แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"

โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"

แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี

แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน

ตอน: ตอนที่ 3 ผู้หญิงเจ้าแผนการ



3
ผู้หญิงเจ้าแผนการ



แก้วกัลยาตื่นแต่เช้า ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยสีสันของเครื่องสำอางนั้นสดใสกว่าทุกวัน สองเท้าก้าวออกจากห้องด้วยท่าทีมาดมั่นสุด ๆ วันนี้แก้วกัลยาอยู่ในชุดเดรสสีแดงรัดรูปดูเก๋ไก๋ที่พึ่งถอยออกจากร้านมาไม่กี่วันก่อน ด้วยชุดที่สั้นทำให้ได้อวดโชว์เรียวขาเรียวยาวสวยไร้รอยราคี ในมือถือกระเป๋าสีเดียวกับชุดเดินลงมาด้านล่าง บรรยากาศในบ้านเงียบอีกเช่นเคย เธอเดินลงมาเห็นสมาชิกสองคนของบ้านกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร รักจิราดูรีบร้อนกว่าทุกวัน กำลังรีบยัดขนมปังปิ้งเข้าไปในปากและวิ่งออกจากบ้านไป วันวิวาห์ได้แต่มองโดยไม่ได้คิดจะถามอะไร แก้วกัลยาเดินมาทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับวันวิวาห์ที่กำลังกินน้ำเต้าหู้อยู่

“รักซื้อมาเผื่อ เอาไหม” แก้วกัลยาพยักหน้า วันวิวาห์เดินไปหยิบแก้วน้ำเต้าหู้ที่เทรอไว้แล้วมาวางให้

“ขอบใจ แล้วรักมันรีบไปไหนอีก ออกจากบ้านเช้าอีกแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากเกาะมันดูรน ๆ แปลก ๆ มันเล่าอะไรให้ฟังบ้างไหม” แก้วกัลยาถาม และหยิบไอโฟนขึ้นมาเปิดเช็คข่าวของวันนี้ โดยตั้งใจเลือกข่าวซุบซิบไฮโซทันทีที่เปิดมาเจอข่าวแรก เรียวปากสวยได้รูปที่ทาด้วยลิปสติกสีแดงก็เหยียดยิ้มทันที

“ไม่นี่ ถามก็บอกว่ารีบไปทำงาน ไปสายไม่ได้ แล้ววันนี้จะไปไหนอีกแต่งตัวเสียสวยขนาดนี้ ดูเหมือนวันนี้จะอารมณ์ดี หาวิธีจับเจ้าชายได้แล้วหรือไง” แก้วกัลยาไม่ได้โกรธคำพูดของวันวิวาห์และส่งโทรศัพท์ให้วันวิวาห์ดู วันวิวาห์มองภาพในจอ สีหน้าไม่ได้แปรเปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไหร่นักเมื่อได้เห็นรูปในสมาร์ทโฟน มันเป็นรูปเหตุการณ์สด ๆ ร้อน ๆ จากเมื่อวาน เธอคิดไว้แล้วว่าแก้วกัลยาคงไม่ยอมคว้าน้ำเหลียวกลับมามือเปล่าแน่ ๆ แล้วก็จริง เมื่อเธอได้ผลงานชิ้นโบว์แดงกลับมานั่นคือ ข่าวของเธอกับเพทายตอนนี้กำลังลุกโหมขึ้นตามที่แก้วกัลยาต้องการ แม้หัวข่าวจะขึ้นว่าเธออาจเป็นมือที่สาม แล้วไง นักข่าวอยากเขียนอะไรก็เขียนไปสิ เพทายกับดารินทิพย์ยังไม่ได้คบกัน นั่นคือสิทธิ์ที่เธอพึ่งมีที่จะรักจะชอบเขา และเรื่องในข่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อวาน เธอตั้งใจไปนั่งกินข้าว ถลาตัวเข้าไปกอด และหอมแก้มโชว์ปาปารัสซี่ที่ดักรออยู่ ต้องการขึ้นหน้าหนึ่งในเพทายรู้ว่าถ้าเธออยากได้ยังไงก็ต้องได้และนี่ก็แค่น้ำจิ้มเท่านั้นของจริงคือหลังจากนี้ต่างหาก

“วิธีนี้จะได้ผลหรอ”

“ก็ไม่รู้สิ แต่งานนี้ฉันเดินเครื่องเต็มที่ เตรียมพร้อมดับเครื่องชน ไม่ได้ให้รู้ไป ว่าแต่ แล้วเธอล่ะวัน มีเวลาไม่มากหรอกนะ ไม่หาไว้ระวังต้องแต่งงานกับอาเหมานะ ขืนปล่อยให้วันแต่งงานกับอาเหมา มีหวังเกิดศึกกลางบ้างไม่เว้นแต่ละวันแน่ ๆ เอาอย่างนี้ให้ฉันช่วยไหม”

“ไม่ล่ะ ถึงตอนนั้นถ้าไม่มีก็ไม่มี ฉันจะคุยกับอากงอีกครั้ง”

“เธอจะเย็นชาไปถึงไหนกันวัน ผู้ชายตั้งมากตั้งมายเข้ามาขายขนมจีบ รับเขาไว้พิจารณาบ้างก็ได้นะมันไม่ได้เสียหาย ฉันรู้เธอไม่สนเรื่องความรัก เธอไม่ยึดติด ไม่ต้องการ แต่ฉันอยากให้เธอให้โอกาสตัวเองบ้าง เปิดใจให้กว้าง เธอจะต้องเจอความรักที่สวยงามแน่ ๆ เธอออกจากดีเลิศ ประเสริฐศรีขนาดนี้” วันวิวาห์ทำหน้าไม่สนใจสิ่งที่แก้วกัลยาพูด หยิบแก้วไปวางไว้ในอ่างล้างจานและเดินออกไป แก้วกัลยามองวันวิวาห์และส่ายหน้ากับท่าทีที่เย็นชา เพราะเรื่องของแม่เป็นบทเรียนสอนให้วันวิวาห์ไม่เชื่อใจในความรัก จากไม่เชื่อ ไม่สน กลายเป็นเย็นชา เย็นชาจนด้านชา ใคร ๆ ยื่นไมตรีจิตให้เธอก็ไม่ตอบรับ แถมยังทำให้ผู้ยื่นไมตรีช้ำใจด้วยท่าทีที่เย็นชาสุด ๆ เธอไม่รู้ว่าทำไมบรรดาพี่น้องของเธอถึงมีปัญหาที่แตกต่างกันขนาดนี้ แต่เธอต่างจากวันวิวาห์ แม้จะต้องเสียใจมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เธอเชื่อว่าสักวันเธอจะเจอรักแท้ เจอผู้ชายที่จะมาเป็นโลกทั้งใบของเธอ และเขาก็คือเพทาย
แก้วกัลยารีบเดินไปเก็บแก้วกระเบื้องและเดินถือกระเป๋าวิ่งออกจากบ้านไป จุดหมายในเช้าวันนี้คือบริษัท วีนัส มีเดีย ครึ่งชั่วโมงต่อมาแก้วกัลยามาถึงจุดหมาย ฝ่าด่านรถติดมาจนถึงด้วยใจที่กำลังเบิกบานสุด ๆ ประชาสัมพันธ์หันมามองเธอและส่งยิ้มหวานให้ทันที

“ไม่ได้มานานเลยนะคะคุณแก้ว” แก้วกัลยายื่นถุงขนมที่ซื้อมาฝากส่งให้ประชาสัมพันธ์หน้าหมวยที่ยิ้มรับอย่างยินดี ตลอดระยะเวลาครึ่งปีที่เธอตามเพียรตามตื้อเพทาย เมื่อเขาไม่ต้องรับขับสู้เธอ เธอใช้เวลาเหล่านั้นตีสนิทคนทั้งบริษัทตั้งแต่แม้บ้าน ยันศิลปิน ดังนั้นคนที่เห็นเธอไม่มีใครเอ่ยปากไล่เหมือนช่วงแรก ๆ เธอซื้อใจคนทั้งบริษัทมาเป็นพวกหมดแล้ว ก็เหลือซื้อใจของผู้บริหารค่ายเพลงนี่ล่ะที่ไม่ยอมใจอ่อนเสียที

“วันนี้คุณเพชรอยู่ไหม” แก้วกัลยาถาม

“อยู่ค่ะ ว่าแต่ ภาพในนิตยสารเมื่อเช้า จริงไหมคะ” ประชาสัมพันธ์สาวขาเม้าส์เอ่ยถาม พลางหยิบนิตยสารขึ้นมาเปิดโชว์ ในวันนี้นิตยสารซุบซิบไฮโซทุกฉบับมีภาพของเธอและเขาปรากฏอยู่ในเล่ม และหน้าปกอย่างแน่นอน

“ไม่รู้สิคะ ฉันขอขึ้นไปข้างบนนะคะ แล้วก็ขอยืมนิตยสารเล่มนี้ด้วย”

“เอาไปเลยค่ะ เอ่อ...แต่อย่าบอกนะคะว่าดิฉันปล่อยให้ขึ้นไป” แก้วกัลยาพยักหน้าและเดินไปที่ลิฟต์กดชั้นสูงสุดของตึก ซึ่งเป็นชั้นผู้บริหาร ลิฟต์เปิดออกแก้วกัลยาเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องมีโต๊ะของเลขาตั้งอยู่ แต่ไร้เงาของมินตรา เลขาส่วนตัวของเพทาย แต่ถึงมีเลขาเฝ้าก็ไม่มีใครห้ามแก้วกัลยาได้

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

แก้วกัลยาไม่รอให้เจ้าของห้องตอบรับ เปิดประตูเข้าไปทันที เจ้าของห้องกำลังนั่งเปิดแฟ้มเอกสาร ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาสนใจเธอแม้แต่น้อย แก้วกัลยาเองก็ยังยืนนิ่งไม่เอ่ย เพราะเธออยากเห็นหน้าเขาตอนเงยหน้ามาเจอเธอแบบตะลึง ๆ มากกว่า เพทายเองเริ่มแปลกใจว่าแขกที่เข้ามาทำไมไม่พูดเสียที จึงเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสาร ใบหน้าหล่อตกใจอย่างที่คิดไว้ ก่อนมันจะถูกกลบเกลื่อนด้วยความเรียบเฉย เขาทำท่าจะก้มหน้าลงไปสนใจแฟ้มต่อ แต่แก้วกัลยากลับเดินอ้อมโต๊ะมาหยุดยินข้าง ๆ เก้าอี้ของเขา และวางนิตยสารลงตรงหน้าเขาอย่างตั้งใจ

“คุณทำอะไรของคุณ คุณ...”

“แก้วกัลยาค่ะ” แก้วกัลยายิ้มเธอชอบที่เห็นหน้าเขาตอนโกรธบ้าง โมโหบ้าง ไม่ใช่ว่าเธอโรคจิต แต่สีหน้าสุภาพ อ่อนโยนนั่นมันคือหน้ากากของสังคมที่เขาสร้างขึ้น เธอไม่ได้อยากได้ใบหน้าที่อยู่ต่อหน้าสังคม การที่เขาโมโหนั่นหมายว่าว่านี่ต่างหากคือตัวตนของเขาอีกด้าน ยิ่งหน้าเขาแดงก่ำเวลาโกรธมันตลกพิลึก เจ้าตัวคงไม่รู้เลยว่ากำลังกลายเป็นของเล่นของเธอโดยไม่รู้ตัว

“ผมรู้ แต่คุณทำอะไรของคุณ เอาหนังสือนี่ออกไปจากโต๊ะผมได้แล้ว ผมไม่ว่างมาอ่านนิตยสารกอสซิปพวกนี้หรอก ถ้าไม่มีธุระอะไรก็เชิญ” เขาเอ่ยปากไล่ตรง ๆ เพราะบทเรียนที่ผ่านมาสอนเขาว่ากับผู้หญิงคนนี้ถ้าพูดอ้อม ๆ ยิ่งตีความมั่ว และพูดตรงเธอก็ไม่ได้เจ็บกระเทือนอะไรแม้แต่น้อย ยังปั้นหน้ายิ้มใส่เขาได้เหมือนเช่นทุกครั้ง

“อะไรกันที่รักใจร้ายกับแก้วแต่เช้าเลยนะคะ ดูก่อนสิคะ ดูเสร็จแล้วจะขว้างทิ้งก็ไม่ว่า” เขามองรูปในนิตยสาร สายตาแปรเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจอย่างรุนแรงพลางสบมองคนที่ยังยืนยิ้มกว้างอยู่อย่างไม่สะทกสะท้าน

“คุณทำอะไร”

“ฉันเปล่านะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะวันนี้” แก้วกัลยายืนทำหน้าซื่อตาใส

“แล้วข่าวบ้านี่มันอะไร คุณวางแผนไว้ใช่ไหม แก้วกัลยา” เขามองภาพในนิตยสารด้วยสีหน้าโกรธมาก พลางคิดไปว่าเขาพลาดอีกแล้ว เขาพลาดที่เผลอตัวทำตามแผนของผู้หญิงคนนี้

“ก็ไม่รู้สินะ แต่ฉันไม่ได้ฉลาดขนาดวางแผนเป็นฉากเป็นตอนขนาดนั้นเสียหน่อย คุณเองที่เดินตามฉันมา คุณเองที่ดึงตัวฉันกลับมา ที่เหลือมันก็ตามน้ำค่ะ อย่าซีเรียตสิคะ ดูสิเดี๋ยวไม่หล่อนะคะ คุณไม่ได้เป็นอย่างในข่าวบอกจะร้อนตัวไปทำไม ข่าวซุบซิบสองสามวันก็ซาลงไปแล้ว อย่าคิดมากสิคะที่รัก” แก้วกัลยามองใบหน้าที่กำลังเดือดสุด ๆ เพทายข่มความโกรธลงไป ไม่อยากต่อความอีกจึงออกปากไล่ทันที

“คุณมีอะไรอีกแก้วกัลยา ถ้าไม่มีก็เชิญ ผมมีงานมีการต้องทำ” เขาเลือกตัดปัญหา ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับสาวตรงหน้าอีก

“ใครบอกว่าไม่มี ฉันเอานี่มาคืนคุณ คุณดาหวันโทรหาคุณทั้งคืน ฉันเลยต้องปิดเครื่องทิ้ง เช้านี้ก็โทรมาอีก แต่ฉันไม่ได้รับนะ เห็นไหมว่าฉันมีมารยาทพอจะไม่รับสายของคุณกับมือที่สาม” แก้วกัลยาพูดออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำว่า ดารินทิพย์เป็นมือที่สาม
“ถ้าคืนแล้วก็กลับไปสิ”

“ทำไมรีบไล่แบบนั้นล่ะคะ ยังไม่หมดธุระของฉันเลยนะ” เขาทำหน้าตึงขึ้นมาอีกครั้งกับผู้หญิงที่พูดไม่รู้เรื่อง

“คุณมีอะไรอีก ถ้าธุระของคุณมันไร้สาระ ผมจะเรียกรปภ.ขึ้นมาลากคุณลงไป” แก้วกัลยายังไม่ยอมส่งโทรศัพท์คืนให้เขา พลางคิดว่าผู้ชายคนนี้นับวันยิ่งใจร้ายกับเธอขึ้นเรื่อย ๆ แต่แค่นี้มันขี้เล็บ เธออยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะหนีเธอพ้นได้ยังไงแล้วจะใจแข็งกับเธออีกนานแค่ไหน น้ำหยดลงหินทุกวันมันยังกร่อนได้ นับประสาอะไรกับใจคน

“ใจร้ายกับฉันอีกแล้วนะคะ ทำไมคุณชอบใจร้ายกับฉันจัง รู้ไหมคะฉันเป็นคนที่หัวใจอ่อนไหวง่าย”

“คุณแก้วกัลยา” แก้วกัลยาหันไปยิ้มไม่สนสายตาดุ ๆ ของเขาที่มองมา

“ก็ได้ค่ะ เข้าเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้มาว่าคุณกำลังจะเปิดทางตลาดเพลงในยุโรป” เขาจ้องแก้วกัลยาตาเขม็ง รอให้เธอพูดสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อออกมาให้จบ

“ซึ่งมันเป็นเรื่องยากสำหรับบริษัทเพลงของคุณ ตอนนี้บริษัทคุณเป็นอันดับต้น ๆ ของไทยในเรื่องของสื่อมีเดียทุกประเภท แต่ถ้าเอาไปเทียบกับที่อื่น ๆ นอกประเทศ อัตรากันแข่งขันสูงมาก การที่คุณจะหาบริษัทเข้าร่วมกับคุณในการปูทางนักร้องของคุณไปสู่ตลาดยุโรป มันยากมาก บริษัทคุณอาจจะมีจุดเด่นมากมาย แต่คุณคงไม่ลืมว่ายังมีค่ายเพลงอีกหลายค่ายเพลงที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้กัน ตอนนี้เอวาย มิวสิค คู่แข่งสำคัญของคุณก็เล็งเห็นช่องทางนี้ จะปูทางเปิดตลาดใหม่ วิธีคือหาบริษัทที่มีความมั่นคงสูง และมีความสามารถมาร่วมลงทุนกัน”

“คุณกำลังจะพูดอะไร”

“ผลเสี่ยงของเรื่องนี้ ถ้าคุณไม่เก่งจริง บริษัทที่คุณต้องการยืมมาเป็นสะพานอาจจะเข้ามาคุมบริษัทของคุณได้ แต่ปัญหาเหล่านั้นฉันช่วยคุณได้ถ้าคุณต้องการ”

“ผมไม่เข้าใจ”

“ฉันเป็นเพื่อนกับแมททิว สเปนเซอร์ ผู้บริหารแอลเคหนึ่งในสี่ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในอเมริกา เป็นค่ายเพลงใหญ่ที่มีศิลปินชื่อดังก้องโลก ฉันสามารถเจรจากับเขา ให้คุณได้คุยกับเขาได้”

“ผมไม่ต้องการยืมมือใครช่วย โดยเฉพาะ...คุณ”

“อะไรไม่ฟังกันหน่อยหรือคะ ศักดิ์ศรีมีได้ แต่ใช้มันอย่างถูกต้องมันก็คุ้มค่ากับตัวคุณ คุณลองนึกถึงผลประโยชน์ของบริษัท ถ้าคุณเซ็นสัญญาร่วมกับทางแอลเค บริษัทคุณจะได้สิทธิ์ผูกขาดในนักร้องของแอลเคที่มาเปิดคอนเสิร์ตในไทย โปรโมทงานในเมืองไทย คุณรู้ไหมมีบริษัทมากมายอยากจะร่วมงานกับแอลเค บอกเลยว่าถ้าคุณจะปูทางนักร้องของคุณ ดันนักน้องให้ก้องโลกด้วยตัวเองคุณไม่มีทางทำได้ ถ้าไม่มีตัวช่วยเสริม แอลเคเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ อาทิตย์หน้าแมททิวจะเดินทางมาไทย เขาแวะมาเยี่ยมแม่ของเขา เขาน่าจะอยู่ไทยสักสองสามอาทิตย์ หรืออาจจะนานกว่านั้น คุณรู้ไหมประธานบริษัทค่ายเพลงหลายแห่งกำลังติดต่อขอพบเขา รวมถึงคุณเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือคะ และเขายังไม่ยอมรับนัดใคร แมทเวลาเขามาพักผ่อนเขาก็จะพัก ไม่รับนัดคุยงานกับใคร ไม่ยอมรับข้อเสนออะไรในตอนพักผ่อน แต่ฉันช่วยคุณได้” เพทายมองหน้าแก้วกัลยาอย่างพินิจพิจารณา ที่เธอพูดมาก็ถูกทั้งหมด เขาขอนัดพบแมททิวหลายครั้งแต่แมททิวตอบปฏิเสธนัด และยังบอกว่ายังไม่มีแพลนร่วมลงทุนในไทยกับค่ายเพลงไหนทั้งสิ้น

“ผมต้องการรู้ข้อเสนอ” แก้วกัลยาแย้มริมฝีปากสีแดงออก ดวงตากลมโตสีฟ้าฉายแววพอใจ แสดงว่าเธอมาถูกทางแล้ว และเขาจะสลัดเอไม่หลุดแน่หลังจากนี้

“ง่ายนิดเดียว คบกับฉันสิ”

“ผมไม่ตกลง” เขาเอ่ยออกมาอย่างไม่ต้องใช้เวลาคิดมาก

“ฉันล้อเล่น โธ่ ปฏิเสธไม่แคร์กันเลยนะคะ ข้อเสนอของฉัน ให้โอกาสฉันสามเดือน” เพทายมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างหาคำตอบ ประกายความมุ่งมั่นในแววตาที่บ่งบอกว่าอยากเอาชนะ แต่ก็ส่งความรู้สึกบางอย่างออกมาโดยไม่หลบตากลับไป เขาจึงเป็นฝ่ายถอนสายตาหนี

“เพื่อ...”

“ตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน ฉันตามคุณตลอด คุณก็หนีฉันตลอด แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย ขอเวลาฉันสามเดือน ให้ฉันพิสูจน์ตัวเอง ถ้าครบกำหนดสามเดือน คุณยังเกลียดขี้หน้าฉัน ฉันจะไม่เข้ามายุ่งกับชีวิตคุณอีก”

“คุณต้องการอะไร”

“ความรักจากคุณไงคะ” เพทายนิ่ง เขาค้นหาความจริงจากแววตาของแก้วกัลยา

“ความรักของผม คุณก็รู้มันเป็นไปไม่ได้ คุณก็รู้ผมไม่มีทางรักคุณ” ความมั่นใจเอ่ยออกมาจากปากเพทาย เพราะผลลัพธ์มันแน่นอนอยู่แล้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่สามเดือน สามปี เขาก็คงไม่มีวันหลงไปพิศวาสผู้หญิงคนนี้แน่ ๆ ผู้หญิงคนนี้นอกจากหน้าตาไม่มีอะไรให้หน้าพิศวาสเลยสักนิด ห่างไกลจากผู้หญิงในสเปคเขามากโข

“ให้โอกาสฉันสิคะ สามเดือน แค่สามเดือน คิดดูดี ๆ นะคะ นอกจากผลประโยชน์ทางบริษัทที่คุณจะได้ ยังไม่รวมถึงอิสรภาพ ชีวิตคุณจะไม่มีฉันเข้ามาวุ่นวายอีก ว่าไงคะคุณเพชร คุณลองคิดดูดี ๆ นะ” แก้วกัลยายิ้มออกมานิด ๆ พลางมองใบหน้าหล่อเหลาของหนุ่มตรงหน้าที่กำลังทำสีหน้าคิดหนัก แค่ตอบตกลงให้โอกาสเธอทำให้เขาคิดมากขนาดนี้เชียวหรือเนี่ย แต่เธอรู้ยังไงเขาก็ต้องตกลง งานนี้มีแต่เขาที่ได้กับได้ และยังเป็นโอกาสในการตัดเนื้อร้ายอย่างเธอออกจากชีวิตด้วย เขาต้องตอบตกลงแน่ ถ้าไม่ตกลงเธอก็มีแผนสำรอง

“ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่ผิดคำพูด” เพทายถามและมองผู้หญิงที่กล้าต่อลองกับเขา แก้วกัลยากล้าต่อลองแบบนี้ แสดงว่าต้องมีบางอย่างแอบแฝง เขาพอจะมองความเจ้าเล่ห์ของผู้หญิงคนนี้ออก

“ฉันไม่เคยผิดคำพูด สำหรับฉันพูดคำไหนคำนั้น ฉันมีเวลาแค่สามเดือน ถ้าถึงวันนั้นคุณยังยืนยันฉันจะยอมถอย ถึงฉันจะตื๊อเก่งแค่ไหน แต่ฉันก็มีขีดจำกัดนะคะ ว่าไงคะ ถ้าคุณตกลง จากนี้อีกสามเดือน ถ้าคุณไม่ต้องการพบหน้าฉัน ฉันจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก แถมฉันยังช่วยเจรจาธุรกิจให้คุณอีก คุณมีได้แต่กับได้นะคุณเพชร”

“จำคำของคุณไว้ก็แล้วกัน อย่าผิดคำพูด สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือคนที่ไม่รักษาคำพูด และอีกสิ่งที่ผมเกลียดไม่แพ้กัน คือผู้หญิงช่างตื๊อแบบคุณ” แก้วกัลยายิ้มออกมาทันที คำตอบชัดแล้ว ว่าเขาตกลง แก้วกัลยาทำหน้าเศร้าที่ดูก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ

“ที่รักใจร้ายกับเค้าอีกแล้วนะคะ มันเจ็บนะรู้ไหม แต่เค้าให้อภัยที่รักได้เสมอ ต่อให้ที่รักจะด่าจะว่าเค้าก็ยังรักที่รักนะคะ” แก้วกัลยาดวงตาคมที่จ้องมองเธอเหมือนอยากจะไล่ให้เธอออกไปเต็มทีแล้ว

“ก็ได้ ๆ ฉันจะไม่กวนคุณแล้ว ชอบทำหน้าโหด ระวังแก่เร็วแล้วสาวจะหนี แต่ไม่ต้องกลัวเค้าไม่หนีที่รักหรอก โอ๊ะ...โอเค ๆ ไม่เล่นแล้วค่ะ ฉันลืมบอกไป เพื่อให้ฉันกับคุณมีโอกาสใกล้ชิดกัน ระหว่างนี้ฉันจะมาทำงานเป็นผู้ช่วยคุณดีไหมคะ” แก้วกัลยามองผู้ชายที่หล่อแต่ชอบทำหน้าดุใส่เธอ

“เราไม่ได้ตกลงกันไว้”

“แต่ข้อเสนอเพิ่มได้ ตามสิทธิ์ที่ฉันควรจะได้ ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณจะไม่มีวันหวั่นไหวจะกลัวอะไรคะคุณเพชร แค่ฉันเขามาทำงานเอง”
“แล้วคุณไม่ทำงานของคุณหรือไง”

“ฉันจัดการได้ คุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันบริหารงานเก่งนะคุณ รับรองฉันจะทำงานที่คุณมอบหมายไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย ด้วยเกียรติของเนตรนารี ตกลงนะคะ นะคะคุณเพชร” เพทายมองแก้วกัลยาและพยักหน้ารับ

“งั้นก็นี่ค่ะ โทรศัพท์ของคุณ” เพทากำลังจะเอื้อมมือไปรับ แต่เจ้าตัวกลับดึงมือกลับ ใบหน้าคมคร้ามเริ่มฉายแววไม่พอใจมากขึ้น สุดท้ายแก้วกัลยาก็ยอมยื่นโทรศัพท์กลับคืนให้เขา เพทายรับโทรศัพท์จากมือของแก้วกัลยา ครั้งนี้เขาคิดว่าหล่อนต้องเล่นมุกเดิมจึงคิดจะคว้าโทรศัพท์แล้วดึงกลับมา แต่ไม่คิดว่าแก้วกัลยาจะจับมือเขาไว้ในจังหวะที่เขากระชากโทรศัพท์กลับ เป็นเหตุให้แก้วกัลยาถลาเข้ามาตามแรงกระชาก แก้วกัลยาล้มลงมานั่งอยู่บนตักเพทาย แก้วกัลยาเองก็มีสีหน้าตกใจ แต่มันก็หายไปชั่ววินาทีหนึ่ง เธอเปลี่ยนเอามามือทั้งสองข้างมาคล้องคอเขาไว้ และเอียงหน้ามาซบอกกว้างอย่างไม่อายสายตาเขา

“อยากให้เค้ากอดก็ไม่บอก ที่รักไม่ต้องอายนะคะมันเป็นเรื่องธรรมชาติ กอดแล้วหอมแก้มด้วยดีไหมคะ” แก้วกัลยายังเล่นไม่เลิก และแกล้งเขาต่อด้วยความสนุกสนานในใจ เขาพยายามจะแกะมือนุ่มของเธอออก แต่มือตุ๊กแกของเธอไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกง่าย ๆ แถมเจ้าตัวยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูประออก ผู้หญิงสองคนก้าวเข้ามาในห้อง ใบหน้าของแก้วกัลยาและเพทายหันไปมองแขกที่เดินเข้ามา แก้วกัลยากระหยิ่มยิ้มขึ้นมาในใจ เมื่อเห็นแขกที่มาปรากฏกายอยู่หน้าประตูห้อง

“น้องดา” เพทายมองผู้หญิงที่เป็นว่าที่แฟนของเขา เขาพยายามแกะมือที่ไม่ต่างจากตีนตุ๊กแกของแก้วกัลยาออก แต่เจ้าตัวกลับล็อคคอเขาไว้แน่น และยังเอียงหน้าซบอกเหล่ตามองดารินทิพย์ และสุจิราเป็นคนที่เดือดขึ้นมาแทนดารินทิพย์ที่ดูจะมีสีหน้าตกใจเล็กน้อยเท่านั้น

“น่าเกลียดที่สุด” สุจิราเอ่ย ดารินทิพย์มองภาพนั้นและรีบเดินออกไปจากห้อง ส่วนสุจิรามองเพื่อนที่ยอมล่าถอยออกไปง่าย ๆ อย่างไม่พอใจ พลางปลายตามองมาที่แก้วกัลยาอีกครั้ง สุดท้ายก็วิ่งตามเพื่อนออกไป

“ดาหวัน” เพทายเอ่ยเรียกชื่อสาวน้อยที่วิ่งออกไปอย่างตกใจ

“โอ๊ะ ฉันลืมบอกคุณไปได้ยังไงกันนะ ว่าฉันมีมารยาทที่จะไม่รับโทรศัพท์คุณ แต่ฉันก็ไม่มีมารยาทพอจะส่งข้อความไปหาคุณดาหวัน ว้า...ลืมบอกได้ยังไงนะ” เพทายมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตาโกรธ เขาแกะมือแก้วกัลยาออกได้สำเร็จ แต่อาจเป็นเพราะยอมแก้วกัลยาคลายมือออกด้วย มือของแก้วกัลยาจึงหลุดออกมาง่าย ๆ แต่แก้วกัลยาไม่คิดว่าเขาจะกล้าผลักเธอล้มลงไปกองกับพื้นและวิ่งออกจากห้องไป ร่างบางของแก้วกัลยากระเด็นไปชนกับเหลี่ยมตู้ที่ตั้งอยู่มุมห้อง เกิดเป็นรอยแผลเล็ก ๆ และเลือดไหลซึมออกมา แก้วกัลยาเช็ดน้ำที่ไหลลงมาจากหางคิ้วในตอนแรกคิดว่าเหงื่อ แต่เมื่อเห็นเป็นเลือดใบหน้าหวานก็ซีดขึ้นมาทันที

“เลือด เล่นแรงขนาดนี้เลยหรอ ดีถ้าฉันไม่ได้คุณ ฉันจะต้องเล่นงานคุณให้เจ็บแสบเลย” แก้วกัลยาบ่น และดันร่างตัวเองลุกขึ้นยืน สิ่งแรกที่ทำคือไปหาหมอ ใบหน้าสวยของเธอต้องไม่มีรอยแผลเป็นเด็ดขาด แต่เดินมาได้ถึงหน้าประตูห้องก็เห็นเพทายเดินออกจากลิฟต์มา เดาว่าคงตามดารินทิพย์ไปไม่ทัน เขามองแก้วกัลยาด้วยสายตาไม่พอใจ แต่พอหันมาเห็นเลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลเล็ก ๆ ความรู้สึกผิดก็แล่นเข้ามาในใจ

“ที่รักใจร้ายกับเค้ามากไปแล้วนะคะ ครั้งหน้าเค้าจะไม่ยอมให้ที่รักทำกับเค้าแบบนี้ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” แก้วกัลยาเอ่ยและเดินผ่านหน้าเขาไปได้เพียงไม่กี่ก้าว

“เดี๋ยว” แก้วกัลยาหันมาส่งยิ้มให้เขา

“เลิกทำหน้าเหมือนคนบ้าสักที หัวคุณแตกอยู่นะ ไปทำแผลก่อน” แก้วกัลยายิ้มกว้างออกมามากกว่าเก่าและวิ่งเข้ามาเกาะแขนเขาไว้อย่างได้ใจ

“ผมไม่ได้ทำเพราะพิศวาสคุณหรอกนะ แต่เพราะมนุษยธรรมต่างหาก” และเขาก็ดึงแขนตัวเองออกและเดินกลับเข้าไปในห้อง แก้วกัลยายิ้มและมองผู้ชายที่ทำตัวใจร้ายแต่ก็แอบใจดีอยู่ลึก ๆ แบบนี้สามเดือนยังไงเธอก็ต้องคว้าหัวใจเขามาให้ได้อย่างแน่นอน



“ทำแผลเสร็จแล้วก็กลับไปได้แล้ว ผมมีงานต้องทำอีกมาก”

“อะไรกันทำให้เค้าเจ็บตัว แผลก็ปล่อยให้เค้าทำเอง ยังจะรีบไล่เค้าอีกหรอ” แก้วกัลยาทำตาปริบ ๆ อย่างน่าสงสาร ซึ่งเขาก็รู้ว่าเธอกำลังเสแสร้งแกล้งทำ ทำให้ความรู้สึกที่สงสารจริง ๆ ค่อย ๆ หายไป

“คุณแก้วกลัยา”

“โอเคค่ะ ฉันจะกลับก็ได้ แต่คุณเพชรคะ ฉันขอเพิ่มขอเสนออีกข้อได้ไหมคะ” เพทายมองอย่างไม่ไว้ใจ แก้วกัลยาไม่ได้ทำสีหน้าเล่น ๆ เธอจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาเหมือนอยากจะพูดบางอย่าง

“คุณขอเยอะแล้ว”

“ข้อสุดท้ายแล้วค่ะ เพื่อผลประโยชน์ของฉันในสามเดือน คุณก็ได้ประโยชน์เยอะนะคะ”

“ว่ามาครับ”

“ระหว่างนี้อีกสามเดือน จนกว่าการพิสูจน์ใจของฉันจะจบลง คุณห้ามตกลงคบกับคุณดาหวันเด็ดขาด ห้ามหมั้น ห้ามอะไรทั้งนั้น” เพทายนิ่งและเงียบไป

“ทำไมผมต้องทำอย่างนั้น”

“อ้าว ถ้าคุณตกลงคบกัน แล้วฉันจะมีโอกาสได้ยังไง ไม่รู้แหละ คุณต้องตกลง”

“จะช้าจะเร็ววันหนึ่งผมก็ต้องคบกับน้องดา”

“แต่ถ้าฉันยังอยู่ ก็ไม่แน่ แต่คุณสัญญาแล้วว่าจะให้โอกาสฉัน ว่าไงค่ะ ถ้าคุณสัญญากับฉันอีกข้อหนึ่ง วันนี้ฉันก็จะยอมกลับไปก่อน แต่ถ้าไม่ ฉันจะนั่งปักหลักอยู่ตรงนี้ จะตามติดเป็นเงาคุณทั้งวันเลย”

“ก็ได้ ตามที่คุณต้องการ ตอนนี้คุณกลับไปได้หรือยัง”

“ตกลงแล้วนะ อย่าลืมสัญญานะคุณเพชร” เขาพยักหน้า แก้วกัลยาลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้ามาหาเพทาย เขารีบถอยหลังหนีเหมือนเป็นปฏิกิริยาป้องกันตัว จากที่ได้รู้จัก เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไว้ใจไม่ได้ อย่าปล่อยให้เข้าใกล้ หรือถึงตัวเด็ดขาด

“อะไรกัน แก้วเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่เห็นต้องถอยหนีเหมือนกลัวแบบนั้นเลยนี่ค่ะ แก้วไปก็ได้ค่ะ บ๊ายบายค่ะ” แก้วกัลยาเดินออกจากเปิดประตูออกจากห้องไป เพทายถอนหายใจโล่งอกไปอีกวัน แต่หลังจากวันนี้เขาคงต้องปวดหัวไปอีกสามเดือน แต่แค่สามเดือน แลกกับเธอจะตามติดเขาตลอดชีวิตก็ถือว่าคุ้ม

“ที่รัก เค้าลืมให้รางวัลขอบคุณ จุ๊บ” แก้วกัลยาที่เปิดประตูเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เขาก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือตอนที่แก้วกัลยามาประชิดตัวเขาแล้ว พร้อมเอามือคล้องคอและหอมแก้มเขา ก่อนจะวิ่งออกไปแบบที่เขาก็ทำอะไรเธอไม่ทัน เขาได้แต่ยืนนิ่ง อึ้ง ไม่คิดว่าจะเจอผู้หญิงใจกล้าแบบนี้ เขาคิดในใจว่าถ้าเขาไม่อยากปวดหัวทุกวัน ก็ต้องพยายามโยนเธอออกไปห่าง ๆ ให้ได้ในสามเดือนนี้ อย่าเปิดโอกาสให้เธอเข้ามาใกล้เขาได้อีก ไม่อย่างนั้นจะมีแค่เขานี่แหละที่เสียเปรียบผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนี้





“แก้วมั่นใจหรอว่าเสนอไปแบบนั้นแล้วจะทำได้” วันวิวาห์เอ่ยถามพลางจ้องหน้าลูกพี่ลูกน้องสาวที่กำลังตักสลัดเข้าปาก ใบหน้าไร้ร่องรอยของความกังวลใจ

“เธอรอดูแล้วกันวัน ว่าจะทำได้ไหม และอย่างน้อยก็กันท่ายัยดาหวันได้สามเดือน มีเวลาตั้งสามเดือน ยังไงฉันทุ่มหมดหน้าตักกับเดิมพันนี้แล้ว ฉันอยากรู้ว่าระหว่างคนสวย ๆ ที่ไม่ได้มีแค่ความสวยอย่างฉัน แต่มีความเก่งเป็นอาวุธ กับยัยคุณหนูแอ๊บแบ๊ว หน้าใสไร้สมองนั่นคุณเพชรจะเลือกใคร”

“ผู้ชายบางทีก็ไม่ชอบผู้หญิงฉลาดนักหรอกนะ สัญชาตญาณของเพศผู้ ต้องการเป็นผู้นำไม่ใช่ผู้ตาม แต่ท่าทีของแก้วดูเหมือนจะเป็นผู้นำมากกว่านะ แก้วคิดดูสิทำไมผู้ชายที่เข้ามาจีบแก้วถึงหนีแก้วไปหมด”

“ก็พวกนั้นมองไม่เห็นอัญมณีอย่างฉันไง พวกตาถั่ว พวกนั้นนะก็แค่ของผ่านทางให้ฉันหยิบจับคลายเหงา เทียบไม่ได้กับคุณเพชรหรอก คุณเพชรตาไม่ถั่วแบบคนพวกนั้นแน่ เพียงแต่ต้องให้เวลาคุณเพชร”

“แก้วไม่ได้กำลังปลอบใจตัวเองใช่ไหม”

“วันอ่ะ ที่มาเล่าให้ฟังให้ส่งเสริมไม่ได้ให้สกัดแล้วซ้ำเติมนะ”

“แก้วคิดไว้ไหมถ้าครบสามเดือนแล้วคุณเพชรเธอยังไม่ชอบวันเหมือนเดิมแก้วเหมือนเดิม แก้วจะถอยหรือจะเอายังไงต่อ จะเลิกยุ่งกับคุณเพชรได้จริง ๆ หรอ” แก้วกัลยามองหน้าวันและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“วันเธอคิดว่าฉายามาร้ายอสรพิษเนี่ยมันแค่ฉายาหรอ” วันวิวาห์มองลูกพี่ลูกน้องสาวจอมร้ายกาจ โชคดีแล้วที่เธอไม่ได้เกิดมาเป็นศัตรูกับคน ๆ นี้ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าคนที่คิดเป็นศัตรูกับแก้วกัลยาจะอ่อมอรทัยยังไง

“ไม่กลัวคุณเพชรเขาโกรธหรอ เล่นไปสัญญากับเขาแบบนั้น”

“ถึงวันนั้นก็รู้เองแหละ"

“คุณวันคะ มีคนส่งดอกไม้มาให้คะ” พยาบาลเดินถือช่อดอกไม้เข้ามาให้วันวิวาห์ในห้องพักแพทย์ ซึ่งเวลานี้เป็นเวลาพักระหว่างรอการผ่าตัดในตอนบ่ายของวันวิวาห์

“แล้วก็อันนี้ของคุณคีย์ค่ะ เธอแวะมาฝากให้” วันวิวาห์มองถุงขนมที่วางลงบนโต๊ะ

“ขอบคุณมากค่ะ ดอกไม้นี่ฉันฝากให้คุณแพรวช่วยเอาไปให้คนไข่ห้อง 512 ด้วยค่ะ บอกว่ามีคนฝากกำลังใจมาให้” พยาบาลสาวก้มมองช่อดอกกุหลาบในมือสลับกับมองหน้าวันวิวาห์เหมือนจะถามว่าจะดีหรอคะ

“เถอะค่ะ เขาให้ฉันมาแล้ว ฉันจะให้ใครต่อก็คงไม่เป็นไร”

“แล้วขนมล่ะคะ”

“ขนมนี่...เดี๋ยวฉันเอากลับไปให้น้องฉันทานก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” พยาบาลสาวเดินออกไป แก้วกัลยามองพยาบาลที่เดินออกไปและยิ้มอย่างมีเลศนัย

“มีหนุ่มที่ไหนมาฝากรักไว้กันนะ ช่อดอกไม้ไม่รับแต่รับขนม แถมเป็นคนละคนให้ด้วย คุณคีย์คนนี้เป็นใครน่ะวัน เห็นพยาบาลชอบพูดถึงหลายทีละ ขนมที่ได้กลับบ้านทุกวันนี่ก็คงเป็นของคุณคีย์คนนี้สินะ น่าสนใจ ๆ”

“ไม่มีอะไรหรอก ขนมพวกนี้รักชอบกิน เอากลับไปให้รัก ใครฝากขนมมาวันก็เอากลับบ้านทุกทีนั่นแหละ” แก้วกัลยาพยายามจับผิดใบหน้านิ่ง ๆ ที่ไม่ส่อพิรุธใด ๆ พลางมองขนม ก็จริงอย่างที่วันวิวาห์พูด เพราขนมที่เอากลับไปไม่เคยตกถึงท้องวันวิวาห์ เพราะเมื่อวางบนโต๊ะปุ๊บมันก็ตกถึงท้องรักจิราในทันที

“แต่คุณคีย์คนนี้คนทั้งโรงพยาบาลพูดถึงชื่อเสียงเรียงนามพอ ๆ กับคุณตำรวจมาดเข้มคนนั้นเลยนะ”

“ผู้กองยศวินก็เป็นญาติคนไข้ของวัน เลิกทำสีหน้าเหมือนจะจับคู่ให้วันเถอะ”

“แต่ไม่ลองเก็บไว้พิจารณาบ้างหรอวัน อย่าเอาเรื่องไม่ดีในอดีตของพ่อแม่มาตัดสินชีวิตตัวเองสิวัน ฉันไม่อยากให้เธอต้องอยู่คนเดียวไปจนตายหรอกนะ”

“รีบกินเถอะ เดี๋ยววันต้องขึ้นไปประชุมเคสคนไข้แล้ว”

“ตามเคยสินะ” แก้วกัลยาเอ่ยและรีบจัดการสลัดตรงหน้า









.....ติดตามตอนตอ่ไป...

เจ๊แก้วจะทำอะไรต่อช่วยกันติดตามในตอนหน้านะคะ
แน่นอนใครไม่ชอบนางเอกแบบมีลูกบ้าที่ทำใหญ่ทุกงาน
ก็ทนรอคนน้อย ๆ อย่างเจ๊ขวัญ และล้น ๆ อย่างรัก
ขอบคุณที่เข้ามาติดตาม ช่วยเป็นกำลังใจให้กันต่อไปนะคะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ค. 2558, 10:41:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2558, 12:57:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 874





<< ตอนที่ 2 พรหมไม่ลิขิตแก้วลิขิตเอง   ตอนที่ 4 ปองรักปองร้าย >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account