กว่าหัวใจจะเจอรัก
คำโปรย กว่าหัวใจจะเจอรัก
หนึ่งคน...ยโสเอาแต่ใจ เคยชินต่อการที่ใครต่อใครยอมศิโรราบ จนไม่ยอมแม้แต่จะฟังเสียงหัวใจของตัวเอง
หนึ่งคน...อวดดื้อถือดี พยายามต่อต้านทุกวิถีทางทั้งที่หัวใจร่ำร้องว่าไม่ต้องการ
หนึ่งคน...ภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่ข้างในซุกซ่อนความเอาแต่ใจกระทั่งยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
หนึ่งคน...หัวอ่อนว่าง่าย หากในใจกลับเข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ ถึงแม้หัวใจจะถูกใครบางคนฉกฉวยยึดเอาไปแล้วก็ตาม
...ในเมื่อไม่ยอมฟังเสียงหัวใจ ไม่ยอมทำในสิ่งที่หัวใจร่ำร้อง แล้วอย่างนี้เมื่อไรหัวใจทุกดวงจึงจะค้นพบรักแท้ที่จริง ๆ แล้วอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม...
หนึ่งคน...ยโสเอาแต่ใจ เคยชินต่อการที่ใครต่อใครยอมศิโรราบ จนไม่ยอมแม้แต่จะฟังเสียงหัวใจของตัวเอง
หนึ่งคน...อวดดื้อถือดี พยายามต่อต้านทุกวิถีทางทั้งที่หัวใจร่ำร้องว่าไม่ต้องการ
หนึ่งคน...ภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่ข้างในซุกซ่อนความเอาแต่ใจกระทั่งยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
หนึ่งคน...หัวอ่อนว่าง่าย หากในใจกลับเข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ ถึงแม้หัวใจจะถูกใครบางคนฉกฉวยยึดเอาไปแล้วก็ตาม
...ในเมื่อไม่ยอมฟังเสียงหัวใจ ไม่ยอมทำในสิ่งที่หัวใจร่ำร้อง แล้วอย่างนี้เมื่อไรหัวใจทุกดวงจึงจะค้นพบรักแท้ที่จริง ๆ แล้วอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม...
Tags: พี่จิน พี่ธันว์ น้องส้ม น้องแก้ม ปากแข็ง ทิฐิ
ตอน: ตอนที่ 11
บทที่ 11
ในที่สุดก็มาถึงวันที่น้องส้มรอคอยเมื่อเธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี
หญิงสาวในวัยยี่สิบเศษไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อยเมื่อเริ่มหางานทำตั้งแต่แน่ใจว่าเรียนจบ แม้เวลาผ่านมาร่วมสามเดือนแล้วแต่ยังไร้วี่แววบริษัทที่จะรับเข้าทำงาน ณัฐวราก็ยังไม่ยอมแพ้เมื่อยังคงตั้งหน้าตั้งตาหางานทำต่อไป
กระทั่งเช้าวันหนึ่งซึ่งตรงกับวันเสาร์
“ส้ม เมื่อกี้พี่จินมาหาน่ะ พอแม่บอกว่าเรายังไม่ตื่นก็บอกว่าเดี๋ยวสาย ๆ จะมาหาใหม่”
น้องส้มนิ่งไปเมื่อนึกถึงคนที่เธอไม่ได้เจอเขามานานมากแล้ว
ดูเหมือนนับตั้งแต่วันที่เขาทำตัวป่าเถื่อนเพราะต้องการจะสั่งสอนเธอในครั้งนั้น ทั้งเธอและเขาก็เหมือนใจตรงกันตรงที่พยายามหลบเลี่ยงอีกฝ่าย ซึ่งอาจเพราะจินตเมธกำลังอยู่ในช่วงแบกรับความรับผิดชอบต่อจากบิดาทำให้เขาต้องทุ่มเทวันเวลาให้กับงานที่บริษัทจนดูเหมือนแทบอยู่ไม่ติดบ้าน ในขณะที่เธอเองก็มุ่งมั่นกับการเรียนปีสุดท้ายจนทำให้ไม่ค่อยอยู่บ้านนักเพราะเวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเข้าห้องสมุดเพื่อศึกษาหาข้อมูลประกอบการทำรายงานและตระเวนหางานทำ
เพราะเมื่อคืนกว่าจะกลับมาถึงบ้านหลังจากออกไปฉลองที่เรียนจบกับเพื่อน ๆ ในผับแห่งหนึ่งเวลาก็ล่วงเข้าเกือบห้าทุ่ม และกว่าจะข่มตาให้หลับได้นาฬิกาก็เดินมาถึงเลขสี่ทำให้เช้าวันนี้เธอลุกไม่ไหวจนตื่นสายผิดปกติ
น้องส้มยังคงเงียบเพราะกำลังครุ่นคิดต่อ
จริง ๆ วันนี้เธอตั้งใจจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนมารดาแต่เมื่อรู้ว่าพี่จินจะมาหาเธออีกครั้ง ความเคืองแค้นจากเรื่องในอดีตและความชังน้ำหน้าทำให้หญิงสาวเปลี่ยนใจ
“เดี๋ยวส้มจะออกไปข้างนอกนะคะแม่”
“อ้าว! แต่สาย ๆ ตาจินจะมาหานะลูก”
คุณณัชชาออกปากค้านแต่ดูเหมือนไม่ทันเมื่อลูกสาวผลุบหน้าหายไปจากห้องครัว ทิ้งให้คนเป็นแม่ได้แต่ส่ายหน้ากับตัวเองอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ดังนั้นตอนบ่ายเศษเมื่อจินตเมธมาตามนัดเขาจึงทั้งโกรธและผิดหวังกับคำบอกของคุณณัชชา
“น้องส้มไม่อยู่จ๊ะจิน เห็นว่ามีนัดกับเพื่อน”
จินตเมธฝืนยิ้มให้กับมารดาของณัฐวราทั้งที่ใจกำลังเริ่มเดือด แต่ชายหนุ่มก็ซ่อนไว้ภายใต้น้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่ติดใจยามบอก
“ไม่เป็นไรครับ” หลังจากเงียบไปนิดชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อ “ไว้วันหลังผมค่อยมาใหม่”
หากขณะมองตามคุณณัชชาเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน จินตเมธก็กำมือทั้งสองแน่นเข้าอย่างขุ่นเคือง เขารู้ว่าน้องส้มจงใจหนีหน้าแต่นั่นกลับทำให้เขานึกอยากเอาชนะ
ในเมื่ออยากหนีหน้าเขาก็จะยิ่งไล่ตาม แล้วถ้าคิดจะเอาชนะเขาด้วยการใช้วิธีเด็ก ๆ แบบนี้ เขาก็จะลองปราบเด็กดื้อดูสักตั้ง
ดวงตาสีนิลวาววับยามบอกกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น
ก็คอยดูกันว่างานนี้ใครจะชนะ!
เพราะความมุ่งมั่นของจินตเมธ ดังนั้นเมื่อณัฐวราก้าวลงจากรถประจำทางที่ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้านแล้วกำลังจะเดินผ่านป้อมยาม รปภ. ที่ได้รับเงินว่าจ้างจากชายหนุ่มก็โทรศัพท์เข้าไปแจ้งให้รู้ทันที
จินตเมธวางโทรศัพท์ลงพร้อมกับรอยยิ้มหมายมาดเมื่อรู้ว่าในที่สุดคนที่เขาตั้งตารอก็กลับมาเสียที ก่อนจะกดโทรศัพท์ไปยังอีกเลขหมายแล้วออกคำสั่งลงไป หลังจากนั้นก็นั่งรอด้วยท่าทางสงบนิ่งและใจเย็นเพราะรู้ว่าคนของเขาจะไม่ทำให้ผิดหวัง
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เพราะเพียงไม่นานร่างเล็ก ๆ ของคนอวดดีที่ทำให้เขาเข่นเขี้ยวก็ถูกลากเข้ามาในบ้านด้วยความพยายามดิ้นรนขัดขืนเต็มที่จากฝีมือของชายสามคนที่กำลังช่วยกันจับตัวหญิงสาวเข้ามา
“พี่จิน!”
น้องส้มตาวาวยามประจันหน้ากับคู่ปรับก่อนนึกย้อนไปเมื่อห้านาทีก่อนหน้านี้ เพียงแค่เดินพ้นป้อมยามมาได้ไม่นานจู่ ๆ รถตู้คันหนึ่งก็จอดเข้ามาประชิดก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเลื่อนประตูออกแล้วอาศัยความรวดเร็วกระชากเธอเข้าไปในตัวรถ ถึงแม้เธอพยายามร้องเรียกให้คนช่วยแต่ไร้ผลเพราะตอนนั้นไม่มีคนเดินผ่านไปมา อีกทั้งลักษณะตัวรถตู้ก็ไม่เอื้อให้ใครเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น กระทั่งเมื่อรถตู้แล่นมาจอดที่หน้าบ้านของคนที่เธอรู้จักดี วินาทีนั้นหญิงสาวจึงเพิ่งเข้าใจ
เมื่อเห็นสายตาเย็นชาราวกับไม่รู้สึกรู้สาของพี่จิน น้องส้มก็ยิ่งสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธจัดกับการกระทำอุกอาจของเขา ยอมรับว่านึกไม่ถึงว่าจินตเมธจะใช้วิธีนี้โต้ตอบการที่เธอหนีหน้าเขา
มันจะมากเกินไปแล้วนะ!
หญิงสาวกำมือแน่น เนื้อตัวเหมือนจะระเหยกลายเป็นไอกับความโกรธเกรี้ยวที่กำลังลุกโหมราวกับเปลวเพลิง แต่ดูเหมือนจินตเมธเองก็พอรู้เมื่อทำสัญญาณให้คนอื่น ๆ ออกไป
เมื่ออยู่ตามลำพังภายในห้องรับแขกส่วนตัว น้องส้มก็ทำในสิ่งที่เธอปรารถนามาตลอด
เพี๊ยะ!!!
แรงตบจากความโกรธแค้นนั้นหนักหน่วงจนส่งผลให้จินตเมธหน้าชาในคราแรกก่อนที่ความเจ็บจะก่อตัวเป็นริ้ว ๆ
“ถ้าตบนี่เป็นการตอบแทนในสิ่งที่พี่ทำ งั้นเธอก็ต้องถูกลงโทษเหมือนกันที่ทำให้พี่เจ็บตัว!”
หากนั่นเป็นการเตือนให้ณัฐวรามีเวลาเตรียมตัวรับ ก็เหมือนว่ายังไม่พอเมื่อเทียบกับการอาการตกตะลึงของหญิงสาวกระทั่งปล่อยให้จินตเมธกระชากตัวเธอเข้าไปกอดรัดอย่างรุนแรงโดยไม่ทันได้ขัดขืน ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นบทลงโทษ
น้องส้มน้ำตาซึมอย่างไม่ตั้งใจกับความรุนแรงที่พี่จินทำราวกับจะลงโทษเธอให้สาสม อ้อมแขนที่รัดแน่นไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ป้องกันตัวเองนอกจากยืนนิ่ง หากครั้งก่อนจูบสั่งสอนในห้องนอนของเขาเรียกว่าป่าเถื่อน จูบครั้งนี้นับว่าโหดร้ายยิ่งกว่าเมื่อเขาไม่เพียงบดเบียดและดูดเม้มกลีบปากเล็ก ๆ ของเธออย่างรุนแรง แต่เหมือนจงใจทำให้เธอได้รับความเจ็บปวดมากขึ้นด้วยการขบกัดกลีบปากล่างจนกระทั่งเจ้าตัวรู้สึกได้ถึงความคาวในปากจากเลือดที่ซึมออกมา
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนกว่าจินตเมธจะพอใจกับการได้ลงทัณฑ์คนอวดดี ทว่าเมื่อเห็นผลจากการกระทำของเขาชายหนุ่มกลับเสียดร้าวไปทั้งใจ
ดูเหมือนณัฐวราจะช็อกหรือคาดไม่ถึงกับความรุนแรงของเขาจนทำให้เธอตัวแข็งราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน หรือไม่ก็กลายเป็นตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิต และเขาอาจไม่รู้สึกรู้สาถ้าตุ๊กตาตรงหน้าไม่ได้กำลังมีน้ำตาไหลรินลงมา
จินตเมธเม้มปากแน่น ทั้งขัดเคืองทั้งปวดใจกับสิ่งที่เห็นกระทั่งตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำยังไงต่อไป หากขณะที่กำลังสับสนเขาก็เจ็บไปทั้งซีกหน้ากับแรงปะทะจากฝ่ามือเป็นครั้งที่สอง
เพี๊ยะ!
แรงตบครั้งนี้ไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก นั่นอาจเป็นเพราะมือตบไม่ได้มีแต่ความโกรธแค้นอย่างในทีแรก เพราะความเจ็บปวดและชอกช้ำจากสิ่งที่ได้รับมีอิทธิพลมากกว่ากระทั่งส่งผลให้มือข้างที่ตบไปนั้นสั่นระริกอย่างฟ้องถึงความสะเทือนใจที่ได้รับ
“ทำไม...ต้องทำกับส้มแบบนี้”
น้องส้มเปล่งเสียงกระท่อนกระแท่นจากการสะอื้นถาม ก็รู้อยู่ว่าเขาเกลียดเธอแต่นึกไม่ถึงว่าความเกลียดของเขาจะมากมายถึงเพียงนี้ แวบหนึ่งหญิงสาวนึกอยากรู้
หากฆ่าเธอได้เขาคงไม่ลังเลเลยใช่ไหม
ทั้งที่สำนึกเสียใจและหัวใจก็ร่ำร้องว่าให้ดึงร่างเล็ก ๆ ที่กำลังสั่นสะท้านเข้ามากอด แต่จินตเมธก็ไม่นำพาและปิดกั้นเสียงเรียกร้องทั้งปวง ยามเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่ต่างจากแววตา
“เพราะครั้งต่อไป เธอจะได้คิดก่อนตัดสินใจทำอะไรยังไงล่ะ”
เพียงแค่นั้นคนฟังก็กระจ่าง สิ่งที่เธอได้รับคือการตอบแทนต่อการที่เธอจงใจหลีกเลี่ยงเขา วูบหนึ่งน้องส้มนึกชังพี่จินจับขั้วหัวใจจนหลุดปากในสิ่งที่เคยพูดมาไม่รู้ว่ากี่ครั้ง
“ส้มเกลียดพี่จิน!”
“เรื่องนั้นพี่รู้เพราะเธอพูดมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่จะบอกให้นะ...พี่ไม่สนใจไม่ว่าเธอจะรู้สึกยังไงก็ตาม”
น้องส้มทั้งสะอึกทั้งเจ็บที่ตรงหัวใจกับคำบอกอย่างไม่แยแสของผู้ชายตรงหน้า แต่ความรู้สึกขมขื่นก็ท่วมท้นหัวใจจนพูดไม่ออกโต้กลับไปไม่ได้ นอกจากมองตอบด้วยแววตาสะท้อนถึงความชิงชังจนคนมองสบปวดหนึบไปทั้งหัวใจ
ถ้าไม่สนใจจริง ๆ ก็ดีสิ เขาจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดหัวใจอยู่แบบนี้
จินตเมธแค่นยิ้มราวกับจะเยาะหยันบางอย่าง ยามนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา
วัยที่มากขึ้นบวกกับความรับผิดชอบที่แบกรับทำให้เขาได้ประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการที่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือต้องให้รู้เท่าทันในเรื่องของธุรกิจ หรือการได้พบกับสาวสวยมากหน้าหลายตาที่เข้ามาจากแวดวงของสังคมหรือผู้คนที่เขาจำเป็นต้องติดต่อ แม้กระทั่งการมีความสัมพันธ์ข้ามคืนกับหญิงสาวบางคนที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป
รอยยิ้มหยันยิ่งจุดตรงมุมปากยามนึกถึงเรื่องสุดท้ายอย่างขัดเคืองและไม่ชอบใจ
มีหลายครั้งที่เขากำลังใช้ชีวิตหนุ่มของตัวเองกับสาวสวยสักคนบนเตียงนอน ภาพของคนอวดดีก็ผุดขึ้นมาเหมือนจะขัดขวางไม่ให้เขาทะยานไปจนถึงฝั่งฝัน ทำให้หลายครั้งเขาถึงกับหัวเสียและหงุดหงิดที่ภาพของคนที่เขาเคยบอกกับตัวเองว่าให้เลิกใส่ใจกลับคอยวนเวียนเข้ามาและที่ยิ่งโมโหมากกว่าก็คือไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถสลัดคนอวดดีคนนั้นออกไปจากใจได้เสียที จนทำให้จินตเมธเริ่มเหนื่อยกับความพยายามต่อต้านของตัวเองกระทั่งตัดสินใจยอมรับฟังเสียงหัวใจตัวเองอย่างจริงจัง แม้จะทำให้เขายิ่งหัวเสียและหงุดหงิดกับข้อสรุปที่ต้องจำใจยอมรับ
ทั้งที่คนคนนั้นชอบอวดดีและแสดงถึงความไม่ชอบเขาอย่างชัดเจน แต่เขายังไม่วายหาเรื่องให้ปวดหัวใจตัวเองด้วยการไปรักคนที่ไม่สมควรรัก
เขารักเธอ...เด็กอวดดี คู่ปรับตัวร้ายในอดีต
แต่ถ้าความรู้สึกที่มีให้เธอคือความรัก ถ้าอย่างนั้นความรักของเขาก็คงแฝงความแค้นเคืองจากเรื่องในวัยเด็กเข้าไปด้วย เพราะเวลาได้เห็นเธอทำท่าอวดดีใส่เขาหรือทำเหมือนอยากหลีกลี้หนีหน้าเขาทีไร มันทำให้เขาก็นึกอยากทำอะไรร้าย ๆ ตอบกลับไปบ้างเพื่อให้เธอเจ็บและแค้นใจเหมือนอย่างที่เธอทำให้เขารู้สึกแบบนั้นมาเสมอ
ชายหนุ่มดึงตัวเองจากความคิดเมื่อคนอวดดีที่เขารัก ทำท่าจะเดินหนีไปต่อหน้าต่อหน้าทำให้ต้องรีบคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายเอาไว้
“ปล่อยนะ!”
“น้องส้มจะไปได้ก็ต่อเมื่อพี่อนุญาต!”
น้ำเสียงเอาจริงที่มาพร้อมกับแรงกระชับตรงข้อมือเหมือนจะตอบรับต่อดวงตาสีนิลที่กำลังทอประกายวาววับ อาจด้วยความเหนื่อยจากการร้องไห้และหัวใจที่กำลังเริ่มล้าเต็มที่ ทำให้น้องส้มจำใจลดพยศชั่วคราว
“งั้นก็ปล่อยมือ ส้มเหนื่อยอยากนั่งพัก”
ชายหนุ่มอึ้งไปกับน้ำเสียงเหนื่อยล้าของหญิงสาวยิ่งสบกับแววตาแดงช้ำของเธอ หัวใจที่แข็งกระด้างก็อ่อนลงเล็กน้อยจนยอมให้อิสระ
น้องส้มไม่พูดอะไรเมื่อเดินไปนั่งนิ่งเหมือนหุ่นบนโซฟาตรงมุมห้อง พยายามทำเป็นไม่รับรู้ถึงแม้สัมผัสได้ถึงแววตาของพี่จินที่ทอดมองก่อนที่เขาจะตามมานั่งบนโซฟาตัวตรงกันข้าม
วูบหนึ่งความเหนื่อยใจที่กำลังรู้สึกทำให้จินตเมธนึกสงสัย
เขากับน้องส้มต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน แล้วจะมีไหมวันที่เขาสามารถเปิดใจกับเธอ
“รู้ไม่ใช่เหรอว่าวันนี้พี่ไปหา”
ชายหนุ่มเริ่มต้นพูดเมื่อแน่ใจว่าหญิงสาวที่เหมือนกลายเป็นหุ่นไปแล้วคงไม่มีวันยอมเปิดปากแน่ แต่เมื่ออีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะไม่ยอมตอบจริง ๆ จินตเมธก็เพียงแต่จุดยิ้มเย็นชาก่อนเอ่ยต่อด้วยสุ้มเสียงเรียบเย็นหากแฝงแววข่มขู่อย่างชัดเจน
“ที่ไม่พูดอะไรนี่จะให้พี่เข้าใจหรือเปล่าว่าน้องส้มอยากให้พี่ช่วยเปิดปากให้”
น้องส้มหน้าแดงเพราะพอเดาออกถึงวิธีการที่เขาคิดจะเปิดปากเธอ และอาจด้วยเห็นผลเสียมากกว่าหากเธอยังขืนดันทุรังดื้อแพ่งต่อไป เจ้าตัวจึงจำใจตอบ
“รู้ค่ะ”
“ถ้ารู้ แล้วทำไมถึงหนีพี่”
“ส้ม...”
“อย่าโกหก!”
น้องส้มปิดปากทันควันเมื่อพี่จินสกัดคำพูดของเธอด้วยน้ำเสียงเอาจริง เจ้าตัวทำหน้าง้ำเล็กน้อยกับการดักคออย่างรู้ทันของอีกฝ่ายหากไม่วายเถียง
“ส้มไม่ได้โกหก แต่ส้มมีนัดจริง ๆ”
“แล้วนัดที่ว่านั่น ก่อนหรือหลังจากที่รู้ว่าพี่จะไปหา”
เจอกับการดักคอครั้งที่สองน้องส้มก็จำต้องเงียบอย่างเถียงไม่ออก ยอมรับว่าเธอตัดสินใจโทร. หาเพื่อนทันทีเพื่อใช้เป็นข้ออ้างไม่ต้องอยู่รอพบเขา
“ทำไมต้องทำแบบนี้”
“ส้มไม่อยากเจอพี่จิน”
คำตอบตรงไปตรงมาทำให้หัวใจคนฟังแปลบปลาบจนพูดไม่ออก วูบหนึ่งอดคิดไม่ได้ว่าหากเขาไม่ตั้งคำถามจะดีกว่าไหม วินาทีนั้นความเจ็บปวดในหัวใจทำให้ชายหนุ่มเกือบหลุดปากถาม...เกลียดพี่มากเชียวเหรอ
ทว่าคำพูดที่หญิงสาวเคยบอกปาว ๆ ใส่หน้าไม่รู้กี่ครั้งกี่หน อีกทั้งการกระทำของเธอที่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เป็นที่ต้องการ ทำให้คำถามนั้นถูกเขายั้งเอาไว้ทันและตัดสินใจว่าจะเก็บมันเอาไว้ในซอกลึกสุดของหัวใจ
จะถามไปทำไม ในเมื่อเขาเองก็รู้แก่ใจดี
เมื่อรออยู่หลายนาทีแต่จินตเมธยังไม่มีทีท่าจะพูดอะไรต่อ น้องส้มก็หมดความอดทนจนตัดสินใจ
“ถ้าพี่จินหมดธุระแล้ว ส้มขออนุญาตกลับบ้านนะคะ”
คำบอกนั้นดึงชายหนุ่มออกจากภวังค์ความคิด ก่อนจุดยิ้มตรงมุมปากเมื่อนึกถึงน้ำเสียงเน้นหนักของหญิงสาวยามพูดคำว่า ‘ขออนุญาต’
ทำไมจะไม่รู้ว่าเขากำลังถูกประชด แต่ชายหนุ่มก็ไม่นึกโกรธเพราะหากเธอไม่ประชด ไม่ดื้อดึง ไม่พยศใส่ นั่นก็คงไม่ใช่เธอ...คนที่เขารัก
“พี่ยังไม่หมดธุระ เพราะฉะนั้นน้องส้มยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
คนที่เตรียมจะลุกจากโซฟาจำต้องกระแทกตัวลงนั่งตามเดิมอย่างหงุดหงิด ก่อนบอกเสียงห้วนเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญพี่จินพูดธุระออกมาได้เลยค่ะ เพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว ส้มอยากจะรีบกลับบ้านเต็มที”
เมื่ออีกฝ่ายเริ่มจะร้อน จินตเมธกลับเป็นฝ่ายเย็นลงเมื่อเริ่มต้นพูดโดยไม่มีทีท่าหงุดหงิดหัวเสีย
“พรุ่งนี้พี่จะพาไปฉลองที่เรียนจบ คิดไว้ละกันว่าอยากไปไหน”
ต้องใช้เวลาหลายวินาทีกว่าน้องส้มจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่เธอไม่ได้หูเฝื่อน กระนั้นหญิงสาวก็ยังเชื่อไม่ลงยามหลุดปากออกไป
“ฉลอง...เหรอคะ”
“ใช่”
ครั้นเห็นท่าทีตื่นตะลึงปนงงงันของหญิงสาว ชายหนุ่มก็นิ่วหน้าก่อนทบทวนความจำให้ “วันที่นายธันว์พาน้องส้มไปฉลองที่สอบติด พี่เคยบอกไว้ไงว่าถ้าเรียนจบเมื่อไรพี่จะเลี้ยงฉลองให้”
วูบนั้นภาพจากความทรงจำพลันผุดขึ้นมา ในวันที่พี่ธันว์พาเธอไปเลี้ยงฉลองให้ตามสัญญาที่เธอสามารถสอบติดคณะที่เลือกในมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝัน พี่จินซึ่งตามไปด้วยเคยบอกกับเธอก่อนที่เขาจะลงไปจากรถที่พี่ธันว์ขับไปส่งที่หน้าประตูบ้าน
“ดีใจด้วยนะที่สอบติด เอาไว้จบมหาวิทยาลัยเมื่อไร จะเลี้ยงฉลองให้”
วินาทีนั้นน้องส้มไม่แน่ใจว่าเธอกำลังรู้สึกเช่นไร แต่ที่แน่ ๆ เธอแปลกใจเหลือเกินที่พี่จินยังคงจดจำคำสัญญาครั้งนั้นได้ ในขณะที่เธอเองแทบจะลืมไปแล้วถ้าเขาไม่พูดขึ้นมาในวันนี้
ไม่อยากเชื่อว่าเขายังจำได้และตั้งใจจะทำตามที่พูดเอาไว้
เห็นหน้าน้องส้ม พี่จินก็เดาได้ ความขมขื่นแทรกเข้ามาในอกยามตั้งคำถาม
“น้องส้มคงคิดว่าคนอย่างพี่ไม่น่าจะเป็นคนรักษาสัญญาสินะ”
คนถูกถามพูดไม่ออกเมื่อจับได้ถึงกระแสบางอย่างในน้ำเสียงของอีกฝ่ายจนได้แต่นิ่งงัน
จินตเมธนิ่งมองคนที่เหมือนเป็นใบ้ไปแล้วชั่วครู่ ก่อนเอ่ยต่อ
“ตอนนี้บริษัทพี่กำลังรับพนักงานฝ่ายบัญชี ถ้าสนใจก็ลองไปสมัครดูนะ”
วูบหนึ่งทิฐิในหัวใจทำให้น้องส้มเกือบปฏิเสธ หากยั้งตัวเองไว้ได้ทัน
ที่ผ่านมาเธอพยายามเร่งตัวเองให้เรียนจบเร็ว ๆ ก็เพราะอยากช่วยแบ่งเบาภาระของมารดา แต่สามเดือนนี้ไม่ว่าเธอจะพยายามหางานสักแค่ไหนก็ยังไม่มีบริษัทใดตอบรับกลับมาสักราย ในเมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้าถ้าจะลองไปก็คงไม่เสียหาย
เพราะคิดดังนั้นหญิงสาวจึงเก็บงำคำปฏิเสธในขณะที่ไม่ได้ตอบรับออกไปเช่นกัน
จินตเมธถอนหายใจให้กับความเงียบงัน แล้วจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบอีกครั้งด้วยการบอก
“ถ้างั้น...พรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้าพี่จะไปรับ”
เมื่อครั้งนี้ยังได้รับความเงียบตอบกลับมา ความอดทนของพี่จินก็สิ้นสุด
ชายหนุ่มไม่พูดไม่เตือน ยามยื่นมือออกไปรั้งใบหน้าคนที่ชอบทำเหมือนเป็นใบ้ จากนั้นจูบอย่างคนเอาแต่ใจก็เริ่มต้นขึ้น
----------------------------------------------------------------------------------------
ฮ่า ๆๆๆๆ จบแบบนี้เลยดีกว่า ^^
สวัสดีค่ะ พานายจินกับน้องส้มมาส่งค่ะ ตอนนี้สาวน้อยของเราเรียนจบแล้ว เพราะงั้นก็คงได้เวลาจัดเต็มจัดหนักแล้วเนอะ โฮะ ๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ
zephyr : ฮ่าาาาาาาาา ขอบคุณคอมเม้นท์แรกของตอนที่แล้วที่ทำให้พันวลีขำมากกกกก...อ่านแล้วนึกภาพตามยายแก้มป่องเป็นปลาทองอ้าปากพะงาบ ๆๆๆ ขอบคุณสำหรับเสียงหัวเราะที่ส่งคืนให้กันค่ะ ^__^
pkka : ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ..เห็นด้วยค่ะว่าคอมเม้นท์...ลุ้นกว่าซะอีก ^^
ในที่สุดก็มาถึงวันที่น้องส้มรอคอยเมื่อเธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในคณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี
หญิงสาวในวัยยี่สิบเศษไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อยเมื่อเริ่มหางานทำตั้งแต่แน่ใจว่าเรียนจบ แม้เวลาผ่านมาร่วมสามเดือนแล้วแต่ยังไร้วี่แววบริษัทที่จะรับเข้าทำงาน ณัฐวราก็ยังไม่ยอมแพ้เมื่อยังคงตั้งหน้าตั้งตาหางานทำต่อไป
กระทั่งเช้าวันหนึ่งซึ่งตรงกับวันเสาร์
“ส้ม เมื่อกี้พี่จินมาหาน่ะ พอแม่บอกว่าเรายังไม่ตื่นก็บอกว่าเดี๋ยวสาย ๆ จะมาหาใหม่”
น้องส้มนิ่งไปเมื่อนึกถึงคนที่เธอไม่ได้เจอเขามานานมากแล้ว
ดูเหมือนนับตั้งแต่วันที่เขาทำตัวป่าเถื่อนเพราะต้องการจะสั่งสอนเธอในครั้งนั้น ทั้งเธอและเขาก็เหมือนใจตรงกันตรงที่พยายามหลบเลี่ยงอีกฝ่าย ซึ่งอาจเพราะจินตเมธกำลังอยู่ในช่วงแบกรับความรับผิดชอบต่อจากบิดาทำให้เขาต้องทุ่มเทวันเวลาให้กับงานที่บริษัทจนดูเหมือนแทบอยู่ไม่ติดบ้าน ในขณะที่เธอเองก็มุ่งมั่นกับการเรียนปีสุดท้ายจนทำให้ไม่ค่อยอยู่บ้านนักเพราะเวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเข้าห้องสมุดเพื่อศึกษาหาข้อมูลประกอบการทำรายงานและตระเวนหางานทำ
เพราะเมื่อคืนกว่าจะกลับมาถึงบ้านหลังจากออกไปฉลองที่เรียนจบกับเพื่อน ๆ ในผับแห่งหนึ่งเวลาก็ล่วงเข้าเกือบห้าทุ่ม และกว่าจะข่มตาให้หลับได้นาฬิกาก็เดินมาถึงเลขสี่ทำให้เช้าวันนี้เธอลุกไม่ไหวจนตื่นสายผิดปกติ
น้องส้มยังคงเงียบเพราะกำลังครุ่นคิดต่อ
จริง ๆ วันนี้เธอตั้งใจจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนมารดาแต่เมื่อรู้ว่าพี่จินจะมาหาเธออีกครั้ง ความเคืองแค้นจากเรื่องในอดีตและความชังน้ำหน้าทำให้หญิงสาวเปลี่ยนใจ
“เดี๋ยวส้มจะออกไปข้างนอกนะคะแม่”
“อ้าว! แต่สาย ๆ ตาจินจะมาหานะลูก”
คุณณัชชาออกปากค้านแต่ดูเหมือนไม่ทันเมื่อลูกสาวผลุบหน้าหายไปจากห้องครัว ทิ้งให้คนเป็นแม่ได้แต่ส่ายหน้ากับตัวเองอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ดังนั้นตอนบ่ายเศษเมื่อจินตเมธมาตามนัดเขาจึงทั้งโกรธและผิดหวังกับคำบอกของคุณณัชชา
“น้องส้มไม่อยู่จ๊ะจิน เห็นว่ามีนัดกับเพื่อน”
จินตเมธฝืนยิ้มให้กับมารดาของณัฐวราทั้งที่ใจกำลังเริ่มเดือด แต่ชายหนุ่มก็ซ่อนไว้ภายใต้น้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่ติดใจยามบอก
“ไม่เป็นไรครับ” หลังจากเงียบไปนิดชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อ “ไว้วันหลังผมค่อยมาใหม่”
หากขณะมองตามคุณณัชชาเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน จินตเมธก็กำมือทั้งสองแน่นเข้าอย่างขุ่นเคือง เขารู้ว่าน้องส้มจงใจหนีหน้าแต่นั่นกลับทำให้เขานึกอยากเอาชนะ
ในเมื่ออยากหนีหน้าเขาก็จะยิ่งไล่ตาม แล้วถ้าคิดจะเอาชนะเขาด้วยการใช้วิธีเด็ก ๆ แบบนี้ เขาก็จะลองปราบเด็กดื้อดูสักตั้ง
ดวงตาสีนิลวาววับยามบอกกับตัวเองอย่างมุ่งมั่น
ก็คอยดูกันว่างานนี้ใครจะชนะ!
เพราะความมุ่งมั่นของจินตเมธ ดังนั้นเมื่อณัฐวราก้าวลงจากรถประจำทางที่ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้านแล้วกำลังจะเดินผ่านป้อมยาม รปภ. ที่ได้รับเงินว่าจ้างจากชายหนุ่มก็โทรศัพท์เข้าไปแจ้งให้รู้ทันที
จินตเมธวางโทรศัพท์ลงพร้อมกับรอยยิ้มหมายมาดเมื่อรู้ว่าในที่สุดคนที่เขาตั้งตารอก็กลับมาเสียที ก่อนจะกดโทรศัพท์ไปยังอีกเลขหมายแล้วออกคำสั่งลงไป หลังจากนั้นก็นั่งรอด้วยท่าทางสงบนิ่งและใจเย็นเพราะรู้ว่าคนของเขาจะไม่ทำให้ผิดหวัง
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เพราะเพียงไม่นานร่างเล็ก ๆ ของคนอวดดีที่ทำให้เขาเข่นเขี้ยวก็ถูกลากเข้ามาในบ้านด้วยความพยายามดิ้นรนขัดขืนเต็มที่จากฝีมือของชายสามคนที่กำลังช่วยกันจับตัวหญิงสาวเข้ามา
“พี่จิน!”
น้องส้มตาวาวยามประจันหน้ากับคู่ปรับก่อนนึกย้อนไปเมื่อห้านาทีก่อนหน้านี้ เพียงแค่เดินพ้นป้อมยามมาได้ไม่นานจู่ ๆ รถตู้คันหนึ่งก็จอดเข้ามาประชิดก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเลื่อนประตูออกแล้วอาศัยความรวดเร็วกระชากเธอเข้าไปในตัวรถ ถึงแม้เธอพยายามร้องเรียกให้คนช่วยแต่ไร้ผลเพราะตอนนั้นไม่มีคนเดินผ่านไปมา อีกทั้งลักษณะตัวรถตู้ก็ไม่เอื้อให้ใครเห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น กระทั่งเมื่อรถตู้แล่นมาจอดที่หน้าบ้านของคนที่เธอรู้จักดี วินาทีนั้นหญิงสาวจึงเพิ่งเข้าใจ
เมื่อเห็นสายตาเย็นชาราวกับไม่รู้สึกรู้สาของพี่จิน น้องส้มก็ยิ่งสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธจัดกับการกระทำอุกอาจของเขา ยอมรับว่านึกไม่ถึงว่าจินตเมธจะใช้วิธีนี้โต้ตอบการที่เธอหนีหน้าเขา
มันจะมากเกินไปแล้วนะ!
หญิงสาวกำมือแน่น เนื้อตัวเหมือนจะระเหยกลายเป็นไอกับความโกรธเกรี้ยวที่กำลังลุกโหมราวกับเปลวเพลิง แต่ดูเหมือนจินตเมธเองก็พอรู้เมื่อทำสัญญาณให้คนอื่น ๆ ออกไป
เมื่ออยู่ตามลำพังภายในห้องรับแขกส่วนตัว น้องส้มก็ทำในสิ่งที่เธอปรารถนามาตลอด
เพี๊ยะ!!!
แรงตบจากความโกรธแค้นนั้นหนักหน่วงจนส่งผลให้จินตเมธหน้าชาในคราแรกก่อนที่ความเจ็บจะก่อตัวเป็นริ้ว ๆ
“ถ้าตบนี่เป็นการตอบแทนในสิ่งที่พี่ทำ งั้นเธอก็ต้องถูกลงโทษเหมือนกันที่ทำให้พี่เจ็บตัว!”
หากนั่นเป็นการเตือนให้ณัฐวรามีเวลาเตรียมตัวรับ ก็เหมือนว่ายังไม่พอเมื่อเทียบกับการอาการตกตะลึงของหญิงสาวกระทั่งปล่อยให้จินตเมธกระชากตัวเธอเข้าไปกอดรัดอย่างรุนแรงโดยไม่ทันได้ขัดขืน ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นบทลงโทษ
น้องส้มน้ำตาซึมอย่างไม่ตั้งใจกับความรุนแรงที่พี่จินทำราวกับจะลงโทษเธอให้สาสม อ้อมแขนที่รัดแน่นไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ป้องกันตัวเองนอกจากยืนนิ่ง หากครั้งก่อนจูบสั่งสอนในห้องนอนของเขาเรียกว่าป่าเถื่อน จูบครั้งนี้นับว่าโหดร้ายยิ่งกว่าเมื่อเขาไม่เพียงบดเบียดและดูดเม้มกลีบปากเล็ก ๆ ของเธออย่างรุนแรง แต่เหมือนจงใจทำให้เธอได้รับความเจ็บปวดมากขึ้นด้วยการขบกัดกลีบปากล่างจนกระทั่งเจ้าตัวรู้สึกได้ถึงความคาวในปากจากเลือดที่ซึมออกมา
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนกว่าจินตเมธจะพอใจกับการได้ลงทัณฑ์คนอวดดี ทว่าเมื่อเห็นผลจากการกระทำของเขาชายหนุ่มกลับเสียดร้าวไปทั้งใจ
ดูเหมือนณัฐวราจะช็อกหรือคาดไม่ถึงกับความรุนแรงของเขาจนทำให้เธอตัวแข็งราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน หรือไม่ก็กลายเป็นตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิต และเขาอาจไม่รู้สึกรู้สาถ้าตุ๊กตาตรงหน้าไม่ได้กำลังมีน้ำตาไหลรินลงมา
จินตเมธเม้มปากแน่น ทั้งขัดเคืองทั้งปวดใจกับสิ่งที่เห็นกระทั่งตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำยังไงต่อไป หากขณะที่กำลังสับสนเขาก็เจ็บไปทั้งซีกหน้ากับแรงปะทะจากฝ่ามือเป็นครั้งที่สอง
เพี๊ยะ!
แรงตบครั้งนี้ไม่รุนแรงเท่าครั้งแรก นั่นอาจเป็นเพราะมือตบไม่ได้มีแต่ความโกรธแค้นอย่างในทีแรก เพราะความเจ็บปวดและชอกช้ำจากสิ่งที่ได้รับมีอิทธิพลมากกว่ากระทั่งส่งผลให้มือข้างที่ตบไปนั้นสั่นระริกอย่างฟ้องถึงความสะเทือนใจที่ได้รับ
“ทำไม...ต้องทำกับส้มแบบนี้”
น้องส้มเปล่งเสียงกระท่อนกระแท่นจากการสะอื้นถาม ก็รู้อยู่ว่าเขาเกลียดเธอแต่นึกไม่ถึงว่าความเกลียดของเขาจะมากมายถึงเพียงนี้ แวบหนึ่งหญิงสาวนึกอยากรู้
หากฆ่าเธอได้เขาคงไม่ลังเลเลยใช่ไหม
ทั้งที่สำนึกเสียใจและหัวใจก็ร่ำร้องว่าให้ดึงร่างเล็ก ๆ ที่กำลังสั่นสะท้านเข้ามากอด แต่จินตเมธก็ไม่นำพาและปิดกั้นเสียงเรียกร้องทั้งปวง ยามเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาไม่ต่างจากแววตา
“เพราะครั้งต่อไป เธอจะได้คิดก่อนตัดสินใจทำอะไรยังไงล่ะ”
เพียงแค่นั้นคนฟังก็กระจ่าง สิ่งที่เธอได้รับคือการตอบแทนต่อการที่เธอจงใจหลีกเลี่ยงเขา วูบหนึ่งน้องส้มนึกชังพี่จินจับขั้วหัวใจจนหลุดปากในสิ่งที่เคยพูดมาไม่รู้ว่ากี่ครั้ง
“ส้มเกลียดพี่จิน!”
“เรื่องนั้นพี่รู้เพราะเธอพูดมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่จะบอกให้นะ...พี่ไม่สนใจไม่ว่าเธอจะรู้สึกยังไงก็ตาม”
น้องส้มทั้งสะอึกทั้งเจ็บที่ตรงหัวใจกับคำบอกอย่างไม่แยแสของผู้ชายตรงหน้า แต่ความรู้สึกขมขื่นก็ท่วมท้นหัวใจจนพูดไม่ออกโต้กลับไปไม่ได้ นอกจากมองตอบด้วยแววตาสะท้อนถึงความชิงชังจนคนมองสบปวดหนึบไปทั้งหัวใจ
ถ้าไม่สนใจจริง ๆ ก็ดีสิ เขาจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดหัวใจอยู่แบบนี้
จินตเมธแค่นยิ้มราวกับจะเยาะหยันบางอย่าง ยามนึกถึงวันเวลาที่ผ่านมา
วัยที่มากขึ้นบวกกับความรับผิดชอบที่แบกรับทำให้เขาได้ประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการที่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือต้องให้รู้เท่าทันในเรื่องของธุรกิจ หรือการได้พบกับสาวสวยมากหน้าหลายตาที่เข้ามาจากแวดวงของสังคมหรือผู้คนที่เขาจำเป็นต้องติดต่อ แม้กระทั่งการมีความสัมพันธ์ข้ามคืนกับหญิงสาวบางคนที่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป
รอยยิ้มหยันยิ่งจุดตรงมุมปากยามนึกถึงเรื่องสุดท้ายอย่างขัดเคืองและไม่ชอบใจ
มีหลายครั้งที่เขากำลังใช้ชีวิตหนุ่มของตัวเองกับสาวสวยสักคนบนเตียงนอน ภาพของคนอวดดีก็ผุดขึ้นมาเหมือนจะขัดขวางไม่ให้เขาทะยานไปจนถึงฝั่งฝัน ทำให้หลายครั้งเขาถึงกับหัวเสียและหงุดหงิดที่ภาพของคนที่เขาเคยบอกกับตัวเองว่าให้เลิกใส่ใจกลับคอยวนเวียนเข้ามาและที่ยิ่งโมโหมากกว่าก็คือไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถสลัดคนอวดดีคนนั้นออกไปจากใจได้เสียที จนทำให้จินตเมธเริ่มเหนื่อยกับความพยายามต่อต้านของตัวเองกระทั่งตัดสินใจยอมรับฟังเสียงหัวใจตัวเองอย่างจริงจัง แม้จะทำให้เขายิ่งหัวเสียและหงุดหงิดกับข้อสรุปที่ต้องจำใจยอมรับ
ทั้งที่คนคนนั้นชอบอวดดีและแสดงถึงความไม่ชอบเขาอย่างชัดเจน แต่เขายังไม่วายหาเรื่องให้ปวดหัวใจตัวเองด้วยการไปรักคนที่ไม่สมควรรัก
เขารักเธอ...เด็กอวดดี คู่ปรับตัวร้ายในอดีต
แต่ถ้าความรู้สึกที่มีให้เธอคือความรัก ถ้าอย่างนั้นความรักของเขาก็คงแฝงความแค้นเคืองจากเรื่องในวัยเด็กเข้าไปด้วย เพราะเวลาได้เห็นเธอทำท่าอวดดีใส่เขาหรือทำเหมือนอยากหลีกลี้หนีหน้าเขาทีไร มันทำให้เขาก็นึกอยากทำอะไรร้าย ๆ ตอบกลับไปบ้างเพื่อให้เธอเจ็บและแค้นใจเหมือนอย่างที่เธอทำให้เขารู้สึกแบบนั้นมาเสมอ
ชายหนุ่มดึงตัวเองจากความคิดเมื่อคนอวดดีที่เขารัก ทำท่าจะเดินหนีไปต่อหน้าต่อหน้าทำให้ต้องรีบคว้าข้อมือเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายเอาไว้
“ปล่อยนะ!”
“น้องส้มจะไปได้ก็ต่อเมื่อพี่อนุญาต!”
น้ำเสียงเอาจริงที่มาพร้อมกับแรงกระชับตรงข้อมือเหมือนจะตอบรับต่อดวงตาสีนิลที่กำลังทอประกายวาววับ อาจด้วยความเหนื่อยจากการร้องไห้และหัวใจที่กำลังเริ่มล้าเต็มที่ ทำให้น้องส้มจำใจลดพยศชั่วคราว
“งั้นก็ปล่อยมือ ส้มเหนื่อยอยากนั่งพัก”
ชายหนุ่มอึ้งไปกับน้ำเสียงเหนื่อยล้าของหญิงสาวยิ่งสบกับแววตาแดงช้ำของเธอ หัวใจที่แข็งกระด้างก็อ่อนลงเล็กน้อยจนยอมให้อิสระ
น้องส้มไม่พูดอะไรเมื่อเดินไปนั่งนิ่งเหมือนหุ่นบนโซฟาตรงมุมห้อง พยายามทำเป็นไม่รับรู้ถึงแม้สัมผัสได้ถึงแววตาของพี่จินที่ทอดมองก่อนที่เขาจะตามมานั่งบนโซฟาตัวตรงกันข้าม
วูบหนึ่งความเหนื่อยใจที่กำลังรู้สึกทำให้จินตเมธนึกสงสัย
เขากับน้องส้มต้องเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน แล้วจะมีไหมวันที่เขาสามารถเปิดใจกับเธอ
“รู้ไม่ใช่เหรอว่าวันนี้พี่ไปหา”
ชายหนุ่มเริ่มต้นพูดเมื่อแน่ใจว่าหญิงสาวที่เหมือนกลายเป็นหุ่นไปแล้วคงไม่มีวันยอมเปิดปากแน่ แต่เมื่ออีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะไม่ยอมตอบจริง ๆ จินตเมธก็เพียงแต่จุดยิ้มเย็นชาก่อนเอ่ยต่อด้วยสุ้มเสียงเรียบเย็นหากแฝงแววข่มขู่อย่างชัดเจน
“ที่ไม่พูดอะไรนี่จะให้พี่เข้าใจหรือเปล่าว่าน้องส้มอยากให้พี่ช่วยเปิดปากให้”
น้องส้มหน้าแดงเพราะพอเดาออกถึงวิธีการที่เขาคิดจะเปิดปากเธอ และอาจด้วยเห็นผลเสียมากกว่าหากเธอยังขืนดันทุรังดื้อแพ่งต่อไป เจ้าตัวจึงจำใจตอบ
“รู้ค่ะ”
“ถ้ารู้ แล้วทำไมถึงหนีพี่”
“ส้ม...”
“อย่าโกหก!”
น้องส้มปิดปากทันควันเมื่อพี่จินสกัดคำพูดของเธอด้วยน้ำเสียงเอาจริง เจ้าตัวทำหน้าง้ำเล็กน้อยกับการดักคออย่างรู้ทันของอีกฝ่ายหากไม่วายเถียง
“ส้มไม่ได้โกหก แต่ส้มมีนัดจริง ๆ”
“แล้วนัดที่ว่านั่น ก่อนหรือหลังจากที่รู้ว่าพี่จะไปหา”
เจอกับการดักคอครั้งที่สองน้องส้มก็จำต้องเงียบอย่างเถียงไม่ออก ยอมรับว่าเธอตัดสินใจโทร. หาเพื่อนทันทีเพื่อใช้เป็นข้ออ้างไม่ต้องอยู่รอพบเขา
“ทำไมต้องทำแบบนี้”
“ส้มไม่อยากเจอพี่จิน”
คำตอบตรงไปตรงมาทำให้หัวใจคนฟังแปลบปลาบจนพูดไม่ออก วูบหนึ่งอดคิดไม่ได้ว่าหากเขาไม่ตั้งคำถามจะดีกว่าไหม วินาทีนั้นความเจ็บปวดในหัวใจทำให้ชายหนุ่มเกือบหลุดปากถาม...เกลียดพี่มากเชียวเหรอ
ทว่าคำพูดที่หญิงสาวเคยบอกปาว ๆ ใส่หน้าไม่รู้กี่ครั้งกี่หน อีกทั้งการกระทำของเธอที่แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เป็นที่ต้องการ ทำให้คำถามนั้นถูกเขายั้งเอาไว้ทันและตัดสินใจว่าจะเก็บมันเอาไว้ในซอกลึกสุดของหัวใจ
จะถามไปทำไม ในเมื่อเขาเองก็รู้แก่ใจดี
เมื่อรออยู่หลายนาทีแต่จินตเมธยังไม่มีทีท่าจะพูดอะไรต่อ น้องส้มก็หมดความอดทนจนตัดสินใจ
“ถ้าพี่จินหมดธุระแล้ว ส้มขออนุญาตกลับบ้านนะคะ”
คำบอกนั้นดึงชายหนุ่มออกจากภวังค์ความคิด ก่อนจุดยิ้มตรงมุมปากเมื่อนึกถึงน้ำเสียงเน้นหนักของหญิงสาวยามพูดคำว่า ‘ขออนุญาต’
ทำไมจะไม่รู้ว่าเขากำลังถูกประชด แต่ชายหนุ่มก็ไม่นึกโกรธเพราะหากเธอไม่ประชด ไม่ดื้อดึง ไม่พยศใส่ นั่นก็คงไม่ใช่เธอ...คนที่เขารัก
“พี่ยังไม่หมดธุระ เพราะฉะนั้นน้องส้มยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
คนที่เตรียมจะลุกจากโซฟาจำต้องกระแทกตัวลงนั่งตามเดิมอย่างหงุดหงิด ก่อนบอกเสียงห้วนเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญพี่จินพูดธุระออกมาได้เลยค่ะ เพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว ส้มอยากจะรีบกลับบ้านเต็มที”
เมื่ออีกฝ่ายเริ่มจะร้อน จินตเมธกลับเป็นฝ่ายเย็นลงเมื่อเริ่มต้นพูดโดยไม่มีทีท่าหงุดหงิดหัวเสีย
“พรุ่งนี้พี่จะพาไปฉลองที่เรียนจบ คิดไว้ละกันว่าอยากไปไหน”
ต้องใช้เวลาหลายวินาทีกว่าน้องส้มจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่เธอไม่ได้หูเฝื่อน กระนั้นหญิงสาวก็ยังเชื่อไม่ลงยามหลุดปากออกไป
“ฉลอง...เหรอคะ”
“ใช่”
ครั้นเห็นท่าทีตื่นตะลึงปนงงงันของหญิงสาว ชายหนุ่มก็นิ่วหน้าก่อนทบทวนความจำให้ “วันที่นายธันว์พาน้องส้มไปฉลองที่สอบติด พี่เคยบอกไว้ไงว่าถ้าเรียนจบเมื่อไรพี่จะเลี้ยงฉลองให้”
วูบนั้นภาพจากความทรงจำพลันผุดขึ้นมา ในวันที่พี่ธันว์พาเธอไปเลี้ยงฉลองให้ตามสัญญาที่เธอสามารถสอบติดคณะที่เลือกในมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝัน พี่จินซึ่งตามไปด้วยเคยบอกกับเธอก่อนที่เขาจะลงไปจากรถที่พี่ธันว์ขับไปส่งที่หน้าประตูบ้าน
“ดีใจด้วยนะที่สอบติด เอาไว้จบมหาวิทยาลัยเมื่อไร จะเลี้ยงฉลองให้”
วินาทีนั้นน้องส้มไม่แน่ใจว่าเธอกำลังรู้สึกเช่นไร แต่ที่แน่ ๆ เธอแปลกใจเหลือเกินที่พี่จินยังคงจดจำคำสัญญาครั้งนั้นได้ ในขณะที่เธอเองแทบจะลืมไปแล้วถ้าเขาไม่พูดขึ้นมาในวันนี้
ไม่อยากเชื่อว่าเขายังจำได้และตั้งใจจะทำตามที่พูดเอาไว้
เห็นหน้าน้องส้ม พี่จินก็เดาได้ ความขมขื่นแทรกเข้ามาในอกยามตั้งคำถาม
“น้องส้มคงคิดว่าคนอย่างพี่ไม่น่าจะเป็นคนรักษาสัญญาสินะ”
คนถูกถามพูดไม่ออกเมื่อจับได้ถึงกระแสบางอย่างในน้ำเสียงของอีกฝ่ายจนได้แต่นิ่งงัน
จินตเมธนิ่งมองคนที่เหมือนเป็นใบ้ไปแล้วชั่วครู่ ก่อนเอ่ยต่อ
“ตอนนี้บริษัทพี่กำลังรับพนักงานฝ่ายบัญชี ถ้าสนใจก็ลองไปสมัครดูนะ”
วูบหนึ่งทิฐิในหัวใจทำให้น้องส้มเกือบปฏิเสธ หากยั้งตัวเองไว้ได้ทัน
ที่ผ่านมาเธอพยายามเร่งตัวเองให้เรียนจบเร็ว ๆ ก็เพราะอยากช่วยแบ่งเบาภาระของมารดา แต่สามเดือนนี้ไม่ว่าเธอจะพยายามหางานสักแค่ไหนก็ยังไม่มีบริษัทใดตอบรับกลับมาสักราย ในเมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้าถ้าจะลองไปก็คงไม่เสียหาย
เพราะคิดดังนั้นหญิงสาวจึงเก็บงำคำปฏิเสธในขณะที่ไม่ได้ตอบรับออกไปเช่นกัน
จินตเมธถอนหายใจให้กับความเงียบงัน แล้วจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบอีกครั้งด้วยการบอก
“ถ้างั้น...พรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้าพี่จะไปรับ”
เมื่อครั้งนี้ยังได้รับความเงียบตอบกลับมา ความอดทนของพี่จินก็สิ้นสุด
ชายหนุ่มไม่พูดไม่เตือน ยามยื่นมือออกไปรั้งใบหน้าคนที่ชอบทำเหมือนเป็นใบ้ จากนั้นจูบอย่างคนเอาแต่ใจก็เริ่มต้นขึ้น
----------------------------------------------------------------------------------------
ฮ่า ๆๆๆๆ จบแบบนี้เลยดีกว่า ^^
สวัสดีค่ะ พานายจินกับน้องส้มมาส่งค่ะ ตอนนี้สาวน้อยของเราเรียนจบแล้ว เพราะงั้นก็คงได้เวลาจัดเต็มจัดหนักแล้วเนอะ โฮะ ๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ
zephyr : ฮ่าาาาาาาาา ขอบคุณคอมเม้นท์แรกของตอนที่แล้วที่ทำให้พันวลีขำมากกกกก...อ่านแล้วนึกภาพตามยายแก้มป่องเป็นปลาทองอ้าปากพะงาบ ๆๆๆ ขอบคุณสำหรับเสียงหัวเราะที่ส่งคืนให้กันค่ะ ^__^
pkka : ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ..เห็นด้วยค่ะว่าคอมเม้นท์...ลุ้นกว่าซะอีก ^^
พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ค. 2558, 09:07:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ค. 2558, 09:07:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 1782
<< ตอนที่ 9 | ตอนที่ 14 >> |
Zephyr 19 พ.ค. 2558, 16:37:33 น.
ส้มเลือดออกแล้ว
แต่คิดว่าจากนี้ นางจะไหลอีกอย่างต่อเนื่อง
เธอชื่อณัฐวรานะ ไม่ใช่โสรยา รึอยากเป็นจำเลยรัก พี่จิน ฮึ!!!
คงเป็นอยู่แล้วสินะแต่ไม่รู้ตัว
คู่นั้นก็ใบ้กิน ไปคนนึง อีกคนก็พูดเอาๆๆๆๆ
คู่นี้ก็ถนัดใช้ปากนะ แต่ใช้แบบ ฟินาเล่กว่าเยอะ 5555
เค้าชอบอ่า พี่จินเอาอีกๆๆๆๆ
ส้มเลือดออกแล้ว
แต่คิดว่าจากนี้ นางจะไหลอีกอย่างต่อเนื่อง
เธอชื่อณัฐวรานะ ไม่ใช่โสรยา รึอยากเป็นจำเลยรัก พี่จิน ฮึ!!!
คงเป็นอยู่แล้วสินะแต่ไม่รู้ตัว
คู่นั้นก็ใบ้กิน ไปคนนึง อีกคนก็พูดเอาๆๆๆๆ
คู่นี้ก็ถนัดใช้ปากนะ แต่ใช้แบบ ฟินาเล่กว่าเยอะ 5555
เค้าชอบอ่า พี่จินเอาอีกๆๆๆๆ
pkka 19 พ.ค. 2558, 16:41:21 น.
ปิ่นนลิน 20 พ.ค. 2558, 10:07:51 น.
เอะอะจูบๆ พี่จินนี่!! น้องส้มช้ำหมด อิอิ
ต่อว่าเขา ลงโทษเขาแล้วก้อเมาน้ำตาตัวเอง ทั้งคู่เลยยย
แถมพี่จินยังเป็นแวมไพร์ กินเลือดด้วย 55555
คิดถึงพี่ธันว์อ่าาา
เอะอะจูบๆ พี่จินนี่!! น้องส้มช้ำหมด อิอิ
ต่อว่าเขา ลงโทษเขาแล้วก้อเมาน้ำตาตัวเอง ทั้งคู่เลยยย
แถมพี่จินยังเป็นแวมไพร์ กินเลือดด้วย 55555
คิดถึงพี่ธันว์อ่าาา