กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 2 ครึ่งแรก

ตอนที่ 2

สุสานยังคงเงียบและสงบเพื่อสารภาพความเศร้าของผู้จากไปและต้อนรับผู้มาเยือนที่หัวใจได้รับการเยียวยาด้วยเวลาจนความเสียใจเบาบางลง แต่ไม่มีวันหายไป การภาวนาไร้ความหมายเมื่อธรรมชาติได้ทำตามกฎของมัน การจากลาเป็นเรื่องปกติที่สุดของมนุษย์ ทว่าการยอมรับช่างยากเย็น
หินเม็ดเล็กๆรองเท้าที่เหยียบย่ำ สายตาของอันนามองไป หัวใจที่เคยสั่นระรัวในปีแรกของการสูญเสียได้กลับเต้นปกติเมื่อผ่านมา 8 ปี โลกหน้าหรือชีวิตหลังความตายมีไหม เธอไม่รู้ แต่การได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาย่อมเป็นหนทางเลือกที่ดี หากเธอได้มีโอกาสได้เลือก
กลีบดอกกุหลาบปลิวมาตามลม อันนามองหาที่มาของความละมุนหอม กลีบกุหลาบสีขาวกำลังโปรยออกมาจากมือของชายคนหนึ่ง หญิงสาวหันไปมองอย่างสนใจว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร ขาค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ ใบหน้าที่เพิ่งจำได้ว่าเคยเห็น แต่มั่นใจว่าไม่รู้จักหันมามองแข็งกระด้าง ทว่าดวงตาเจือความเศร้า
อันนาชะงักเท้าไม่ก้าวต่อด้วยความเกรงใจระคนกลัว เขาหันมามองเธอยิ้มให้เริ่มมองหาออกไปจากตรงนี้ สายตาคู่นั้นรับรู้ก่อนจะมองเลยไปราวกับเธอไร้ตัวตน ไม่มีคนชุดดำตามเขามาหรอกหรือ
“คุณ...ระวัง”
ยังไม่ทันได้หันไปมองด้วยซ้ำ ร่างก็ถูกรั้งให้ก้มต่ำลง เสียงทึบๆ ดึงขึ้นใกล้
...ปึ๊ก ปึ๊ก...
ตรงพื้นห่างไปเพียงไม่กี่ก้าวมีรอยไหม้เป็นรูโหว่ สัญญาณอันตรายในสมองกรีดร้องให้รีบหนี แต่คนเดียวหรือด้วยกัน มือบางคว้าข้อมือหนา เขากำลังหาทางหนีทีไล่พลางแทรกมือเข้าไปในเสื้อ
“มาทางนี้ก่อนค่ะ”
อันนารั้งให้คนไม่รู้จักเดิมแกมค้อมหลังโดยมีแผ่นหินเป็นที่กำบัง มือหนากระตุกเบาๆ ให้ปล่อย หญิงสาวหันไปมองชั่ววินาที สุสานแห่งนี้อยู่ใกล้สถานศึกษาที่มีข่าวตีกับคู่อริอยู่บ่อยๆ เสียด้วย
“ไปหลบก่อนไหมคุณ ไม่รู้พวกวัยรุ่นแถวๆ นี้หรือเปล่า”
ร่างสูงใหญ่ยอมให้มือเล็กรั้งนำไปยังทางเส้นเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้เต็มไปหมด อันนามองหาที่พอจะหลบซ่อน ซุ้มดอกการเวกที่เถาม้วนจนหนามีใบช่วยปิดบังช่องว่างภายในใหญ่พอจะเข้าไปได้ เธอแหวกช่องเล็กๆ เข้าไป ชายแปลกหน้ายืนเฉย พอขมวดคิ้วใส่ก็เดินตามเข้ามา ช่องว่างถูกเกลี่ยปิดแล้วซุ่มมองจากข้างใน พวกอันธพาลยังตามมาสองคน สายตายังมองหาคู่อริแล้วตรงมาทางนี้เรื่อยๆ
“ผมคิดว่า...” มือบางตะปบปิดปากของเขาไว้
“อย่าเสียงดังสิคุณ เผื่อพวกนั้นได้ยิน จากที่จะถล่มกัน กลายจะเป็นมาถล่มเรา รออีกเดี๋ยวพวกนั้นคงไป”
อันนาดึงมือกลับมาเพ่งสมาธิจดจ่อที่คนภายนอก ร่างสูงถอนใจไม่พูดอะไรอีกยืนนิ่งฟังเสียงคนกลัวจนแทบไม่กล้าหายใจดังๆ แต่ยังมาช่วยคนแปลกหน้า ระหว่างพวกนั้นกับเขา ถ้าเรารู้จักกันมากกว่านี้ เธอคงรู้ว่าใครอันตรายและควรอยู่ให้ไกลมากกว่ากัน
ผ่านไปหลายนาที ระหว่างนั้นกลับมีคนแปลกหน้าอีกกลุ่มเข้าในบริเวณสุสาน ทำให้พวกที่มาก่อนร่นถอยไป “เรารีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า ไม่รู้กลุ่มไหนมากันอีกแล้ว อย่างกับพวกทวงหนี้แน่ะ”
ยัยสายตำรวจเก๊มองเป็นพวกทวงหนี้งั้นหรือ!? เขามองลอดผ่านช่องว่างของเถาการเวกออกไป ไม่เหมือนสักนิด เสียงขยับตัวทำให้ต้องหันมามองหญิงสาวข้างกาย เธอหาทางออกไปจากซุ้มแถมยังกวักมือเรียก เขาก้าวตามไปด้วยความสงสัย โทรศัพท์กำลังสั่น แต่เจ้าของจงใจยังไม่รับมันตอนนี้
อันนาเคยมาบ่อยจนรู้ทางที่เด็กๆ ใช้สำหรับเข้ามาโดยไม่ต้องเดินไปทางประตูด้านหน้า ประตูบานเล็กอยู่ตรงนั้นมีดงดอกลั่นทมบังหากไม่สังเกตคงเห็นลำบาก เธอเลื่อนประตูไปด้านข้าง ภายนอกยังมีต้นส้นขนาดสองคนโอบบังไว้ ร่างสูงเดินตามไปอีกนิดเดียวเท่านั้นก็พบถนนใหญ่ ราวกับมาสู่โลกอีกใบเพียงผ่านประตูบานเดียว
“เราคง...ปลอดภัยแล้ว เรื่องวันนี้ฉันจะโทรมาบอกหลวงพ่อแล้วกันนะ มีเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ตำรวจน่าจะเข้ามาดูบ้างได้แล้วเนอะคุณ”
เขาไม่ตอบทันทีแต่มองไปยังรถที่กำลังแล่นขวักไขว่ “ใช่ แต่อะไรต่างๆ อาจไม่ใช่อย่างที่คิด”
“ฉันไปก่อนนะคุณ” อันนาไม่รู้จะพูดอะไรต่อก็รอดมาด้วยกันแล้วนี่ “แล้วคุณจะไปไหน กลับเข้าไปตอนนี้อาจจะไม่ปลอดภัย”
“รถของผมอยู่ในนั้นคงยังกลับบ้านไม่ได้เพราะกระเป๋าสตางค์และ...ช่างเถอะ อยู่ที่นั่น”
อันนาหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์หนึ่งร้อยบาทแล้วยื่นให้ร่างสูงใหญ่ที่เธอสูงถึงเพียงแค่ไหล่
“อย่าเพิ่งกลับเข้าไปเลยค่ะ รออีกสักนิด หรือมาพรุ่งนี้ใหม่ดีกว่า มันใกล้จะมืดแล้ว อันตรายเปล่าๆ” น่าแปลกเมื่อวันก่อนยังเห็นลูกน้องรอบตัวเขาไปหมด หรือว่าเธอจะเข้าใจผิด ช่างเถอะ คงไม่ได้เจอกันอีกหรอก
เขามองเงินนิ่งไม่มีทีท่าว่ารับมา น่าขันเสียเหลือเกิน ไม่ใช่เงินไม่มีค่า เพียงแต่ว่าเขาไม่มีความจำเป็นต้องรับเงินจากใคร
“รับไปเถอะค่ะ จะได้มีค่ารถกลับบ้าน ดีกว่ากลับเข้าไป เผื่อคนพวกนั้นยังอยู่...” อันนาประหม่านิดๆ เพราะกลัวเขาเข้าใจเจตนาผิด
มือหนายื่นมารับเงินไป เมื่อไม่มีอะไรให้ทำมากกว่าไม่ทำให้ผู้หญิงคนนี้เสียค่าน้ำใจที่ช่วยคนอื่น บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุการณ์การที่สร้างขึ้นเพื่อตีสนิทก็ได้ น่าหาคำตอบไม่น้อย
“ขอบใจ”
อันนายิ้มรู้สึกโล่งอกก้มหน้าให้เขานิดหนึ่งแล้วก้าวขึ้นรถที่จอดห่างออกไป ดวงตาแข็งกระด้างแลอ่อนลงมองแผ่นหลังบอบบางที่หายลับไปพร้อมกับรถเมล์คันนั้น เงินหนึ่งร้อยบาทในมือถูกมองด้วยความแปลกประหนึ่งผิดที่ผิดทาง
“คุณชัค...อยู่ที่นี่เอง”
ชัคหันไปมองบอดี้การ์ดส่วนตัวพลางเก็บเงินใส่กระเป๋าเสื้อแล้วไม่ได้คิดถึงมันอีกเลย รถยนต์สีดำแล่นเข้ามาจอด เพียงครู่เดียวก็แล่นจากไป วัยรุ่นที่มาก่อกวนถูกชาญจับล็อคแล้วให้ลูกน้องพาไปส่งตำรวจเรียบร้อยแล้ว

รถสปอร์ตสีดำกำลังเล่นเข้ามาจอดหน้าตึก Prime ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของธุรกิจเครื่องดื่มที่ทำกำไรได้มหาศาล โดยมักเกิดคำถามควบคู่ถึงปัญหาสังคมจากผลิตภัณฑ์ที่วางขายในร้านรวงต่างๆ ทั่วประเทศ เมื่อธุรกิจของตระกูลดำเนินมาถึงทายาทรุ่นที่สาม คำถามเหล่านั้นจึงซาลงไปเมื่อการทำประโยชน์ให้สังคมค่อยๆ ลดทอนความหมิ่นเหม่ของธุรกิจลงได้
ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำราวกับไว้ทุกข์มาตลอดทั้งปีเดินอย่างสง่างามเข้ามายังทางเดินที่พนักงานรอต้อนรับ หลังจาก Prime Corporation ดูแลโดยคุณชรันผู้เป็นบิดาของคุณชัคมาร่วม 6 เดือน การตายของคู่หมั้นสาวอย่างกะทันหันทำให้ทุกคนต่างเข้าใจถึงเหตุผลที่พักงานงานของประธาน ใบหน้าเรียบเฉย ทว่าดวงตาแฝงคมเขี้ยวบางอย่างที่ทำให้ชรันอยากได้ลูกชายคนเดิมกลับมา
ชาญเดินเยื้องเบื้องหลังผู้เป็นนายไปยังลิฟต์ มีผู้จัดการอีกสองคนตามเข้ามาตามคำสั่งที่ต้องการฟังรายงานการทำงาน แม้ว่าจะอ่านรายงานการประชุมมาหมดแล้วก็ตาม ความระแวงกลายเป็นอาวุธประจำกายที่ไม่มีใครมองเห็นภายใต้สีหน้าว่างเปล่า จากครึ่งเช้าผ่านไปจนบ่ายโดยข้อมูลต่างๆ อัดแน่นในสมอง
“ขออนุญาตครับ” ชาญเอ่ยก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง
ชัคพยักหน้าแล้วรอฟัง กำลังจะใกล้เหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกที หากไม่มีความหวังของใครต่อใคร เขาคงไม่นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว
“วันนี้ผู้หญิงคนนั้น...เอ่อ คุณอันนา ออกไปหาหอพักที่ใหม่ครับ”
ชัคเลิกคิ้ว ดวงตาแปลกใจเล็กน้อย “ให้คนตามต่อไป”
“ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่สายของใคร แล้วรู้ว่าถูกตาม แล้วเธออาจจะแจ้งความ...”
เรียวปากหนากดยิ้มหยัน เอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบราบ “ก็ดีน่ะสิ ในเมื่อคิดก่อนทำลงไปแล้วจะกลัวไปทำไม ผมหวังว่าผู้หญิงคนนั้นหรือคนไหนๆ จะไม่ใช่ แต่ถ้าใช่ก็ถือว่าคนของเราไม่เสียเวลาเปล่า มันทำแน่ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
ชาญหมดคำถาม การประชุมผู้บริหารทั้งหมดจะเริ่มอีกสิบนาทีข้างหน้า ชัคไม่ต้องอ่านอะไรเพิ่ม ในเมื่อวันนี้เขามาเพื่อฟังและพินิจพิจารณา จะไม่มีคำว่าพลาดเหมือนในอดีตอีก สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นเพื่อเป็นบทเรียน แต่ข้อดีของมันย่อมมีอยู่ เขาจะไม่พลาดซ้ำสอง

อันนากับธีราเดินตามนาวินมาภายในคลับที่เขาบอกว่ามีหุ้นอยู่ด้วย การตกแต่งใช้โทนสีสบายตาไม่ฉูดฉาดและไม่เปิดเพลงเสียงดังรำคาญหูอย่างที่เคยพบมา พนักงานแต่งตัวเรียบร้อย ไม่เน้นนุ่งน้อยห่มน้อย มีโต๊ะว่างตรงชั้นสองซึ่งเป็นระเบียงยื่นออกไปยังสวนด้านหลังเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา
ธีรากับอันนานั่งลงแล้วมองไปรอบๆ ซึมซับความงดงามของธรรมชาติ เสียงโมบายจากเปลือกหอยชวนให้บรรยากาศยามค่ำน่าสบาย เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้ามาตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกคงสวยน่าดู
“เปิดมานานหรือยังน่ะวิน ดีจังมีธุรกิจหลายอย่าง”
“เปิดมาได้เกือบ 3 เดือนแล้วล่ะ เผื่อวันไหนไม่มีใครจ้างจะได้ไม่อดตายไงล่ะน้ำ”
“แล้วร้านตรงโน้นของใคร คนเยอะจัง” ธีราถามระหว่างที่รออาหารและเครื่องดื่ม
นาวินมองตามจะว่าทึ่งก็คงได้ บริเวณนี้เป็นสถานบันเทิงที่เป็นจุดศูนย์รวมของนักเที่ยว แต่ผับแห่งนั้นกลับโดดเด่น ใหญ่ที่สุดและครบวงจร
“เคยได้ยินชื่อเสี่ยชัคไหม นั่นแหละเจ้าของ รวมทั้งตึก Prime ที่อยู่ใกล้ๆ นั่นด้วย ได้ข่าวเป็นเจ้าของบริษัทเครื่องดื่ม มีสาขาอยู่ต่างประเทศอีกต่างหาก วินไม่เคยไปหรอก คู่แข่งกันนี่นะ”
สองสาวส่ายหน้ามองตาพากันร้องโห อันนาชักอยากรู้ความแตกต่างเสียแล้วสิ ของเหมือนกัน ทำไมถึงมีอันหนึ่งโดดเด่นกว่า
“ลองไปกันไหม วินจะได้รู้ไงว่าคู่แข่งมีดีตรงไหน จะได้เอามาปรับปรุงข้อเสียของตัวเอง”
“น่าสนใจ ไปด้วยกันนะมด” นาวินหันมาชวน
ธีรายิ้มดีใจยังไม่ตกสำรวจ “แน่นอนสิยะ มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิ”
อาหารทยอยเข้ามาพอดี หัวข้อสนทนาหยุดลงชั่วคราวเมื่อสองสาวพากับช่วยวิจารณ์รสชาติของอาหารกันอย่างสนุกสนาน นาวินจำไม่ได้ก็รีบจดจะได้ไปบอกพ่อครัว

แล้วจะมา up ต่อนะคะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2558, 19:30:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มิ.ย. 2558, 19:30:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1198





<< ตอนที่ 1 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง >>
แว่นใส 7 มิ.ย. 2558, 21:52:36 น.
ดีจังเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account