บ่วงรักฝังแค้น
เมื่อความรักกลายเป็นความอาฆาตแค้น และตามจองเวรเขาและเธอไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ว่าภพชาติไหนจะขอตามจองล้างจองผลาญไม่ให้เหลือสิ้น ความรักและความแค้น
จากอดีตชาติติดตามเป็นเงาตามตัว เขาและเธอจะทำเช่นไรเพื่อหยุดความแค้นนี้ลงได้
Tags: บ่วง,รัก,ฝัง,แค้น

ตอน: ตอนที่ 13 ปลดปล่อยผีร้าย

ตอนที่ 13 ปลดปล่อยผีร้าย
ทางด้านวังจันทรา

บ้านเรือนไทยขนาดมหึมาถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 สำหรับใช้เป็นเรือนหอของเจ้านายผู้สูงศักดิ์ ครั้นเมื่อสร้างเสร็จแล้วกาลกลับกลายเป็นว่าเจ้าของเรือนหอมิมีโอกาสได้ใช้เป็นรังรัก ด้วยสิ้นชีพกันไปหมด ทิ้งรังรักให้กลายเป็นวังร้างเปล่าเปลี่ยว มีเพียงข้าทาสบริวารคอยดูแล ทำความสะอาดเพียงเท่านั้น ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวังจันทราได้มีโอกาสต้อนรับ คุณหญิงบัวเจ้านายชั้นสูงจากวังเทพรัตน์พร้อมด้วยบริวาร ซึ่งเสด็จในกรมประทานอนุญาตให้เข้ามาพักพิงได้เสมือนพระญาติสนิท

วังจันทราต้องกลายเป็นวังผีเฮี้ยนและมีอาถรรพ์ สืบเนื่องมาจากคุณหญิงบัวจากวังเทพรัตน์ต้องมาสิ้นชีพเพราะทำแท้งเอาสายเลือดของตนออกจากครรภ์ จนทำให้ตกเลือดตายกลายเป็นผีเฝ้าวังจันทรา ก่อนตายความแค้นและแรงอาฆาตและแรงพยาบาทรุนแรงยิ่งนัก ทั้งสาปแช่งก่นด่าชายที่ตนรักและคนที่เป็นสาเหตุทำให้เธอต้องผิดหวังอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งสิ้นลมหายใจ วิญญาณจึงสถิตอยู่ ณ.วังจันทรา วนเวียนไม่ยอมไปไหน หลอกหลอนผู้คนไปทั่วบริเวณและตามไปหลอกหลอนผู้คนในวังอิศราและวังสุริยารังษีถึงในเขตพระนคร

และเพราะความเฮี้ยนดังกล่าว วิญญาณของคุณหญิงบัวสกัดกั้นทุกคนไม่ให้เข้าใกล้ซากศพของตนเอง จนไม่สามารถมีผู้ใดนำร่างมาทำพิธีทางศาสนาและส่งวิญญาณไปสู่สุคติได้ เพราะเจ้าตัวไม่ต้องการ ตรงกันข้ามต้องการฝังร่างและดวงวิญญาณให้หยั่งรากลึกความแค้นและความพยาบาทที่มีต่อหม่อมเจ้าบดินทร์ธร อิศรา และหม่อมเจ้าหญิงมณีภัสสร สุริยารังษี ติดตามหลอกหลอนคนทั้งคู่ทุกภพทุกชาติไป

บริเวณด้านในวังจันทรา
ผู้คนจำนวนมากมายทั้งหญิงและชาย จากบริษัทฯ ที่ทายาทคนปัจจุบันจากวังเทพรัตน์ว่าจ้างให้เข้ามาสำรวจพื้นที่ พร้อมเร่งปรับปรุงโครงสร้างและพัฒนาพื้นที่ให้มีมูลค่าถีบตัวสูงขึ้น เพื่อนำมาใช้เป็นหลักประกันในการกู้เงินจำนวนหลายพันล้านบาท
ทีมสำรวจและทีมพัฒนามากมายหลายสิบชีวิต กำลังเดินขวักไขว่เพื่อเข้ามาสำรวจและทำแผนปรับปรุงวังโบราณที่มีอายุเกือบ 200 ปี วังจันทราทำด้วยไม้สักทองทั้งวังกินพื้นที่ใช้สอยกว่า 2 ไร่เฉพาะส่วนที่เป็นเรือนโบราณ หากรวมพื้นที่ทั้งหมดเฉพาะวังซึ่งมีพื้นที่สวนหย่อม บ่อน้ำอีกหลายจุด มีพื้นที่กว้างขวางรวมถึง 22 ไร่เลยทีเดียว งานนี้เล่นเอาเดินกันขาลากมิใชน้อย แต่ละคนเดินถือแบบแปลนไปตามจุดต่างๆ ของวังด้วยอาการหน้านิ่วคิ้วขมวดไปตามๆ กัน

“โอโห! วังกว้างขวางบรรลัยเลย ใครจะไปสำรวจและทำอะไรทันได้วะ แค่สำรวจและสรุปราคาให้เสร็จส่งภายใน 7 วัน ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว แต่นี่อะไรส่วนไหนที่ชำรุดและต้องซ่อมแซมใหม่ให้รื้อทิ้ง ไอ้รื้อไม่ยากหรอกแต่ซ่อมแซมนี่สิงานช้างเลย ไม่มีทางทำเสร็จภายใน 3 เดือนอย่างแน่นอน งานนี้ไม่ทำได้ไม่วะไอ้วิทย์”เสียงของผู้คุมงานหนึ่งในทีมงานเอ่ยอย่างหัวเสีย ท่ามกลางเวลาเย็นย่ำ

“เอาเถอะนะไอ้จักร งานนี้จ่ายค่างานสูงมากนะเว้ย แกไม่เห็นเหรอว่าพวกเราโค๊ดราคางานนำเสนอไปสูงขนาดไหนแต่เจ้าหล่อนไม่ต่อสักคำ แต่ขอให้เราทำให้เสร็จให้ได้ถ้าเราทำเสร็จทันตามกำหนด จะได้เงินพิเศษจ่ายเพิ่มให้อีกหนึ่งเท่าเลยนะเว้ยไอ้จักร เชื่อเพื่อนเถอะไหนๆ แกก็มาช่วยพวกข้าแล้วก็ช่วยกันทำให้รวยและได้กำไรต่อไปเถอะวะ”เพื่อนในทีมเอ่ยบอกพร้อมเอื้อมมือตบบ่าเพื่อนรัก

“แต่ราคาที่ฉันส่งให้แก คำนวณแบบประชดโว๊ย! ไม่คิดว่าเจ้าของโครงการหรูของแกจะตกลงแถมไม่ต่อรองด้วย จะไม่พากันคางเหลืองเลยเหรอ งานที่เร่งจะได้งานที่ไม่มีคุณภาพและเท่าที่ดูสภาพคร่าวๆ บอกได้คำเดียวงานซ่อมแซมบานเลย ถ้าจะรื้อก็มีเพียงเรือนไทยด้านหลังสุดโน้นเลย”ชายหนุ่มพูดพลางชี้มือไปยังทิศทางที่เขามองเห็นคร่าวๆ ด้วยสายตา ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นบางอย่างเบื้องหน้า

เรือนไทยปีกซ้ายที่ปิดสนิทตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้ามีแต่ความเงียบและวังเวง ใบไม้แห้งๆ ปลิวว่อนร่วงหล่นเต็มพื้นดินที่แห้งผากไร้สิ้นสีเขียวของผืนหญ้า มีแต่ต้นไม้ใหญ่ที่ไร้ใบยืนแห้งตายโดดเดี่ยวไปทั่วบริเวณ แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มกลับได้ยินในสิ่งที่คนอื่นไม่ได้ยิน

ดวงวิญญาณของหญิงสาวแรกรุ่นโผล่มาทางช่องลมเหนือหน้าต่างที่ถูกปิดตาย ดวงตาแดงก่ำราวกับสีเลือดมองมายังจุดที่บรรดานายช่างซึ่งเป็นผู้คุมงานทั้งหมดกำลังปรึกษาหารือกันอยู่ และหนึ่งในนั้นกำลังดวงตกมีเคราะห์บังเกิดขึ้น วิญญาณร้ายล่วงรู้โดยพลันแม้จะถูกสะกดด้วยอาคมสะกดวิญญาณกักขังดวงวิญญาณให้อยู่ภายในห้องทางเรือนปีกซ้ายมานานแสนนาน แต่ก็สามารถล่วงรู้ได้ทำให้วิญญาณร้ายใช้ประโยชน์ทันที

“มาหากู!มาสิ!มาทางนี้! กูมีสมบัติมอบให้มึง! ฮิฮิฮิฮิ!”เสียงเย็นยะเยือกล่องลอยมาตามสายลมตามด้วยเสียงหัวเราะหวีดหวิวออกมาเป็นระยะๆ เล่นเอาขนทั่วตัวลุกตั้งชันเลยทีเดียว

“สมบัติ!เรือนปีกซ้ายมีสมบัติ!” เสียงเย็นยะเยือกล่องลอยสำทับย้ำเข้าโสตประสาทชายหนุ่มที่ดวงตกดันได้ยินเสียงของวิญญาณร้ายล่องลอยมา

ชายหนุ่มค่อยๆ ชี้มือไปทางเรือนไทยด้านหลัง ซึ่งสร้างไว้สำหรับเป็นเรือนนอนของบรรดาทาส และถัดไปไม่ห่างกันมากนักเป็นเรือนนอนของบริวารที่เป็นชนชั้นไพร่ เรือนนอนทั้งสองหลังชำรุดหักพังไปตามกาลเวลา ถูกปลวกกัดกินไปบางส่วนเหลืออีกบางส่วนที่ยังคงสภาพแทบจะรื้อทิ้งได้อย่างเดียว ก่อนจะได้ยินเสียงของนายช่างใหญ่เอ่ยบอกเพื่อนร่วมงานราวถูกสะกด

“เรือนไทยด้านซ้ายและเรือนด้านหลังทั้งหมดสมควรโดนรื้อที่สุด เพราะมองแล้วไม่เจริญหูเจริญตาเอาเสียเลย ไม้ที่พอใช้ได้นำไปแปรสภาพแล้วมาประกอบใหม่เอามาใช้เป็นวัสดุที่ทำจากไม้เป็นการเซฟต้นทุนไปในตัว กำไรยิ่งเหลืออีกเยอะบานเบอะเลยวะแก”ชายหนุ่มเอ่ยบอกเพื่อนๆ ออกไปราวกับว่ามีบางสิ่งดลจิตดลใจให้เขาเอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่ความเป็นจริงแล้วเขาตั้งใจจะรื้อเรือนทาสต่างหากเล่า

“เข้าท่านี่หว่าไอ้จักร ท่าทางจะเซฟต้นทุนได้เยอะมากเลยวะ ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อไม้ใหม่แค่จ้างให้ช่างไม้แปรรูปแล้วนำกลับมาใช้อีก ใช้ไม่หมดเอาเก็บไว้สำหรับเสนอลูกค้ารายอื่นต่อก็ได้ เพราะเจ้าของโครงการนี้เขาจะสร้างโรงแรมหรู เป็นแบบสมัยใหม่ส่วนเรือนไทยโบราณทั้งหมดนี้เขาจะประยุกต์จากวังให้เป็นโรงแรมที่มีกลิ่นอายสไตล์ล้านนาโบราณ”เสียงเพื่อนร่วมงานเอ่ยสนับสนุนกับความคิดของเขา

“ไปกันเถอะ!”ชายหนุ่มเอ่ยพลางเดินนำหน้าเพื่อนๆ ไปทางเรือนไทยปีกซ้ายทันทีโดยไม่รอเพื่อนๆ ร่วมงานของเขาคนอื่นๆ แม้แต่น้อย

“อ้าวไอ้จักรจะไปไหนนะ! นี่มันเย็นแล้วนะกลับไปโรงแรมกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่เริ่มจะมืดแล้วนะเว้ย อีกอย่างไม่รู้ว่าที่นี่มีไฟฟ้าใช้หรือเปล่า”เพื่อนนายช่างเอ่ยบอกตามหลัง

“ที่นี่มีไฟฟ้าใช้ไม่ต้องห่วง แต่มีจุดเดียวที่ไม่มีไฟฟ้าใช้คือเรือนไทยปีกซ้ายเท่านั้นเอง”ชายหนุ่มเอ่ยตอบกลับไป สองเท้ายังคงก้าวต่อไปไม่ยอมหยุด

“อ้าวรู้แล้วจะเดินเข้าไปดูทำไมวะไอ้จักร พรุ่งนี้เช้าค่อยเข้าไปก็ได้ เย็นย่ำแบบนี้บรรยากาศมันวังเวงนะเว้ย ที่นี่ก็ห่างไกลบ้านคนมากซะด้วย อาณาเขตกว้างซะขนาดนี้”พูดพลางเดินตามหลังเพื่อนรักก่อนจะเดินนำไปข้างหน้าดักขวางทางเอาไว้

“พวกแกกลัวก็ไม่ต้องตามมา ฉันจะไปดูคนเดียวพากันกลับไปก่อนเสร็จแล้วจะตามไป”ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมใช้มือผลักร่างเพื่อนของเขาให้พ้นจากทางทันที ท่ามกลางเสียงร้องเรียกของเพื่อนสนิทตะโกนตามไล่หลังมา

“เฮ้ย!ไอ้จักรอย่าไปเลยเชื่อกันบ้างสิวะ”ชายหนุ่มร้องเรียกตะโกนเพื่อนรัก แต่เพื่อนของเขาก็ยังคงเดินต่อไปไม่ยอมหยุดเช่นเดิม ก่อนจะหันไปปรึกษาทีมงาน

“จะทำอย่างไงดีวะไอ้จักรไม่เชื่อเลยวะ ดื้อจะเข้าไปให้ได้พวกเราเอาไงดี”

“อย่าตามไปเลยไอ้วิทย์ ปล่อยมันไปเถอะพวกเรารอไอ้จักรอยู่ด้านหน้าดีกว่า ทางด้านหน้าของวังมีไฟฟ้าเดี๋ยวสักหกโมงครึ่งไม่เกินหนึ่งทุ่มไฟก็จะสว่างมองเห็นทางเดินและด้านหน้าวังทั้งหมด”เสียงเพื่อนร่วมงานหนึ่งในนั้นเอ่ยบอก

“อะไรวะทำไมระบบไฟที่นี่ถึงเปิดช้านักล่ะ มันจะมืดจนมองอะไรไม่เห็นเลยนะเว้ย เกิดไฟไม่มาทำอย่างไงมิต้องนั่งจิ้มตากันเลยเหรอ”

“ไม่หรอกเว้ยฉันขับรถผ่านแถวนี้บ่อยๆ ไฟที่นี่ตั้งเป็นระบบเวลาเอาไว้พอถึงเวลาที่เขาตั้งไว้เดี๋ยวมันก็สว่างขึ้นมาเอง แต่พวกเราอย่ายืนอยู่ตรงนี้เลยรู้สึกอย่างไงก็ไม่รู้ เสียวสันหลังอย่างไงชอบกลแถมขนลุกไปทั้งตัวเลยตอนนี้ ”ชายหนุ่มเอ่ยพลางยกมือขึ้นลูบแขนทั้งสองข้างไปมา

คำพูดดังกล่าวเล่นเอากลุ่มชายหนุ่มทั้ง 8 ชีวิตพากันมองหน้าเลิกลั่กเป็นการใหญ่ ก่อนจะพากันวงแตกรีบเดินออกจากบริเวณนั้นไปทางด้านหน้าของวังด้วยความรวดเร็ว โดยไม่มีใครได้ยินเสียงร้องเรียกของดวงวิญญาณอีกหลายดวงที่วิงวอนให้พวกเขาเหล่านั้นไปช่วยเพื่อนของเขา

“อย่าเพิ่งไป!ทำไมไม่ไปห้ามเพื่อนของเจ้า อย่าเข้าไปที่เรือนนั้น อย่าไป!” เสียงร้องเรียกของเหล่าดวงวิญญาณร่ำร้องตามกลุ่มชายหนุ่มดังกล่าว ทว่าหามีผู้ใดได้ยินสักคน!

ด้านวิศวกรหนุ่ม
ทางด้านวิศวกรหนุ่มซึ่งกำลังเดินตรงมาที่เรือนไทยปีกซ้ายราวกับว่าถูกดลจิตดลใจให้เขาเข้ามาภายในบริเวณดังกล่าว สองเท้าก้าวเดินไปยังเบื้องหน้าโดยไม่มีทีท่าหวาดกลัวแต่อย่างใด ท่ามกลางเสียงร้องเรียกของเหล่าดวงวิญญาณบริวารที่วนเวียนอยู่ภายในวังจันทรา พร้อมปรากฏร่างโปร่งแสงเดินตามหลังชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย

“เจ้าหนุ่มอย่าเข้าไป!กลับออกมา!กลับมาเถอะ!”เสียงร้องเรียกดังแว่วไล่หลัง หากแต่ร่างของวิศวกรหนุ่มก็ไม่ได้ยินเสียงดวงวิญญาณเหล่านั้นกำลังร้องเรียกห้ามปรามตนแต่อย่างใด และทันใดนั้นเอง

“พวกมึงกำลังทำอะไร!อีตลับ! อีแย้ม!อีนวล!”เสียงของดวงวิญญาณร้ายตวาดกร้าวดังกระหึ่มออกมาจากเรือนไทยปีกซ้าย
เสียงตวาดดุดันและเต็มไปด้วยโทสะที่รุนแรง เล่นเอาดวงวิญญาณทั้งสามดวงซึ่งเป็นข้าทาสบริวารคอยตามรับใช้จนเจ้านายของตนตายจากไป ต่างทรุดกายลงนั่งหมอบกราบไปกับพื้นตัวสั่นงันงกไปตามๆ กันด้วยความหวาดกลัวเจ้านายของตนเป็นที่สุด

“ไสหัวพวกมึงออกไป!แล้วอย่ามายุ่งเรื่องของกูอีก!”เสียงตวาดกร้าวดังก้องจนได้ยินไปทั่วทั้งโลกวิญญาณ เล่นเอาดวงวิญญาณทั้งสามหายลับไปทันใจนึก

ร่างสันทัดของวิศวกรหนุ่ม ค่อยๆ ก้าวเดินขึ้นบันไดเรือนไทยปีกซ้าย สายตามุ่งตรงไปยังห้องๆ เดียวที่เขาจับตามองอย่างไม่คลาดสายตา ทั้งๆ ที่ตามทางเดินที่เขาเดินผ่านมาเต็มไปด้วยห้องมากมาย แต่เขาไม่แวะเลยสักห้องเดียว ก่อนจะเลี้ยวขวาไปตามทางเดินพร้อมก้าวเข้าไปยังลานกว้าง ซึ่งเต็มไปด้วยใบไม้แห้งร่วงหล่นกองสุมมหึมา เถาวัลย์และไม้เลื้อยมากมายชอนไชไปตามรอยแตกของไม้ จนปริแยกออกจากกันไปทุกด้านและเบื้องหน้าคือส่วนด้านในสุด ซึ่งน่าจะมีห้องปรากฏอยู่เบื้องหน้าแต่เขากลับเห็นตู้ไม้ที่มีความสูงจนถึงเพดานด้านบนตั้งขวางไว้แทนที่ ภายในตู้ยังมีเครื่องใช้จำพวกถ้วยโถโอชามที่ทำจากทองเหลือง วางเรียงรายเป็นระเบียบฝุ่นจับหนาเตอะมองไม่เห็นผิวทองเหลืองแม้แต่น้อย รอบๆ บริเวณข้าวของเครื่องใช้เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ตั้งไว้เช่นไรก็ยังคงอยู่เช่นนั้น

ใช่!แล้ววิศวกรหนุ่มเห็นตู้ทึบที่เต็มไปด้วยของมากมาย ตั้งขวางทางเข้าของห้องเอาไว้ราวกับว่า ภายในห้องมีบางสิ่งบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้ภายใน หากเขาเปิดห้องนี้ได้จะต้องพบกับสมบัติมากมายมหาศาล สองมือผลักตู้ไม้ใบใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าทันที

“ครืดดดด”ตู้ไม้ขนาดมหึมาซ้ำร้ายมีน้ำหนักมากมายกว่าที่คิด ขยับเขยื้อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ทำไมถึงได้หนักขนาดนี้นักวะ”ชายหนุ่มบ่นพึมพำ ไม่ว่าจะออกแรงเท่าไรๆ ก็ไม่สามารถขยับตู้ไม้ตรงหน้าได้อีก

“เอาอย่างไงต่อ ทำอย่างไงถึงจะเข้าไปข้างไหนได้ มันต้องมีหนทางเข้าไปได้สักทางสิ”เขายืนกอดอกครุ่นคิดพลางมองตู้ไม้ใบหนาตรงหน้าว่าจะหาทางจัดการอย่างไรดี

ชายหนุ่มมองไปรอบๆ บริเวณ เพื่อมองหาสิ่งที่จะทำให้เขาสามารถผลักตู้ขนาดมหึมาที่ตั้งขวางอยู่ออกไปให้พ้น ทว่าไม่ว่าจะมองไปทางใดทุกสิ่งที่รายรอบมีแต่ความมืดที่เริ่มคืบคลานเข้ามาปกคลุม อีกไม่ช้าทุกอย่างก็ต้องมืดมิด ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างออกนั่นก็คือเรือนไทยโบราณส่วนใหญ่จะไม่ใช้ตะปู ทำให้ง่ายต่อการประกอบและรื้อถอน เรือนไทยโบราณทั้งหลังซึ่งประกอบขึ้นเป็นวังจันทราหลังนี้สร้างด้วยฝาปะกน ทำด้วยกระดานน้ำหนักเบา ยึดเข้าไว้กับโครงตัวเรือนที่เป็นเสาไม้ไร้ซึ่งการตอกตะปู เขาสามารถถอดมันออกมาได้หรือผังมันอย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน

“ไม่เห็นจะยากเข้าทางประตูไม่ได้ก็เข้าทางหน้าต่างก็สิ้นเรื่อง!”ชายหนุ่มพูดพร้อมก้าวไปทางฝาผนังอีกฟากหนึ่งของเรือนพร้อมมองหาหน้าต่างของเรือน ที่ใช้วิธีเข้าไม้ตามแบบฉบับของช่างไทยโบราณซึ่งหน้าต่างที่หันเข้าหาฝาเรือนจะมีความสูงไม่มากเนื่องจากอยู่ในตัวบ้าน

เรือนไม้โบราณที่มีอายุยาวนานเกือบสองร้อยปี แม้จะถูกบูรณะมาอย่างต่อเนื่องโดยทายาทจากวังสุริยารังษีแต่ทายาททุกคนล่วงรู้ดีว่าเรือนปีกซ้ายไม่ควรก้าวล่วงเข้าไปเด็ดขาดหาไม่แล้ว จะไม่ได้กลับออกมาทว่าหากเป็นผู้อื่นเล่าจะรอดหรือไม่ ด้วยตัวเรือนถูกปล่อยทิ้งร้างมานานควรอย่างยิ่งที่จะเป็นอาหารของปลวกซึ่งชอบกัดกินเนื้อไม้เสียยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าเรือนไทยปีกซ้ายกลับไม่ตกเป็นอาหารของปลวกแม้แต่น้อย เพราะเพียงแค่สิ่งมีชีวิตเข้าใกล้ ชีวิตของมันต้องจบลงโดยพลัน เรือนไทยปีกซ้ายยังคงความสมบูรณ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์

ชายหนุ่มมองเห็นหน้าต่างอยู่ทางปีกขวา หน้าต่างแต่ละบานมีโซ่คล้องขนาดใหญ่ พันล้อมรอบเอาไว้พร้อมกุญแจโบราณขนาดใหญ่ทำมาจากทองเหลือง

“อะไรวะขนาดหน้าต่างยังต้องล่ามโซ่คล้องกุญแจอีกเหรอ”ชายหนุ่มบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย ซ้ำร้ายรอบๆ ตัวเขาก็เริ่มมืดมองไม่เห็นเสียแล้ว

“มืดฉิบหายมองอะไรไม่เห็นเลย กลับก่อนดีกว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่”ชายหนุ่มพูดพร้อมพยายามเพ่งสายตามองไปยังเบื้องหน้าที่มีแต่ความมืดเข้ามาปกคลุมโดยรอบเพื่อหาทางเดินกลับ

ทันใดนั้นเอง

“พรึ่บ!พรึ่บ!พรึ่บ!”จู่ๆ แสงไฟก็ลุกติดขึ้นมาได้เองจากตะเกียงโบราณที่แขวนอยู่โดยรอบเรือนไทยปีกซ้าย จนทำให้วิศวกรหนุ่มเริ่มมีความรู้สึกเป็นตัวของตัวเองขึ้นมา

“ที่นี่มัน!”เขารำพึงออกมาเบาๆ สายตากวาดไปทั่วบริเวณ

“เข้ามา!เข้ามาหากู!” เสียงของวิญญาณร้ายเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ เป็นเหตุให้ความรู้สึกของชายหนุ่มที่เริ่มรู้สึกตัวกลับไม่เป็นของตัวเองอีกครั้ง ดวงตาวาวโรจน์มองหน้าต่างที่ถูกคล้องโซ่และกุญแจโบราณขนาดใหญ่ตรงหน้า

ร่างสันทัดตั้งหลักถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะยกขาของเขาถีบหน้าต่างตรงหน้าไปอย่างแรง

“ปัง!ปัง!ปัง!ปัง”ชายหนุ่มกระโดดถีบหน้าต่างติดต่อกันหลายครั้ง แม้หน้าต่างจะถูกล่ามโซ่และคล้องด้วยกุญแจขนาดใหญ่ไว้อย่างดี แต่ด้วยระยะเวลาอันยาวนานมีหรือที่ไม้จะไม่เปราะบางไปตามกาลเวลา

“ปัง!โครม!”ชายหนุ่มออกแรงถีบอย่างเต็มกำลัง และครั้งนี้เขาประสบความสำเร็จบานหน้าต่างที่ถูกล่ามโซ่และคล้องด้วยกุญแจขนาดใหญ่ พังทลายสมความตั้งใจ

หน้าต่างถูกแรงถีบติดต่อกันจน หน้าต่างที่ทำจากไม้สักอย่างดีทั้งบานหลุดออกจากฝาบ้าน บานหน้าต่างกระเด็นหลุดเข้าไปภายในห้องทันที

“ฟู้ววววววว!!!”กลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากภายในห้อง ทันทีที่หน้าต่างหลุดออก ติดตามด้วยเสียงอันน่าสะพรึงกลัวดังหวีดหวิวขึ้น

“ฮิฮิฮิฮิฮิฮิ!!!”เสียงหัวเราะด้วยความดีใจเป็นที่สุดดังก้องยาวไกลเมื่อได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ ท่ามกลางสายตาของชายหนุ่มที่ยืนมองด้วยความตกตะลึง

“พรึ่บ!”กลุ่มควันขาวมากมายที่พวยพุ่งออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง วนล้อมรอบกายชายหนุ่มที่ปลดปล่อยให้วิญญาณร้ายเป็นอิสระ ก่อนจะปรากฏกายเป็นซากผีเน่าแห้งตายในชุดโจงกระเบนห่มผ้าแถบสีเหลืองนวล ซึ่งเป็นชุดในวันสุดท้ายที่ใส่ก่อนตายยืนประจันหน้า ท่ามกลางอาการตกใจสุดขีดของคนตรงหน้า

“กูขอขอบใจมึงมากที่ได้ปลดปล่อยกูให้เป็นอิสระ....กูถือว่ามึงมีบุญคุณแก่กูยิ่งนัก กูจะตอบแทนน้ำใจมึงให้ถึงขนาน!” ซากผีร้ายเอ่ยพร้อมชี้นิ้วไปทางห้องด้านใน และมีบางสิ่งลอยละลิ่วออกมาจากนอกห้องอย่างรวดเร็ว

“พรืดดดด!พลั่ก!”หีบโบราณถูกลากมาตามพื้นไม้ ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้า ฝาหีบที่ถูกปิดสนิทเมื่อครู่ค่อยๆ เปิดอ้าออกเผยให้เห็นข้าวของที่อยู่ภายใน

หีบโบราณบรรจุเครื่องทองโบราณและทองคำแท่งซึ่งวิญญาณร้ายหรือคุณหญิงบัว จากวังเทพรัตน์ได้รับประทานจากเสด็จพ่อให้นำติดตัวมาเพื่อได้ใช้จ่ายเมื่อมาพำนักอยู่ที่หัวเมืองทางเหนือ แต่ไม่คาดคิดว่าคุณหญิงบัวจะสิ้นชีพในเวลาอันรวดเร็วหาได้ใช้สมบัติที่ติดตัวมาแต่อย่างใด

“สมบัตินี้กูให้มึง!…รับไปซะ!” วิญญาณร้ายเอ่ยพร้อมจ้องมองใบหน้าชายหนุ่มที่ยืนประจันหน้าด้วยอาการตื่นตระหนกสุดขีด ดวงตากลมโบ๋จ้องมองพร้อมอาการของชายหนุ่มตรงหน้าแปรเปลี่ยนไป

วิศวกรหนุ่มตกอยู่ในอำนาจของวิญญาณร้าย ในขณะนี้เขาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังทำในสิ่งที่ใครๆ ต่อใครพากันหวาดกลัวยิ่งนัก แต่สำหรับคุณหญิงบัวมันคือเวลาและโอกาสที่จะตามหาชายคนรักและทำให้เขาเป็นของเธอตลอดกาล

“กลับพระนคร!กูจะไปพระนครเดี๋ยวนี้!ฮิฮิฮิฮิ!”:ซากผีตายแห้งตรงหน้าเอ่ยขึ้น พร้อมเปล่งเสียงหัวเราะหวีดหวิวดังก้องด้วยความดีใจที่จะได้กลับถิ่นเกิดของตน

เสียงหัวเราะหวีดหวิวของดวงวิญญาณร้ายดังยาวกึกก้องไปไกล เสียงที่กำลังทำให้ชีวิตอีกหลายต่อหลายชีวิตต้องพบกับความวิบัติ ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะรอดจากความแค้นและความพยาบาทของดวงวิญญาณดวงนี้ได้อย่างไร



มณีภัสสร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 มิ.ย. 2558, 04:04:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 มิ.ย. 2558, 04:05:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 812





<< ตอนที่ 12 ทายาทวังเทพรัตน์   ตอนที่ 14 เครื่องเพชรนำพา >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account