กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 1 ครึ่งแรก

ภายนอกเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ภายในรถไม่มีเสียงพูดคุย เงียบจนหัวใจของอันนาเต้นแรงและดังมากพอให้ใครๆ ได้ยินถึงความหวาดกลัวนี้ เด็กน้อยได้ยินคนข้างตัวถอนใจตามมาด้วยเสียงคล้ายเหล็กกระทบกัน รถเบาเครื่องเหมือนกับจอดนิ่งแล้วเร่งเครื่องอีกครั้ง ชั่ววินาทีก็จอดสนิท ทุกอย่างพลันเงียบกริบจนไม่กล้าเดา

เสียงเดินมาใกล้แล้วพลันประตูเปิดออก แขนเล็กถูกรั้งให้ก้าวออกมาจากรถ พอไม่ยอมก็กระชากให้เดินตามไปบนทางเดินเรียบๆ ไม่มีเสียงอื่นให้ได้ยินอีก มีแสงไฟที่ลอดผ่านผ้าปิดตาสีดำเข้ามา แต่ไม่มากพอที่จะเห็นอะไรได้ เท้ายังคงก้าวต่อไปจนกระทั่ง...

“บันได ขั้นเดียว ยกขา”

อันนายกขาขึ้นมานิดหนึ่งก้าวตามไปแล้วหยุดภายในห้องสว่าง ผ้าปิดตาถูกดึงออก แสงไฟจ้าทำให้แสบตาจนพร่าไปชั่วครู่ เด็กน้อยในชุดนักเรียนมัธยมปลายมองเบื้องหน้าเห็นผ้าม่านสีดำทึบ โคมไฟระย้าบนเพดาน ผนังสีขาวงาช้างและชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่หลังเก้าอี้พนักสูง

“นั่งลงสิ...อันนา”

อันนาก้าวถอยหลังไปที่ประตู แต่กลับถูกผลักจนถลา ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวนั้น มือทั้งสองข้างประสานกันสั่นเทา ดวงตาหวาดกลัวไม่อาจปกปิดได้ เสียงหัวเราะคำรามทำให้งอตัวหลับตาลงอยากให้ทุกอย่างกลายเป็นแค่ฝันร้าย

เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหมุนกลับมาไฟในห้องดังพรึบเหลือเพียงไฟดวงเล็กที่ผนังซึ่งช่างน้อยนิดจนอันนาเห็นอะไรไม่ถนัด ราวกับคนตาบอดที่มีมือสังหารพร้อมลงมืออยู่รอบด้าน

“คะ...คะ...คุณเป็น...ใคร?”

ชายคนนั้นแสยะยิ้ม สายตาราวกับเสือร้ายจ้องมองมา

“เห็นแล้วใช่ไหมว่าผมทำอะไรได้บ้าง”

ผ้าม่านสีดำเปิดออก สายตาของชายภายใต้เงาเบี่ยงไปมองชายอีกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ไฟจากระเบียงทำให้เห็นว่าเลือดไหลจากหางคิ้ว จมูกและปาก

“พ่อ...อย่าทำเป็นอะไรนะคะ น้ำกลัว”

อันนากระโจนไปหาทว่าถูกกระชากกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม ความกลัวโบยตีหัวใจที่ชาหนึบ เรียวคิ้วงอนขมวดมองชายแปลกหน้าที่ไม่แม้จะบอกชื่อแนะนำตัว

“พวกแกทำอะไรลูกสาวของฉัน มีอะไรก็ทำที่ฉัน เด็กไม่เกี่ยวอะไรด้วย”

ร่างสูงใหญ่กอดอกมองแล้วก้าวเข้าใกล้ อันนากัดริมฝีปาก บังคับตัวเองไม่ให้กรีดร้องด้วยความกลัวออกมา

“ถ้าไม่อยากให้ลูกสาวของแกตายก็บอกมาว่าเอาหลักฐานทั้งหมดไปไว้ที่ไหน”

“ผมจะบอกก็ต่อเมื่อมีลูกสาวไปด้วยกันเท่านั้น”

เสียงหัวเราะคำรามต่ำอยู่ในลำคอช่างสั่นขวัญชวนให้ก้มหน้าหลบหรือวิ่งหนี

“ไม่ต้องมาลูกไม้ ของอยู่ที่ไหน บอกมา!”

“รถพร้อมคนขับ ผมและลูกสาว ที่เหลือตามไปแล้วจะรู้เอง คิดเอาถ้าไม่ยอม อีกไม่เกินสองวัน หลักฐานถึงตำรวจหรือไม่ก็...”

ร่างสูงคุกคามเดินไปที่หน้าต่างมองออกไปเกินคาดเดาว่ากำลังคิดอะไร คนรอใจเต้นแรงอีกครั้ง อันนามองพ่ออย่างเป็นห่วง ไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมเมื่อคืนพ่อไม่ได้กลับบ้าน

ไม่! ต้องไม่กลัว พ่อต้องมีวิธีที่ทำให้เราสองคนรอดออกไปจากที่นี่ด้วยกัน

ใบหน้านิ่งประดุจศิลาในความสลัวดำหันมาแล้วตอบเสียงเรียบ แต่อันนาเกือบสะดุ้ง

“ก็ได้ ถ้าแกตุกติก ผมอาจไม่สนใจหลักฐานอีก แล้วฆ่าลูกสาวแกซะ”

ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้กดไหล่บางให้นั่งลงไปพร้อมกับใช้สองแขนยันพนักเก้าอี้ไว้ พอเห็นเหยื่อจ้องมองมาก็ยืดตัวขึ้นหยิบปืนออกจากเอว อันนาเห็นรอยสักเด่นหรา ปลายปืนไล้แผ่วมาตรงแก้ม พ่อกระชากอยากเข้ามาช่วย แต่ทำไม่ได้ เด็กน้อยกัดริมฝีปากไว้ไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา

“จำไว้ชีวิตเด็กคนนี้เป็นของผม ‘ฆ่า’ จำไว้ว่าผมทำได้เพื่อหลักฐานนั้น”

อันนาเงยหน้ามองผ่านรอยแยกที่เสื้อของมันจึงเห็นว่ามีผ้าพันแผลรอบจากหน้าท้องจนถึงอก ไอ้วายร้ายเพิ่งได้แผลบาดเจ็บมา ถ้าเอาหัวกระแทกตรงแผลนั่น เด็กน้อยส่ายหน้ายังไงก็ไม่รอดอยู่ดี พ่อมองมาสายตานิ่งไม่ไหววูบ

“พาตัวไป เอาหลักฐานมาให้ได้ ถ้าผิดแผนก็ฆ่าทิ้ง ทำให้เหมือนมันตายเอง”

ร่างสูงหันหลังแล้วออกไปจากห้องนั้น อันนาลุกขึ้นพร้อมๆ กับผ้าปิดตาสีดำถูกทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง ไหล่ถูกดันเบาๆ ให้เดินกลับยังรถที่จอดรถ ระยะทางใกล้กว่าเดิม เธอร้องหาพ่อ ทว่าไม่มีเสียงตอบ จนกระทั่งเข้าไปนั่งในรถ เบาะข้างๆ ยวบลง มือใหญ่ที่จำได้กุมมือสั่นเทาของเธอไว้ รถเคลื่อนออกไป

นานจนเหมือนตกนรกเมื่อจมดิ่งอยู่ในห้วงของความหวดกลัว อันนาได้ยินเสียงเบรกก่อนจะตามมาด้วยรถเร่งเครื่องที่มาพร้อมกับด่าทอ

...โครม!!!

ประตูรถหลุดออกไปแล้ว อันนาสะดุ้งพร้อมๆ กับพ่อเข้ามากอดไว้ มือหนากระตุกจนผ้าหลุด เด็กน้อยดึงผ้าปิดตาออก พลันราวกับถูกผลักด้วยแรงมหาศาลแล้วโลกถูกเขย่าอย่างแรง ร่วงละลิ่วสู่พื้นหลายสิ่งเกิดขึ้นแต่กลายเป็นภาพเบลอๆ ก่อนที่เสียงกัมปนาทจะดังอีกครั้งแล้วมันมาพร้อมกับแรงสั่นสะเทือนและแสงไฟดวงมหึมา

ตูมมมมม?!?

ตื่น! อันนา มันแค่ความฝัน ไม่ใช่เรื่องจริง

เปลือกตาบอบบางเปิดออกทันทีแล้วมองไปรอบตัวเพื่อให้แน่ใจว่ากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้เสียที หญิงสาวเดินเร็วๆ ไปที่ระเบียงมองหารถสีดำอย่างที่จำได้จากห้วงคำนึง ไม่มีรถแบบนั้นที่ลานจอดด้านล่าง เธอถอนใจโล่งอกเมื่อไม่มีอะไรตามออกมาจากความฝัน พ่อไม่ได้ตายเพราะรถระเบิด แต่โรคหัวใจต่างหากที่พรากพ่อไป เมื่อไหร่จะเลิกฝันแบบนี้เสียที



สนามบินสุวรรณภูมิในเวลาไล่เลี่ยกัน เครื่องบินเดินทางจากนิวยอร์กได้มาถึงแล้ว ร่างสูงใหญ่ใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลา เวลายิ้มตาตี่นิดๆ แบบฉบับลูกครึ่งไทยจีน ริมฝีปากเม้มปิด เท้าคางมองไปยังทางเดินของผู้โดยสารขาเข้าอย่างใจจดจ่อ แต่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่มา เมื่อ 3 เดือนก่อนก็อย่างนี้ สุดท้ายก็กลับบ้านไปคนเดียว เวลาอกหักแล้วยังไปพบความจริงบางอย่างย่อมต้องใช้เวลาในการกลับมาเป็นตัวเอง น้องชายคนเดียวของเขาก็เหมือนกัน

รออยู่นานจนกระทั่งชายในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงสีเดียวกันเข็นกระเป๋าเพียงไม่กี่ใบออกมา ผิวคล้ำไปบ้างเพราะเล่นกีฬาที่ออกแดดมาตลอดหลายเดือน ผมที่เคยยาวระต้นคอถูกตัดสั้น ความสูงโดดเด่นและใบหน้าเรียบเฉยติดเคร่งขรึมกลายเป็นชวนมองสำหรับหลายคนที่มองมา ใครคนหนึ่งโบกมือให้ทำให้เขาเดินไปอย่างมีจุดหมาย เรียวปากหนาเม้มปิดจนชินเป็นนิสัยเผยอเปิด เกือบจะลืมไปแล้วว่ายิ้มไปเพื่ออะไรหลังจากเหตุการณ์วันนั้น

“6 เดือนผ่านไปเร็วกว่าที่คิด กลับมาได้เสียที นึกว่าจะอยู่อเมริกาไปตลอดชีวิตเสียแล้วนะชัค”

ชัคเลิกคิ้วไม่อยากปฏิเสธว่าบางวูบก็คิดอยากให้ชีวิตเงียบๆ หางานทำอยู่ที่โน่นเหมือนกัน แต่ทำไม่ได้ สงสารพ่อกับพี่ชายที่ต้องดูแลทางนี้แทน

“ขอโทษที่ทำให้ยากลำบากมาตลอดเวลาที่ผมเหลวไหลไป ตอนนี้ผมกลับกลับมาเข้มแข็งแล้ว ไม่สิ เข้มแข็งกว่าเดิมต่างหาก”

“ไปกัน พ่อรออยู่ที่บ้าน คงอยากสละเก้าอี้ให้ชัคบริหาร แล้วไปมองต้นไม้ที่บ้านสวนแล้วกระมัง” ภาคินพูดเหมือนเล่นๆ แต่ความหมายตามนั้นจริงๆ

ชัครู้สึกเสียดายแทนพี่ชาย แม้จะเป็นความตั้งใจที่อยากใช้ชีวิตเรียบง่ายมากกว่าต้องผจญมารร้ายในคราบคนดีอย่างที่เขาพบบ่อยๆ ในโลกธุรกิจ

“แล้วพี่คินล่ะครับ โครงการในฝันใกล้เสร็จเรียบร้อยหรือยัง”

ภาคินยิ้มกว้างการก่อสร้างเสร็จแล้วเหลือแค่ตกแต่ง มันคงเป็นความฝันเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากมีกิจการบริหารด้วยตัวเองหลังจากทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ไม่ได้ ร้านอาหารกึ่งฟิตเนสจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเขา

“เดือนหน้ามาเปิดงานให้ด้วย”

ระหว่างเขากับน้องชายในด้านความสนใจของสื่อแล้ว การเป็นชัค ลูกชายคุณชรันย่อมเป็นที่น่าสนใจกว่า เขาตบบ่าน้องชายเบาๆ พลางมองทางอีกไม่นานก็ถึงบ้านที่มีพ่อและลูกชายสองคนแล้ว แม่จากพวกเราไปตั้งแต่... ช่างเถอะ ตอนนี้ที่เป็นอยู่ก็ดีพอแล้ว



อันนาจดหัวข้อการสอบที่อาจารย์กำลังบอกลงสมุดเล่มเล็ก เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อรู้สึกตัวก็ยกมือขึ้นมากดเบาๆ ฝันนั่นทำให้เธอปวดหัวมาตั้งแต่เช้าจนบ่ายมาแล้วยังไม่หาย เสียงออดในชั่วโมงสุดท้ายดังขึ้น เธอสะดุ้งทั้งที่ไม่เคยเป็น อาจารย์ย้ำเรื่องวันสอบก่อนจะเดินออกไปจากห้อง นาวินเหยียดแขนออกไปจนสุด ในขณะที่ธีราทำหน้าเหมือนโลกจะแตก

“หมดชั่วโมงสุดท้ายในการเรียนแล้ว จันทร์หน้าสอบ แค่คิดก็หัวจะระเบิด น้ำช่วยติวให้หน่อยสิ”

อันนาหันมายิ้มให้เจ้าของใบหน้าหมวยปากเล็กสวย แต่น่าแปลกธีรามีดวงตากลมโตไม่หยีเล็กอย่างหลายคนที่เธอเคยเห็น ผมดัดหยิกแบบหยาบๆ ทำให้ดูละมุมตายามมองเพื่อนคนนี้

“ได้อยู่แล้ว แต่ถ้าวิชาคำนวณต้องกวนวินแล้วล่ะ น้ำเองก็ไม่ค่อยถนัด”

คนถูกพาดพิงหันมาทำหน้าเหรอหรา นาวินเป็นนักแสดงและนายแบบ แต่ก็ไม่ทิ้งการเรียน แม้เขาจะใบหน้าไทยแท้ๆ แต่ได้รับความสนใจ ถึงแม้ว่ายุคนี้จะนิยมหล่อใสๆ แบบเกาหลี แต่เขามีแฟนคลับในอินสตาแกรมเกือบล้านคนเหมือนกัน ผลพวงจากการที่ไปเล่นละครแล้วมีคนชื่นชอบจึงดังชั่วข้ามคืน

“ถ้างั้นมาช่วยๆ กัน แค่ยัยมดอย่าหลับเหมือนเรียนในห้องเป็นพอ”

ไหล่หนาถูกตีไม่เบานัก “พูดเวอร์ไปแล้วย่ะ แล้วนี่ต้องให้ฉันสองคนไปดูลาดเลาก่อนออกจากห้องอีกหรือเปล่า เดี๋ยวโดนแฟนคลับรุมเหมือนคราวก่อนอีก”

ธีรานึกหวั่น ใครว่ามีแฟนคลับเยอะแล้วดีเสมอไป อีตานาวินก็หล่อใช่เล่น สาวตามกันตรึม ตามเฉยๆ ยังพอว่า บางทีจับก้น จับแก้มนี่ทำให้ชักสงสาร เป็นผู้ชายก็ถูกลวนลามได้เหมือนกัน

“ไม่เป็นไร วันนี้วินพร้อมมาก ไปกันเถอะ ถ้ากินข้าวแล้ว ไปติวบ้านวิน เอ หรือว่าจะไปหอพักของน้ำดี”

สองสาวสบตากัน คราวก่อนไปบ้านของนาวินจนได้เป็นสาวปริศนาแฟนคลับตามหาให้ควั่กยังเข็ดขยาดไม่หาย อย่างน้อยหอพักของอันนาก็ไม่พลุกพล่าน หลายครั้งที่ไปก็ไม่เคยเป็นข่าว

“ไปหอของน้ำก็ได้ ใกล้แค่นี้เอง ยัยมดจะได้งีบก่อนติว”

“เอาใจกันอีกแล้ว” คนถูกตีไหล่ดังป้าบเอาคืนยิ้มๆ เลยถูกค้อนใส่ตามเคย

“เงียบไปเลยวิน ขอบใจนะน้ำ ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงเรียนไม่จบแหงๆ”

ทั้งสามเดินออกมาจากห้อง แฟนคลับของนาวินพากันเข้ามาขอถ่ายรูปและลายเซ็น สองสาวยืนรออยู่นานเพราะมาออกันล้นหลาม เกือบ 15 นาทีนั่นล่ะถึงแยกย้ายกันไป นาวินยิ้มอารมณ์ดีมาหาเพื่อนก่อนจะเดินกันไปที่โรงอาหาร



อันนาแวะที่ล็อคเกอร์เผื่อว่าจะมีอะไรส่งมาถึงเธอบ้าง เมื่อไขเปิดก็พบว่าภายในช่องเล็กๆ นั้นมีซองสีฟ้าคุ้นตา เธอหยิบมาใส่กระเป๋ายังไม่เปิดออกดู รู้ดีว่าเป็นอะไร โปสการ์ดจากที่คนที่เธอเรียกว่า ‘คุณแม่มาเรีย’ ส่งมาให้เพราะช่วงนี้เธอไม่ว่างไปหา สัปดาห์หน้าจะมีงานเลี้ยงเล็กๆ ให้ศิษย์เก่าคอนแวนต์ที่กำลังจะแต่งงาน เธอไม่พลาดแน่นอน

“น้ำไม่กินเหรอ”

หญิงสาวหัวเราะพลางส่ายหน้าเพิ่งกินข้าวมาเอง ตอนนี้ขนมเต็มตรงหน้าอีกแล้ว คนบอกว่าพร้อมติวเอนตัวนอนกับพื้นพรม ส่วนคนอยากงีบกลับกินเอาๆ

“ให้เวลาหลับครึ่งชั่วโมงนะ วันนี้วินมีถ่ายละครตอนห้าโมง”

“จำได้ด้วย รักน้ำที่สุดเลย” มาวินบอกเสียงง่วงๆ

ธีราหัวเราะเสียงดังเลยถูกเหล่ ก็มันน่าไหมล่ะ ทำเสียงหล่ออย่างกับกำลังถ่ายละคร พอมองยัยเพื่อนก็เห็นเฉยๆ ไม่ได้ปลื้มอะไรที่ถูกบอกรัก บางทีอาจจะชินเพราะถูกนาวินบอกรักมาตั้งแต่ปี 3 ทำทีเล่นทีจริงจนกลายเป็นคำที่เหมือนสร้อยติดประโยคไปแล้ว

“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา ถ้าไม่จำเรื่องของเพื่อนจะให้ไปจำเรื่องอะไรล่ะ”

นาวินเลิกคิ้วถอนใจก่อนจะหลับตาถอนใจเหนื่อยๆ อันนาเดินไปหยิบมาผ้ามาห่มให้ ธีราออกไปที่ระเบียงคุยโทรศัพท์ เสียงโทรศัพท์ของนาวินดัง เธอหยิบมาให้เพื่อนที่ปรือตากลอกเสียงให้ปลายสายอย่าเพิ่งรับงาน เขาอยากดูรายละเอียดพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัว



ร้านอาหารใกล้ๆ กับหอพักเป็นที่ทำงานในยามเย็นของอันนา เจ้าของเป็นสาวใหญ่ร่างท้วมที่ใครๆ เรียกว่าป้าอร มีพ่อครัวกับพนักงานรวมๆ กันแล้วไม่ถึงสิบคน เรียกว่าใครว่างก็มาช่วยกัน บางวันงานดูแลแขกไม่หนักก็เข้ามาช่วยล้างจาน ทำกันด้วยใจแต่ได้เงิน แล้วยังสบายใจ นอกจากบริการอาหารในร้านแล้วยังมีการไปส่งถึงที่อีกด้วย

อันนาสอบไปหลายวิชาแล้วพอมีเวลาว่างจึงมาช่วยงานที่ร้าน วันนี้เธอขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งอาหารโดยมีตะกร้าสี่เหลี่ยมมัดไว้อานท้าย ปกติแล้วจะมีน้องศึกษาชายอีกคนทำหน้าที่นี้แต่พอดีติดสอบ ตึกที่หาอยู่ไม่ไกล แต่ไม่ค่อยได้มาเพราะปกติแล้วแถวๆ นี้จะร้างผู้คนเพราะถูกปิดตายมานาน เธอลองกดออด แต่ไม่ติดก็เลยดุ่มเดินเข้าไปทั้งที่ยังใส่หมวกกันน็อค มีมีดเล็กๆ ในกระเป๋าเป็นอาวุธเผื่อไม่ชอบมาพากล

“สวัสดีค่ะ มาส่งอาหารตามที่สั่งค่ะ”

มีเสียงตึงตังมาจากชั้นบน อันนายืนรอไม่ก้าวต่อ ข้างนอกมีรถตู้จอดห่างออกไปไม่กี่เมตรกำลังส่องกล้องเข้ามา เบาะแสแจ้งว่าบริเวณนี้มีการมั่วสุมเสพยาในยามวิกาล ตอนนี้สายของตำรวจกำลังทำหน้าที่

“สายของเราเข้าไปแล้ว รอสัญญาณบุก เตรียมพร้อมไว้”

ตำรวจนอกเครื่องแบบอีก 3 นายพยักหน้าตามองจดจ่อที่ตึกนั้น อันนาถอนใจโล่งอกเมื่อมีคนลงมารับอาหาร เสียงดังขรมข้างบนเดาได้ว่าคงมีอีกหลายคน แน่ละสั่งอาหารมามากขนาดนี้คงกินสองคนไม่หมดแน่

“ทั้งหมด 1,570 บาทค่ะ”

เงินยื่นมาตามจำนวน อาหารในถุงใหญ่ส่งให้ยกเว้นจานที่เตรียมมาสำรองไว้เผื่อว่าลูกค้าจะขอยืมใช้ เธอยกมือไว้

“ขอบคุณค่ะ ถ้าครั้งต่อไปมาประชุมกันที่นี่โทรสั่งอาหารจากร้านของเราได้อีกนะคะ”

แต่งตัวเหมือนพนักงานออฟฟิศ แถมมากันตั้งหลายคนจะมาทำอะไรได้ล่ะเนอะ อันนาเดินลงบันไดมาเรื่อยๆ แต่ดันก้าวพลาดสะดุดขาตัวเองจานกระเด็นหลุดมือออกมาแตกคาตา

เพล้ง...?!?

บุกได้!!!




แล้วจะมา up ต่อนะคะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2558, 13:08:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มิ.ย. 2558, 13:08:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1502





<< บทนำ   ตอนที่ 1 ครึ่งหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account