ซ่อนรักเพลิงมายา
“รู้ไหมว่าผมชอบ... เวลาที่ขาเรียวๆ ของนิก้าเกี่ยวเอวผม จิกปลายเท้าลงบนแผ่นหลังผม
ใช่... ใช่... อย่างนั้นแหละนิก้า แม่สาวแสนซน”

ไม่เคยมีครั้งใดที่ ‘ทิโมธี แมคคินสัน’ วิศวกรมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยล้นฟ้า

จะถูกคู่ควงระดับซูเปอร์โมเดลแถวหน้าของโลกอย่าง ‘วทานิกา ซาฟินา’ ทำให้โมโหโทโสได้ถึงเพียงนี้

เพราะเพียงแค่ไม่กี่วันที่เขาไม่ได้นั่งอยู่ฟรอนต์โรว์ของรันเวย์เพื่อชื่นชมคู่ควงของตน

เธอกลับมีภาพหลุดจนเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลกแล้วยังปากแข็ง แบล็กเมล์ความรู้สึกของเขาด้วยเหตุผลง่ายๆ

...มันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ!!

แล้วมีหรือที่แบดบอยไร้หัวใจ ผู้ไม่เคยแยแสกับความรู้สึกรักใคร่ใดๆ จะต้องเก็บเธอไว้ข้างกาย
ไม่เพียงแค่นางแบบสาวไม่กลับมาง้อขอคืนดี แต่เธอยังออกปากไล่ส่ง เป็นฝ่ายบอกตัดสัมพันธ์
ราวกับไม่เสียดายเลือดพรหมจรรย์ที่เขาเป็นผู้ทำลาย แถมควงผู้ชายเป็นข่าวใหญ่โตไม่เว้นแต่ละวัน!

การกระทำดังกล่าวมันเป็นการท้าทายแบดบอยไร้หัวใจอย่างเขายิ่งนัก

เธอคงไม่รู้เลยสินะ! ตลอดระยะเวลาที่แยกจากกัน เขาไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตเสเพลได้เช่นเคย
หากแต่ต้องนั่งมองรูปของเธอผ่านนิตยสาร

แล้วพาตัวเองเข้าสู่จินตนาการอันซ่านใจ โดยที่ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องน่าอายเช่นนี้ให้ใครได้ล่วงรู้
ทิโมธีจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อดึงเธอให้กลับมาอยู่ข้างกาย

เพียงเพราะต้องการสลัดตัวเองให้หลุดจากคำว่า ‘ไอ้โรคจิต’

ซึ่งเขาไม่อาจเดินเข้าไปปรึกษาเรื่องน่าอายเช่นนี้กับจิตแพทย์!!

จึงบีบบังคับเธอทุกทาง ดักหน้าล้อมหลัง โดยไม่สนใจว่าวิธีการนั้น

จะทำร้ายจิตใจและทำให้หัวใจของเธอบอบช้ำมากเพียงใด

แต่เธอกลับตอบโต้เขาด้วยวิธีการอันแยบยลจนทำให้เขาแทบบ้าตาย

ด้วยการประกาศต่อโลกอย่างชัดแจ้งว่าเธอคือซิงเกิลมัมที่ไม่ต้องการเอ่ยถึงพ่อของลูก!

...แล้วแบดบอยหนุ่มผู้ถูกเลี้ยงให้เติบโตขึ้นมา

ท่ามกลางอคติต่อคู่ชีวิตและทะเบียนสมรส

จะดึงเธอกลับเข้าสู่อ้อมกอดได้อย่างไร

เมื่อเธอคือผู้หญิงโลภมากที่กล้าเรียกร้องทั้งสองสิ่งนั้นจากเขา
ด้วยคำพูดที่ว่า...

“กับเรื่องของความรักแล้ว ฉันออกจะโลภมากเสียด้วยซ้ำ
เพราะไม่ได้อยากพิเศษเหนือผู้หญิงคนอื่น
แค่อยากให้รักฉันเหมือนที่ฉันรักคุณเท่านั้นเอง”
Tags: ทิโมธี - วทานิกา

ตอน: ตอนที่ 9 100%

สามวันต่อมา... ทิโมธีก้าวลงจากรถคันยาวเมื่อได้รับข่าวจากแคโรลีนว่าโคลอี้มีอาการดีขึ้นเป็นลำดับ โดยสามารถถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้แล้ว ยังเหลือก็แต่เพียงสายยางซึ่งสอดเข้าทางรูจมูกไว้เพื่อให้อาหารเหลว

“อาการคนไข้ดีขึ้นเป็นลำดับนะครับ อีกไม่กี่วันข้างหน้าหากเราดูแลอย่างใกล้ชิดต่อไปเช่นนี้ อาจได้รับข่าวดีว่าคนไข้รู้สึกตัวแล้วก็เป็นได้” คำชี้แจงของหมอซึ่งเอ่ยให้ ทิโมธี แคโรลีนและลีเดียได้ยินนั้นเป็นข่าวดีที่สุดในรอบสองสัปดาห์หลังจากที่โคลอี้เกิดอุบัติเหตุขึ้น

“โล่งอกไปเปราะนึงเสียที ฟื้นขึ้นมาได้แล้วนะโคลอี้ รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วงมาก” แคโรลีนหันไปพูดกับร่างของลูกสาวที่นอนนิ่งสนิทอยู่บนเตียงพลางลูบศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีทองอย่างโล่งใจ แต่ความรู้สึกของลีเดียกลับไปเป็นในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะยังไม่มั่นใจว่าถ้านังเด็กพิการนี่ ฟื้นขึ้นมาแล้วจะปากโป้งพูดอะไรออกมาบ้าง ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครรู้ว่าตนเองเป็นคนทำให้รถเข็นเสียหายก็ตามที แต่การที่โคลอี้นอนหลับไปเช่นนี้หรือไม่ก็สิ้นลมหายใจไปนั้นคือทางที่ปลอดภัยที่สุด

“ละ...แล้ว ถ้าโคลอี้ฟื้นขึ้นมานี่จะจำพวกเราได้ไหมคะ?” ลีเดียเลียบเคียงถามออกมาด้วยความหวั่นใจ

“เรื่องนี้ผมคงให้คำตอบยังไม่ได้ เพราะต้องรอให้คนไข้ฟื้นขึ้นมาแล้วทำการตรวจสมองอย่างละเอียดเสียก่อนครับ ระหว่างนี้การบีบนวดสัมผัสเธอบ่อยๆก็จะช่วยป้องในเรื่องของกล้ามเนื้ออ่อนแรง การพูดคุยเรื่องในอดีตก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นแรงกระตุ้นให้คนไข้รู้สึกตัวได้เร็วขึ้นนะครับ” คุณหมอแนะนำอย่างละเอียดพร้อมขอตัวออกจากห้องในเวลาต่อมา

“ทำอย่างที่หมอแนะนำอย่างเคร่งครัด ผมว่าน่าจะช่วยให้โคลอี้ดีขึ้นตามลำดับ ส่วนเรื่องจะจำได้รึเปล่าเอาไว้ทีหลังดีกว่า ตอนนี้ขอให้รู้สึกตัวก่อนเป็นอันดับแรกผมถึงจะวางใจ” ทิโมธีบอกพร้อมทอดสายตามองน้องสาวผู้น่าสงสาร

“คุณทิมคะ ดิฉันมีเรื่องอยากปรึกษาน่ะค่ะ” แคโรลีนหันไปพูดกับลูกเลี้ยงด้วยสีหน้าจริงจัง “คือดิฉันตัดสินใจว่าจะลงหุ้นเปิดแฟลกชิปสโตร์กระเป๋าแบรนด์ของลีเดียค่ะ อยากมีรายได้เป็นของตัวเองบ้าง เอาไว้ใช้จ่ายเรื่องส่วนตัวไม่ต้องรบกวนคุณทิมอยู่บ่อยๆ คุณทิมจะว่ายังไงคะ”

“ก็ไม่ว่าไงหรอกครับ อยากจะทำอะไรก็คิดให้ดี ตกลงคุยรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆกับลีเดียแล้วรึยัง?” ทิโมธีถามพลางปรายสายตามองไปยังลีเดีย

“คุยเรียบร้อยแล้วค่ะ ลีเดียปรึกษากับคุณพ่อแล้วเห็นว่าจะไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น แต่คุณน้าต้องหาทำเลร้านให้ดูเหมาะสมกับแบรนด์ดังของกระเป๋าหน่อยนะคะ แล้วก็ต้องตกแต่งร้านตามที่ระบุในสัญญาเท่านั้นเองค่ะ” ลีเดียเปิดยิ้มกว้างบอกอย่างคนจิตใจมีเมตตา

“ดิฉันคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีน่ะค่ะ เลยอยากจะทำอะไรเป็นของตัวเองบ้าง ดูอย่างตอนนี้สิคะ ลูกของตัวเองไม่สบายแท้ๆยังต้องรบกวนคุณทิมทุกอย่างเลย” แคโรลีนแสร้งทำเสียงเศร้าราวกับคนรู้จักผิดชอบชั่วดี

“คือความจริงแล้วอยากทำอะไรก็ทำเถอะครับ ถ้าเรื่องเหล่านั้นมันไม่ได้สร้างความเดือนร้อนให้ใคร อีกอย่างเรื่องค่าใช้จ่ายของโคลอี้มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วเพราะผมไม่เคยคิดว่าโคลอี้เป็นคนอื่นเลย” ทิโมธีพูดพลางทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่วางไว้ข้างเตียงคนไข้ มองดูใบหน้าซีดที่ดูมีเลือดฝาดมากขึ้นพลางคิดในใจว่านี่คงเป็นสัญญาณอันดีที่โคลอี้มีอาการดีขึ้นสินะ

ระหว่างที่ทิโมธีกำลังจ้องมองโคลอี้อยู่นั้น แคโรลีนก็สบสายตากับโคลอี้ด้วยสีหน้าลำบากใจเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มหยิบยืมเงินลงทุนธุรกิจใหม่ของตนได้อย่างไร จนกระทั่งได้ยินเสียงกระแอมของชายหนุ่มดังขึ้น

“มีอะไรจะพูดกับผมรึเปล่าครับ?” ทิโมธีถามพลางมองหน้าของแคโรลีนสลับกับหน้าของลีเดีย

“คุณน้ามีค่ะ! คุณน้ามีเรื่องรบกวนคุณแต่ยังกล้าพูดออกมาตรงๆ” ลีเดียรีบพูดเมื่อได้โอกาสเปิดทาง...

แคโรลีนยิ้มแหยๆอย่างเกรงใจ “อะ...เอ่อ คือดิฉัน... อยากจะขอยืมเงินลงทุนตกแต่งร้าน แล้วก็ค่าเช่าร้านจากคุณทิมน่ะค่ะ เพราะว่าเงินเก็บที่มีอยู่กับตัวคงไม่พอที่จะไปถามเช่าที่ทำเลทองขนาดนั้น แต่คุณทิมไม่ต้องห่วงนะคะ ดิฉันจะรีบหามาคืนให้ครบทุกปอนด์เลยค่ะ”

“ถ้าคิดดีแล้วว่าจะทำ... เดี๋ยวจะให้จอร์จจัดการเรื่องเงินให้ ส่วนเรื่องคืนก็ตามสบายครับพร้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” ทิโมธีบอกพร้อมมองแคโรลีนที่ยิ้มแย้มด้วยความยินดี แต่ภายในใจกลับคิดว่าลูกเลี้ยงของตนนั้นงก มีเงินตั้งมากมายมหาศาลจนจะถลุงใช้ไม่หมด ตนขอไปทำทุนสร้างเนื้อสร้างตัวแค่นี้ก็ยังต้องใช้คืน ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้แคโรลีนมากขึ้น

“อ้าว! คุณทิมจะกลับแล้วเหรอคะ?” แคโรลีนรีบถามเมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้น เดินออกจากห้องอย่างกะทันหัน

“ครับ ผมมีงานต้องทำ ช่วงนี้ที่อู่ยุ่งๆ” ทิโมธีตอบพลางเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อลีเดียเดินมาขวางทางไว้

“จะไปทำงานต่อหรือจะไปหาเหล้าดื่มคะ?” ลีเดียถามอย่างรู้ทันเพราะสามวันที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดข่าวครึกโครม ตนก็เฝ้าสะกดรอยตามทิโมธีเรื่อยมาจนพบว่า เมื่อเขาออกจากอู่ต่อตัวถังรถบัสแล้ว... ผับหรูในย่านเมย์แฟร์คือสถานที่ที่เขาจะใช้เวลาอยู่ในนั้นหลายชั่วโมง ดื่มเหล้าสนุกกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาจนเมามายไม่รู้เรื่องรู้ราว โดยมีคนสนิทคอยแบกกลับเพนต์เฮาส์สุดหรูที่ตั้งอยู่ไม่ไกลทุกวัน “ถ้าจะไปหาเหล้าดื่ม... ให้ลีเดียไปเป็นเพื่อนนะคะ รับรองว่าพรุ่งนี้คุณจะลืมคนที่อยากลืม... จนคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าเธอชื่ออะไร!”

คำท้าทายของผู้หญิงร้อนแรงเป็นเสมือนแรงกระตุ้นชั้นเยี่ยมให้แบดบอยหนุ่มผู้ที่ยังมีจิตใจไม่เป็นปกติอยากทดลองว่าเธอจะทำได้จริงเช่นคำพูดโอ่ตัวไว้หรือไม่ เพราะความจริงแล้วสามวันที่ผ่านมานี้จิตใจฟุ้งซ่านนัก อยากยกสายโทรศัพท์หาวทานิกาวันละไม่ต่ำกว่าร้อยรอบ แต่สุดท้ายทิฐิที่มีอยู่ในตัวคำเดียวก็ทลายความตั้งใจนั้นพังครืนจนไม่เหลือชิ้นดี!

สุดท้ายก็ต้องไปจบที่เหล้า อัดเอาแอลกอฮอร์เข้าร่างกายอย่างไม่อั้น... และมันก็สามารถทำให้ลืมเลือนร่างนุ่มนิ่มที่กลิ่นกายสาวของเธอยังติดอยู่ที่ปลายจมูกได้เพียงชั่วคราว แต่พอรุ่งเช้าเธอก็ยังตามหลอกหลอนอยู่ในความคิดอยู่เช่นเดิม!

ลีเดียมองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาหื่นกระหาย เขากลายร่างจากผู้ชายดูดีเป็นดิบเถื่อน เร้าอารมณ์ หนวดเคราขึ้นเต็มตามแนวสันคาง เหมือนคนไม่ได้สนใจดูแลตัวเองกำจัดมันออกทุกวันเช่นที่ผ่านมา หากต้องยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เมื่อมือใหญ่เอื้อมมาแตะที่บั้นเอวคอด อีกมือเปิดประตูห้องเชิงว่าให้เดินออกไปด้วยกัน ลีเดียหันกลับไปยิ้มอย่างมีเลศนัยให้แคโรลีนที่มองตามทั้งคู่อย่างดีใจ

เรื่องต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น แคโรลีนไม่ห่วงเลยเพราะเชื่อใจในชั้นเชิงของลีเดียอยู่แล้ว พลางคิดว่าวันเวลาที่ตนรอคอยมาแสนนานใกล้จะมาถึงทุกที ต่อไปนี้ตนจะสามารถเชิดหน้าอยู่ในสังคมชั้นสูงนี้ได้อย่างไม่อายใคร ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆในความสัมพันธ์ที่ไม่อาจเปิดเผยออกมาได้ แคโรลีนคิดพร้อมกับมองลูกสาวซึ่งหลับใหลไม่รู้ตัวด้วยแววตาแห่งความหวัง


ในขณะเดียวกันที่คุณหมอผู้ดูแลโคลอี้เดินออกจากห้องผู้ป่วยวีไอพีกลับสู่ห้องทำงานของตนเอง ก็ได้พบว่ามีนางแบบสาวสวยผู้หนึ่งนั่งรออยู่ในห้องทำงานสักพักแล้ว...

คุณหมอวัยกลางคนจำใบหน้าอันงดงามที่มาพร้อมกับรูปร่างระเหิดระหงได้เป็นอย่างดี เธอคือซุปเปอร์โมเดลหมายเลขหนึ่งของโลกที่เดินทางมาพร้อมทิโมธีในวันเกิดเหตุร้าย แต่บัดนี้เธอต้องมาสอบถามอาการของคนไข้สาวน้อยจากตนพร้อมทั้งกำชับว่าไม่ให้บอกเรื่องนี้กับใคร ซึ่งคุณหมอเห็นว่าไม่ได้มีผลเสียกระทบกับแผนการรักษาแต่อย่างใดจึงรับปากอย่างขันแข็งว่าจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ นางแบบสาวขอบคุณเป็นการใหญ่พร้อมทั้งเดินออกจากห้องไปเมื่อรับรู้ว่าอาการของคนไข้สาวน้อยนั้นดีขึ้นตามลำดับ

วทานิกาตัดสินใจออกจากคอนโดมิเนียมเมื่อสามารถทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง สิ่งที่โพล่งขึ้นมาในความคิดก็คืออยากทราบถึงอาการของสาวน้อยผู้เคราะห์ว่าเป็นอย่างไร จึงรีบเดินทางมาสอบถามกับคุณหมอด้วยตัวเอง และรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมากเมื่อได้รับคำยืนยันว่า โคลอี้มีอาการดีขึ้นและคาดว่าอีกไม่นานคงจะรู้สึกตัว หญิงสาวชะงักฝ่าเท้าเมื่อเดินลงบันไดเลื่อนมาถึงชั้นล่างสุดและได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเดินใกล้เข้ามากับหญิงวัยกลางคน

“ไฮ... นิก้า! ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่” รามอสทักทายนางแบบสาวอย่างดีใจเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอกันอีกครั้ง “ผมกะว่าจะโทรหาคุณแล้วเชียว คิดอยู่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นต้องทำให้คุณตกที่นั่งลำบาก”

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะค่ะ คุณไม่คิดจะแนะนำฉันให้รู้จักกับท่านบ้างเหรอคะ” วทานิกาพูดพร้อมกับยิ้มให้หญิงวัยกลางคนซึ่งยืนอยู่ข้างๆนักเตะหนุ่มด้วยสีหน้าเรียบเฉย

รามอส รูบิโอยกมือขึ้นเกาศีรษะตัวเองด้วยความกระดากอาย ความร้อนใจในปัญหาวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้ลืมแนะนำเธอให้รู้จักกับแม่ของตัวเองไปเสียสนิท “นิก้า... นี่มากาเร็ต คุณแม่ของผม แม่ครับ นี่วทานิกาเพื่อนร่วมงานของผมครับ”

วทานิกายื่นมือไปรอสัมผัสกับมากาเร็ตก่อนอย่างสุภาพ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะมากาเร็ต”

“เช่นกันจ๊ะ...หนูสวยมากนะ วทานิกา” มากาเร็ตเอ่ยชม สร้างความประหลาดใจให้กับลูกชายเป็นอย่างมากเพราะโดยปกติแล้วแม่ของตนนั้นจะไม่เอ่ยปากพูดกับใครง่ายๆ ยิ่งเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกยิ่งไม่มีทางเอ่ยชมอย่างนี้ได้เลย!!

“ขอบคุณค่ะ เรียกหนูว่านิก้าก็ได้นะคะ” วทานิกาบอกพร้อมมองผู้หญิงที่ยิ้มรับแล้วมองไปอย่างไร้จุดหมายด้วยสีหน้าราบเรียบราวกับไม่ยินดียินร้ายกับใครทั้งสิ้น “เอ่อ... แล้วนี่มาหาหมอกันเหรอคะ?”

“ครับ... ผมพาแม่มาตรวจสุขภาพแล้วก็มาคุยกับหมอที่จะดูแลท่านในช่วงที่เราต้องอยู่ที่นี่น่ะครับ แล้วคุณล่ะ มาหาหมอเหมือนกันเหรอครับ” รามอสถามพลางผายมือไปยังร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก ด้วยตั้งใจว่าจะคุยเรื่องภาพที่ทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตอยู่ในตอนนี้ “ไปนั่งในร้านกาแฟดีไหม ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณอยู่พอดี”

“เอ่อ... ฉันมาเยี่ยมเพื่อนน่ะค่ะ แต่เธอดีขึ้นมากแล้ว” วทานิกาเดินตามร่างสูงใหญ่ของนักเตะหนุ่มที่เรียกความสนใจจากบรรดาสาวกที่คลั่งไคล้ในตัวเขา พลางเดินเข้าไปประคองมากาเร็ตแทน เมื่อมีเด็กๆกลุ่มหนึ่งกรูเข้ามาขอลายเซ็นรามอส “หนูพยุงนะคะ คุณเกาะแขนหนูแทนก็ได้ค่ะ”

มากาเร็ตไม่ตอบว่าอย่างไรแต่สอดมือเข้าไปเกาะแขนเรียว นุ่มนิ่มของนางแบบสาวพร้อมลอบมองเสี้ยวหน้าหวานละมุนด้วยความรู้สึกเอ็นดูซึ่งเป็นสายตาที่ไม่ค่อยได้แสดงออกมาให้ใครเห็นบ่อยนัก

วทานิกาวางมือของมากาเร็ตให้คล้องแขนตนไว้เพื่อใช้เป็นหลัก แล้ววางมือของตนทับอีกครั้งอย่างที่ชอบทำในยามที่เดินไปไหนมาไหนกับแม่ของตนตลอดเวลา พลางยิ้มให้กับตัวเองว่ามือของคนเป็นแม่ช่างอบอุ่นเหลือเกิน หากเพียงละสายตาจากหลังมือที่เหี่ยวย่นตามอายุไข ก็ได้ปะทะกับสายตาขุ่นมัวของผู้ชายซึ่งทำให้สามวันที่ผ่านมานี้แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน บัดนี้เขายังควงแขนมากับผู้หญิงที่เขาย้ำนักย้ำหนาว่าไม่เคยได้มีอะไรเกินเลยกับเธออย่างออกนอกหน้า!!

ทิโมธีมองเห็นใบหน้าอันงดงามสะดุดตาตั้งแต่เดินออกจากลิฟต์มาแล้ว เธอยังดูโดดเด่น งดงามเช่นเดิมแม้ใบหน้าจะดูซีดเซียวลงไปบ้าง แต่ภาพที่ได้เห็นว่าเธอยืนอยู่ด้านหลังของนักเตะหนุ่มที่หิ้วมาจากสเปนด้วยในวันนั้น ก็ยิ่งทำให้ทิโมธีแค้นใจดั่งมีไฟสุมทรวง ภาพที่เธอคอยประคองผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเดาได้ว่าน่าจะเป็นญาติผู้ใหญ่ของไอ้หมอนั่นมันทำให้อยากเข้าไปกระชากเธอออกมาแล้วกระหน่ำคำถามที่เกิดขึ้นในใจนัก แต่ถ้าทำเช่นนั้น ก็เท่ากับทำให้เธอได้รู้ว่ายังแคร์เธออยู่มากมาย ทิโมธีจึงคว้าผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเข้ามาทำสิ่งที่เหนือความคาดหมายอย่างฉับพลัน!!

วทานิกาอ้าปากค้าง เมื่อเห็นภาพบาดตาบาดใจตรงหน้า มันไม่ใช่จูบที่แตะกันแค่ริมฝีปาก แต่มันเป็นการจูบที่เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มสอดลิ้นเข้าไปในปากของลีเดียแล้วดูดดึงกันอยู่นาน... ชั่วกัปชั่วกัลในความรู้สึกของวทานิกา!

เมื่อทั้งคู่ถอนริมฝีปากออกจากกันยังจ้องมองมาด้วยสายตาเย้ยหยัน ราวกับสะใจเหลือหลาย จนทำให้ขาทั้งสองของวทานิกาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะยืนหยัดอีกต่อไป แต่โชคยังดีที่รามอสเข้ามาประคองไว้เสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงต้องล้มทั้งยืนให้ได้อับอายขายหน้าเขาอีกเป็นแน่!

“คุณโอเคไหมนิก้า? เดินไปนั่งตรงโน้นก่อนดีกว่า” รามอสก้มลงบอกอย่างเห็นใจพลางพยุงหญิงสาวให้เดินผ่านคนทั้งคู่ไปนั่งยังร้านกาแฟที่อยู่ไม่ไกลนัก ส่ายหน้าให้กับชายหญิงคู่หนึ่งที่ส่งสายตาเหยียดหยันให้อย่างไม่เกรงใจก่อนที่จะเดินกอดกันออกไปโดยที่ฝ่ายชายยังหันกลับมาแสยะยิ้มให้อย่างร้ายกาจ “หึ... หนุ่มสาวเมืองผู้ดีนี่เขามารยาทดีกันจริงๆนะ”

วทานิกาเบือนหน้าหนีจากรอยยิ้มและสายตาที่ทำให้รู้สึกว่าความรักความเสียใจที่มอบให้เขานั้นช่างไร้ค่า ไร้ราคานัก พลางแหงนหน้ายิ้มให้กับนักเตะหนุ่ม “อย่าไปสนใจพวกเขาเลยค่ะ ดูๆไปแล้วฉันว่าเขาก็เหมาะสมกันดี” ผู้ชายร้ายกาจกับผู้หญิงร้อนแรง วทานิกาคิดต่อในใจ

“เฮ้อ... ผมพอจะดูออกว่าคุณยังไม่สบายใจเท่าไหร่ ยิ่งพอรู้ข่าวว่าคุณตัดสินใจรับงานถ่ายแบบคู่กันกับผมแล้วก็ยิ่งไม่สบายใจไปกันใหญ่”

“ทำไมล่ะคะ? ฉันดูเป็นคนที่แยกเยอะเรื่องงานกับส่วนตัวไม่ได้เลยเหรอ”

รามอสรีบอธิบายต่อเพราะกลัวว่านางแบบสาวจะเข้าใจตนคิดเช่นนั้น “คือ... ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น รู้ดีว่าถ้าคุณไม่มีวินัยคงไม่ก้าวมาไกลขนาดนี้ แต่ผมหมายถึงว่าถ้าไม่สบายใจก็ไม่ต้องรับก็ได้ อีกอย่างผมก็ไม่ค่อยชอบนัก ดูมันเป็นธุรกิจไปเสียหมดที่พวกเขาฉวยโอกาสดึงเอาเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องงานอย่างนี้ คือมันยิ่งจะทำให้คนเข้าใจผิดไปกันใหญ่”

“มันก็เป็นธรรมดาแหละค่ะ ความจริงคุณก็คลุกคลีกับเรื่องพวกนี้มาอยู่แล้ว ฉันคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ตอนนี้ใครๆก็อยากได้เราทั้งคู่ไปถ่ายแบบหรือเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่แล้ว ทำใจเถอะค่ะ อย่าไปคิดถึงเรื่องหนักหัว คิดถึงรายได้ที่จะเข้ากระเป๋าเราดีกว่า” วทานิกาพูดติดตลกราวกับประชดตัวเองและมันก็ทำให้นักเตะหนุ่มเชื้อสายสเปนมองด้วยความแปลกใจ

“วิธีคิดเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่สบายใจของคุณก็เข้าท่าเหมือนกันแฮะ! แต่อย่างที่บอกผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ถ้าคุณอยากให้ผมไปคุยกับเขา ผมก็ยินดีเสมอนะนิก้า” รามอสบอกด้วยน้ำใจนักกีฬาเพราะรู้สึกเห็นใจนางแบบสาวนักที่ต้องกลายมาเป็นข่าวและหัวข้อสนทนาของผู้คนในสังคม ทั้งมีหลายฝ่ายที่ฉวยโอกาสนี้จับให้ทั้งคู่ได้มาถ่ายปกนิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่งอีกครั้งในธีมชุดกีฬากึ่งวาบหวิว เป็นการโปรโมททั้งสโมสรที่รามอสเพิ่งย้ายมาสังกัด แบรนด์เสื้อผ้าหรูและนิตยสารที่ยินดียื่นค่าเหนื่อยมาให้อย่างมหาศาลเพราะรู้ดีว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ายิ่งนัก!

“เรื่องของฉันกับเขาจบไปเมื่อสามวันก่อนแล้วล่ะค่ะ เพราะความไม่เข้าใจกันหลายๆอย่าง มันทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายใจประจวบเหมาะกับมือดีที่เอาภาพของเราบนเครื่องบินขึ้นมาเป็นอีกประเด็น เลยทำให้เรื่องทุกอย่างมันดูเป็นอย่างที่ในข่าวเขียนไว้ ช่วงนี้ก็ต้องทำใจหน่อยนะคะแต่อีกเดี๋ยวก็คงมีเรื่องอื่นขึ้นมากลบกระแส” วทานิกาบอกเพราะรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร แต่ในใจกลับกลัดหนองไปด้วยภาพบาดตาเมื่อครู่

สิ่งที่อยากทำมากที่สุดในตอนนี้ก็คืออยู่กับตัวเองแล้วปล่อยโฮออกมาให้สาแก่ใจ ให้สมกับความโง่เขลาเบาปัญญาที่ถูกหลอกมาเกือบปี นี่สินะคงเป็นเหตุผลที่เขาตัดขาดตนออกจากชีวิตอย่างง่ายดาย จูบเร่าร้อนที่เขามอบให้ลีเดียในที่สาธารณะนี้ถือเป็นการเริ่มต้นสัมพันธ์ครั้งใหม่ของทั้งคู่ และแน่นอนว่ามันเป็นการตัดสัมพันธ์ของตนและเขาที่ยาวนานเกือบปีให้ขาดสะบั้นลง!


ทันทีที่ทิโมธีเดินพ้นออกจากประตูกระจกซึ่งเปิด-ปิดอัตโนมัติด้านหน้าโรงพยาบาล มือหนาก็ตกจากต้นแขนเรียวเล็ก จนเจ้าของอดใจหายไม่ได้ เดินหน้าตึงจนไม่มีใครกล้าสบสายตาขึ้นรถยนต์คันยาวที่มีลูกน้องมือขวาเปิดประตูรอไว้อยู่ก่อนแล้ว

ลีเดียถอนหายใจหนักๆ รู้ได้ทันทีว่าปฏิกิริยานี้มันเป็นอาการของคนหึงหวง และที่เขากล้าจูบอย่างเร่าร้อนเมื่อครู่นี้มันเป็นเพียงแค่การประชดเท่านั้น! ‘คอยดูเถอะ!... ถ้าทิโมธีมีโอกาสได้ลิ้มรสเสน่หาของตน ขี้คร้านจะลืมผู้หญิงท่าทางจืดชืดอย่างแม่นางแบบนี่เป็นแน่’ หญิงสาวคิดในใจพลางเดินตามร่างสูงที่เข้าไปนั่งรอในรถคันยาวแล้ว

“จอร์จ แกไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายของแคโรลีนที่จะลงทุนเปิดร้านใหม่ด้วยนะ ดูเรื่องสัญญาเช่าพื้นที่ให้ชัดเจนแล้วจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อยด้วย” ทิโมธีสั่งลูกน้องมือขวาที่นั่งอยู่ด้านหน้าเมื่อรถคันยาวเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาลได้ไกลมากแล้ว
“ครับเจ้านาย แล้วเรื่องสัญญาจะให้ผมเป็นคนจัดการหรือทางคุณแคโรลีนจะจัดการเองครับ?” จอร์จ ถามอย่างละเอียดเพราะยังไม่กระจ่างใจในคำสั่งนัก

“เรื่องทุกอย่างปล่อยให้แคโรลีนจัดการ แกเพียงแค่คอยดูรายละเอียดแล้วก็จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อย อีกไม่กี่วันแคโรลีนคงเล่ารายละเอียดให้แกฟังเอง”

ลีเดียนั่งนิ่งฟังการสนทนาระหว่างเจ้านายกับลูกน้องพลางคิดในใจว่า หากตนได้มีโอกาสใกล้ชิดหรือเป็นผู้หญิงของทิโมธี คนที่จะจัดการไปให้พ้นตัวทิโมธีเป็นอันดับแรกคือ จอร์จ ลูกน้องคนสนิทของเขาเพราะไม่เคยชอบใจในสายตาที่จอร์จมองมายังตนเลยแม้แต่น้อย มันเป็นสายตาที่คอยจับผิดอยู่ตลอดเวลาดังเช่นที่แคโรลีนเคยพูดไว้ไม่มีผิด

“เจ้านายจะให้ไปส่งคุณลีเดียก่อนใช่ไหมครับ?” จอร์จถามขึ้นเมื่อบันทึกคำสั่งของเจ้านายเรียบร้อยแล้ว

“ไปที่โรงแรมแลนดอน วันนี้ฉันจะค้างที่นั่น”

จบคำพูดของทิโมธี ลีเดียก็ขยับเข้าไปใกล้ๆร่างสูงใหญ่ที่นั่งไขว่ห้าง ทอดสายตาขุ่นมัวออกไปมองสภาพแวดล้อมข้างทาง พร้อมทั้งวางศีรษะคลอเคลียอยู่กับแผงอกกว้าง สอดนิ้วเข้าไปกรีดผิวเนื้อเรียบตึงที่ซ่อนตัวอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มอย่างยั่วยวน “ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่ค่ะทิม...”

จอร์จและคนขับรถซึ่งทำงานร่วมกันมาเป็นเวลามากกว่าสิบปีต่างหันมาสบสายตากันราวกับเจอเรื่องลำบากใจนักหนา หากไม่มีใครกล้าถามถึงเรื่องของนางแบบสาวซึ่งกำลังตกเป็นข่าวกับนักเตะรูปงาม ทั้งที่ต่างก็รู้ดีแก่ใจว่า นางแบบสาวที่เจ้านายของตนคบหามาเป็นเวลาร่วมปีนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านอารมณ์หงุดหงิด ไม่มีใครเข้าหน้าติด ไม่มีสมาธิในการทำงานอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน เมื่อเช้าท่านเพิ่งสั่งรื้อตัวถังรถบัสรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกแบบด้วยตัวเองหมดอย่างไม่ได้บอกว่าเพราะเหตุใด เล่นเอาคนงานต่างงงงวยไปตามๆกัน หากแต่ไม่มีใครกล้าปริปากถาม แค่เห็นว่าท่านลงมือถอดชิ้นส่วนเครื่องยนต์ตัวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกมาจากโรงงานและยังไม่ได้ผ่านการใช้งานมาก่อน แล้วฟิตเครื่องเองใหม่ทั้งหมดก็ไม่มีใครกล้าหือแล้ว!!

จอร์จเองก็ได้แต่เฝ้าดูด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นเจ้านายขลุกอยู่กับอยู่กับชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ซึ่งมีไม่ต่ำกว่าร้อยชิ้น ประกอบเข้าแล้วรื้ออกมาใหม่เพราะไม่ถูกใจในความแรงและอัตราเร่งของเครื่องซึ่งตนก็เห็นว่ามันเร็ง แรงกว่าเครื่องยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นบนโลกใบนี้นัก! แต่ที่ต้องทำเช่นนั้นคงเป็นเพราะมันคงแรงไม่ได้ดั่งใจที่ร้อนรุ่มของท่านเสียมากกว่า ทั้งยังกลัวว่าหากท่านใช้ร่างกายหนักๆเช่นนี้ไปอีกสักเดือนมีหวังต้องล้มป่วยกันบ้าง เพราะตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืนก็ขลุกอยู่ในอู่ต่อตัวถัง จากนั้นก็ไปนั่งดื่มเหล้าในผับ ซึ่งคัดสรรนำเข้าสู่ร่างกายเฉพาะเหล้าแรงๆเพียวๆเท่านั้น เห็นได้ว่าแค่ไม่ถึงสองชั่วโมงท่านก็เมามาย คอพับคออ่อนจนต้องแบกกันกลับเพนต์เฮาส์มาสามคืนรวดแล้ว! สรุปว่าได้พักผ่อนจริงๆแค่เพียงวันละไม่เกินสี่ชั่วโมงเท่านั้น

แต่คำสั่งที่ว่า ท่านจะค้างที่โรงแรมแลนดอนนี้ ก็ทำให้จอร์จอยากรู้ว่า ผู้หญิงร้อนแรงอย่างลีเดียจะมีความสามารถทำให้ท่านกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติเช่นเดิมได้หรือไม่ ถ้าได้ก็แปลว่า... นางแบบสาวที่ท่านคบหามาเกือบปีนั้นยังไม่มีความสำคัญเพียงพอกับที่จะปลดล็อกความเชื่อที่ถูกนายท่านแอนโทนี่ปลูกฝังมาตั้งแต่เยาว์วัย แต่จอร์จยังคิดอยู่ว่าลีเดียจะทนฟังคำพร่ำเพ้อถึงผู้หญิงในจิตใต้สำนึกของท่านได้หรือไม่ เพราะถ้าหากคืนนี้ท่านเมามายเช่นสามวันที่ผ่านมา เชื่อแน่ว่าคงต้องเพ้อหาวทานิกาอีกอย่างแน่นอน

อยากรู้นักว่าลีเดียจะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร?!!

จอร์จคิดในใจพลางก้าวลงจากรถอย่างคล่องแคล่วไปเปิดประตูรถให้เจ้านายเมื่อรถยนต์ได้เข้ามาจอดเทียบหน้าโรงแรมแลนดอนใจกลางย่านธุรกิจของกรุงลอนดอน


“เต้นรำกันสักเพลงนะคะทิม” ลีเดียเป็นฝ่ายเอ่ยชวนขึ้นเสียเองเมื่อทั้งคู่เข้ามาอยู่ในผับซึ่งมีนักร้องเสียงดีคนหนึ่งกำลังขับขานเพลงโด่งดังจนกลายเป็นตำนาน... หลังจากที่ทั้งคู่ใช้เวลารับประทานอาหารเย็นกันตามลำพังราวชั่วโมงครึ่ง

ทิโมธียื่นมือออกไปวางบนมือเรียวของลีเดียแล้วพลิกฝ่ามือของตนให้เป็นฝ่ายจับจูงหญิงสาวเดินออกไปกลางฟลอร์เต้นรำอย่างมีมารยาทจนเป็นที่จับตามองของสายตาหลายคู่เพราะเป็นสถานที่ที่เซเลบคนดังแวะเวียนมาใช้บริการอยู่เป็นประจำ

ลีเดียวาดแขนของตนขึ้นไปคล้องลำคอหนา แล้วเบียดตัวเข้าไปคลอเคลียอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงที่ฝันหามาเนิ่นนานพลางยิ้มอย่างพึงใจเมื่อเห็นสายตาของบรรดาสาวๆหลายคนกำลังจ้องมองมายังตนแล้วหันกลับไปซุบซิบกันด้วยความอิจฉา “ปล่อยใจไปกับฉันนะคะทิม... แล้วฉันจะทำให้คุณลืมผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต”

ทิโมธีหัวเราะหึๆในลำคอ “อย่าพูดเหมือนกำลังล่อลวงเปิดซิงผมสิเซ็กซี่... มันทำให้ผมคิดว่าตัวเองไม่ประสาเป็นเด็กหนุ่มเพิ่งริรักยังไงไม่รู้”

ลีเดียยิ้มเมื่อรู้สึกถึงมือใหญ่ที่วางลงบนบั้นเอวของตน ชุดเดรสสั้นซึ่งคว้านด้านหลังลงลึกจนสามารถรับรู้ได้ถึงไอร้อนผ่าวในฝ่ามือใหญ่ส่งผ่านมายังร่างกายของตนให้รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวได้อย่างไม่ยากเย็น “เปิดซิงเหรอคะ? ฉันจำความรู้สึกนั้นไม่ได้เอาเสียเลยค่ะ แต่ถ้าจะเปิดซิงในแง่ที่ว่าสนุกที่สุด ร้อนที่สุดที่ล่ะก็... ฉันทำอย่างนั้นแน่ค่ะรูปหล่อ”

ทิโมธีเลิกคิ้วพลางแสยะยิ้มที่มุมปากอย่างอวดดีพลางคิดว่าทำไมร่างกายของตนจึงไม่ตอบรับกับอาการยั่วยวนของผู้หญิงในอ้อมแขนนี้เลยนะ รูปร่างของเธอก็เร้าอารมณ์ใช่เล่น การเบียดเสียดร่างกายของเธอเข้ามานี้ก็ยังสัมผัสได้ถึงยอดทรวงที่ชูชันเสียดสีอยู่กับแผงอก ท่าทางยั่วยุราคะจนถึงขั้นสุดยอดนี้ทำไมไม่ได้ทำให้หัวใจสั่นสะเทือนได้เลย ทิโมธีเกิดความสงสัยตัวเองขึ้นมาอย่างหนัก! “โรเบิร์ตอยู่รึเปล่า ลีเดีย?”

ลีเดียหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงยั่วยวนเพราะคำถามที่หลุดออกจากริมฝีปากบึกบึนของแบดบอยผู้น่าหลงใหลนี้ ถามราวกับว่าเธอและเขาเป็นเด็กไฮสคูลที่ต้องการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งโดยต้องหลบซ่อนผู้ปกครอง “ฉันบรรลุนิติภาวะมาหลายปีแล้วนะคะทิม... อีกอย่างพ่อไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัวของฉันหรอกค่ะ รู้ไหมคะทิม... แค่ได้อยู่ในอ้อมกอดคุณ ฉันก็ร้อนจนแทบไหม้ คุณไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเร้าฉันเหมือนกันเด็กวัยรุ่นขนาดนี้ก็ได้!”

ทิโมธีเลิกคิ้วพลางหลุบสายตามองผู้หญิงร้อนแรงที่ซุกหน้าอยู่กับแผ่นอกของตน สอดนิ้วเข้าไปในสาบเสื้อกรีดกรายหมุนเป็นวงอย่างซ่านใจ หากแต่ปฏิกิริยาดังกล่าวกลับไม่ได้ทำให้เกิดอารมณ์เสน่หาขึ้นมาแม้แต่น้อย “หึ... ผมแค่ถามถึง เพราะจำได้ว่าคุณเคยบอกผมเองว่าพ่อของคุณอยากทำความรู้จักกับผมเอาไว้”

“พ่อไม่อยู่หรอกค่ะ รู้สึกว่าท่านมีนัดทานข้าวกับเพื่อน” ลีเดียบอกพลางดันตัวออกจากแผงอกกว้างเล็กน้อยเมื่อเสียงเพลงจบลง “ฉันรู้สึกเหนียวตัวจัง... อยากอาบน้ำจะแย่”

ทิโมธียิ้มรับ รู้ดีว่าคำพูดของลีเดียนั้นหมายถึงสิ่งใดเพราะตลอดวัยหนุ่มที่ผ่านมา ผู้หญิงส่วนมากที่เรียงหน้ากระดานเข้ามาหาก็จะมีลีลาเชิญชวนแตกต่างกันออกไปแต่สุดท้ายแล้วก็จบลงที่กิจกรรมบนเตียงทั้งนั้น หากมีเพียงวทานิกาเพียงคนเดียวที่ไม่เคยเอ่ยปากหรือแสดงท่าทียั่วยุอารมณ์เลยแม้แต่สักครั้ง แต่ทำไมเขาถึงได้อยากกระชากเธอขึ้นเตียงแล้วเกลือกกลิ้งผิวกายสดใสของเธออยู่ทุกวินาที ให้ตายสิวะ!! แกเลิกคิดถึงเธอสักทีได้ไหมวะทิม!

ทิโมธีต่อว่าต่อขานตัวเองพลางสบถด่าตัวเองออกมาอย่างหยาบคายจนทำให้ลีเดียถึงกับหน้าเสีย “บัดซบเอ๊ย!!”

ลีเดียหันขวับ มองแบดบอยหนุ่มด้วยความงุนงงและยิ้มออกมาได้เมื่อเขาเอ่ยขอโทษ หลังจากที่ทรุดลงนั่งบนโซฟานุ่มเช่นเดิม
“โทษทีลีเดีย ผมแค่คิดถึงเรื่องงาน ไม่เกี่ยวกับคุณหรอก” ทิโมธีนั่งไขว่ห้าง มือหนาควานหาบุหรี่และไลเตอร์ออกมาสูบราวกับผ่อนคลายอารมณ์ แต่แท้จริงแล้วคนที่รู้จักนิสัยของเขาดีจะรู้ว่าการสูบบุหรี่นี้ทิโมธีจะทำในยามที่เกิดความว้าวุ่นใจเท่านั้น “ออน เดอะ ร็อกแก้ว”

“จะดื่มก่อนเหรอคะทิม?” ลีเดียถามเมื่อได้ยินชายหนุ่มสั่งเครื่องดื่มกับบริกรหนุ่ม แล้วหันมาสั่งเครื่องดื่มของตนบ้าง “บลู มาการิต้า3”

ทิโมธีไม่ได้สนใจว่าเครื่องดื่มที่ลีเดียสั่งนั้นจะไม่เหมาะกับบุคลิกของเธอเลย แต่สายตากลับจ้องมองไปยังสาวๆโต๊ะข้างๆหลายคนที่ส่งสายตาเชิญชวนให้ตนอย่างออกนอกหน้า จนทำให้ลีเดียถึงกับกัดริมฝีปากล่างอย่างระงับโทสะพร้อมขยับตัวเข้าไปนั่งเกยร่างสูงใหญ่อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ โดยที่เจ้าตัวกลับนั่งนิ่งราวกับเต็มใจรับสัมผัสซาบซ่านที่เธอมอบให้ ซึ่งสามารถกำจัดผู้หญิงที่ส่งสายตาให้ทิโมธีได้แค่บางคนเท่านั้น และมีอีกหลายคนซึ่งไม่ยอมละสายตาจากผู้ชายที่มีพลังดึงดูดทางเพศนี้เลย
ทิโมธียกเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ให้ไหลผ่านลำคอลงไปแก้วแล้วแก้วเล่าโดยไม่มีท่าทีว่าจะขัดขืนการกระทำยั่วยุอารมณ์ของผู้หญิงที่นั่งเกยอยู่บนตัวนี้เลย ไม่ว่าลีเดียจะบดจูบลงตามลำคอแกร่ง ดูดดึงราวกับฝากรอยรัก ในขณะที่มือและขาก็เกี่ยวกระหวัดเข้ากับขาแกร่งจนไม่สามารถแยกแยะได้ ในขณะที่สายตาคร้ามคมยังเสพภาพของผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยเต้นยั่วยุราคะอยู่กลางฟลอร์ มอมเมาตัวเองทุกวิถีทางเพื่อเตรียมพร้อมปลดปล่อยแรงดันในสมองซึ่งเชื่อว่ามันเป็นเพียงความใคร่ที่เกิดขึ้นเท่านั้น หากได้ปลดปล่อยมันออกมาแล้วก็คงสามารถทำให้ลืมใบหน้าอันงดงามของวทานิกาผู้หญิงหลายใจไปได้ ย้ำความคิดที่ถูกปลูกฝังมาตลอดเวลาว่า ผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งสวยงามที่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงิน!


ราวสองชั่วโมงต่อมาลีเดียยิ้มอย่างพอใจเมื่อสามารถพาร่างสูงใหญ่ของทิโมธีเข้ามาอยู่ในลิฟต์ตามลำพัง โดยมีลูกน้องคนสนิทของทิโมธีช่วยพยุงออกมาจากผับและก็ถูกกันตัวออกไปเพราะลีเดียนั้นบอกว่าลืมกระเป๋าถือไว้ในผับให้จอร์จกลับไปเอามาให้ด้วย ซึ่งจอร์จนั้นกลับพบว่าไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่บนโซฟาเลย จึงเข้าใจได้ว่าหญิงสาวคงอยากกำจัดตนให้ห่างจากเจ้านายที่สุด จอร์จจึงได้แต่ยิ้มเนือยๆแล้วเดินไปนั่งรอที่ล็อบบี้ของโรงแรมพร้อมทั้งภาวนาให้เจ้านายของตนอย่าเดินโซซัดโซเซกลับออกมาก่อนรุ่งสางเลย...


“ทิมคะ... เดินดีๆสิคะ ว้าย... ระวังค่ะ ระวัง!” ลีเดียบอกพร้อมพยุงร่างของผู้ชายซึ่งเมามายและมีสติไม่ครบถ้วนทั้งยังมีรูปร่างใหญ่โตกว่าตนราวสองเท่าเข้ามาในเพนต์เฮาส์ส่วนตัวอย่างยากลำบาก “ดีๆนะคะ เดินไปด้านซ้ายค่ะที่รัก โซฟาอยู่ตรงนั้น”

“อืม... เราจาลองกาน บนโซฟาเหรอคนสวย... ฮ่าๆๆ” ปริมาณแอลกอฮอร์ที่มีอยู่ในร่างกายอย่างมากนั้น ทำให้ไม่สามารถควบคุมการทรงตัวและเรียบเรียงคำพูดให้ชัดเจน ทิโมธีทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงบนร่างเพรียวบางของลีเดียโดยไม่รู้ตัว แต่หญิงสาวกลับยิ้มอย่างพอใจเมื่อร่างสูงใหญ่ล้มทับลงมาทั้งตัวจนต้องตกอยู่ใต้ร่างใหญ่โตอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ว้าย... ทิมคะ เดี๋ยวสิคะ จะเริ่มตอนนี้เลยเหรอคะ ฉันว่าน้ำอุ่นๆจะทำให้คุณสร่างเมาได้นะคะ อื้อ...” ลีเดียครางรับเพราะทั้งใบหน้าของแบดบอยหนุ่มซุกลงกลางร่องอก!

“ตอนนี้เลยคนสวย ผมร้อนจนรอไม่ไหวแล้ว ดูสิ!” ทิโมธีกดร่างกายส่วนล่างที่แข็งขึง รวดร้าวลงกับหน้าท้องแบนราบอย่างไม่รู้ตัวว่าหญิงสาวให้วงความคิดกับหญิงสาวที่กอดอยู่จริงนั้นคนละคนกัน!! “ผมคึกจนจะตายห่าอยู่แล้ว”

“โอ! พระเจ้า ฉันไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้หญิงถึงดาหน้าเข้ามาหาคุณมากมาย” ลีเดียถึงกับแหงนหน้าเริ่ดเมื่อรับรู้ได้ถึงความเครียดขึงซึ่งปัดป่ายอยู่บนหน้าท้องของตน ลิ้นหยาบร้อนดูดเม้มผิวกายสาวหนักๆราวกับอดอยากมาเป็นแรมปี “โอ... ทิมคะ คุณถูกใจฉันเหลือเกิน!”

ลีเดียครางรับเมื่อมือใหญ่กระชากเดรสตัวบาง ปัดสายคล้องหัวไหล่ลงมาอย่างรวดเร็วพร้อมสอดมือเข้าไปกอบกุมทรวงอกของสาวสกินนี่ด้วยความแปลกใจ! ในขณะที่ปากและจมูกยังซุกไซร้อยู่ตามซอกคอระหงพลางชันตัวขึ้นโดยไม่ลืมที่จะดึงร่างเพรียวบางของลีเดียให้ขึ้นมานั่งคร่อมหน้าขาแข็งแกร่งอย่างที่ชอบทำอยู่เป็นประจำ มือใหญ่เลื่อนไปฟอนเฟ้นกายสาวอย่างหนัก โดยที่ปากและจมูกกำลังครอบครองยอดทรวงซึ่งสาวเจ้าแอ่นตัวรับสัมผัสวาบหวามอย่างรู้งาน

“อืม... ทำงานหนักมากหรือไงคนสวย ทำไมถึงได้ผอมลงไปขนาดนี้!” ทิโมธีละปากออกจากยอดทรวงพร้อมครางถามพลางใช้สองมือประคองทรวงอกทั้งสองข้างในท่าทางราวกับชั่งน้ำหนัก “ทำไมหน้าอกเล็กลงขนาดนี้ล่ะนิก้าของผม อดข้าวประท้วงผมเหรอที่รัก...”

ลีเดียซึ่งกำลังอยู่ในห้วงพิศวาสถึงกับเบิกตาขึ้นกว้างด้วยความโกรธ! ที่แท้ทิโมธีนึกว่าตนเป็นยัยนางแบบหน้าอกใหญ่นั่นน่ะเหรอ!!? ความโมโหที่เกิดขึ้นทำให้ลีเดียผลักแผ่นอกกว้างของทิโมธีอย่างแรงพร้อมกับลุกขึ้นจากตักของเขาออกมายืนหอบหายใจมองด้วยความฉุนเฉียว

“นิก้าจ๋า... นิก้าของผม กลับมาหาผมสิคนสวย... เห็นไหมว่าผมอยากรักคุณจนปวดร้าวไปหมดแล้ว...”

คำพูดที่หลุดออกจากปากของทิโมธียิ่งทำให้ลีเดียโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สองมือบางกำแน่นจนรู้สึกได้ถึงความเจ็บที่เกิดขึ้น หากนั่นยังไม่เท่าความเจ็บใจที่ต้องกลายเป็นเพียงแค่ตัวแทนของผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเทียบชั้นตนได้ ความเจ็บใจ น้อยใจนั้นเกิดขึ้นเพียงแวบเดียวเพราะลีเดียนั้นหลงใหลใฝ่ฝันที่จะเป็นผู้หญิงของทิโมธีมาแสนนาน จึงรีบสลัดความรู้สึกยอดแย่ทั้งหมดนั้นออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อจะพิสูจน์ให้เขาได้เห็นว่า ถึงแม้จะไม่ได้มีรูปร่างเช่นดังที่เขาเพ้อหาแต่ชั้นเชิงที่มีอยู่เต็มตัวก็สามารถบำรุงบำเรอให้เขาได้ค้นพบความสุขชนิดที่ไม่เคยได้รับจากผู้หญิงหน้าไหนมาก่อน แล้วในที่สุดเขาเสพติดร่างกายของเธอ มีเธอเพียงคนเดียวไม่ว่าในยามหลับหรือยามตื่น!!

“มาเร็วเข้า... คนสวย อย่าให้ผมต้องออกแรงลุกขึ้นไปวิ่งไล่จับคุณเองเชียวนะนิก้า...” ภาพเหตุการณ์แห่งวันชื่นคืนสุขหลั่งไหลออกมาเป็นคำพูดที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าหลุดปากออกมาทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องปล้ำถอดเสื้อผ้าของตนออกอย่างทุลักทุเล หากการกระทำเช่นนั้นทำให้ทิโมธีเกิดข้อกังขาขึ้นทันทีเพราะวทานิกาของตนนั้นไม่เคยจะเป็นฝ่ายลงมือรุกเร้าเช่นนี้!! “นิก้า โอ... ไม่!! ลีเดีย!! ลีเดียอย่า เฮ้... หยุด ก่อน”

ลีเดียแสยะยิ้มให้แบดบอยหนุ่มผู้ชาญโลกซึ่งเอ่ยปากห้ามราวกับว่าตนเป็นหนุ่มเวอร์จิ้นผู้หวงเนื้อหวงตัวไว้ให้เจ้าสาวในคืนวันแต่งงาน หากแต่ท่าทีต่อต้านอันไร้เรี่ยวแรงนั้นกลับไม่ได้หยุดความตั้งใจของลีเดียลงได้ สายตาเฉี่ยวมองร่างกายเปลือยเปล่าของทิโมธีด้วยความพึงพอใจ กล้ามเนื้อตึงไร้ซึ่งไขมันมีเพียงส่วนนูนส่วนเว้าน่ามองอย่างผู้ชายที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำโหมกระพือไฟในกายลีเดียให้คุโชน ความเครียดขึงใหญ่โตของชายชาตรีทำให้ลีเดียปากคอแห้งผาก อยากโชว์ลีลาให้เขาได้ประจักษ์แล้วลืมเลือนผู้หญิงทุกคนเสียให้หมดสิ้น

ทิโมธีมองศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยผมยาวสีบรอนด์กำลังก้มต่ำลงไปหาจุดกึ่งกลางร่างของตน “เฮ้!... ลีเดีย หยุด! หยุดก่อน! โอว...”

ลีเดียไม่ฟังเสียงห้ามปรามที่ดังขึ้นแต่อย่างใด ตั้งหน้าตั้งตาวาดลีลา โชว์ความเร่าร้อนให้ชายหนุ่มได้ประจักษ์กับตัวเองอย่างตั้งอกตั้งใจ หากเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนทำให้หญิงสาวหมดความอดทนเพราะไม่อาจสามารถใช้ความปรารถนาที่ตั้งใจสร้างขึ้นมาปลุกกายชายให้คุโชนไปด้วยเพลิงแห่งเสน่หาได้สำเร็จ เสียงกรนที่ดังลอดออกมาจากริมฝีปากบึกบึนทำให้ลีเดียชะงักการกระทำทุกอย่างลง แล้วนั่งร้องกรี๊ดๆอยู่กับพื้นด้วยความเหลืออด!!

“กรี๊ดดด... กรี๊ดดด... ฉันไม่ยอมนะทิโมธี... ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ยอม... ฉันไม่ยอม!!” ไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบโต้กลับมา มีเพียงเสียงกรนที่ดังขึ้นอย่างคนหลับลึกเท่านั้น ชายหนุ่มนอนแผ่หราเปลือยเปล่าอยู่บนโซฟาตัวใหญ่อย่างไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว “ทิโมธี คุณ! คุณมันคนเหลือทน!!”

ลีเดียลุกขึ้นเดินไปหยิบขวดวิสกี้ไว้ในมือพร้อมกลับมาจ้องมองร่างแกร่งเปลือยเปล่านอนหลับใหลอย่างสบายอารมณ์ พร้อมหลับตาลง ขบริมฝีปากล่างอย่างระงับสติอารมณ์ มือเรียวบางยกขวดวิสกี้กรอกปากอย่างเจ็บใจ ความแค้นใจที่ไม่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองวางแผนเอาไว้ได้สำเร็จลุล่วงจนต้องใช้เหล้าดับอารมณ์อันคุกรุ่นพร้อมทั้งเดินหนีจากภาพที่ทำให้ขุ่นข้องหมองใจตรงหน้าเข้าห้องน้ำโดยเร็วที่สุด เขาทำให้เธอร่วงลงจากสวรรค์ได้อย่างเจ็บแสบนัก! และทิโมธีก็เป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้รู้สึกว่าความเชื่อมั่นที่มีในตัวเองขาดหายไปจนน่าตกใจ มือบางทุบผนังห้องน้ำอย่างเจ็บใจเมื่อคิดเปรียบเทียบว่าร่างกายของตนไม่มีเสน่ห์ที่จะปลุกเร้าเขาได้

คำพูดที่ถามอย่างไม่รู้ตัวถึงขนาดของหน้าอก!! เกือบทำให้เป็นบ้าตายจนต้องรีบออกมายืนมองร่างเปลือยผ่านกระจกบานใหญ่ สำรวจตัวเองพลางคิดอย่างเจ็บใจว่าสักวันต้องทำให้ผู้ชายอวดดีคนนี้มาสยบอยู่แทบเท้าให้จงได้!!


กลางดึกของวันเดียวกันในโรงพยาบาลที่โคลอี้นอนพักรักษาตัวมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วนั้น แคโรลีนรีบเดินออกจากห้องพักวีไอพีพลางสอดส่ายสายตามองอย่างระแวดระวังราวกับกลัวว่าจะมีใครมาเห็นตน โดยที่ม่ายสาวใหญ่ผู้ซึ่งมีตำแหน่งเป็นภรรยาคนสุดท้ายของแอนโทนี่ แมคคินสัน ได้จ่ายเงินให้กับพยาบาลพิเศษซึ่งมีหน้าที่ดูแลลูกสาวผู้น่าสงสารอีกต่อหนึ่ง นอกเหนือจากที่จะได้รับเป็นประจำอยู่แล้วเพราะไม่อยากให้ใครได้รู้ว่าตั้งแต่คืนแรกจนถึงบัดนี้นั้น ตนเองไม่เคยได้นอนเฝ้าดูแลอาการลูกสาวอย่างใกล้ชิดอย่างที่ให้เหตุผลไว้กับทิโมธีเลยแม้แต่คืนเดียว

ราวสี่ทุ่มเศษของทุกวันแคโรลีนจะเดินทางออกจากโรงพยาบาลด้วยรถยนต์คันหรูซึ่งจอดรออยู่ในลานจอดรถชั้นใต้ดิน และกลับเข้าโรงพยาบาลในทุกเช้าตรู่ของวันด้วยพาหนะคันเดิม โดยที่ไม่มีใครในปราสาทแมคคินสันล่วงรู้การกระทำนี้เลย!



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ค. 2558, 10:17:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ค. 2558, 10:17:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 970





<< ตอนที่ 8 100%   ตอนที่ 10 100% >>
ร้อยวจี 26 พ.ค. 2558, 11:01:46 น.
นางร้ายมาก สงสารนางเอกมากค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account