~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 5 .. เขาคนนั้น




การได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและมีตัวช่วย อาทิ ยาบรรเทาหลายขนานทั้งกินและทา ทำให้มัสลินทุเลาอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าได้รวดเร็วกว่าที่คิด แม้จะยังเดินเหินไม่สะดวกเหมือนปกติ แต่ก็ไม่รู้สึกถึงความปวดระบมเช่นวันแรกแล้ว

หญิงสาวลูบคลำเบาๆบริเวณข้อเท้าของตนหลังจากคลายแบนเดจที่พันไว้ ซึ่งมันช่วยป้องกันการกระทบกระเทือนได้ดีระดับหนึ่ง เธอยืดขาและค่อยๆขยับปลายเท้าไปมา พบว่าสามารถเคลื่อนไหวโดยไม่เจ็บหรือปวดอย่างที่คิด อาจมีอาการแปล๊บๆบ้างถ้าฝืนมากเกินไป

วันนี้ทั้งวันมัสลินแทบไม่ได้ออกจากห้องพักเลย หลังจากวิวาทะพอหอมปากหอมคอกับเพลิงกัลป์

ความโมโหกรุ่นโกรธทำให้ลืมตัวขาดความยับยั้งชั่งใจต่อปากต่อคำกับเขา แต่พอกลับเข้ามาก็อดวิตกไม่ได้เช่นกันว่า สิ่งที่ทำไปนั้นไม่สมควรอย่างยิ่ง

เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ไม่รู้ว่าควรโทษความใจร้อนวู่วามของตนด้วยหรือไม่ ก่อนทิ้งกายลงบนที่นอนขนาดคิงไซส์ เหลือบตามองเพดานปล่อยความคิดล่องลอยไป แล้วค่อยหลับตาลงอย่างอ่อนล้าในอารมณ์

ไม่เข้าใจในหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะ .. เหตุใด ท่านประธานรู้คจึงมีท่าทางอคติกับเธอนัก

หากจะนึกย้อนไปครั้งแรกที่ได้พบกัน .. ที่ฟินิกซ์

ฮึ่ย .. จะต้องไปนึกถึงอีตาคนเจ้ายศหยิ่งยโสคนนั้น ทำไมกัน

มัสลินลืมตาโพลงฮึดฮัดกับความฟุ้งซ่าน ที่ไม่อยากจดจำเรื่องแย่ๆ เกี่ยวกับคนบางคนให้รกสมอง กระทั่งนึกอะไรขึ้นมาได้

ไหนๆขาก็ดีขึ้นมาก ... จะอยู่ให้หมดวันไปเฉยๆคงน่าเบื่อกว่านี้อีกเป็นกอง

แทนที่จะคอยคิดถึงผู้ชายงี่เง่าชอบหาเรื่อง เธอพลิกกายไปทางโต๊ะหัวเตียงที่วางโทรศัพท์มือถือไว้ เอี้ยวตัวเอื้อมมือฉวยมันขึ้นมาแล้วชูหรากลางอากาศหลังจากกลับมาอยู่ในท่านอนหงายเช่นเดิม

'อาป่าน' ผู้ชายคนเดียวที่มัสลินใกล้ชิดมากที่สุด นอกจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ

และแน่นอนว่า ความไว้ใจเชื่อใจย่อมมีให้แก่ศรตฤณเต็มร้อยยิ่งกว่าเคยให้นายทอทิว วัตราภรณ์ เสียอีก

หญิงสาวไล้ปลายนิ้วไปตามตัวเลขบนหน้าจออุปกรณ์สื่อสาร นึกไปถึงว่าถ้าอาหนุ่มของเธอไม่รังเกียจ และมีที่ทางสะดวกพอจะให้ไปพักด้วยได้ เธอก็จะหอบผ้าหอบผ่อนตามไปทันที

มัสลินรอนานกว่านาทีแต่ก็ยังไม่สามารถติดต่อปลายสายได้ จนมันตัดสัญญาณไปครั้งหนึ่ง เธอจึงลองพยายามอีกครั้งโดยเว้นระยะเวลาออกมาประมาณ ๕ นาที แล้วมันก็ได้ผล

"นินเหรอ .. ว่าไง .."

"สวัสดีค่ะ อาป่าน .. ลินินโทร.มารบกวนหรือเปล่า .. เสียงเหมือนกับ .. อาวิ่งร้อยเมตรมารับโทรศัพท์เลย"

ขณะที่หลานสาวเอ่ยทักทาย ก็รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของศรตฤณตะกุกตะกักปนหอบ และแหบพร่าเล็กน้อยกว่าในยามปกติ จนต้องถามออกไปแบบหยอกเย้า ซึ่งถ้าเธอได้เห็นว่าจริงๆแล้วเป็นเพราะอะไรอาจจะขำไม่ออกเลยทีเดียว

ทว่า ก่อนที่ศรตฤณจะได้ตอบคำถามใดๆ เสียงอู้อี้เหมือนคนงัวเงียถูกรบกวนการนอนก็แว่วผ่านเข้ามาให้ได้ยิน

"ใครโทร.มาคะ ซายน์ .. วางเถอะค่ะ งามหนาว"

มัสลินหูไม่ได้ฝาดเฝื่อนกับความผิดปกตินั่นแน่ๆ จนเจ้าตัวถึงกับเด้งกายจากการนอนเอกเขนกขึ้นมานั่งฟังให้ถนัดชัดเจน ว่าสุ้มเสียงออดหวานเจือความรู้สึกบางอย่าง กำลังรุกเร้าใกล้ตัวศรตฤณ

"อาป่าน .. เอ่อ ลินินว่า เดี๋ยวค่อยคุยกันทีหลังก็ได้ .. นะคะ .. ขอโทษอีกทีที่โทร.มาขัดจังหวะ"

หญิงสาวบอกทั้งหัวใจเต้นระทึกตึกตัก เข้าใจแล้วว่าทำไมอาหนุ่มของเธอจึงรับสายช้านัก ก่อนที่พวงแก้มจะระเรื่อขึ้นจนแดงก่ำกับพฤติกรรมธรรมดาๆของผู้ชาย

แต่มัสลินไม่ทันได้คาดคิดหรือทำใจมาล่วงหน้าว่า ศรตฤณเองก็มีช่วงเวลาเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน อาจจะเพราะความใกล้ชิดแบบญาติกึ่งอาหลานกึ่งเพื่อน ทำให้เธอลืมเลือนความเป็นชายหนุ่มเต็มตัวของ 'อาป่าน' ไป

"โอเค .. ไว้อาพร้อมเมื่อไหร่ จะโทร.หานินเองแล้วกัน .. โทษทีนะ"

ศรตฤณไม่ปฏิเสธในสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ เพียงแต่คงจะต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้ ก่อนที่ต่างฝ่ายจะวางสายด้วยความรู้สึกที่ต่างกันสุดขั้ว




มัสลินค่อยย่างเท้าแต่ละก้าวอย่างระมัดระวัง เพราะต้องคอยผ่อนน้ำหนักตัวลงบนขาข้างที่เจ็บให้พอดี เมื่อต้องออกจากห้องพักมากินมื้อค่ำที่ห้องอาหารของโรงแรม สายตาของเธออดกวาดมองไปรอบๆไม่ได้ ราวกับว่า หากไม่ดูทางหนีทีไล่ให้ดี เธออาจจะต้องเผชิญหน้ากับบุคคลไม่พึงประสงค์อีก

"หาใครอยู่จ๊ะ ลินิน"

"อุ้ย พี่ฟ้า .. เปล่าค่ะ .. พี่ฟ้าทานข้าวรึยังคะ"

สาวรุ่นน้องออกอาการชัดเจนกว่าคำปฏิเสธจริงจังจนเวหาอมยิ้มแต่ไม่พูดอะไร ก่อนเหลียวหาที่นั่งเหมาะแล้วคว้าแขนมัสลินให้ก้าวตามมาด้วยกัน พร้อมกับชวนคุยไปพลางๆ แม้จะบอกเล่าในเรื่องของตนก็ยังมีความห่วงใยเผื่อแผ่มาถึงอีกฝ่ายด้วย

"ยังเลยจ้ะ พี่เพิ่งเคลียร์งานเสร็จ กระเพาะก็ประท้วงพอดี เลยว่าจะมาอะไรเบาๆกินซะหน่อย .. แล้วทำไมลินินถึงมาช้านักล่ะ นี่ก็ค่ำแล้วนะ กินข้าวกินยาไม่ตรงเวลา โรคอื่นจะถามหาเอา"

"ลินินหลับเพลินน่ะค่ะ .. ตื่นมาอีกทีก็ไม่ทันพระอาทิตย์ที่ชิงหล่นน้ำไปซะก่อน"

มัสลินตอบติดตลกไปตามตรงกับความจริงในส่วนครึ่งค่อน .. แต่ที่เหลือต้องเก็บไว้กับตัว เพราะเรื่องของศรตฤณกับ.. ผู้หญิงคนนั้น ทำให้เธอถึงกับประหลาดใจยิ่งกว่ารู้ว่าเขาอยู่ที่นี่เสียอีก

"เออนี่ .. แล้วว่าไงจ๊ะ เรื่องที่พี่บอกให้พักอีก ๒-๓ วัน ตกลงตามนี้เลยมั้ย .. ทางโน้นโอเคนะ สนับสนุนเต็มที่"

เวหาย้ำถามความสมัครใจของคนเจ็บ ซึ่ง 'ทางโน้น' ที่ว่าคือ วิริยาและพายพัด ก็เห็นดีด้วย มีแต่สาวรุ่นน้องนี่ล่ะ ที่ไม่รู้จะเกรงอกเกรงใจอะไรนักหนา

"๒-๓ วันเหรอคะ .."

หญิงสาวทวนจำนวนวันที่ผู้ใหญ่เต็มใจอนุญาตให้เธอหยุดพักดูแลตัวเองจนกว่าจะหายดี และเชื่อแน่ว่า พายพัดเพื่อนรักจะต้องคอยเกลี้ยกล่อมส่งเสริมอยู่ใกล้ๆ 'ป้ายา' ให้เธอไม่ต้องฝืนกลับไปทำงานทั้งๆที่อาการทุเลาลงมากแล้ว

ถ้าหากมัสลินจะขอบางสิ่ง มันจะเป็นการมากเกินไปหรือเปล่านะ กับความปรารถนาดีที่ได้รับท่วมท้น

"พี่ฟ้าคะ .. คือ ถ้าลินินจะขออนุญาตไปพบใครคนหนึ่ง พี่ฟ้าจะว่าอะไรมั้ยคะ"

หญิงสาวไม่อาจสลัดเรื่องของศรตฤณออกไปได้ อย่างน้อยการได้พบและพูดคุยน่าจะทำให้ข้อกังขาทั้งปวง หายไปบ้างไม่มากก็น้อย

"หืม .. ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แต่ว่า ลินินจะไปพบใคร ที่ไหน ไปยังไง .. พี่คงต้องพอรู้ไว้คร่าวๆบ้าง เพราะตอนนี้พี่ถือว่า ลินินอยู่ในความดูแลของพี่ .. ลินินคงเข้าใจนะ"

เวหาอธิบายกระจ่างชัดจนมัสลินเผยรอยยิ้มสดใสมาให้ สาวรุ่นน้องเข้าใจและตระหนักในข้อนี้เป็นอย่างดี อีกอย่าง เธอไม่ได้คิดจะปกปิดหรือปิดบังอะไรกับรุ่นพี่ร่วมคณะและสถาบันคนนี้เลย

"พอดีว่า เมื่อตอนสายอาป่าน .. เอ่อ คุณอาของลินินติดต่อมาค่ะ ก็คุยกันนิดหน่อย ถึงได้รู้ว่าเขาอยู่ที่เกาะนี้ด้วย ลินินเลยอยากไปพบ .. ถ้าคุณป้าวิริยาอนุญาตให้พักที่นี่ตั้ง ๒-๓ วัน ลินินก็อาจจถือโอกาสนี้ ไปเยี่ยมคุณอาน่ะค่ะ"

คำพูดคำจาของมัสลินที่กล่าวถึงญาติผู้ใหญ่ เป็นหลักเป็นฐานน่าเชื่อถือพอที่เวหาจะตีความไปว่า คุณอาคนนี้คงจะต้องเป็นที่เคารพนับถือมากเสียจน หลานสาวต้องไปทักทายเมื่อทราบว่าอยู่ในพื้นที่เดียวกัน

ผู้จัดการฝ่ายต้อนรับส่วนหน้าจึงออกปากอนุเคราะห์เรื่องยานพาหนะ อำนวยความสะดวกแก่สาวรุ่นน้องอย่างเต็มอกเต็มใจ จนอีกฝ่ายที่กำลังอ้าปากจะค้านไม่สามารถปฏิเสธน้ำใจได้

"งั้น .. ถ้าลินินจะไปเมื่อไหร่ บอกพี่นะ พี่จะให้บังคิดขับรถไปส่ง .. เถอะน่า เดี๋ยวคุณอาท่านจะว่า พี่ดูแลหลานสาวท่านไม่ดี พวกเราคนกันเองทั้งนั้น .. อย่าคิดมาก"

"เอ่อ .. ขอบคุณค่ะ พี่ฟ้า"

มัสลินได้แต่พนมมือไหว้รุ่นพี่ที่เอื้อเฟื้อขนาดนี้ หากคำว่า 'คนกันเอง' คงใช้ได้เพียงจำกัดกับคนในแวดวงของเธอเท่านั้น ไม่อาจนับรวมเจ้าของสถานที่ตัวจริงไปด้วยได้

พอจบการสนทนาจริงจังสองสาวก็ชี้ชวนกันดูรายการอาหาร ก่อนที่เวหาจะสั่งสลัดเป็นอาหารเบาๆอย่างที่บอก ส่วนมัสลินก็ขอเป็นโจ๊กหมูใส่ขิง เพราะเธอยังมียาแก้อักเสบที่ต้องกินอยู่อีกหลายชุด

ทั้งสองนั่งคุยกันอย่างสบายใจระหว่างรออาหาร ก่อนที่จะวกมาเข้าเรื่องของบุคคลรอบกายที่ต่างก็มีหน้าที่การงานของตนที่ต้องทำ

แต่ชื่อที่หลุดจากปากของมัสลินกลับทำให้เวหาที่อิงพนักง่ายๆ ถึงกับต้องยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง พร้อมกับความรู้สึกที่ไม่อาจบอกใครได้

"พี่ฟ้าได้เจอนายทัตบ้างมั้ยคะ .. พักนี้รู้สึกว่า นายทัตหักโหมงานจนเกินตัวชะมัด เมื่อก่อน ถ้าพวกเราปิดทริป ยังลากมาคุยมาสังสรรค์กันได้บ่อย แต่หลังๆมีแต่พายที่พอจะติดต่อได้"

"ไม่ .. ไม่นี่ พี่ .. พี่จะไปเจอเขาได้ยังไง .. งานก็คนละสาย"

อีกแล้ว .. สุ้มเสียงแบบนี้ ปฏิกิริยาแบบนี้ .. มัสลินคุ้นเคยเป็นอย่างดีจนพอจะจับทางได้ไม่ยากเลย เพราะมันไม่แตกต่างจากตอนที่เธอจับความรู้สึกของพายพัดที่มีต่อตามพ์เมื่อครั้งนั้นได้

ความสนิทสนมที่มีอยู่ ทำให้เธอกล้าจ้องมองสาวรุ่นพี่ ที่เสมองไปยังท้องทะเลท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมเบื้องหน้า ก่อนถามเสียงยานคางเชิงกระเซ้า

"จริงเหรอคะ .. พี่ฟ้า"

"จริงสิ .. นั่น อาหารมาแล้ว รีบกินกันเถอะ เดี๋ยวพี่จะต้องไปคุยกับน้ำเรื่องงานอีก"

มัสลินเห็นอาการบ่ายเบี่ยงของเวหาจึงป่วยการจะตอแยอะไรอีก เพราะคิดว่า เธอเข้าใจความรู้สึกของรุ่นพี่พอสมควรแล้ว แต่ก็อดคิดไปถึงรัศมิทัตไม่ได้ .. ไม่รู้เหมือนกันว่า เพื่อนซี้ของพายพัดจะเอ่ยปากอย่างจริงจังเรื่องนี้เมื่อไหร่

เพราะดูๆไปแล้วทั้งสองคนก็มีแนวโน้มว่า จะมีความรู้สึกตรงกันอยู่ไม่น้อยเลยเชียว





เพชรงาม เลิศรุจี มาถึงสถานที่ที่ได้ชื่อว่า เป็นโรงแรมขนาดใหญ่และหรูหราทันสมัยที่สุดบนเกาะลาลัล จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่ที่นี่มักจะได้รับเกียรติจากชนชั้นสูง หรือบุคคลสำคัญมาพักผ่อนตากอากาศไม่ขาดสาย
ในเรื่องของทำเลที่ตั้งของคิงเซอร์เพนท์ ออฟ เซาท์ ซี โฮเทล ก็ถือว่าอยู่ในบริเวณที่ได้เปรียบกว่าใคร เพราะครอบคลุมอาณาบริเวณหาดทรายท้ายเกาะที่มีความขาวเนียนละเอียด และน้ำทะเลใสสะอาดสดสวยราวมรกต ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่า มีภูมิศาสตร์ใกล้ชิดจนเกือบชนแนวเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งนี้ก็ว่าได้

และเธอก็จัดเป็นหนึ่งในบุคลากรที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี ให้อยู่ในตำแหน่งเลขาฯของผู้จัดการทั่วไปแห่ง คิงเซอร์เพนท์ ออฟ เซาท์ ซี โฮเทล โรงแรมที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับห้าดาว

ด้วยความสวยผุดผาดบาดตาผนวกกับความเก่งที่มาพร้อมความทะเยอทะยาน ทำให้หญิงสาวในวัย ๒๕ ปีสามารถก้าวขึ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพนักงานต้อนรับ มาเป็นเลขาฯผู้บริหารได้อย่างที่หลายๆคนได้แต่มองอย่างค้านสายตา

อาจจะเป็นโชคดีของหญิงสาวตรงที่ว่า โรงแรมแห่งนี้มีผู้บริหารเป็นชาวต่างชาติ และเธอก็มั่นใจในความสามารถของเธอมากพอ .. พอๆกับความมีงดงามเย้ายวนของตน ที่เธอรู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์

ทั้งก่อนหน้านี้ ที่โอกาสพาได้พบกับเจ้านายโดยตรงของเพชรงาม และหลังจากนั้นหญิงสาวก็ได้พบกับ ไซน์ .. หนุ่มเจ้าเสน่ห์ เชื้อสายตะวันตกครึ่งหนึ่ง ที่มีดีมากกว่าความหล่อบาดตาบาดใจเธอ

ไม่น่าเชื่อว่า ชีวิตที่พลิกผันของหญิงสาวคนหนึ่งจะมาได้ไกลขนาดนี้ อดีตที่ทำให้เธอหลงระเริง ต้องพาตัวเองระเหเร่ร่อนออกจากบ้าน จนไม่อาจประสบความสำเร็จด้านการศึกษาระดับปริญญา เหมือนเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆได้

แต่เพราะความเป็นคนที่รู้ว่า ตนเองมีดีที่ตรงไหน มันจึงไม่ยากเลยที่จะค่อยๆเดินบนทางที่ขรุขระไปบ้าง แต่เธอก็รอดมาได้ทุกครั้ง และมันยังทำให้ได้เห็นโลกใหม่ๆ ซึ่งถ้าหากว่า ยังคงอยู่แต่ในโลกธรรมดา ไม่แน่ว่า เธอก็อาจจะยังคงดิ้นรนมาให้ถึงจุดนี้ .. เช่นที่เป็นอยู่ก็ได้

โลกใบนี้มีอะไรน่าสนใจตั้งมากมาย .. กรอบที่ครอบครัวของเธอจำกัดไว้ มันไม่อาจตอบสนองความต้องการของเพชรงามได้

โดยเฉพาะอะไรที่ต้องเสี่ยง มันดูจะเป็นเรื่องท้าทายและปลุกเร้าสัญชาตญาณของเธอให้ตื่นตัวอยู่เสมอ

และเมื่อขึ้นชื่อว่า ความเสี่ยง .. เพชรงามพร้อมที่จะก้าวเข้าไปพิสูจน์ .. ไม่ว่า มันจะมีอันตรายมากน้อยเพียงใดก็ตาม

หญิงสาวร่างระหงสัดส่วนงดงามสมชื่อ เยื้องย่างดุจนางหงส์ยามเดินผ่านแผนกรีเซฟท์ชั่น ที่เธอเคยทำงานอยู่ระยะหนึ่งก่อนหันหลังให้ตำแหน่งเล็กๆ เพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งสำคัญที่สาวๆหลายคนพากันอิจฉาเธอ

เพชรงาม โปรยยิ้มปรายสายตาที่คนมองเห็นก็รู้ได้ทันทีว่า มีความหมายต่ออีกฝ่ายอย่างไร แต่เธอไม่จำเป็นต้องสนใจ ว่าใครจะคิดอย่างไรอยู่แล้ว

หญิงสาวมาหยุดอยู่ตรงหน้าลิฟท์ตัวพิเศษ ในเวลาล่วงพ้นสนธยายามนี้ มันไม่ได้มีหน้าที่นำบุคคลไปยังในส่วนของพื้นที่ทำงาน แต่ลิฟท์ตัวนี้กำลังจะพาเธอไปพบกับคนสำคัญของที่นี่

ห้องสวีทอันแสนหรูหราที่สนนราคาต่อคืน มีเพียงคนที่อยู่ในฐานะมหาเศรษฐีเท่านั้นจะได้ครอบครอง ซึ่งมีอยู่เพียงแค่ไม่กี่ห้อง และหนึ่งในนั้น มันก็ถูกสร้างมาเพื่อ เจ้าของ .. คิง เซอร์เพนท์




กว่ามัสลินจะเดินกลับถึงห้องเวลาก็ล่วงไปประมาณ ๓ ทุ่มเศษ หลังจากนั่งคุยสัพเพเหระกับเวหาอยู่พักใหญ่ สาวรุ่นพี่เห็นว่า คนขาเจ็บควรจะได้พักผ่อนเสียที จึงแยกย้ายกันเข้าที่พักเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา

หญิงสาวอาบน้ำจนสบายเนื้อสบายตัว แต่รู้สึกว่าจิตใจยังไม่ค่อยสบายเท่าใดนัก ระหว่างนั่งบนเตียงสางผมยาวสลวย หลังจากกินยาทุกขนานที่จะช่วยให้อาการต่างๆหายเร็วขึ้นแล้ว สายตาก็อดจับจ้องอยู่แต่โทรศัพท์มือถือของตนไมไ่ด้ คล้ายกับจงใจเพ่งกระแสจิตให้มันส่งสัญญาณออกมาบ้าง

พลันเจ้าตัวก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อคิดว่ากระแสจิตของเธอมันได้ผลจริงๆ เพราะเสียงขลุ่ยผิวบรรเลงเพลงต้นวรเชษฐ์ที่ดังขึ้น พร้อมกับแสงวูบวาบบนหน้าจอราวกับจะล้อในท้วงทำนองดนตรีไทยนั้น

มัสลินจึงละมือที่ถือแปรงเลิกกิจกรรมของตนโดยอัตโนมัติ รีบคว้าโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียงมาไว้ในมือเพื่อรับสายอย่างว่องไว .. ไม่มีใครอื่นอีกแล้วที่เธอตั้งเพลงนี้เป็นเพลงประจำตัวสำหรับ ‘คนพิเศษ’ ของเธอ

"อาป่าน .. นึกว่าจะไม่โทร.มาแล้วนะเนี่ย"

"ไงล่ะเรา .. โทร.มาไม่รู้จักเวล่ำเวลา ฮ่าๆ"

"ไม่ต้องมาหัวเราะเยาะเลย .. มีแฟนตั้งแต่เมื่อไรน่ะ ไม่เห็นพามาแนะนำ .. อยากเห็นจังใครกันที่กระชากอาป่านลงจากคานส์ได้"

หลานสาวพูดไปก็เขินไปเมื่อได้ฟังคำตำหนิ ที่อาหนุ่มจงใจล้อเลียนอย่างเห็นเป็นเรื่องขำขันมากกว่าติเตียนจริงจัง จนเธอต้องพาดพิงถึงคู่รักนิรนามคนนั้นแก้เกี้ยวแทน ด้วยเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องเทศกาลประกวดภาพยนตร์ของฝรั่งเศส

"ยังๆ .. นินก็รู้ว่าอารักเมืองแห่งคาน มากกว่าเมืองกานส์ ที่เขาขายหนังกัน"

ศรตฤณใช้คำไทยล้อไปกับสำเนียงพ้องเสียงที่มักอ่านตามภาษาอังกฤษ มากกว่าประเทศที่เขาไปพำนักอยู่เกือบ ๒๐ ปี

"โหย .. อาป่านไม่ต้องมาเป๊ะเรื่องภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศสกับลินินหรอกค่ะ ที่พอใช้ได้รู้เรื่องนี่ก็บุญหัวแล้ว"

"งั้น .. มาอยู่กับคุณย่าสักพักมั้ยล่ะ จะได้ฝึกภาษา .. ถ้าอาทำงานเสร็จก็ไปพร้อมกันเลย"

คำเชิญชวนอย่างตั้งใจของอาหนุ่มสร้างความตื้นตันในอกลึกๆแก่หญิงสาวคนหลาน ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ยังมีแต่ความเอื้ออาทรให้เธอไม่เสื่อมคลาย มันจึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่หัวตาจะรื้นน้ำใสขึ้นมากะทันหัน ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีทางได้เห็น ไม่เช่นนั้นคงไม่พ้นถูกล้อว่า ‘ลูกลิงขี้แย’

แม้จะไม่ได้พบกันแรมปี แต่สายใยความผูกพันระหว่างศรตฤณกับมัสลินนั้น ยังเชื่อมโยงถึงกันได้แนบแน่น ต่อให้อยู่กันคนละซีกโลก ไม่เหมือนกับคนใกล้ เพราะต่อให้ได้พบหน้าก็ไม่ต่างจากมีกำแพงมาขวางกั้น

"เดี๋ยวนะอาป่าน .. คุณย่านี่เรียกอะไรนะ .. กรอง-แมร์ มั้ยคะ .. แบบแกรมด์มัม"

"หัวไวเป็นลูกลิงเหมือนเดิมนะ ลินิน ฮ่าๆ"

ศรตฤณเอ่ยเย้าด้วยสรรพนามแทนตัวคู่สนทนาแต่หนหลัง ซึ่งตรงกับความคิดของหลานสาวโดยไม่รู้ตัว ทว่า ชายหนุ่มก็ยังคงแหย่ ‘ลูกลิง’ ของเขาไม่เลิก เขาทราบแค่เพียงว่ามัสลินเรียนจบมา ๒ รึ ๓ ปีแล้ว แต่ด้วยภารกิจสำคัญทำให้ไม่อาจมาแสดงความยินดีกับเจ้าตัวได้

"มาคุยกันจริงๆจังๆได้แล้ว .. โทร.หาอามีอะไรรึเปล่า"

"ก็ได้ค่ะ .. ว่าแต่ อาป่านมาไม่เห็นบอกกันก่อนเลย .. แล้วที่ว่าทำงาน .. งานอะไรคะ .. เอ่อ คือ ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ลินินแค่อยากเจออาป่าน .. จะขอบคุณที่ส่งของขวัญมาให้ตอนงานรับปริญญา แล้วก็กินข้าวกันสักมื้อ"

ศรตฤณจับน้ำเสียงที่เอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจ ที่เห็นว่าคงจะละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเกินไป แต่ก็ไม่วายแสดงความคิดถึงออกมาได้ถนัดชัดเจน เขาคิดไปถึงคำฝากฝังของทอทิวญาติผู้พี่ ที่ค่อนข้างสนิทกันกว่าใครในหมู่วงศาคณาญาติ ที่ให้ช่วยดูแลมัสลินที่ห่างเหินกับพ่อ โดยที่พี่ชายก็ไม่ยอมอธิบายอะไรให้ลูกสาวเข้าใจเลย

"ได้สิ .. จะให้อาไปรับที่ไหนดี"

"ถ้าอาป่านสะดวก .. ก็ดีเหมือนกันค่ะ จะได้ไม่ต้องรบกวนคนอื่น มารับลินินแล้วค่อยออกไปหาอะไรกินข้างนอก"

"ตามนั้น .. แล้วเราน่ะ อยู่ที่ไหน ยังไม่ได้บอกเลย .. อาจะได้ไปรับถูก"

"รู้คค่ะ .. รู้ค รีสอร์ทแอนด์สปา"

ชื่อสถานที่ที่มัสลินบอกกับศรตฤณ เธอหารู้ไม่ว่า ทำเอาอาหนุ่มงันไปชั่วอึดใจ โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกตปฏิกิริยานี้ เพราะคิดว่า คงกำลังนึกหาทางมาพบเธอ จึงบอกย้ำด้วยชื่อชายหาดที่คิดว่าใครๆก็ต้องรู้จักแนบท้ายมาด้วย

"อยู่ใกล้กับเมอร์เมดบีชน่ะค่ะ"

"อาพอจะนึกออกแล้ว .. นั่นเป็นรีสอร์ทเปิดได้ไม่นาน .. เลยงงนิดหน่อย เพราะรู้สึกว่ารีสอร์ทมันผุดเยอะเหลือเกิน ยังกับเห็ดหน้าฝน"

"ใช่ค่ะ .. แหม ไม่กลับเมืองไทยหลายปี แต่ดูเหมือนอาป่านจะรู้จักเกาะนี้ดีจัง"

คำเปรยล้อเลียนของหลานสาวนี่ต่างหาก ที่ทำให้ศรตฤณอึ้งกว่าเดิม ชายหนุ่มลืมไปได้อย่างไรว่า มัสลินเป็นคนช่างสังเกตกับสิ่งเล็กๆน้อยๆ แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

"ถ้างั้น .. พรุ่งนี้อาไปรับสัก ๗ โมงก็แล้วกัน .. เช้าหน่อย จะได้มีเวลาคุยกันนานๆ"

"ดีจัง .. ตามนั้นเลยนะคะ ลินินจะรอ .. แต่ตอนนี้ ยาคงเริ่มออกฤทธิ์ ลินินนอนก่อนนะคะ .. ฝันดี .. เอิ่ม บงนุยค่ะ อาป่าน"

มัสลินตื่นเต้นยินดีมากมายกับการนัดหมายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แต่เพราะไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ยาแก้อักเสบบางขนานได้ จึงต้องออกปากตัดบทลาเสียเอง

ศรตฤณไม่ทันซักถามเรื่องที่หลานสาวบอกเกี่ยวกับยา ว่าเธอเป็นอะไร สัญญาณก็ถูกตัดหลังกล่าว 'ราตรีสวัสดิ์' ในภาษาที่เขาคุ้นเคยไปแล้ว

ก็ดีเหมือนกัน .. ชายหนุ่มผู้เป็นอาจะได้ไม่ต้องถูกสงสัยเรื่องส่วนตัวมากไปกว่านี้

แต่ว่า .. กลับเป็นเขาเองที่เริ่มข้องใจ ว่ามัสลินกำลังเจ็บไข้ได้ป่วยหรืออย่างไรกัน

เอาเถอะ .. เดี๋ยวก็เช้าแล้ว ไม่นานเกินรอที่จะรู้เรื่องราวต่างๆของหลานสาวหรอกน่า





เพลิงกัลป์ตื่นก่อนฟ้าสางเพื่อออกไปจ็อกกิ้งตามแนวชายหาดเป็นกิจวัตร กระทั่งเห็นว่าร่างกายได้ออกกำลังตามความเหมาะสม จึงกลับมาคูลดาวน์ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ บริเวณสวนตรงพื้นที่โล่งใกล้ที่พักของตน ระหว่างนั้นเจ้าของอาณาจักรรู้คก็มองดูพนักงานของตน ทำงานตามหน้าที่ที่ได้จัดสรรในแต่ละตำแหน่งไปด้วย

เช้าๆอย่างนี้ทางห้องอาหารจะค่อนข้างยุ่งกว่าแผนกอื่น เพราะต้องคอยจัดเตรียมตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงในครัว เพื่อให้พร้อมรับมือกับลูกค้าผู้เข้าพัก ซึ่งจะทยอยลงมาทานมื้อเช้าตั้งแต่เวลา ๗ นาฬิกาเป็นต้นไป

รอยยิ้มบางๆที่ห่างหายไปจากใบหน้าคมคาย ปรากฏขึ้นอย่างพึงใจเงียบๆ ยามไร้ใครสักคนเป็นพยานรู้เห็นว่า .. มันมีอยู่จริง

เขายอมรับว่า ลึกๆในใจอดเปรียบเทียบที่นี่กับ เดอะ ฟินิกซ์ไม่ได้ .. แต่มันก็แค่นั้น เพราะปัจจุบัน มีคนที่เหมาะสม ดูแลสถานที่แห่งความทรงจำในอดีตให้เป็นอย่างดี เพื่อรอวันที่เขาจะปีกกล้าทะยานสู่ฟากฟ้าได้ไม่แพ้กัน .. ดั่งเช่น รู้ค นกในตำนาน ..

พนักงานห้องอาหารเริ่มตั้งไลน์บุฟเฟต์ ในพื้นที่ที่แบ่งไว้และจัดโต๊ะเป็นสัดส่วนอย่างขมีขมัน เพลิงกัลป์จึงละสายตาหันหลังกลับเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ก่อนที่จะลงมาอีกครั้ง

ทว่า ชายหนุ่มที่ร่างกายเคยชุ่มโชกด้วยเหงื่อจากการวิ่งไปกลับคิดเป็นระยะทางหลายกิโล แล้วจึงมาออกกำลังกายเบาๆอีกเล็กน้อยจนผิวแห้งแต่ยังคงรู้สึกสดชื่น ต้องยืนนิ่งขึงอยู่กับที่เมื่อเห็นร่างกลึงกลมสมส่วนออกมาจากห้อง และเดินไปยังทิศทางตรงข้ามกับที่เขายืนอยู่นี้

อะไรบางอย่างดึงดูดใจเพลิงกัลป์มากพอจนผัดผ่อนการอาบน้ำชำระร่างกาย สาวเท้าก้าวตามหลังมัสลินไปโดยไม่ต้องไตร่ตรอง

ท่านประธานรู้คคว้าหน้ากากเข้มขรึมมาสวมทับรอยอ่อนโยนเมื่อครู่จนหมดสิ้น คงไว้แต่ความเรียบเฉยจนเกือบจะเรียกได้ว่าดุดดัน เมื่อเห็น 'คนเจ็บขา' ก้าวขึ้นซ้อนหลังคนขับเคเอสอาร์* มอเตอร์ไซค์วิบากรูปทรงกะทัดรัด ออกจากโรงแรมของเขาไปต่อหน้าต่อตา โดยที่เขาไม่ทันเห็นว่า ผู้ชายคนนั้น .. คือใครกัน

พริบตาเดียวก่อนหน้าที่เคเอสอาร์คันจิ๋วจะสตาร์ทเครื่อง เพลิงกัลป์มั่นใจว่า มัสลินต้องเห็นเขายืนอยู่ตรงนี้

หากแต่สิ่งที่ทำให้เขาฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล คือ รอยยิ้มสว่างไสวที่หญิงสาวส่งให้เจ้าหนุ่มนักบิดที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหน้า

เรื่องนี้ .. จะต้องมีใครสักคนรับผิดชอบต่อพฤติกรรมของมัสลิน!





ก่อนหน้านี้มัสลินตื่นเต้นยินดีที่ศรตฤณโทรศัพท์มาแจ้งว่า รออยู่ที่หน้าโรงแรมแล้ว และเมื่อได้พบกันก็ไม่ผิดหวัง อาของเธอยังดูดี ยังคงเป็นคุณอาที่หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวในสายตาของหลานสาวไม่เปลี่ยนแปลง

สิ่งที่แปลกไปนอกจากผิวพรรณที่เข้มขึ้นผิดตา คือความรู้สึกว่าเขาผอมลงกว่าเมื่อพบหนหลังสุดที่พบกัน .. หรือเปล่านะ?

หากรอยยิ้มเบิกบานจากเมื่อแรกพบหน้าที่มีให้ศรตฤณคงอยู่ได้ไม่นาน หญิงสาวกลับเพิ่งรู้สึกได้ว่า เธอกำลังแอบซ่อนความหวาดหวั่นบางอย่างเอาไว้เบื้องหลังอาหนุ่ม ที่กำลังบิดเจ้ารถวิบากคันน่ารักคันนี้บนเส้นทางมุ่งลงทิศใต้ของเกาะ ซึ่งเขาบอกว่าจะพาไปหาอะไรอร่อยกินกัน

เธอกำลังหวั่นเกรงสิ่งใด .. คือคำถามไม่รู้จบนับแต่พ้นจากรัศมี ชายคาแห่งรู้ค

สายตาเกรี้ยวกราดของเขา .. อย่างนั้นใช่ไหม

แม้จะอยู่ในระยะไกล แต่มัสลินก็สัมผัสกระแสพลังแข็งกร้าวรุนแรงของเพลิงกัลป์ได้ดี ว่ายามที่เขามองมา ไม่เคยมีความอ่อนโยนอยู่ในนั้นเลย

มัสลินได้แต่ข่มใจตนเองให้สงบลง .. เธอจะทำอะไรได้ ในเมื่อเธอไม่เคยมีดีในสายตาของเขาอยู่แล้วนี่








* ชื่อรุ่นของจักรยานยนต์คาวาซากิ จัดเป็นมินิสปอร์ตไบค์ที่ได้รับความนิยม มีหลายรุ่นนับจากที่เปิดตัวจำหน่าย










********************************************************






โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามฮะ ..



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มิ.ย. 2558, 13:40:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มิ.ย. 2558, 13:40:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 1297





<< ใยเส้นที่ 4 .. ยังไม่ถึงเวลา   ใยเส้นที่ 6 .. สิ่งที่เห็น และเป็นไป >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account