แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"

โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"

แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี

แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน

ตอน: ตอนที่ 6 ผู้มาเยี่ยมเยียน


6
ผู้มาเยี่ยมเยียน



แก้วกัลยาที่นอนไม่หลับทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องเพทาย เธอคิดว่าจะรีบออกไปพบเขาแต่เช้าแต่กลับเกิดเรื่องที่ร้านตั้งแต่เช้า เมื่อมีลูกค้ามาโวยวายว่าชุดที่ซื้อไปไม่มีคุณภาพ กว่าเธอจะจัดการปัญหาได้ก็กินเวลาไปมาก แต่ยังไม่จบแค่นั้นเพราะเทเรซ่าเพื่อนสาวหุ้นส่วนของเสื้อผ้าแบรนด์ Paeonia เป็นเสื้อผ้าวัยของสาววัยทำงานยุคใหม่ที่กำลังมีชื่อเสียงอยู่ที่ฝรั่งเศส ก็โทรมาทวงแบบเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ที่จะเปิดตัวในเดือนหน้า และยังต้องประชุมคอนเซปสำหรับแฟชั่นโชว์ของพีโอเนียปลายปีนี้ งานพากันถาโถมเข้าใส่เธอชนิดที่เรียกว่าแทบหายใจหายคอไม่ทัน

หลังจากจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาตั้งแต่เช้า แก้วกัลยากลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง เมื่อจะได้ไปพบเพทายเสียที แก้วกัลยาต้องโทรให้มงกุฎขับรถมาส่ง เพราะแขนเธอที่ใส่เฝือกอยู่ถ้าเกิดมีคนตาดีเห็นเพทายจับได้ทุกอย่างอาจจะจบตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเลยก็ได้ เมื่อมาถึงเธอก็เห็นทั้งบริษัทกำลังวุ่นวาย นักข่าวมายืนรออยู่หน้าบริษัท แต่ทางบริษัทยังไม่สามารถให้แถลงข่าวใด ๆ ได้ ผู้บริหาร หรือแม้แต่ตัวนักร้องยังเก็บตัวเงียบ แก้วกัลยาโทรหามินตรา มินตราบอกเธอกลับมาเพียงว่าเพทายว่ามีการประชุมกับบอร์ดบริหาร และดูเหมือนจะเกิดเรื่อไม่ดีขึ้นด้วย

“คุณแก้ว” มินตราที่รับสายมือเป็นระวิงหันมามองด้วยสีหน้าดีใจสุด ๆ เหมือนกับเจอตัวช่วย

“คุณเพชรกลับมาที่ห้องหรือยัง”

“กลับมาแล้วค่ะ ตั้งแต่กลับออกมาจากห้องประชุมตอนเที่ยง ก็ยังไม่ออกจากห้องเลยนั่งอยู่หน้าคอมตั้งแต่เช้าจนเกือบจะเที่ยงแล้วค่ะ ท่านประธานเครียดมากเลยนะคะคุณแก้ว” มินตราเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ดี

“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆ ภีมถึงกลายเป็นโจรข่มขืน และฆาตกรไปได้ล่ะ”

“ดิฉันก็ยังไม่ทราบอะไรแน่ชัดหรอกค่ะ คุณภีมถูกควบคุมตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากมีมือดีปล่อยคลิปของคุณภีมช่วงหัวค่ำ พ่อแม่ของผู้หญิงที่เสียชีวิตเห็นคลิปที่ถูกปล่อยในข่าวก็เลยมาแจ้งความ เพราะวันที่ผู้หญิงในคลิปตายเป็นวันเดียวกับในคลิป จนถึงตอนนี้คุณภีมยังไม่ให้การอะไรกับตำรวจนอกจากปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ” แก้วกัลยาพยักหน้ารับ

“แล้วมีใครได้คุยกับภีมหรือยัง”

“ยังเลยค่ะ ตำรวจยังไม่ให้ประกันตัวออกมา เราอาจต้องมีหลักฐานมายืนยันมากกว่านี้ ตอนนี้ให้ทนายฝ่ายเราไปจัดการเรื่องแล้ว ถ้าคุณภีมให้ปากคำสักนิดว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นอาจดีกว่านี้ก็ได้ค่ะ”

“แล้วเรื่องข่าวเสียหายของนักร้องคนอื่นล่ะ”

“ตอนนี้ทางบริษัทกำลังหาตัวต้นตอคนปล่อยข่าว แล้วก็หยุดข่าวได้แล้วส่วนหนึ่ง แต่ก็มีมือดีพยายามหาทางปล่อยข่าวเสีย ๆ หาย ๆ อยู่เรื่อย ๆ ค่ะ เราพยายามให้ปิดเว็บบอร์ดไปแล้ว”

“ขุดประวัติกันขนาดนี้ฉันว่าไม่ธรรมดาแล้วล่ะ งานนี้กะเล่นจะพังวีนัส เมื่อวันก่อนแบร์ รอบต่อมาภีม แล้วก็นักร้องคนอื่น ๆ มือระดับนี้คงไม่ใช่แค่คนนอกแล้วล่ะ เผลอ ๆ อาจมีคนในมีส่วนเอี่ยว แล้วการประชุมเป็นยังไง พวกคณะกรรมการพวกนั้นเล่นงานอะไรคุณเพชรหรือเปล่า” แก้วกัลยาเอ่ยถาม

“พวกคณะกรรมการบอกว่าถ้าท่านประธานแก้ปัญหาไม่ได้จะปลดท่านประธานออก คุณแก้วก็น่าจะพอรู้ข่าวที่คนในบริษัทพูดกันใช่ไหมคะว่าท่านประธานกับคุณทรงกลดไม่ค่อยจะลงรอยกัน แล้วตอนนี้มีเรื่องคุณทรงกลดเธอคงไม่ปล่อยท่านประธานแน่นอนค่ะ เมื่อเช้าดิฉันลองเช็คหุ้น หุ้นของวีนัสตกลงมาเร็วมากค่ะ ดูเหมือนเรื่องนี้มีผลต่อบริษัทมากเลยค่ะ ถ้าเราไม่รีบหาทางแก้ปัญหา ท่านประธานต้องแย่แน่ค่ะ คุณทรงกลดต้องหาทางดึงท่านประธานลงจากเก้าอี้ประธานบริษัทแน่นอนค่ะ” มินตราวิเคราะห์ได้อย่างตรงจุด ซึ่งตรงกับที่เธอคิด ว่าทรงกลดไม่ปล่อยเพทายแน่ เขาจ้องเก้าอี้ประธานบริษัทอยู่แล้ว ดังนั้นครั้งนี้ เขาคงเดินหน้าผลักเพทายลงเก้าอี้ตำแหน่งแน่นอน

“ตาแก่พวกนั้นบ้าไปแล้ว นี่มันเหนือการควบคุม แล้วการคัดสรรนักร้องมันก็ไม่ได้มาจากคุณเพชรคนเดียว ตาแก่พวกนั้นก็มีส่วนด้วย พอมีปัญหามาโยนให้คุณเพชรได้ยังไง ให้คุณเพชรรับผิดชอบคนเดียวเนี่ยนะ มันใช่ไหม ฉันจะเข้าไปพบคุณเพชร เธอทำงานของเธอไปเถอะ ถ้าใครมาขอพบบอกว่าคุณเพชรต้องการเวลาส่วนตัว” แก้วกัลยาสั่งทุกอย่างเรียบร้อยก็เปิดประตูเข้าไปโดยไม่แม้แต่จะเคาะประตู แก้วกัลยาหยุดยืนนิ่งพิจารณาเขา สภาพของเพทายดูค่อนข้างแย่กว่าทุกวันเขาอดหลับอดนอน คิดหาทางแก้ปัญหาจนเผลอนอนฟุบหลับไป แก้วกัลยากำลังจะกลับออกไป เพราะไม่อยากกวน แต่เขากลับตื่นขึ้นมาเสียก่อน

“คุณ...”

“ฉันพึ่งรู้ข่าว คุณโอเคนะคะ” แก้วกัลยาที่นึกคำพูดไม่ออก แต่เธอคิดว่าคำถามที่ถามออกไปเป็นคำถามที่โง่มาก แต่เพทายก็พยักหน้าตอบ แต่สีหน้าเขามันฟ้อง ใบหน้าเขาไม่ได้มีความนิ่งเฉยสุภาพเฉกเช่นทุกวัน วันนี้เขาดูเหนื่อยดูล้าจนเธอรู้สึกไม่ดี

“มีคนตั้งใจจะดิสเครดิตคุณและบริษัทคุณรู้ใช่ไหม” เขาพยักหน้า “แล้วคุณรู้ไหมว่าเป็นฝีมือใคร” เขาเงียบไม่ตอบ แน่นอนดวงตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างนี้รู้แน่แต่เธอไม่อยากซักต่อ เรื่องบางเรื่องเธอคิดว่ายังไม่ถึงเวลาถามก็รอก่อนดีกว่า เกิดเขาโมโหไม่ยอมพูดด้วยเธอจะแห้วอีก ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าดีสักเท่าไหร่

“คุณดูอะไรอยู่คะ” แก้วกัลยามองจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดค้างไว้ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด

“คุณกำลังดูอะไรคะ”

“นี่มันภาพ...คอนเสิร์ตที่ภีมไปนี่คะ” แก้วกัลยาเอ่ยอย่างจำได้ เพราะเป็นคนขับรถไปส่งภีมะแทนผู้จัดการส่วนตัวของภีมะที่ไม่อยู่ เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นหลังจากในวันที่ภีมะไปเล่นคอนเสิร์ต เธอจะไปรับกลับมาส่งที่คอนโดแต่ภีมะบอกว่าจะกลับเอง เธอคิดว่าคืนนั้นคงไม่มีอะไรแล้ว จึงยอมปล่อยให้ภีมะกลับบ้านเอง เพราะเธอก็ติดธุระทางด้านคีตภัทรอยู่เช่นกัน ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นแบบนี้

“คุณเจออะไรบ้างไหมคะ”

“ภีมะคุยกับเด็กผู้หญิงที่ตายคนนั้นและออกไปด้วยกันจริง ๆ จากภาพเหมือนภีมะจะไม่พอใจผู้หญิงคนนี้ แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ภาพมีแค่นี้หลังจากนั่งแท็กซี่ไปด้วยกัน”

“แล้วคนขับแท็กซี่ล่ะคะ”

“ตำรวจกำลังตามหาตัว คิดว่าอีกไม่นานก็น่าจะเจอ ถ้าภีมพูดอะไรบ้างบางทีอาจจะดีกว่านี้ แต่ภีมปฏิเสธแค่ว่าไม่รู้ วันนั้นภีมไปไหนก็ไม่บอก ถามว่าพูดคุยกับผู้หญิงคนนี้เรื่องอะไรก็ไม่บอกอีก ไม่มีพยานบุคคล หลักฐานมัดตัวภีมขนาดนี้ ภีมคงจะแย่”

“คุณเชื่อไหมว่าเป็นฝีมือภีม”

“ผมรู้ว่าภีมอาจจะใจร้อนไปบ้าง อาจจะไม่ค่อยฟัง แต่เขาไม่กล้าฆ่าคนหรอก ผมเลือกเขามาเอง ผมมั่นใจว่าผมดูคนไม่ผิด หวังแค่ว่าเขาจะพูดอะไรเพื่อตัวเขาบ้าง”

“บางทีมันอาจจะมีปัญหามากกว่านั้น แต่เชื่อเถอะ ฉันไม่ได้รู้จักภีมมากเหมือนคุณ แต่ฉันก็พอรู้ว่าภีมไม่ทำลายอนาคตของตัวเองแบบนั้นหรอก คุณเชื่อในตัวเขา ทุกคนที่นี่เชื่อในตัวเขา เขาจะต้องทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างแน่นอน แต่ตอนนี้คุณควรจะทำอะไรเพื่อตัวคุณเองบ้าง คุณไม่ได้พักตั้งแต่เมื่อคืน ฉันคิดว่าคุณควรจะกลับบ้านนะ ไปพักผ่อน ถ้าได้กลับไปนอนคิดคุณอาจจะคิดออกว่าควรจะทำยังไงต่อ” แก้วกัลยาเอ่ยและมอง แต่เขากลับไม่ยอมขยับตัว แก้วกัลยาขมวดคิ้วกับผู้ชายที่ชอบขัดคำสั่งเธอ เมื่อพูดดี ๆ ไม่ขยับ แก้วกัลยาจึงเดินเข้าไปใกล้เขา เพทายลุกขึ้นทันทีที่แก้วกัลยาเดินมาถึงตัว ประสบการณ์หลาย ๆ อย่างบอกเขาว่าผู้หญิงคนนี้ต้องกำลังคิดลวนลามเขา

“วันนี้ฉันไม่แกล้งคุณหรอกค่ะ เอาเป็นกลับบ้านไปนอนไว้ก่อน ตอนนี้คุณไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันดีกว่า ฉันรู้จักร้านอาหารอร่อย ๆ เยอะแยะเลยนะคะ รับรองคุณจะชอบ”

“ไม่ ผมจะทำงาน”

“ทำอะไรกันค่ะ ฉันเห็นคุณนั่งคิดหาทางแก้ปัญหาหัวแทบแตก แต่ก็ยังไม่เห็นคิดอะไรออก แล้วนั่งดูภาพซ้ำไปซ้ำมาก็ไม่ได้อะไร นอกจากภาพเดิม ๆ คำตอบเดิม ๆ ปัญหาถ้ายังแก้ไม่ได้อย่าดันทุลังสิคะ ฉันเชื่อว่ายังไงคนเก่ง ๆ แบบคุณต้องแก้ได้ แต่ถ้าคุณไม่พักผ่อน คุณเกิดล้มขึ้นมา ทีนี้จะแก้อะไรไม่ได้เลยนะคะไปพัก แล้วกลับมาคิดใหม่ว่าจะทำยังไง เชื่อฉันสิว่าทุกอย่างจะดีขึ้น” เพทายหันมามองแก้วกัลยาด้วยสายตาสงสัยว่าผู้หญิงที่แต่งตัวสวยไปวัน ๆ เดินโฉบไปมา คิดแบบนี้ได้ด้วยหรอ

“ก็ได้ผมจะกลับบ้าน” เพทายเอ่ยอย่างคล้อยตามแก้วกัลยา แต่เมื่อเขาทำท่าจะเดินออกไป

“ไม่ทันแล้วค่ะ ตอนนี้คุณต้องไปกินข้าวกับฉัน คุณรู้ไหมวันนี้ทั้งวันฉันก็ยุ่งมา ฉันอยากมาหาคุณตั้งแต่เช้า ถ้าไม่ติดงาน วันนี้คุณจะได้เห็นหน้าฉันตั้งแต่เช้าแล้ว คุณไม่ได้กินข้าวฉันก็ไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน ดังนั้นเราก็ไปกินกัน อุ้ยไม่ใช่ เราก็ไม่หาอะไรทานใส่ท้องแล้วค่อยมากินกัน โอ๊ะ...ฉันล้อเล่น แหมไม่เห็นต้องถลึงตาใส่เลย ไปทานข้าวกันดีกว่า” แก้วกัลยาเอ่ยและมองคนที่ทำหน้าดุเหมือนจะสั่งสอนเธอ

“แต่...”

“ไปกันค่ะที่รัก ฉันหิวข้าวจนไส้แทบบิดแล้ว ถ้ายังไม่ยอมไป เราเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นก็ได้นะคะ รับรองแซ่บมากกว่ากินข้าวแน่” เพทายเบี่ยงตัวหนีแก้วกัลยา และเดินนำหน้าแก้วกัลยาไป แต่แก้วกัลยาไวกว่าเธอรีบวิ่งเข้าไปคล้องแขนเขาไว้ พอเขาจะอ้าปากค้าน เธอก็มองหน้าเขาและมองมาที่แขนข้างที่ใส่เฝือกอยู่ เป็นอันเข้าใจว่าห้ามขัดใจฉัน

“มินตรา มีอะไรโทรหาฉันนะ ฉันจะออกไปทานข้าวกับคุณเพชร และคุณเพชรจะกลับบ้านไม่กลับเข้าบริษัท ใครมีธุระอะไรถ้าไม่สำคัญก็ไม่ต้องโทรตาม” แก้วกัลยาสั่งเสร็จสรรพราวก็รีบลากแขนเพทายเดินเข้าลิฟต์ไป เพราะกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้จะมีคนมาขอพบกับเพทายแบบกะทันหัน แล้วสุดท้ายเขาจะไม่ยอมตามเธอออกไป เมื่อลิฟต์ลงมาถึงชั้นล่าง สิ่งที่แก้วกัลยาไม่คิดคือวินาทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก จะเจอกับโจทก์ใหญ่ของเพทายที่กำลังยืนรอลิฟต์อยู่

ผู้ชายสูงอายุแต่ท่าทางยังคงแข็งแรงคนนี้คือ ทรงกลด หนึ่งในคณะกรรมการบริหาร เขาถือหุ้นเท่ากับเพทาย แต่เพทายได้รับการตั้งแต่จากผู้บริหารคนเก่า บวกกับความสามารถบอร์ดบริหารจึงแต่งตั้งเขาเป็นประธานแทนที่จะเป็นทรงกลด สำหรับแก้วกัลยาแล้วผู้ชายคนนี้ไม่ต่างจากตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่คอยจ้องเล่นงานเพทายในมุมมืด เธอสืบประวัติมาได้ว่าทรงกลดเคยเป็นเพื่อนกับไพฑูรย์พ่อของเพทาย เป็นหนึ่งในสามผู้ก่อตั้งบริษัท วีนัสสามารถผลิตนักร้องที่มีคุณภาพมีชื่อเสียงโด่งดั่งทำกำไลให้กับบริษัทมากมาย และอำนาจของเงินทำให้ทรงกลดหวังจะได้เป็นใหญ่ต่อจากไพฑูรย์หลังจากไพฑูรย์เสียชีวิตลง แต่ทุกอย่างกลับพลิกเมื่อเพทายเดินทางกลับจากต่างประเทศ มารับสิทธิ์ตามที่ผู้บริหารคนเก่าได้แต่งตั้งไว้ แต่ทรงกลดก็ไม่ยอมจึงให้เพทายพิสูจน์ตัวเองให้เพทายทำกำลังให้กับบริษัทเพิ่มจากเดิมอีกยี่สิบเปอร์เซ็นภายในสามเดือน ด้วยความสามารถเพทายสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ แต่ทรงกลดก็ไม่ยอมรับในเรื่องนี้ง่าย ๆ เขายังคอยหาทางขัดแข้งขัดขากับเพทายทุกครั้งที่มีโอกาส
เหมือนกับครั้งนี้ ทำไมเธอจะมองไม่ออก และเพทายก็คงมองออกเช่นกันว่า ทรงกลดรอเวลานี้มานาน และคิดจะปิดบัญชีกับเขาด้วยเรื่องนี้ และคงไม่แคล้วว่าจะเป็นทรงกลดนี่แหละที่เป็นคนขายข่าว อยู่เบื้องหลังเรื่องร้าย ๆ แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาต้องการวีนัส แต่จะทำลายวินัสไปเพื่ออะไร ในเมื่อวีนัสมีผลประโยชน์ให้เขา เพราะเหตุผลที่คิดไม่ตกทำให้เธอยังตัดสินอะไรไปไม่ได้

“ว่าไงไอ้หลานชาย ลุงเสียใจด้วย อีกสองอาทิตย์ถ้าเพชรกู้ชื่อเสียงบริษัทกลับมาไม่ได้ คงแย่เลยนะ ลุงจะลองคุยกับบอร์ดบริหารเผื่อจะเพิ่มเวลาให้ได้ ไม่ต้องคิดมากนะ ลุงรู้ว่าเพชรเก่งอยู่แล้วไม่อย่างนั้นคงมาไม่ถึงจุดนี้ เอาความเก่งอวดดีมาใช้ให้หมดล่ะ” เพทายมองผู้ชายที่ทำตัวหวังดีประสงค์ร้าย

“ขอบคุณครับ ผมมาไกลมาก และคงไม่มีทางถอยลงแน่นอน พ่อฝากวีนัสไว้ที่ผม ผมจะต้องดูแลมันให้ดีที่สุด ผมขอตัวนะครับคุณลุง” เพทายรีบพาแก้วกัลยาเดินออกมาที่รถ เขาจับมือแก้วกัลยาแน่นไม่ปล่อย จนแก้วกัลยาสัมผัสได้ว่าเขาโกรธมาก

“ตาแก่...เอ่อ..คุณทรงกลดหมายความว่ายังไงคะ บอร์ดบริหารว่ายังไง คุณบอกฉันได้นะ แต่ถ้าคิดว่าฉันยุ่งเรื่องของคุณ คุณไม่ต้องบอกก็ได้...”

“ภายในสองอาทิตย์ถ้าผมกู้สถานการณ์บริษัทไม่ได้ พวกเขาจะปลดผมจากตำแหน่ง”

“บ้าไปกันใหญ่แล้ว กว่าคุณจะก้าวมาถึงจุดนี้ คุณใช้เวลาตั้งเท่าไหร่ สร้างผลงาน พิสูจน์ตัวเองเป็นปี ไม่ได้จับฉลากมานั่งตำแหน่งประธานอยู่ ๆ จะมาปลดกันง่าย ๆ ได้ยังไงกันคะ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ถ้ามติในที่ประชุมเห็นด้วย ผมก็โดนปลดได้ มันเป็นเรื่องปกติ ผลประโยชน์ อำนาจทางธุรกิจมันไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว คณะกรรมในบอร์ดบริหารหลายคนก็ถือฝั่งเขาอยู่”

“โชคดีของฉัน ที่แด๊ดแค่ซื้อหุ้นไว้อย่างละนิดพอให้ฉันกินเงินปันผล ไม่ต้องไปนั่งบริหารงานเอง ไม่อย่างนั้นถ้ามีคนมาปลดฉัน ฉันคงได้อาละวาดแน่นอนค่ะ รู้สึกขอบคุณแด๊ดกับมัมขึ้นมาทันที” เพทายมองแก้วกัลยานิ่ง ๆ ก่อนจะถอนสายตากลับมาเมื่อแก้วกัลยาหันมามองเขา

“ผมว่าเรารีบไปเถอะครับ”

“ค่ะ” แก้วกัลยาบอกเส้นทางไปร้านประจำของเธอ เขาขับรถไปตามทางไปเงียบ ๆ ไม่มีบทสนทาที่ล้อเขาเล่นแบบทุกครั้ง จนถึงร้านที่เธอบอก เขาหันไปมองแก้วกัลยาที่ยังนั่งนิ่งเขาจึงต้องเดินอ้อมไปเปิดประตูให้ แก้วกัลยาเดินคล้องแขนเขาไว้กันว่าจะเขาเดินหนีไป

“แบบนี้สิคะถึงจะน่ารัก” แก้วกัลยายื่นมือไปดึงแก้มเพทายเบา ๆ เหมือนคู่รักที่หยอกล้อกัน เพทายหันมามองตาขวางที่เธอเริ่มลามปามและเยอะกับเขา แต่แก้วกัลยาก็ทำเป็นมองไม่เห็นดวงตาคม ๆ ของเขา สถานการณ์ตอนนี้คนภายนอกคงจะมองว่าคู่รักกำลังง้องอนกัน เพราะใบหน้าคนหนึ่งกำลังยิ้มอย่างสุขใจ อีกคนกำลังสะกดกั้นอารมณ์โกรธ นี่เค้ายังปวดหัวไม่พอใช่ไหม ผู้หญิงคนนี้ถึงต้องมาเพิ่มเรื่องให้เขาปวดหัวพลันคดีเก่าแก่ที่แก้วกัลยาทำให้ไว้ทำให้เขาระแวงจึงมองสำรวจไปรอบ ๆ ลานจอดรถ

“ไม่ต้องมองอย่างระแวงขนาดนั้นหรอกค่ะ ร้านนี้เป็นร้านประจำของแก้วแล้วก็พวกน้องของแก้ว แน่นอนว่าไม่มีปาปารัสซี่ เป็นร้านคนรู้จักแก้วด้วย เข้าไปเถอะค่ะ” เพทายมองอย่างไม่ไว้ใจ แก้วกัลยาจึงเอ่ยต่อ

“ฉันไม่หลอกคุณหรอกน่า ฉันรู้น่าว่าเวลาไหนควรเล่าไม่ควรเล่น เร็วสิคะ ฉันหิวเร็ว ถ้าคุณยังทำท่าลีลาแบบนี้คุณอาจต้องอยู่กับฉันนานกว่าหนึ่งชั่วโมง” เขาเดินตามแรงดึงเข้าไปในร้านอาหารสวนขวัญ เป็นร้านอาหารที่ดูร่มรื่น ภายนอกมีต้นไม้ปลูกดูสบายตายิ่งเข้ามานั่งก็ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งกินข้าวในสวนที่บ้านตัวเอง ด้านข้างเป็นแม่น้ำ ถ้ากินตอนกลางคืนคงจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศริมแม่น้ำ แก้วกัลยาชะงักเมื่อเสียงเรียกดังขึ้น

“เจ๊แก้ว!!!” แก้วกัลยาหันไปมอง และทำหน้าบึ่งขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าเป็นยัยน้องสาวตัวดี เธออุตสาห์จะพาเขามากินข้าวดินเนอร์สองต่อสอง แต่งานนี้หมดสิทธิ์แล้ว เพราะสายตาของทั้งโต๊ะทั้งคือรักจิรา นิรุธและหฤทัยกำลังมองมาที่เธอ เธอจึงดึงตัวให้เพทายตามตัวเธอมา รักจิราจ้องทั้งสองแบบตาไม่กระพริบ ออกแนวตกใจมากกว่าที่พี่สาวเธอควงมากับเพทาย เธอไม่อยากจะเชื่อ

“เลิกมองได้แล้วไอ้รักคนนี้ฉันหวง”

“ไม่มองก็ได้ เค้าแค่ตกใจ ว่าแต่...”รักจิรามองตาพี่สาวเป็นเชิงว่าแนะนำสิ

“คุณเพชรนี่รักจิราเป็นน้องสาวฉัน นั่นเพื่อนน้องฉันรุจ กับหวาน ส่วนคนนี้คือคุณเพทาย หรือคุณเพชรที่รักของฉันแกน่าจะรู้จักอยู่แล้วนี่รัก รุจ หวาน ถ้ารู้จักแล้วเราไปกันเถอะค่ะ” เพทายไม่ค่อยชอบใจกับสถานะที่แก้วกัลยายัดเยียดให้ ขณะที่แก้วกัลยากำลังจะควงเพทายหนีไป รักจิราจับข้อมือแก้วกัลยาไว้

“จะไปไหนล่ะเจ๊แก้ว นั่งด้วยกันก็ได้ โต๊ะพวกเรานั่งได้ตั้งหกเจ็ดคน ไปนั่งที่อื่นทำไมให้เปลืองโต๊ะ นั่งด้วยกันนะคะคุณเพชร” เพทายพยักหน้าและเดินไปนั่งลงที่ข้าง ๆ นิรุธ แก้วกัลยามองจิกใส่รักจิราที่ยิ้มเยาะเย้ย แก้วกัลยาเดินมานั่งข้าง ๆ เพทายแทนที่จะนั่งข้างนอกสาว นิรุธเดินไปหยิบเก้าอี้อีกตัวและเปลี่ยนไปนั่งหัวโต๊ะแทน

“ตัวเลิกมองได้แล้ว ปกติก็เป็นมารร้ายอยู่แล้ว ยิ่งจิกยิ่งเหมือน ว่าไหมคะคุณเพชร” อยู่ ๆ รักจิราก็หันไปถามความเห็นผู้ชายที่เปิดสั่งอาหารเพิ่มอีกอย่าง เขาฉีกยิ้มน้อย ๆ นั่นก็คือคำตอบแล้วปกติเขายิ้มให้คนแปลกหน้าที่ไม่ใช่คู่คนรู้จักเสียเมื่อไหร่

“เห็นไหมคุณเพชรเขาคิดแบบเค้า ว่าตัวเป็นนางมารร้าย”

“หุบปากไปเลยไอ้รัก ปากไม่สร้างสรรค์ รุจช่วยเอาไก่อุดปากลูกพี่แกด้วย จะได้ไม่เห่าใส่ชาวบ้านเขา” เพทายมองพี่น้องที่เชือดเฉือนกันทางคารม มันไม่ได้ดูเหมือนคนโกรธกันแบบศัตรู แต่มันให้ความรู้สึกถึงพี่น้องที่ทะเลาะกัน มันดูแปลกตาสำหรับเขาในลุคนี้ของแก้วกัลยา

“คุณเพชรคะทานนี่สิคะ ของโปรดแก้วเลยนะคะ รับรองอร่อยเหาะ”

“ของโปรดตัวบางทีอาจจะไม่ใช่ของโปรดคุณเพชรเขาก็ได้นะเจ๊แก้ว บางทีของที่ตัวตักให้คุณเพชรอาจจะแพ้ จริงไหม...แค่ก ๆ” แก้วกัลยาหันไปตักข้าวตัวเองและยัดใส่ปากน้องสาวที่ไม่ยอมจบ รักจิราสำลักข้าวนั้นและมองตาขวาง

“ยัยเจ๊แก้ว ตัวกล้ากับเค้าหรอ”

“เออ ทำไม แกจะทำอะไรฉันไอ้รัก อย่าคิดว่าเป็นมวยแล้วฉันจะกลัวแกตลอดนะ อย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะ” รักจิราทำหน้าไม่สนใจตักอาหารใส่ปาก และตอนนั้นเองที่เธอมองเห็นผู้ชายท่าทางคุ้นตาเดินผ่านหน้าไป แต่ก็ส่ายหน้าพลางคิดว่าตัวเองคิดมาก อาหารมื้อนั้นดูครึกครื้น รักจิราและนิรุธเล่าเรื่องตลกกัน แก้วกัลยาที่ตั้งท่าจะรักษามาดที่แทบไม่เหลือกับร่วมวงด้วย เพทายมองผู้หญิงข้างด้วยสายตาแปลกเข้าไปอีก นี่หรือ ...นางมารอสรพิษ...

“ตัวกลับยังไง”

“เดี๋ยวให้คุณเพชรไปส่ง แกไปด้วยไหม”

“ถามแล้วจิกตามใส่แบบนี้ก็ไม่ต้องถามหรอก คุณเพชรคะฝากพี่สาวฉันด้วยนะคะ ทางที่ดีส่งเสร็จปิดประตูไล่ลงรถเลยนะคะ อย่าปล่อยให้เจ๊แก้วลากเข้าบ้านไม่อย่างนั้น คุณโดยเจ๊แก้วกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวแน่ ๆ”

“ไอ้รัก!!!” รักจิรารีบวิ่งหนีไป แก้วกัลยาหันไปมองเพทายที่จ้องหน้าเธออยู่

“คุณลืมวันนี้ไปเลยนะ ถือว่าวันนี้ฉันไม่ใช่แก้วกัลยา มารร้ายอสรพิษ” เพทายพยักหน้าและเดินนำแก้วกัลยาไปที่รถ เขาลืมความเครียดไปชั่วขณะ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องงานเขาก็เครียดอีกครั้ง




“คุณไม่เข้าไปในร้านแน่นะคะ” แก้วกัลยาถามขณะปลดเข็มขัดนิรภัย

“ไม่ดีกว่าครับ ผมรอคุณอยู่ที่รถจะสะดวกกว่า”

“คุณจะกลับก่อนก็ได้นะคะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าคนทีมาพบฉันเป็นใคร ถ้าเป็นเรื่องงานอาจจะนานก็ได้” แก้วกัลยาเอ่ยออกไปอย่างนั้นแต่ในใจภาวนาให้เขารอเธอ นั่นหมายถึงเขาเป็นห่วงเธอเลยนะ ถ้าเขาห่วงเธอโอกาสเธอจะตีคะแนนมันก็ไม่ยากแล้ว

“ไม่เป็นไร ถ้าผมกลับคุณจะกลับบ้านยังไง รถคุณก็ไม่มี แขนคุณก็หัก ผมไปส่งคุณมันจะสะดวกกว่า คุณรีบเข้าไปเถอะ” แก้วกัลยามองไปที่เผือกของตัวเอง ในใจรู้สึกผิดชั่ววูบหนึ่งที่โกหกเขา เธอรู้ว่าเขาดีกับเธอเพราะอะไร และรู้ว่าเขาก็เป็นคนดีไม่มีทางปัดความรับผิดชอบ และเธอกำลงเอาความดีของเขามาเป็นเครื่องมือ แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเหล่านั้นมันก็สลายหายไปราว เมื่อแก้วกัลยาคิดเหตุผลเข้าข้างตัวเองมาค้านอย่างไม่ยอมรับผิด

“ก็ได้ค่ะ แต่ถ้านานคุณเข้าไปบอกคนของฉันแล้วกลับไปก่อนเลยก็ได้นะคะ” เขาพยักหน้ารับคำ แก้วกัลยาจึงเปิดประตูลงจากรถและเข้าไปในสปา แก้วกัลยาสปากับห้องเสื้อแบรนด์ดังตั้งอยู่ข้าง ๆ กัน เพื่อความสะดวกต่อการเดินทาง ไม่ต้องย้อนไปไกล เพียงแต่มีรั้วสีขาวกั้นเขตทั้งสองไว้ เมื่อเดินไปถึงเธอก็เจอกับมิลาที่ยืนรออยู่หน้าสปา

ถ้าถามว่าทำไมเธอถึงต้องมาที่ร้านในเวลานี้ เพราะเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนมงกุฎโทรมาหาเธอบอกให้เธอกลับมาที่สปา มีคนมารอพบเธอ ซึ่งเธอสั่งให้ไล่กลับไปก่อน แต่มงกุฎบอกว่าแขกคนนี้จะรอพบเธอให้ได้ เธอจึงต้องกลับมาที่ร้านแบบเร่งด่วน ถ้าเรื่องไม่สำคัญเธออาละวาดแน่นอน แก้วกัลยาคิดในใจและเดินพุ่งเข้าไปหามิลาที่ก็ก้าวเท้าเข้ามาหาเธอเช่นกัน

“คุณแก้ว” มิลามองใบหน้าที่เขียดขึงของเจ้านายสาวที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจที่ถูกเรียกตัวกลับมา

“คุณมงกุฎล่ะ”

“คุณมงกุฎออกไปพบลูกค้าค่ะ” แก้วกัลยาพยักหน้า เพราะรู้ว่าลูกค้าที่ว่าคือใคร

“แล้วใครมาขอพบฉัน ฉันบอกแล้วว่าถ้าเกิดไม่ด่วนจริงไม่ต้องตามฉันมา คอยดูนะถ้าแขกคนนี้ไม่สำคัญพอฉันจะจัดการเธอมิลา” แก้วกัลยาเอ่ยขณะสาวเท้าเดินขึ้นไปบนห้องทำงาน มิลาที่ตัวเล็กและขาสั้นกว่าพยายามวิ่งตามเจ้านายสาว หน้าตาเริ่มซีด เพราะคุณมงกุฎไม่อยู่ และอยู่ ๆ ก็มีผู้ชายที่ท่าทางเอาแต่ใจมาขอพบแก้วกัลยา พอเธอบอกว่าแก้วกัลยาไม่อยู่ก็บอกจะรอ และต้องการพบเดี๋ยวนี้ เธอจึงต้องโทรหาคุณมงกุฎ

“เอ่อ...คุณเขาบอกว่าห้ามบอกให้บอกแค่ว่าต้องการพบคุณแก้วค่ะ ดิฉันไม่สามารถจัดการปัญหาได้ คุณแก้วจะตัดเงินเดือนดิฉันก็ได้ แต่อย่าไล่ดิฉันออกนะคะ”

“ใครบอกฉันจะไล่เธอออก เลิกพูดมาก เธอควรจะเรียกรู้จากคุณมงกุฎให้มากกว่านี้ ไม่ใช่มีปัญหาโทรหาคุณมงกุฎให้มาบอกฉัน ฉันไม่ใช่ยักษ์ใช่มารที่ไหน อีกไม่นานคุณมงกุฎจะเกษียณตัวเอง คงทำงานกับฉันอีกไม่นาน แล้วเธอต้องมาดูแลเรื่องของฉันแทร ถ้าเธอยังทำอะไรไม่ได้ กับอีแค่จัดการเรื่องเล็ก ๆ เธอยังทำไม่ได้ เธอก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะเป็นผู้ช่วยฉันอีก ถึงวันนั้นฉันไล่เธอออกแน่มิลา”

“ค่ะ ดิฉันจะตั้งใจทำงาน จะ...”

“เลิกพูดมาก แล้วไปตามคนที่ต้องการพบฉันมาที่ห้องทำงาน” แก้วกัลยาก้าวเข้าไปในห้อง มิลาอ้าปากจะพูดบางอย่างแต่เหมือนจะไม่ทันเมื่อแก้วกัลยาปิดประตูใส่หน้าเธอ มิลาได้แต่ภาวนาว่าแขกของแก้วกัลยาคนนี้จะไม่ทำให้เธอเดือดร้อนไปมากกว่านี้
ปัง
แก้วกัลยาปิดประตูห้องและเมื่อหันหน้ากลับมาก็พบกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ ดวงตาสวยนิ่งจ้องมองผู้ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของเธอ เขามองกล่องไม้ใบเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานฝาของกล่องถูกเปิดออก

“นายหัดมีมารยาทบ้างก็ดีนะแมท” แก้วกัลยาเดินไปปิดฝากล่องในเล็กนั้นและหยิบมันขึ้นมา และเก็บมันใส่ลิ้นชักเดิม แก้วกัลยายืนกอดอกและหันมาหนุ่มหล่อลูกครึ่งที่นั่งหลังพิงเก้าอี้ในท่าทีสบายโดยไม่สนสายตาเธอสักนิด

“อะไรเจอหน้าเพื่อนเก่านอกจากจะไม่ทักทายตามประสาคนคุ้นเคยแล้วยังจะว่ากันอีกหรอ”

“นายสินะที่ทำให้ผู้ช่วยของฉันไม่กล้าเถียง แล้วกลัวจนหัวหดเป็นเต่า” แก้วกัลยามองด้วยสายตาไม่พอใจ ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพเจ้ากรีก ใบหน้าที่ผสมผสานระหว่างเอเชียและยุโรปอย่างลงตัว ดวงตาสีฟ้าประกายมีเสน่ห์จ้องมองแก้วกัลยาด้วยแววตากวน ๆ เขาคือเพื่อนเก่าของแก้วกัลยา เพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนของเธอ แมทธิว สเปนเซอร์ ผู้กุมอำนาจธุรกิจการบันเทิงลำดับต้น ๆ ของอเมริกา เขาเป็นหนุ่มฮอต ที่ผู้หญิงกว่าครึ่งค่อนประเทศใฝ่ฝันหา เป็นนักธุรกิจที่ผู้คนมากมายกำลังจับตามอง เมื่อความสำเร็จของแมทธิวนั้นไม่ได้มาจากลาภลอยแต่มาจากคนหนุ่มที่เก่งการบริหารนำพาบริษัทให้ติดท็อปเท็นระดับโลกได้

“ฉันว่ามิลาไม่เหมือนเต่านะ แต่เหมือนหนูขี้กลัวมากหว่า ไม่เข้าใจผู้หญิงขี้กลัวแบบนั้นอยู่กลับแมวป่าอย่างเธอนานขนาดนี้ได้ยังไงกัน ปกติเธอไม่ชอบเด็กซื่อ ๆ โง่ ๆ เพราะจะทำให้งานของเธอยุ่งยากไม่ใช่หรอ”

“นายไม่รู้หรอ แมวป่าอย่างฉันชอบเลี้ยงหนูเชื่อง ๆ เหมือนกัน แถมหนูตัวนี้ก็พิเศษมากเสียด้วย แล้วนายก็อย่ามายุ่งกับหนูของฉัน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่านายคิดอะไร เอาล่ะพูดธุระมาได้แล้ว ก่อนฉันจะไล่นายออกไปจากร้านของฉัน”

“ฉันแวะมาก็มาทักทายเพื่อน”

“แมท...”

“ฉันมาเยี่ยมเธอ ได้ข่าวจากเทรซว่าเธอประสบอุบัติเหตุ ท่าทางดู...หนักนะ” เขามองแขนที่เข้าเฝือก แต่ดูเหมือนเขาจะพลาดบางอย่างไป แต่เมื่อสบตาคู่สวยคมกริบของแก้วกัลยาที่กำลังมองมาอย่างคาดคั้นว่าเธอต้องการคำตอบ

“โอเค ก็อย่างที่รู้ฉันแวะมาเยี่ยมคุณแม่ แล้วก็กำลังจะมีแพลนทำรีสอร์ทที่เชียงใหม่ให้แม่”

“แมท...” น้ำเสียงของแก้วกัลยาแปรเปลี่ยนเป็นตะคอกเมื่อแมทธิวเอาแต่พูดเรื่องไม่สำคัญ และเรื่องที่เธอรู้อยู่แล้ว แมทธิวพยักหน้าและเริ่มพุดต่อ

“ฉันรู้เรื่องเธอกับพิตต้าจากเทรซแล้ว” แก้วกัลยานิ่งรอให้แมทธิวพูดให้จบ “เธอสองคนจะเกลียดกันไปอีกนานแค่ไหนกัน เธอสองคนเป็นเพื่อนรักกันมาก ฉันไม่เห็นด้วยสักนิดเรื่องเธอสองคน ทุกวันนี้ฉันก็ไม่เข้าใจว่าพวกเธอทะเลาะกันเพราะไอ้เฮงซวยจอร์นหรือเพราะอะไรกันแน่ พวกเธอสองคนทำอย่างกับว่าเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน”

“อย่าพูดเรื่องเก่า ฉันกับยัยพิตต้าไม่มีวันกลับมากอดคอได้เหมือนเดิม ไม่ต้องถามสาเหตุด้วย เพราะฉันจะไม่มีวันพูด ยัยนั่นอยากเอาชนะฉันมาตลอด เพราะไม่ว่าทำอะไรก็แพ้ฉัน นายไม่ต้องพยายามพูดให้ฉันเลิกล้มความคิดหรอก ฉันจะทำให้ยัยนั่นแพ้ตลอดไป”

“โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด”

“มีเรื่องอะไรอีกที่ทำให้นายเรียกให้ฉันรีบมา อย่าให้ฉันโมโหนะแมท”

“โอเค บอกก็ได้ ฉันรู้ว่าเธออยู่กับไอ้หมอนั่น” แก้วกัลยารู้ทันทีว่าหมอนั่นที่แมทธิวพูดถึงคือใคร “ฉันหมั่นไส้ก็เลยให้มิลาโทรตามเธอมา และฉันอยากเห็นหน้าไอ้ผู้ชายที่ทำให้เธอไม่ยอมแต่งงานกับฉัน และไม่เลือกพี่เจต” คำพูดของแมทธิวทำให้แก้วกัลยายืนนิ่งนึกถึงเรื่องของเธอกับแมทธิวที่เคยเป็นมากกว่าเพื่อน แต่สุดท้ายเธอกับเขามันก็ไม่ใช่ เธอจึงเป็นคนบอกเลิกเขา แต่เขากลับไม่ยอมรับและบอกจะรอเธอจนถึงทุกวันนี้ แก้วกัลยารู้ว่าระหว่างเธอกับแมทธิวคงไม่มีทางเป็นมากกว่าเพื่อนแน่นอน เขาเองก็ไมได้คิดกับเธอไปมากกว่าเพื่อนแล้วจะแต่งงานกันได้อย่างไร

“ถ้านายมาเพื่อพูดเรื่องนี้ก็กลับไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์ นายเองก็หยุดที่ฉันไม่ได้ ฉันกับนายเรารู้จักกันมากเกินไป จนมันไม่สามารถจะเป็นอย่างอื่นได้มากกว่าเพื่อนตัวนายก็รู้” แก้วกัลยาเอ่ย สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอกับแมทธิวคบกันไม่รอดเพราะว่าเธอกับเขาเหมือนกันมากเกินไป ความเหมือนนี่แหละทำให้เกิดความร้าวฉานขึ้น เธอไม่อยากเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไปจึงตัดสินใจบอกเลิกเขาในวันที่เขาขอเธอแต่งงาน

“ฉันมีอีกเรื่องที่จะบอกเธอ” แก้วกัลยาตั้งใจรอฟัง “ฉันกำลังจะแต่งงาน” แก้วกัลยามองหน้าแมทธิวเหมือนตกใจกับข่าวใหม่ที่เธอพึ่งรู้ ปากที่ปิดสนิทอ้าค้างคล้ายอาการตกใจกับข่าวใหม่ที่วงในยังเคยรู้มาก่อน

“กับใคร”

“พิตต้า” ชื่อที่หลุดออกมาจากปากแมทธิวยิ่งทำให้แก้วกัลยาช็อคขึ้นไปอีก ในหัวมีแต่คำถามว่าสองคนนี้ไปรักกันตอนไหน เป็นไปไม่ได้ที่โสภิตตาจะรักกับแมทธิว โสภิตตาเกลียดผู้ชายที่มีลวดลายเยอะ ผู้ชายที่ไม่มีทางหยุดที่ใครได้แบบแมทธิว แต่มันเกิดอะไรขึ้น

“นายล้อเล่นใช่ไหม นายกับพิตต้าเนี่ยนะ บอกเลยมุกนี้ไม่ขำ”

“ไม่ได้ล้อเล่น ฉันพูดจริง”

“นายต้องบ้าไปแล้ว นายทำบ้าอะไรของนายอยู่ นายจะบ้าหรือไง นายจะแต่งกับกับพิตต้าเนี่ยนะ บ้า บ้า บ้าชัด ๆ แต่เดี๋ยวนะ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเรื่องคุณป้าด้วยใช่ไหม จริงสิฉันลืมไปได้ยังไงคุณป้าเป็นเพื่อนกับน้าตรีแม่ยัยพิตต้า แต่นายเนี่ยนะจะยอมโดยคลุมถึงชน”

“ใช่ ฉันยอม”

“ฉันไม่เชื่อ นายไม่น่ายอมอะไรง่าย ๆ นายจะสารภาพอะไรกับฉันไหม เดี๋ยว อย่าพึ่งเดินหนี นายมาคุยกับฉันให่รู้เรื่องก่อนนะแมท นายก็รู้ฉันกับยัยนั่นไม่ถูกกัน นายจะตอบตกลงแต่งงานได้ยังไง ฉันไม่เชื่อด้วยคนอย่างนายจะยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักได้ง่าย ๆ คุณป้าบังคับนายไม่ได้แน่ ๆ”

“ก็ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรมาก ก็แค่อยากตามใจแม่” เขาตอบขณะที่ขายังก้าวเดินลงบันได แก้วกัลยารีบวิ่งตามเขาออกไป ใครจะแต่งงานกับโสภิตตาก็แต่งไป แต่ต้องไม่ใช่คนรู้จักของเธอ เธอรับไม่ได้โดยเฉพาะแมทธิวคนที่เป็นเพื่อนสนิทของเธอ เธอยอมไม่ได้ และเธอยิ่งรับไม่ได้ถ้าแมทธิวต้องไปผูกห่วงติดกับคนที่ไม่ได้รัก มันต้องมีเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้

“หยุดเลยนะแมท มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ยัยนั่นตกลงอะไรกับนายหรือเปล่า แมท แมทธิว แมทธิว สเปนเซอร์ ฉันสั่งให้นายหยุด มิลา หยุดเขาไว้ ถ้าเขาหนีไปได้ฉันจะจัดการเธอ” แก้วกัลยาวิ่งตามเข้าออกไป แต่เขาก้าวเท้าไวมากจนแก้วกัลยาตามไม่ทัน เธอจึงสั่งมิลาที่ยืนอยู่หน้าร้าน

“หลบ” แมทธิวมองผู้หญิงร่างเล็กที่ยืนกางแขนขวางเขาไว้หน้าประตูไม่ให้ออกไป

“คุณรอคุยกับคุณแก้วก่อนนะคะ ถ้าคุณไปฉันต้องแย่แน่”

“ไม่ใช่เรื่องของฉัน บอกให้หลบไป” มิลาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ทั้งเจ้านายและเพื่อนเจ้านายนิสัยไม่ได้ต่างกันเลยสักนิด และเขาคนนี้ก็ร้ายกาจไม่แพ้แก้วกัลยา เป็นคู่เพื่อนที่ไม่น่าคบค้าสมาคมเลย

“คุณแมท คุณจะทำให้ฉันเดือนร้อน ฉัน ว้าย” มิลาที่ยืนขวางทางกระเด็นไปอีกฟากทันที แต่แมทธิวก็ต้องหยุดเดินเพราะหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

“แมท...คุณเพชร” แก้วกัลยาที่คว้าจับมือแมทธิวไว้มองเพทายที่ยืนอยู่หน้าร้านเหมือนจะตกใจนิด ๆ ที่เขาปรากฏตัวในร้านเธอกำลังจะสะบัดมือของแมทธิวออกแต่แมทธิวกับรู้ทันเปลี่ยนมาจับมือเธอไว้แทน และหันไปสบตากับเพทายก่อนจะยิ้มที่คิดว่าเป็นมิตรที่สุดส่งไปให้

“คุณนั่นเองคุณเพทาย”

“คุณรู้จักผม”

“แน่นอน ผมรู้จักคุณ ผู้ชายที่น่าอิจฉา เฮ้อ...ยินดีที่ได้รู้จัก ผมแมทธิว เป็น แฟน...เป็นเพื่อนสนิทของแก้ว” แมทธิวที่หันไปมองสายตาดุ ๆ ของแก้วกัลยาก็รีบเปลี่ยนคำพูดเพราะกลัวแก้วกัลยาจะตามไปคิดบัญชีกับเขาภายหลัง เขายื่นมือส่งให้เพทายเพื่อเป็นการทักทาบ เพทายก็ยื่นมือไปจับมือแมทธิวตอบ เพทายสังเกตว่าแมทธิวมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ ที่เขาอ่านไม่ออก

“แก้วคุยกับผมเรื่องงาน ผมคิดว่าก่อนเราจะเจรจาธุรกิจกัน คุณจัดการปัญหาของบริษัทคุณให้เรียบร้อยก่อนจะดีกว่า ถ้าคุณจัดการได้ วันนั้นเราอาจจะได้คุยกัน ผมอยากจะรู้ว่าบริษัทคุณดีพอให้ผมไว้ใจ และผมจะไม่เสียผลประโยชน์ไปด้วย ผมขอตัว” แมทธิวเอ่ยและหันไปมองแก้วกัลยา

“กลับก่อนนะแก้ว”

“เราต้องคุยกันแน่นอนแมท ถ้าฉันรู้นายหนีกลับไปฉันจะตามไปฆ่านาย นายก็รู้ว่าคนอย่างแก้วกัลยาไม่เคยขู่ใคร ไปกันค่ะคุณเพชร ฉันเสร็จธุระแล้ว” แมทธิวมองตามแก้วกัลยาไปด้วยสายตาอ่านไม่ออก มันนิ่งจนน่าแปลกใจ มิลามองภาพนั้นด้วยสาตากังวล พลันแมทธิวก็หันกลับมามองเธอ มิลาชักเท้าจะหนีเข้าไปในร้าน

“เจ้านายเธอเอาแต่ใจตัวเกินไปแล้ว”

“คุณก็เอาแต่ใจตัวเหมือนกันนั่นแหละ” มิลาบ่นอุบอิบ

“เธอว่ายังไงนะ” เขาหันไปถามเมื่อได้ยินเสียงเธอบ่น

“เอ่อ...เปล่าค่ะ”

“ถ้าพิตต้าแวะมาหาแก้วกัลยาโทรบอกฉันด้วย ถ้าสองคนเกิดเรื่องอะไรโทรตามฉัน เข้าใจไหม” มิลาอยากจะเอ่ยปฏิเสธแต่สายตาของแมทธิวกำลังจ้องมองมาอย่างบีบคั้น มิลาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ชีวิตนี้แค่แก้วกัลป์ยาเธอก็กลัวหัวหดแล้ว แต่ยังมาเจอกับแมทธิว ผู้ชายคนนี้มีบางอย่างให้เธอรู้สึกกลัว มีบางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจ อะไรหลาย ๆ อย่างบอกให้เธออยู่ห่าง ๆ เขาไว้จะดีที่สุด

“เข้าใจไหม”

“ค่ะ”

“ดี กลับบ้านได้แล้ว ฉันจะไปส่ง” มิลาเงยหน้ามองเขา แววตากลมโตเบิกกว้างใบหน้าส่ายไปมาอย่างปฏิเสธ

“ทำไม เร็วอย่าให้ฉันรอ” แล้วเขาก็เดินออกไป มิลาอยากจะบอกเขาเหลือเกินฟังเธอพูดบ้างได้ไหม ทั้งเจ้านายและเพื่อนเจ้านายเหมือนกันไม่มีผิด ไม่ฟังเธอให้จบก็สรุปเองหมด มิลาคิดและกลุ้มในใจ




...ติดตามตอนต่อไป...


เจ๊แก้วของเรากระดูกเหล็ก เพราะนางจะได้รับฉายาเจ๊แก้วกระดูกเหล็กแทน
เพราะนางจะต้องเจอเรื่องอีกเยอะ และเจ็บตัวอีกหลายฉาก จะเอาใจคุณเพชรไปได้ไหมก็ติดตามกัน

เรื่องคำผิดจะตามไล่แก้ให้อีกทีนะคะ พบกันตอนต่อไปค่ะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2558, 20:01:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2558, 13:14:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 907





<< ตอนที่ 5 คุณต้องรับผิดชอบ   ตอนที่ 7 ผู้ชายในคลิป >>
yapapaya 4 มิ.ย. 2558, 22:06:53 น.
เอาใจช่วยคุณแก้วด้วยคน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account