แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"

โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"

แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี

แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน

ตอน: ตอนที่ 5 คุณต้องรับผิดชอบ



5
คุณต้องรับผิดชอบ



วันวิวาห์มองนาฬิกาที่ตอนนี้เกือบจะสองทุ่มแล้ว แต่แก้วกัลยายังไม่มาสักที เมื่อกดโทรออกสายก็ไม่มีใครรับ จนแก้วกัลยาอดเป็นห่วงไม่ได้ ปกติถ้าจะมาช้าแก้วกัลยาจะต้องโทรมาบอก เสียงรถพยาบาลดังใกล้เข้ามาและจอดลง วันวิวาห์มองบุรุษพยาบาลที่พาตัวผู้ป่วยลงจากรถ แน่นอนว่าเธอรู้จักผู้ป่วยทั้งสองคน คนหนึ่งคือนักร้องหนุ่มที่พึ่งเจอกันเมื่อเช้า แต่อีกคนคือญาติผู้พี่ของเธอ วันวิวาห์วิ่งตามรถพยาบาลเข้าไป ในมือกดต่อสายโทรหารักจิรา

(ว่าไงเจ๊วัน เค้ากำลังจะออกจากสำนักงานไปที่ร้าน)

“ไม่ต้องไปแล้ว มาที่โรงพยาบาลวรรณเวศย์ด่วนเลย แก้วประสบอุบัติเหตุ” วันวิวาห์กดตัดสายทิ้งและวิ่งไปรออยู่หน้าห้อง จากที่มองตามไปอาการภายนอกของแก้วกัลยาไม่เป็นอะไรมาก แต่ภายในคงต้องรอดู รักจิราที่ตามมาสมทบที่หลังรีบเดินเข้าไปด้านใน ซึ้งตอนนี้ภายในโรงพยาบาลคับคั่งไปด้วยกองทัพนักข่าวที่มารอสัมภาษณ์ และดูอาการนักร้องคนดัง รักจิราเดินเข้าไปในห้องที่แก้วกัลยาพักฟื้นอยู่ แก้วกัลยายังคงหลับเพราะฤทธิ์ยาหลังจากถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล โชคดีที่อาการไม่ได้สาหัส มีเพียงรอบฟกช้ำ เศษกระจกรถ มีบาดแผลตามตัวเล็กน้อย นอกนั่นอาการปกติทุกอย่างอาจเพราะรถมีระบบเซฟตี้รองรับไว้ ถึงทำให้เธอและคีตภัทรรอดตายมาได้

“นักข่าวเต็มเลยสงสัยจะมารอทำข่าวคีตะ ว่าแต่เจ๊แก้วไปทำอีท่าไหนถึงเป็นอย่างนี้ได้”

“ตำรวจบอกว่าแก้วขับรถเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่เรื่องราวยังไงคงต้องรอถามแก้ว แล้วก็ต้องรอตำรวจตรวจสอบอีกครั้ง” วันวิวาห์เอ่ย

“แล้วคุณคีตะเขามาเกี่ยวอะไรด้วย”

“แก้วยังไม่เล่าให้รักฟังสินะว่าต้องไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้คีตะ” รักจิราพยักหน้าและมองเปลือกตาของแก้วกัลยาที่กำลังขยับและลืมขึ้น เหมือนเจ้าตัวจะยังงง ๆ และยังตื่นไม่เต็มที่

“กรี๊ด!!!” แก้วกัลยาส่งเสียงร้องขึ้น สองสาวรีบเข้าไปดูอาการเสียขวัญของแก้วกัลยา

“เจ๊แก้ว เจ๊แก้ว นี่เค้าเอง ตัวปลอดภัยแล้ว ตัวไม่เป็นอะไรแล้ว” แก้วกัลยามองสองสาว ท่าทีผวาจากความกลัวค่อย ๆ หายไป เธอคิดว่าเธอจะตายไปแล้ว วินาทีนั้นถ้าเธอหักหลบไม่ทัน เธอตายแน่เธอเกือบจะไม่มีชีวิตแล้ว

“แก้ว โอเคไหม” แก้วกัลยาพยักหน้า ใบหน้าค่อย ๆ คลายความตกใจลง รักจิราเดินไปเทน้ำใส่แก้วส่งให้แก้วกัลยาดื่ม เมื่อท่าทีหอบเหนื่อยจางลง รักจิราก็เริ่มต้นถามบ้าง

“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆ รถถึงคว่ำได้”

“มีคนจะฆ่าคีตะ พวกมันส่งจดหมายขู่มา ตอนแรกฉันคิดว่าคงไม่มีอะไร แต่พวกมันจงใจจะฆ่าพวกเรา ตอนฉันขับรถออกจากงานคอนเสิร์ตฉันเห็นรถคันหนึ่งขับตามมา ฉันคิดว่าใกล้จะเข้าตัวเมืองมันคงไม่กล้ายิง แต่มันยิง รู้ไหมว่าฉันคิดว่าฉันต้องตายแน่ ๆ ยิ่งตอนที่เงยหน้าขึ้นไปแล้วเจอรถตู้กำลังวิ่งออกมาจากซอย ฉันพยายามเบรกแต่เบรกมันไม่ทำงาน ฉันคิดว่าพวกมันคงแอบไปตัดสายเบรก ถ้าตอนนั้นไม่หักหลบ ฉันกับคีตะคงได้ตายในรถไปแล้ว”

“แล้วตัวจะเอายังไงต่อเจ๊แก้ว”

“เอาเรื่องไง” รักจิรามองใบหน้าที่กรุ่นโกรธของแก้วกัลยา “คุณเพชรจะต้องรับผิดชอบ ฉันบอกเขาแล้วว่ามันไม่ใช่แค่จดหมายขู่ เซ้นส์ฉันแรงจะตาย โอ๊ย!!!” แก้วกัลยาที่เผลอขยับตัวร้องเมื่อรู้สึกปวดไปตามร่างกาย

“นอนเถอะเจ๊แก้วตื่นมาค่อยว่ากันใหม่ คืนนี้เดี๋ยวเค้ากับเจ๊วันจะอยู่เฝ้าตัวนะ”

“ไม่ต้องหรอก กลับบ้านไปเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว แค่อยู่โรงพยาบาลฉันอยู่ได้ ฉันไม่ใช่ขวัญไม่ต้องทำท่าเหมือนฉันเปราะบาง ไป ๆ กลับไปกันได้แล้ว” ทั้งสองทำหน้าไม่มั่นใจ

“เค้ารู้ว่าตัวไม่น่าประคบประหงมเท่าเจ๊ขวัญ ตัวมันถึก แต่ยังไงก็...”

“ฉันจะตบปากแก ถ้าแกไม่กลับบ้านไปตอนนี้ ฉันจะกลับบ้านแทนแก” ทั้งสองเลยต้องเดินออกไปทันที เพราะแก้วกัลยาเคยขู่ใครที่ไหน ถ้าบอกว่าจะทำก็ทำแน่นอน เมื่อทั้งหมดเดินออกไปทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบ แก้วกัลยาหลับตาลง เก็บแรงไว้เผชิญกับปัญหาในวันพรุ่งนี้




“กรี๊ด!!!”

เพล้ง!!!!

รักจิราและวันวิวาห์ที่กำลังยืนอยู่หน้าห้อง มองหน้ากันอย่างตกใจ รักจิราที่ไวกว่าเปิดประตูวิ่งเข้าไปในห้อง ในขณะที่วันวิวาห์รู้สึกว่าเหตุการณ์นี้มันคุ้น ๆ เหมือนมันพึ่งจะเกิดขึ้นต่างแค่คนและสถานที่ เมื่อเดินเข้าไปก็เห็นคนบ้า ไม่สิ แก้วกัลยากำลังทำลายข้าวของที่อยู่ใกล้ตัวอย่างบ้าคลั่ง แก้วน้ำในมือปามันลงพื้นจนแตกกระจาย ที่พื้นมีก้อนหนังสือพิมพ์ที่ขยำจนเป็นก้อนโยนทิ้งอยู่ที่พื้น ใบหน้าสวยแม้ไม่มีเครื่องสำอางกำลังเปลี่ยนเป็นหน้ายักษ์ รักจิราก้มหลบหมอนที่ปาเข้าใส่ผนังระบายความโกรธที่ปะทุขึ้นมาเรื่อย ๆ รักจิรามองจนแก้วกัลยาหาของที่อยู่ใกล้มือปาไม่ได้จึงเดินข้ามเศษแก้วและข้าวของที่กระจัดกระจายไปหยิบก้อนหนังสือพิมพ์ฉบับบันเทิง ก่อนจะเห็น และทำหน้าเหมือนจะเข้าใจในทันที เมื่อวานตอนอยู่ช่วยตรวจต้นฉบับที่ส่งมา เธอก็เห็นข่าวนี้ผ่านตาเธอมาแล้ว

“ตัวเลิกบ้าก่อนเจ๊แก้ว มันก็แค่ข่าวเอง”

“คุณเพชรทำแบบนี้ได้ยังไง ฉันต้องมานอนแบ๊บแบบนี้เพราะเขา ถ้าเขาเชื่อฉันส่งคนมาคุ้มกันคีตะ ฉันก็จะไม่ต้องมาเป็นแบบนี้ นี่ฉันนอนอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวาน เขายังไม่แม้แต่มาเยี่ยมฉัน มีหน้าไปเดินจูงมือกันแบบนี้อีกหรอ ฉันไม่ยอม”

“พอแล้วเจ๊แก้ว ตัวทำเสียงดังโครมคราม กรี๊ดกร๊าดเดี๋ยวคุณพยาบาลก็ขึ้นมาว่า แล้วนี่ตัวไปทำลายข้าวของเพื่ออะไร ทำแล้วช่วยให้คุณเพชรเธอไม่ไปเดินกับคุณดาหวันได้หรอ แล้วตัวไม่กลัวหรือไง โมโหมาก ๆ ระวังเถอะตีนกาจะขึ้น อายุจะเข้าเลขสามอีกไม่กี่เดือนแล้ว แก่ก่อนจะสี่สิบอย่าหาว่าเค้าไม่เตือน อารมณ์ก็ไม่ต่างจากคนวัยทองยังจะหน้าแก่เร็วอีก”อารมณ์ที่สงบลงเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินรักจิราพูด

“ไอ้รัก!!!”

“พอได้แล้ว นี่มันโรงพยาบาลนะแก้ว รัก” วันวิวาห์เป็นคนที่ทนไม่ไหว ด้วยเธอก็ทำงานในโรงพยาบาล และโรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่ต้องการความสงบ แต่สองสาวเล่นมาแข่งกันใช้เสียง ปกติคนห้ามทัพทั้งสองต้องเป็นขวัญชีวัน แต่นี่ขวัญชีวันไม่อยู่ ถ้าเธอไม่ห้ามห้องได้แตกแน่

“ก็...”

“ฉันว่านะแก้วเอาเวลาพักผ่อน แล้วออกจากโรงพยาบาลไปจัดการกับเขาเองดีกว่า มานั่งกรีดร้องเป็นคนบ้ามันไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะ ส่วนรัก นี่ใกล้จะแปดโมงแล้ว ไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวเจ๊ดูแก้วเอง” รักจิราเลือกจะไม่เถียงเมื่อเจอโหมดดุของวันวิวาห์ที่หน้ากลัวกว่าแก้วกัลยาที่ชอบส่งเสียงเป็นมลพิษทางหูเสียอีก

“ไปก็ได้” รักจิราเดินออกไปจากห้อง ในห้องเหลือเพียงแค่แก้วกัลยาและวันวิวาห์ วันวิวาห์เดินไปกดโทรศัพท์ต่อสายให้แม่บ้านมาเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายทั่วห้อง

“เป็นไงดีขึ้นไหม” แก้วกัลยาที่นั่งสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็พยักหน้า

“ฉันออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่”

“อาการไม่มีอะไรร้ายแรงมาก พรุ่งนี้เช้าก็กลับบ้านได้แล้ว” วันวิวาห์ตอบ

“วันนี้ได้ไหม เดี๋ยวนี้ได้เลยยิ่งดี” วันวิวาห์มองความใจร้อนของญาติผู้พี่ “ฉันไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ นะวัน ขอร้องล่ะ ถ้าฉันไม่ได้ออก ฉันต้องนอนไม่หลับ อยู่ไม่สุขนะ” วันวิวาห์รู้ว่าถ้าแก้วกัลยาอยู่ในโหมดอยากได้ ต้องได้ อยากทำต้องทำ ใครก็ขัดไม่ได้ ถึงเธอไม่อนุญาต แก้วกัลยาต้องมีวิธีออกไปแน่นอน

“ก็ได้เดี๋ยวฉันไปคุยกับหมอหวาให้ แต่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรที่ทำให้ตัวเองต้องเป็นอันตราย ต้องดูแลตัวเองให้ดีห้ามไปก่อเรื่องจนกว่าจะหาย” แก้วกัลยาพยักหน้ารับ

“เอ่อ...ฝากไปดูคีตะด้วยนะวัน ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง” วันวิวาห์พยักหน้าและเดินออกไป แก้วกัลยามองบานประตูที่ปิดลงก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองกดโทรหาคุณมงกุฎทันที

“คุณมงกุฎมารับแก้วที่โรงพยาบาลวรรณเวศย์ด้วยนะคะ ด่วนเลยค่ะ” แก้วกัลยากดวางสาย ตอนนี้เธอกำลังคิดแผนเผด็จศึกเพทาย เธอไม่ยอมแน่ เธอเจ็บขนาดนี้ยังไม่มาให้เธอแสดงมารยาใส่อีก เดี๋ยวได้รู้กัน แก้วกัลยาทำหน้าตาเจ้าเล่ห์และยิ้มออกมากับแฟนการอันบรรเจิดของเธอที่วิ่งอยู่ในหัว




แก้วกัลยาเปิดประตูโดยใช้มือข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกเดินลงจากรถ คุณมงกุฎถือกระเป๋าวิ่งตามขึ้นไปเพราะกลัวเจ้านายสาวจะไปก่อเรื่อง แก้วกัลยากดลิฟต์ขึ้นไปชั้นยี่สิบเจ็ดซึ่งเป็นชั้นผู้บริหาร มินตราที่กำลังนั่งพิมพ์งานอยู่หันมาเห็นมองสภาพแก้วกัลยาด้วยความตกใจและวิ่งเข้ามาขวางไว้เมื่อรู้ว่าแก้วกัลยาจะเข้าไปในห้อง

“หลบไป”

“ไม่ได้นะคะ ท่านประธานมีแขก ไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบ แล้วคุณแก้วออกจากโรงพยาบาลแล้วหรอคะ ท่าทางยังไม่หายเลยนะคะ” มินตราพูดและมองใบหน้าที่ซีดกว่าทุกวันของแก้วกัลยา รวมถึงสภาพร่างกายที่ไม่อำนวย

“หลบไปมินตรา”

“คุณแก้ว มินขอร้องนะคะ ให้มินโทรเข้าไปแจ้งท่านประธานก่อน” แก้วกัลยามองคนที่พูดไม่รู้เรื่อง

“คุณมงกุฎฝากด้วยนะคะ” มงกุฎเดินเข้ามากันตัวมินตราไว้ แก้วกัลยาก็รีบเปิดประตูเดินเข้าไป สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้แก้วกัลยากำมือขวาไว้แน่น ดารินทิพย์กำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ ในขณะที่เพทายกำลังเหมือนสอนงานบางอย่าง เธออยู่ที่นี่มาสองอาทิตย์ถ้าไม่ได้พยายามเข้าใกล้เพทายเองก็ไม่มีทางถึงตัวเขาได้ แต่ดารินทิพย์ไม่ต้องทำอะไรเขาก็พร้อมจะเข้าใกล้เข้าหาเอง ในห้องไม่ได้มีแค่สองหนุ่มสาว แต่มีสุจิราที่แยกมานั่งกดโทรศัพท์ ทันทีที่ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาสุจิราก็หันไปมองเช่นเดียวกับเพทายที่กำลังสอนงานให้กับดารินทิพย์

“คุณ...”

“ฉันแก้วกัลยา หวังว่าคุณจะยังจำได้” แก้วกัลยาพูดและปรายตามองดารินทิพย์ที่ดูเหมือนจะตกใจและแปลกใจกับการปรากฏตัวของแก้วกัลยาในเวลานี้

“คุณมาได้ยังไง คุณควรจะอยู่โรงพยาบาล” เพทายเอ่ย

“มาดูหน้าคนใจดำไงคะ คุณเห็นสภาพฉันไหม ฉันต้องเจ็บตัวแบบนี้มันเพราะใคร ถ้าคุณไม่รู้ฉันจะบอกให้ มันเพราะคุณ ถ้าคุณเชื่อจดหมายขู่ตั้งแต่ฉบับแรกฉันก็จะไม่เป็นแบบนี้ ถ้าคุณรับโทรศัพท์ฉันเมื่อวาน ฉันก็ไม่เป็นแบบนี้ คุณให้ฉันทำงานอะไรฉันก็ไม่เคยเกี่ยง แต่ฉันเป็นแบบนี้คุณไม่คิดจะมาเยี่ยมฉันสักหน่อยหรอคะ มาแสดงความรับผิดชอบสักนิด” แก้วกัลยาส่งเสียงหวีดแหลมดังลั่นห้องทำงานของเขา ใบหน้าที่แม้จะซีดเผือด แต่กลับหน้ากลัวโดยเฉพาะดวงตาคู่สวยที่เกรี้ยวกราดที่ฉายชัดว่าโกรธจริง ๆ

“ผมติดธุระ” เขาตอบกลับไปสั้น ๆ

“ธุระของคุณคือการไปนั่งกินข้าวกับยัยหน้าจืดนั่นหรอคะ” เพทายมองแก้วกัลยาที่มาแปลกกว่าทุกวัน ทุกวันเธอจะมองตาเขาเยิ้ม ๆ พูดเสียงหวานจนน่ากลัว แต่วันนี้เธอกับแปลงร่างเป็นยักษ์อย่างลืมตัว

“คุณก็รู้ว่าตอนนี้ที่บริษัทมีเรื่องถ้าผมไม่เยี่ยมคุณ พวกนักข่าวต้องสัมภาษณ์”

“ค่ะ คุณมันใจดำ ดีค่ะ ยิ่งคุณใจร้ายกับฉันเท่าไหร่ แล้วคุณจะยิ่งเสียใจ ที่ฉันออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อมาหาคุณโดยเฉพาะ ฉันจะมาบอกคุณว่าจากนี้จนกว่าฉันจะหายคุณต้องรับผิดชอบฉัน”

“เธอพูดบ้าอะไร” สุจิราเอ่ยขึ้นขัดบทสทนาของแก้วกัลยาและเพทาย

“หุบปากไปเลยนะซูซี่ ถ้าเธอยังอยากมีปากไว้กินข้าวอย่ามายุ่ง” สุจิราปิดปากที่อ้าอยู่ลงเมื่อเจอเสียงตวาดของแก้วกัลยา เสียงที่ฟังดูน่ากลัวมากกว่าทุกครั้ง เพราะมันมากกว่าการข่มขู่ ดวงตาที่จ้องมาคล้ายมีดที่บาดผู้สบมอง

“อย่าไปพาลคนอื่นเลยคุณแก้วกัลยา คุณจะให้ผมรับผิดชอบอะไรพูดมา”

“ฉันให้คุณเลือกเอาแล้วกันว่าคุณจะตกลงยอมรับผิดชอบฉันเอง หรือให้ฉันฟ้องคุณน้าว่าคุณเป็นสาเหตุให้ฉันต้องบาดเจ็บ คุณก็รู้ตอนนี้คุณน้าเอ็นดูฉันแค่ไหน ถ้าคุณน้าสั่งคุณจะขยับหนีไม่ได้อีก คราวนี้ฉันรวบหัวรวบหางคุณแน่” แก้วกัลยาพูดโดยไม่แคร์ดารินทิพย์เลยแม้แต่น้อย

“คุณขู่ผม”

“คนอย่างแก้วกัลยาไม่เคยขู่ใคร คุณผิดเองนะที่ทำให้ฉันโกรธ คุณดูสภาพฉันมันแย่แค่ไหน เลือกเอาจะตกลงเอง หรือให้เรื่องนี้ต้องไปเป็นภาระกับคุณน้า คุณคงไม่อยากให้คุณน้าเธอยุ่งยากใจ เลือกสิคะ”

“คุณคิดว่าผมกลัวหรอ”

“ฉันรู้คุณไม่กลัว แต่ถ้าคุณอยากให้คุณน้าที่กำลังไปปฏิบัติธรรมที่อินเดียต้องร้อนใจกับเรื่องบริษัท ก็ตามแต่คุณต้องการแล้วกัน” แก้วกัลยาหันไปมองมงกุฎที่ยืนอยู่ด้านหลังส่งโทรศัพท์มือถือมาให้เธอ แก้วกัลยากดเบอร์โทรออกและตั้งใจเปิดเสียงให้เพทายได้ยิน

“แม่ผมไม่พกโทรศัพท์ไปเวลาปฏิบัติธรรม”

“คุณไม่รู้หรือไงคะ ว่าคุณป้าจะพกโทรศัพท์ไป แต่พกเบอร์ฉุกเฉินที่มีแค่ป้าพร้อมที่รู้ เพราะถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นป้าพร้อมจะต้องโทรไปบอกแม่คุณทันที และฉันก็บังเอิญมีเบอร์นี้” เพทายมีสีหน้าไม่เชื่อเล็กน้อย เพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน การที่แม่ของเขามีเบอร์ฉุกเฉินทำไมเขาถึงไม่มี เขาเป็นลูกชายเชียวนะ


ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

(ฮัลโหลว่าไงจ๊ะหนูแก้ว) แก้วกัลยายิ้มเมื่อปลายสายกดรับ เธอจ้องเพทายอย่างคนที่เป็นต่อ

“ตกลง” แก้วกัลยายิ้มอย่างผู้ชนะและยกโทรศัพท์ปิดเสียงและคุยกับปลายสายสองคน แก้วกัลยาพูดสักพักก็วางสายและหันไปมองผู้ชายที่กำลังเข่นเขี้ยวกำมือแน่น

“คุณสัญญาแล้วนะคะ ว่าจากนี้คุณจะต้องดูแลรับผิดชอบจนกว่าร่างกายฉันจะกลับมาครบถ้วนสมบูรณ์ ต้องตามใจฉันมารับมาส่งตามที่ฉันต้องการ”

“มากไปไหม” สุจิราแทรกขึ้นมา แก้วกัลยาตวัดสายตามองอีกครั้ง สุจิราหลบตาหนีอย่างหวาด ๆ ให้กับนางมารร้ายตรงหน้า แก้วกัลยาหันกลับไปสบตากับเขาอย่างผู้ชนะ เธอรู้ว่ายิ่งทำแบบนี้เขาจะยิ่งไม่ชอบเธอ แต่เธอมีทางเลือกที่ไหนอย่างน้อยมัดตัวเขาไว้กับเธอก่อน แผนจากนั้นค่อยว่ากันใหม่ จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย ไม่ว่าจะใช้แผนอะไรเธอก็พร้อมเสี่ยง เธอไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว จะเสียอีกนิดจะเป็นไรไป

“ก็ได้ แต่อย่ายุ่งกับแม่ผม ผมอยากให้ท่านได้พักผ่อน” แก้วกัลยาพยักหน้า เธอก็ไม่ได้คิดฟ้องหรอก ทำแบบนั้นเธอก็บาปแย่สิ เธอก็แค่ขู่เขาเล่น ๆ เพราะเธอรู้ไงว่าถ้ามาไม้นี้ยังไงเขาก็ต้องยอม

“ผมว่าวันนี้คุณกลับไปก่อนเถอะ ผมไม่ได้ไล่คุณนะ แต่คุณควรจะห่วงตัวเอง คุณอย่าเอาร่างกายมาต่อลองเล่นให้เป็นเรื่องสนุก” เพทายเอ่ยเตือน เขานับถือเธอจริง ๆ ที่กล้าออกจากโรงพยาบาลทั้งที่สภาพไม่สมบูรณ์

“ก็ได้เห็นแก่ที่คุณอุตสาห์เป็นห่วง ฉันกลับก็ได้ แต่พรุ่งนี้แปดโมงก่อนคุณเข้าบริษัทคุณต้องแวะมารับฉัน แม้ฉันจะไม่สามารถทำงานเดิมได้ แต่ฉันยังคงยืนยันคำเดิมว่าฉันจะทำงานกับคุณ ดังนั้นจากนี้จนกว่าจะตัดเฝือกออกที่ไหนมีคุณที่นั่นมีฉัน ถ้าผิดสัญญาแม้แต่น้อย คุณจะได้รู้ว่าแก้วกัลยา นางมารร้ายหน้าตาเป็นยังไง ไปค่ะคุณมงกุฎ” แก้วกัลยาเดินได้สามก้าวก็หยุดและหันไปมองดารินทิพย์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เพทาย ทันทีที่เห็นเธอหันไปสบตากับแก้วกัลยารีบหลบตาหนีอย่างหวาดกลัว เหมือนรู้ว่าเธอไม่สามารถสู้แก้วกัลยาได้ สายตาของผู้หญิงคนนี้เคลือบยาพิษ

“ฉันขอพูดกับเธออีกครั้งนะดาหวัน ถ้าคิดจะเล่นเกมนี้ อย่าทำนิสัยแบบนั้นอีก มันไม่น่ารักเลย ถ้าคนจับได้ เธอจะเสียหายนะดาหวัน ฉันเตือนเธอด้วยความหวังดี” แก้วกัลยาพูดพลางตวัดสายตามองสุจิรา

“คะ...คุณแก้วหมายความว่ายังไง” ดารินทิพย์ถาม

“ฉันว่าเธอก็น่าจะรู้ว่าฉันหมายความว่ายังไง ถ้าเธอเหมาะสมกับคุณเพชรอย่างแท้จริง ฉันคงไม่ลงเกมนี้หรอก ดังนั้นถ้าอยากให้ฉันยอม หยุดพฤติกรรมที่เธอกำลังทำอยู่นั่นซะ และที่สำคัญอย่าไปเชื่อยัยคางคกอสรพิษนั่นมากนัก ชีรอตีท้ายครัวเธออยู่ ไม่เข้าใจเธอมองคนเฟค ๆ ไม่ออกหรือโง่กันแน่”

“แก” สุจิราหันมามอง แต่แก้วกัลยาไม่อยู่ให้สุจิรามองจิกแล้ว ขณะที่เพทายมองดารินทิพย์

“ดาไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณแก้วเธอหมายถึงอะไร บางทีคุณแก้วอาจจะหมายถึงเรื่องที่ครอบครัวดากำลังจะเหลือแต่ตัว” เพทายมองดารินทิพย์และยิ้มส่งมาให้ เขากับดารินทิพย์รู้จักกันมานาน เพราะพี่ชายของดารินทิพย์เป็นเพื่อนของเขา ดารินทิพย์จึงเปรียบเสมือนน้องสาวเขา ก่อนวันที่ดนัยจะเสียชีวิต ดนัยฝากเขาดารินทิพย์ไว้กับเขา เขาจึงไม่เคยทิ้งดารินทิพย์ เขาดูแลดารินทิพย์เปรียบเสมือนน้องสาว เรื่องที่ดาวเรืองแม่ของดารินทิพย์คิดจะจับคู่ให้เขากับดารินทิพย์เขาก็รู้ เรื่องที่ครอบครัวดารินทิพย์กำลังจะหมดตัวเขาก็รู้ แต่เขาก็พร้อมจะอ้าแขนรับน้องสาวของเพื่อนคนนี้ เขาไม่เคยสนเปลือกนอกที่สวยหรู เขาต้องการแค่ผู้หญิงที่รักแม่ของเขาดั่งแม่ของตัวเองแค่นั้นเอง ดารินทิพย์ก็เป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง ถ้าเขาสามารถชดใช้ความผิดบางอย่างกับดนัยได้ เขาก็พร้อมจะเป็นคนรับดารินทิพย์เป็นเจ้าสาว เมื่อดารินทิพย์เอ่ยปากบอกเขาว่าต้องการให้เขาช่วย เขาพร้อมจะให้เธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เขาพร้อมจะรับผิดชอบที่ไม่สามารถช่วยดนัยไว้ได้

“คือ...วันนี้ดาขอกลับก่อนนะคะ อีกอย่างพี่เพชรเองก็ต้องทำงาน ถ้าไม่เข้าใจอะไรดาโทรมาอีกที ขอตัวนะคะ” สุจิรามองดารินทิพย์ที่เดินออกไป สุจิราแสดงสีหน้าไม่พอใจกับการที่ดารินทิพย์ถอยทัพไปง่าย ๆ จึงเดินเข้ามาหาเพทาย

“แม่นั่นตั้งใจกล่าวร้ายดา คุณเพชรต้องระวังตัวนะคะ ซูซี่เป็นห่วง ถ้าคุณต้องเข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของแม่นั่น ในวงการเซเลบ ไฮโซ ใคร ๆ ก็รู้ฉายา นางมารอสรพิษของแม่นั่น แก้วกัลยาสามารถจัดการคนที่ขวางทางได้ในพริบตา ใคร ๆ ก็รู้กัน ผู้ชายที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยัยนั่นถ้าทำให้ยัยนั่นไม่พอใจ ยัยนั่นเล่นเอาครอบครัวเขาระส่ำระส่าย คุณเพชรระวังตัวให้ดีนะคะ อย่าไปหลงเชื่อหรือหลงเสน่ห์แม่นั่น ไม่อย่างคุณเป็นจะไม่มีวันมีความสุข ซูซี่ไปนะคะ” แล้วสุจิราก็เดินหนีไปหลังจากทิ้งระเบิดให้กับเพทาย




แก้วกัลยากลับมาถึงบ้านในตอนเย็น เธอแวะไปร้าน จัดการงานของตัวเอง เพื่อเคลียร์ตัวเองให้ว่าง เธอมีเวลาหนึ่งเดือนในการพิชิตใจเขา งานนี้เธอต้องทำให้ได้ ถอยไม่ได้อีกแล้ว ถ้าถอยเธอไม่ได้เตรียมหมากสำรอง ยังไงก็พลาดไม่ได้ แก้วกัลยามองแบบชุดที่พึ่งร่างเสร็จ หลังจากจบเรื่องหาแฟน เธอต้องไปจัดงานแฟชั่นโชว์ที่ฝรั่งเศส และหลังจากนั้นเธอจะไม่ว่าง เธอต้องเคลียร์ทุกอย่างภายในหกเดือน

“เจ๊แก้ว ตัวไปใส่เฝือกมาตั้งแต่เมือไหร่ เมื่อเช้าเค้ายังไม่เห็นเฝือกเลยนะ” รักจิราที่เดินเข้ามาเอ่ยขึ้น ในมือถือถุงอาหารเย็นกลับเข้ามา วันวิวาห์เดินลงจากห้องและทำหน้าไม่สบายใจ

“ก็พึ่งมีนี่แหละ”

“แต่แขนตัวไม่ได้หักนี่ เจ๊วัน เจ๊แก้วกำลังทำอะไร” วันวิวาห์ส่ายหน้าไม่อยากตอบ เพราะเธอคิดว่าเธอกำลังทำผิดจรรยาบรรณแพทย์โดยช่วยแก้วกัลยาโกหก และยังไปคุยกับหมอยิหวา ขอให้หมอยิหวาใส่เฝือกให้ แก้วกัลยาอ้างว่าพึ่งรับบทละครเรื่องหนึ่งมา เธอต้องแขนหักเข้าเฝือกทำอะไรไม่ได้ต้องให้พระเอกดูแล แต่เธอยังไม่เข้าถึงอารมณ์ จึงอยากจะขอเข้าเฝือก สุดท้ายหมอยิหวาก็ยอมช่วยเพราะวันวิวาห์พยักหน้ายืนยันให้ ซึ่งนั่นทำให้วันวิวาห์รู้สึกไม่ดีตลอดทั้งวัน

“เอ๊ะ..อย่าบอกนะว่าเจ๊แก้วจะใช้วิธีนี้มัดคุณเพชร” แก้วกัลยายิ้ม

“สมกับเป็นน้องรักฉันจริง ๆ เลยยัยรัก” แก้วกัลยายิ้ม และมองผลงานของตัวเองอย่างพอใจ

“ตัวคิดว่ามันจะได้ผลหรอ ตัวแป๊กมากี่รอบแล้วเจ๊แก้ว เค้าว่าวิธีนี้มันไม่เวิร์กนะเจ๊แก้ว ตัวทำแบบนี้ไม่กลัวคุณเพชรเขาจับได้หรอ” แก้วกัลยาส่ายหน้า

“แกไม่ต้องห่วงหรอกน่า วิธีนี้ไม่แป๊กแน่ แถมยังตามติดคุณเพชรได้ตลอด ฉันวางแผนพลาดมารอบหนึ่งแล้วคิดว่าเข้าใกล้คุณเพชรจะทำให้คุณเพชรเปิดใจได้ แต่พลาด เมื่อเข้าไปดี ๆ ไม่ได้ผล ก็ต้องใช้วิธีนี้ ฉันจะทำให้คุณเพชรเห็นความงามทั้งภายในและภายนอกจากฉัน”รักจิรามองท่าทางมั่นใจของแก้วกัลยา

“นางมารอสรพิษอย่างตัวมีความงามภายในด้วยหรอ โอ๊ย!!!” หมอนพุ่งปะทะเข้าที่หน้าของรักจิราเมื่อเอ่ยคำพูดขัดอารมณ์ของแก้วกัลยา

“หุบปากไปเลยคำพูดไม่ได้สร้างสรรค์เลยนะแกน่ะ ไม่รู้ตอนคลอดออกมาหมอผ่าปากยัดหมาใส่ปากแกหรือเปล่า ถึงพูดอะไรแต่ละอย่างเหมือนเห่าออกมา” แก้วกัลยาเอ่ยต่อว่าเอาใบหน้าสวยของน้องสาวถึงกับม่านไปเลย

“พูดนิดเดียวว่าซะแรงเลย นี่ถ้าไม่ใช่พี่สาวโดนต่อยปากไปแล้ว ตามใจตัวแล้วกัน เตือนแล้วนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นตัวอย่ามากลายร่างใส่เค้านะเจ๊แก้ว แล้วเรื่องคดีล่ะเจ๊แก้ว ตัวได้ไปให้ปากคำมาหรือยัง” แก้วกัลยาทำหน้าเครียดอีกครั้ง

“แล้ว”

“เป็นฝีมือใคร คุณเพชรพอจะรู้ไหม”

“ยังไม่ได้คุยกันเรื่องคดี ตำรวจคิดว่าคนร้ายน่าจะต้องการทำร้ายคีตะ จากจดหมายที่ส่งมานั่น แต่ก็ยังไม่แน่บางทีคนร้ายอาจจะต้องการทำลายชื่อเสียงบริษัทด้วยก็ได้ เพราะผลมันกระทบกัน ตอนนี้ตำรวจกำลังตรวจสอบ”

“ในงานไม่มีกล้องวงจรปิดหรอ”

“มีอะไรล่ะ มันเป็นงานคอนเสิร์ตกลางแจ้ง เป็นคอนเสิร์ตสัญจรต่างจังหวัด แถมรถก็ไม่ได้จอดแถวตึก เลยไม่รู้ แต่ตำรวจกำลังหาภาพคนร้ายที่ขี่รถตามไล่ยิง ไม่รู้จะมีไหม เพราะถนนเส้นนั้นไม่มีกล้อง คงต้องหาตามตึกแล้วก็ร้านแถวนั้น หวังว่าจะมี ไม่อย่างนั้นก็น่าจะยาก สืบจากจดหมายที่ส่งมาน่าจะยากแล้วล่ะ แกคิดว่าไงรัก”

“มันเตรียมตัวมาดีมาก มันเล่นงานในวันนั้นเพราะทุกอย่างเอื้ออำนวยกับมัน ตัวไม่รอบคอบเลยสักนิด ไปจอดรถที่รวมกับคนมาดูคอนเสิร์ตทั้งที่มีจดหมายขู่มาก่อนหน้านี้แล้ว”

“ก็ลานจอดรถเฉพาะที่ทางทีมงานเค้าจัดให้มันไกล แถมระยะทางก็เดินไกลกว่าอีก ใครจะไปคิดว่าจะมีคนมาลอบทำร้าย แถมกลางถนนรถคนนั้นก็ขับสวนไปมา”

“อาชญากรรมมันอยู่รอบตัวเราตลอดเวลานะเจ๊แก้ว จริงสิ รถ กล้อง ...เจ๊แก้วรถตัวติดกล้องไว้ที่รถไม่ใช่หรอ” แก้วกัลยาพยักหน้าเหมือนนึกขึ้นได้

“จริงสิ” แก้วกัลยายิ้ม แต่เหมือนจะนึกบางอย่างออก “แต่เหมือนกล้องหลังรถมันจะเสียนะ”

“เจ๊แก้ว!!! ทำไมตัวไม่เอาไปซ่อม เค้าจำได้ว่าเค้าเตือนตัวแล้วนะให้เอาไปซ่อมเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน” รักจิราพูดและทำหน้าหงุดหงิดใส่เธอ

“ก็ฉันเอาไปฝากให้คุณมงกุฎเธอไปให้แล้ว แต่คุณมงกุฎเธอไม่ว่าง แล้วฉันก็ลืม แกอย่ามาทำหน้าดุเลยไอ้รัก แกไม่ใช่หรอที่ขับรถฉันออกไปเตะบอลกับพวกไอ้รุจ แล้วเตะกันอีท่าไทยมันถึงพุ่งมากระแทกกล้องหลังจนพัง” รักจิรานิ่งพูดไม่ออกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองคือสาเหตุหลัก

“แต่เค้าบอกตัวไปตั้งแต่เดือนก่อนให้เอาไปซ่อมนะเจ๊แก้ว นี่มันผ่านมาเป็นเดือนแล้ว”

“เลิกเถียงกันได้แล้ว ผิดด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละ เถียงกันไปก็จับคนร้ายไม่ได้ ตอนนี้เราทำได้แต่รอว่าตำรวจจะหาภาพจากกล้องวงจรปิดได้ไหม ตอนนี้ไปกินข้าวกันได้แล้วกับข้าวที่รักซื้อมาจะเย็นหมด” รักจิราถือถุงเดินเข้าไปในครัว วันวิวาห์ก็เดินตามเข้าไปช่วย ส่วนแก้วกัลยากำลังนั่งนิ่งพยายามไล่เรียงเรื่องราว

“เจ๊แก้วจะกินไหม ถ้ากินก็มาช่วย เค้าไม่ใช่เจ๊ขวัญนะที่จะให้ตัวมานั่งรอกินเป็นคุณนาย โดยไม่ได้ทำอะไรน่ะ”แก้วกัลยาเดินไปช่วย เสียงโทรศัพท์ของรักจิราดังขึ้น รักจิรากดสายรับ

“ว่าไงไอ้รุจ ว่าไงนะ!!! เออ ๆ ขอบใจ” รักจิราหันไปมองแก้วกัลยาที่ตอนนี้มือวางถุงอาหารแล้ว

“แกมีอะไร”

“เค้าไม่มีหรอกเจ๊แก้ว แต่สุดที่เลิฟของตัวกำลังจะมี เรื่องใหญ่ด้วยงานนี้” รักจิราเอ่ย

“เรื่องอะไร”

“เมื่อกี๋ไอ้รุจโทรมาบอกว่า นักร้องสังกัดของคุณเพทาย นายภีม ภีมะอะไรนั่นโดยจับข้อหาข่มขืน ตอนนี้คลิปพ่อคุณว่อนเน็ตแล้ว และพ่วงข้อหาฆาตกรรมด้วย คนที่ตายก็ผู้หญิงในคลิปนั่นแหละ” แก้วกัลยานิ่งค้าง นอกจากคีตภัทร บัณฑิตาหรือแบร์ ภีมะหรือภีม นักร้องหน้าใสที่สร้างชื่อเสียงให้บริษัทอีกคนหนึ่ง ภีมเป็นนักร้องที่มีภาพลักษณ์แตกต่างจากคีตภัทร ภีมมีลุคออกแนวแบดบอย แต่เขาผ่านการสกรีนมาแล้วไม่น่าจะมีปัญหาได้ แก้วกัลยาหันหลังจะวิ่งไป แต่รักจิราไวกว่าวิ่งเข้ามาขวางหน้าไว้

“ตัวจะไปไหนเจ๊แก้ว”

“ไปดูคุณเพชร คุณเพชรต้องเครียดแน่นักร้องในสังกัดแต่ละคนมาโดยข้อหาติด ๆ กัน ฉันจะไปดูคุณเพชร” แก้วกัลยาสะบัดแขน แต่รักจิรามีแรงมากกว่า

“เค้าว่าตัวอยู่บ้านนี่แหละตัวไปก็จะเป็นปัญหา ตอนนี้คุณเพชรเค้าเครียดมากพอแล้ว ถ้าตัวไปอีกตัวจะยิ่งทำให้ปัญหามันเยอะกัน และคุณเพชรก็จะยิ่งเครียดไปอีก ตัวเชื่อเค้ารออยู่ที่นี่ รอฟังข่าว ตอนนี้ข่าวปิดไม่มิดแล้ว มันเป็นข่าวใหญ่ ตอนนี้คุณเพชรจะต้องแก้ปัญหา ถ้าตัวอยากช่วย ช่วยคิดดีกว่าว่าจะทำยังไงต่อหลังจากนี้ ถ้าตัวมีวิธีช่วย คุณเพชรเขาจะได้เบาแรง ตัวมีวิธีอยู่แล้วนี่” แก้วกัลยาพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“ตัวจะไปไหน ไม่กินข้าวก่อนหรอ”

“เก็บส่วนของฉันไว้ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์” แก้วกัลยาเดินขึ้นไปบนห้อง ในมือคว้าหยิบโทรศัพท์ มือกดเลื่อนมาที่เบอร์เพทาย เธออยากจะโทรหาเขา แต่สายของเขาคงจะไหม้ ถ้าเธอโทรไปตอนนี้เขาคงจะเครียดหนักอย่างที่รักจิราบอก วันนี้เธอจะยอมอยู่บ้าน แต่พรุ่งนี้เธอจะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ โดยไม่ไปเห็นหน้าเขา แก้วกัลยากดมาเลื่อนเบอร์อีกเบอร์หนึ่ง และกดโทรออก

“ฮัลโหลคุณมงกุฎฉันมีเรื่องให้คุณช่วย เสร็จงานนี้ฉันจะให้คุณลาพักร้อนสามเดือน เรื่องที่ฉันจะให้คุณมงกุฎช่วย ก็คือ...”




....ติดตามตอนต่อไป...



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 พ.ค. 2558, 16:12:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2558, 13:09:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 937





<< ตอนที่ 4 ปองรักปองร้าย   ตอนที่ 6 ผู้มาเยี่ยมเยียน >>
yapapaya 31 พ.ค. 2558, 18:24:46 น.
สนุกคะน่าติดตาม มีคำผิดเยอะนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account