กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง

แสงไฟเรืองรองด้านหน้าลานน้ำพุที่แสงไฟสีต่างๆ กำลังทำให้เกิดภาพตามแต่ใครจะจิตนาการว่าเป็นตัวอะไร ราวกับจินตลีลาแสงสีและสายน้ำคลอเสียงเพลง ธีราอ้าปากมองอย่างทึ่งๆ ขนาดว่ายังไม่ทันถึงตัวผับ Blue Moon ด้วยซ้ำ
พอเดินผ่านน้ำพุมาก็มีมุมวาดภาพทั้งเหมือนจริงและล้อเลียนซึ่งเคยเห็นที่อื่น แต่ไม่นึกฝันว่าจะมีที่ผับซึ่งทำเป็นซุ้มอย่างดีดูมีราคาน่าสะสมมาก ประตูทางเข้ามีพนักงานสาวสวยในชุดเปิดเนื้อหนังบ้าง แต่ดูดีไม่มากไป ภายในผับช่างเหมือนหลุดเข้ามาในวังที่สวยวิจิตร ไม่ใช่มืดๆ เสียงดังน่ารำคาญ
ลูกค้ามีทั้งวัยทำงานและวัยรุ่น ซึ่งแยกโซนกันไป รวมทั้งลูกค้าระดับไฮโซที่อยู่ชั้นสอง แม้กระทั่งแก้วที่ใช้ยังดูมีลูกเล่นอย่างกับเป่ามาแต่ละใบโดยเฉพาะ ยังไม่รวมเวทีต่างๆ ที่แยกกัน โดยมีผนังแก้วหนากั้นไว้ไม่ให้เสียงรบกวนแต่สามารถเห็นได้ทั่ว
“เวอร์วังอลังการล้านแปดมาก ถึงว่าลูกค้าเพียบ” ธีรายอมรับแบบไม่ต้องหาข้อแก้ตัวให้เพื่อน เสียงกรี๊ดดังเข้าหูยามเดินผ่านพอดี “แล้วนั่นคนกำลังมุงอะไรกัน”
อันนาจับแขนเพื่อนที่มัวดูเลยสะดุดขาตัวเองเซ นาวินไม่ทันเห็น พอหันมาอีกทีสองสาวพากันยิ้มให้
“นักร้องที่กำลังดังอยู่ตอนนี้ วิก้าไง คนนี้เสียงดีจริงๆ นะ ส่วนที่สีไวโอลินแว่วๆ ข้างบนน่ะเพิ่งได้รับรางวัลอะไรสักอย่าง กลับไทยพอดี รู้งานจริงๆ ทุ่มทุนชะมัด ถึงว่าไม่มีใครโค่นร้านนี้ได้” ไม่อยากจะยอมรับเลย แต่ผับของเขากับที่นี่ห่างชั้นกันจนมาเทียบกันยังยาก
“ไปหาที่นั่งกันดีกว่า”
เพียงมองหาโต๊ะพนักงานก็เดินเข้ามาบริการแบบทันใจ ลูกค้ายังเข้ามาเรื่อยๆ อันนามองอย่างสนใจพยายามหาจุดเด่นอื่นๆ ที่จะสามารถบ่งชัดได้อีกว่าที่นี่มีดีอะไร พลันสายตาก็ทันเห็นแขกรายล่าสุดที่เข้ามาพร้อมกับชายร่างสูงแต่งตัวแมนๆ แต่การเดินน่าจะเพื่อนสาว ให้ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็จำได้ ครั้งสุดท้ายที่พบกันเหมือนลิลลาจะโกรธเธอมาก ไม่สิ แค่เธอหายใจใส่รายนั้นก็ไม่พอใจแล้ว
“ยัยน้ำมองใครเหรอตาเขม็งเชียว” ธีรามองตาม แต่ก็ไม่เห็นอะไรนอกจากคนมากมายที่ดาหน้ากันเข้ามาอย่างกับใครเชิญ
“ไม่มีอะไรจ้า เหมือนจะเห็นคนหน้าคุ้นๆ น่ะ”
“หาอะไรกินกันก่อนนะ ช่วยกันวิจารณ์ให้หน่อยนะ แล้วค่อยกลับไปผับของวิน บางทีอาหารอาจแย่ก็ ทีนี้ล่ะจะได้โปรโมทจุดแข็งของผับวินได้ไง”
“จัดให้ แค่วันนี้วันเดียว นายรู้ไหมว่ามดจะต้องไปออกกำลังกายอีกกี่วัน แต่ก็นะทำเพื่อเพื่อน”
สองเพื่อนเกลอพากันหัวเราะ เรื่องกินก่อนออกกำลังกายทีหลังเป็นเรื่องปกติของธีราอยู่แล้ว นั่งคุยกันไปพลาง ดูบรรยากาศกันไป อันนารู้สึกเหมือนมีใครจ้องมองมาพอหันไปมองก็ถอนใจเซ็งๆ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็เผชิญหน้าไปเสียดีกว่า
“ไปห้องน้ำก่อนนะ”
อันนามันใจสายตาคู่นั้นยังคงมองมาอยู่จึงเดินเข้าห้องน้ำไป รออยู่ชั่วอึดใจ ใครบางคนที่อำพรางใบหน้าด้วยการปล่อยผมลงมาปิดแก้ม อีกทั้งยังใส่หมวกใบเก๋แม้จะอยู่ในร่มก็ตามมา เรียวปากเคลือบลิปติกสีชมพูอ่อนหวานยิ้มละไม “ตอนแรกที่เห็นนึกว่าไม่ใช่ เธอจริงๆ เสียด้วย เป็นไง สบายดีไหมตั้งแต่... ไม่เอาดีกว่า หายไปนานเลยนะ ไม่ส่งข่าว คิดถึงนะรู้ไหม ฉันก็ไม่ว่างเท่าไหร่”
ลิลลายิ้มสวยไม่เคยเปลี่ยน แม้กระทั่งตอนโกงข้อสอบจนได้คะแนนมากที่สุดในชั้นเรียนสมัยมัธยม อันนากอดอกมองเฉยๆ ไม่ยิ้ม ไม่บึ้งตึง อยากรู้เพียงแค่ ‘อดีตเพื่อน’ ตามมาทำไม รู้ทันเสียแล้วว่าคำพูดลื่นหูเป็นเพียงคำลวง คำว่าคิดถึงของลิลลาไม่ต่างจากคำพูดว่า...ไปตายซะ นั่นเอง อาชีพนักแสดงทำให้มีหน้ากากหลายใบมากสินะ
ลิลลาเบี่ยงหน้าหลบกลัวใครจำได้ หากจะเป็นข่าวเธอต้องได้กระแสในทางที่ดี แต่เวลานี้คงหวังถึงขนาดนั้นไม่ได้ สายตาของอันนาไม่ได้เจ็บปวดเจียนตายอีกแล้ว เวลาช่วยเปลี่ยนให้คนโง่และพ่ายแพ้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
“จนป่านนี้แล้ว เธอยังไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะ ความริษยายังไม่หมดไปอีกเหรอ ทั้งๆ ที่ฉัน...” สายตาเย้ยหยันมองอดีตเพื่อนตั้งแต่ใบหน้าสวยๆ เสื้อผ้าดูดี จนถึงรองเท้าแบรนด์เนม สิ่งเหล่านี้ต้องแลกจากอะไรมา
เรียวปากสวยเม้มปิด มองเสื้อผ้าปอนๆ ของอันนาแล้วเบ้ปาก “เรามันก็ทะเยอทะยานเหมือนกันนั่นแหละ”
“ไม่หรอก ฉันไม่เหมือนเธอ พอที ฉันจะไม่คุยเรื่องนี้อีก หลีกไป”
อันนาเดินจากไปโดยไม่ทิ้งความโกรธไว้เหมือนที่ผ่านมา ลิลลาผิดคาดได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ ทรงพลเดินมาตามเพราะนักข่าวมาแล้วจึงทันเห็น
“ใครเหรอลิล ดาราใหม่หรือเปล่า”
“ก็แค่...เพื่อนเก่า มาก็ดีแล้วลิลมีเรื่องให้พี่พลช่วยค่ะ” พลาดไม่ได้เจอชัค แต่ได้อย่างอื่นมาแทนก็ไม่เสียเที่ยว
ทรงพลเอียงหูเข้าไปใกล้แล้วฟังแผนการที่เพิ่งคิดขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ ของลิลลา

อาหารอร่อย เช่นเดียวเครื่องดื่มที่รสชาติกลมกล่อม นาวินทำหน้าเหมือนพ่ายแพ้ไปแล้ว สองสาวช่วยกันวิจารณ์จนเขาอยากจะกลับผับตัวเอง มันต้องมีจุดบกพร่องบ้างสิ ธีราหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อน อันนาช่วยปลอบใจอีกคน
“ออกไปเต้นกันดีกว่า กินมาก นั่งมาก น้ำเริ่มง่วงแล้ว”
ธีรากอดคอเพื่อนออกไปเต้นกันสนุกๆ นาวินตามมาสมทบกันหนุ่มๆ เข้ามาแจกขนมจีบสองสาว พอเพลงจบลง อันนากลับมาที่โต๊ะก่อน นาวินตามมาแต่ตาก็มองธีราที่ยังเต้นไม่เลิก พลันสายตาก็บังเอิญไปเห็นใครบางคนเข้า
“มีอะไรหรือเปล่า”
นาวินเอาตัวมาบังเธอไว้แล้วดึงหมวกให้ปิดใบหน้ามากเข้าไปอีก
“มีนักข่าวน่ะสิ น่าเบื่อชะมัด ไอ้เจ้านี่เขียนข่าววินเสียๆ มาหลายรอบแล้ว ถ้าเห็นมาที่นี่กับน้ำคงเขียนตีสีใส่ไข่จนเป็นเรื่องคาวโลกีย์แน่ๆ วินไม่อยากให้น้ำเดือดร้อน”
“ถ้างั้นวินออกไปก่อน ลากยัยมดไปด้วย อีกเดี๋ยวน้ำตามไปจะได้ไม่ผิดสังเกต”
นาวินเสียดาย อุตส่าห์ได้อยู่กับอันนาสองต่อสองแล้วเชียว ยังมีเรื่องให้คลาดกันอีก
“ก็ได้ วินไปเคลียร์บิลแล้วจะออกไปจากผับเลยนะ น้ำรีบตามไปล่ะ”
“จ้า ไม่หายไปไหนหรอก”
อันนาเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำทีฟังเพลงไม่รีบร้อน ยกน้ำขึ้นดื่มไปพลางๆ พอเห็นนาวินกับธีราออกไปจากผับแล้วก็ค่อยเบาใจ เธอมองไปรอบๆ เหมือนไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ ยกเว้นลิลลาอยู่ที่ไหน จากอดีตบทเรียนแห่งความผิดพลาดสอนไว้ว่าอย่าได้วางใจผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด อีก 5 นาที เธอจะออกไปจากที่นี่เหมือนกัน

ไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ อันนาก็ฟุบหลับกับโต๊ะกระเป๋าสะพายยังคล้องอยู่ที่ไหล่ ไม่มีใครหันมามองอย่างสนใจเท่าลิลลา ทรงพลเข้าไปนั่งข้างๆ มองซ้ายมองขวาให้แน่ใจว่าไม่มีใครสนใจแน่ๆ ก็หิ้วเอวของอันนาออกมาจากโต๊ะแล้วเดินเรื่อยๆ ไปยังประตูด้านข้างซึ่งภายนอกเป็นสวนหย่อมไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านนัก
ลิลลาเดินลิ่วๆไปรอที่เก้าอี้ในซุ้มดอกไม้ที่ว่างอยู่พอดี ทรงพลรีบเดินตามไปด้วยใจเต้นระส่ำเพราะกลัวใครจับได้ แต่มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใครนอกจากพนักงานชุดดำที่กำลังเดินผ่านไปไม่ได้หันมามองอะไร
ร่างอ่อนปวกเปียกถูกวางบนเก้าอี้ ใบหน้าซบกับพนักเหมือนมานั่งชิลๆ
“เดี๋ยวลิลจะไปแกล้งพานักข่าวมาคุยกันตรงนี้ แล้วทำทีช่วยยัยน้ำ เป็นพลเมืองดี ข่าวเก่าของลิลก็จะถูกค้นเป็นที่สนใจในโลกโซเชียว กลบข่าวที่พลาดบทละครได้ด้วย รายการต่างๆ ก็จะมาสัมภาษณ์ ถ้าผู้จัดยังเมินก็ให้มันรู้ไป”
ผู้จัดการส่วนตัวพยักหน้าเห็นด้วยกิริยาตุ้งติ้งออกเต็มที่ “ตกลงจ้า เรารีบเข้าไปกันเถอะ ไม่อยากอยู่ตรงนี้นานๆ จากพลเมืองดีจะได้ถูกจับได้แทน ที่นี้ละงามหน้างานหายหมด”
ทรงพลปรี่ไปหานักข่าวที่นัดไว้ทันที แม้จะรู้ว่าอีตานี่ขึ้นชื่อเรื่องใส่สีตีข่าว แต่สำหรับคืนนี้ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว คุยกันเรื่องคำถามที่ถามได้กับไม่ได้อยู่ครู่เดียว ลิลลาก็นั่งให้สัมภาษณ์สวยๆ ตามแบบนางเอกในละคร
“อุ้ย ยังเป็นความลับอยู่นะคะพี่ รอทางสถานีเป็นคนแถลงข่าวก่อนดีกว่า ถ้าลิลพูดไปก่อน งานแถลงข่าวจะไม่น่าตื่นเต้นเสียเปล่าๆ” ลิลลานิ่วหน้า “ตรงนี้เสียงดังจัง เราไปหาที่เงียบกว่านี้คุยกันต่อดีกว่านะคะ”
“ตรงไหนหรือครับ” ถึงจะถามแต่ก็ยอมลุกขึ้นตามไป
ลิลลาชี้ไปยังสวนหย่อมด้านนอก เขาเห็นดีด้วยเพราะเสียงดังอย่างว่าจริงๆ อีกทั้งหากจะถ่ายรูปของดาราสาวในผับก็ดูจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ถึงผลงานละครจะแป๊กติดกันสองเรื่อง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าลิลลายังมีแฟนคลับอยู่ไม่น้อย

นาวินกับธีรากลับมาที่ผับแล้ว แต่ยังไร้วี่แววของอันนา สายตาของทั้งสองชะเง้อมองจากชั้นสองตรงระเบียง จนกระทั่งเดินมารอด้านล่าง ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยิ่งผิดแปลก เพื่อนไม่เคยผิดเวลา ต่อให้เดินแวะข้างทางตามก็ควรมาถึงแล้ว
“วินแน่ใจนะว่านัดให้ยัยน้ำมาเจอกันที่นี่ ไม่ใช่รอแล้วกลับมาพร้อมกัน”
“แน่ใจสิ ถ้างั้นวินจะกลับไปที่ผับนั้น มดรออยู่ที่นี่แล้วกัน เผื่อน้ำกลับมา”
มือบางคว้ามือหนาไว้ “ถ้าจะมาคงมานานแล้ว ไปด้วยกันนั่นแหละ”
“ลองโทรหาดูสิ วินโทรแล้วแต่ไม่รับ” บางทีอาจไม่ยินเพราะเสียงดัง เขาพยายามคิดในทางที่ดีไว้ก่อน
ธีราได้ผลเหมือนกัน อันนาไม่ใช่คนที่ใครจะมาหลอกได้ง่ายๆ แต่การที่เพื่อนยังไม่ตามมามันต้องมีอะไรที่น่ากังวลมากกว่าที่คิดแน่ๆ
“มดอยากจะบ้าตาย ทำไมนายไม่ดูแลยัยน้ำให้ดี”
เป็นความผิดของเขา ทั้งๆ ที่ชอบอันนา แต่พอถึงเวลาสำคัญกลับทิ้งกันไปแบบนั้น ไม่ผิดจากที่ธีราต่อว่าเลย
“วินขอโทษ”
ธีราถอนใจพลางยื่นมือไปวางบนไหล่หนา แล้วพากันเดินกลับไปที่ผับแห่งนั้น เราก็ผิดเท่าๆ กันนั่นแหละ มาด้วยกัน แต่ดันเดินกลับมาสองคน แทนที่จะรออยู่แถวๆ นั้นก่อน

สวนด้านนอกเงียบกว่าด้านใน ทรงพลเดินตามหลังมาพร้อมกับโทรศัพท์ที่พร้อมถ่ายคลิปตอนนักข่าวพบอันนาเข้าโดยบังเอิญ นางเอกในละครจะกลายเป็นนางเอกในชีวิตจริงกันล่ะ ทว่าที่นั่งซึ่งควรมีอันนาอยู่กลับว่างเปล่า
“หายไปไหนแล้วล่ะพี่พล” ลิลลาเอียงหน้ากระซิบถามมองไปรอบๆ ใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ อันนาฟื้นแล้วรอแฉเธออยู่แถวๆ นี้หรือเปล่านะ
“พี่ก็ไม่รู้”
นักข่าวเข้าไปนั่งรอมองดาราและผู้จัดการที่ยังทำหน้าเหมือนตกใจอะไรสักอย่าง
“สัมภาษณ์ต่อเลยไหมครับ”
ลิลลายิ้มพราวรีบทำตัวตามปกติ “ค่ะ สัมภาษณ์ต่อเลยนะคะพี่”
นักข่าวขอถ่ายรูปดาราสาวก่อนยิงคำถามต่อไป แต่หลายครั้งที่คนตอบคิดนานจนน่าแปลกใจ ใช้เวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จงาน ลิลลายังไม่กลับบอกว่าจะนั่งเล่นอีกสักพัก พอไม่มีนักข่าวการตามหาก็เริ่มขึ้น แต่กลับไม่พบอันนา รวมทั้งกระเป๋าสะพายที่ทรงพลพาดไหล่ไว้ลวกๆ คนหลับสนิทแบบนั้นหายไปได้ยังไงกัน

ลิฟต์กำลังเลื่อนขึ้นแล้วมาหยุดลงที่ชั้น 18 ชาญก้าวออกมาแต่ไม่ใช่เพียงลำพัง ทว่ามีร่างอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมแขน บอดี้การ์ดที่เขาสั่งให้ดูแลนายอยู่หน้าห้องพากันมองมาอย่างแปลกใจว่าผู้หญิงคนนี้ถูกพามาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไร ประตูถูกเคาะให้ เขาส่งเสียงบอกไปเหมือนทุกครั้ง
“ขออนุญาตครับ”
“เข้ามาได้”
ประตูมีคนช่วยเปิด ชาญเดินเข้าไปพร้อมร่างอุ่นในอ้อมแขน ชัคเงยหน้าขึ้นมองพอดีถึงกับลุกขึ้นแล้วมองบอดี้การ์ดที่ทำงานให้มาหลายปี
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงพาผู้หญิงคนนี้มาที่นี่”
ยังไม่ทันได้ตอบและโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตชาญค่อยๆ ทอดวางร่างของอันนาลงโซฟาตัวใหญ่ของชัคเพราะแขนล้าเกินกว่าจะอุ้มต่อไปได้แล้ว
“เธอน่าจะถูกวางยาครับ ผมไม่รู้จะพาเธอไปไหนที่ปลอดภัยมากพอให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีอันตรายเกิดขึ้น นอกจากห้องนี้ คงไม่มีใครกล้าเข้ามาถ้าคุณชัคไม่อนุญาต”
ชัคมองใบหน้างามหลับใหลราวกับไม่รับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว เสี้ยวหนึ่งของจุดเล็กๆ ในหัวใจย้ำเตือนให้ระวัง บังเอิญหรือว่าจงใจ ชาญเห็นสีหน้าเรียบเฉยของชัคจึงเล่าที่มาที่ไป
“ผมเห็นคุณลิลลากับผู้จัดการส่วนตัวพาคุณอันนามานั่งในสวนหย่อมแล้วพากันกลับเข้าไปในผับ ดูท่าเจตนาไม่น่าจะดีเลยเข้าไปปลุก แต่ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น เลยพามาที่นี่ก่อน คงอีกนานกระมังครับกว่าจะฟื้น”
ชาญมองลิลลาในแง่ร้ายไปกระมัง ถ้าไม่เห็นกับตาเขายังไม่อยากเชื่อ
“สนใจผู้หญิงคนนี้งั้นหรือ”
“เปล่าครับ ผมทำเพราะมโนธรรม ผมคิดว่าบางทีคุณชัคอาจจะมีเรื่องอยากสอบถามคุณอันนาก็ได้ ฟื้นขึ้นมาจะได้ถามดีไหมล่ะครับ”
สายตาแข็งกระด้างมองชาญเขม็ง ถ้าไม่รับตัวผู้หญิงคนนี้ไว้เท่ากับเขาไม่มีมโนธรรมอย่างนั้นล่ะสิ คนใจแข็งยิ่งกว่าหิน กลายเป็นคนใจอ่อนไหวไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“แล้วทำไมนายไม่อยู่รอจนกว่า...จะฟื้น”
ชาญปรายตามองอันนาอย่างชั่งใจ ไม่ว่าเธอจะมีเบื้องหลังอะไร ตอนนี้ก็แค่ผู้หญิงที่กำลังถูกทำร้าย หากชัคยังคงเป็นผู้ชายที่เขาเคยรู้จักก่อนเรื่องราวเลวร้ายจะเกิดขึ้นย่อมไม่ดูดาย
“ผมยังทำงานที่คุณชัคสั่งไว้ไม่เสร็จเลย ขอตัวก่อนนะครับ”
ไม่รอฟังคำอนุญาตร่างสูงใหญ่ไม่ต่างจากผู้เป็นนายก็เดินออกไปจากห้องทันที ชัคคำรามอยู่ในลำคอ ชาญรู้จักเขามากเกินไปจนบางครั้งกล้าทำเรื่องให้โมโห ประตูปิดลง ภายในห้องเงียบกริบ อันนายังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง มีเพียงหน้าอกที่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ สายตาคมมองปราดเดียวก่อนกลับไปนั่งทำงานเหมือนเดิม อีกประเดี๋ยวทนไม่ไหวคงลืมตาขึ้นมาเอง


แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2558, 09:30:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2558, 09:30:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1229





<< ตอนที่ 2 ครึ่งแรก   ตอนที่ 3 ครึ่งแรก >>
แว่นใส 9 มิ.ย. 2558, 13:25:27 น.
อีกนานแหละ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account