กว่าหัวใจจะเจอรัก
คำโปรย กว่าหัวใจจะเจอรัก
หนึ่งคน...ยโสเอาแต่ใจ เคยชินต่อการที่ใครต่อใครยอมศิโรราบ จนไม่ยอมแม้แต่จะฟังเสียงหัวใจของตัวเอง
หนึ่งคน...อวดดื้อถือดี พยายามต่อต้านทุกวิถีทางทั้งที่หัวใจร่ำร้องว่าไม่ต้องการ
หนึ่งคน...ภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่ข้างในซุกซ่อนความเอาแต่ใจกระทั่งยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
หนึ่งคน...หัวอ่อนว่าง่าย หากในใจกลับเข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ ถึงแม้หัวใจจะถูกใครบางคนฉกฉวยยึดเอาไปแล้วก็ตาม
...ในเมื่อไม่ยอมฟังเสียงหัวใจ ไม่ยอมทำในสิ่งที่หัวใจร่ำร้อง แล้วอย่างนี้เมื่อไรหัวใจทุกดวงจึงจะค้นพบรักแท้ที่จริง ๆ แล้วอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม...
หนึ่งคน...ยโสเอาแต่ใจ เคยชินต่อการที่ใครต่อใครยอมศิโรราบ จนไม่ยอมแม้แต่จะฟังเสียงหัวใจของตัวเอง
หนึ่งคน...อวดดื้อถือดี พยายามต่อต้านทุกวิถีทางทั้งที่หัวใจร่ำร้องว่าไม่ต้องการ
หนึ่งคน...ภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่ข้างในซุกซ่อนความเอาแต่ใจกระทั่งยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
หนึ่งคน...หัวอ่อนว่าง่าย หากในใจกลับเข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ ถึงแม้หัวใจจะถูกใครบางคนฉกฉวยยึดเอาไปแล้วก็ตาม
...ในเมื่อไม่ยอมฟังเสียงหัวใจ ไม่ยอมทำในสิ่งที่หัวใจร่ำร้อง แล้วอย่างนี้เมื่อไรหัวใจทุกดวงจึงจะค้นพบรักแท้ที่จริง ๆ แล้วอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม...
Tags: พี่จิน พี่ธันว์ น้องส้ม น้องแก้ม ปากแข็ง ทิฐิ
ตอน: ตอนที่ 19
บทที่ 19
น้องส้มหันขวับไปมองพี่จินทันทีหลังได้ยินคำประกาศของเขา กำลังจะอ้าปากถามว่านี่มันเรื่องอะไรกันเธอก็ถูกเขาดึงตัวเข้าไปใกล้แล้วกระซิบบอกตรงข้างหู
“ช่วยเงียบ ๆ แล้วทำตามที่พี่บอกก่อนนะ”
แม้นึกแย้งและอยากต่อต้านแต่เมื่อสบกับการอ้อนวอนในดวงตาคมเข้ม อีกทั้งเมื่อนึกถึงความพยายามปรับปรุงตัวในช่วงหลังของเขาทำให้น้องส้มจำต้องหุบปากนิ่งเมื่อพี่จินยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ
“ไม่จริงใช่ไหมคะจิน”
สีหน้าตื่นตกใจและน้ำเสียงที่เหมือนคนจะขาดใจทำให้แวบหนึ่งน้องส้มอดนึกสงสารผู้หญิงอีกคนไม่ได้ ไม่ต้องบอกเธอก็พอเดาได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นพี่จินมองเพื่อนสาวของเขาด้วยสีหน้าแววตาเรียบเฉยน้องส้มก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาช่างเย็นชาและเลือดเย็นเหลือเกิน
ถ้าเป็นเธอบ้างล่ะ
น้องส้มลองนึกถึงใจเขาใจแล้วก็ยิ่งอดนึกชังน้ำหน้าพี่จินไม่ได้ ทั้งเคืองทั้งไม่ชอบใจเมื่อคิดว่าเขาเอาเธอมาอ้างเพราะกำลังคิดจะตีจากผู้หญิงคนนี้ จากการสุมหัวนินทาของรุ่นพี่ร่วมแผนกทำให้หญิงสาวเข้าใจไม่ต่างจากคนอื่นว่าจินตเมธกับมธุรสคบหากันอยู่
ถ้าอยากเลิกแล้วทำไมต้องดึงเธอมาเกี่ยวด้วย
ความไม่ชอบใจทำให้น้องส้มเริ่มออกอาการพยศ แต่ดูเหมือนพี่จินเองก็มองออกเมื่อยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกครั้งแล้วกระซิบขู่ด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน
“ถ้าไม่อยากถูกจูบโชว์ต่อหน้าคนอื่น อย่าเพิ่งดื้อกับพี่ตอนนี้!”
ได้ผล! คนที่ทำท่าจะอ้าปากบอกความจริงหันกลับมาถลึงตาใส่แต่ไม่กล้าแผลงฤทธิ์เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายทำจริง
มธุรสขมไปทั้งใจเมื่อเห็นจินตเมธทำเหมือนออกห่างไม่ได้เลยจากหญิงสาวที่เขาประกาศว่าจะแต่งงานด้วย ยิ่งเห็นการมองกันและกันของทั้งคู่ หญิงสาวก็อยากสะบัดหน้าหนีเพราะความสะเทือนใจ
“แล้วจะแต่งกันเมื่อไรคะ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เห็นจินเคยพูดเรื่องนี้เลย”
“คงเพราะ...ที่ผ่านมาผมกับน้องส้มดูใจกันมาเงียบ ๆ จนเพิ่งมารู้ไม่นานว่าเราสองคนใจตรงกัน”
น้องส้มหันไปทำตาโตกับพี่จินอย่างไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะพูดเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้
ดูใจกันมาเงียบ ๆ เหรอ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเธอกับเขาแทบจะฆ่ากันตายน่ะนะ
พี่จินเพียงแต่ยิ้มกับแววกังขาหรือไม่เห็นด้วยในดวงตาของน้องส้ม โดยไม่รู้เลยว่านั่นยิ่งทำให้เพื่อนสาวปวดใจ
“ไปดูใจกันตั้งแต่ตอนไหน น้ำผึ้งเป็นเพื่อนสนิทกับจินแท้ ๆ ยังไม่เคยระแคะระคายเลย”
มธุรสยังคงไม่เลิกตั้งคำถามอย่างคาใจทั้งที่นั่นไม่ต่างอะไรกับการกรีดมีดลงบนบาดแผล ในขณะที่จินตเมธก็ไม่ได้มีทีท่ารำคาญเมื่อตอบคำถามของเพื่อนสาว
“ตั้งนานแล้วล่ะ อาจตั้งแต่เด็ก ๆ เลยก็ได้เพราะบ้านของพวกเราอยู่ใกล้กัน”
คำตอบที่ได้ทำให้มธุรสเพิ่งนึกออกว่าทำไมจึงคุ้นหน้าหญิงสาวอีกคน ที่แท้ก็เป็นคนเดียวกันกับที่เธอเคยเจอเมื่อหลายปีก่อนและเป็นคนที่ทำให้จินตเมธทิ้งเธอไปกลางครัน
“อ๋อ! ที่แท้ก็คนร่วมหมู่บ้านที่เคยเจอกันตอนนั้นเอง”
มธุรสแค่นยิ้มบอกพลางนึกเยาะตัวเองว่าในขณะที่เธอเฝ้ารอเฝ้าหวังให้เพื่อนหนุ่มเห็นใจและยอมรับเธอในฐานะอื่นที่ไม่ใช่เพื่อน แต่เขากลับเริ่มต้นคบหาและดูใจคนที่คิดว่าใช่มาตลอด
แล้วเธอมายืนทำอะไรตรงนี้
คำถามนั้นมาพร้อมกับทิฐิ ที่ผ่านมาใช่ว่าเธอไม่มีใครเข้ามาขอโอกาสคบหาเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ เพียงแต่เธอยังคงเฝ้ารอว่าสักวันสิ่งที่เฝ้าหวังจะเป็นจริง
ในเมื่อโอกาสเป็นตัวจริงที่เธอเฝ้ารอมาตลอดไม่มีวันมาถึง แล้วเธอจะมายืนเป็นตัวประกอบต่อไปอีกทำไม
วินาทีนั้นมธุรสตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
“ถ้าอย่างนั้น น้ำผึ้งไม่รบกวนจินกับ...น้องส้มดีกว่าค่ะ”
ความเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่ายทำให้น้องส้มนึกทึ่ง กำลังอ้าปากบอกว่าเธออยากให้ไปด้วยก็ไม่ทันพี่จินที่ชิงตัดหน้า
“งั้นไว้เจอกันวันหลังนะ”
อีกครั้งที่น้องส้มต้องหันไปมองพี่จินอย่างไม่อยากเชื่อพร้อมกับยิ่งคิดว่าเขาช่างใจร้ายเหลือเกินเมื่อทำเย็นชากับอีกฝ่ายถึงเพียงนี้ ยิ่งเห็นสาวสวยขานรับสั้น ๆ แล้วเดินออกไปด้วยท่าทีที่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น น้องส้มก็ยิ่งขัดใจ
“ทำไมต้องดึงส้มไปเกี่ยวด้วย!”
เพียงแค่บานประตูถูกปิดลง น้องส้มก็หันไปตั้งคำถามด้วยสีหน้าแววตาละม้ายกับเด็กหญิงคู่ปรับในอดีต แต่พี่จินยังคงรับมือด้วยท่าทีใจเย็นยามตอบกลับเสียงเรียบไม่ผิดจากสีหน้าแววตา
“ก็แค่ช่วยเหลือกันนิด ๆ หน่อย ๆ จะเป็นไรไป”
“แต่ส้มไม่อยากช่วยพี่จินโดยการทำร้ายจิตใจเธอ พี่จินไม่นึกสงสารบ้างเหรอที่ทำกับคุณน้ำผึ้งแบบนี้ ทำไมคะพอหมดรักไม่อยากคบหาก็ต้องพยายามเขี่ยเธอออกไปจากชีวิตให้เร็วที่สุดงั้นเหรอ”
น้ำเสียงกระแทกกระทั้นอย่างแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ที่กำลังปะทุของน้องส้ม ทำให้พี่จินต้องนิ่วหน้าก่อนคว้าหมับเข้าที่บ่าเล็กทั้งสองข้างของคนที่หันหลังทำท่าจะเดินหนี แล้วกระชากเสียงถามอย่างเริ่มโมโหเช่นกัน
“ใคร! น้องส้มหมายถึงใครที่บอกว่าหมดรัก!”
“ก็คุณน้ำผึ้งไงคะ ทำไมคะ ตอนนี้เจอผู้หญิงคนใหมที่ถูกใจกว่าเหรอถึงต้องให้ส้ม...”
“พี่กับน้ำผึ้งเป็นแค่เพื่อนกัน!”
เสียงตวาดที่แทรกขึ้นมาของพี่จินก่อนที่น้องส้มจะกล่าวโทษจบทำให้หญิงสาวชะงักไปนิดอย่างตกใจ ก่อนแย้งออกไปอย่างลืมตัว
“ไม่จริง! ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่จินกับคุณน้ำผึ้งคบกันอยู่”
พี่จินยิ่งหัวเสียเมื่อน้องส้มทำตัวดื้อแบบหัวชนฝา ทั้งที่เขาบอกปาว ๆ ว่าไม่ใช่แต่เธอก็ยังดันทุรังจะให้ใช่อยู่นั่นล่ะ ชายหนุ่มกล้ำกลืนโทสะลงไปในอกเมื่อเค้นเสียงถามอย่างคาดคั้นกึ่งอยากรู้
“ไหนบอกซิ! ใคร ๆ ที่รู้ว่าพี่กับน้ำผึ้งคบกันน่ะ มีใครบ้าง”
เจอกับท่าทางเอาเรื่องของพี่จินน้องส้มก็พูดไม่ออกเพราะเพิ่งสำนึกได้ว่านิสัยของชายหนุ่มไม่ใช่คนโกหก อีกทั้งสีหน้าท่าทางของเขาในตอนนี้ก็ทำให้เธอต้องลอบกลืนน้ำลายเมื่อประจักษ์ว่าตัวเองทำพลาดไปแล้ว
“ใครบ้าง!”
ถึงตอนนี้ความหงุดหงิดโมโหก็ผลักดันพี่จินจนเผลอเขย่าตัวน้องส้มจนหัวสั่นหัวคลอน ยิ่งเห็นหญิงสาวทำท่าอึกอักชายหนุ่มก็ขัดเคืองหนัก
“จะพูดออกมาดี ๆ หรือจะให้พี่ช่วยง้างปาก!”
จากบทเรียนหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้น้องส้มรู้ได้ทันทีว่าเธอต้องทำยังไง เมื่อรีบบอกปากคอสั่น
“สะ...ส้มได้ยินคนอื่น ๆ เขาพูดกัน”
“ใคร!”
“ส้ม...จำไม่ได้ค่ะ”
คำตอบนั้นทำให้พี่จินนิ่งไปแต่สองมือยังคงตะปบบนบ่าของน้องส้มเหมือนเดิม ก่อนทำให้หญิงสาวผวา
“สำหรับคนที่เชื่อคำพูดของคนอื่นมากกว่าพี่ น้องส้มคิดว่า...พี่ควรลงโทษยังไงดี”
ถึงตอนนี้น้องส้มก็ใจสั่น แม้ก่อนหน้านี้เคยนึกอยากให้พี่จินคนเดิมกลับมาถึงแม้พี่จินคนนั้นจะชอบเอาแต่ใจก็ตาม แต่เมื่อถึงวินาทีนี้หญิงสาวกลับนึกอยากให้อีกฝ่ายยังคงเป็นพี่จินคนใหม่ที่ช่วงหลังมักอ่อนโยนและเอาใจใส่เธอมากกว่า
เพราะอย่างน้อยเขาก็คงไม่ทำท่าเหมือนจะขย้ำเธออย่างในตอนนี้!
“ไม่...”
น้องส้มมีโอกาสแค่หลุดคำค้านออกมาคำเดียว ริมฝีปากของเธอก็ถูกปิดผนึกจากคนที่เพิ่งตั้งคำถามถึงบทลงโทษ จูบครั้งนี้ใช้เวลาเพียงสั้น ๆ และสัมผัสก็เป็นไปอย่างแผ่วเผินจนราวกับว่าคนจูบต้องการแค่อยากแกล้งเล่นหรือไม่ก็เพราะหมั่นไส้ระคนหงุดหงิดนิด ๆ
“ถ้าต่อไปยังเชื่อคำพูดของคนอื่นมากกว่า พี่จะไม่หยุดแค่จูบเด็ก ๆ แบบนี้หรอกนะ”
น้องส้มตาโตกับคำขู่ที่ออกแววหวานซึ่งสะท้อนออกมาทางดวงตาคมเข้มของคนที่ยามนี้โน้มใบหน้าลงมาแนบหน้าผากเข้ากับเธอ ท่าทีสนิทชิดเชื้อของพี่จินทำให้หัวใจดวงเล็กไหวสะท้านเมื่อหวนนึกถึงสารพัดจูบที่เขาเคยมอบให้
“ไหน...เคยรับปากว่าจะไม่ทำแบบนี้กับส้มอีกไงคะ”
พี่จินนิ่งไปเมื่อนึกถึงวันที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้น้องส้มทวงถาม หากวินาทีถัดมารอยยิ้มก็จุดขึ้นตรงมุมปากก่อนตามด้วยคำพูดที่ทำให้คนฟังยิ่งหวั่นไหว
“จูบเมื่อกี้ไม่ถือว่าพี่ผิดคำพูด เพราะนั่นไม่ได้เกิดจากการต้องการทำร้ายแต่มาจากความรู้สึกในหัวใจต่างหาก”
“พี่จิน...”
จินตเมธยิ้มกระจ่างใส่คนที่กำลังจ้องเขาตาค้างราวกับว่ากำลังเห็นภูตผี ความรักและเอ็นดูที่กำลังท่วมท้นหัวใจทำให้อดเอื้อมมือไปบีบปลายจมูกรั้น ๆ ของอีกฝ่ายไม่ได้ แล้วบอกเสียงกลั้วหัวเราะ
“พี่ว่าเราออกไปหาอะไรทานกันดีกว่าเพราะตอนนี้พี่เริ่มจะหิวข้าวแล้วล่ะ”
น้องส้มฝืนยิ้มตอบเมื่อพี่จินส่งยิ้มมาให้ ทั้งที่ในใจยังคงสับสนกับคำพูดเมื่อครู่ นึกอยากถามเหลือเกิน ‘มาจากความรู้สึกในหัวใจ’ นั้นหมายความว่ายังไง แต่ทุกคำถามหรือทุกความสงสัยก็หายวับไปเมื่อพี่จินยื่นมือมาให้พร้อมกับรอยยิ้มกระจ่าง
อาจด้วยรอยยิ้มสดใสและท่าทางผ่อนคลายของพี่จินทำให้น้องส้มวางมือของตนลงไปบนฝ่ามือที่รอรับอย่างว่าง่าย ขณะที่ในใจก็คิดว่า...ถ้าตัดนิสัยขี้โมโหและชอบเอาแต่ใจออกไป พี่จินก็น่ารักดีเหมือนกัน
น่ารัก
น้องส้มสะดุดกึกเมื่อความรู้สึกถูกกระทบจากคำคำนั้น ยังไม่ทันคิดทบทวนหรือหาเหตุผลมารองรับว่าทำไมเธอจึงเผลอคิดแบบนั้นออกมาได้ หญิงสาวก็แทบหัวคะมำเพราะคนที่เพิ่งคิดว่าน่ารักดึงมือเธอให้ตามเขาออกไปอย่างคนใจร้อนและชอบเอาแต่ใจเหมือนเดิม
ฮึ! สมองเธอคงผิดปกติไปชั่วคราวที่คิดไปได้ว่าเขาน่ารัก
น้องส้มเผลอย่นจมูกพลางค้อนใส่แผ่นหลังของคนที่เอาแต่ลากจูงเธอไปตามใจชอบ ก่อนรีบก้าวตามแรงดึงของคนเอาแต่ใจ
ถ้าการกระทำของพี่จินทำให้น้องส้มเริ่มหวั่นไหวจนเผลอคิดไปว่าชายหนุ่มน่ารัก การกระทำของพี่ธันว์ก็ส่งผลตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับน้องแก้ม
น้องแก้มเอาแต่ครุ่นคิดและสับสนกับการทำตัวแปลก ๆ ของพี่ธันว์จนทำให้นอนไม่หลับ เพียงหนึ่งอาทิตย์ต่อมาเด็กสาวที่ร่างกายบอบบางจึงมีอาการป่วยจากไข้ขึ้นสูง
โชคร้ายที่จังหวะนั้นคุณเพ็ญพิสุทธิ์ไปสัมมนากับบริษัทที่ต่างจังหวัดกว่าจะกลับก็อีกสามวัน ในขณะที่คุณจิตติได้รับคำเชิญจากลูกค้าซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่งให้ไปเป็นแขกส่วนตัวเพื่อร่วมพูดคุยและให้คำปรึกษาด้านธุรกิจโดยมีกำหนดกลับอีกหนึ่งอาทิตย์ ดังนั้นทั้งบ้านจึงมีเพียงน้องแก้มและนารี
อดีตพี่เลี้ยงกังวลใจจนคิดจะโทร.ไปแจ้งบิดาและมารดาของน้องแก้ม แต่ถูกห้ามจากคนป่วยเพราะไม่ต้องการให้ไปรบกวนพวกท่านทั้งสอง ดังนั้นสุดท้ายนารีจึงต้องพยายามลดไข้ให้น้องแก้มด้วยวิธีเช็ดเนื้อเช็ดตัวและให้ทานยาลดไข้ แต่ผ่านไปหนึ่งวันเต็มอาการของเด็กสาวก็ยังไม่ดีขึ้น
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ในที่สุดนารีจึงตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากคนที่คิดว่าพึ่งพาได้
แต่เมื่อมาถึงบ้านของคุณณัชชา อดีตอดีตพี่เลี้ยงก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าประตูบ้านถูกปิดล็อคเอาไว้ ขณะกำลังยืนชั่งใจว่าจะทำยังไง เสียงเรียกจากทางด้านหลังก็ดึงความสนใจให้หันไปมอง
“คุณธันว์!”
วินาทีที่เห็นหน้าชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลัง ความดีใจทำให้อดีตพี่เลี้ยงร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังอย่างลืมตัวก่อนสาวเท้าเข้าไปหาแล้วละล่ำละลักบอก
“โชคดีเหลือเกินที่เจอคุณธันว์ตอนนี้”
เห็นท่าทางแตกตื่นของนารีแล้วธันวาก็อดยิ้มไม่ได้เพราะนึกขำ กำลังจะออกปากถามว่าอีกฝ่ายมาทำอะไรตรงนี้รอยยิ้มก็พลันจางหายกับคำพูดต่อมาที่ได้ยิน
“ช่วยพาน้องแก้มไปหาหมอหน่อยเถอะค่ะ”
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คนป่วยแค่นอนไม่พอและอาจมีเรื่องเครียดเลยส่งผลกับร่างกาย เมื่อครู่ลุงฉีดยาลดไข้ให้แล้วหลังจากนี้คงหลับอีกหลายชั่วโมง ถ้ายังไงให้คนตามลุงไปรับยาที่คลินิกเลยก็แล้วกัน แต่ถ้าสามวันหลังจากนี้อาการยังไม่ดีขึ้น ธันว์โทร.บอกลุงละกัน แล้วลุงจะมาตรวจอาการให้อีกที”
ธันวายกมือไหว้พลางเอ่ยขอบคุณนายแพทย์พุฒิพงศ์ ลูกพี่ลูกน้องของมารดาผู้มีศักดิ์เป็นลุงของเขา ซึ่งเมื่อห้าปีที่แล้วนายแพทย์สูงวัยมาเปิดคลินิกรักษาโรคทั่วไปตรงตึกแถวที่อยู่ห่างไปจากหมู่บ้านของเขาราวหนึ่งกิโลเมตร และเมื่อถูกเขาโทร.ไปขอร้องให้ช่วยขับรถมาดูแลคนป่วยร่วมหมู่บ้าน ลุงหมอผู้ใจดีก็รับปากทันทีโดยไม่ลังเล
นับว่าโชคดีเหลือเกินที่เขาตัดสินใจลาพักร้อนหลังเสร็จสิ้นงานก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรของโครงการหนึ่งซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเขา แต่นึกไม่ถึงว่าเพียงแค่วันแรกที่ขับรถกลับมาบ้านเขาก็ได้พบคนที่แสนคิดถึง
เพียงแต่...ถ้าเธอสบายดีไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วย ก็คงจะดีกว่านี้
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวพี่ตามคุณหมอไปรับยาให้น้องแก้มเองค่ะ”
นารีอาสาตัวก่อนเดินตามหลังนายแพทย์สูงวัยออกไปจากห้องเพื่อไปขอรับยาสำหรับคนป่วยที่คลินิก
เมื่อในห้องเหลือเพียงเขากับคนป่วย ธันวาก็กลับมาให้ความสนใจกับน้องแก้มที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง สีหน้าค่อนข้างเซียวของเด็กสาวดึงดูดให้ชายหนุ่มค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหาก่อนทรุดตัวลงนั่งบนเตียง
ธันวาไล้หลังมือเข้ากับข้างแก้มคนป่วยราวกับจะวัดอุณหภูมิ ก่อนถอนหายใจกับความร้อนที่สัมผัสได้ วูบหนึ่งภาพจากความทรงจำครั้งที่เขาและน้องแก้มยังเป็นเด็กก็ผุดขึ้นมา
เมื่อรู้ว่าน้องแก้มนอนซมอยู่บนเตียงตามลำพังเพราะบิดามารดาเอาแต่ใส่ใจกับงานนอกบ้านมากกว่าจนปล่อยให้เด็กตัวเล็ก ๆ อยู่ภายใต้การดูแลของพี่เลี้ยง เขาก็ไม่อาจนิ่งเฉยจนต้องแวะเวียนมาเยี่ยมบ่อย ๆ แม้เจอกับการออดอ้อนสลับกับการทำตัวโยเยในบางครั้งของคนป่วยจอมดื้อ แต่น่าแปลกที่เขาไม่เคยนึกรำคาญแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกลับนึกเอ็นดูปนภูมิใจด้วยซ้ำที่น้องแก้มทำเหมือนยึดเขาเป็นฮีโร่และเป็นพี่ชายคนเก่งของเธอ
หลายครั้งเมื่อถึงเวลาที่เขาต้องกลับบ้านคนป่วยมักชอบร้องไห้โยเยขอให้อยู่ต่อหลายครั้งหลายหน แต่ทุกครั้งเขาสามารถทำให้น้องสาวที่น่ารักยอมทำตัวว่าง่ายได้หลังจากให้สัญญาว่าจะมาเยี่ยมใหม่พร้อมกับผนึกตราประทับด้วยจูบแรง ๆ ที่หน้าผากของคนป่วย
วูบหนึ่งธันวานึกอยากให้เด็กดื้อที่ชอบร้องไห้โยเยในอดีตลืมตาขึ้นมามองเขาสักครั้ง เพราะไม่สบายใจนักที่เห็นสาวน้อยนอนหลับตานิ่งอยู่แบบนี้
อาจเพราะเรื่องราวในอดีตที่ผุดออกมาจากความทรงจำ หรือไม่...ก็เพราะไม่สบายใจที่สาวน้อยแก้มป่องยังคงนอนหลับสนิทไม่รับรู้ถึงการมาเยือนของเขา ธันวาจึงโน้มหน้าลงไปจูบที่กลางหน้าผากของอีกฝ่ายด้วยสัมผัสแผ่วเบาและทะนุถนอมซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากในตอนที่ทั้งคู่ยังเป็นเด็ก
“รีบ ๆ หายนะ ยายแก้มป่องของพี่”
ธันวากระซิบบอกก่อนขโมยหอมแก้มบางของเด็กสาวอีกครั้ง จากนั้นก็เอาแต่ทอดตามองคนป่วยอยู่อย่างนั้นราวกับหวังว่าเมื่ออีกฝ่ายลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เธอจะเห็นเป็นอย่างแรก...ก็คือเขา
-------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ พาสองหนุ่มมาส่งค่ะ ^^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ
Zephyr : ถ้าเป็นสามคำสั้น ๆ นั้น คู่นี้อาจถึงเส้นชัยก่อนพี่ธันว์ค่ะ พันวลีคงยอมม่ายด้ายยยยยยย ฮ่าาาาาา แต่ขอปรบมือให้เลยค่ะที่รู้ว่าน้องส้มต้องพยศแน่ (เหมือนรู้ทางคนแต่งเลยอ่ะ ^^) ส่วนพี่ธันว์ก็...คงใจร้อนไปหน่อยเลยทำให้ต้อย เอ๊ย! น้องแก้มงง ๆ สับสบจนไม่สบายเลย
ปิ่นนลิน : ก็รู้ใจตัวเองแล้วนี่เน๊อะ พี่ธันว์ก็ต้องรุกหนักแน่ แต่ดูท่่าคนถูกรุกจะรับมือไม่ไหวเลยล้มป่วยซะ ฮ่าาาาา ส่วนพี่จินนี่ ก็นะ...คงต้องค่อย ๆ เรียนรู้คำว่าโรแมนติกไปทีละนิด
นักอ่านเหนียวหนึบ : อ้าวววววว พันวลีมีพระเอกสองคนน๊า ให้เหลือแต่พี่ธันว์คนเดียวแล้วเค้าจะเอาพี่จินไปทิ้งไหนอ่ะ
น้องส้มหันขวับไปมองพี่จินทันทีหลังได้ยินคำประกาศของเขา กำลังจะอ้าปากถามว่านี่มันเรื่องอะไรกันเธอก็ถูกเขาดึงตัวเข้าไปใกล้แล้วกระซิบบอกตรงข้างหู
“ช่วยเงียบ ๆ แล้วทำตามที่พี่บอกก่อนนะ”
แม้นึกแย้งและอยากต่อต้านแต่เมื่อสบกับการอ้อนวอนในดวงตาคมเข้ม อีกทั้งเมื่อนึกถึงความพยายามปรับปรุงตัวในช่วงหลังของเขาทำให้น้องส้มจำต้องหุบปากนิ่งเมื่อพี่จินยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ
“ไม่จริงใช่ไหมคะจิน”
สีหน้าตื่นตกใจและน้ำเสียงที่เหมือนคนจะขาดใจทำให้แวบหนึ่งน้องส้มอดนึกสงสารผู้หญิงอีกคนไม่ได้ ไม่ต้องบอกเธอก็พอเดาได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นพี่จินมองเพื่อนสาวของเขาด้วยสีหน้าแววตาเรียบเฉยน้องส้มก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาช่างเย็นชาและเลือดเย็นเหลือเกิน
ถ้าเป็นเธอบ้างล่ะ
น้องส้มลองนึกถึงใจเขาใจแล้วก็ยิ่งอดนึกชังน้ำหน้าพี่จินไม่ได้ ทั้งเคืองทั้งไม่ชอบใจเมื่อคิดว่าเขาเอาเธอมาอ้างเพราะกำลังคิดจะตีจากผู้หญิงคนนี้ จากการสุมหัวนินทาของรุ่นพี่ร่วมแผนกทำให้หญิงสาวเข้าใจไม่ต่างจากคนอื่นว่าจินตเมธกับมธุรสคบหากันอยู่
ถ้าอยากเลิกแล้วทำไมต้องดึงเธอมาเกี่ยวด้วย
ความไม่ชอบใจทำให้น้องส้มเริ่มออกอาการพยศ แต่ดูเหมือนพี่จินเองก็มองออกเมื่อยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกครั้งแล้วกระซิบขู่ด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน
“ถ้าไม่อยากถูกจูบโชว์ต่อหน้าคนอื่น อย่าเพิ่งดื้อกับพี่ตอนนี้!”
ได้ผล! คนที่ทำท่าจะอ้าปากบอกความจริงหันกลับมาถลึงตาใส่แต่ไม่กล้าแผลงฤทธิ์เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายทำจริง
มธุรสขมไปทั้งใจเมื่อเห็นจินตเมธทำเหมือนออกห่างไม่ได้เลยจากหญิงสาวที่เขาประกาศว่าจะแต่งงานด้วย ยิ่งเห็นการมองกันและกันของทั้งคู่ หญิงสาวก็อยากสะบัดหน้าหนีเพราะความสะเทือนใจ
“แล้วจะแต่งกันเมื่อไรคะ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เห็นจินเคยพูดเรื่องนี้เลย”
“คงเพราะ...ที่ผ่านมาผมกับน้องส้มดูใจกันมาเงียบ ๆ จนเพิ่งมารู้ไม่นานว่าเราสองคนใจตรงกัน”
น้องส้มหันไปทำตาโตกับพี่จินอย่างไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะพูดเป็นตุเป็นตะได้ขนาดนี้
ดูใจกันมาเงียบ ๆ เหรอ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเธอกับเขาแทบจะฆ่ากันตายน่ะนะ
พี่จินเพียงแต่ยิ้มกับแววกังขาหรือไม่เห็นด้วยในดวงตาของน้องส้ม โดยไม่รู้เลยว่านั่นยิ่งทำให้เพื่อนสาวปวดใจ
“ไปดูใจกันตั้งแต่ตอนไหน น้ำผึ้งเป็นเพื่อนสนิทกับจินแท้ ๆ ยังไม่เคยระแคะระคายเลย”
มธุรสยังคงไม่เลิกตั้งคำถามอย่างคาใจทั้งที่นั่นไม่ต่างอะไรกับการกรีดมีดลงบนบาดแผล ในขณะที่จินตเมธก็ไม่ได้มีทีท่ารำคาญเมื่อตอบคำถามของเพื่อนสาว
“ตั้งนานแล้วล่ะ อาจตั้งแต่เด็ก ๆ เลยก็ได้เพราะบ้านของพวกเราอยู่ใกล้กัน”
คำตอบที่ได้ทำให้มธุรสเพิ่งนึกออกว่าทำไมจึงคุ้นหน้าหญิงสาวอีกคน ที่แท้ก็เป็นคนเดียวกันกับที่เธอเคยเจอเมื่อหลายปีก่อนและเป็นคนที่ทำให้จินตเมธทิ้งเธอไปกลางครัน
“อ๋อ! ที่แท้ก็คนร่วมหมู่บ้านที่เคยเจอกันตอนนั้นเอง”
มธุรสแค่นยิ้มบอกพลางนึกเยาะตัวเองว่าในขณะที่เธอเฝ้ารอเฝ้าหวังให้เพื่อนหนุ่มเห็นใจและยอมรับเธอในฐานะอื่นที่ไม่ใช่เพื่อน แต่เขากลับเริ่มต้นคบหาและดูใจคนที่คิดว่าใช่มาตลอด
แล้วเธอมายืนทำอะไรตรงนี้
คำถามนั้นมาพร้อมกับทิฐิ ที่ผ่านมาใช่ว่าเธอไม่มีใครเข้ามาขอโอกาสคบหาเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ เพียงแต่เธอยังคงเฝ้ารอว่าสักวันสิ่งที่เฝ้าหวังจะเป็นจริง
ในเมื่อโอกาสเป็นตัวจริงที่เธอเฝ้ารอมาตลอดไม่มีวันมาถึง แล้วเธอจะมายืนเป็นตัวประกอบต่อไปอีกทำไม
วินาทีนั้นมธุรสตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
“ถ้าอย่างนั้น น้ำผึ้งไม่รบกวนจินกับ...น้องส้มดีกว่าค่ะ”
ความเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่ายทำให้น้องส้มนึกทึ่ง กำลังอ้าปากบอกว่าเธออยากให้ไปด้วยก็ไม่ทันพี่จินที่ชิงตัดหน้า
“งั้นไว้เจอกันวันหลังนะ”
อีกครั้งที่น้องส้มต้องหันไปมองพี่จินอย่างไม่อยากเชื่อพร้อมกับยิ่งคิดว่าเขาช่างใจร้ายเหลือเกินเมื่อทำเย็นชากับอีกฝ่ายถึงเพียงนี้ ยิ่งเห็นสาวสวยขานรับสั้น ๆ แล้วเดินออกไปด้วยท่าทีที่ยังคงเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น น้องส้มก็ยิ่งขัดใจ
“ทำไมต้องดึงส้มไปเกี่ยวด้วย!”
เพียงแค่บานประตูถูกปิดลง น้องส้มก็หันไปตั้งคำถามด้วยสีหน้าแววตาละม้ายกับเด็กหญิงคู่ปรับในอดีต แต่พี่จินยังคงรับมือด้วยท่าทีใจเย็นยามตอบกลับเสียงเรียบไม่ผิดจากสีหน้าแววตา
“ก็แค่ช่วยเหลือกันนิด ๆ หน่อย ๆ จะเป็นไรไป”
“แต่ส้มไม่อยากช่วยพี่จินโดยการทำร้ายจิตใจเธอ พี่จินไม่นึกสงสารบ้างเหรอที่ทำกับคุณน้ำผึ้งแบบนี้ ทำไมคะพอหมดรักไม่อยากคบหาก็ต้องพยายามเขี่ยเธอออกไปจากชีวิตให้เร็วที่สุดงั้นเหรอ”
น้ำเสียงกระแทกกระทั้นอย่างแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ที่กำลังปะทุของน้องส้ม ทำให้พี่จินต้องนิ่วหน้าก่อนคว้าหมับเข้าที่บ่าเล็กทั้งสองข้างของคนที่หันหลังทำท่าจะเดินหนี แล้วกระชากเสียงถามอย่างเริ่มโมโหเช่นกัน
“ใคร! น้องส้มหมายถึงใครที่บอกว่าหมดรัก!”
“ก็คุณน้ำผึ้งไงคะ ทำไมคะ ตอนนี้เจอผู้หญิงคนใหมที่ถูกใจกว่าเหรอถึงต้องให้ส้ม...”
“พี่กับน้ำผึ้งเป็นแค่เพื่อนกัน!”
เสียงตวาดที่แทรกขึ้นมาของพี่จินก่อนที่น้องส้มจะกล่าวโทษจบทำให้หญิงสาวชะงักไปนิดอย่างตกใจ ก่อนแย้งออกไปอย่างลืมตัว
“ไม่จริง! ใคร ๆ ก็รู้ว่าพี่จินกับคุณน้ำผึ้งคบกันอยู่”
พี่จินยิ่งหัวเสียเมื่อน้องส้มทำตัวดื้อแบบหัวชนฝา ทั้งที่เขาบอกปาว ๆ ว่าไม่ใช่แต่เธอก็ยังดันทุรังจะให้ใช่อยู่นั่นล่ะ ชายหนุ่มกล้ำกลืนโทสะลงไปในอกเมื่อเค้นเสียงถามอย่างคาดคั้นกึ่งอยากรู้
“ไหนบอกซิ! ใคร ๆ ที่รู้ว่าพี่กับน้ำผึ้งคบกันน่ะ มีใครบ้าง”
เจอกับท่าทางเอาเรื่องของพี่จินน้องส้มก็พูดไม่ออกเพราะเพิ่งสำนึกได้ว่านิสัยของชายหนุ่มไม่ใช่คนโกหก อีกทั้งสีหน้าท่าทางของเขาในตอนนี้ก็ทำให้เธอต้องลอบกลืนน้ำลายเมื่อประจักษ์ว่าตัวเองทำพลาดไปแล้ว
“ใครบ้าง!”
ถึงตอนนี้ความหงุดหงิดโมโหก็ผลักดันพี่จินจนเผลอเขย่าตัวน้องส้มจนหัวสั่นหัวคลอน ยิ่งเห็นหญิงสาวทำท่าอึกอักชายหนุ่มก็ขัดเคืองหนัก
“จะพูดออกมาดี ๆ หรือจะให้พี่ช่วยง้างปาก!”
จากบทเรียนหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้น้องส้มรู้ได้ทันทีว่าเธอต้องทำยังไง เมื่อรีบบอกปากคอสั่น
“สะ...ส้มได้ยินคนอื่น ๆ เขาพูดกัน”
“ใคร!”
“ส้ม...จำไม่ได้ค่ะ”
คำตอบนั้นทำให้พี่จินนิ่งไปแต่สองมือยังคงตะปบบนบ่าของน้องส้มเหมือนเดิม ก่อนทำให้หญิงสาวผวา
“สำหรับคนที่เชื่อคำพูดของคนอื่นมากกว่าพี่ น้องส้มคิดว่า...พี่ควรลงโทษยังไงดี”
ถึงตอนนี้น้องส้มก็ใจสั่น แม้ก่อนหน้านี้เคยนึกอยากให้พี่จินคนเดิมกลับมาถึงแม้พี่จินคนนั้นจะชอบเอาแต่ใจก็ตาม แต่เมื่อถึงวินาทีนี้หญิงสาวกลับนึกอยากให้อีกฝ่ายยังคงเป็นพี่จินคนใหม่ที่ช่วงหลังมักอ่อนโยนและเอาใจใส่เธอมากกว่า
เพราะอย่างน้อยเขาก็คงไม่ทำท่าเหมือนจะขย้ำเธออย่างในตอนนี้!
“ไม่...”
น้องส้มมีโอกาสแค่หลุดคำค้านออกมาคำเดียว ริมฝีปากของเธอก็ถูกปิดผนึกจากคนที่เพิ่งตั้งคำถามถึงบทลงโทษ จูบครั้งนี้ใช้เวลาเพียงสั้น ๆ และสัมผัสก็เป็นไปอย่างแผ่วเผินจนราวกับว่าคนจูบต้องการแค่อยากแกล้งเล่นหรือไม่ก็เพราะหมั่นไส้ระคนหงุดหงิดนิด ๆ
“ถ้าต่อไปยังเชื่อคำพูดของคนอื่นมากกว่า พี่จะไม่หยุดแค่จูบเด็ก ๆ แบบนี้หรอกนะ”
น้องส้มตาโตกับคำขู่ที่ออกแววหวานซึ่งสะท้อนออกมาทางดวงตาคมเข้มของคนที่ยามนี้โน้มใบหน้าลงมาแนบหน้าผากเข้ากับเธอ ท่าทีสนิทชิดเชื้อของพี่จินทำให้หัวใจดวงเล็กไหวสะท้านเมื่อหวนนึกถึงสารพัดจูบที่เขาเคยมอบให้
“ไหน...เคยรับปากว่าจะไม่ทำแบบนี้กับส้มอีกไงคะ”
พี่จินนิ่งไปเมื่อนึกถึงวันที่เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้น้องส้มทวงถาม หากวินาทีถัดมารอยยิ้มก็จุดขึ้นตรงมุมปากก่อนตามด้วยคำพูดที่ทำให้คนฟังยิ่งหวั่นไหว
“จูบเมื่อกี้ไม่ถือว่าพี่ผิดคำพูด เพราะนั่นไม่ได้เกิดจากการต้องการทำร้ายแต่มาจากความรู้สึกในหัวใจต่างหาก”
“พี่จิน...”
จินตเมธยิ้มกระจ่างใส่คนที่กำลังจ้องเขาตาค้างราวกับว่ากำลังเห็นภูตผี ความรักและเอ็นดูที่กำลังท่วมท้นหัวใจทำให้อดเอื้อมมือไปบีบปลายจมูกรั้น ๆ ของอีกฝ่ายไม่ได้ แล้วบอกเสียงกลั้วหัวเราะ
“พี่ว่าเราออกไปหาอะไรทานกันดีกว่าเพราะตอนนี้พี่เริ่มจะหิวข้าวแล้วล่ะ”
น้องส้มฝืนยิ้มตอบเมื่อพี่จินส่งยิ้มมาให้ ทั้งที่ในใจยังคงสับสนกับคำพูดเมื่อครู่ นึกอยากถามเหลือเกิน ‘มาจากความรู้สึกในหัวใจ’ นั้นหมายความว่ายังไง แต่ทุกคำถามหรือทุกความสงสัยก็หายวับไปเมื่อพี่จินยื่นมือมาให้พร้อมกับรอยยิ้มกระจ่าง
อาจด้วยรอยยิ้มสดใสและท่าทางผ่อนคลายของพี่จินทำให้น้องส้มวางมือของตนลงไปบนฝ่ามือที่รอรับอย่างว่าง่าย ขณะที่ในใจก็คิดว่า...ถ้าตัดนิสัยขี้โมโหและชอบเอาแต่ใจออกไป พี่จินก็น่ารักดีเหมือนกัน
น่ารัก
น้องส้มสะดุดกึกเมื่อความรู้สึกถูกกระทบจากคำคำนั้น ยังไม่ทันคิดทบทวนหรือหาเหตุผลมารองรับว่าทำไมเธอจึงเผลอคิดแบบนั้นออกมาได้ หญิงสาวก็แทบหัวคะมำเพราะคนที่เพิ่งคิดว่าน่ารักดึงมือเธอให้ตามเขาออกไปอย่างคนใจร้อนและชอบเอาแต่ใจเหมือนเดิม
ฮึ! สมองเธอคงผิดปกติไปชั่วคราวที่คิดไปได้ว่าเขาน่ารัก
น้องส้มเผลอย่นจมูกพลางค้อนใส่แผ่นหลังของคนที่เอาแต่ลากจูงเธอไปตามใจชอบ ก่อนรีบก้าวตามแรงดึงของคนเอาแต่ใจ
ถ้าการกระทำของพี่จินทำให้น้องส้มเริ่มหวั่นไหวจนเผลอคิดไปว่าชายหนุ่มน่ารัก การกระทำของพี่ธันว์ก็ส่งผลตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับน้องแก้ม
น้องแก้มเอาแต่ครุ่นคิดและสับสนกับการทำตัวแปลก ๆ ของพี่ธันว์จนทำให้นอนไม่หลับ เพียงหนึ่งอาทิตย์ต่อมาเด็กสาวที่ร่างกายบอบบางจึงมีอาการป่วยจากไข้ขึ้นสูง
โชคร้ายที่จังหวะนั้นคุณเพ็ญพิสุทธิ์ไปสัมมนากับบริษัทที่ต่างจังหวัดกว่าจะกลับก็อีกสามวัน ในขณะที่คุณจิตติได้รับคำเชิญจากลูกค้าซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่งให้ไปเป็นแขกส่วนตัวเพื่อร่วมพูดคุยและให้คำปรึกษาด้านธุรกิจโดยมีกำหนดกลับอีกหนึ่งอาทิตย์ ดังนั้นทั้งบ้านจึงมีเพียงน้องแก้มและนารี
อดีตพี่เลี้ยงกังวลใจจนคิดจะโทร.ไปแจ้งบิดาและมารดาของน้องแก้ม แต่ถูกห้ามจากคนป่วยเพราะไม่ต้องการให้ไปรบกวนพวกท่านทั้งสอง ดังนั้นสุดท้ายนารีจึงต้องพยายามลดไข้ให้น้องแก้มด้วยวิธีเช็ดเนื้อเช็ดตัวและให้ทานยาลดไข้ แต่ผ่านไปหนึ่งวันเต็มอาการของเด็กสาวก็ยังไม่ดีขึ้น
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ในที่สุดนารีจึงตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากคนที่คิดว่าพึ่งพาได้
แต่เมื่อมาถึงบ้านของคุณณัชชา อดีตอดีตพี่เลี้ยงก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าประตูบ้านถูกปิดล็อคเอาไว้ ขณะกำลังยืนชั่งใจว่าจะทำยังไง เสียงเรียกจากทางด้านหลังก็ดึงความสนใจให้หันไปมอง
“คุณธันว์!”
วินาทีที่เห็นหน้าชายหนุ่มซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลัง ความดีใจทำให้อดีตพี่เลี้ยงร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังอย่างลืมตัวก่อนสาวเท้าเข้าไปหาแล้วละล่ำละลักบอก
“โชคดีเหลือเกินที่เจอคุณธันว์ตอนนี้”
เห็นท่าทางแตกตื่นของนารีแล้วธันวาก็อดยิ้มไม่ได้เพราะนึกขำ กำลังจะออกปากถามว่าอีกฝ่ายมาทำอะไรตรงนี้รอยยิ้มก็พลันจางหายกับคำพูดต่อมาที่ได้ยิน
“ช่วยพาน้องแก้มไปหาหมอหน่อยเถอะค่ะ”
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คนป่วยแค่นอนไม่พอและอาจมีเรื่องเครียดเลยส่งผลกับร่างกาย เมื่อครู่ลุงฉีดยาลดไข้ให้แล้วหลังจากนี้คงหลับอีกหลายชั่วโมง ถ้ายังไงให้คนตามลุงไปรับยาที่คลินิกเลยก็แล้วกัน แต่ถ้าสามวันหลังจากนี้อาการยังไม่ดีขึ้น ธันว์โทร.บอกลุงละกัน แล้วลุงจะมาตรวจอาการให้อีกที”
ธันวายกมือไหว้พลางเอ่ยขอบคุณนายแพทย์พุฒิพงศ์ ลูกพี่ลูกน้องของมารดาผู้มีศักดิ์เป็นลุงของเขา ซึ่งเมื่อห้าปีที่แล้วนายแพทย์สูงวัยมาเปิดคลินิกรักษาโรคทั่วไปตรงตึกแถวที่อยู่ห่างไปจากหมู่บ้านของเขาราวหนึ่งกิโลเมตร และเมื่อถูกเขาโทร.ไปขอร้องให้ช่วยขับรถมาดูแลคนป่วยร่วมหมู่บ้าน ลุงหมอผู้ใจดีก็รับปากทันทีโดยไม่ลังเล
นับว่าโชคดีเหลือเกินที่เขาตัดสินใจลาพักร้อนหลังเสร็จสิ้นงานก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรของโครงการหนึ่งซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเขา แต่นึกไม่ถึงว่าเพียงแค่วันแรกที่ขับรถกลับมาบ้านเขาก็ได้พบคนที่แสนคิดถึง
เพียงแต่...ถ้าเธอสบายดีไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วย ก็คงจะดีกว่านี้
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวพี่ตามคุณหมอไปรับยาให้น้องแก้มเองค่ะ”
นารีอาสาตัวก่อนเดินตามหลังนายแพทย์สูงวัยออกไปจากห้องเพื่อไปขอรับยาสำหรับคนป่วยที่คลินิก
เมื่อในห้องเหลือเพียงเขากับคนป่วย ธันวาก็กลับมาให้ความสนใจกับน้องแก้มที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง สีหน้าค่อนข้างเซียวของเด็กสาวดึงดูดให้ชายหนุ่มค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหาก่อนทรุดตัวลงนั่งบนเตียง
ธันวาไล้หลังมือเข้ากับข้างแก้มคนป่วยราวกับจะวัดอุณหภูมิ ก่อนถอนหายใจกับความร้อนที่สัมผัสได้ วูบหนึ่งภาพจากความทรงจำครั้งที่เขาและน้องแก้มยังเป็นเด็กก็ผุดขึ้นมา
เมื่อรู้ว่าน้องแก้มนอนซมอยู่บนเตียงตามลำพังเพราะบิดามารดาเอาแต่ใส่ใจกับงานนอกบ้านมากกว่าจนปล่อยให้เด็กตัวเล็ก ๆ อยู่ภายใต้การดูแลของพี่เลี้ยง เขาก็ไม่อาจนิ่งเฉยจนต้องแวะเวียนมาเยี่ยมบ่อย ๆ แม้เจอกับการออดอ้อนสลับกับการทำตัวโยเยในบางครั้งของคนป่วยจอมดื้อ แต่น่าแปลกที่เขาไม่เคยนึกรำคาญแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกลับนึกเอ็นดูปนภูมิใจด้วยซ้ำที่น้องแก้มทำเหมือนยึดเขาเป็นฮีโร่และเป็นพี่ชายคนเก่งของเธอ
หลายครั้งเมื่อถึงเวลาที่เขาต้องกลับบ้านคนป่วยมักชอบร้องไห้โยเยขอให้อยู่ต่อหลายครั้งหลายหน แต่ทุกครั้งเขาสามารถทำให้น้องสาวที่น่ารักยอมทำตัวว่าง่ายได้หลังจากให้สัญญาว่าจะมาเยี่ยมใหม่พร้อมกับผนึกตราประทับด้วยจูบแรง ๆ ที่หน้าผากของคนป่วย
วูบหนึ่งธันวานึกอยากให้เด็กดื้อที่ชอบร้องไห้โยเยในอดีตลืมตาขึ้นมามองเขาสักครั้ง เพราะไม่สบายใจนักที่เห็นสาวน้อยนอนหลับตานิ่งอยู่แบบนี้
อาจเพราะเรื่องราวในอดีตที่ผุดออกมาจากความทรงจำ หรือไม่...ก็เพราะไม่สบายใจที่สาวน้อยแก้มป่องยังคงนอนหลับสนิทไม่รับรู้ถึงการมาเยือนของเขา ธันวาจึงโน้มหน้าลงไปจูบที่กลางหน้าผากของอีกฝ่ายด้วยสัมผัสแผ่วเบาและทะนุถนอมซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากในตอนที่ทั้งคู่ยังเป็นเด็ก
“รีบ ๆ หายนะ ยายแก้มป่องของพี่”
ธันวากระซิบบอกก่อนขโมยหอมแก้มบางของเด็กสาวอีกครั้ง จากนั้นก็เอาแต่ทอดตามองคนป่วยอยู่อย่างนั้นราวกับหวังว่าเมื่ออีกฝ่ายลืมตาขึ้นมา สิ่งที่เธอจะเห็นเป็นอย่างแรก...ก็คือเขา
-------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ พาสองหนุ่มมาส่งค่ะ ^^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ
Zephyr : ถ้าเป็นสามคำสั้น ๆ นั้น คู่นี้อาจถึงเส้นชัยก่อนพี่ธันว์ค่ะ พันวลีคงยอมม่ายด้ายยยยยยย ฮ่าาาาาา แต่ขอปรบมือให้เลยค่ะที่รู้ว่าน้องส้มต้องพยศแน่ (เหมือนรู้ทางคนแต่งเลยอ่ะ ^^) ส่วนพี่ธันว์ก็...คงใจร้อนไปหน่อยเลยทำให้ต้อย เอ๊ย! น้องแก้มงง ๆ สับสบจนไม่สบายเลย
ปิ่นนลิน : ก็รู้ใจตัวเองแล้วนี่เน๊อะ พี่ธันว์ก็ต้องรุกหนักแน่ แต่ดูท่่าคนถูกรุกจะรับมือไม่ไหวเลยล้มป่วยซะ ฮ่าาาาา ส่วนพี่จินนี่ ก็นะ...คงต้องค่อย ๆ เรียนรู้คำว่าโรแมนติกไปทีละนิด
นักอ่านเหนียวหนึบ : อ้าวววววว พันวลีมีพระเอกสองคนน๊า ให้เหลือแต่พี่ธันว์คนเดียวแล้วเค้าจะเอาพี่จินไปทิ้งไหนอ่ะ
พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มิ.ย. 2558, 22:15:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มิ.ย. 2558, 22:15:51 น.
จำนวนการเข้าชม : 1812
<< บทที่ 16 และ 17 | ตอนที่ 20 >> |
ปิ่นนลิน 10 มิ.ย. 2558, 22:58:01 น.
พี่ธันว์แบบนี้น่ารัก
พี่จินแบบนี้ก็น่ารัก
น่ารักกันไปนานๆนะคะ สองหนุ่ม
พี่ธันว์แบบนี้น่ารัก
พี่จินแบบนี้ก็น่ารัก
น่ารักกันไปนานๆนะคะ สองหนุ่ม
LAM 12 มิ.ย. 2558, 09:39:17 น.
สนุกมาก ๆ ค่ะพันวลี ตอนนี้หวานดีจังค่ะ กลับมาอัพต่อเร็ว ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้พันวลีเสมอค่ะ
สนุกมาก ๆ ค่ะพันวลี ตอนนี้หวานดีจังค่ะ กลับมาอัพต่อเร็ว ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้พันวลีเสมอค่ะ