กลรัตติกาล
เรื่องต่อ ซ่อนใจไว้ใต้ดาว ชุดเสน่หาฆาตกรรม

หลงกลิ่นจันทน์ , ซ่อนใจไว้ใต้ดาว , กลรัตติกาล
Tags: กลรัตติกาล คีตา ณิชนิตา

ตอน: บทที่๑๘ ความรักคือ ห่วง

บทที่๑๘


ความรักคือ ห่วง



ร่างสูงเพรียวของนายแบบหนุ่มปรากฏกายอยู่ในมุมรับแขกของสำนักงานนิตยสารมายสไตล์ อชิตะกลายเป็นจุดสนใจของสายตาหลายคู่ เขานั่งบนโซฟาตัวยาวด้วยท่าทีสบายๆ ขายาวไขว่ห้าง เอนหลังพิงพนักสองมือถือนิตยสารเปิดดูรูปผ่านๆ อย่างไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก

“ตายจริง คุณอชิมาเยี่ยมถึงสำนักงานมายสไตล์เลยหรือคะ” เสียงของบรรณาธิการสาวเอ่ยถาม สีหน้าตื่นเต้น หลังจากถ่ายแบบให้คราวก่อนเธอก็ไม่ได้ติดต่อนายแบบหนุ่มอีก จึงเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ได้เห็นเขาโผล่มาให้เห็นนั่นเอง

“ผมแวะมาหาหวานน่ะครับ” อชิตะบอกตามตรง เขาจำสิ่งที่ชายไทบอกได้เป็นอย่างดี ปัญหาระหว่างเขาและมโนชาเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง ดังนั้นสิ่งสำคัญของเรื่องคือ ความชัดเจนหลังจากไปพบเธอที่บ้านดวลเหล้าจนเมาแอ๋กับพ่อของมโนชาแล้ว เขาก็เริ่มแผนการขั้นต่อไป อย่างน้อยพ่อของเธอก็ไม่ซัดเขาแทนกระสอบทราย...ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี

“อ้อ มาหาหวาน ไม่นึกว่าจะรู้จักกัน หรือช่วงถ่ายแบบคราวก่อน...” บรรณาธิการลากเสียงคำว่าคราวก่อนยาว เผื่อนึกเรื่องราวในตอนนั้นได้

“เปล่าครับ เรารู้จักกันก่อนหน้านี้อีก เราเป็นเพื่อนกันตอนเรียนมัธยมปลายน่ะครับ”

“อ๋อ...ไม่เห็นหวานพูดถึงเลย”

“หวานไม่ค่อยพูดถึงผมหรอกครับ มีแต่ผมนี่แหละคิดถึงเขา”

“ห๊ะ!”

“อชิ!!” มโนชาเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงดังเมื่อเดินเข้ามาทันได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูด เธอรีบเข้ามาดึงแขนให้เขาลุกขึ้น

“พี่ปลายเดี๋ยวหวานขอตัวก่อนนะคะ” มโนชาหันมาบอกบรรณาธิการแล้วดึงตัวอชิตะออกมา หญิงสาวจูงมือเขาออกมาจนถึงหน้าสำนักงานซึ่งเขาจอดรถไว้ตรงนั้น อชิตะยิ้มกว้างแอบปลื้มใจที่โดนจับจูงมือเป็นครั้งแรก หลังจากห่างหายอารมณ์หวานๆ มาตั้งแต่เลิกรากันนั่นเอง

หญิงสาวปล่อยมือแล้วหันมากอดอกตัวเองอย่างหลวมๆ จ้องใบหน้าคมของนายแบบหนุ่มอย่างเอาเรื่อง

“มาหาที่นี่ทำไม นัดกันที่ร้านอาหารก็จบ”

“มารับไง เดี๋ยวเธอก็ลำบากนั่งแท็กซี่ไป ไปด้วยกันก็จบแล้ว”

“เดี๋ยวคนอื่นจะคิดยังไง นายกำลังมีกระแสดีๆ กับรัตนะ”

“เรื่องคู่จิ้นน่ะเหรอ อยากจิ้นก็จิ้นกันไป แต่ความเป็นจริงก็อีกเรื่อง คนไทยควรมองให้ออกว่าเรื่องไหนเป็นงาน เรื่องไหนความจริง ชอบเอาเรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัวกันจัง”

“ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ไปๆ ยืนนานคนมอง” มโนชาปล่อยแขนตัวเองลงแล้วหันหลังกำลังจะขึ้นรถแต่อยู่ๆ มือหนาของอีกฝ่ายคว้าแขนเธอไว้แล้วดึงเข้าสู่อ้อมอกเขาในแบบที่ตั้งตัวไม่ทัน ด้วยความสูงร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรทำให้มโนชาจมเข้าไปในอกของอชิตะ เธอสูงแค่หน้าอกเขาเท่านั้นเอง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของโคโลญจ์ผู้ชายทำให้ใจเต้นแรงขึ้น

“ปล่อยนะโว้ย” เสียงอู้อี้ในอกนั้นทำให้อชิตะหัวเราะออกมา

“อายทั้งคู่นี่แหละ เอาให้เห็นกันเลยว่า ตกลงใครเป็นตัวจริง”

“ปล่อย...” มโนชายังคงส่งเสียงขู่แต่ซ่อนรอยยิ้มไว้เป็นอย่างดี อชิตะยอมปล่อยแขนออกก้มหน้าลงมาใกล้พร้อมส่งยิ้มหวานให้คนตัวเล็กกว่า

“ไปกินข้าวกัน แม้ตอนนี้ฉันจะอยากกินเธอมากกว่าก็ตาม”คนพูดเบาเหมือนเสียงกระซิบพยายามให้เซ็กซี่เร้าใจมากที่สุด

“หือ...กินสิ แม่จะทุบให้ม้ามแตกเลย” มโนชาโต้กลับ อชิตะจึงได้แต่หุบยิ้มลง

“เป็นผู้หญิงที่ไร้ความโรแมนติกจริงๆ” อชิตะส่ายหน้าพร้อมกับเดินอ้อมไปขึ้นรถ โดยไม่ได้มองว่าหญิงสาวยิ้มออกมาทั้งก้าวเข้าชิดประตูรถ รอให้เขาปลดล็อกก่อนจะเปิดประตูขึ้นนั่งอย่างเรียบร้อย

ระหว่างนั่งขับรถชิตะลอบมองหญิงสาวหลายครั้ง

“ช่วงนี้ไม่เห็นเธอไปหารัตติกาลบ้างเลย มีอะไรกันหรือเปล่า”

“เปล่า ตอนนี้รัตก็มีคุณชายอยู่ด้วยแล้ว”

“งอนกันหรือเปล่า เพราะรัตติกาลก็บอกว่าเธอไม่ติดต่อเลย โทร.หาก็ไม่รับ”

“เปล่าจริงๆ”

“ต้องมีสิ เธอไม่รับโทรศัพท์ บอกมาดีกว่า เป็นอะไร หรือรัตติกาลทำอะไรให้เธอไม่พอใจ หรือว่าหึงฉันที่เราเป็นคู่จิ้นกัน บอกเลยนะ ฉันไม่กินรัตติกาลแน่ๆ รัตติกาลกับชายไทน่ะเขาตกลงเป็นแฟนกันแล้ว ฉันไม่กินเพื่อนกันเองด้วยนอกจากเธอ ฉันก็ไม่คิดจะกินใครอีก”

“พูดจา...” มโนชาทำน้ำเสียงจิ๊กจั๊กในลำคอหลังได้ยินคำว่า กิน จากปากชายหนุ่ม “มันเป็นแค่...อยากให้เวลารัตติกาลน่ะ ตอนนี้เธอกลับเข้าสู่สังคมของเธอแล้ว ส่วนฉันก็อยู่ในสังคมของฉันเท่านั้นเอง”

“ทำไมเธอเป็นคนคิดมากอย่างนี้นะหวาน คราวเรื่องของเราก็คิดแบบนี้ใช่ไหมละ เลยทำให้เราเลิกกัน ไม่มีสังคมของใครทั้งนั้นแหละ ถ้าเธอไม่ใช่คนสำคัญรัตติกาลก็คงไม่ห่วงหรอก เธอคือเพื่อนที่เหลืออยู่คนเดียวของรัตนะ รัตติกาลฝากฉันมาบอกแค่นี้แหละ ส่วนฉันก็จะบอกกับเธอว่า...เธอคือคนที่ฉันเลือกแล้ว อย่ากลัวการเผชิญความจริงสิ”

มโนชาหน้าเจื่อนจืดลง เธอถอนหายใจแผ่วเบาก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกเสียใจ “ฉันไม่มีอะไรสู้ใครได้เลยนะอชิ แตกต่างกับรัตเหมือนฟ้ากับเหว การได้เป็นเพื่อนรัตเหมือนฝันเลย เหมือนกับนาย...การได้เป็นเพื่อนนายก็เหมือนกัน สมัยเรียนเรายังพอได้คุยกัน ใกล้กัน แต่ตอนนี้...ทุกคนห่างออกไปทุกที ยิ่งห่างไกลยิ่งเอื้อมไม่ถึง ตอนที่ฉันคบกับนายเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ยิ่งนานความรู้สึกมันก็เปลี่ยนไป ฉันตระหนักดีว่ามันเกินเอื้อม พวกสาวๆ ที่หลงใหลนายดักทำร้ายฉันสาดน้ำเหม็นๆใส่ฉันยังปลอบใจตัวเองว่า ไม่เป็นไรหรอกแล้วตอนที่มีคนถามว่า ฉันกับนายเป็นอะไรกัน นายตอบว่า แค่เพื่อน ตอนนั้นฉันรู้ตัวทันทีว่าก็แค่หวังลมๆ แล้งๆ น้ำถังนั้นเหมือนสิ่งเตือนสติว่า ฉันมันระดับไหน...”

“หวาน” อชิตะหยุดรถก่อนที่ตัวเองจะขับไปไกลกว่านั้น เขาจอดนิ่งก่อนจะหันมาทางมโนชาซึ่งเริ่มพูดเรื่องในใจเป็นครั้งแรก “ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอเจอเรื่องแบบนั้น ฉันเสียใจจริงๆ นะ แล้วที่ฉันตอบแบบนั้นก็เพราะกลัว...กลัวพวกนั้นแกล้งเธอ ฉันขอโทษ”

อชิตะไม่เคยคิดว่าการเป็นคนดังของโรงเรียนจะทำให้คนที่เขารักลำบากขนาดนั้น เขาไม่เคยรู้เลยว่าเหตุผลการเลิกรากันเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิด และความจริงที่ว่า เขาไม่เคยรู้อะไรเลย!

“ความแตกต่างทำให้ฉันกลัว ไม่ว่ากับนายหรือรัตติกาล”

“อย่ากลัว...เพราะต่อจากนี้ไปฉันจะปกป้องเธอเอง” อชิตะเอื้อมมือเข้าไปกุมมือหญิงสาวไว้ ดวงตาคมสื่อให้เห็นว่าเขาจริงใจแค่ไหน เขาไม่เคยเห็นมโนชาอ่อนแอขนาดนี้มาก่อน เธอเก็บซ่อนความรู้สึกนี้ไว้ตลอดงั้นหรือ เขาผิดเองที่ไม่เคยสืบสาวราวเรื่อง ไม่เคยหาเหตุผลทั้งๆที่ควรทำมานานแล้ว เอาแต่ใจ คิดบ้าบอไปเองคนเดียว...เขามันบ้า!



เสียงข้อความมือถือดังขึ้นระหว่างที่ชายไทกำลังจอดรถอยู่หน้าบ้านของอชิตะหลังสอนเสร็จเขาก็มาหาเพื่อนรัก ปกติช่วงนี้ชายไทมีสอนน้อยลง ดูเหมือนบรรยากาศในมหาวิทยาลัยเปลี่ยนไปด้วย หลังจากเกิดเรื่องใบปลิวนั้น

ด็อกเตอร์หนุ่มก้าวลงจากรถเดินเข้าไปกดกริ่งรั้วหน้าบ้านของอชิตะ ระหว่างนั้นเขาจึงก้มลงกดดูข้อความ เพิ่งเห็นว่ามาจากอชิตะนั่นเอง

‘ฉันคืนดีกับหวานแล้วโว้ย ขอบใจวะชาย แต่วันนี้ที่เรานัดกันยกเลิกไปก่อนนะ อชิ’

ชายไทผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ไม่ทันที่เขาจะหันหลังกลับก็มีคนมาเปิดประตูรั้วอ้าออกเรียบร้อยแล้ว ชายไทเงยหน้าขึ้น มโนชายิ้มส่งให้เขา เพียงเท่านี้ชายไทก็พอรู้แล้วว่าทำไมอชิตะจึงยกเลิกนัดไป

“สวัสดีค่ะคุณชาย มาหาอชิเหรอคะ”

“อ้อ ครับ...เอ่อ แค่แวะมาบอกว่า ผม...ผม...เออ เรื่องที่คุยกัน ผมตอบตกลงนะครับ” ชายไทหาข้ออ้างก่อนจะถอยหลังกลับไปที่รถตัวเอง “ผมจะไปหารัตติกาลก่อนนะครับ”

เป็นครั้งแรกที่ชายไทไม่ได้บอกรัตติกาลก่อนการนัดหมายที่บ้าน แต่ก็เป็นเรื่องแก้เก้อได้เป็นอย่างดี นึกแล้วเขายัหงุดหงิดอชิตะไม่หายพอคืนดีกันแล้วก็ลืมผู้มีพระคุณไปเลย...ต่อไปควรช่วยดีไหมนะ

ชายไทตัดสินใจขับรถต่อไปยังบ้านของรัตติกาลซึ่งอยู่ติดกันนั้นเอง เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว พอจอดรถก้าวลงมาเขาก็เห็นนิตยาเดินออกมาจากเรือนกล้วยไม้พอดี ชายหนุ่มยกมือไหว้เหลือบมองกระถางในมือหญิงสาวจึงเข้าไปถือช่วย

“ให้ผมช่วยดีกว่าครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร...” นิตยารีบบอก แต่ไม่ทันชายหนุ่มซึ่งจัดการแย่งกระถางต้นไม้ขนาดเล็กนั้นไปถือไว้แล้ว เธอจึงปล่อยเลยตามเลย ชี้ให้เขานำไปวางไว้มุมของศาลาไม้ ชายไททำตามจนเสร็จเรียบร้อย

“ต้องขอโทษจริงๆนะคะ มือไม้เปื้อนหมดแล้วไปล้างไม้ล้างมือในบ้านก่อนค่ะ เดี๋ยวนิดจะให้เด็กไปเรียกหนูรัตมาพบคุณชายที่ห้องรับแขกเองค่ะ”

ชายไทพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในบ้านใหญ่ เดินเลยเข้าไปห้องน้ำเปิดก๊อกน้ำหน้าอ่าง ล้างมือซึ่งเปรอะเปื้อนดินจากกระถางเพียงเล็กน้อยนั้นออก ดวงตาคมเหลือบมองกระจกเล็กน้อยตรวจดูความเรียบร้อยบนใบหน้า ก่อนจะก้าวออกมาจากห้องน้ำนั้น ดวงตาคมสำรวจภายในบ้านหลังใหญ่มีการประดับตกแต่งด้วยเครื่องเรือนราคาแพง เขาเดินมาจนถึงห้องรับแขกเห็นนิตยากำลังวางแก้วน้ำบนโต๊ะ เธอหันกลับมายิ้มให้เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า

“ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนค่ะ วันนี้อากาศร้อนมากเลย ขนาดตกเย็นแล้ว แดดยังไม่ลดเลย”

“ครับ อากาศแบบนี้ป่วยเอาง่ายๆ เลย”

“นิดให้เด็กไปบอกคุณรัตแล้วนะคะ เดี๋ยวคงมา วันนี้คนสวนลาไปทำธุระน่ะค่ะ ฉันเลยลงมือเอง เห็นว่าไม่หนักอะไร ต้องขอโทษที่ทำให้คุณชายลำบากนะคะ”

“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ที่บ้านผมก็ย้ายโน่นนี่ให้น้องสาวบ่อยๆ แล้วนี่บ้านเงียบๆนะครับ ท่านนายพลไม่อยู่เหรอครับ”

“ออกไปทำธุระค่ะ เห็นรีบๆ ออกไปเหมือนมีเรื่องด่วนอะไรสักอย่าง นิดก็ไม่ได้ถาม”

“อ้อ ครับ”

“งั้นคุณชายตามสบายนะคะ เดี๋ยวนิดขอตัวไปทำงานในครัวต่อ” นิตยาบอกพร้อมกับหันขวับไป ทว่าระหว่างการหมุนตัวไปนั่นเองใบหน้าซีดเผือดลง ร่างเพรียวบางทำท่าเหมือนจะทรุดลงกับพื้น ชายไทรีบเข้าไปคว้าร่างของเธอไว้ได้ก่อนจะร่วงลงไป นิตยาตาปรือจ้องใบหน้าของชายหนุ่มซึ่งอยู่ไม่ห่างนักนั้นด้วยแววอ่อนแรง

“ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ คงเพราะตากแดดนานไป หน้าเลยมืด” นิตยาพยายามพยุงตัวเองให้ได้แต่กลายเป็นเซกลับเข้าไปซบหน้าอกของชายไทอีกครั้ง

“ผมว่านั่งพักก่อนดีกว่าครับ” ชายไทบอกพร้อมทำท่าเหมือนจะพยุงไปยังโซฟายาวตัวที่อยู่ใกล้ แต่เธอกลับโบกมือปฏิเสธ

“ไม่เป็นไรค่ะ ขออยู่อย่างนี้สักพัก เดี๋ยวคงหาย” เธอบอกพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตา ชายจ้องตาคู่สวยแม้ดูหมองด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่ยังดูมีเสน่ห์ สำหรับหญิงสาวในวัยเกือบสี่สิบ ถือว่านิตยายังดูสวยสดใสอยู่มาก

“จะกอดกันอีกนานไหม...” เสียงเข้มโทนสูงบ่งบอกอารมณ์ของรัตติกาล ทำให้นิตยารีบผละตัวออกจากชายไท เธอก้มหน้างุดด้วยความอับอาย แล้วพยายามเดินเลี่ยงออกไป ทว่ารัตติกาลคว้าข้อมือไว้เสียก่อนเพื่อไม่ให้เดินออกไปไกลกว่านี้แล้วจึงปล่อยข้อมือออก หญิงสาวกอดอกจ้องใบหน้าของแม่เลี้ยงด้วยแววเคร่ง

“คิดจะหนีไปง่ายๆ เหรอ ช่วยอธิบายได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”

“คุณนิดเป็นลมผมก็เลย...”

“หยุดพูดไปเลย ฉันไม่ได้ถามคุณ” รัตติกาลหันไปตวาดชายไทซึ่งพยายามอธิบายให้ฟัง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบใด

“ตามที่คุณชายบอกค่ะ น้าจะเป็นลม เขาก็มาช่วยพยุงเท่านั้นเอง...” นิตยาอธิบายซ้ำก่อนจะทำท่าเหมือนเซล้มลงจนชายไทยื่นมือเข้าไปช่วยแต่รัตติกาลตีมือเขาเป็นการห้ามไว้

ชายไทตวัดสายตาเข้มไปยังรัตติกาล เขาไม่สนใจรีบพยุงนิตยาขึ้น ทว่าเธอกลับส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ คุยกันไปก่อนนะคะ ฉันคงต้องไปพักสักหน่อย”

“มารยา...มุกแบบนี้ใช้บ่อยไปนะคะ” รัตติกาลแขวะแววตาจิกคนเป็นแม่เลี้ยงอย่างไม่เกรงใจ นิตยาเดินเลี่ยงไปโดยไม่หันกลับมามอง ร่างกายอ่อนแรงเกินจะตอบโต้ใครได้ในตอนนี้

ชายไทหันกลับมาสบตากับรัตติกาลอีกครั้ง เขาถอนหายใจออกมาให้หญิงสาวเห็น รัตติกาลเม้มริมฝีปากสีแดงสดนั้นอย่างขัดใจ

“คุณควรพูดดีกับคุณนิดบ้าง อย่างน้อยเธอก็เป็นภรรยาพ่อคุณ เธอไม่ผิดอะไร”

“ไม่ผิด? เธอนั่นแหละผิดเต็มๆ ให้ตายยังไงก็ผิด”

ชายไทมองคนพูดอย่างขาดเหตุผลด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจ เขาผ่อนลมหายใจออกมาอีกครั้ง ราวกับว่าทุกอย่างเป็นเรื่องหนักเหลือเกินแล้ว รัตติกาลแค่นหัวเราะด้วยความเจ็บแค้น

“เหนื่อยใจกับฉันหรือคะ ฉันควรเป็นฝ่ายถอนหายใจมากกว่า คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง รู้ไหมฉันเกลียดที่สุดก็คือ การถูกหักหลัง”

“เพราะกรุณพลทำให้คุณระแวง แล้วคุณก็เทียบผมกับเขาเหรอ สิ่งที่คุณควรมีนะรัต คือ ความเชื่อใจ คุณไม่เชื่อใจผมเลยเหรอ”

หญิงสาวไม่ตอบแต่กลับยืนนิ่ง “ผู้หญิงคนไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่คนนี้ ฉันจะไม่โกรธมากเลยถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แม่เลี้ยงฉัน”

“ตกลงคือ ไม่เชื่อใจ...” ชายไทสรุปออกมาง่ายๆ เมื่อเห็นว่ารัตติกาลไม่ตอบคำถามแต่เลี่ยงไปพูดเรื่องอื่นแทน เขาพยักหน้ารับแล้วถอยหลังไปพิงผนังเหมือนคนหมดแรงเอาดื้อๆ ใบหน้าอ่อนเยาว์ของชายหนุ่มดูนิ่งเฉยก็จริง ทว่ามันเป็นการแสดงออกว่าไม่พอใจมากเช่นกัน ชายไทไม่ใช่คนตีโพยตีพาย ไม่ว่าจะโกรธจัดหรืออยู่ในอารมณ์ที่ควบคุมสติไม่อยู่ หลังเกิดเรื่องตอนเรียนมัธยมครั้งนั้นเขาก็รู้จักระงับความรู้สึกมาตลอด

“ผมดูเหมือนกรุณพลมากเหรอ”

“ไม่ใช่...” รัตติกาลปฏิเสธ ชายไทยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ดูเย้ยหยันคนเห็นมันมากกว่า

“นอกจากกรุณพล ยังมีคนอื่นอีกใช่ไหมที่ทำให้คุณไม่ไว้ใจผู้ชาย”

คราวนี้ใบหน้าของรัตติกาลซีดเผือดลง แววตาหวาดระแวงคู่นั้นจ้องชายไทไม่วางตา

“คนๆ นั้นก็คือ...ผู้ชายที่เราเจอในร้านอาหารใช่ไหม เขาทำอะไรให้คุณกลัวงั้นเหรอ ตัวคุณสั่นตลอดเวลาที่คุยกัน คุณปิดบังอะไรอยู่”

“นี่คือวิธีเลี่ยงความผิดของด็อกเตอร์ใช่ไหม คนฉลาดเขามีวิธีการเลี่ยงความผิดด้วยการหาความผิดของคนอื่นมาพูด” รัตติกาลต่อว่าเขาด้วยน้ำเสียงเริ่มสั่น ดวงตาของชายหนุ่มลุกวาวขึ้นเมื่อได้ยินคำประชดจากปากหญิงสาว

“อ้อ ยอมรับว่าเป็นความผิด...”

ฝ่ามือสวยตวัดเข้าใส่ใบหน้าของชายหนุ่มทันทีโดยไม่ยอมฟังประโยคนั้นให้จบ “ใช่ฉันผิดเองที่โดนผู้ชายหลอกมาตลอด ตาฉันมันถั่วเอง...”

หญิงสาวหันหลังก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว ชายไทได้แต่ลูบแก้มตัวเองเบาๆ ให้คลายความเจ็บแสบลงไปได้บ้าง ดวงตาคมทอแสงอ่อนแรงลงไปมาก

เธอควรเปรียบเทียบเขากับผู้ชายคนอื่นให้ดีกว่ากรุณพลสักหน่อย...อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยพูดถึงเธอลับหลัง อย่างน้อย...เขาก็เลือกจะเสี่ยงโชคชะตาบ้าบอกับเธอ หรือ...อย่างน้อย เธอก็ทำให้เขาชอบเธอจริงๆ ไปแล้ว รัตติกาลไม่ควรปิดบังความลับอะไรกับเขา ยิ่งเป็นเรื่องของผู้ชายคนอื่นด้วยแล้ว

ปัญหาของคู่รักส่วนใหญ่ คือ ความไม่เชื่อใจและมีความลับต่อกัน ตอนนี้...เขากำลังเผชิญพร้อมกันสองอย่างเลยทีเดียว



ระหว่างรถแล่นไปตามถนน สายตาของปราการเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง หนึ่งในสิ่งที่ทำให้เขาจิตใจล่องลอยก็เพราะสิ่งที่นายตำรวจเจ้าของคดีอุบัติเหตุคนขับรถบรรทุกทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

‘คนขับรถชื่อนายเพิ่มครับ ทำอาชีพขับรถส่งของมาหลายปี เขาถูกฆ่าก่อนเอาศพมาทิ้งหนองน้ำ แต่ผม...’

‘มีอะไรเหรอครับ ทำไมเงียบไป’

‘คือ คนที่โทรศัพท์แจ้งความเรื่องพบศพ คือคุณรัตติกาลครับเธอจำเขาได้หรือเปล่าครับ...เอ่อ...’

‘รัตจำไม่ได้หรอก ผมไม่เคยให้เธอได้พบหน้าคู่กรณี ช่วงนั้นเธอก็ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลด้วย คุณตำรวจคงไม่คิดว่ารัตจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายเพิ่มใช่ไหม’

‘คือ มันแปลกนะครับท่าน เธอไปทำอะไรตรงนั้นช่วงเช้ามืด’

ปราการถอนหายใจแผ่วเบา เขาเองก็สงสัยไม่ต่างจากนายตำรวจเท่าใดนัก เขาไม่เคยเชื่อว่าลูกสาวจะเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม เธอไม่ได้มีจิตใจโหดร้ายถึงขนาดนั้น แม้จะดูเย็นชาในบางครั้ง อารมณ์ร้อนในบางเรื่อง แต่ทุกอย่างก็จบไปในคราวเดียว ไม่ได้ยืดเยื้อเหมือนคนคั่งแค้น เธอไม่ใช่คนมีแผนการด้วยซ้ำ

“ทะ...ท่านครับ” เสียงคนขับรถเอ่ยขึ้นเสียงดังจนปราการหันขวับกลับไปมอง สีหน้าของคนขับรถซีดเผือด เหงื่อแตก มือหนาเลื่อนตกจากพวงมาลัย ทำให้รถส่ายไปมา ปราการถลาเข้าไปจับตัวคนขับรถจากด้านหลัง

“ผะ...ผมเป็นอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีแรงเลย...”

ปราการตื่นตระหนก รู้แล้วว่าตอนนี้อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา เขาพยายามเอื้อมมือคว้าพวงมาลัย ทว่ากลับรู้สึกราวว่ามือไม้อ่อนแรงไปหมด หัวใจเต้นอ่อนลง หายใจหอบเหนื่อย ดวงตาพร่ามัวไปหมด มือหนากุมหน้าอกตัวเองด้วยแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่

รถหมุนพลิกหลายตลบตัวเขากลิ้งไปตามแรงเหมือนผ้าในเครื่องซักผ้า แปลกที่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลย ไม่รู้สึกอะไรเลยสักนิดเดียว ทว่าภาพสุดท้ายที่ปราการเห็นก็คือ...หญิงชราคนหนึ่งที่ชะโงกหน้าเข้ามาดูผ่านกระจกรถแตกร้าวนั่น

‘ถึงเวลาของคุณแล้ว’สุ้มเสียงเหมือนไม่ได้หลุดออกมาจากปากของหญิงชราผู้นั้น แต่เหมือนดังก้องอยู่ในหูเขานี่เอง

ถึงเวลาแล้วหรือ...



รัตติกาลก้าวออกมาจนถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ ความรู้สึกราวกับว่ามีคนกำลังเผาไฟอยู่ในอกของเธอ ขาเรียวยาวนั้นก้าวต่อไปเพื่อกลับบ้านหลังเล็กของเธอ ควรอยู่ในที่ของเธอ จะไม่ยอมหันกลับไปมองหน้าชายไทอีก เสียงโทรศัพท์มือถือดังอยู่ในกระเป๋าเสื้อตัวใหญ่ของเธอ หญิงสาวล้วงออกมาด้วยความหงุดหงิด ใครก็ตามที่โทรศัพท์มาตอนนี้ ถือว่าซวยที่สุดในรอบปี ตัวเลขซึ่งปรากฏอยู่บนจอขนาดพอดีมือนั้นไม่คุ้นตา หญิงสาวกดรับพร้อมกับถอนหายใจยาว หากเป็นพวกขายของเธอจะด่ากลับให้หายหงุดหงิดไปเสียเลย

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ พอดีผมเอาเบอร์มาจากมือถือของท่านนายพลปราการครับ คุณเป็นลูกสาวท่านใช่ไหมครับพอดีเห็นบันทึกชื่อไว้ว่า ลูกรัต”

“คะ? ใช่ค่ะ...” เพียงแค่เกริ่นมานั้นทำให้หญิงสาวใจสั่น ความโกรธเกรี้ยวเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง ยิ่งได้ฟังเหตุผลการสนทนาครั้งนี้ยิ่งทำให้รัตติกาลตัวสั่นเทิ้มด้วยความตระหนก

‘ท่านนายพลประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต...’ เธอเพียงแต่หวังว่าสิ่งที่เธอได้ยินนั้น...ไม่ใช่ความจริง!!

มือไม้ดูเก้งก้างเมื่อพยายามควานหากุญแจรถแล้ววิ่งไปเปิดประตูรถขึ้นนั่งสตาร์ทรถแต่กลับกลายเป็นรถออกตัวพุ่งเข้าชนกระถางต้นไม้ใกล้ๆ โรงรถเสียหาย รัตติกาลฟุบหน้ากับพวงมาลัยจนได้ยินเสียงประตูรถข้างตัวเปิดอ้าออก เธอเงยหน้าขึ้นมอง เห็นชายไทยืนเท้าแขนบนประตูจ้องมองเธอด้วยแววตำหนิ

“เกิดอะไรขึ้น” เขาถามเสียงเครียด รัตติกาลมีใบหน้าซีดเผือด เธอยื่นมือถือให้เขา ชายไทรับพร้อมกดหมายเลขล่าสุดที่ติดต่อเข้ามา เขาพูดคุยกับปลายสายเพียงไม่นานก่อนจะคว้าแขนเธอออกมาจากรถแล้วลากไปที่รถของเขาแทน

“เดี๋ยวผมพาไปเอง” น้ำเสียงนั้นกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง ทว่าบัดนี้เธอไม่อาจรับรู้อะไรได้อีกแล้ว หน้าอกหนักหน่วงไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว



ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ค. 2558, 06:02:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ค. 2558, 06:02:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1259





<< บทที่ ๑๗ ซ่อนปม    บทที่ ๑๙ คำทำนาย >>
konhin 19 พ.ค. 2558, 08:18:09 น.
เศร้าอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account