กลรัตติกาล
เรื่องต่อ ซ่อนใจไว้ใต้ดาว ชุดเสน่หาฆาตกรรม

หลงกลิ่นจันทน์ , ซ่อนใจไว้ใต้ดาว , กลรัตติกาล
Tags: กลรัตติกาล คีตา ณิชนิตา

ตอน: บทที่ ๒๑ ผีหรือคน(๒)





บ้านไม้หลังเล็กอยู่ท้ายหมู่บ้านนั้น ดูเก่าแก่และรกร้างเพราะเศษใบไม้ปลิดปลิวเต็มบริเวณลานหน้าบ้าน ชายไทและปวีร์ก้าวเข้ามาถึงด้านในหลังจากชายแก่เจ้าของบ้านเปิดอ้ารับเขาเข้ามา ทั้งคู่นั่งลงบนม้าหินอ่อนสีครีมตามคำเชื้อเชิญ เพียงไม่นานหญิงแก่อายุราวห้าสิบเดินออกมาพร้อมกับน้ำเย็นวางไว้บนโต๊ะรับแขก แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไม่ไกลนัก

ชายแก่อายุเกือบแปดสิบจ้องมองชายหนุ่มทั้งสองคนผ่านดวงตาฝ้าฟาง

“พวกคุณมาตามหาผมมีอะไรเหรอ”

“ผมชื่อ ชายไทครับ เป็นหลานของยายช้องนาง ผมมาตามหาท่านครับ”

“อ้อ หลานช้องนาง...” ชายแก่รับคำก่อนนั่งนิ่งพักหนึ่งราวกับกำลังนึกถึงอดีตอยู่เช่นนั้น “ทำไมเหรอ ตามหาไปทำไม เมื่อก่อนพวกคุณเป็นคนไล่ช้องออกจากบ้านเองไม่ใช่รึ”

“ไล่หรือครับ ยายเล็กไม่ได้หนีออกจากบ้านเหรอครับ”

“ตอนแรกก็หนีนั่นแหละ แต่ได้สองสามปีก็ขอกลับเข้าบ้านแต่พ่อชดไม่ยอม ตอนนั้นฉันก็ไปด้วย พ่อชดไล่ลูกสาวอย่างกับหมู หมา ทั้งตบตีจนเลือดกบปาก ผมเองก็ทนไม่ได้จนต้องพากลับบ้านด้วยกัน”

“แล้วทำไมคุณตาถึงได้เลิกกับ...ยายเล็กละครับ”

ชายแก่นั่งเงียบไปอึดใจ “ฉันนอกใจเอง อารมณ์ชั่ววูบของผู้ชาย เล็กรับไม่ได้ เราก็ทะเลาะกัน จนเลิกกัน แต่หลังจากนั้นหลายปี เมียคนนั้นก็หนีไป ฉันก็เลยกลับไปพยายามง้อขอคืนดีแต่เล็กมีคนใหม่ไปแล้ว เป็นคนดีมากเสียด้วย แต่อายุสั้นเหลือเกิน”

“แล้วหลังจากนั้นละครับ ยายเล็กหายไปไหน”

“ฉันพยายามขอคืนดี เล็กก็ไม่ยอมแล้วก็หายตัวไป เหมือนเล็กจะรักเขามาก แล้วก็คิดว่าที่ชีวิตพังเพขนาดนี้ก็เพราะพ่อ เธอเคียดแค้นเรื่องนี้มาตลอด แถมยังพาลพี่สาวว่า เป็นอีกคนที่ทำร้ายเธอ”

“ผมไม่คิดว่ายายของผมจะทำร้ายยายเล็กได้นะครับ” ชายไทยืนยันแทนผู้เป็นยายของตน

“ช้องคิดว่า พี่สาวแย่งทุกอย่างไป ทั้งความรักจากพ่อ แล้วก็สามีในอนาคตของตัวเอง เธอพาลน่ะ หลังจากการพลาดหวังทุกอย่างแล้ว”

“ยายของผมไม่เคยคิดแย่ง แต่เป็นเพราะยายเล็กหนีไปพร้อมคุณต่างหาก”

“ไม่มีเหตุผลมากหรอกสำหรับลูกที่ถูกรักและเอาใจมากๆ จุดเริ่มต้นก็แค่เรื่องบังคับแต่งงาน หลังจากนั้นก็กลายเป็นว่า โกรธเกลียดกันไปอย่างไม่มีเหตุผล ฉันเองเป็นเหมือนตัวประกอบของเรื่อง ให้มันดูสมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้นเอง เล็กเขามีใครบางคนในใจแต่ไม่ยอมพูด แล้วยังโทษพี่สาวว่าทำให้เธอต้องตกระกำลำบาก ความจริงจะโทษคนอื่นหมดก็ไม่ได้หรอก เล็กเองก็เอาแต่ใจอยากได้อะไรก็ต้องได้ ฉันยังแอบคิดอยู่นะพ่อหนุ่ม...คิดว่าคุณใหญ่รู้สึกยังไงตอนที่ต้องแต่งงานแทนน้องสาว เล็กไม่เคยคิดถึงใจของคุณใหญ่เลยสักนิด” คำบอกเล่าของตาพจน์ทำให้คนฟังรู้สึกเศร้าใจ

ชายไทรู้มาบ้างว่ายายของเขาต้องแต่งงานกับตาด้วยความจำเป็นแต่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของยายในขณะนั้นเลย ท่านจะรู้สึกอย่างไร...ต้องเป็นตัวแทนของยายช้องนางแม้กระทั่งเรื่องชีวิตคู่

“แล้วคุณตาพอจะทราบไหมครับว่า ยายเล็กจะไปอยู่ที่ไหนได้”

“สมัยนั้น ฉันตามหาไปหมดทุกที่แล้ว แต่ก็ไม่พบ ช้องนางไม่มีลูกหลาน เธอตัวคนเดียวตั้งแต่ออกจากบ้านมา”

ชายไทเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะกล่าวขอบคุณแล้วขอตัว

“จริงสิหลานชาย... บ้านหลังเก่าของเธอขายไปแล้วใช่ไหม”

“ยังครับ เราไม่ได้ขายแต่ทิ้งร้างไว้อย่างนั้น”

“เสียดายนะ เป็นบ้านเรือนไทยที่สวยงามมาก ขายคงได้หลายตังค์ อ้อ ฉันจำได้แล้วทำไมไม่ถามคนรักของชมนาดละ”

“คนรักของคุณยายเหรอครับ”

“ใช่ ได้ยินว่าพอยายชมนาดแต่งงาน ไม่นานเขาก็ออกบวช” คำตอบของตา....ทำให้ชายไทถึงกับอึ้งไปหลายนาที เขาไม่เคยคิดสงสัยในตัวหลวงตาปลั่งเลยสักนิด

ที่แท้...เรื่องราวเป็นเช่นนี้เอง โศกนาฏกรรมความรักนี้ น่ากลัวจริงๆ



ภายในร้านอาหารซึ่งจัดตกแต่งสวยงาม โต๊ะด้านในสุดมีชายไทและปวีร์นั่งพูดคุยกันระหว่างรออาหาร ด็อกเตอร์หนุ่มตั้งใจเลี้ยงข้าวเพื่อนหลังจากการพบกับตาพจน์เสร็จเรียบร้อย เขานั่งคิดเรื่องราวเก่าของคนรุ่นก่อนนั้นอย่างกังวลใจ สายตาชายไทเหลือบไปเห็นลูกค้าในร้านที่เพิ่งเดินเข้ามา สายตาสบกันโดยไม่ทันตั้งตัว ปุณณภพก้าวเท้าเข้ามาใกล้โต๊ะของเขาพร้อมกับส่งยิ้มอย่างเป็นมิตร

“สวัสดีครับด็อกเตอร์ มาทานข้าวเหรอครับ” เป็นคำทักทายแสนปกติ ทว่าชายไทกลับรู้สึกว่ามันไม่ปกติสำหรับเขาเท่าไหร่

“ครับ” ชายไทไม่ได้ถามกลับ ปุณณภพจึงหัวเราะออกมาเบาๆ “ไว้เจอกันอีกนะครับ หลังงานศพผมคงเข้าไปในบ้านท่านนายพลบ่อยๆ”

“ครับ” ชายไทรับคำเดียวทำให้เพื่อนเก่าพอจะรับรู้บรรยากาศได้ว่า ด็อกเตอร์หนุ่มไม่ได้ยินดีกับการทักทายครั้งนี้นัก

ปวีร์มองตามทนายความด้วยสายตาสงสัย หลังจากพินิจแขกของเพื่อนอยู่นาน “ใครเหรอ”

“อ้อ โทษทีไม่ได้แนะนำให้รู้จัก คิดว่าไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ นายปุณณภพเป็นทนายความของท่านนายพลปราการน่ะ แล้วยังเป็นคนที่ฉันคิดว่า วางใบปลิวที่มหาวิทยาลัยด้วย”

ปวีร์พยักหน้ารับเพียงครู่ก่อนจะเอ่ยอะไรออกมาอีก “ฉันจำเขาได้ เขาเป็นคนเดียวกับที่ให้เงินพิรักษ์”

“หมายความว่าไง เขาให้เงินพิรักษ์งั้นเหรอ”

ปวีร์พยักหน้าเป็นคำตอบ ชายไทจึงหันกลับไปมองทนายความอีกครั้ง ดวงตาของชายหนุ่มเจือไปด้วยความหวาดระแวง

ถ้าเช่นนั้น...ก็น่าสงสัย รวมไปถึงเรื่องผีหลอกๆ ในงานศพนั่นด้วย ตอนแรกเขาแอบเดาว่าเป็นใครบางคนซึ่งไม่น่าใช่ปุณณภพแต่เพราะคำพูดท้าทายจากปากของปุณณภพเองทำให้เขารู้ตัวคนร้ายในทันที แต่เรื่องคงไม่จบง่ายๆ ทนายความคนนี้ตั้งใจประกาศเป็นศัตรูกับเขาแรกเจอหน้า ย่อมต้องมีเหตุต่อๆไปเป็นแน่



ภายในงานเลี้ยงบรรยากากำลังเป็นไปด้วยความสนุกและกันเอง ชายไทเดินเลี่ยงเข้ามาหานิตยา เธอหันมามองเขาทันทีเมื่อเห็นว่าเดินมายืนอยู่ใกล้ตัวแล้ว ท่าทางของนิตยามีแววกังวลเล็กน้อย ชายไทมองว่าเธอดูลนแต่ไม่ได้แสดงออกให้เห็นชัดนัก

“ด็อกเตอร์อยากได้อะไรอีกหรือเปล่าคะ” นิตยาเอ่ยถามพร้อมกับส่งยิ้มให้ ชายหนุ่มยิ้มตอบแล้วจึงส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ครับ”

“ฉันก็กลัวขาดตกบกพร่องไป หนูรัตควรสบายใจ ไม่อย่างนั้นงานนี้ก็จัดขึ้นสูญเปล่า”

ชายไทเข้าใจความกังวลของภรรยาม้ายท่านนายพลเป็นอย่างดี เหตุที่เธอมีท่าทีลนลานเช่นนั้นก็เพราะกลัวรัตติกาลจะไม่พอใจ

“อย่ากังวลใจเลยครับ ไม่มีอะไรขาดหรอกครับ คุณทำได้ดีมากด้วยซ้ำ คือ ผมมีเรื่องสงสัยน่ะครับ” ชายไทเปลี่ยนเรื่อง สีหน้าเขาเริ่มเครียดขึ้นมาหลังจากพูดจบ

“เรื่องอะไรเหรอคะ ทำไมทำหน้าตาหน้ากลัวอย่างนั้นละคะ” นิตยาเองเริ่มหวั่นใจเมื่อเห็นสีหน้าของด็อกเตอร์

“เราไปคุยกันที่อื่นดีกว่าครับ” เขาแนะนำทั้งเดินนำออกไปยังปีกด้านซ้ายของตึก พอถึงมุมหนึ่งซึ่งค่อนข้างลับตาคน มีชุดเก้าอี้ไม้วางไว้สำหรับนั่งเล่น ชายไทจึงเลือกนั่งตรงนี้ นิตยาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้พลางเหลือบมองใบหน้าเคร่งเครียดของชายหนุ่มไปด้วย

“คือ ผมกำลังคิดว่ามีคนวางแผนทำร้ายรัตติกาลน่ะครับ” เขาตัดสินใจเอ่ยออกมา นิตยามีสีหน้าตกใจแต่ไม่มากอย่างที่เขาคาดไว้นัก

“ยังไงกันคะ ใครกัน” นิตยาถามกลับด้วยความสงสัย

“ผมสงสัยในตัวคุณปุณณภพน่ะครับ เขาดูแปลกๆ ภายนอกก็เหมือนไม่มีอะไร แต่เพื่อนผมเห็นเขาให้เงินเด็กคนหนึ่ง”

“แค่นั้นก็สงสัยเขาหรือคะ คุณปุณเป็นคนที่คุณปราการไว้ใจมากที่สุดนะคะ เขาจะทำยังงั้นได้ยังไงกันคะ ฉันไม่อยากเชื่อเลย อีกอย่างแม้ว่าเขา...เขาจะชอบหนูรัตแต่ไม่น่าจะเป็นเหตุให้ทำเรื่องแบบนี้ได้ แล้วถ้าทำเขาจะได้อะไรละคะ”

ชายไทมองสีหน้าของแม่เลี้ยงสาวแววตานิ่งๆ ไม่สื่อเจตนาว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ “ครับ ตอนนี้ทางตำรวจก็ทราบเรื่องแล้ว กำลังตามหาเด็กคนนั้นอยู่ครับ เขาจะเป็นทั้งพยานแล้วก็เป็นคนร้ายด้วยครับ”

“คนร้าย ยังไงเหรอคะ”

“คืนสวดศพวันที่รัตติกาลกรีดร้องขึ้น มีคนทำให้เธอสติแตก เอาชุดท่านนายพลมาสวมทำให้รัตติกาลเข้าใจผิดว่าเป็นผีท่านนายพล เหมือนจงใจอยากให้เธอกลับไปเป็นบ้าอีกครั้ง ถึงไม่บ้าไปเลยอย่างที่ตั้งใจแต่อย่างน้อย คนในงานศพก็เห็น ว่ารัตติกาลดูไม่ปกติ ข่าวลือเรื่องสุขภาพจิตของเธอใครๆ ก็รู้กัน เรื่องมันก็ต่อติดง่าย คนก็คงคิดปะติดปะต่อเรื่องกันเอาเองอีกแน่ๆ”

“เขาจะทำอย่างนั้นไปทำไมละคะ”

“นั่นสิครับ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เป็นปมที่ผมแก้ไม่ได้เลยครับ คุณนิดพอจะคิดออกไหมครับ” เขาแสร้งถามนิตยา เธอถอนหายใจแผ่วเบา เหลือบมองชายไทอย่างไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

“ฉันไม่รู้หรอกค่ะ นึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าคุณปุณจะทำไปทำไม แย่จริงๆนะคะ เสียดายคุณปราการไว้เนื้อเชื่อใจมาโดยตลอด”

ชายไทพยักหน้าเห็นด้วย เขายังทำหน้าดูเป็นกังวล แม้แต่นิตยาเองก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน ชายไทมองรัตติกาลซึ่งกำลังเดินเข้ามาหา สีหน้าของเธอดูไม่วางใจ ยิ่งเห็นเขากับแม่เลี้ยงอยู่ด้วยกันก็คงไม่ชอบใจนัก พอมาถึงโต๊ะไม้เงางามเธอทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างชายหนุ่มทันที ดวงตาสวยตวัดมองแม่เลี้ยงก่อนหันมาทางชายไท

"คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ"

"พอดีคุยเรื่อยเปื่อยไม่มีอะไรหรอกค่ะ" นิตยาเป็นฝ่ายตอบแทน

"แน่ใจเหรอคะ" รัตติกาลถามขึ้นอีก หญิงสาวยังไม่ไว้ใจแม่เลี้ยงตัวเอง ชายไทจึงหันไปทางหญิงสาว

"จริงๆ เราคุยกันเรื่องทนายความคนนั้น"

คำว่า ทนายความคนนั้น ทำเอารัตติกาลอึ้งไปเกือบนาที เธอเหลือบมองนิตยาราวกับอยากฉีกร่างคนตรงหน้าออกเป็นชิ้นๆ

"ทำไมเหรอคะ น้าต้องการเล่าเรื่องบ้าบอให้คุณชายฟังงั้นเหรอคะ"

"เปล่าหรอก ผมถามเองแหละ" ชายไทแสร้งว่า เขารู้ดีว่ารัตติกาลกำลังร้อนรนเรื่องของตัวเอง แต่ที่เขาพูดคือเรื่องในงานศพ

"ทำไมคุณไม่ถามฉันละ ฉันแค่พลาดพลั้งกับผู้ชายคนนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับความรักหรืออะไรทั้งนั้น ไม่มี!" รัตติกาลเริ่มเก็บอารมณ์ไม่อยู่

ชายไทรู้ว่าเธอไม่มีทางปิดบังความรู้สึกได้นานแน่ๆ รัตติกาลคนเดิม...ไม่เปลี่ยนแปลง หญิงสาวเหมือนคนเดาทิศทางไม่ออกแต่จริงใจ

"ผมก็ไม่คิดว่ามีหรอก ถ้ารักคุณคงไม่ตัวสั่นขนาดนั้น แววตามีแต่ความหวาดกลัว ไม่มีความรู้สึกอื่นเจือปนอยู่เลย"

"แล้วคุณอยากรู้อะไร" น้ำเสียงของรัตติกาลค่อนข้างห้วนจัด นิตยาหันไปมองชายไทด้วยความสงสัยเช่นกัน เรื่องนี้ไม่ควรออกจากปากเขาเลย

"ผมว่า..คุณนิดน่าจะมีคำตอบนะครับ วันนั้นที่คุณคุยกับผม เหมือนคุณรู้บางอย่าง" ชายไทบอกสีหน้าเรียบเฉยแต่คนโดนเอ่ยถึงกลับมีสีหน้าซีดเผือดด้วยอาการตกใจ

“อะไรกันค่ะ ทำไมกลายเป็นฉัน” นิตยาหน้าตื่น

“วันก่อนคุณพูดกับผม เหมือน...รู้เรื่องนี้ดีไม่ใช่เหรอครับ เล่ามาดีกว่า ตรงๆ ต่อหน้ารัตติกาลแล้วก็ผมด้วย” ชายไทวางหมากไว้มากพอแล้ว ควรถึงเวลาสรุปเรื่องเสียที นิตยาจ้องใบหน้าใสของด็อกเตอร์หนุ่มเพียงเล็กน้อยริมฝีปากสีชมพูหวานเม้มเข้าหากันก่อนจะเปิดอ้าออกเพื่ออธิบายเรื่องราว

“ฉันกับคุณปราการเชื่อใจ คุณปุณมากเพราะเขาดูเป็นคนดี คุณปราการถึงขนาดหมายตาไว้เป็นคู่หมายของหนูรัต คืนเกิดเหตุ ฉัน...เห็นคุณปุณมาส่งหนูรัต หนูรัตท่าทางเหมือนเมาแต่ฉันไม่ได้กลิ่นเหล้าในตัวเธอ คุณปุณอุ้มไปส่งถึงห้อง ฉันเห็นแต่ไม่ได้คิดอะไร เพราะหลายครั้งเป็นอย่างนี้ แต่นานแล้วฉันยังไม่ได้ยินเสียงรถออกไปเลยเข้าไปดู ถึงได้เห็นว่าคุณปุณจะทำมิดีมิร้ายหนูรัต เลยเข้าไปห้ามไว้ โชคดี...ที่ฉันเข้าไปทันเวลาพอดี”

“เหมือนเมาแต่ไม่มีกลิ่นเหล้าหรือครับ หรือว่าจะโดนยา” ชายไทสงสัย นิตยาส่ายหน้า

“ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ฉันไม่รู้เรื่องแบบนี้เลย คืนนั้น ฉันช่วยขัดขวางไม่ให้เกิดเรื่องกับคุณรัตเอง ดังนั้นหนูรัตไม่ได้เสียหายอะไรหรอกค่ะ"

"ทำไมไม่บอกก่อนหน้านี้ ทำไม.." รัตติกาลรู้สึกถึงดวงตาพร่ามัวด้วยความโกรธเกรี้ยว หญิงสาวเข้าใจผิดมาตลอด มือกำแน่นเล็บยาวจิกเนื้อแต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรเลย ความเจ็บแค้นมันพรั่งพรูเข้ามาแทน

“ทำไม...หรือเพราะอยากแก้แค้นฉัน ที่ฉันเคยทำไม่ดีไว้กับคุณ เพราะฉันเกลียดคุณ แล้วคุณก็เกลียดฉันงั้นใช่ไหม...คุณมันใจร้ายมาก”

“ไม่ใช่! เพราะคุณปุณจะแบล็คเมล์ฉันเรื่องธัญญา” นิตยาตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด ใบหน้าสวยเคร่งเครียด ดวงตาแดงก่ำเหมือนน้ำตากำลังจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อ “ฉันกับธัญญาเป็นพี่น้องกัน...ฉันไม่กล้าบอก เพราะฉันต้องสูญเสียทุกอย่างไป ท่านนายพลปราการคือทุกอย่างของฉัน...ถ้ารู้ความจริง...ฉันก็จบ”

รัตติกาลนั่งนิ่งตัวแข็งเหมือนรูปสลักหินก้อนใหญ่ ชายไทยเหลือบมองหญิงสาวทั้งคู่ด้วยความเห็นใจ เอื้อมมือไปกุมมือรัตติกาลเอาไว้เพื่อให้กำลังใจ

“ผมว่า อย่างน้อยคุณนิดก็ช่วยคุณไว้ แม้จะบอกช้าไปแต่เธอก็บอกแล้ว เรื่องนี้ทำให้คุณเลือกผู้ชายที่อยู่ข้างคุณได้นะ ผมไม่ได้รังเกียจคุณสักหน่อย” ชายไทปล่อยมือออก คราวนี้คงเป็นเรื่องระหว่างแม่ลูกแล้ว นิตยาเป็นฝ่ายเอื้อมมือมากุมมือรัตติกาลแทนชายไท

“ฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ...ฉันผิดเองแต่ฉันก็พยายามช่วยหนูทุกอย่าง ปกป้องหนูจากผู้ชายแปลกหน้าทุกคนเพื่อชดใช้สิ่งที่ฉันทำผิด ฉันขอโทษ...” นิตยาเอ่ยออกมาเสียงสั่นเครือ น้ำตาร่วงลงบนหลังมือ รัตติกาลจ้องแม่เลี้ยงทั้งน้ำตาเช่นกัน แม้ไม่พูดคำใดออกมาแต่รับรู้ได้ว่าใจอ่อนลงมากเช่นกัน

แม้นิตยาจะเห็นแก่ตัวแต่ก็เป็นเรื่องปกติของมนุษย์เพียงแต่ว่าเรื่องราวนี้มันใหญ่เกินไป รัตติกาลเองต้องทนทุกข์ในกับความเข้าใจผิดมานานมาก เชื่อว่าปุณณภพคงใช้ต่อรองกับเธอ ทำให้รัตติกาลหวาดกลัวตลอดมา...

ผู้ชายซึ่งเลวทั้งตัวและหัวใจอย่างแท้จริง เขาจะไม่ปล่อยให้ปุณณภพลอยนวลได้อีก!!



ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 พ.ค. 2558, 19:27:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 พ.ค. 2558, 19:27:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1312





<< บทที่ ๒๑ ผีหรือคน(๑)   บทที่ ๒๒ กระจกเงา(๑) >>
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 23 พ.ค. 2558, 23:04:24 น.


konhin 24 พ.ค. 2558, 02:16:49 น.
ศัตรูน่ากลัวไม่หยอก


นักอ่านเหนียวหนึบ 24 พ.ค. 2558, 03:49:21 น.
โอยยยย ปมเริ่มคลายแล้ววววว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account