หยกวาดตะวัน
"ฉันชื่อวาดตะวัน มาจากในนิยาย นิยายบนโลกมนุษย์นี่แหละ!"


เสียงเล็กแหลมของสาวน้อยที่แฝงไว้ด้วยความมาดมั่นร่ำร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
ทำเอาชานนอยากจะเป็นบ้าตาย


ตอนนี้ชีวิตเขาวุ่นวายมากพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะหน้าที่การงานหรือว่าคนรัก
เขาเพิ่งถูกแฟนสาวสลัดทิ้งมาหมาดๆ

แต่แล้วจู่ๆ วันดีคืนดีก็มีผู้หญิงร่างเล็กบอบบางแทบปลิวได้ตกลงมาในบ้านเขา
ซ้ำร้ายยังเอาแต่พร่ำเพ้อว่าตัวเองหลุดมาจากโลกในนิยาย

งานนี้ไม่รู้ว่าหล่อนหรือเขากันแน่ที่บ้า

...ทางเดียวที่ทำได้คือเขาต้องไล่หล่อนกลับไปในโลกนิยายอย่างนั้นเหรอ ?

Tags: นักเขียน แฟนตาซี ปาฎิหารย์ ใสซื่อ เวทย์มนตร์

ตอน: บทที่ 7 (ครึ่งหลัง)

บทที่ 7 (ต่อ)



ชานนตัดสินใจบอกเพื่อนให้ช่วยล่วงหน้าไปดูรินรดาที่โรงพยาบาลแทนก่อน ส่วนตัวเขานั้นกว่าจะสอนเสร็จก็ช่วงหัวค่ำทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลชานนเลยอดหวั่นใจไม่ได้ คิดไปต่างๆ นานา กลัวแฟนสาวปั้นปึงใส่มากกว่าเดิม รินรดาชอบคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้วด้วย แต่พักนี้เขาลางานบ่อยเกินกว่าจะทิ้งไปได้จริงๆ

ชานนชะงักฝีเท้าเล็กน้อยเมื่อเห็นแฟนสาวกำลังยืนพิงกำแพงหันหลังให้อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน

เมธัสซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้แถวนั้น พอเห็นเพื่อนก็ลุกมาหาทันทีทันใดอย่างรู้หน้าที่ก่อนตบบ่าเพื่อนให้กำลังใจ เดินแยกออกจากโรงพยาบาลไป ปล่อยให้แฟนหนุ่มตัวจริงอย่างชานนเข้ามาเยียวยาหัวใจรินรดาอย่างที่ควรจะเป็น

"ดา..."

ชานนกลั้นใจเรียกแฟนสาวให้รู้ตัวก่อนเพื่อต้องการหยั่งเชิงดูปฏิกิริยา วินาทีนั้นเองรินรดาถึงหันมาเห็นว่าแฟนหนุ่มยืนอยู่ด้านหลัง แค่เพียงได้สบตาชานนกลับเป็นฝ่ายอึกอักพูดไม่ออก

"ผม เอิ่ม รู้จากธัสว่าคุณป้าคุณ..."

"นน..." ยังไม่ทันที่ชานนจะพูดจบดีด้วยซ้ำ รินรดาก็โผกอดเขาแน่น ร้องไห้โฮ "นนช่วยป้าเพ็ญด้วย ดา...ดะ...ดาไม่ไหวแล้วจริงๆ"

"ใจเย็นๆ ก่อนดา" ชานนพลอยใจหายไปด้วย ความกังวลต่างๆ นานาเมื่อครู่นี้มลายหายหมดสิ้น ต้องลูบหลังปลอบปล่อยให้ร่างเล็กนั้นสะท้านตามแรงสะอื้นไห้อยู่กับอกอุ่นๆ ของเขา สำหรับรินรดาแล้วยามนี้มีแต่ชานนเท่านั้นที่เป็นที่พักพิงแก่หล่อนได้ ก่อนที่จะพาเดินมานั่งบนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินด้วยกัน

"อยู่ดีๆ ป้าเพ็ญถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินได้ยังไง"

"ดะ...ดา..." รินรดาพยายามตอบเขาทั้งเสียงสะอื้นไห้ หล่อนเล่าว่า จู่ๆ ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาบอกว่าเพ็ญจันทร์อาการทรุดหนัก พอหล่อนรู้เรื่องก็รีบนั่งรถแท็กซี่มาที่โรงพยาบาลทันทีประจวบเหมาะกับที่หมอออกมารายงานอาการเพ็ญจันทร์ให้ทราบ

"แล้วทำไมคุณไม่เข้าไปอยู่กับป้าคุณ หรือหมอไม่อนุญาต"

รินรดาส่ายหน้า เป็นชานนที่ต้องเช็ดน้ำตาให้ แต่แทนที่แฟนสาวจะหยุดร้องไห้กลับปิดหน้าตัวเองร่ำไห้หนักกว่าเก่า

"ดาไม่รู้จะช่วยป้าเพ็ญยังไงแล้วจริงๆ นน หมอบอกว่าป้าเพ็ญอาการแย่มาก อาจจะอยู่ได้ไม่ถึงเดือน"

ข่าวใหม่ที่เพิ่งได้รับรู้จากรินรดาทำให้ชานนช็อค

"ทำไมล่ะนน ทำไมป้าเพ็ญถึงไม่รักตัวเองบ้างเลย" รินรดาตัดพ้อต่อว่าด้วยความน้อยใจ "หรือที่ดาทำอยู่ทุกวันนี้มันยังไม่มากพอ ขนาดหมอเองยังต้องให้ป้าเพ็ญนอนอยู่ดูอาการในห้องฉุกเฉินเลย แล้วนับประสาอะไรกับดา"

"ไม่เอาน่ะดา ที่ป้าเพ็ญแกอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะคุณนะ"

"แต่ความรักที่หลานอย่างดามีให้ ยังไงมันก็เทียบไม่ได้กับความรักที่ป้าเพ็ญแกมีให้กับผู้ชายคนนั้น ใจแกยังคงผูกติดอยู่กับผู้ชายคนนั้น ป้าเพ็ญแกรักผู้ชายคนนั้นมาก"

"ผู้ชายที่ไหน" ชานนฟังก็ยิ่งงง เพราะจำได้ว่าเพ็ญจันทร์อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด แถมรินรดายังเป็นคนบอกเขาเอง

หากรินรดาเอาแต่ร้องไห้ ไม่มีคำตอบใดให้เขา ชานนทนไม่ได้จึงดึงแฟนสาวมากอดปลอบอีกครั้ง รินรดายังคงพรั่งพรูออกมาคล้ายกับต้องการระบายความอัดอั้นทุกข์ใจที่สุมรวมอยู่ในอกให้แฟนหนุ่มได้รับรู้ อยู่นานกว่าหล่อนจะตั้งสติได้





***************************




"พี่ดา เป็นยังไงบ้าง"

มนชนกเข้ามาหาทันทีที่รินรดาลงจากรถ ชานนเป็นห่วงไม่อยากให้รินรดาอยู่ตัวคนเดียวจึงโทรศัพท์มาบอกน้องสาวไว้ว่าจะพารินรดามาหาบิดามารดาที่บ้าน

"พ่อกับแม่ล่ะเจ้าออม"

"รออยู่แล้วค่ะ" มนชนกตอบพี่ชายแล้วอดไม่ได้หันมาคุยกับรินรดาต่อ "พี่ดารู้มั้ยว่าตอนที่พี่นนโทร.มาบอกออมว่าจะพาพี่ดามาบ้าน ออมทั้งดีใจทั้งโล่งอกสุดๆ คุณลุงคุณป้าเองก็ลงทุนหิ้วท้องรอพี่ดาเลยนะ จะได้กินข้าวเย็นกันพร้อมหน้าพร้อมตา"

รินรดาเพียงยิ้มๆ หล่อนยังดูอ่อนระโหยอยู่มาก

แต่แล้วหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังมนชนกทำให้รินรดานิ่งงัน วาดตะวันนั่นเอง หล่อนมารอรินรดาด้วยเช่นกันจึงส่งยิ้มมาให้ทักทายอย่างเป็นมิตร หากรินรดาจำได้ว่าเป็นผู้หญิงที่นั่งรถกลับบ้านมากับชานนคราวก่อนเลยทำเป็นมองเลยผ่าน ขณะที่ชานนนั้นเข้ามาโอบเอวแฟนสาวเดินเคียงคู่กันเข้าไปในบ้าน

ชัยพลกับนงลักษณ์นั่งรอพร้อมแล้วที่โต๊ะอาหาร เมื่อเห็นลูกชายกลับมาบ้านพร้อมสาวคนรัก คนที่ดูตื่นเต้นจนออกนอกหน้าไม่พ้นนงลักษณ์ที่รีบเอ่ยปากเชื้อเชิญ ตามมาด้วยสมาชิกที่เหลือนั่งร่วมโต๊ะทานอาหารกันอย่างออกรส

"ไม่เป็นไรพี่วาดตะวัน เดี๋ยวออมล้างจานให้เอง"

มนชนกรีบอาสาคล้อยหลังจากที่มื้อเย็นผ่านพ้นไปเรียบร้อย

"แต่พี่..."

"ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ พี่ไปดูแลคุณลุงคุณป้าแทนออมดีกว่า...ออมจะชิ่งหนีขึ้นไปนอนก่อนน่ะค่ะ อยู่คุยกับป้านงทีไรโดนบ่นลากยาวทุกที" ประโยคท้ายมนชนกป้องปากกระซิบให้พอได้ยินกันแค่สองคน พี่เลี้ยงสาวจำเป็นเลยยิ้มขันอย่างเข้าใจ ยอมหลีกทางให้

"แฟนตานนดูเศร้าๆ ชอบกล คุณว่างั้นมั้ย"

นงลักษณ์อาศัยจังหวะที่ลูกชายพาแฟนสาวแยกไปนั่งรับลมเล่นในสวนด้านนอกแล้ว เอ่ยกับสามีอย่างเสียไม่ได้

หากชัยพลไม่ค่อยสนใจภรรยาเท่าไหร่ เขายังคงฟังข่าวในโทรทัศน์ นงลักษณ์เลยเดินมานั่งบ่นต่อข้างสามีบนโซฟาหน้าโทรทัศน์

"ฉันรู้สึกได้ว่าหนูดาดูเหม่อลอยตั้งแต่มาแล้ว แถมถามคำตอบคำ กินข้าวก็แทบนับคำได้ หรือว่าอาหารฝีมือฉันไม่ถูกปากหนูดาเขา"

"คิดมากน่ะคุณ" ชัยพลคุยด้วยหน่อยเพราะเริ่มรำคาญภรรยา

"หนูดาแกอาจกำลังเครียดๆ เรื่องงานก็ได้ เห็นทำงานอยู่สถานีโทรทัศน์ด้วยไม่ใช่เหรอ ช่วงนี้ตลาดทีวีดิจิตอลกำลังแข่งขันกันสูง ต้องเร่งทำงานแข่งกับเวลาเป็นธรรมดา เดี๋ยวพออะไรๆ เริ่มเข้ารูปเข้ารอยเขาก็คงดีขึ้นเอง คุณอย่าเก็บเอาเรื่องคนอื่นมาคิดให้รกสมองนักเลย"

"คุณก็ ลงท้ายเป็นต้องว่าฉันทุกที" นงลักษณ์ค้อน

ภาพชายหญิงมีอายุในห้องรับแขกที่ขัดคอกันไปมาตามประสานั้นวาดตะวันเห็นจนชินตาแล้ว เลยเบือนหน้าหนีเหม่อมองไปทางหนุ่มสาวหน้าระเบียงบ้านแทน ชานนนั้นยังคงนั่งอยู่บนม้านั่งในสวนโดยมีแฟนสาวนั่งอยู่เคียงข้างซบไหล่เขา หากมีแวบหนึ่งที่เหมือนเห็นชานนเหลือบมองเข้ามาในบ้าน วาดตะวันเลยจะออกไปหา หล่อนอยากถามเขาเรื่องรินธาราตั้งแต่เมื่อหัวค่ำแล้ว

แต่ทว่า...หญิงสาวที่กำลังจะเดินเข้าไปหาเขาพร้อมความหวังต้องชะงัก เพราะชานนกลับหันไปยิ้มคุยมีความสุขกับรินรดาตามเดิม ก่อนที่จะพากันลุกออกมาจากตรงนั้น เดินผ่านหน้าวาดตะวันเข้าไปในบ้านเฉย เสมือนวาดตะวันไม่มีตัวตน

"ดึกแล้ว ผมขอตัวพาดาไปส่งบ้านก่อนนะครับ" ชานนบอกบิดามารดาให้ทราบ

นงลักษณ์ถึงจะงอนสามีอยู่ก็ตาม แต่ก็ยิ้มเยื้อนให้คนรักของลูกชาย

"หนูดา...ถ้างานมันเครียดนัก ว่างๆ เปลี่ยนบรรยากาศให้ตานนพามาตรังสิลูก จะได้มาเยี่ยมพ่อกับแม่ด้วย" นงลักษณ์สบโอกาสนั้นเอ่ยปากชวนแฟนลูกชายมาบ้านทันที รินรดาเลยมีท่าทีขัดเขินเล็กน้อย ผิดกับชานนที่ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ

"คุณไม่อึดอัดใช่มั้ยที่ผมพามาหาพ่อแม่ผมวันนี้"

คำถามนั้นเรียกความสนใจจากหญิงสาวที่กำลังเดินตามเขามาที่รถ ชานนเปิดประตูให้รอจนรินรดาก้าวขึ้นรถเรียบร้อยตัวเขาถึงเดินไปขึ้นฝั่งคนขับ

"ทำไมถึงคิดอย่างนั้นละคะนน พวกท่านออกจะน่ารัก ได้คุยด้วยแล้วสบายใจดี"

"ฮื้อ?" ชานนนึกว่าตัวเองหูฝาดที่ได้ยินแฟนสาวพูดเหมือนวาดตะวันเปี๊ยบ

จากที่เตรียมพร้อมจะออกรถตอนนั้นเองชานนเลยมองเข้าไปในบ้านอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขาเห็นอยู่เหมือนกันว่าวาดตะวันยืนหลบอยู่ตรงประตู หากเขาไม่อยากมีเรื่องผิดใจกับรินรดาอีกเลยจำต้องเมินเฉย วาดตะวันเองคงรู้ตัวถึงได้ถอยห่างออกมา

"นนคะ...นน"

รินรดารู้สึกได้ว่าชายหนุ่มข้างกายเงียบไปเลยสะกิดเรียกให้รู้ตัว ชานนเลยสะดุ้ง

"มีอะไรรึเปล่าคะ หน้าเครียดเชียว"

"ผม...เอ่อ..." ชานนอึกอัก ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีสีหน้ากลัดกลุ้มให้แฟนสาวเห็นเนื่องจากรู้สึกผิดอยู่กับหญิงสาวอีกคน

รินรดาเข้าใจผิดคิดว่าแฟนหนุ่มเป็นกังวลกลัวหล่อนกับบิดามารดาของเขาจะเข้ากันไม่ได้เลยเอื้อมมือมาเกาะกุมมือเขาคล้ายต้องการให้ความมั่นใจ ทำเอาชานนไปไม่ถูกหนักกว่าเก่าจำต้องอ้อมแอ้มตามน้ำ

"มะ...ไม่มีอะไรครับดา ผมแค่...เอิ่ม...เป็นห่วงกลัวคุณพ่อคุณแม่ผมจะไม่ชอบคุณน่ะ แต่เห็นแบบนี้แล้วผมค่อยหายห่วง"

"ดาเองก็ต้องขอบคุณพวกท่านเหมือนกันค่ะ" รินรดาบอกเขายิ้มๆ

"คุณพ่อคุณแม่ใจดีและก็เป็นกันเองกับดามาก จะว่าไป ถ้าป้าเพ็ญแกใช้ชีวิตให้มีความสุขได้สักครึ่งของคุณพ่อคุณแม่นนก็คงดีนะคะ แกอาจไม่ต้องมาล้มป่วยเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้"

ชานนทำเสียงบางอย่างในลำคอเป็นเชิงค้านความคิดนั้นของหญิงสาว แม้ตามองถนนอยู่ก็ตาม

"คุณกำลังเอามุมมองของตัวเองไปตัดสินป้าเพ็ญแกนะ ความสุขของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน บางทีป้าเพ็ญแกอาจมีความสุขกับชีวิตโสดของแกก็ได้"

"แต่ป้าเพ็ญเคยคบผู้ชายอยู่คนนึงค่ะ” รินรดาเสียงเศร้า “นนจำชื่ออดัมที่ป้าเพ็ญชอบละเมอถึงได้มั้ยคะ ผู้ชายชื่ออดัมคนนั้นแหละค่ะคือคนรักของแก"

"อ้าว ผมนึกว่าแกครองโสดเสียอีก" ก็เขาจำได้ว่ารินรดาเล่าไว้อย่างนั้น

รินรดาไม่ได้ตอบแฟนหนุ่มในทันทีเหมือนลังเลที่จะบอกอะไรบางอย่างกับเขา

"นนอย่าหาว่าดาเพี้ยนเลยนะคะ แต่ป้าเพ็ญแกบอกกับดาว่าอดัม...หลุดมาจากในนิยายของแกค่ะ!"





*****************************




คืนนั้น ชานนได้แต่นอนพลิกกายไปมาอยู่บนโซฟาห้องรับแขกซึ่งตอนนี้ได้แปรสภาพเป็นที่นอนชั่วคราวของเขาเนื่องจากยกห้องนอนของตัวเองให้บิดามารดา แต่ไม่ว่าจะพยายามข่มตาให้หลับยังไง คำบอกเล่าของรินรดาเมื่อช่วงหัวค่ำยังคงรบกวนจิตใจเขา สุดท้ายเลยกลายเป็นนอนก่ายหน้าผากครุ่นคิดแทน

แฟนสาวเล่าให้ฟังว่าเพ็ญจันทร์เคยเป็นนักเขียนมาก่อน แกแต่งนิยายรักโรแมนติกตามประสาสาวช่างฝัน ควบคู่ไปกับทำขนมส่งขาย แต่แล้ววันดีคืนดีอดัมพระเอกในนิยายของแกก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ นอนสลบไสลอยู่ในสวนหน้าบ้าน ทำนองเดียวกับวาดตะวันไม่มีผิดเพี้ยน

นึกมาถึงตรงนี้กระดาษโน้ตของแม่หมอจันทรนิมิตที่แทบจะลืมเลือนไปแล้ว ถูกชานนหยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง

'หรือคนใกล้ที่แม่หมอหมายถึง...คือเพ็ญจันทร์ ?'

รุ่งเช้า ชานนไม่รีรอโทรศัพท์หารินรดาทันทีเพื่อไถ่ถามถึงอาการป่วยของเพ็ญจันทร์ ทางโรงพยาบาลนั้นย้ายเพ็ญจันทร์กลับมานอนห้องเดิมแล้วชานนเลยตัดสินใจออกจากบ้านมาโรงพยาบาลในเวลาถัดมา ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาไม่ลืมพาวาดตะวันมาด้วย ทว่าสาวเจ้าไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาด้วยหรอกมัวแต่ตื่นตาตื่นใจกับผู้คนในโรงพยาบาล โดยเฉพาะหมอและนางพยาบาลที่อยู่ในชุดขาวสะอาดตา ทำท่าจะเข้าไปทักทายด้วย แต่ถูกชานนจูงมือพามาขึ้นลิฟท์ด้วยกันเสียก่อน

"มาเร็วจังค่ะนน นึกยังไงคะถึง..."

รินรดาเปิดประตูทักแฟนหนุ่มอยู่ดีๆ ก็เงียบไป

"ป้าเพ็ญยังไม่รู้สึกตัวอีกเหรอ" ชานนถามแฟนสาวเมื่อเข้ามาในห้องแล้วเห็นเพ็ญจันทร์ยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง

หากภาพสาวอีกคนที่กำลังยืนอยู่ข้างกายแฟนหนุ่มตรงหน้าทำให้รินรดามองค้าง ตอนนั้นเองชานนถึงเพิ่งรู้ตัวว่าจูงมือวาดตะวันอยู่เลยรีบปล่อยแทบไม่ทัน เข้ามาหารินรดา แต่แฟนสาวกลับมีสีหน้าปั้นปึงเดินเลยผ่านเขาไปเฉยนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมข้างเตียงคนป่วย

"ไม่เอาน่ะดา" ชานนต้องตามมาอธิบาย "ผมแค่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับป้าเพ็ญ ก็เลยต้องพาวาดตะวันเขามาด้วย"

รินรดาเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ซ้ำร้ายไม่ยอมมองหน้าเขา

ระหว่างนั้นวาดตะวันสะดุดตากับสีกำไลหยกที่ข้อมือตัวเอง เพราะมีสีเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีเขียวขุ่นคล้ายกับต้องการเตือนภัยอะไรหล่อนสักอย่างเลยจะหันมาบอกชานน แต่เขากลับถอนใจออกมา ยังอ่อนใจในอาการงอนไม่เลิกนั้นของแฟนสาว

"นี่คุณยังโกรธผมกับวาดตะวันอยู่อีกเหรอ เมื่อวานผมถึงขั้นพาคุณมาเจอพ่อแม่ผม พิสูจน์ตัวเองให้คุณเห็นถึงขนาดนี้แล้ว ใจคอคุณยัง..."

"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะนน" รินรดาปฏิเสธ

หล่อนพอจะได้ยินคนในครอบครัวชานนพูดคุยกับวาดตะวันอยู่บ้างเลยรู้ว่าเป็นพี่เลี้ยงของมนชนก แต่เมื่อครู่นี้ก่อนหน้าที่ชานนจะมาถึงโรงพยาบาลหล่อนรู้จากเขาทางโทรศัพท์แค่ว่าจะมาเยี่ยมเพ็ญจันทร์ ตัวรินรดาเองลางานมาอยู่กับคนป่วยก่อนแล้วเลยอุตส่าห์ตั้งตารอ ที่ไหนได้เขากลับพาวาดตะวันมาด้วยโดยที่ไม่บอกหล่อนสักคำ !

"โอเค ถ้ามันจะทำให้คุณสบายใจขึ้น ผมเล่าความจริงให้คุณฟังก็ได้"

ประโยคท้ายเรียกความสนใจจากรินรดาหันมามองเขา

ชานนนั้นเข้าใจผิดคิดว่าแฟนสาวยังเคืองที่เขาหายไปกับวาดตะวันทั้งคืนที่บ้านแม่หมอจันทรนิมิตคราวก่อน เลยกลั้นใจสารภาพออกมา #



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2558, 19:11:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2558, 19:11:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 923





<< บทที่ 7 (ครึ่งแรก)   บทที่ 8 (ครึ่งแรก) >>
Zephyr 25 พ.ค. 2558, 23:06:13 น.
เริ่มรำคาญรินรดาแล้ววววว
นางฟังคนอื่นทั่งสิ
วาดตะวันไปบ้านเมธัสเลยๆๆๆ


สรัน 26 พ.ค. 2558, 11:44:34 น.
มีแต่คนเชียร์เมธัส นายนนคงต้องปรับปรุงตัวแล้วล่ะ5555555

ปล.ขอบคุณคะแนนโหวตด้วยจ้า ในทุกตอนเลย^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account