บ่วงรักฝังแค้น
เมื่อความรักกลายเป็นความอาฆาตแค้น และตามจองเวรเขาและเธอไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ว่าภพชาติไหนจะขอตามจองล้างจองผลาญไม่ให้เหลือสิ้น ความรักและความแค้น
จากอดีตชาติติดตามเป็นเงาตามตัว เขาและเธอจะทำเช่นไรเพื่อหยุดความแค้นนี้ลงได้
Tags: บ่วง,รัก,ฝัง,แค้น

ตอน: ตอนที่ 6

ตอนที่ 6 ประธานคนใหม่

ภายในโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา

อลัน แอนเดอร์สัน กึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อออกมาจากโรงแรมนั้นอย่างเร่งรีบ ด้วยความรีบร้อนของเขาโดยไม่ทันมองว่ามีคนกำลังเดินสวนบันไดขึ้นมา ทำให้ร่างสูงใหญ่ดั่งเช่นชายชาวยุโรป ชนเข้ากับร่างหนึ่งจนร่างนั้นเซถลาถึงกับผลัดตกบันไดของโรงแรมทันที

“ผลัก!ผลัก!ผลัก!”ร่างนั้นกลิ้งตกบันไดของโรงแรมจากขั้นบันไดบนสด จนมามาถึงพื้นด้านล่างของโรงแรมเลยทีเดียว ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คน

“ช่วยด้วยมีคนตกบันได!”เสียงร้องของพนักงานโรงแรมดังขึ้นมาทันที พร้อมรีบกรูกันเข้ามาช่วยร่างผู้เคราะห์ร้าย

ท่ามกลางความโกลาหล อลัน ยืนนิ่งงันด้วยความตกใจกับเหตุการณ์ที่จู่ๆ พลันบังเกิดขึ้นกับเขาด้วยความรวดเร็ว ครั้นเมื่อได้สติสองเท้าวิ่งลงบันไดตรงเข้ามาหาร่างของผู้เคราะห์ร้ายนั้นทันที และเมื่อเขามาถึงร่างของผู้เคราะห์ร้ายตรงหน้า ที่กำลังนอนคว่ำหน้าแน่นิ่ง ท่ามกลางเลือดสีแดงฉานอันเกิดจากบาดแผลยังไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตรงจุดใดของร่างกายของผู้เคราะห์ร้าย

“น้องๆ คนเจ็บเป็นอย่างไงบ้าง พี่ไม่ทันระวังก็เลยชนน้องเขาตกบันได”ชายหนุ่ม สอบถามด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ พร้อมทรุดกายลงนั่งเพื่อเข้าไปอุ้มร่างของคนเจ็บ ก่อนจะส่งกุญแจรถให้พนักงานของโรงแรม

“น้องช่วยไปขับรถมาให้พี่หน่อย พี่จะพาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล”ชายหนุ่มกล่าวพร้อมส่งกุญแจรถของเขาให้พนักงานโรงแรมนั้น ก่อนจะรีบอุ้มร่างของคนเจ็บพร้อมกล่าวกับร่างไร้สติ

“คุณแข็งใจหน่อยนะ ผมกำลังพาคุณไปส่งโรงพยาบาล อย่า...”อลัน พูดได้เพียงแค่นั้น เสียงของเขาต้องเงียบงันและพลันแน่นิ่งไปในบัดดล

เมื่อสองแขนของเขาอุ้มร่างของคนเจ็บมาไว้ในอ้อมกอด ใบหน้าที่ซบอยู่กับหน้าอกไร้สิ้นสติ ผมยาวสีดำปิดบังใบหน้าก่อนจะแหงนหน้าไปข้างหลัง ตามแรงที่เขาอุ้ม เผยให้เห็นใบหน้าทุกส่วนของร่างที่เขากำลังอุ้มอยู่

“เธอ!”ชายหนุ่มถึงกับหัวใจหยุดเต้น เมื่อร่างคนเจ็บที่เขากำลังอุ้มอยู่ในขณะนี้ มีใบหน้าคล้ายกับผู้หญิงในภาพถ่ายชุดโบราณและหญิงสาวสูงศักดิ์ที่เขาเพิ่งพานพบเหตุการณ์อย่างไม่คาดฝันเมื่อครู่ที่ผ่านมา

และนี่อะไร คนเจ็บที่อลันชนจนตกบันไดของโรงแรม และกำลังอยู่ในอ้อมกอดของเขาในขณะนี้มีใบหน้าที่เหมือนผู้หญิงในภาพถ่ายและเหมือนกับผู้หญิงที่เขาเพิ่งเจอเหตุการณ์ประหลาดมาไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิด นี่ชายหนุ่มกำลังพบเจออะไรกันแน่เล่า

“พรึ่บ!”ภาพดับวูบลงไปโดยพลัน

“กริ้งงงงงงงงงง”เสียงนาฬิกาปลุกดังก้องกังวาน

“พี่อลัน!พี่อลัน!พี่อลัน!ตื่นเถอะนาฬิกาปลุกแล้ว”เสียงเรียกกระซิบแผ่วๆ ปลุกให้ตื่นจากนินทรา

วิญญาณของเจตน์ ค่อยๆปรากฏร่างขึ้น วิญญาณหนุ่มยืนกอดอกมองร่างพี่ชายของเขา ที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขณะที่กำลังหลับอยู่พี่ชายของเขากำลังฝัน แต่ท่าทางความฝันคงจะไม่ค่อยดี จึงทำให้พี่ชายของเขามีท่าทางแปลกๆ แต่เขาเพิ่งตายใหม่ๆ ยังไม่มีกำลังอะไรที่จะช่วยเหลือพี่ชายของเขาได้ ท่ามกลางเสียงกริ่งของนาฬิกาปลุก พี่ชายของเขาก็ยังไม่ยอมตื่นจากการหลับใหล และเขาได้ยินเสียงโวยวายของพี่ชายสลับกับเสียงพึมพำตลอดเวลา

“ทำไม!ทำไม!”อลันละเมอออกมา พร้อมส่ายหน้าไปมาช้าๆ

“เอ...พี่ชายกำลังฝันเหรอ ฝันเห็นอะไรเนี่ย สงสัยมีอะไรแน่ๆเลย ถึงพูดแต่ว่าทำไม ทำไม แบบนี้”ก่อนจะตัดสินใจใช้วิธีตามแบบฉบับสากลเรียกพี่ชายดังๆ โดยก้มลงตะโกนชิดริมหู

“ตื่นได้แล้วพี่อลัน!!!”

“เฮือกกก”อลัน สะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาทันใด ดวงตาของเขามองเห็นเพดานห้องนอนที่ตกแต่งลวดลายอย่างวิจิตรพิสดารพร้อมค่อยๆ หันไปมองรอบๆ ตัวเขาทันที

“นี่มันห้องนอนเรานี่หว่า เราไม่ได้ออกไปข้างนอกนั่งกินไวน์ที่โรงแรมริมน้ำอย่างนั้นเหรอวะ”ชายหนุ่มรำพึงออกมาเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองโต๊ะข้างเตียง

“เฮ้ยยยย!”ชายหนุ่มร้องออกมาเมื่อมองเห็นวิญญาณของเจตน์ยืนอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงพอดี

“โธ่!ทำไมออกมาแบบนี้อีกแล้ว เกิดพี่ตกใจตายตามแกไปจะทำยังไงวะเจตน์”อลันบ่นพึมพำ พร้อมลุกขึ้นจากท่านอนมาเป็นท่านั่ง พลางยกมือกุมศีรษะทั้งสองข้างของเขาทันที

“ก็ผมเห็นพี่ชายไม่ยอมตื่นสักที ขนาดนาฬิกาปลุกดังสนั่นขนาดนั้นพี่ชายยังหลับไม่รู้เรื่องเลย ผมก็เลยออกมาดูว่าพี่เป็นอะไรหรือเปล่า”เจตน์ตอบพร้อมยืนกอดอกมองพี่ชายของเขา เมื่อพี่ชายหันกลับมามองเขาเมื่อเขาเอ่ยบอกเช่นนั้น

“พี่นอนไม่ยอมตื่นอย่างนั้นเหรอ ขนาดเสียงนาฬิกาปลุกก็ยังไม่ได้ยิน เป็นไปไม่ได้พี่ไม่เคยนอนขี้เซาเลยนะเว้ย”อลันโวยวายไม่เชื่อที่น้องชายของเขาบอก

“ผมจะไปโกหกพี่ทำไม ผมเป็นวิญญาณนะกำลังสะสมบารมีจะได้มีพลังช่วยอะไรพี่ได้บ้าง เพราะฉะนั้นผมเป็นวิญญาณที่ถือศีล 5 นะพี่ชาย”เจตน์เอ่ยบอก

“อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นพี่คงออกไปข้างนอกมาแล้วคงเมาไวน์มั้งก็เลยนอนหลับเพลินไปหน่อย”ชายหนุ่มเอ่ยบอกน้องชายกลับไป

“โอ๊ย...ออกไปซะที่ไหนกันล่ะ ผมทำให้พี่ชายง่วงนอนแล้วก็นอนหลับไปไม่ได้ออกไปไหนหรอก ก็อยากออกไปโดยไม่ให้ผมตามไปด้วยทำไม ปล่อยผมทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียวเหงาตายชัก ผมก็เลยทำให้พี่ชายง่วงแล้วก็นอนหลับตั้งแต่หัวค่ำจนถึงเช้านี่แหละ ไม่ได้ออกไปนอกบ้านเล้ย”วิญญาณของเจตน์เอ่ยบอก และนั่นทำให้พี่ชายของเขาถึงกับตาเหลือกขึ้นมาทันที

“หา!..แกทำให้พี่นอนตั้งแต่หัวค่ำจนถึงเช้าเลยเหรอ ถ้างั้นไอ้ที่พี่เห็นเมื่อคืนมันก็เป็นความฝันนะสิ”ชายหนุ่มพูดพลางทำหน้าสงสัย ราวกับว่ามันไม่ใช่ความฝันแต่มันคือเรื่องจริงที่เขาพบเจอมา

“พี่ชายฝันเห็นอะไร ทำไมต้องทำหน้าแปลกๆ เหมือนไม่เชื่อที่ผมพูดว่าพี่เข้านอนแต่หัวค่ำโดยไม่ได้ออกไปข้างนอกตามที่พี่ตั้งใจเอาไว้”เจตน์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“ก็เออนะสิ เพราะถ้าพี่ไม่ได้ออกไปไหนจริงๆ แสดงว่าสิ่งที่พี่ฝันเห็นเมื่อคืน มันเป็นจริงและเหมือนจริงมาก มันเหมือนพี่เพิ่งเจอเหตุการณ์นั้นสดๆร้อนๆ และในความฝันนั้นพี่ฝันเห็นผู้หญิงคนนี้วะเจตน์”อลันพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบภาพถ่ายขาวดำของหญิงสาวสวยใส่ชุดโบราณที่เขาเก็บได้ในท่าอากาศยานจากโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาพิจารณาทันที

“พี่ชายกำลังจะบอกว่า ฝันเห็นผู้หญิงในภาพถ่ายโบราณนี้นะเหรอ”เจตน์เอ่ยถามด้วยประหลาดใจ

“ใช่แล้ว!และที่สำคัญความฝันมันเหมือนฝันซ้อนฝัน พี่ไปเห็นผู้หญิงคนนี้ในสมัยร้อยกว่าปีก่อน ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เธอกำลังตั้งจิตอธิษฐานลอยกระทงและพอพี่รู้สึกตัวรีบออกจากโรงแรมกลับเดินชนผู้หญิงคนหนึ่งจนตกบันไดบาดเจ็บ พี่เข้าไปช่วยเขาแต่ที่พี่ตกใจมากก็เพราะผู้หญิงที่พี่เดินชนจนตกบันได หน้าตาเหมือนผู้หญิงที่พี่เห็นเธอเมื่อร้อยกว่าปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยนเลย จะไม่ให้พี่งงและสงสัยได้อย่างไง”ชายหนุ่มเล่าความฝันให้วิญญาณของน้องชายฟัง ท่ามกลางความงุนงงของทั้งคนเล่าและคนฟัง

“เออแปลก เป็นฝันที่แปลกมากเลยพี่ชาย แล้วพี่ฝันเห็นอะไรอีกบ้าง”เจตน์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ต่อไป ในขณะที่พี่ชายของเขากำลังนึกทบทวน

“พี่เห็นภาพถ่ายผู้หญิงคนนี้อยู่ในกระทง”ชายหนุ่มพูดพลางก้มลงมองภาพถ่ายขาวดำตรงหน้าที่อยู่ในมือของเขาขณะนี้ สายตาสำรวจอะไรบางอย่างที่เขาจดจำได้ในความฝันพร้อมเสียงของน้องชายเอ่ยถาม

“พี่ชายมองหาอะไรในภาพถ่าย”

“ภาพถ่ายของผู้หญิงคนนี้ที่มุมของภาพเขียนชื่อของผู้หญิงเจ้าของภาพนี้ไว้ด้วย แกเป็นวิญญาณลองช่วยพี่หาร่องรอยตัวหนังสือของภาพถ่ายให้พี่หน่อยว่ามีเขียนไว้หรือเปล่า”อลันพูดพร้อมกวักมือเรียกน้องชายให้ช่วยตามที่เขาบอกแต่ไม่ว่าจะหายังไงก็ไม่สามารถหาเจอ จนอลันเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

“จริงสิภาพถ่ายแบบนี้คงจะมีหลายใบ อาจจะไม่ใช่ภาพถ่ายใบเดียวกับที่เราเห็นในกระทงเพราะมันคงถูกน้ำและเลือนหายไปนานแล้ว”อลันรำพึงเบาๆ และท่าทางของเขาทำให้น้องชายฝาแฝดอดไม่ได้ที่จะถาม

“ท่าทางพี่ชายเป็นแบบนี้ ต้องตกหลุมรักผู้หญิงในภาพถ่ายเข้าให้ซะแล้วรู้ตัวหรือเปล่าพี่ชาย ผมพูดไม่ผิดปาหรอก”วิญญาณของเจตน์เอ่ยบอกและนั้นทำให้อลัน นิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยขึ้นช้าๆ

“พี่ยอมรับว่าทันทีที่พี่เห็นภาพถ่ายใบนี้ มันมีบางอย่างที่บอกไม่ถูกเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา ความรู้สึกบอกว่าพี่เฝ้ารอคอยมานาน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่มันก็เป็นเพียงความรู้สึกที่ได้แต่มองผ่านรูปถ่ายเท่านั้น เพราะเจ้าของภาพนี้เขาไม่มีตัวตนอยู่จริง ความฝันเมื่อคืนนี้ทำให้พี่รู้ว่าเจ้าของภาพถ่ายใบนี้มีชื่อจริงว่าอะไร และเป็นคนชนชั้นสูงมากขนาดไหน”อลันเอ่ยบอกน้องชายในขณะคนเป็นน้อง ตั้งอกตั้งใจฟังพี่ชายเล่า

“แล้วพี่ชายก็รู้จักชื่อผู้หญิงคนนี้จากในความฝันและรู้ว่าเขาเป็นคนชั้นสูงระดับไหนด้วยเหรอ แล้วผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าอะไร บางทีถ้าดวงวิญญาณของผมมีพลังมากพอและมีกำลังมากกว่านี้ผมอาจจะช่วยพี่ค้นหาได้บ้าง”เจตน์เอ่ยถามพี่ชายกลับไป

“แกจะทำอย่างไงเจตน์ ในโลกวิญญาณตามหาให้ได้เหรอ”ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในโลกวิญญาณมีอะไรที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ อย่างน้อยเทวดา นางฟ้า พระภูมิเจ้าที่มีจริงก็แล้วกัน อย่างเช่นคฤหาสน์หลังนี้ที่พี่ชายซื้อเอาไว้ พระภูมิท่านที่ปกปักรักษามีบารมีมาก ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายอนุญาตให้ผมติดตามมาด้วย ผมเข้ามาในคฤหาสน์ไม่ได้หรอกนะ”เจตน์เอ่ยบอกพี่ชาย

“อ้าวเหรอ...พี่ก็ยังคิดอยู่ตอนนั่งรถมาด้วยกันว่าแกให้พี่ขออนุญาตทำไม ทั้งๆที่แกเป็นน้องชายพี่จะเข้าออกอย่างไงก็ได้เหมือนกับพี่”อลันเอ่ยตอบตามความคิดของเขากลับไป

“ไอ้เรื่องนั้นมันใช้กับคนที่ยังไม่ตายแต่คนที่ตายไปแล้ว มันใช้ไม่ได้หรอกพี่ชาย ถ้าจะทำให้ถูกต้องพี่ชายต้องจุดธูปบอกพระภูมิท่านว่า อนุญาตให้ผมเข้ามาในคฤหาสน์นี้ได้ แล้วผมจะไปรายงานตัวกับพระภูมิท่านเอง เพราะผมจะได้ขอคำชี้แนะกับการดำรงอยู่ในโลกวิญญาณจนกว่าจะถึงอายุขัยของผมจริงๆ ยิ่งถ้าพี่ชายอุทิศบุญไปให้ผมก็ยิ่งทำให้วิญญาณของผมมีกำลังและบารมีเพิ่มขึ้นไปอีก แล้วผมก็จะสามารถช่วยพี่ชายอีกแรงในทุกเรื่อง รวมไปถึงผู้หญิงสูงศักดิ์เจ้าของภาพถ่ายคนนี้ด้วย ว่าเขาชื่ออะไร เป็นอะไร”เจตน์เอ่ยบอกพี่ชาย

“ชื่อของเธอพี่รู้แล้ว เธอชื่อมณีภัสสร ในความฝันใครๆ ก็เรียกเธอว่า ท่านหญิงแถมต่อด้วยเพค่ะอีกต่างหาก”อลันเอ่ยบอกชื่อและบรรดาศักดิ์ให้น้องชายฝาแฝดได้รับรู้

“หา!” วิญญาณของเจตน์อุทานออกมาทันที ทำให้พี่ชายของเขาหันกลับมามองด้วยความสงสัย

“ตกใจอะไรเจตน์”ชายหนุ่มเอ่ยถามวิญญาณน้องชายฝาแฝดก่อนจะได้ยินน้องชายของเขาเอ่ยตอบกลับมาด้วยเสียงที่บ่งบอกความประหลาดใจ

“พี่ชายคงไม่รู้ว่า หากความฝันของพี่เป็นเรื่องจริง เจ้าของภาพถ่ายใบนี้ของพี่ชายสูงศักดิ์มากเลยเชียวนะ ถ้าใครต่อใครพากันเรียกท่านหญิง แล้วตามด้วยเพค่ะ พ่ะย่ะค่ะ ก็คือเชื้อพระวงศ์ในระดับต้นๆเลยเชียวล่ะ แต่เอ...เหมือนผมเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เคยได้ยินมาจากที่ไหนกันหนอ ที่ไหนกันน้ามันคุ้นๆ อย่างไงชอบกล”วิญญาณของเจตน์ เดินเอามาไพล่หลังพลางเดินกลับไปกลับมาอย่างใช้ความคิด ท่ามกลางสายตาของพี่ชายเขาที่กำลังนั่งมองอยู่ด้วยความแปลกใจ

“คุ้นชื่อมากขนาดนั้นเลยเหรอไอ้น้องชาย อย่าบอกนะว่าชื่อเหมือนนางเอกลิเก”ชายหนุ่มพูดพร้อมหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ

“พี่ชาย...ผมมีความรู้สึกว่าพอจะหาสิ่งที่เกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับผู้หญิงในภาพถ่ายนี้ได้แล้ว แต่ผมไม่มั่นใจขอเวลาไปหาข้อมูลให้พี่ก่อน แล้วจะมารายงานให้พี่ชาย เกือบลืมไปเอกสารที่พี่ชายบอกให้ผมตรวจสอบ ผมตรวจสอบตามคำสั่งของพี่ชายเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแต่ว่าพี่ชายต้องลงชื่อแทนผม เพราะผมไม่สามารถจับปากกาลงชื่อได้อีกแล้ว”เจตน์เอ่ยบอกพี่ชายของเขา พร้อมร่างค่อยๆเลือนหายลับไปทันที

“อ้าว..เฮ้ย!บทจะหายไปก็ไปแบบไม่บอกกันอีกแล้ว บทจะมาก็มาแบบไม่บอกก่อนล่วงหน้า เป็นผีทำไมมันดีอย่างนี้วะ นึกจะมาก็มานึกจะไปไหนก็ไปได้ตลอดไม่ต้องมีรถติด”อลันบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะได้ยินเสียงวิญญาณของน้องชายเอ่ยตอบเสียงดังก้องกลับมา

“เป็นผีมันไม่ดีหรอกพี่ชาย มันใช้พลังเยอะเหมือนกันนะกว่าจะหายตัวได้ อย่าเพิ่งบ่นไปหน่อยเลยยังไม่แก่สักหน่อย วันที่พี่ชายต้องเข้าประชุมบอรด์บริหารผมจะพยายามเข้าไปให้ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเข้าไปได้ไหม อย่าบ่นมากนะจะพาลทำให้ผมแก่ตามไปด้วย ฮ่าๆๆๆ”วิญญาณของเจตน์หัวเราะออกมาเบาๆ

“ไอ้...ไอ้น้องบ้า ขนาดเป็นผียังกวนประสาทได้ขนาดนี้ ถ้ายังไม่ตายคงจะกวนไม่ใช่เล่นเลย”ชายหนุ่มเอ่ยหมั่นเขี้ยววิญญาณน้องชาย แต่พอครั้นนึกได้ใบหน้าหล่อเหลากลับเงียบขรึมลงไปในพริบตา

“ถ้าพี่เลือกได้พี่อยากให้แกยังไม่ตาย เราสองคนพี่น้องจะได้ไม่ต้องเจอกันในสภาพระหว่างคนกับวิญญาณแบบนี้ แม้วิญญาณของแกจะติดต่อพูดคุยกับพี่ได้แต่ไม่เหมือนกับตอนที่มีชีวิตอยู่ดี และใครก็ตามที่มันทำให้แกต้องตายอย่างทารุณแบบนั้น พี่ชายของแกคนนี้จะทำให้มันตายอย่างหน้าทุเรศยิ่งกว่าหมาข้างถนนเป็นร้อยเท่า”อลันกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ความเหี้ยมเกรียมสะท้อนออกมาจากทางแววตาสีนิลกาฬจนน่าสะพรึงกลัว

วันประชุมบริหารบอรด์
อาคารเดชวโรดม

ภายในห้องประชุมอันโออ่า คณะกรรมการบริหารต่างพากันทยอยเข้ามาในที่ประชุมกันอย่างเนืองแน่น เนื่องจากมีวาระประชุมสำคัญ เพราะประธานบริหารได้ถึงแก่กรรมหลังจากที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมานานกว่า 5 เดือน ในวันนี้จึงเป็นวาระประชุมเร่งด่วนเพื่อเลือกประธานกรรมการบริหารคนใหม่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนที่

เสียงพูดคุยระหว่างกรรมการบริหารเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกัน ว่าผู้ใดจะสมควรขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนคุณคมกริช เดชวโรดม ประธานบริหารคนเก่าที่เพิ่งถึงแก่กรรมไป นอกจากความรู้ความสามารถซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสุดยอดแล้ว หุ้นในบริษัทฯ ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญเช่นเดียวกัน

และผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานบริหารมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และที่สำคัญบุตรชายคนเดียวของคุณคมกริช เดชวโรดมจะได้นั่งในตำแหน่งประธานบริหารสืบทอดต่อจากบิดาของเขาได้หรือไม่ ในเมื่อเขาไม่เคยมีบทบาทในการบริหารกิจการภายในบริษัทของเขาเลยแม้แต่น้อย

และหนึ่งในกรรมการบริหารมีร่างของแม่หม้ายสาวหมาดๆ ภรรยาของท่านประธานบริหารคนเก่าคุณมารตี เดชวโรดม รวมอยู่ในห้องประชุมนั้นด้วยเธอเป็นคนสวย จึงไม่แปลกที่มาดนางพญาจะอยู่คู่กับเธอด้วยหุ้นที่สามีให้เธอ 15 เปอร์เซ็นต์ และความรู้ในระดับปริญญาโททางด้านบริหาร แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยภายในประเทศแต่เธอก็มีคุณสมบัติที่จะก้าวขึ้นเป็นประธานบริหารแทนสามีของเธอได้ไม่ยาก ซึ่งเธอก็มีผู้ช่วยที่ดีสามารถทำตามคำสั่งของเธอได้ทุกเรื่องรวมไปถึงเรื่องบนเตียง

“วันนี้คุณสวยมากเลยรู้ไม่มารตี เหมือนกับรู้เลยนะว่าจะได้ตำแหน่งประธานบริหารถึงได้แต่งตัวมาเตรียมพร้อม”เสียงหนุ่มใหญ่กล่าวอย่างชื่นชม เขานั่งอยู่ข้างๆ เธอและคอยดูแลเธอไม่ห่างจนบางครั้งก็แสดงความรู้สึกของเขาออกทางสายตาจนเปิดเผย

“สำรวมหน่อยคุณจิตติ อย่าแสดงออกกับฉันจนเปิดเผยมากนัก ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้ตำแหน่งประธานบริหารฉันยังไม่มั่นใจอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะได้ครองทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จ”หญิงสาวเอ่ยบอกกลับไป

“แหม...จะต้องไปกลัวอะไรอีกเล่าในเมื่อคนที่มันขวางทางเราก็จัดการพวกมันออกไปจนหมดแล้ว จะมีใครหน้าไหนเหมาะสมมากไปกว่าคุณไม่มีอีกแล้วล่ะ อย่ากังวลไปหน่อยเลย และเมื่อผมช่วยคุณจนสำเร็จแล้วอย่าลืมค่าตอบแทนของผมด้วยล่ะ หวังว่าคุณคงไม่ลืม”หนุ่มใหญ่เอ่ยทวงบุญคุณแม่หม้ายสาวหมาดๆ ตรงหน้าเขาทันที

แทนการตอบแม่หม้ายสาวแสยะยิ้มส่งให้เขา แต่ดวงตาแฝงเร้นบางสิ่งบางอย่างแอบแฝงไว้ในภายในคนอย่างเธอไม่มีวันปล่อยคนที่ล่วงรู้ความลับทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้นานอย่างแน่นอน

“ค่าตอบแทนของแกที่จะได้รับ ฉันเตรียมไว้ให้พร้อมแล้วมันเหมาะสมกับคนเลวๆ อย่างแกเป็นที่สุด”แม่หม้ายสาวรำพึงอยู่ภายในใจอย่างเหี้ยมเกรียม พลางปรับตัวให้เป็นปกติเมื่อเลขาคนสนิทของเธอนำแฟ้มเอกสารมาให้เจ้านายทั้งสองพร้อมก้มลงกระซิบชิดริมหู

“คุณมารตีค่ะ แฟ้มเอกสารล่าสุดประกอบการเลือกสรรประธานบริหารคนใหม่มาแล้วค่ะ แล้วนี่กรรมการมาครบเกือบหมดทุกท่านแล้ว ขาดแต่คุณเจตน์ที่ยังไม่มาเข้าร่วมประชุม แบบนี้จะสามารถเปิดวาระการประชุมได้หรือค่ะ”เลขาของเธอเอ่ยถามผู้เป็นนายด้วยความสอดรู้สอดเห็น

“เธอคอยดูต่อไปแล้วกัน ไปนั่งประจำที่ได้แล้ว”มารตีเอ่ยสั่งเลขาสาว ก่อนจะเอื้อมมือกดสวิทเปิดไมโครโฟนเพื่อเอ่ยในสิ่งที่เธอต้องการ

“ขออภัยท่านกรรมการบริหารทุกท่านด้วยค่ะ ดิฉันเห็นว่าถึงเวลาเปิดวาระการประชุมแล้วและกรรมการทุกท่านก็มาพร้อมกันครบทั้งหมด เรามาเริ่มเปิดประชุมเพื่อเลือกสรรผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานบริหารแทนคุณคมกริชกันเลยดีกว่านะค่ะ”หม้ายสาวกล่าวเร่งรัดเวลา

“แต่คุณเจตน์ ลูกชายของคุณคมกริช ยังมาไม่ถึงที่ประชุมนะครับ ควรที่จะรอให้ครบเสียก่อนคงไม่เสียเวลาอะไรมากไปกว่านี้กระมังคุณมารตี”เสียงหนึ่งในกรรมการเอ่ยแทรกขึ้น และนั้นทำให้แม่หม้ายสาวเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาทันที

“รอคนเพียงคนเดียวมันจะเสียเวลามากไปกระมังค่ะ เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรคุณเจตน์ ก็ไม่เคยเข้ามาร่วมประชุมหรือแม้แต่เข้ามาเหยียบภายในบริษัทฯแม้แต่ครั้งเดียว เพียงแค่นี้กรรมการทุกท่านก็น่าจะพิจารณาถึงคุณสมบัติได้แล้วนะค่ะว่าสมควรจะได้เข้ารับการเลือกสรรหรือเปล่า!”หม้ายสาวกระแทกน้ำเสียงลงท้ายที่แสดงความไม่พอใจ กรรมการที่เข้าข้างลูกเลี้ยงอย่างชัดเจน

“คุณมารตีระงับสติอารมณ์หน่อย ท่าทางและคำพูดของคุณต้องการเร่งกรรมการทุกคนจนเกินไปหน่อยนะ”หนุ่มใหญ่เอ่ยเตือนสติ พร้อมเอ่ยผ่านลอดไมโครโฟนทันทีเพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ดูดีขึ้น

“คุณมารตีคงจะเป็นห่วงการบริหารที่นับจากนี้ไปนะครับ หากพวกเราเลือกสรรประธานบริหารคนใหม่ล่าช้า บริษัทในเครือน้อยใหญ่และหุ้นของเราในตลาดหลักทรัพย์ของเดชวโรดมจะเกิดความเสียหายได้ อีกอย่างเลยเวลาเปิดวาระการประชุมประมาณ 10 นาทีแล้ว ผมคิดว่าเวลาที่ล่วงเลยมานานขนาดนี้ อย่าเสียเวลารออีกเลยดีกว่าควรจะเปิดประชุมเพื่อเลือกสรรประธานบริหารคนใหม่ดีกว่ารอคอยแบบนี้ไปเรื่อยๆ”จิตติกล่าวเสนอแนะในที่ประชุม พร้อมหันกลับไปยิ้มให้กำลังใจแม่หม้ายสาวของเขา

“แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องรออยู่ดีแหละค่ะคุณมารตี คุณจิตติ เพราะประธานบริหารคนใหม่ของกลุ่มบริษัทเดชวโรดม ก็คือคุณเจตน์ บุตรชายของคุณคมกริช ตามเอกสารของผู้ถือหุ้น ซึ่งคุณเจตน์เป็นผู้ถือหุ้นที่มากที่สุดถึง 65 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าใครๆ ทั้งหมดในทีนี้”กรรมการอาวุโสหนึ่งในนั้นเอ่ยบอกในที่ประชุม ก่อนจะได้ยินเสียงกรรมการอาวุโสอีกรายเอ่ยแทรกขึ้น

“คุณมารตีกับคุณจิตติ ยังไม่ได้อ่านแฟ้มรายงานที่ถูกนำมาให้เหรอครับ ภายในแฟ้มได้ชี้แจงเอกสารการเป็นถือหุ้นและคุณสมบัติทั้งหมดของคุณเจตน์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว นี่พวกเราก็เพิ่งได้รับพร้อมๆ กับคุณทั้งสอง เพราะฉะนั้นถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องรอคุณเจตน์ ให้เข้ามาร่วมประชุมเพื่อแถลงนโยบายและทิศทางการทำงานในฐานะประธานบริหารคนใหม่อยู่ดีนะครับ”

สิ้นเสียงกล่าวของกรรมการอาวุโส ทั้งมารตีและจิตติถึงกับหันมามองหน้ากันด้วยความตกใจต่างฝ่ายมีความรู้สึกไม่เชื่อในสิ่งที่กรรรมการอาวุโสทั้งสองพูดออกมา ทั้งคู่พยายามปรับสีหน้าและท่าทางให้แลดูปกติ พร้อมค่อยๆหยิบแฟ้มเอกสารที่เลขานำมาวางไว้ตรงหน้าขึ้นมาอ่านรายละเอียดในข้อความ และทั้งคู่ก็ต้องหน้าตึงเมื่อเอกสารภายในแฟ้มนั้นได้ระบุไว้อย่างชัดเจนเลยว่า ผู้ที่เธอหุ้นมากที่สุดคือเจตน์ เดชวโรดม

“ไอ้แก่มันไปเอาเงินมากมายมหาศาลที่ไหนถึงได้หุ้นของ AMS บริษัทฯ ยักษ์ใหญ่ในอเมริกามาลงทุนร่วมกับมันได้ AMS ใครๆ ก็รู้ว่ายิ่งใหญ่และมีเครือข่ายทั่วโลก มันทำอีท่าไหนถึงมีหุ้นมาครองได้มากมายขนาดนี้ จำนวนหุ้น 65%เป็นของไอ้เจตน์คนเดียว ที่เหลืออีก 20 %เป็นหุ้นเล็ก หุ้นน้อยและอีก 15% เป็นของฉัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้คุณจิตติ”มารตีกัดฟันพูดออกมาเบาๆ กับหนุ่มใหญ่ที่เป็นมือเป็นเท้าให้กับเธอ

“เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมก็เพิ่งจะรู้พร้อมๆกับคุณนี่แหละ แต่จะไปใส่ใจมันทำไม เรายังเหลือไพ่อีก 1 ใบ อย่าลืมสิว่าไอ้เจตน์มันตายไปแล้ว มันไม่สามารถมาดำรงตำแหน่งประธานบริหารได้หรอกคุณ”จิตติเอ่ยบอกแม่หม้ายสาว

หนุ่มใหญ่นิ่งเงียบเพื่อหาคำพูดที่จะให้กรรมการทุกคนยกประเด็นการเลือกสรรเข้ามาแทนที่เพื่อลบอำนาจการเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของเจตน์ เดชวโรดม ออกไปเพราะย่อมเป็นไปไม่ได้ที่คนตายไปแล้วจะมาปรากฏตัวในที่ประชุมแห่งนี้ได้ สู้เฝ้ารอคอยเวลาให้เหมาะสมกว่านี้เพื่อความแนบเนียนจะดีกว่า

เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมง กรรมการแต่ละท่านในที่ประชุมเริ่มดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองเป็นว่าเล่น จนแล้วจนรอดว่าที่ประธานบริหารคนใหม่ก็ยังมาไม่ถึงที่ประชุมสักที จนทำให้กรรมการอาวุโสหนึ่งในนั้นเอ่ยผ่านลอดไมโครโฟนเพื่อขอคำปรึกษากรรมการบริหารในที่ประชุม

“เดี้ยนคิดว่าเวลาก็ล่วงเลยมานานมากแล้ว การประชุมเพื่อลงมติรับประธานบริหารคนใหม่ตามวาระทุกท่านมีความคิดเห็นเช่นไรค่ะ เนื่องจากคุณเจตน์ มีจำนวนหุ้นมากที่สุดในบริษัทฯ ซึ่งหุ้นรองลงมาก็มีอำนาจไม่ถึง 35 % ดังนั้นเราน่าจะเลื่อนการลงมติที่ประชุมในวันนี้ออกไปก่อน ให้คุณเจตน์มาอธิบายอีกครั้งถึงสาเหตุที่ไม่สามารถเข้ามาร่วมประชุมในวันนี้ได้จะดีไหมค่ะ ท่านกรรมการทุกท่าน”

ได้จังหวะของคนโฉด ทั้งจิตติและมารตีต่างพยักหน้าเป็นการรู้กันว่าจะต้องรับลูกล่อลูกชนกันต่อไปอย่างไง หนุ่มใหญ่เอ่ยแสดงความคิดเห็นออกมาทันที

“แต่ผมคิดว่ามันจะเสียเวลานะครับ เพราะถึงแม้ว่าคุณเจตน์จะมีหุ้นมากกว่าทุกคนก็จริง แต่ถ้าไม่สามารถบริหารงานได้ เราก็ต้องคัดเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถขึ้นมาบริหารงานอยู่ดี ซึ่งผมคิดว่าคุณมารตีน่าจะทราบข้อมูลของคุณเจตน์เป็นอย่างดี”จิตติส่งลูกให้แม่หม้ายสาวเอ่ยสำทับต่อทันที

“ดิฉันคิดว่าคุณเจตน์ ไม่สามารถมาร่วมประชุมในวันนี้ได้แน่นอนเหมือนกับทุกๆครั้ง ลูกเลี้ยงของดิฉันคนนี้ทุกท่านก็ทราบดีกว่าไม่เคยมาทำงานหรือแม้แต่เข้ามาที่บริษัทฯให้ทุกท่านได้เห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียว อันที่จริงหากจะว่ากันไปแล้วถึงแม้หุ้นในบริษัทฯของคุณเจตน์จะมีมากที่สุด แต่ถ้าบริหารไม่ได้เพราะอะไรก็แล้วแต่ เราก็ต้องเลือกสรรประธานบริหารคนใหม่เพื่อมาดูแลกลุ่มบริษัทเดชวโรดมต่อไปจริงไหมค่ะทุกท่าน และดิฉันก็มั่นใจว่าคุณเจตน์ ไม่มาอีกแล้วค่ะ”หม้ายสาวเอ่ยบอกกรรมการด้วยความมั่นใจ และคำพูดของเธอทำให้กรรมการทุกคนคล้อยตามไปกับคำพูดของเธอกับจิตติ

“อะไรทำให้คุณมั่นใจมากขนาดนั้นคุณมารตี!”เสียงเข้มดังกังวานอยู่หน้าประตูห้องประชุม

ประตูใหญ่ของห้องประชุมถูกเปิดออกกว้าง เผยให้เห็นบุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ หล่อเหลาคมคายในชุดสูทสากลสุดหรูราคาแพงลิบ ดวงตาสีนิลกาฬจ้องมองมาทางหม้ายสาวตาไม่กะพริบ ทุกคนในห้องประชุมต่างจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจและชื่นชมไปในคราวเดียวกัน พร้อมเสียงของกรรมการอาวุโสเอ่ยแทรกถามขึ้นมา

“ขอโทษนะครับ คุณเออ...คุณเป็น...”กรรมการอาวุโสไม่แน่ใจในสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่เนื่องจากหน้าตาของชายหนุ่มคนนี้ไม่มีเค้าหน้าของประธานบริหารคนเก่าแม้แต่น้อย จึงไม่แน่ใจที่จะถามออกมา แต่ไม่ทันที่เขาจะถามชายหนุ่มผู้มาเยือนเอ่ยแนะนำให้ทุกคนได้ทราบจนทั่วกัน

“ผมคือเจตน์ เดชวโรดม บุตรชายของคุณคมกริช เดชวโรดม ประธานบริหารคนใหม่ของกลุ่มบริษัทเดชวโรดมครับ”สิ้นเสียงกล่าวแนะนำตัวทั้งห้องประชุมมีแต่เสียงเอ็ดอึงไปทั่ว ไม่คาดคิดว่าประธานบริหารบริษัทคนใหม่จะมีลักษณะที่โดดเด่น และมีบุคลิกของความเป็นผู้นำสูงถึงขนาดนี้ แตกต่างไปจากความคิดเดิมของทุกคนเป็นอย่างยิ่ง

“นี่คุณเจตน์ จริงๆหรือครับ พวกเราเคยเห็นคุณตอนเด็กๆ พอโตขึ้นมาได้ยินว่าคุณพ่อของคุณส่งไปเรียนต่างประเทศและก็ไม่เคยเห็นอีกเลย โอโห!ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณจะโตเป็นผู้ใหญ่ได้มากมายขนาดนี้”กรรมการอาวุโสต่างชื่นชมเป็นเสียงเดียวกัน
ชายหนุ่มค่อยๆ ก้าวเข้าไปในห้องประชุมก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้สำหรับประธานบริหาร พร้อมกล่าวขอโทษกรรมการทุกคนในห้องประชุม

“ผมต้องขออภัยกรรมการทุกท่านที่เดินทางมาประชุมในวันนี้ล่าช้า เนื่องจากผมติดภารกิจในการเจรจาการร่วมทุนของกลุ่มบริษัทพลังงานกับทางสหรัฐอเมริกาเพื่อขอสัมปทานขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ของเดชวโรดม ที่ผมมีความตั้งใจให้บริษัทฯของเราก้าวขึ้นมาเป็นสากล และเติบโตได้อย่างยิ่งใหญ่ต่อไปในอนาคตครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาอีกต่อไป ผมขอเปิดวาระการประชุมเพื่อแถลงนโยบายการทำงานในฐานะประธานบริหารคนใหม่ของกลุ่มบริษัทเดชวโรดม ขอเชิญทุกท่านรับแฟ้มเอกสารที่ผมเพิ่งจะเปิดโฉมการก้าวกระโดดบริษัทฯของเราได้แล้วครับ”ชายหนุ่มกล่าวอธิบายกับกรรมการทุกคนในห้องประชุม พร้อมเริ่มต้นกล่าวนโยบายการทำงานและทิศทางธุรกิจชองเขาทันที

กรรมการแต่ละคนภายในห้องประชุมขณะนี้ มีความรู้สึกชื่นชมยินดีประธานบริหารคนใหม่อย่างยิ่งยวด และทึ่งในความสามารถ อีกทั้งยังสามารถพูดได้ถึง 5 ภาษา บุคลิกภาพสมเป็นนักธุรกิจใหญ่และความเป็นผู้นำ ตลอดจนความรู้ความสามารถที่เขาโชว์ศักยภาพในการบริหารงานและที่น่าตกใจมากไปกว่านั้น ประธานบริหารคนใหม่สามารถหาเงินทุนหมุนเวียนให้กับกลุ่มบริษัทเดชวโรดม ได้ถึงห้าหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงลิ่วจนทุกคนในห้องประชุมอดแปลกใจไม่ได้ ว่าเขาสามารถหาตัวเลขเหล่านั้นมาได้อย่างไง จนกรรมการอดไม่ได้ที่จะซักถามด้วยความอยากรู้เพื่อความกระจ่าง

“คุณเจตน์ หาเงินทุนหมุนเวียนถึงห้าหมื่นล้านบาทมาจากที่ไหนกันเหรอครับ ทั้งๆที่ผลประกอบการของเราเมื่อปีที่แล้วมีกำไรแปดร้อยกว่าล้านเท่านั้น นอกเสียจากเป็นเพียงตัวเลขที่ตั้งไว้เฉยๆ ส่วนเงินค่อยๆ แปรผันจากผลประกอบการของบริษัทฯ”
ชายหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อย พร้อมปรายหางตามองไปทางแม่เลี้ยงสาวของเขา ที่นั่งมองหน้าเขาอยู่ตลอดเวลาก่อนจะกล่าวอธิบายในที่ประชุม

“ทันทีที่วันนี้กลุ่มบริษัท AMS จากสหรัฐอเมริกา ลงนามในสัญญาขอสัมปทานการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในทวีปเอเชีย ซึ่งผมได้ตกลงกับกลุ่ม AMS และเราเป็นคู่สัญญาเป็นที่เรียบร้อย ทันทีที่ลงนามหุ้นทางด้านพลังงานที่เรามีหุ้นส่วนอยู่กับกลุ่มบริษัท AMS ก็มีคนเข้ามาซื้อหุ้นพลังงานของเรา และเราสามารถได้เงินทุนหมุนเวียนเพียงแค่ลงนามไม่ถึง 4 ชั่วโมง ได้มาแล้วมูลค่าเกือบ 2 พันล้านบาท ซึ่งเงินเหล่านี้จะเป็นเงินสำรองของบริษัทฯ ของเราทั้งหมด และกลุ่มบริษัทเดชวโรดม สามารถมีเงินทุนหมุนเวียนจนครบห้าหมื่นล้านบาทภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน”

“หา!”กรรมการในที่ประชุมต่างอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน ไม่อยากจะเชื่อว่าบริษัทฯ จะมีเงินสดสำรองมากมายมหาศาลถึงเพียงนี้

“และผมในฐานะผู้ถือหุ้น 65% ของบริษัทฯ ได้ระดมมันสมอง ความคิดและสติปัญญา เพื่อพัฒนาบริษัทฯของเราให้ก้าวสู่ความเป็นสากล ด้วยสติปัญญาของผมจึงสามารถทำให้เราได้กำไรในขณะนี้ 2 พันล้านบาทและจะครบห้าหมื่นล้านบาทภายในระยะเวลาไม่ช้า ดังนั้นนับตั้งแต่นี้ต่อไปกลุ่มบริษัทเดชวโรดมของเรา จะเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นสากล ซึ่งชื่อใหม่ของกลุ่มบริษัทฯของเราคือ AMS วโรดม ทุกท่านเห็นเป็นอย่างไรบ้างครับ”ชายหนุ่มขอความคิดเห็น และเป็นไปตามที่คาดไม่มีเสียงใดคัดค้านความคิดเขาแม้แต่น้อย

ประธานบริหารบริษัทฯคนใหม่ โชว์ฝีมือในการทำงานอย่างเต็มที่ เล่นเอาในที่ประชุมถึงกับอ้าปากหวอไปตามๆ กัน กับแนวความคิดที่ก้าวหน้าที่ไม่มีใครคาดคิดได้เลย แต่ทุกคนในที่ประชุมต่างล่วงรู้กันอย่างแน่นอนว่าผลประกอบการในปีนี้ ต่างรับทรัพย์กันอื้อซ่าด้วยตัวเลขของผลกำไรที่สูงลิบลิ่ว ตามมูลค่าหุ้นของแต่ละคน

เกือบสองชั่วโมงกับการแถลงนโยบายของประธานบริหารคนใหม่ จบลงอย่างงดงามท่ามกลางเสียงปรบมือด้วยความชื่นชมยินดีจนดังเอ็ดอึงไปทั้งห้องประชุม แต่คงจะมีเพียงสองคนเท่านั้นที่ดูจะไม่ชื่นชมยินดีเหมือนกับคนอื่นๆ ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอย่างเงียบๆ ด้วยสายตาและใบหน้าที่เคร่งเครียด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเมื่อทั้งสองรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องคนทั้งคู่จนรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเสียดื้อๆ

อลัน แอนเดอร์สัน สวมบทบาทแทนเจตน์ น้องชายฝาแฝดของเขาที่ล่วงลับไปแล้วจากฝีมือของใครบางคนที่แฝงอยู่ในกรรมการบริหารชุดนี้ และคนที่ถูกจับตามองที่สุดนั้นก็คือแม่เลี้ยงสาวของเขาและนายจิตติ กรรมการอาวุโสของบริษัทฯ เพราะฝ่ายข่าวของเขาได้ให้การว่า ทั้งจิตติและมารตีมีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวและแน่นอน บิดาของเขาถูกเมียสาวสวมเขาให้นั้นเอง และยิ่งไปกว่านั้นสายข่าวยังรายงานว่าก่อนที่บิดาของเขาจะกลายเป็นเจ้าชายนินทรา นายจิตติเป็นคนสุดท้ายที่เขาไปเยี่ยมและหลังจากนั้น บิดาของเขาก็มีอาการเจ้าชายนินทราตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ชายหนุ่มยืนจ้องมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นยะเยียบ แววตาของเขาบ่งบอกถึงความเกลียดชังได้อย่างชัดเจน ร่างสูงเดินออกจากห้องประชุมใหญ่โดยไม่สนใจใยดีที่จะหยุดพูดคุยกับแม่เลี้ยงสาวของเขาแม้แต่น้อย กิริยาของชายหนุ่มก่อโทสะให้กับหม้ายสาวขึ้นมาทันที

“นี่มันไม่คิดที่จะหยุดทักทายฉันบ้างเลยเหรอ มันลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันเป็นเมียของพ่อมัน!”มารตีกล่าวอย่างมีโทสะ พร้อมก้าวเดินตามหลังลูกเลี้ยงหนุ่มไปติดๆ

“มารตีคุณจะไปไหน”จิตติเอ่ยถามตามหลัง

“ไปคุยกับลูกเลี้ยงฉันนะสิ “หม้ายสาวเอ่ยตอบพร้อมก้าวเดินไปที่ห้องประธานบริหารอย่างรวดเร็ว โดยมีจิตติและเลขาของเธอก้าวเดินตามหลังไปอย่างไม่รอช้า

แต่ไม่ทันจะเดินถึงห้องประธานบริษัทฯ ร่างสูงของอลันในบทบาทของเจตน์น้องชายฝาแฝด เดินออกมาจากมุมตึกดักหน้าแม่เลี้ยงสาวของเขา ราวกับล่วงรู้ว่าเจ้าหล่อนพร้อมคนสนิทจะต้องเดินตามเข้ามาอย่างแน่นอน พร้อมเอ่ยทักฝ่ายตรงกันข้ามทันที

“รู้..สึก..ว่าภรรยาใหม่ของคุณพ่อ มีอะไรข้องใจในตัวผมอย่างนั้นเหรอครับ หรือว่าจะจำผมไม่ได้ หน้าตาผมมันประหลาดตรงไหนไม่ทราบ ถึงจ้องหน้าผมอย่างเอาเป็นเอาตายตั้งแต่อยู่ในห้องประชุมแล้ว... ทำไมเหรอครับ... แปลกใจมากนักเหรอ ที่เห็นผมรอดกลับมา!”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงลอดตามไรฟันเน้นหนัก เพื่อดูกิริยาของฝ่ายตรงข้าม

ทันทีที่ถูกหนุ่มหล่อตรงหน้าเอ่ยออกมาเช่นนั้น แม่หม้ายสาวหมาดๆ หน้าถอดสีไปเลยทีเดียวเมื่อถูกถามตรงจุด ก่อนจะสงบสติอารมณ์พร้อมเชิดหน้าขึ้นสูง

“ก็...ก็แค่แปลกใจ ไม่เห็นกันพักใหญ่ ไม่คาดคิดว่าคุณเจตน์จะเปลี่ยนแปลงไปมากถึงขนาดนี้ มันแปลกตาไปมากผิดกว่าแต่ก่อนที่เห็น แต่ก็หน้าตายังเหมือนเดิมเพียงแต่....”หม้ายสาวพูดได้เพียงแค่นั้นก็ต้องหยุดเมื่อลูกเลี้ยงของเธอเอ่ยแทรกขึ้นมา

“หน้าตาผมดูดีและหล่อเหลากว่าเดิมมากมาย เป็นธรรมดาที่ผมต้องดูแลตัวเองให้เต็มที่เพราะเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น ผมก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อให้ใครมาทำร้ายผมได้ง่ายๆ เหมือนคุณพ่อ!”ชายหนุ่มพูดพร้อมยักไหล่กว้าง ก่อนจะปรายหางตามองเหยียดๆ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่เลี้ยงของเขา และการมองของเขาทำให้หม้ายสาวเกิดอาการไม่พอใจขึ้นมาทันที

“นี่คุณเจตน์!คุณกำลังพูดอะไรของคุณอยู่ กรุณาสื่อสารให้คู่สนทนาคุณรู้เรื่องบ้าง และอีกอย่างคุณใช้สายตามองดิฉันแบบนั้นทำไม ดิฉันมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของคุณนะ คุณพ่อของคุณยังต้องให้เกียรติดิฉันเลย”หม้ายสาวเอ่ยบอกกลับไป

“เหรอ!...เชอะ!”ชายหนุ่มกล่าวประชดพร้อมสบถทันที

ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหาหม้ายสาวช้าๆ ความสูงระดับ 6 ฟุต 2 นิ้ว ภายใต้ชุดสูทราคาแพงลิบที่ปกปิดกล้ามเนื้อแผงอกแน่นตึง ผมสีดำสนิทถูกตัดทรงมาอย่างประณีตรับกับใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ที่เพียบพร้อมด้วยเครื่องหน้าของบุรุษเพศที่แสนชวนฝัน เจตน์ เดชวโรดม ในขณะนี้ทำให้หม้ายสาวหัวใจเต้นแรงมาก

เขาไม่ใช่ชายหนุ่มร่างผอมสูง เก้งก้างเหมือนคราก่อน ดวงตาสีนิลกาฬภายใต้ขนตางอนราวผู้หญิง ก้มลงจ้องมองหม้ายสาวตรงหน้าที่มีความสูงเพียงแค่ครึ่งเดียวของร่างกายเขา และปากของเขาก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมยิ่งนักเมื่อคำกล่าวของชายหนุ่มเล่นเอาหม้ายสาวหน้าชาไปเลยทีเดียว

“แต่บังเอิญว่าผมไม่ใช่คุณพ่อ! เพราะฉะนั้นเกียรติที่คุณร่ำร้องอย่าหวังว่าจะได้รับจากผม เพราะผมไม่มีจะให้สำหรับผู้หญิงอย่างคุณ และตอนนี้คุณก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผมอีกต่อไปเพราะคุณพ่อของผมท่านได้เสียชีวิตไปแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าสะเออะ! ว่าผมเป็นลูกเลี้ยงของคุณ เพราะคุณกับผมมันคนละชั้นกัน!”ชายหนุ่มพูดพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะใส่หน้าหม้ายสาวตรงหน้า

“ฉาด!”ใบหน้าคมเข้มหันไปอีกทางตามแรงตบของแม่เลี้ยงสาว

“นี่คือสิ่งที่คุณจะต้องได้รับเพราะคุณไม่ให้เกียรติแม่เลี้ยงของคุณ”หม้ายสาวเอ่ยบอกลูกเลี้ยงของเธอด้วยความสะใจ และยังไม่ทันที่จะได้กล่าวสิ่งใดต่อไป เธอถูกลูกเลี้ยงหนุ่มจัดการเอาคืนทันที

“ฉาด!..โอ๊ย!”ชายหนุ่ม ตบหน้าแม่เลี้ยงของเขาจนร่างของเธอล้มลงไปกองกับพื้นทันที แรงตบที่รุนแรงทำให้ริมฝีปากของเธอแตกเลือดไหลกลบปากเลยทีเดียว พร้อมเสียงดุดันของลูกเลี้ยงดังกระหึ่มตามติดมา

“คนอย่างเธอไม่มีทั้งเกียรติและศักดิ์ศรีอะไรทั้งนั้นมารตี! อย่ามาอ้างความเป็นแม่เลี้ยงและเรียกร้องเกียรติของเธอกับฉันเพราะฉันไม่มีให้สำหรับคนอย่างเธอ อย่าลืมสิว่าฉันคือประธานบริษัทฯคนใหม่ และเธอก็หมดบทบาททุกอย่างนับตั้งแต่คุณพ่อท่านเสียชีวิต ตำแหน่งแม่เลี้ยงของเธอมันก็ตายตามคุณพ่อของฉันไปด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นกรุณาไปทำความเข้าใจลำดับชนชั้นเสียใหม่ สมองกลวงๆ ของเธอคงจะพอคิดออกบ้างหรอกนะ!”ชายหนุ่มกล่าวอย่างเหยียดหยามพร้อมก้าวเดินจากไปท่ามกลางสายตาของหม้ายสาว ที่มองตามอย่างเคียดแค้นแต่ก็แฝงความรู้สึกบางอย่างที่เปลี่ยนไป

“คนอย่างชั้นไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอก พ่อของแกยังต้องสยบให้ฉันเลย แล้วคนอย่างแกจะรอดพ้นเงื้อมมือของฉันไปได้เหรอ”หม้ายสาวรำพึงอยู่ภายในใจ ก่อนจะค่อยๆ ถูกพยุงร่างให้ลุกขึ้นจากพื้นโดยมีจิตติและเลขาของเธอคอยช่วยเหลือ

“เธอจะไปไหนก็ไปฉันมีอะไรต้องปรึกษากับคุณจิตติก่อน”หม้ายสาวเอ่ยปากไล่เลขาของเธอไปให้พ้น พร้อมร่างของเธอก้าวเดินจากไปทันทีโดยมีร่างของจิตติเดินตามหลังอย่างกระชั้นชิด

ห้องกรรมการบริหาร

ทันทีที่ร่างของมารตีก้าวเข้าสู่ห้องทำงานของเธอ ร่างโปร่งของหญิงสาวตรงเข้าไปที่โต๊ะทำงานกลางห้อง ด้านหลังคือตึกสูงระฟ้ามองเห็นใจกลางเมืองกรุงเทพผ่านกระจกของตัวอาคาร ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ถือยกมือขึ้นกอดอกพร้อมหายใจหอบถี่ด้วยความโกรธ ริมฝีปากยังคงมีเลือดสดๆ ไหลซึมออกมาเป็นระยะ

“ปัง!..”เจ้าหล่อนกำมือยกกำปั้นทุบกระจกตรงหน้าเธอทันที

“แก...ไอ้เจตน์!”หม้ายสาวกล่าวอย่างเคียดแค้นลูกเลี้ยงของเธอ

ท่ามกลางสายตาของจิตติที่เฝ้ามองอาการคู่ขาด้วยความเป็นห่วง ร่างหนาค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาหม้ายสาวพราวเสน่ห์เพื่อหวังปลอบประโลมให้หายจากความเครียด

“ไม่เอานะที่รักอย่าระบายอารมณ์แบบนั้นเลย”หนุ่มใหญ่เอ่ยบอก

“ฉาด!”หนุ่มใหญ่หน้าหงายไปเลยทีเดียวเมื่อโดนคู่ขาตรงหน้าเขา ตบหน้าซะจนหน้าหงายเงิบ ใบหน้าด้านที่ถูกตบชาไปทั้งแถบเลยทีเดียว

“เป็นไงล่ะผลงานของคุณ! แล้วเห็นหรือยังว่าผลงานของคุณมันกลับมาโผล่หัวในวันนี้ ไอ้พวกลูกน้องกระจอกๆของคุณมันทำงานกันดีซะเหลือเกิน จัดการส่งมันไปลงนรกแล้วอย่างนั้นเหรอ แล้วนี่อะไร!ทำไมมันถึงกลับมาได้ มันยังไม่ตายแถมยังรอดกลับมาได้ แล้วมันทำท่าสงสัยฉันด้วย ผลงานเหรอ!นี่เหรอผลงาน!”หม้ายสาวส่งเสียงเกี้ยวกราด พร้อมหยิบจับสิ่งของที่ใกล้ตัวขว้างใส่หนุ่มใหญ่ตรงหน้าอย่างไม่ยั้งมือ

“อย่าเอะอะเสียงดังไปมารตี สงบสติอารมณ์หน่อย อาการของคุณตอนนี้เหมือนคนบ้าแล้วรู้ไหม คุณอยากถูกจับเพราะความไม่ระวังปากและอารมณ์ของคุณอย่างนั้นเหรอ”หนุ่มใหญ่กล่าวเตือนสติหม้ายสาวตรงหน้า และสิ่งที่เขาพูดทำให้ความบ้าคลั่งของเจ้าหล่อนหยุดลงได้จริงๆ มีแต่เสียงรำพึงรำพันดังออกมาจากปากคู่ขาของเขาเป็นระยะๆ

“ทำไมมันถึงได้รอดกลับมาได้!ฉันอยากรู้...มันกลับมาคราวนี้ไม่เหมือนเดิม ลูกเลี้ยงฉันมันเปลี่ยนแปลงไปมากจนฉันแปลกใจ ทั้งท่าทางการพูดการจา รูปร่างหน้าตาก็เปลี่ยนไปจากเดิมมาก”มารตีพูดพลางใช้ความคิด ก่อนจะได้ยินเสียงของนายจิตติเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“ลูกเลี้ยงของคุณตอนนี้แตกต่างกว่าเมื่อก่อนมากขนาดนั้นเลยเหรอคุณ มันผิดแปลกแตกต่างอย่างไง คุณถึงบอกว่าหน้าตาก็เปลี่ยน เมื่อก่อนหน้าตามันไม่ได้เป็นแบบนี้อย่างนั้นเหรอ”

“หน้าตาก็เหมือนที่เราเห็นพร้อมๆ กันวันนี้แหละ โครงหน้าอะไรก็คงเดิมเพียงแต่ตอนนี้ดู หล่อเหลา คมคายโครงหน้ารับกันแบบลงตัวไปทุกส่วน เมื่อก่อนมันทั้งผอมทั้งสูง แต่ตอนนี้มันทั้งหนาและใหญ่ไปทุกส่วนแตกต่างกว่าเมื่อก่อนที่เก้งก้างติดไปทางขี้โรค ดูอ่อนแอไม่มีแรง และดูที่มันทำกับฉันวันนี้สิ มันตบฉันจนล้มทั้งยืน ปากแตกเลือดยังไหลไม่ยอมหยุดเลยตอนนี้

”หญิงสาวพูดพร้อมยกมือขึ้นจับริมฝีปากของเธอลูบไปมาเบาๆด้วยความเจ็บ

หนุ่มใหญ่ยืนฟังหม้ายสาวกล่าวสาธยาย เพราะเขายังไม่เคยเห็นลูกเลี้ยงของเจ้าหล่อนแบบถนัดๆ สักที เท่าที่เขาเคยเห็นก็เพียงระยะไกลๆ เท่านั้น จึงไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างออกจากกันได้ ก่อนจะเอ่ยเตือนคู่ขาของเขากลับไป

“ผมคิดว่าทั้งคุณและผมคงต้องนิ่งเอาไว้ก่อน เราจะต้องไม่ให้มันระแคะระคายหรือลงมือตามสืบเรื่องที่มันถูกฆ่าที่อเมริกา ผมคิดว่าการที่มันรอดมาได้มันจะต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะผมเห็นมีคนอารักขามันอยู่หน้าห้องประชุมหลายคนเลยทีเดียว ช่วงที่เราเก็บตัวเงียบเราค่อยๆ วางแผนว่าจะจัดการมันอย่างไงกันต่อไป”หนุ่มใหญ่กล่าวเสนอความคิดเห็น

“นี่คุณอย่าบอกนะว่าจะวางแผนลงมือฆ่ามันอีก ถ้าเกิดไม่สำเร็จขึ้นมาทั้งคุณและฉันไม่เสร็จมันทั้งคู่อย่างนั้นเหรอ อีกอย่างจะหาทางเล่นงานมันและเอาบริษัทฯ ของมันมาเป็นของเรามันไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่รู้ว่ามันมีเงินมากมายมหาศาลมาอัดฉีดบริษัทฯ ของมันและในเครือได้อย่างไง ฉันไม่เข้าใจเงินเป็นหมื่นๆ ล้าน แต่มันพูดเหมือนเงินแค่บาทสองบาท”หญิงสาวกล่าวตั้งข้อสังเกต

ทั้งจิตติและมารตีต่างคนต่างกำลังใช้ความคิด ทั่วทั้งห้องจึงเงียบงันไม่มีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมาได้เลย จนกระทั่งเหมือนทั้งคู่จะใช้ความคิดตรงกัน

“ใช้แผนเดียวกับพ่อมัน!”ทั้งสองเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนจะพากันหัวเราะออกมาพร้อมๆ กันเมื่อล่วงรู้ว่าต่างมีความคิดตรงกัน ก่อนจะได้ยินเสียงฝ่ายชายเอ่ยเตือน

“ถ้าแผนที่เคยใช้กับพ่อของมันสำเร็จ หวังว่าคุณคงไม่หลงมันจนไม่ลืมหูลืมตาแล้วลืมผมไปนะมารตี”จิตติพูดพร้อมจ้องมองหม้ายสาวตรงหน้าที่ยังสวยพริ้งด้วยอายุที่ยังน้อยเพียงแค่ 28 ปี ความสวยและความสาวของเธอยังใช้การได้อีกนาน

“ให้มันสำเร็จก่อนเถอะ เพราะมันไม่ได้โง่เหมือนเมื่อก่อน ไม่รู้ว่ามันไปกินปลามาจากไหนถึงได้ฉลาดเป็นกรดจนน่าแปลกใจ เมื่อก่อนดูมันบื้อๆ ซื่อๆ ไม่ทันคน ประมาณว่าเป็นคนมองโลกสวยไปทั้งหมด”หญิงสาวเอ่ยบอกหนุ่มใหญ่ตรงหน้าแต่ลึกลงไปภายในใจของเธอกลับตรงกันข้ามที่เธอพูด

เพราะเจตน์ เดชวโรดม ในยามนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนราวฟ้ากับดิน เธอยอมรับว่าลูกเลี้ยงของเธอในขณะนี้เป็นหนุ่มหล่อที่ชวนฝันและน่าพิสมัยอย่างยิ่งยวด ตอนที่เธอยืนอยู่ใกล้ๆเรือนกายของเขาทำให้เธอมองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน ความหนุ่มแน่น พละกำลังและร่างกายที่แสนจะน่าพิสมัยที่มีอาภรณ์ปิดบังเป็นสิ่งรัญจวนใจเธอยิ่งนัก ขนาดแรงตบของลูกเลี้ยงยังจำติดตรึงยากจะลืม แม่เลี้ยงสาวเริ่มคิดอกุศลกับลูกเลี้ยงหนุ่มเข้าให้แล้ว พูดง่ายๆ พ่อตายก็ฟาดลูกต่อเงินทองจะหายไปไหนกันเล่า

หม้ายสาวเริ่มวางแผนการนารีพิฆาตลูกเลี้ยงของเธอ เรื่องอะไรที่เธอจะต้องเป็นฝ่ายโดนเฉดหัวออกไปเพราะหมดบทบาทการเป็นแม่เลี้ยงของเขา เธอยังสาวยังสวย แถมอายุยังน้อยกว่าลูกเลี้ยงของเธอตั้ง 3 ปี ในเมื่อสถานภาพการเป็นแม่เลี้ยงมันใช้ไม่ได้ เธอก็ต้องขยับสถานภาพของเธอมาเป็นเมียของลูกเลี้ยงหนุ่มที่แสนหล่อเหลาให้จงได้ หลังจากนั้นค่อยว่ากันต่อไป จะเก็บไว้บำรุงบำเรอเลี้ยงดูเล่นหรือจะส่งให้ตายตามพ่อไป สุดแท้แล้วแต่ที่เธอจะสั่ง

มารตีวาดฝันเพ้อเจ้อ จิตนาการความสุขระหว่างเธอกับลูกเลี้ยงด้วยความมักง่าย เอาแต่ได้และโลภมากอยากได้แต่ของคนอื่น โดยไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าของเธอจะเป็นอย่างไรกับผู้ชายที่เพิ่งพบกันในวันนี้



มณีภัสสร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ค. 2558, 01:48:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ค. 2558, 15:05:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 733





<< ตอนที่ 5 ในฝัน   ตอนที่ 7 ท่านหญิงมณี >>
เคสิยาห์ 26 พ.ค. 2558, 13:42:21 น.
สนุกน่าติดตามมากค่ะ ขอให้อัพเริ่อยๆสม่ำเสมอนะคะ ติดตามคุณแล้วอย่าให้รอเก้อน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account