กลรัตติกาล
เรื่องต่อ ซ่อนใจไว้ใต้ดาว ชุดเสน่หาฆาตกรรม
หลงกลิ่นจันทน์ , ซ่อนใจไว้ใต้ดาว , กลรัตติกาล
หลงกลิ่นจันทน์ , ซ่อนใจไว้ใต้ดาว , กลรัตติกาล
Tags: กลรัตติกาล คีตา ณิชนิตา
ตอน: บทที่ ๒๒ กระจกเงา(๒)
รัตติกาลก้าวลงจากรถยนต์ของตัวเองก่อนจะเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ เธอเหลียวมองหาชั้นวางอาหารสัตว์ ภาพที่เธอเห็นในกระจกตู้แช่เครื่องดื่มถึงกับทำให้รัตติกาลชะงักเงาของหญิงสาวในชุดเปรอะเปื้อนเลือดสีแดง ผมยาวหลุดรุ่ยปกปิดใบหน้า รัตติกาลพยายามใจแข็งถอยหลังออกมาเพื่อหลบเลี่ยงสิ่งที่มีเพียงเธอเท่านั้นมองเห็น ทว่าพอเงยหน้าขึ้น ใบหน้าอันคุ้นเคยเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาแดงก่ำจ้องเธอด้วยแววตาอ้อนวอน รัตติกาลไม่เคยลืม...จำเพื่อนรักได้ทุกขณะจิต
ธัญญา!
ร่างของเธอสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว ดวงตาจ้องมองภาพที่เห็นนั้นอย่างระแวง รู้สึกถึงขาตัวเองไม่ยอมก้าวออกไปไหน ตลอดเวลาการพบเจอเหล่าภูตผีทั้งยอมปรากฏตัวให้เห็นและไม่แสดงกาย เธอไม่เคยหวาดกลัวเท่า...คนรู้จัก
“คุณ...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” พนักงานในร้านเดินเข้ามาสะกิดรัตติกาลเบาๆ จ้องเธอด้วยความสงสัยเพราะเห็นหญิงสาวยืนตัวแข็งทื่ออยู่นานแล้ว รัตติกาลสะดุ้งหันขวับไปมองพนักงาน ก่อนเหลือบมองภาพในกระจกเงาอีกครั้ง ไม่มีแล้ว...ธัญญาหายไปแล้ว
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“ฉันเห็นคุณยืนจ้องตู้แช่อยู่นานแล้วนะคะ แถมทำสีหน้าตกใจนึกว่าเป็นอะไรเสียอีกค่ะ”
“ไม่ค่ะ คิดเงินเลยดีกว่าค่ะ” รัตติกาลปฏิเสธพร้อมกับยื่นตะกร้าซึ่งใส่ถุงอาหารแมวและขนมสองสามห่อให้กับพนักงาน
หลังจากคิดเงินเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงกลับมาที่รถซึ่งจอดอยู่ริมถนนด้านหน้าของร้านนั่นเอง หญิงสาวมัวแต่คิดถึงเหตุการณ์อันน่ากลัวที่ผ่านมานั้น โดยไม่ทันได้ระแวดระวังตัว มองไม่เห็นชายชุดดำซึ่งตรงเข้ามาหา จนมือของคนร้ายคว้าตัวเธอไว้ อีกมือตะปบปิดปากเธอเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมาได้
รัตติกาลดิ้นรนให้หลุดจากการเกาะกุมของคนร้าย ปากซึ่งพยายามร้องออกมา ทว่าทุกสิ่งถูกปิดทางไว้หมด มือยังพยายามปัดป้องถูกจับไว้แน่นด้วยแรงอันมากมายของคนร้าย รัตติกาลเห็นประตูรถตู้เปิดอ้าออก เธอกำลังถูกลักพาตัว!
หญิงสาวถูกผลักขึ้นรถ ดวงตาเธอหวาดกลัว เหลือบมองหาคนช่วย รถยนต์ของอชิตะแล่นผ่านมาพอดี เธอจำได้ว่า นั่นคือ รถเพื่อนของเธอ แต่หญิงสาวไม่สามารถร้องเรียกพวกเขาได้ ปากเธอถูกปิดแน่นด้วยมือหนาของคนร้าย เท้าทั้งสองถูกรวบไว้แน่นหนา รถของอชิตะหยุดพร้อมกับประตูรถตู้ถูกเลื่อนปิดลง
“เฮ้ย! นั่นรัตติกาลนี่ เกิดอะไรขึ้น” เสียงของอชิตะทักท้วงขึ้น สีหน้าของเขาตื่นตระหนกตั้งแต่เห็นร่างของรัตติกาลถูกรวบไว้แล้วนำเข้าไปในรถตู้อีกฟากถนน
มโนชามองตามนิ้วของชายหนุ่ม หน้าตาตื่นตระหนกไม่แพ้กัน “แย่แล้ว รัตถูกจับตัวไป ทำไงดีๆ จอดรถๆ”
อชิตะรีบทำตามที่หญิงสาวสั่ง พอจอดรถได้ มโนชาก็รีบเปิดประตูรถวิ่งออกไปแต่เพราะรถราบนถนนกำลังแล่นผ่านไปมาอย่างรวดเร็วทำให้เธอชะงัก ไม่ทันจะวิ่งเข้าไปช่วยเพื่อนไว้ได้ รถตู้ก็ออกตัวแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว
“บ้าเอ๊ย!” มโนชาสบถออกมาอย่างหัวเสีย
ชายไทจ้องที่เกิดเหตุด้วยแววตานิ่งๆ สีหน้าเคร่งขรึม คราวนี้เขาไม่มีทีท่าวางเฉยเหมือนทุกครั้งที่เกิดเรื่องอะไรก็ตาม หลังจากที่มโนชาและอชิตะโทรศัพท์บอกเล่าเหตุการณ์อันระทึกนั้นด้วยเสียงอันสั่น ชายหนุ่มคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าจะรวดเร็วขนาดนี้ ปวีร์ลอบมองเพื่อนเก่าเพียงเล็กน้อย
“ทางนี้ให้ตำรวจจัดการไปนะ ฉันจะไปสืบเรื่องที่ทำค้างไว้ต่อ เผื่อว่าจะสาวไปได้ว่าใครกันแน่ที่จับตัวคุณรัตติกาลไป”
ชายไทพยักหน้าแทนคำตอบ เขารู้ดีว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปวีร์ขอตัวออกไปก็คือ ผู้คนที่เริ่มมากมาย อีกทั้งปวีร์ไม่ค่อยชอบตำรวจนักนั่นเอง ชายหนุ่มเหลือบมองนายตำรวจที่ก้าวเข้ามาหา สีหน้าไม่สู้ดีนัก
“อ้าว ปวีร์กลับแล้วเหรอ ผลุบๆ โผล่ๆ ตลอด” หมวดจรินทร์ถาม ชายไทพยักหน้ารับ
“ตกลงได้เรื่องบ้างไหมครับ”
“มีกล้องวงจรปิด คนร้ายทำการอุกอาจมาก ทำเหมือนไม่กลัวถูกจับ”
“คงรีบทำจนไม่ได้สนใจเรื่องรายละเอียดมากนัก ดูเหมือนจะหมดทางแล้วจริงๆ ผมควรอยู่กับรัตติกาล...” ปลายประโยคเหมือนโทษตัวเอง หมวดจรินทร์จ้องด็อกเตอร์พร้อมกับเอื้อมมือแตะบ่าเบาๆ
“คุณควรบอกผมด้วย ไม่ใช่คิดแก้ปัญหาคนเดียว แล้วเรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าหรอกนะด็อกเตอร์”
“ความจริงชายให้ผมกับมโนชามาเฝ้ารัตติกาลแต่ ผมพลาดเองครับ ไม่คิดว่า มันจะเป็นแผนหลอกล่อของนายปุณณภพ”
“อย่าคิดมากเลย คนร้ายรอโอกาสนี้อยู่แล้ว ตอนนี้เราต้องหารัตติกาลให้เจอ อ้อ...เรื่องคนขับรถบรรทุกที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของคุณรัตติกาล ถูกยิงตายในหนองน้ำนั่น สาวไปถึงขบวนการยาเสพติดจริงๆ แต่ที่ถูกฆ่าไม่เกี่ยวกับเรื่องยาเลย สามของผมบอกว่ามีคนจ้างให้เก็บปิดปากบางเรื่อง อาจจะเกี่ยวกับอุบัตติเหตุเก่านั่น แล้วผลชันสูตรศพของท่านนายพลออกมาว่า ท่านกับคนขับรถมีสารชนิดหนึ่งคล้ายยากล่อมประสาทอยู่ในตัว เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ”
“ผมเคยได้ยินรัตติกาลพูดว่าเธอเคยได้รู้สึกเหมือนเมาแต่ไม่ได้ดื่มจนถึงขนาดเมา ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ระยะหนึ่ง ตอนเกิดอุบัติเหตุก็เหมือนกัน รู้สึกง่วงแล้วก็หลับไป ตื่นมาอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว” ชายไทอธิบายสีหน้าครุ่นคิด
“ไม่แน่อาจเป็นยาตัวเดียวกัน แต่ใครกันที่ทำแบบนี้ได้ ต้องเป็นคนสนิทชิดเชื้อถึงขนาดเอาอาหาร เครื่องดื่มให้กันได้ กินโดยไม่ระแวดระวัง อ้อ...คนตายในหนองน้ำน่ะ รู้จักกับทนายของนายพลปราการด้วยนะ ได้ยินว่าเขาเข้าไปดูแลผับที่หนึ่งด้วย” หมวดจรินทร์เล่า
“เรื่องยากล่อมประสาท นายปุณณภพเคยใช้กับรัตติกาลมาก่อน หมวดคงหมายผู้ต้องหาไว้แล้วใช่ไหมครับ แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุปเลย ผมว่า...อาจไม่เป็นตามที่คิดเท่าไหร่”
หมวจรินทร์เลิกคิ้วสูงประหลาดใจกับเรื่องที่ตัวเองได้ยิน แม้เป็นไปตามคาดแต่ทำไมด็อกเตอร์ชายไทถึงได้คิดว่าเรื่องราวมันมีมากกว่านั้นเล่า
“เรื่องนี้เอาไว้ก่อน เราต้องตามหาคุณรัตติกาลให้เจอ...เข้าไปดูกล้องวงจรปิดกันเถอะ” หมวดจรินทร์เอ่ยก่อนจะก้าวเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ
ภาพภายในจอคอมพิวเตอร์นั้นไม่ได้ละเอียดมากนักแต่ก็มองเห็นลักษณะของคนร้ายได้ถนัด ชายชุดดำสามคนพยายามปลุกปล้ำนำตัวรัตติกาลเข้าไปในรถตู้จนสำเร็จ หนึ่งในคนร้ายมีรูปร่างเพรียวบางเป็นจุดเด่นซึ่งชายไทรู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน
เหมือนว่าเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน...
“พวกมันปิดหน้าตาไว้หมด คงต้องตามกับป้ายทะเบียนรถไปก่อน”
“ผมคุ้นกับคนร้ายคนนี้จัง” ชายไทเอ่ยออกมาน้ำเสียงเบา คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างแก้ปริศนาที่ตัวเองตั้งขึ้นมาไม่ได้
“ไม่เห็นหน้าอย่างนี้ แค่รูปร่างด็อกเตอร์ก็จำได้เหรอครับ แต่ตำรวจต้องการหลักฐานมากกว่าความคุ้นตานะครับ”
“ผมเข้าใจครับ” คำตอบรับนั้นเบาจนนายตำรวจหนุ่มเหลือบมองสีหน้าของชายไท
หมวดจรินทร์เอื้อมมือเข้ามาตบบ่าเบาๆ เป็นการปลอบใจ ชายไทพยักหน้ารับ
“ผมไม่เป็นไร” ชายไทตอบกลับไปก่อนจะเดินออกมา
“ผมให้คนดูนายไพรัชแล้ว ถ้ามีความผิดปกติผมจะแจ้งให้ทราบทันที”
“ขอบคุณครับ” ชายไทได้แต่กล่าวเช่นนั้น เขาพูดอะไรไม่ออก เขาพลาดเองที่ไม่ดูแลรัตติกาลให้ดี เป็นช่องโหว่ให้คนร้ายเลือกจับตัวเธอไป เขาหลงกลเอง...พลาดเองจริงๆ
ความมืดโรยตัวรอบบริเวณนั้น รัตติกาลเหลือบมองไปทั่วอย่างหวาดระแวง ช่วงที่ถูกจับมานั้นเธอไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดจนมาฟื้นขึ้น สิ่งที่เธอเห็นเป็นสิ่งแรกกลับกลายเป็นใบหน้าซีดขาวราวกระดาษของธัญญา
รัตติกาลผงะถอยหลังกรูดไปตามพื้นคอนกรีต ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว แต่เพียงไม่กี่นาทีร่างโปรงแสงนั้นกลับเลือนหายไป สถานที่กักขังเธอน่าจะเป็นตึกร้างที่ไหนสักแห่ง เธอได้กลิ่นเหม็นเน่า ซากหนู แม้กระทั่งแมลงสาบวิ่งพล่านไปทั่ว ผนังด้านหลังเต็มไปด้วยสีพ่นตัวอักษรยุ่งเหยิงเต็มไปหมด บรรยากาศน่าสะอิดสะเอียนจนแทบอยากอาเจียน
“ฟื้นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มชุดดำเอ่ยขึ้น รัตติกาลเงยหน้าขึ้นมองคนถาม เขาไม่ได้ปกปิดหน้าตาเหมือนตอนที่จับตัวเธอมา ใบหน้าดูคุ้นตานั้นทำให้คิ้วสวยของเธอเริ่มขมวดเข้าหากัน
“แก...คือ...”
“จำได้เหรอ ปกติไม่ค่อยมีคนอยากจดจำผมเท่าไหร่ แม้กระทั่งแฟนของคุณ”พิรักษ์กล่าวสีหน้านิ่งๆ
“ทำไมทำอย่างนี้”
“คิดว่าทำไมละ ผมอยากได้เงิน ก็แค่นั้น” พิรักษ์ตอบดวงตาเปล่งประกายความสนุกเมื่อได้จ้องตาหญิงสาว
“ฉันจะให้มากกว่าแค่ปล่อยฉันไป”
พิรักษ์หัวเราะออกมาเสียงดัง ทรุดตัวลงนั่งยองๆ ก้มหน้าลงมาใกล้หญิงสาว “ฉลาด...แต่เสียดาย นอกจากเงิน ผมยังอยากได้ความสะใจด้วย ถ้าคุณเป็นอะไรไป...ไอ้ด็อกเตอร์นั่นมันคงช็อกตายด้วย”
“เขาไม่ได้ฆ่าพี่ชายนายนะ มันคืออุบัติเหตุ” รัตติกาลพยายามอธิบาย
“ถ้ามันไม่วิ่งไล่พี่ผม ก็คงไม่เกิดเรื่องไม่ใช่เหรอ มันยอมรับมาตลอด ไม่เคยปฏิเสธเลย ไอ้การก้มหน้ายอมรับ ขอโทษแค่นั้นคิดว่าจบ ฉันจะไม่จบ...ไม่มีทาง”
รัตติกาลได้แต่มองหน้าเด็กหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมถึงได้ไม่มีเหตุผลอย่างนั้น ชายไทไม่ได้รู้สึกดีกับการกระทำของตัวเองในครั้งเก่าก่อนเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าใครที่เคยทำผิดก็คงรู้สึกไม่แตกต่างกัน...
แม้ว่าเสียใจ สำนึกกับความผิดที่ผ่านมา แต่...ชีวิตของเราก็ต้องก้าวต่อไป
“นายจะให้เขาสำนึกอะไรอีก เขายังต้องใช้ชีวิตต่อไป นายก็เหมือนกัน ก็ต้องใช้ชีวิตตัวเองต่อไป ทำไมนายต้องเอาอนาคตตัวเองมาทิ้งเพราะความคิดแค้นบ้าๆ นั่นด้วย นายยังเด็กนะ...”
“ฉันมีอนาคตด้วยเหรอ ฉันไม่เคยมีตั้งแต่พี่ชายตายแล้ว ตั้งแต่พี่ตายพ่อก็เอาแต่กินเหล้า แม่ก็ไม่ค่อยกลับบ้าน เพราะต้องหาเงิน อนาคตเหรอ...ไอ้คนจนอย่างเราจะหาข้าวกินยังไม่มีเลย สู้พวกคนรวยอย่างแก อย่างไอ้ด็อกเตอร์นั่นได้ที่ไหน พอทำผิดก็แค่เอาเงินยัด...ฟาดหัวคนอื่นด้วยเงิน...เรื่องก็จบ”
“ชายไทไม่เคยสบายใจกับเรื่องนี้เลย เชื่อฉันเถอะ ฉันจะช่วยนายเองนะ ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งเงินหรือว่าอยากเรียนต่อ อยากทำงาน ฉันสามารถช่วยได้” รัตติกาลเริ่มต่อรอง หวังว่าอย่างน้อย พิรักษ์น่าจะคิดได้บ้าง เธอมีเงินให้เขา มีโอกาสให้เขาได้มีอนาคตต่อไปได้
“เสียเวลา...เธอคิดว่าแผนนี้จะได้ผลเหรอ ฉันไม่เปลี่ยนใจหรอก...”
ใบหน้ารัตติกาลซีดเผือดลงทันที คงถึงเวลาของเธอจริงๆ แล้วสินะ... “ก่อนจะทำอะไรฉัน ขอถามหน่อยได้ไหม ใครว่าจ้างเธอมาจับตัวฉัน”
พิรักษ์จ้องตาหญิงสาวอย่างจริงจัง ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ริมฝีปากขยับเม้มจนเกือบเป็นเส้นตรง...ยิ่งเห็นแววตาอ้อนวอนของรัตติกาล ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวกลับอ่อนแสงลง
ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ค. 2558, 07:49:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ค. 2558, 07:49:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 1247
<< บทที่ ๒๒ กระจกเงา(๑) | บทที่ ๒๓ แผนพลาด(๑) >> |
konhin 28 พ.ค. 2558, 09:40:58 น.
ปล่อยเสือเข้าป่า ดูดิ แว้งกัดเลย
ปล่อยเสือเข้าป่า ดูดิ แว้งกัดเลย