจอ…เมื่อเรื่องสงบ ลมเปลี่ยนทิศ ฟ้าเปลี่ยนสี
คนบางคนเลิกก่อกวนชีวิตเธอเมื่อไหร่ ค่อยหวนกลับมาสานฝันต่อก็ยังไม่สาย…

แล้วนี่มันอะไรกัน เขาจะมารู้ทันความคิดเธอมากไปหน่อยแล้ว
ล้ำเส้นยังไม่พอยังคิดจะล่วงล้ำความคิดกัน อย่างนี้มันต้องเคลียร์!

“ฉันขอพบท่านเชคของคุณสองคนได้มั้ย…”

“ไม่ได้ค่ะ…ท่านเชคไม่อยู่…” ไม่อยู่อีกแล้ว…

“เขาไปไหนกัน…”

“ท่านไม่ได้บอกเอาไว้ค่ะ…” โอ้ย…อะไรกันเนี่ย

“งั้นฉันก็ไม่แคร์แล้ว…ฉันจะไป…ใครขวางทางก็ต้องมาดวลกัน…”

นัจมุนก้าวฉับๆลงไปยังด้านล่างอย่างไม่สนใจผู้ควบคุมหน้ายักษ์

เอาซี่…เป็นผู้หญิงเหมือนกัน…ขนาดผู้ชายเธอล้มได้ แล้วนี่เพศเดียวกัน ทำไมต้องกลัว…

หากพอได้ปะทะฝีมือกันจังๆ นัจมุนก็ต้องยอมรับว่าสองรุมหนึ่งช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย…

ผู้หญิงสองคนนี้ฝีมือขั้นเทพเลยก็ว่าได้…ต่างจากตำรวจสามนายที่โดนสังหารหมู่อยู่หลายเท่า…
เมื่อถูกรวบแขนทั้งสองไพล่หลังเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

หญิงหน้ายักษ์ก็บอกกับเธอว่า

“คราวนี้…คุณจะขึ้นเรือนไปดีๆหรือว่าจะให้เรามัดคุณไว้กับต้นโศกหลังเรือนใหญ่…”

‘ต้นโศก’ แค่คิดก็สยองแล้ว…

“ฉันยอมก็ได้…ปล่อยสักทีสิ…ฉันอีดอัด…” เมื่อแพ้ก็ต้องยอมรับว่าแพ้…

นัจมันเลยหิ้วกระเป๋าขึ้นเรือนไปดังเดิม…ในเมื่อใช้กำลังไม่สำเร็จ
เธอต้องระดมสมองคิดค้นแผนการ ทันใดนั้นก็ให้นึกถึงน้องชายสุดที่รัก
เพราะรายนั้นเห็นไม่กี่ขวบแต่ความคิดน่าสนอยู่ไม่น้อย

นัจมุนจึงโทรปรึกษาน้องชายทันทีด้วยความไว้วางใจ เมื่อเล่ารายละเอียดจบ
ก็ได้ยินเสียงถอนหายใจมาจากปลายสายทันที

“สรุปว่าหมอกจะได้พี่เขยที่เป็นถึงเจ้าชายจริงๆหรือเนี่ย…พ่อหาสามีให้พี่นีล
ได้ดีกว่าที่แม่เคยหาให้เสียอีก…หมอกว่าแต่งๆไปเถอะ…โอกาสอย่างนี้ไม่มีมาบ่อยๆนะพี่นีล…
จะได้กินมะม่วงน้ำดอกไม้ต้นนั้นไปตลอดชีพไง”

รู้สึกผิดหวังจริงๆ…คิดว่าจะได้ไอเดียดีๆจากเจ้าน้องชายแล้วแท้ๆ
เฮ้อ…นัจมุนยกมือขึ้นคลึงขมับอีกรอบ…

“ถ้าพี่นีลไม่แต่งกับพี่บากี้…ท่านเชคผู้นี้ก็เย่ียมยอดไปเลยนะ…พี่นีลจะได้เป็นเจ้าหญิง
แล้วในอนาคตอาจจะได้เป็นถึงราชินีเลยนะ…คิดดู”

“ใครอยากเป็นราชินีแห่งท้องทะเลทรายเล่า…พี่อยากเป็นราชินีแห่งท้องทุ่งของพี่โน่น…
เข้าใจมั้ย…ไม่เอาๆ พี่ไม่แต่ง แต่งกับคนแบบนั้น นรกเห็นๆ ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ…
และเราจะต้องช่วยพ่ีคิดแผนด้วยว่าพ่ีควรทำไงดี…พี่ไม่อยากปรึกษามาลาตี
เพราะรายนั้นต้องยุให้พี่ลงจากคานแน่ๆ…ช่วยพี่คิดหน่อยนะน้องหมอกสุดหล่อ
ของพี่นีลสุดสวย” ต้องอ้อนเข้าไว้ เจ้าน้องชายแพ้ลูกอ้อนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

แต่เหมือนว่าลูกอ้อนเที่ยวนี้จะใช้ไม่ได้ผลเสียแล้ว…

“หมอกสุดหล่อคงแนะนำพี่นีลสุดสวยได้แค่ว่า…แต่งๆไปเหอะ…พ่อน่ะตาแหลมจะตาย…
หมอกเชื่อสายตาพ่อ…ว่าพ่อมองคนไม่ผิดแน่ หรือพี่นีลไม่เชื่อพ่อ…”

พอเจอเข้าอย่างนี้นัจมุนแทบไปไม่เป็น…

พ่อเธอตาแหลมน่ะใช่ แต่มีอยู่เรื่องนึงที่เธอมองยังไงพ่อก็ตาไม่แหลม
นั่นคือ…การเลือกแม่ของเจ้าหมอกมาเป็นคู่ชีวิตนี่แหล่ะ…แล้วนี่ยังจะ
เลือกใครคนนั้นมาให้เธออีก…พ่อคิดอะไรของพ่อ…

“งั้นโทรไปถามพ่อดีกว่า…ว่าทำไมครั้งนี้ตาถึงไม่แหลม…” นัจมุนเอ่ยกับน้องชายอย่างเซ็งๆ

“โธ่…พี่นีล…พี่จะอยู่บนคานไปทำไมนักหนา…ลงๆมาเถอะ…หมอกว่าถ้าพี่นีล
แต่งงานกับท่านเชคผู้นี้…พี่นีลอาจได้โชคสิบชั้นก็ได้…เผลอๆอาจได้
เป็นทั้งราชินีแห่งท้องทะเลทรายควบตำแหน่งราชินีแห่งท้องทุ่งก็ไม่แน่…”

“ฮือฮี…” นัจมุนครางในลำคอ…เพราะไอ้ที่น้องชายเอ่ยๆมามันก็พอ
จะมีทางเป็นไปได้อยู่บ้าง…ไม่บ้างหรอก…มากเลยด้วย…

มันอาจจะเป็นทางลัดนำเธอไปสู่ขุมทรัพย์แห่งท้องทุ่ง…อยู่ๆภาพทุ่งนาสีเขียวในอดีต
ก็ผุดขึ้นมาในหัวยุ่งๆของเธอ…จุดประกายความคิดบางอย่างขึ้นมา…

“เงียบอย่างนี้แสดงว่า…เห็นอะไรลางๆอย่างหมอกว่าแล้วใช่มั้ย…”

“แหม…แต่เอาตัวไปเสี่ยงแบบนี้ พ่ีว่ามันไม่ค่อยจะคุ้มเลย…”

“แต่หมอกว่าดีออก…ท่านเชคออกจะหล่อ…หมอกยังชอบเลย…หรือพี่นีลไม่ชอบ…”

หน้าตาน่ะผ่านตลอดไม่เถียง แต่ไอ้นิสัยนี่สิเกินจะรับได้…

“ใจง่ายนะ…เมื่อก่อนเชียร์พี่กับพี่บากี้อยู่เลย ไหงมาเชียร์พี่ให้ท่านเชคซะแล้วล่ะ…”

“ก็หมอกอยากมีพี่เขยเป็นอะไรที่มันดูยิ่งใหญ่อลังการณ์ขึ้นมาน่ะซี…
แต่งเถอะพี่นีล…เรื่องอื่นเราก็ค่อยๆดัดเอา…นิสัยคนดัดได้นะพี่นีล
ขนาดแมว พี่นีลยังดัดซะอยู่หมัด…เช้ืองเชื่อง…”

“นั่นมันแมว…แต่นี่คนทั้งคนเลยนะ…”

“คนฟังภาษาคนรู้เรื่องนะพี่นีล…ไม่เหมือนแมวกับต้นไม้ของพ่ีนีลหรอก”

อยากจะค้าน…แต่ก็ไม่รู้จะหาหลักฐานมายันได้ยังไง…

“ถ้าแต่งแล้วอยู่กันไม่ได้ ก็เลิก…พี่รุสมีแฟนเป็นร้อยเลิกมาเป็นพันคน ไม่เห็นจะแคร์สื่อ…”

นัจมุนหลุดยิ้มออกมาเมื่อนึกภาพพี่ชายของเจ้าตัวแสบขึ้นมา…
มีร้อยเลิกพัน นี่มันจะเว่อเกินไปแล้วมั้ง

“ไอเดียนี้ค่อยน่าฟังหน่อย…”

“งั้นแต่งเลย…แต่งนะ…หมอกจะได้เตรียมตัดชุดหล่อไว้เลย…”

น้ำเสียงท่ีฟังออกว่าดูตื่นเต้นขนาดไหนของน้องชายทำให้นัจมุนถึงกับส่ายหน้าไหวๆ

“แต่ถึงไม่แต่ง…ก็หนียากแล้วล่ะ ยักษ์ในตะเกียงแก้วปักหลักไม่ยอมไปไหนเลย…เฮ้อ…”

นัจมุนถอนในยาว…เมื่อมองไปยังด้านนอก เห็นผู้คุมการเคลื่อนไหวของเธอ…

“แสดงว่าเขากลัวพี่นีลหนี…งานนี้เขาอยากได้พี่นีลเป็นเจ้าสาวมากๆ น่าภูมิใจนะพี่นีล…”

“เฮอะ…ผลประโยชน์ทั้งน้านนนน…ถ้าไม่มีเรื่องผลประโยชน์เราคิดรึว่าเขาจะอยาก
แต่งงานกับพี่…”

“พี่นีลของหมอกสวยจะตาย…เขาอาจจะติดบ่วงความสวยของพี่นีลแล้วก็ได้…”
นัจมุนสะบัดหน้าหวือ รู้สึกขนลุกซู่ทีเดียว นานน้านจะโดนน้องชายชมว่าสวย...

“คนนี้เขาไม่เคยเห็นพี่ในสายตาหรอก…เห็นเขาว่าเมียคนก่อนๆของเขาสวยหยาดฟ้ามาดิน…
งามสง่่า เริดๆทั้งนั้น…รู้เอาไว้ซะ…”

“ไม่นะไม่…หมอกได้ยินแม่พูดว่า…เมียคนก่อนๆของท่านเชคสวยสู้พี่นีลไม่ได้สักกะคนเดียว…
พี่นีลเริด พี่นีลเก่ง…พี่นีลฉลาด…สุดๆ”

“แม่เราเนี่ยนะพูดแบบนั้น…” โลกาจะวินาศ ประชาชาติกำลังจะพบกับหายนะแล้วแน่ๆ…
น้ำในทะเลเดซซี่ที่ขึ้นชื่อว่าเค็มที่สุดในโลกคงใกล้จะจีดสนิทหรือไม่ก็หวานเชื่อม
ในไม่ช้านี้เป็นแน่แท้…

“ใช่แล้ว…แม่หมอกพูดจนชาวบ้านเขายกมือขึ้นทาบอกกันหมดเลย…
หมอกเห็นกับตา ได้ยินกับหู คำน้อยไม่มีปด…”

นัจมุนยิ้มขันพลันนึกไปถึงมารดาเลี้ยงที่คงจะเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ…

นี่ก็แสดงว่าเรื่องที่เธอจะแต่งงานกับเขา พวกชาวบ้านเขารู้กันทั่วแล้วน่ะสิ ตายแล้ว ตายแน่ๆ

“หมอก…นี่คนเขารู้กันทั่วแล้วหรือ เรื่องที่พี่จะแต่งงานกับท่านเชคเขาน่ะ…
พี่ยังไม่ได้จะตัดสินใจอะไรเลยนะ…”

“จะเหลือหรือพี่นีล…พอพ่อบอกแม่ว่า ท่านเชคจะเข้าพิธีสมรสกับพี่นีลเดือนหน้า…
แม่ก็ป่าวประกาศไปทั่วท้ังแผ่นดินเลย…”

“เดือนหน้า!” นี่อย่าบอกนะว่า เธอคือคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้…

มันจะเผด็จการเกินไปแล้ว…ไหนว่าให้เวลาเธอตัดสินใจสามวัน
นี่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงเลย…แบบนี้เขาเรียกว่าเอาถุงมาคลุมกันชัดๆ…

“งั้นเราก็รู้เรื่องนี้มาก่อนที่พี่จะโทรมาหาแล้วซิ…” เสียงหัวเราะแหะๆดังมาจากปลายสาย

“แล้วทำมาปิดนะ…อย่าให้เจอนะ…อย่าให้เจอ…” นัจมุนขู่ฟ่อๆไปตามสาย…

“ก็…พี่นีลอยากได้ที่ปรึกษา หมอกก็เป็นให้แล้วไง…”

“เฮ้อ…ที่ปรึกษาไม่เข้าท่าแบบนี้…ไม่น่าโทรไปให้เสียตังค์จริงๆ…”

“แต่พี่นีลก็รู้แล้วนี่…ว่าเขาอยากแต่งงานกับพี่นีลจริงๆ แบบว่า...ใจขาดดิ้นเลย…”
นัจมุนขนลุกทีเดียวกับประโยคล้อๆของน้องชาย ยิ่งนึกไปถึงหน้าของเขาคนนั้นแล้ว
ยิ่งขนตั้งตรงทีเดียว…

“หมอก…งั้นพี่วางสายก่อนนะ…มันมีเรื่องที่พี่ต้องไปเคลียร์…งานนี้มีเคลียร์…”

“เคลียร์กันแล้ว…ก็แต่งกันเลยนะพี่นีล…หมอกจะรอดูพี่นีลสวมชุดเจ้าสาว
ให้คาน เย้ย ให้ชาวบ้านตะลึง…” ถ้าอยู่ใกล้ๆ เธอจะเพ่นกบาลให้สักสามทีซ้อน…

“เดี๋ยวก็รู้…ว่าใครจะตะลึง!” นัจมุนวางสายน้องชายแล้วก้าวอาดๆไปยังประตูบ้าน

งานนี้ใครขวางช้างกำลังตกมันจะเหยียบให้ติดดินแน่…แล้วจะกระทืบซ้ำให้แบนทีเดียว

แต่คนที่ต้องตะลึงกลับเป็นคนพูดเสียเองเมื่อเธอเดินไปหาเขาที่บ้านผู้ดีใหม่
หากโดนนางยักษ์จากตะเกียงแก้วตามมาติดๆ ขัดขวางไม่ยอมให้เธอเข้าไป
บอกอยู่นั่นแหล่ะว่าเขาไม่อยู่ จะไม่อยู่ได้ยังไง…ก็เมื่อวานยังเห็นว่าอยู่อยู่เลย…

“ท่านไม่อยู่จริงๆครับ…” นัจมุนไม่เชื่อ พยายามจะหาเรื่องเข้าไปในบ้านให้ได้
พอโดนสองนางจับขึงเธอก็สลัดพร้อมจะสู้ยิบตา แต่เมื่อสองสาว
หมายจะจัดการเธอให้หมอบราบคาบแก้วก็มีเสียงอันทรงพลังดังขึ้น

เสียงจากคนในรถที่เพิ่งมาจอดเทียบหน้าบ้าน ฉากเดิมๆซ้ำๆซากๆ
ก็คือฉากที่เขาเดินออกมาจากรถแล้วยืนจังก้าจ้องมองมาที่เธอนิ่ง

“ห้ามใครทำให้ว่าที่เจ้าสาวของฉันมีรอยช้ำ…จับได้แต่ห้ามช้ำ ห้ามมีรอยขีดข่วน”
นางยักษ์ทั้งสองปล่อยมือเธอทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

“ฉันเคยย้ำเธอกี่ครั้งแล้วนัจมุนว่าห้ามมาเหยียบบ้านหลังนี้…แต่ดูไปแล้วเธอจะไม่เคยจำ…
หรือว่าอยากจะเข้ามาอยู่กับฉันใจจะขาดจนรอเวลาอีกสักนิดสักหน่อยไม่ไหวแล้ว…”

เขาหันมาตำหนิเธอด้วยน้ำเสียงเข้มงวด กวดขัน แววตาคมกริบไร้ซึ่งความอ่อนโยนเช่นเคย

“ก็มันเป็นที่เดียว ช่องทางเดียวที่ฉันจะติดต่อคุณได้…และฉันก็มีเรื่องที่ต้องเคลียร์กับคุณ…
หรือคุณจะให้ฉันนั่งทางใน…บอกก่อนนะว่าฉันทำแบบนั้นไม่เป็น…
และฉันไม่ชอบระบบของคุณที่มีแต่สั่งใช้กับสั่งห้าม…ไม่มีถามความเห็นกันเลยแบบนี้…
ฉันไม่ชอบ…” คนฟังลอบถอนใจ…

“งั้นเข้าไปในบ้าน…และฉันให้เวลาเธอพูดแค่ห้านาที…ถ้าอยากพูดให้นานกว่านี้…
ต้องรอหลังแต่งงานกับฉันเท่านั้น…รอได้มั้ยล่ะ…”

นัจมุนกัดฟันกรอด ก่อนจะเดินตามเขาไปในตัวบ้านโดยมีผู้คุมเดินตามไปติดๆ

“หนึ่งนาทีผ่านไปแล้ว…เมื่อไหร่เธอจะพูด…” เขาติงเมื่อเห็นเธอยังนิ่ง

ที่นิ่งเพราะกำลังพยายามรวบรวมคำพูดมากมายในหัวให้กลั่นออกมา
เป็นคำพูดในเวลาห้านาที ซึ่งมันยากมาก…และจึงได้ผลสรุปออกมาในที่สุด

“ฉันไม่แต่ง…และถ้าฉันไม่แต่ง คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาผืนดินผืนนั้นไปได้…
และฉันมั่นใจว่าฉันสามารถเอาตัวรอดจากคนพวกนั้นได้โดยไม่ต้องพึ่งพา
อาศัยบารมีของคุณแต่อย่างใด…”

ก็แค่หลบไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง ไม่ต้องโผล่หัวออกมา จะไปยากอะไร

“ด้วยการหนีไปตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ…” เขาถามกลับ

“ก็ไม่เห็นเป็นไร…” คนฟังส่ายหน้าไหวๆให้กับความคิดของหญิงสาว

“ฉันคงลืมบอกอะไรเธอไป…ตอนนี้ฉันมีสิทธิ์ในที่ดินผืนนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมันได้อีกแล้ว…พ่อเธอจัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ
คราวนี้เธอก็เลือกเอาว่าจะหนีไปจนตายหรือว่าจะแต่งงานกับฉันและใช้ชีวิตอย่างสบายๆ…
หวังว่าเธอคงไม่โง่วิ่งเข้าไปหากับดักของคนพวกนั้นหรอกนะ…”

นัจมุนตาค้าง ตะลึงกับสิ่งที่ได้รับรู้ มองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“โกหก…คุณโกหกฉัน…” เขาส่ายหน้า

“ฉันไม่ได้โกหก…พ่อเธอยกเธอและยกบ้านพร้อมที่ดินส่วนนั้นของท่าน
ให้กับฉันเรียบร้อยแล้ว…และเธอแทบจะไม่มีทางอื่นให้เลือกด้วย…นอกจากเป็นเมียฉัน…”

เขาจ้องมองเธอราวกับเสือที่จ้องจะตะครุบเหยื่อ

“ไม่…ฉันไม่เชื่อ…คุณเอาอะไรมาพูด…” นัจมุนไม่เชื่อว่าพ่อจะทำอะไรแบบนี้…
ปกติพ่อเป็นคนคิดอ่านรอบคอบ การกระทำแบบนี้มันไม่ใช่วิสัยของท่านแน่ๆ…

“เธอลองโทรไปถามคนที่จะทำให้เธอเชื่อได้ก็แล้วกัน…หมดเวลาห้านาทีของเธอแล้ว…
และถ้าเธออยากอยู่ต่อเวลาอีกสักนิด…ฉันจะจัดที่นอนให้เลย”

เขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับเหยียดปากออก แววตาเหมือนเสือร้าย…

นัจมุนเกลียดความหวั่นไหวในหัวใจท่ีลามไหลไปถึงช่องท้องยามเมื่อสบตาเขา
หญิงสาวจึงรีบหลบทันที ไม่คิดจะดึงดันมองมันให้ความหวั่นไหวที่ก่อตัวอยู่เสมอ
ทำให้เธอหลงไปติดกับดักหลุมพรางนายพรานอย่างเขาเข้า…

“ว่าไง…จะให้ฉันจัดที่นอนให้เลยมั้ย…” นัจมุนลอบกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก
ก่อนจะเอ่ยกับเขาด้วยน้ำตาที่คลอเบ้าอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดเธอถึงได้อ่อนไหวได้ถึงเพียงนี้

ตอนนี่เธอทั้งอึดอัด อัดอั้นอย่างบอกไม่ถูก ทุกอย่างมันมาจุกอยู่ตรงยอดอก...
ทำไมเขาต้องมาบีบคั้นเธอด้วย...เขาจะทำไปทำไม...อยากได้แผ่นดินที่เธอรัก
ไปทำไม...มันมีอะไรที่เขาต้องการนักหรือ จึงบีบคั้นเอากับเธอแบบนี้...

“คุณบอกว่าให้เวลาฉันสามวัน เหมือนว่าให้ฉันมีสิทธิ์เลือก มีสิทธิ์ตัดสินใจ…
แต่จริงๆแล้วคุณไม่ได้ให้อะไรฉันเลย…แม้แต่ทางเลือก

และฉันก็คงต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ไปตลอดขณะใช้ชีวิตกับคุณใช่มั้ย
ฉันต้องยอมรับมันให้ได้ใช่มั้ย”

คนฟังเบือนหน้าไปอีกทางอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทนมองไอ้น้ำใสๆ
ในดวงตาคู่นั้นไม่ได้ขึ้นมา ทั้งๆที่น้ำตาของผู้หญิงไม่เคยทำอะไรหัวใจของเขาได้…ไม่เคย…

“เวลาคุณอยากจะไปจากชีวิตฉันคุณก็ไป ฉันไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร…
พอจะกลับเข้ามาในชีวิตฉัน คุณก็กลับเข้ามาโดยไม่ต้องขออนุญาต…
ใช่…คุณทำได้ และฉันทำไม่ได้แบบคุณ…ไม่เคยทำได้…”

นัจมุนยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วกล่าวตัดพ้อออกไปอย่างคนที่กำลังน้อยใจจนถึงที่สุด…
เพราะในวันวาน เพียงแค่เรียกให้เขาหันกลับมามองเธออีกสักครั้ง เขาก็ไม่หันมามองสักนิด
จากไปอย่างคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน...

เด็กชายกอมารุนในวันนั้นว่าเย็นชาแล้ว เชคกอมารุนในวันนี้ยิ่งกว่าหลายเท่านัก...

“เสียงของฉันมันคงไม่สำคัญไม่ดังพอให้ใครได้ยิน…ไม่มีใครอยากฟังเสียงท่ีไร้ค่าของฉัน…
แม้แต่พ่อของฉันก็ไม่เคยคิดจะฟัง…” หญิงสาวหันหลังไม่อยากมองหน้าเขา ไม่อยากเห็น…
หากก็ยังไม่วายตัดพ้อเขาอย่างไม่หยุดหย่อน

“คุณมีเวลาฟังฉันแค่ห้านาที…ให้เวลาฉันพูดเรื่องชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ไปของฉันแค่ห้านาที…
นี่หรือคนที่ฉันจะใช้ชีวิตด้วยต่อไป…”

นัจมันหันมามองเขาก่อนจะบอกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“คุกนั้นเป็นที่รักยิ่งแก่ฉันกว่าสิ่งที่คุณเรียกร้องฉันไปสู่มัน…”

กอมารุนมองใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของคนที่กล้าบอกเขาว่า 'คุก' นั้น
ประเสริฐกว่าการต้องมาใช้ชีวิตคู่กับเขา…เธอยินดีจะไปอยู่ในคุกงั้นหรือ

“ได้…ถ้าเธออยากอยู่ในคุก…ฉันก็จะให้เธออยู่ในนั้นตามคำขอ...”

พูดจบเขาก็เรียกสองนางเข้ามาพร้อมกับสั่งกำชับว่า

“ห้ามให้อิสระกับนักโทษของฉันเด็ดขาด…ถึงเวลาก็ให้ข้าวให้น้ำตามปกติ
แล้วขุนให้มีน้ำหนักเพิ่มห้ากิโลให้ได้ภายในหนึ่งเดือน…ถ้าไม่ยอมกิน
ก็หาวิธียัดเข้าไปให้ได้…จะทำยังไงแบบไหนก็ได้…ฉันให้อิสระนั้นแก่เธอสองคน…"

เขากระตุกมุมปากนิดนึง เมื่อนึกถึงเมนูสำคัญในการขุนนัจมุนขึ้นมาได้

"โดยเฉพาะ เนื้อ นม ไข่ ต้องให้กินทุกมื้อ…และห้ามให้แตะต้องพวกอาหารขยะ
พวกขนมขบเคี้ยว พวกอาหารที่ไร้คุณค่าต่อสุขภาพและความงามให้ทิ้งไปให้หมด…
อย่าให้นักโทษของฉันเอาเข้าปากเด็ดขาด…”

นัจมุนตวัดสายตามองคนท่ีกำลังก้าวเข้ามาบงการชีวิตเธอทันที…

“ส่วนพวกเนื้อ นม ไข่ ทุกอย่างต้องมาจาก 'ฟาร์มจันทร์คู่ฟ้า'เท่านั้น…
โดยเฉพาะ…นมสด…ต้องบังคับให้ดื่มอย่างน้อยวันละ 2 แก้วเป็นอย่างต่ำ…
สลับทั้งนมแพะ นมวัวแล้วก็นมอูฐด้วย…รวมทั้งนมถัั่วเหลือง…ดื่มแทนน้ำได้ยิ่งดี...

แล้วทำยังไงก็ได้ให้นักโทษของฉันได้ออกแรง ออกเหงื่อทุกเช้าเย็น
ไม่ว่าจะบริหารท่าไหนก็ได้แต่ห้ามมีรอยช้ำ ห้ามมีรอยขีดข่วนเท่านั้น…”

สั่งพลางชำเลืองไปยังนักโทษที่ยืนกำหมัดแน่นทีเดียว…สีหน้าแดงก่ำอย่างบ่งบอกให้รู้ว่า
ภายในนั้นกำลังคุกรุ่นเพียงใด…

“และถ้าเธอสองคนทำไม่ได้…ฉันก็คงจ้างทำงานสำคัญอื่่นๆไม่ได้อีกต่อไป…”

สองนางหันมามองหน้ากัน นี่มันงานหินชัดๆ…ขุนโครงกระดูกตรงหน้าให้มีน้ำหนักเพิ่ม
ห้ากิโลกรัมภายในหนึ่งเดือน ดูยังไงๆก็เป็นไปได้ยากเหลือเกิน…เห็นแววตกงานอยู่รำไร…

งานดี เงินดี สวัสดิการเพียบแบบนี้ใช่หาได้ง่ายๆ…

ส่วนเจ้าของร่างโครงกระดูกถึงกับเม้มปากสนิทแน่น…เนื้อตัวสั่นด้วยความโกรธสุดขีด

“ฉันไม่ยอม…” หญิงสาวคำรามออกมาด้วยสีหน้าทมึงตึง

“นักโทษไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นหรือขัดขืนอะไรทัั้งนั้น…นี่คือกฎของคุก
และถ้าเธอไม่ทำตาม…ฉันจะเป็นคนป้อนข้าวป้อนน้ำ ป้อนนมให้เธอเอง
อยากจะให้ฉันป้อนก็ลองหือกับสองคนนี้ดู…รับรองว่าฉันมีวิธีป้อนที่วิเศษ
จนเธอคาดไม่ถึงแน่…”

“เผด็จการ!”

“เธอขอคุกฉันก็ให้คุกแล้วไง…” เขาบอกเธอจบก็หันไปบอกลูกน้องสองคนของเขาทันทีว่า

“เอานักโทษไปได้แล้ว…และหวังว่าหนึ่งเดือนผ่านไป ฉันจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลง
ไปในทางที่ดี…แล้วถ้านักโทษมีปัญหามากนักให้มารายงานฉันทันที!”

จบคำ สองนางก็เข้าประกบซ้ายขวานัจมุนแล้วนำเธอออกไปทันที…
กอมารุนมองร่างผอมบางพลางส่ายหน้า ก่อนจะเปรยออกมาอย่างเหลืออด
กับสภาพของนัจมุน

“ผอมอย่างกับถั่วงอก…”




ผ่านไปแค่วันเดียวก็มีรายงานความเป็นไปจากแดนนักโทษมาว่า

“นักโทษดื่มนมแล้วท้องเสียค่ะเชค…พวกเราควรทำอย่างไรดี…”

“เพราะไม่ดื่มนมเลยน่ะสิถึงเป็นแบบนั้น…ให้ดื่มต่อไป…เดี๋ยวก็เลิกท้องเสียไปเอง…”

“แต่เธอ…เอ่อ…ท้องเสียจน…เอ่อ…น่าเห็นใจนะคะ…”
คนฟังลอบถอนใจ ก่อนจะเริ่มอธิบายว่า

“จริงๆแล้วคนที่ไม่ค่อยดื่มนม ตัวแบคทีเรียที่ย่อยแล็กโทสในลำไส้จะไม่ค่อยมี
เลยย่อยได้ไม่ค่อยดี มันก็เลยขับออกมา จึงดูเหมือนว่าท้องเสีย แต่พอดื่มไปเรื่อยๆจนชิน
เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง” เพราะแรกๆที่เขาดื่มนมมักท้องเสียตลอดแต่ภายหลังเมื่อดื่มเป็นปกติ
อาการดังกล่าวก็หายไป

“นมสดมีประโยชน์มาก ทั้งต่อสุขภาพโดยรวมและผิวพรรณ...รวมไปถึงกระดูก…”
เขาอธิบายอย่างใจเย็น

“อย่าใจอ่อนกับลูกอ้อนของนักโทษเด็ดขาด…รายนี้เขาไม่ชอบดื่มนมโดยนิสัยอยู่แล้ว…
ไม้แก่ดัดยากก็จริง แต่ก็ไม่ยากเกินจะดัด…”

“ค่ะเชค…พวกเราจะพยายาม…”

“แล้วเรื่องอาหารนั้น…ช่วยทำให้เขาด้วยนะ…เพราะดูไปแล้วน่าจะไร้ฝีมือในการปรุงอาหาร…
ของดีๆอาจเสื่อมคุณภาพหมด…โดยเฉพาะผัก ต้องให้กินมากๆ…
ผักออแกนิกจากที่ฟาร์มจะส่งมาที่นี่ทุกวัน…ยังไงก็ช่วยจัดให้นักโทษเขาหน่อย…
แต่ห้ามรสจัด แล้วค่อยๆเพิ่มปริมาณสารอาหารขึ้นเรื่อยๆ…เพราะจริงๆเขากินเก่ง…
แต่กินน้อยจนชินเสียมากกว่า เลยทำให้ขนาดของกระเพาะหดตัวจนน่าใจหายกว่าคนปกติ”

มันถึงได้ออกมาผอมหัวโตซะขนาดนั้น...และนั่นคือข้อมูลที่เขาเพิ่งได้รับ
มาจากบิดากับน้องชายของเธอ…ว่าก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตแบบไหนมา...
และมีนิสัยการกินอย่างไร...ช่างเป็นผู้หญิงที่ไร้ความเป็นกุลสตรีที่ดีเหลือเกิน...

เขาคงจะหวังให้เธอเข้ามาช่วยจัดการเรื่องอาหารการกินและเรื่องชีวิตส่วนตัวของเขา
ลำบากอย่างไม่ต้องสงสัย...

“ค่ะเชค…” ปลายสายรับคำหนักแน่น

“แล้วถ้าเป็นไปได้ ช่วยหาคนมาสอนการทำอาหารให้เขาด้วย…จะได้ไม่อดตาย
เวลาไม่มีใครทำอะไรให้กิน...” ก็ขนาดไข่เจียวยังทำให้อร่อยไม่ได้ จนน้องชาย
ถึงกับส่ายหน้า...เขาก็ไม่คิดว่านัจมุนจะทำเมนูอื่นให้อร่อยได้...

ช่างเป็นผู้หญิงที่ขาดเสน่ห์ไปเสียหมด...จนเขาแทบจะค้นหาไม่เจอด้วยซ้ำ...

“ค่ะเชค…” สั่งความเสร็จก็วางโทรศัพท์ลงก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการกับงานตรงหน้า…

เมื่อเวลาผ่านไปก็ออกมาพักสายตาตรงระเบียงบ้านหลังจากได้ทำการละหมาดเสร็จ
เห็นสามสาวกำลังวิ่งออกกำลังในสวนส้มโอ…ก่อนจะจบด้วยการว่ายน้ำในลำธารแข่งกัน

กอมารุนได้ยินเสียงหัวเราะสดใสของว่าที่เจ้าสาวมากับสายลมที่พัดต้องกาย…

เขาไม่รู้ว่าลูกน้องทั้งสองของเขาทำอย่างไรถึงเอายัยถั่วงอกอยู่…
แต่ช่างเถิด…ขอให้เธออยู่ในคุกต่อไปแบบนี้แหล่ะดีแล้ว จะหัวเราะหรือร้องไห้ก็ช่าง…

เพราะคุกของเขาคือสถานที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับถั่วงอกอย่างนัจมุนในยามนี้…





................โปรดติดตามตอนต่อไป......................



เอาพี่ก้อกับน้องนีลมาเสริฟ...รอบนี้ฉายา "ถั่วงอก" เหอๆ
เขียนตอนนี้แล้วรู้สึก อยากกินผัดถั่วงอกกับกุ้งแห้งขึ้นมา...อิอิ

คุกแบบนี้จะว่าไปก็น่าอยู่เหมือนกัน เหอๆ แบบว่าได้กินดีอยู่ดี อ้วนพีแน่ๆ ^^


พรุ่งนี้ได้กฤษ์กลับบ้านเกิด...พอจะย้ายใจหายเหมือนกันนะเนี่ย...
ถ้าไม่เห็นหัวเต่าโผล่มาหลายวันแสดงว่ายังหาทางลง เย้ย ยังลงหลักปักฐาน
ได้ไม่มั่นคงนัก หลักแน่นแล้วจะโผล่หัวมาจากกระดองค่ะ ^^
ไม่น่าจะใช้เวลานาน...แต่อาจจะยุ่งๆเท่านั้น...หายหัวหมุนแล้วจะรีบมาอัพให้กันต่อค่ะ
เพราะเต่าก็กำลังติดพันกับเรื่องนี้อยู่ แบบว่ากำลังง่วนอยู่กับมันทีเดียว

ดังนั้น...ขอส่งใบลาล่วงหน้าไว้ก่อนจ่ะ...^o^


ขอบคุณนักอ่านที่ติดตามเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณทุกวิว ทุกไลค์ ทุกคอมเมนท์จ่ะ ^^



........ตอบเมนท์จ่ะ........

1.คุณPampam...ชอบค่ะ..."กำขี้ดีกว่ากำตด" อิอิ
แต่ให้หนูนีลเป็นขี้เลยหรือ...อิอิ...มานเหม็นน้าาาา...ฮ่าาาาา
รอดูว่าเฮียแกจะได้ตามสเปคมั้ย...เหอๆ


2.คุณปรางขวัญ....หนูนีลรู้เข้าคงปวดใจเหมือนกันค่ะ...อิอิ

3.คุณsunflower...สเปคสูงอย่างนี้ต้องเจอของจริงแท้
ไร้พลาสติกค่ะ...ถึงจะจอดสนิท ผู้ชายอย่างนี้น่าจะให้หนูนีลยิงเรือให้ทะลุ
ล่มกลางน้ำ แล้วให้ว่ายน้ำขึ้นฝั่งเอาเอง อิอิ เอาแบบสำนวนไทยเลย
ผู้ชายพายเรือ ส่วนผู้หญิงก็ยิงเรือ...อิอิ

4.คุณแว่นใส...พี่ก้อฝากมาบอกว่า กลืนน้ำลายตัวเองไม่กลัวครับ
กลัวจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหอๆ

5.คุณkonhin...ก็สองสาวที่เฮียแกว่าเริดๆน่ะ ที่ผ่านมา ไม่สามารถผลิตลูก
ให้เฮียแกได้เลยนะคะ เฮียแกเลยต้องมานอนอ้างว้างไร้ทายาทอยู่...เหอๆ
ตอนนี้ก็คงทำได้แค่นอนกอดหมอนข้างไปพลางๆ...อิอิ
ผู้หญิงที่รักสวยรักงามเอามากๆ มักไม่ค่อยอยากมีลูกให้เสียของ
หรือถ้ามีก็จะมีแค่คนสองคน ผู้ชายที่อยากมีลูกเยอะๆ คงต้องหาหน้าตาแบบบ้านๆค่ะ
เธอถึงจะยอมเสียของ...แบบว่าอ้วนเท่าตุ่มเท่าไหก็ไร้กังวล ไม่เป็นไร ศรีรับได้...
เพราะพี่สะใภ้เต่าน้า ตอนสาวๆน้า หุ่นดี๊ดีกันทู้กคน แบบว่าสเล็นเดอร์อ่ะ
แต่ว่า...ตอนนี้น้า...ไม่ขอนินทาดีฝ่า...มันบาป...ฮี่ๆๆๆ


6.คุณตุ๊งแช่...นางเอกฉายาปากปลาหมอ ส่วนพี่ก้อ น่าจะปากปลาชะโด(ค้มคม)
กัดไม่เลือกด้วย...โยว่ารอบนี้พี่ก้อแกอาจจะอยากหันมาส่องของแปลกดูก็ด้าย...
ใช่ว่าหนูนีลเธอไม่สวยน้า เธอสวยใช้ได้เลย แต่ว่ายังสวยหลบใน...อิอิ

ส่วนโยหรือคะ...เปล่าน้า...มะด้ายตกหลุมพรางชายใด
แค่ขุดหลุมฝังตัวเองเท่านั้นเอ๊ง...เหอๆๆๆ...กว่าจะผุดขึ้นมาจากหลุม
ที่กระโดดลงไปได้ สุดๆ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เรยอ่ะ...อิอิ

ความรักมักทำให้เราเห็นอะไรผิดเพี้ยนได้ ตอนรักมองมุมไหนองศาไหนก็...
ล้อหล่อ หล่อแบบ 360 องศา...แต่อย่าให้เกลียดนะ...อย่าให้เกลียด...
สายตาเราก็จะผิดเพี้ยนแบบแปรผกผันกับตอนความรักเข้าตาเลยละ...อิอิ
จากที่เคยมองเห็นเป็นเจ้าชายก็กลายเป็นซาตานไปได้ในบัดดลเหมือนตอนเพิ่งเจอ...
คือ กลับไปสู่จุดเริ่มต้น...แบบว่าสูงสุดสู่สามัญ (อันนี้เกี่ยวกันมั้ยไม่รู้) เหอๆ
เช่น ตอนเจอแรกๆ เห็นคนกลายเป็นซาตาน พอรักเข้าตา จากที่เห็นเป็นซาตาน
ก็กลายกลับเป็นเจ้าชายแสนดี๊แสนดี...พอเกลียดหรือ จากที่เห็นเป็นเจ้าชายสุดหล่อเริด
ก็กลายเป็นซาตานคูนสิบยกกำลังสอง...แบบไม่ต้องถอดสแควรูท...
ขังให้มันอยู่ในรูทตลอดกาลไปเลยนั่นแหล่ะ...เหอๆ

พ่อเต่าบอกว่า...เราต้องพยายามใช้สติมองคนให้เป็นคน แล้วจะเจอคนที่ใช่จริงๆ...
เรียกว่ารักอย่างมีสติ ^o^


7.คุณphakarat...แต่สภาพตอนนี้เหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่ากลืนไม่ลงนะคะ

เหมือนเฮียแกจะไม่ชอบกินถั่วงอก...อิอิอิ...คงต้องมาดูกันว่า คุกที่ว่า
จะสามารถเปลี่ยนถั่วงอกให้เป็นอะไร...เหอๆ

8.คุณyapapaya...เหมือนง้างๆจะตบอยู่นะคะ ถ้าไม่โดนขู่ซะก่อนคงได้โดน...
แต่ว่าน้า...พี่ก้อน้า...โดนหนูนีลตบไปหลายฉาดแล้วน้า เดี๋ยวพระเอกเต่าจะ
แก้มช้ำหมดอ่ะจิ...ยิ่งเฮียแกความจำดี๊ดีแบบนั้น...เวลาคิดบัญชีขึ้นมา
หนูนีลอาจหมดเนื้อหมดตัวก็ได้นะคะ...อิอิ หนูนีลอาจเป็นของแปลกที่ทำให้
เฮียแกอยากลองจนต้องจับถั่วงอกไปหมักดองและแช่อิ่มอยู่ในคุกสักพัก เหอๆ

ส่วนเรื่องหลงรักแม่ข้าวเปลือกค้างปีนั้นคงยากหน่อย เพราะเฮียแกใจแข็งพอๆกับปาก
แต่เรื่องที่จะหาทางกินข้าวเปลือกที่ว่านั้นไม่น่าจะยากค่ะ...เกิดเป็นไก่อย่าให้เสียชาติเกิด
ว่ากินข้าวเปลือกไม่เป็น ฮ่าๆๆๆๆ ต้องมาดูกระบวนท่าในการจิกข้าวเปลือกค้างปี
ของเฮียก้อเขาค่ะ...ว่าจะเป็นเยี่ยงไร...อิอิ



.....ขอให้มีความสุข สุขภาพดีกันถ้วนหน้านะคะ.....


"เต่าโย"




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ค. 2558, 00:06:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ค. 2558, 00:06:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 2588





<< ต้นที่ 11 มะยมขม   ต้นที่ 13 นักโทษในเรือนใจ >>
ปรางขวัญ 22 พ.ค. 2558, 00:37:06 น.
รีบกลับมาไวๆนะคะคนอ่านนั่งเกาะขอบจอรอเลย


Pampam 22 พ.ค. 2558, 02:38:51 น.
หลังจากโดนขุนแล้วขอหนูนิลสวยๆแบบว่าพี่ก้อตลึงตาค้างน้ำลายไหลย้อยอะไรเงี๊ย

คอมเม้นท์ตอนที่แล้ว"กำขี้ดีกว่ากำตด" ไม่ได้เปรียบหนูนิลเป็นขี้น๊า เขาหมายถึงขี้มันsolidมันจับต้องได้มันเป็นของที่มีอยู่จริง แต่ตดมันมีแค่กลิ่นเป็นแค่แอร์แล้วก็มลายหายไป
พูดถึงเรื่องสเปคตอนเป็นวัยรุ่นวาดฝันแฟนไว้ต้องหล่ออย่างเทพบุตรหรือสวยอย่างนางฟ้า พออายุมากขึ้นเราก็ค่อยๆตัดออกทีละนิดๆจนว่าหยวนๆละกัน คนเขาเลยบอกว่าอย่าเลือกมาก"กำขี้ดีกว่ากำตด"

กลับมาต่อเร็วๆนะคะ


konhin 22 พ.ค. 2558, 05:21:27 น.
ทำเค้าติดแล้วจะหายไปไหนนนนนนนนน เอาที่สต๊อกไว้ลงก่อนเร็วๆๆ ฮ่าๆๆ

เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ

เรื่องก่อนยุยังไงนางเอกก็ไม่หือกับพระเอกซักที เอาน่า ลองเรื่องนี้อีกรอบ นางต้องทำได้
เข้าใจว่ายังไงการแต่งงานก็ต้องให้นางเอกออกปากเองว่าจะอยากได้เอ้ยยอมรับผู้ชายคนนี้เป็นสามี เข้าใจว่าอาจจะเก็บไว้ดื้อตอนนั้น


แว่นใส 22 พ.ค. 2558, 08:20:50 น.
หนึ่งเดือนนี้จะสวยให้ดูนายก้อ


ตุ๊งแช่ 22 พ.ค. 2558, 08:37:44 น.
สมกับที่รู้จักมาแต่เด็ก รู้ทันหนูนีลจริงๆๆ เดือนเดียวขุนให้ได้ จะสำเร็จไหมนั้น

น่าสงสาร เสาสองต้น ที่ต้องคอยรับมือนาง

เจ้าชายกลายเป็นซาตาน ตรรกะนี้ จริง!! เป็นเมมโมรี่ ที่ถูกดีลีต อย่างไว ...

เดินทางปลอดภัยค่ะ การกลับไปจุดเริ่มต้น เหมือนเดินทางย้อนเวลาเลยน๊า เพียงแต่เราแก่ เอ๊ย โตขึ้น..

น่าจะมีสิ่งใหม่ๆที่ ต่อยอดได้อีก โดยเฉพาะพลอตนิยายเรื่องใหม่ๆ
แต่ๆๆๆ กรุณา แต่งเรื่องในไหดองก่อนนะ...
ยังคงรอหนูกีสต่อไป...

เจออีกที ทิตย์หน้าเลยยย...เก๊า...อนุญาต.. ..
จะไปลั้ลล้า คือกานนน


yapapaya 22 พ.ค. 2558, 12:13:00 น.
เจอถั่วงอกอีกแล้วฉายานางเอกคุณเต่าไม่พ้นของกิน ออนุมัติให้ลานะคะ แต่ว่าความ กลับบ้านเกิดมันอบอุ่นนะคะจนร้อนเลยบางเรื่องคะ อยู่ไกลกันไม่รู้ไม่เห็น พอไกล้กันรู้ทุกเรื่องบางเรื่องมันเดือดเลยคะคุณโย สู้ๆๆ


phakarat 22 พ.ค. 2558, 20:55:37 น.
สงสัยว่าอยู่ๆแม่ของน้องหมอกชมหนูนีลสวยสวยกว่าเมียสองคนของพี่ก้อซะอีก รีบกลับมาเฉลยนะคะคุณโย ขอให้เดินทางปลอดภัยค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account