{ เจ้าบ่าวจอมเถื่อน }
เจ้าบ่าวจอมเถื่อน
Tags: เจ้าบ่าวจอมเถื่อน, เขม, ขวัญกมล, เกษม, ขจีพรรณ, บุลินทร, นักเลง, สาวแว่น, หื่น, เถื่อน, ตบจูบ, คอมเมดี้

ตอน: บทที่ 6 ชมไร่เกษม (ครึ่งแรก)



ชมไร่เกษม






อาจเป็นเพราะอยู่ในช่วงหน้าหนาว ทำให้แดดตอนสิบโมงเช้ายังไม่ถือว่าร้อนเกินไปนัก ขวัญกมลนั่งซ้อนท้ายบิ๊กไบค์ของเขมซึ่งค่อยๆมุ่งหน้าไปตามถนนดินลูกรังของไร่เกษมโดยไม่รีบร้อน

แม้หญิงสาวจะอยู่ในชุดเสื้อและกางเกงทะมัดทะแมง แต่ความที่รถคันใหญ่กว่ามอเตอร์ไซค์ปกติ การนั่งทรงตัวบนเบาะจึงไม่ง่ายนัก อยากจะเอื้อมมือไปเกาะเอวคนข้างหน้า หากว่าเขาเป็นคนที่สนิทใจกว่านี้อย่างรามิล แต่เพราะเธอเพิ่งได้พบเขมจริงๆจังๆ หลังห่างหายกันไปสิบกว่าปี ขวัญกมลจึงใช้มือเล็กจับขอบเบาะไว้แทน เพราะไม่รู้ว่าถ้าเกาะเอวแล้วอีกฝ่ายจะคิดเช่นไร

“จะเกาะเอวก็ไม่ว่านะ” ชายหนุ่มหันมาบอกราวได้ยินเสียงความคิดเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวบอกทั้งนั่งเกร็ง

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า ถ้าตกขึ้นมาผมไม่รับผิดชอบนะจะบอกให้” เขาขู่ เมื่อเห็นเธอยังไม่ขยับก็เร่ง “เร็วสิยาย…เอ๊ย…คุณขวัญกมล” เขมเกือบจะหลุดเรียกหญิงสาวตามความเคยปากเมื่อสมัยก่อน แต่ก็เปลี่ยนทัน

เธอชั่งใจอยู่ครู่ สุดท้ายจึงเอื้อมมือสองข้างไปเกาะเอวเขมไว้แทนซึ่งทำให้นั่งสบายขึ้นเยอะ

“เกาะแบบเก้ๆกังๆอยู่ได้ กลัวอะไร” เขาบ่นด้วยความไม่ได้ดั่งใจ ก่อนปล่อยมือซ้ายจากแฮนด์มอเตอร์ไซค์ เอื้อมไปจับมือบางสองข้างของหญิงสาวให้โอบรอบเอวตนเองเสร็จสรรพ “ต้องแบบนี้ ถึงจะมั่นใจว่าไม่ตกแน่”

ขวัญกมลทำอะไรไม่ถูก เพราะมัวแต่ตกใจ ตอนนี้เธออยู่ในท่าที่ใบหน้าเกือบจะซบลงกับแผ่นหลังหนา เสื้อผ้าค่อนข้างบางของชายหนุ่มทำให้สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องแน่นเป็นลูกคลื่นไร้ไขมัน พลันใบหน้าใสเห่อร้อนขึ้นราวกับยืนตากแดดมานาน ทั้งที่แสงแดดตอนนี้กำลังสบายๆ

เขมยิ้มมุมปาก ท่าทางขวัญกมลคงเขินน่าดู เพราะผู้หญิงเชยๆ เจ้าระเบียบ สนใจแต่การเรียนแบบเธอคงไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวผู้ชายแบบนี้มาก่อน ว่าแล้วเขาก็ปล่อยมือจากแฮนด์มอเตอร์ไซค์อีกครั้งและเลื่อนไปทาบทับบนหลังมือนุ่มนิ่มเอาไว้แผ่วเบา

“เกาะแน่นๆนะคุณ”

“แล้วคุณจะปล่อยมือทำไมนั่น เดี๋ยวรถก็ล้มหรอก” ขวัญกมลมัวเป็นห่วงสวัสดิภาพตัวเองจนลืมว่าโดนแต๊ะอั๋งอยู่

“มือชั้นนี้แล้วไม่ต้องห่วงหรอกครับ ปล่อยมือขี่สองข้างก็เคยมาแล้ว” เขมโว ใบหน้าคมระรื่น สนุกไม่ต่างจากตอนแกล้งเธอเมื่อหลายสิบปีก่อนเลย

“หา! อะไรนะ!” ดวงตาเรียวหลังกรอบแว่นเบิกโต เขาพิเรนทร์ขนาดนี้เลยเหรอ แต่จะบ้าบิ่นขนาดไหนก็เถอะ อย่ามาปล่อยมือสองข้างตอนนี้แล้วกัน เพราะข้างเดียวเธอก็เสียวไส้จะแย่

“ลองไหมล่ะ ผมไม่ได้โม้นะจะบอกให้” เขมพร้อมให้อีกฝ่ายท้า เพราะรู้ว่าหญิงสาวไม่กล้าให้เขาปล่อยมือ

“ถ้าจะลองก็ให้ฉันลงก่อน ฉันไม่เสี่ยงชีวิตไปกับคุณหรอกนะ” คนบ้า ถ้ารู้ว่าจะทำอะไรผาดโผนแบบนี้ เธอไม่มาด้วยแน่

“ทำไม ไม่เชื่อใจผมเหรอ ผมขี่เก่งจะตาย ไม่เคยพลาดสักครั้ง”

“ก็อาจจะพลาดครั้งนี้แหละ”

“โอเคๆ ไม่ปล่อยก็ไม่ปล่อย” เขมยกธงขาว

“ขอบคุณค่ะ แล้วช่วยเอามือคุณออกจากมือฉันด้วย” ขวัญกมลที่เพิ่งรู้ตัวบอกเสียงเข้ม

“อ้าว มือผมไปอยู่บนมือคุณตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่เห็นรู้ตัวเลยสักนี้ด-ดดด” ชายหนุ่มลากเสียงยาวจนคนฟังคันไม้คันมืออยากตบตี

“ไอ้พี่เขมอุนจิมรณะเอ๊ย!” หญิงสาวพึมพำพลางแอบแยกเขี้ยวใส่ด้วยความหมั่นไส้ ที่ผ่านมาเขาล้อเธออยู่ฝ่ายเดียวว่า ยายขวัญขี้มูกแห้ง ฉายาซึ่งฟังแล้วเจ็บปวดสะเทือนซางไม่น้อย แต่เธอไม่เคยล้อเขากลับเลยทั้งที่เจ้าตัวทำเรื่องน่าอับอายกว่าเยอะ

วันนั้นระหว่างเล่นกัน เขมเกิดปวดท้องกะทันหัน แต่ไม่กล้าขอไปเข้าห้องน้ำเพราะอาย จนสุดท้ายทนไม่ไหวปล่อยราดกางเกงเลอะเทอะ ทำเอาทุกคนวงแตกวิ่งหนีกลับบ้านแทบไม่ทัน พีชญาจึงตั้งฉายาให้ว่า ไอ้เขมอุนจิมรณะ เธอและอธิบดีฟังแล้วได้แต่ขำ แต่ไม่กล้าร่วมวงล้อกับพีชญาด้วย

“ว่าไงนะ” เขมเอ่ยถามเพราะได้ยินไม่ชัดเจน

“เปล่าค่ะ”

“เปล่าได้ไง ผมได้ยินคุณพึมพำอะไรสักอย่าง คงไม่ใช่สวดมนต์มั้ง” ชายหนุ่มประชดประชัน

แม้จะเพิ่งโคจรกลับมาพบกันไม่นาน แต่เขาและเธอก็ต่อปากต่อคำโดยไม่มีใครยอมใคร

“ถ้าฉันสวดมนต์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่คะ คุณขี่รถหวาดเสียวแบบนี้ ฉันก็เลยสวดให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง”

เขมส่ายศีรษะไปมา ท่าทางจำเลยคงไม่ยอมสารภาพ แต่เขาว่ายายขวัญกมลต้องแอบจิกกัดเขาแน่ๆ “โอเคๆ ไม่บอกก็ไม่บอก”

ขวัญกมลเงียบ เพราะขี้เกียจต่อคำ แต่มือยังเกาะเอวเขาไว้แน่นโดยไม่มีทางเลือก เพราะกลัวจะหงายหลังตก

ระหว่างทางคนงานของไร่ชาส่งเสียงทักทายเขมเป็นระยะ ชายหนุ่มยิ้มตอบอย่างเป็นกันเอง เขาขับรถมาเรื่อยๆจึงจอดที่จุดแรกซึ่งเป็นโรงงานแปรรูปชานั่นเอง

อาคารสองชั้นขนาดใหญ่ทาสีขาวสร้างด้วยคอนกรีตทั้งหลัง มีแผงโซลาร์เซลล์ติดเรียงรายบนหลังคากระเบื้องเพื่อเปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าลงส่วนหนึ่ง ถือเป็นนโยบายประหยัดทรัพยากรและลดมลพิษช่วยชาติซึ่งพ่อเลี้ยงเกษมทำมาตลอด บริเวณรอบๆอาคารมีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นและมีม้าหินอ่อนให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจตามมุมต่างๆใต้เงาไม้

หญิงสาวก้าวลงจากรถอย่างระมัดระวัง และเดินตามเจ้าของร่างสูงเข้าไปข้างใน เขมพาเธอชมแผนกต่างๆ รวมถึงห้องเก็บสินค้าที่แปรรูปเรียบร้อยแล้วเพื่อเตรียมจัดจำหน่าย กระบวนการผลิตชาของไร่เกษมใช้เครื่องจักรอันทันสมัยและสะอาด ทว่าขั้นตอนที่ละเอียดก็ยังต้องใช้พนักงานลงมือทำ

แม้ปกติช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับปลูกชาจะเป็นต้นฤดูฝนซึ่งดินมีความชุ่มชื้นเพียงพอ แต่หน้าหนาวไร่เกษมก็ยังเก็บเกี่ยวผลผลิตมาแปรรูปได้อย่างต่อเนื่อง เพราะนวัตกรรมการเกษตรอันก้าวหน้าในปัจจุบัน

ขวัญกมลเดินตามเขมต้อยๆ พนักงานในอาคารต่างแปลกใจ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นลูกชายเจ้าของไร่มาที่นี่

“คุณเขมมาเยี่ยมโรงงาน! ป้าตาฝาดหรือเปล่าคะเนี่ย” ป้านิดซึ่งทำงานที่นี่มานานเย้า

“แสดงว่าในสายตาป้าผมไม่เอาถ่านเลยใช่ไหมครับ” เขมแกล้งตัดพ้อ

ป้านิดหัวเราะร่วน “ป้าไม่ได้พูดนะคะคุณเขม”

แม้จะโดนแซวแบบนี้ แต่เขมก็ไม่ถือโทษ เพราะรู้ว่าป้านิดซึ่งเห็นเขามาแต่เด็กแซวด้วยความเอ็นดูมากกว่าเสียดสี

“นี่คุณขวัญกมลครับ พนักงานการตลาดคนใหม่ของไร่เรา” ชายหนุ่มแนะนำอย่างเป็นทางการ

“แหม ดีนะที่คุณเขมบอกก่อน ป้ากำลังคิดว่าพาแฟนมาหรือเปล่า” ป้านิดพูดจบ พนักงานคนอื่นๆก็ยิ้มพลางพยักหน้ารับเป็นทอดๆเชิงว่าคิดเหมือนกัน

“ไม่ใช่ครับไม่ใช่” ใจจริงอยากจะบอกว่า ลุคป้าๆแบบยายขวัญกมลไม่ใช่สเปคเขาเลยสักนิด แต่ก็ไม่อยากขายเธอต่อหน้าคนจำนวนมาก

ขวัญกมลใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ กลัวเขาจะอุตริทำอะไรให้เธออาย แต่สุดท้ายเขมก็พากลับออกมาโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่กลัว

“ไงคุณ ได้ไอเดียไปทำแคมเปญการตลาดไหม” ชายหนุ่มถามเมื่อเดินมาถึงบิ๊กไบค์คันเก่ง

“ค่ะ ก็เริ่มมีภาพคร่าวๆในหัว แต่สำหรับรายละเอียด ต้องขอเวลาอีกสักนิด” เธอตอบแบบไม่ให้ดูแย่ เพราะความจริงยังไม่ได้คิดอะไรสักอย่าง

เขมยกมุมปากขึ้นยิ้ม กลัวจะเสียฟอร์มล่ะซี้ ถึงไม่ยอมบอกว่ายังไม่คิด แต่เสียใจด้วยที่เขารู้ทัน

“แล้วนี่เราจะไปไหนกันต่อคะ”

ดวงตาคมของเขาเป็นประกายมีเลศนัย ขวัญกมลเลิกคิ้วขึ้นรอฟังคำตอบ ก่อนจะอ้าปากค้างเมื่ออีกฝ่ายบอก

“ไปเรือนส่วนตัวของผม” เขมขยิบตาใส่และยิ้มอย่างไม่น่าไว้ใจ



บุลินทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 พ.ค. 2558, 20:24:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 พ.ค. 2558, 20:24:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1759





<< บทที่ 5 ถามทำไม (จบตอน)   บทที่ 6 ชมไร่เกษม (จบตอน) >>
ดังปัณณ์ 18 พ.ค. 2558, 20:29:23 น.
อิเขมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม


โอ๊ยยยยยยยยยยยย ไม่ได้ ไม่ด้ายยยยยยยยยย หมอหมามาเร็ว! เสน่ห์อิเขมกระจาย กรี๊ดๆๆๆๆ

ว่าแต่เฮ้ยพี่หนอนชอบฉายานี้ของอิเขมว่ะหมี้ อุนจิมรณะ 55555+


บุลินทร 18 พ.ค. 2558, 20:29:24 น.
คุณ ดังปัณณ์
ยิ่งเขียนทำไมตาเขมยิ่งดูน่าหมั่นไส้นะ มันจะเป็นพระเอกได้มั้ยเนี่ย ฮ่าๆๆ ส่วนหมอหมายังไม่ร้องเลยก็ปลอบซะแล้ว ไม่ค่อยจะลำเอียงเลย

คุณ lovemuay
ตอนนี้เอาตัวร้ายไปเก็บก่อน มีแต่พระนางล้วนๆครับ

คุณ Zephyr
จิตใจดีมีเมตตากับสัตว์ ตรงข้ามกะตาเขมทุกอย่างเลย แต่จะชิงบอกรักขวัญทันมั้ยนี่สิ

คุณ พันธุ์แตงกวา
เจ๊แตงเดาถูก! ส่วนจะบุกมายังไง ต้องรอติดตามตอนต่อไปนะครับ แต่ท่าทางตอนนี้ตาเขมจะมีเรื่องอื่นให้ล้อแล้ว ฮ่าๆๆ


Zephyr 18 พ.ค. 2558, 23:17:29 น.
นายเขมใช้คำว่า เรือน เรือน เรือน
อุบร้ะ นายคิดคำนี้อยู่ในหัวด้วยเรอะ
ไม่เข้าลุคเลยอ่า 5555

หลอกแตะสาวอีก แหม มือขวัญนิ่มอ่ะดิ
เริ่มๆโปรยความน่ารักแบดบอยทะลุจอออกมาละ
ขอ รา มิล!!! มาเดี๋ยวนี้ ก่อนปันใจ
เร็วๆๆๆๆๆ



พันธุ์แตงกวา 19 พ.ค. 2558, 05:49:29 น.
เขมมมมมมมมม มาให้หยิกแรงสักที แพรวพราวเหลือเกิ๊นพอคุณแตะนิดแตะหน่อยมาดมๆก็เอา แล้วยังจะชวนเค้าเข้าบ้านอีก
ท่าทางหนูขวัญจะเหลือใจขนาดถึงได้แอบด่าอุณจิมรณะเนี่ย ก๊ากกกกกกกก


lovemuay 19 พ.ค. 2558, 17:53:07 น.
คอยดูนะ ไม่ใช่สเป็คเรอะ หึหึหึ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account