กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 1 ครึ่งหลัง

อันนาก้มลงเก็บเศษกระเบื้องพอเงยหน้าขึ้นก็เห็นชายหลายคนกำลังกรูเข้ามา เธอถูกดึงแขนให้ไปอยู่ข้างหลัง คนในตึกวิ่งออกมามองกันเลิกลั่ก พายกกันมือขึ้นเหมือนในละครที่ตำรวจมาจับผู้ร้าย คนพวกนั้นเนี่ยนะ
“ทุกคนอย่าขยับ คำให้การของพวกคุณจะถูกใช้ในชั้นศาล”
“ขอบใจมากนะน้อง ส่งสัญญาณชัดดี”
“ส่งสัญญาณ หนูหรือคะ” อันนาถามยังงงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอแค่มาส่งอาหาร
ชายที่จ่ายเงินให้อันนาขยับแว่นมองตำรวจนอกเครื่องแบบถอนใจเซ็งๆ ไม่ใช่กลัวความผิด ใครๆ ก็ดูออก
“จับพวกเราด้วยข้อหาอะไรไม่ทราบครับ พวกเรามาประชุมงาน ไม่ได้ทำเรื่องผิดกฎหมายสักหน่อย เข้าใจอะไรผิดแล้วกระมังครับ”
“เข้าใจผิดหรือเปล่า ตำรวจจะพิจารณาให้เองครับ”
เอ หรือว่ามาซ่องสุมทำเรื่องผิดกฎหมายจริงๆ ตำรวจมั่นใจเสียขนาดนั้น ชักไม่แน่ใจ เอาไงดี เธอควรกลับหรือว่าต้องอยู่เป็นพยานก่อน อันนามองคนโน้นคนนี้ไม่รู้จะถามใครดี
“สายตำรวจหรือเราน่ะ”
“อย่ายุ่งกับคนของตำรวจ”
หา! ใช่เสียที่ไหนล่ะ อันนายกมือปฏิเสธ แต่กลับถูกลากออกไปนอกตึก ตำรวจส่งเงินมาให้อีกแล้วเร่งให้ไปจากตรงนี้มีอะไรจะโทรเรียกใช้ในภายหลัง เธอขี่มอเตอร์ไซค์จากไปแบบไม่เข้าใจอยู่ดี มาส่งอาหารกลายเป็นสายตำรวจไปได้ยังไง แล้วสายตำรวจตัวจริงไปไหน

สีหน้าของชัคไม่ค่อยดีนักเพราะมีเรื่องให้โมโหตั้งแต่เมื่อคืน พนักงานของเขาถูกล้อมจับข้อหามั่วสุมเสพยา ทั้งๆ ที่ย้ายออฟฟิศระหว่างปรับปรุงชั่วคราวเท่านั้น ยังดีที่พอตรวจสอบแล้วไม่พบอะไรกลายเป็นตำรวจที่พลาด อย่างน้อยก็ออกมาขอโทษรวมทั้งนายของตำรวจพวกนั้นก็โทรมาอธิบาย ไม่อย่างนั้นเป็นเรื่องแน่
“ยังดีที่ระงับข่าวทัน แต่ในโลกโซเชียลอาจมีหลุดไปบ้าง แล้วคุณชัคจะให้จัดการอะไรต่อไหมครับ” ชาญถามพลางเก็บหนังสือพิมพ์ออกไป สั่งด้วยสายตาให้สาวใช้เข้ามาเสิร์ฟของเช้าได้ ปลอดภัยแล้วเพราะเจ้านายเริ่มอารมณ์ดี
“จับตาดูสายตำรวจที่ส่งสัญญาณคนนั้นไว้ บางทีผมอาจถูกเล่นงานลับหลังเป็นการต้อนรับที่กลับมาก็ได้”
ก่อนหน้านี้ชัคคิดว่าก็แค่เข้ามาทำธุรกิจต่อจากพ่อไม่มีอะไรน่าห่วงนอกจากงานของตัวเอง ที่ไหนได้เพื่อนในคราบศัตรูมีกันให้เต็มไปหมด ที่เขาไปอเมริกาอยู่นานก็เพราะการแทงข้างหลังไงล่ะ
“ครับ คุณชัค”
ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพของสายตำรวจรายนั้นไว้ได้ ชัคดูคลิปแล้วก็ยิ่งอยากเข้าไปหักคอ เด็กบ้า ไม่รู้อะไร ยังมาใส่ร้ายคนอื่น หรือว่ามีใครจ้างมา แน่ล่ะ ยุคนี้มันเงินครองเมืองแล้ว ใส่ร้ายใครสักคนง่ายจะตาย สงสัยนิดเดียวใครเป็นคนจ้าง

นาวินออกจากห้องสอบเกือบคนสุดท้าย อันนากับธีรารอเขาอยู่หน้าห้อง สีหน้าของหนุ่มคนเดียวในกลุ่มไม่ค่อยดีนัก ไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ แต่ทำไม่ทันต่างหาก อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าไม่ติดเอฟแน่ๆ ล่ะ ทั้งสามเดินลงจากตึก แต่ก็ต้องหยุดรอเป็นพักๆ เมื่อมีสาวๆ มาขอลายเซ็นดาราดาวรุ่ง
สองสาวเห็นว่าน่าจะนานเลยมารอที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะ ไม่นานนักนาวินก็ตามมาสีหน้าดูเหนื่อยล้าอย่างกับไม่ได้นอน
“หิวแล้วไปหาอะไรกินกัน วันนี้วินเลี้ยงเอง”
“แน่ใจนะว่าพวกฉันสองคนจะไม่ถูกสาวๆ ของนายดักตบ” ธีราพูดดักเอาไว้ก่อน
นาวินเดินนำสาวๆ มาที่รถพลางคิดไปด้วย “ถ้างั้นไปร้านอาหารที่วินเป็นหุ้นส่วนแล้วกัน เป็นส่วนตัวดี กันนักข่าวได้ด้วย โอเคไหม”
“โอเค ของฟรีมดไม่ยอมพลาด” ธีราเปิดประตูรถเข้าไปนั่งเบาะหลัง
เรียบร้อยไปหนึ่ง ยังเหลืออีกหนึ่ง นาวินยิ้มให้อันนาแล้วถามเสียงหวานๆ ใส่อย่างจงใจ
“แล้วน้ำล่ะ ไปด้วยกันนะ”
“ก็ต้องไปด้วยกันสิ น้ำก็ไม่ยอมพลาดของฟรีเหมือนกันนั่นแหละ”
ธีราหัวเราะเสียงดังจงใจให้นาวินได้ยิน อันนายิ้มบางๆ คงตายด้านจนไม่รู้สึกถึงสายตาหวานๆ ของนาวิน หรือไม่เราคงรู้จักกันมากเกินไปจนกระทั่งไม่มีวินาทีหวานซึ้งต่อกันในฐานะอื่นนอกจากเพื่อนอีกแล้ว ดาราหนุ่มหน้าจ๋อยๆ อุตส่าห์หว่านเสน่ห์ใส่อันนา แต่กลับเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง

ใช้เวลาเดินทางไม่นานนักก็มาถึงร้านอาหารกึ่งผับในซอยที่ยามค่ำคืนจะเต็มไปด้วยนักท่องราตรี ลานจอดรถยังว่างเพราะยังบ่ายอยู่ นาวินขับเข้าไปจอดยังช่อง VIP ซึ่งใกล้กับทางเข้าร้านอาหารเพียงเดินไม่กี่ก้าว ร่างสูงลงมาจากรถก่อน แต่สองสาวกลับยังนั่งเฉย ธีราเปิดประตูเยี่ยมหน้าออกมามองซ้ายและขวาอย่างระแวงหน่อยๆ
“แน่ใจนะว่าไม่มีแฟนคลับมือตบ” ธีราชักไม่แน่ใจ คราวก่อนที่มากินข้าวด้วยกัน ยัยน้ำถูกสาดน้ำใส่หน้าเพราะดันถูกเข้าใจว่าเป็นกิ๊กเข้าน่ะสิ
นาวินส่ายหน้า บางทีเขาก็อยากเป็นผู้ชายธรรมดา แต่ทำอย่างไรได้ ชื่อเสียงได้เกิดขึ้นแล้ว อีกทั้งยังเป็นผลดีต่อธุรกิจของเขาด้วย
“ลงมาเถอะน่า แถวนี้ไม่มีหรอก”
สองสาวลงมาจากรถ มองสวนเล็กๆ อย่างแปลกตา ดอกกุหลาบสีแดงคงเป็นสัญลักษณ์ของร้าน ทำให้ทั่วทางเดินมีกุหลาบบานสะพรั่งในกระถางส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
ทั้งสามเดินตรงไปยังประตูทางเข้าที่พนักงานรอเปิดประตูให้อยู่ พลันชายคนหนึ่งก็เดินตามแล้วผ่านไป เพียงแวบเดียวที่เห็นใบหน้า ความทรงจำราวกับผุดพราย อันนาชะมักมองยืนนิ่ง ใบหน้าราบเรียบประหนึ่งหินศิลาหันมามองชั่วกะพริบตาแล้วห่างออกไปทุกที
“มีอะไรหรือน้ำ” ธีรามองตาม แต่ก็ไม่เห็นใครนอกจากคนแปลกหน้า
อันนาเขม้นมอง แต่ไม่ถนัดนักเมื่อผู้ชายคนนั้นเดินไกลออกไปจนเห็นเพียงแผ่นหลังแล้ว
“เหมือนจะเจอคนไม่รู้จัก แต่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ไม่สำคัญอะไรหรอก เข้าไปในร้านกันดีกว่า”
“ฟังแล้วงง สงสัยหิว”
นาวินหัวเราะเห็นด้วยกับธีรา อันนาเลยหัวเราะตาม แม้ว่าจะมองไปยังชายที่เพิ่งเดินแซงไปอย่างไม่แน่ใจนัก คิดว่ารู้จัก แต่ไม่มีเหตุผลจะต้องเข้าไปทักทายถึงในอนาคตอาจได้เป็นพรีเซนเตอร์เครื่องดื่มก็ตาม ผู้จัดการส่วนตัวเพิ่งบอกเขาเมื่อวาน ได้ข่าวว่าพอแฟนตายก็ไปอเมริกา ทำใจได้แล้วกระมังถึงได้กลับมา

ภายในร้านตกแต่งเน้นสีฟ้าอ่อนสลับสีขาวดูสบายตา อันนากับธีราช่วยกันสั่งอาหาร ในขณะที่นาวินดูแลเรื่องเครื่องดื่ม รวมทั้งเพลงที่เปิดให้แขกได้ฟังด้วย มีคนยิ้มมาเพราะจำได้ แต่ก็ไม่ได้เข้ามารบกวนเวลาส่วนตัว ความที่อดนอนและเครียดมาหลายวัน ทำให้ธีราไม่สนใจเรื่องน้ำหนักของตัวเองจัดการอาหารอย่างมีความสุข อันนาก็พลอยเจริญอาหารไปด้วย แล้วยิ่งมีเสียงคุยกันไปมาจนหัวเราะเกือบสำลัก
“สั่งของหวานไว้ก่อนไหม พออิ่มข้าว จะได้กินของหวานต่อได้เลย” นาวินเสนอพลางเรียกพนักงานมาขอเมนู
ธีราวางมือจากอาหารมาเปิดเมนูดวงตาสดใสเมื่อเห็นขนม แม้จะบ่นเสมอว่าอ้วนง่าย แต่ใจอ่อนให้ตัวเองบ่อยๆ จนถูกนาวินล้อ
“กินอะไรดีน้ำ เป็นเค้กหรือพวกหวานเย็นดี”
“อะไรก็ได้จ้า เดี๋ยวน้ำไปห้องน้ำก่อนนะ แสบตาน่ะ ไม่รู้อะไรเข้าไป เดี๋ยวมานะ” อันนาบอกเพื่อนแล้วก็เดินไปตามลูกศรที่เห็นตรงประตู
ห้องน้ำถูกสร้างออกมาอยู่นอกตัวอาคารซึ่งมีแขกจำนวนหนึ่งมานั่งรับประทานอาหารท่ามกลางสวน พอได้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดอาการแสบตาก็ค่อยดีขึ้น อันนาเดินมากำลังจะกลับเข้าไปในร้านอาการอยู่แล้ว ถ้าไม่เห็นชายที่มองหาตั้งแต่เข้ามาในร้านเสียก่อน
เขามองมาเหมือนไร้การจดจำได้ อีกฝั่งมีชายอีกคนนั่งอยู่ ด้านข้างมีชายสองคนยืนเฝ้าประหนึ่งเงาคุ้มครองนาย ราวกับพวกมาเฟียค้ายาอย่างไรอย่างนั้น หญิงสาวถอนใจเมื่อต้องเดินผ่านโต๊ะตัวนั้นไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
“จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” เสียงต่ำๆ ทว่าไม่เบานักเอ่ยขึ้นเสมือนเรื่องทั่วไป
“ครับ ตอนนี้คงต้องเคลียร์กับทางตำรวจ”
อันนาก้าวขาลงรู้สึกมวนในท้องจากคำพูดเพียงไม่กี่คำที่บังเอิญได้ยิน
“หลักฐานต่างๆ โยงมาแบบนี้ คงไม่ดีแน่ๆ อีกฝั่งเล่นหนักเหลือเกิน ยังดีที่คุณชัครู้ทัน เลยตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม”
เสียงหัวเราะคล้ายคำรามแผ่วพลิ้ว “ระวังด้วย อย่าให้เป็นข่าวออกไป”
“ครับ ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน”
ดวงตาของผู้ลอบมองเห็นนิ้วเรียวยาวของชายที่เหมือนเคยพบมาก่อน แต่เมื่อไหร่นี่สินึกไม่ออก ก่อนจะเบือนหน้าไปทำทีเปิดกระเป๋า แล้วก้าวไปยังทางเข้าก่อนที่จะถูกสงสัย
ชาญมองไปยังหญิงสาวที่กำลังลุกลี้ลุกลนรีบเดินเข้าประตู เขามั่นใจว่าเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อนแน่ๆ เด็กส่งอาหารที่ให้สัญญาณกับตำรวจในคลิปอย่างไรล่ะ นายคงเห็นแล้วเหมือนกัน บังเอิญเสียจริงที่มาเจอที่นี่

อันนาไม่เข้าใจว่าทำไมคิดถึงความฝันของตัวเองขึ้นมา คำพูดของชายอีกคนช่างน่ากลัว จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม? มันคือจัดการอะไรกันแน่ แล้วยังท่าทีไม่เป็นมิตรของคนที่รายล้อม อย่าคิดมากไปเอง เธอต้องไม่กังวลอะไรเกินกว่าความเป็นจริง
“ของหวานสั่งให้แล้วนะ ทำไมหน้าซีดจังล่ะยัยน้ำ” ธีราวางมือที่ไหล่เพื่อน
ร่างเพรียวสะดุ้ง “มีอะไรหรือมด ขอโทษทีนะ สงสัยน้ำจะเพลียน่ะ”
ถ้วยขนมเค้กหน้าตาหน้ากินเลื่อนเข้ามาใกล้อีกนิด “ถ้างั้นต้องกินเยอะๆ นะ”
“ขอบใจนะ” อันนายิ้มกว้าง แต่เพื่อนยังมองไม่เลิก “ กินกันสิ หน้าของน้ำมีอะไรงอกมาหรือไงจ๊ะ”
นาวินหัวเราะพลางตกเค้กขึ้นมากินแก้เก้อ ถ้าบอกว่าอยากมองหน้าเพราะคงจะไม่ได้เจอกันอีกหลายวันตุนไว้แก้คิดถึง คงถูกเบ้ปากใส่แน่ๆ แต่หลายครั้งที่เขาพูดจริงจากใจกับอันนา แต่เธอกลับคิดว่าเป็นพูดเล่นอยู่เรื่อย
อันนาเหลียวมองไปยังโต๊ะด้านนอกอีกครั้ง ทว่าผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีกลับว่างเปล่าไม่มีใครนั่งอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว เธอหันกลับมาสนใจเพื่อนๆ แล้วลืมเรื่องราวของชายแปลกหน้าและคนชุดดำจนกระทั่งหลายวันผ่านไป

แล้วจะมา up ต่อนะคะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2558, 20:28:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มิ.ย. 2558, 20:28:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1188





<< ตอนที่ 1 ครึ่งแรก   ตอนที่ 2 ครึ่งแรก >>
แว่นใส 6 มิ.ย. 2558, 08:46:57 น.
หมากตัวหนึ่งเท่านั้น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account