กว่าหัวใจจะเจอรัก
คำโปรย กว่าหัวใจจะเจอรัก

หนึ่งคน...ยโสเอาแต่ใจ เคยชินต่อการที่ใครต่อใครยอมศิโรราบ จนไม่ยอมแม้แต่จะฟังเสียงหัวใจของตัวเอง
หนึ่งคน...อวดดื้อถือดี พยายามต่อต้านทุกวิถีทางทั้งที่หัวใจร่ำร้องว่าไม่ต้องการ
หนึ่งคน...ภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่ข้างในซุกซ่อนความเอาแต่ใจกระทั่งยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
หนึ่งคน...หัวอ่อนว่าง่าย หากในใจกลับเข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ ถึงแม้หัวใจจะถูกใครบางคนฉกฉวยยึดเอาไปแล้วก็ตาม

...ในเมื่อไม่ยอมฟังเสียงหัวใจ ไม่ยอมทำในสิ่งที่หัวใจร่ำร้อง แล้วอย่างนี้เมื่อไรหัวใจทุกดวงจึงจะค้นพบรักแท้ที่จริง ๆ แล้วอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม...

Tags: พี่จิน พี่ธันว์ น้องส้ม น้องแก้ม ปากแข็ง ทิฐิ

ตอน: ตอนที่ 20

บทที่ 20


ราวเย็นวันนั้นคนป่วยก็ลืมตาขึ้นมาด้วยอาการสร่างไข้เพราะผลจากฤทธิ์ยาที่ถูกฉีดไปก่อนหน้านี้ แวบแรกเมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง น้องแก้มก็เผลอรำพึงความคิดออกมาเป็นคำพูด

“ฝันอีกแล้วสิเรา”

ธันวานิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าคนที่เขานั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ ถอนหายใจออกมาราวกับกำลังมีเรื่องกลุ้มใจ ความเป็นห่วงทำให้ตั้งคำถาม

“เป็นอะไรคนป่วย ถอนหายใจทำไมครับ”

น้องแก้มสะดุ้งเมื่อรู้ในวินาทีนั้นว่าตัวเองไม่ได้กำลังฝันอย่างที่เข้าใจไปเองเพราะเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอถูกรบกวนด้วยภาพของพี่ธันว์เสมอ ความตกใจทำให้สาวน้อยผวาตัวทำท่าจะลุกขึ้นแต่อารามรีบร้อนมีผลให้หลุดเสียงครวญเพราะความปวดมึนในศีรษะ ก่อนหงายหลังลงไปนอนบนเตียงตามเดิมด้วยสีหน้าเหยเก

“ปวดหัวจัง”

พี่ธันว์นึกอยากจับคนป่วยมาตีก้นโทษฐานทำให้เขาเป็นห่วงมากขึ้น จนอดไม่ได้ต้องดุเสียงเข้ม

“แล้วรีบลุกขึ้นมาทำไม!”

ครั้นเห็นคนป่วยทำหน้าเจื่อนจ๋อย ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ เพื่อระบายความห่วงระคนหงุดหงิด ก่อนเอ่ยออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

“น้องแก้มอยากได้อะไรหรือเปล่า เดี๋ยวพี่ธันว์ไปเอามาให้ครับ”

“ไม่ค่ะ น้องแก้มไม่อยากได้อะไร...” หลังจากเงียบไปนิดคนป่วยก็ตั้งคำถามอย่างสงสัย “ทำไมพี่ธันว์ถึงมาอยู่นี่ล่ะคะ”

“พี่ลาพักร้อนน่ะตอนแรกตั้งใจจะเอาขนมร้านเจ้าอร่อยที่คุณน้าณัชชาฝากซื้อเมื่อครั้งที่แล้วไปให้ที่บ้านแต่เจอพี่นารีก็เลยรู้ว่าน้องแก้มไม่สบาย”

บอกไปแล้วพี่ธันว์ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้จนต้องยกมืออังหน้าผากน้องแก้ม ก่อนบอกอย่างร้อนใจนิด ๆ

“ตัวน้องแก้มยังอุ่น ๆ อยู่เลย เดี๋ยวพี่ไปบอกพี่นารีให้ยกข้าวมาให้นะครับ แล้วอย่าลืมทานยาล่ะจะได้หายเร็ว ๆ”

อาจด้วยท่าทางตื่น ๆ ของคนป่วยที่กำลังทำตาโตมองเขาหรือไม่ก็เพราะความรู้สึกในหัวใจทำให้พี่ธันว์นึกเอ็นดูจนอดยิ้มไม่ได้ ก่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้สาวน้อยที่ตอนนี้ยิ่งเบิกตากว้างขึ้นกว่าเดิม

“รู้ไหม เคยมีคนบอกว่าถ้าอยากหายไข้เร็ว ๆ ก็ต้องแพร่เชื้อไปให้คนอื่น”

จบคำบอกเสียงกระซิบ พี่ธันว์ก็ฉกริมฝีปากเข้าไปประกบกับปากเล็ก ๆ ของน้องแก้มท่ามกลางความอึ้งงันของคนถูกชิงจูบกะทันหัน

เพราะไม่อยากทำให้คนป่วยตื่นตกใจไปมากกว่านี้จนอาจส่งผลให้พิษไข้ยิ่งออกฤทธิ์ พี่ธันว์จึงยอมผละริมฝีปากออกอย่างตัดใจแต่นั่นก็หลังจากทำให้กลีบปากซีดกลับมามีสีสันแล้ว

“ตอนนี้พี่รับเชื้อไข้จากน้องแก้มมาแล้วเพราะฉะนั้นต้องรีบหายนะครับ ไม่อย่างนั้นพี่จะมาเอาเชื้อไข้จอมดื้ออีก จนกว่าน้องแก้มจะหายดี”

จบคำขู่แสนหวานที่ส่งผลให้คนฟังหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ พี่ธันว์ก็เดินออกไปจากห้องโดยไม่เห็นว่าคนป่วยกำลังยกมือขึ้นมากุมหน้าอกตัวเอง

เพราะไม่สบายเหรอหัวใจถึงได้เต้นแรงแบบนี้

สาวน้อยตั้งคำถามกับตัวเองอย่างสับสน ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กตัวเล็ก ๆ อย่างในอดีตอีกแล้วถึงจะไม่เข้าใจในการกระทำของพี่ธันว์

กลุ่มเพื่อนสนิทในโรงเรียนของเธอก็มีแฟนกันแล้วแทบทั้งนั้น บางคนก็มีแฟนเป็นเพื่อนร่วมห้องในขณะที่บางคนก็มีแฟนเป็นรุ่นพี่สุดหล่อ ในขณะที่เธอเองก็มีเพื่อนชายในห้องทำท่าจะคิดเกินเลยมากกว่าความเป็นเพื่อน

เพียงแต่ที่ผ่านมาเธอไม่เคยคิดอะไรหรือรู้สึกพิเศษกับผู้ชายคนไหน กระทั่ง...

ตั้งแต่ครั้งที่พี่ธันว์หอมแก้มเธอในครั้งนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเปลี่ยนไป แต่เพราะการทำตัวห่างเหินของเขาและวันเวลาที่ผ่านไปทำให้ความรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจค่อยเบาบางลง กระทั่งเมื่อพี่ธันว์หวนกลับมาทำตัวใกล้ชิดเหมือนในอดีตที่เธอเคยยึดเขาเป็นพี่ชายพร้อมกับเริ่มต้นทำให้เธอสำนึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงในขณะที่เขาก็เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่ง

สาวน้อยร้อนไปทั้งหน้ายามหวนนึกถึงจูบแต่ละครั้งที่ผ่านมา

จูบครั้งแรกที่แสนแผ่วเบาอย่างคนลืมตัวในบ้านของเขา ก่อนตามด้วยจูบครั้งสองราวกับเผลอใจในบ้านของพี่ส้ม และจูบครั้งที่สามอย่างคนรู้ตัวและเหมือนอยากทดสอบบางอย่าง ไม่นับรวมกับคำพูดในวันนั้น

“อย่าริรักใครหรือแอบไปมีใครล่ะ ไม่งั้นล่ะก็...”

ถึงเธอหัวไม่ค่อยดีเรียนหนังสือไม่เก่งนัก แต่เมื่อลองคิดทบทวนดูดี ๆ บวกกับจูบถอนพิษไข้เมื่อครู่นี้ หัวใจของสาวน้อยก็ไหวระรัวเพราะความประหม่าและไม่เข้าใจ

ความรู้สึกของพี่ธันว์เปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน

คนป่วยยกมืออีกข้างขึ้นมากดทับหลังมือที่วางเหนือตำแหน่งของหัวใจเมื่อคำถามนั้นทำให้เกิดคำถามต่อมา

แล้วตัวเธอเองล่ะ ยังคิดกับเขาแค่พี่ชายคนหนึ่งเหมือนเดิมหรือเปล่า

ราวชั่วโมงเศษหลังจากนั้นเมื่อน้องแก้มหลับไปอีกครั้งพี่ธันว์จึงตัดสินใจกลับบ้านของตัวเองบ้าง แต่เมื่อเห็นถุงขนมที่เขาซื้อเพื่อนำมาฝากให้คุณณัชชาชายหนุ่มจึงนึกขึ้นได้ ดังนั้นหลังจากอาบน้ำชำระร่างกายผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วธันวาก็เดินออกจากบ้านพร้อมกับถุงขนมแล้วมุ่งหน้าไปบ้านมารดาของน้องส้ม

พี่ธันว์เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูบ้านของน้องส้ม ชายหนุ่มก็ต้องหันไปมองด้านหลังเมื่อได้ยินเสียงบีบแตรรถยนต์

“พี่ธันว์”

ชายหนุ่มยิ้มกระจ่างให้คนที่เพิ่งเปิดประตูด้านข้างคนขับลงมาหา ก่อนทักทาย

“เพิ่งกลับเหรอน้องส้ม”

“ค่ะ...” น้องส้มตอบยิ้ม ๆ ก่อนตั้งคำถาม “พี่ธันว์มาหาน้องส้มเหรอคะ”

พี่ธันว์ยังไม่ทันตอบคำถามนั้นก็ต้องหันไปมองพี่จินเมื่ออีกฝ่ายเปิดประตูด้านคนขับออกมาแล้วตั้งคำถาม

“ทำไมถึงกลับมาวันนี้ล่ะ พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงานเหรอไง”

“เราลาพักร้อน กะว่าจะมานอนพักที่บ้านสักอาทิตย์”

บอกเพื่อนแล้วชายหนุ่มก็หันไปตอบคำถามของน้องส้ม

“พี่ตั้งใจจะเอาขนมร้านเจ้าอร่อยที่คุณน้าณัชฝากซื้อเมื่อครั้งก่อนมาให้ เมื่อตอนบ่ายก็มาครั้งหนึ่งแล้วแต่ไม่เจอ”

“อ๋อ! วันนี้แม่มีนัดกับเพื่อนค่ะออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อกี้ส้มโทร.ไปถามเห็นว่าอีกชั่วโมงก็จะกลับแล้วค่ะ”

“งั้นพี่ฝากถุงขนมให้คุณน้าด้วยละกัน”

หลังส่งถุงขนมไปให้น้องส้ม พี่ธันว์จึงเอ่ยต่ออย่างนึกขึ้นได้

“น้องส้มรู้หรือเปล่าว่าน้องแก้มไม่สบาย”

“น้องแก้มไม่สบายเหรอคะ ส้มไม่รู้เลยค่ะเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันตอนเช้าส้มก็ต้องรีบออกไปทำงานกว่าจะกลับมาก็เย็นแล้ว นาน ๆ จึงจะเจอกันทีเพราะน้องแก้มเองก็มีเรียนพิเศษในวันหยุดด้วย”

พี่ธันว์ทำเสียงรับรู้ในลำคอ แต่ยังไม่ทันพูดอะไรน้องส้มก็ชิงพูดต่ออย่างร้อนใจ

“แล้วนี่น้องแก้มเป็นอะไรมากไหมคะ งั้น...ส้มไปเยี่ยมน้องดีกว่า”

“อย่าเพิ่งเลย น้องแก้มเพิ่งหลับไปน่ะ พี่ว่าไว้ไปเยี่ยมวันพรุ่งนี้ดีกว่าไหน ๆ ก็เป็นวันเสาร์ น้องส้มเองก็หยุดไม่ใช่เหรอ”

“งั้นพรุ่งนี้พี่มารับนะ แล้วเราไปเยี่ยมน้องแก้มด้วยกัน”

คำบอกของเพื่อนรักทำให้ธันวาต้องหันไปมองอย่างไม่อยากเชื่อหู กำลังนึกสงสัยพฤติกรรมที่ดูแปลกไปของจินตเมธ ชายหนุ่มก็ต้องฉงนหนักเมื่อได้ยินน้องส้มตกปากรับคำอย่างว่าง่าย

เกิดอะไรขึ้นกับคู่นี้ หรือมีอะไรที่เขายังไม่รู้หรือเปล่า

“นายจะกลับบ้านเลยใช่ไหมธันว์ งั้นเดี๋ยวเราไปส่ง”

คำบอกของเพื่อนรักทำให้ธันวาต้องนิ่วหน้า จะว่าจินตเมธหวังดีเลยอาสาไปส่งเขาก็คิดว่าไม่น่าใช่ แต่ถ้าคิดว่าเพราะอีกฝ่ายอยากไล่เขาไปห่าง ๆ จากณัฐวรา ชายหนุ่มยังเชื่อว่าน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่า

กระนั้นธันวาก็ไม่พูดอะไรเมื่อเดินไปขึ้นนั่งแทนที่ณัฐวราที่ตอนนี้กำลังเดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง

“มีเรื่องอะไรดี ๆ เกิดขึ้นระหว่างนายกับน้องส้มเหรอ”

เมื่อเพื่อนรักขับรถมาจอดที่หน้าประตูรั้วบ้านของเขา ธันวาก็ตั้งคำถามที่คาใจแล้วต้องยิ้มอย่างนึกขำเมื่อจินตเมธตอบกลับด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสูง

“ไม่มีอะไรนี่”

งั้นก็แปลว่ามี

ธันวายิ้มอย่างครึ้มอกครึ้มใจเพราะรู้นิสัยปากไม่ตรงกับใจของเพื่อนรักดี

คบกันมาตั้งแต่เด็กทำไมเขาจะดูไม่ออกและไม่รู้ว่าภายใต้ท่าทีเย็นชาและปากร้ายของจินตเมธที่มักแสดงออกกับณัฐวรานั้นมีต้นรักที่ไม่น่าเกิดขึ้นปักหลักอยู่ในหัวใจของอีกฝ่ายมานานนับปีแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเขาเลือกทำเป็นไม่รู้แต่ในใจคอยเฝ้าดูและแอบลุ้นว่าเมื่อไรเพื่อนรักจะรู้ตัวแล้วต่อจากนั้นจะเลือกวิธีฟูมฟักต้นรักจนมันเติบโตหรือว่าจะปล่อยให้มันแห้งเฉาโรยรา

แต่เมื่อได้เห็นกับตาตัวเองในวันนี้ ธันวาก็รู้แล้วว่าเพื่อนของเขาเลือกเรียนรู้วิธีเลี้ยงต้นรักให้เติบโตมากกว่าจะปล่อยให้มันโรยราไปเพราะความเอาแต่ใจและไม่สนใจเหมือนอย่างที่ผ่านมา

“ไม่มีอะไรก็ดี แต่ถ้ามีอะไรดี ๆ ก็อย่าลืมเล่าให้ฟังบ้างก็แล้วกัน”

แวบหนึ่งจินตเมธอดนึกเขม่นธันวาไม่ได้ ยอมรับว่าลึก ๆ ยังคงระแวงในหัวใจว่าอีกฝ่ายอาจมีความรู้สึกพิเศษกับผู้หญิงที่อยู่ในหัวใจของเขา แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มจริงใจของเพื่อนรักชายหนุ่มก็อดยิ้มตอบไม่ได้ก่อนขับเคลื่อนรถยนต์มุ่งหน้ากลับบ้านของตนบ้างหลังจากรอจนธันวาเดินเข้าไปในบ้านของตนเองแล้ว


วันรุ่งขึ้นราวหกโมงเศษ พี่ธันว์ก็มาถึงบ้านของน้องแก้มพร้อมกับโจ๊กสามถุงสำหรับคนป่วยและนารีรวมถึงตัวเขา

“พี่นารีทานเลยนะครับกำลังร้อน ๆ ส่วนคนป่วยไม่ต้องห่วงนะครับเดี๋ยวผมจัดการเอง”

ชายหนุ่มบอกเมื่อรู้จากอดีตพี่เลี้ยงว่าคนป่วยตื่นนอนแล้ว และนารีก็เตรียมจะทำอาหารเช้าให้

“อย่าเลยค่ะคุณธันว์ เดี๋ยวพี่ดูแลน้องแก้มเอง”

นารีทักท้วงอย่างเกรงใจเพราะตั้งแต่เมื่อวานก็รบกวนชายหนุ่มไปแล้วไม่ใช่น้อย ถึงแม้รู้สึกแปลก ๆ อยู่บ้างกับความเอาใจใส่อย่างผิดปกติของอีกฝ่ายแต่เพราะรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีตั้งแต่ชายหนุ่มยังเป็นเด็ก ทำให้อดีตพี่เลี้ยงต้องเก็บความสงสัยเอาไว้เพียงในใจ

“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ”

ถึงตอนนี้ เมื่อเห็นธันวากำลังเทโจ๊กลงไปในชามสำหรับคนป่วยและชามอีกใบของตัวเอง ซึ่งดูเหมือนจะมากเกินไปเสียแล้วสำหรับความอาทรใส่ใจให้กับคนที่อยู่ร่วมหมู่บ้านเดียวกัน โดยเฉพาะเมื่อนึกว่าทั้งธันวาและจิตพิสุทธิ์ไม่ใช่เด็กตัวเล็ก ๆ อย่างในวันวานอีกแล้ว จึงช่วยไม่ได้เลยที่อดีตพี่เลี้ยงจะเริ่มคิดไปไกล

“แต่...พี่เกรงว่ามันจะไม่ค่อยเหมาะนักนะคะ”

ธันวาชะงักกับคำพูดที่ได้ยินก่อนหันไปสบตากับอดีตพี่เลี้ยงของน้องแก้ม แล้วตั้งคำถามตรงไปตรงมา

“พี่นารีไม่ไว้ใจผมเหรอครับ”

นารีถอนหายใจเมื่อถูกกดดันจากแววตาและท่าทางเอาจริงของคนที่เธอเห็นมาตั้งแต่เด็ก ก่อนยอมรับตามตรง

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ พี่แค่...นึกถึงเรื่องความเหมาะสมเท่านั้นเอง เพราะตอนนี้ทั้งคุณธันว์และน้องแก้มก็ไม่ใช่เด็กเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว หากใครรู้...”

“ผมยินดีรับผิดชอบ”

นารีชะงักเมื่อถูกขัดจากน้ำเสียงหนักแน่นของธันวา ประกายบางอย่างที่เห็นในแววตาของชายหนุ่มทำให้อดีตพี่เลี้ยงอึ้งงันจนแทบทำอะไรไม่ถูก

“ผมยินดีและเต็มใจถ้าได้ดูแลน้องแก้มไปจนตลอดชีวิต”

ไม่ต้องอธิบายอะไรไปมากกว่านั้นอดีตพี่เลี้ยงก็เชื่อว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการสื่อ กระนั้นด้วยหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายทำให้ต้องพยายามแย้ง

“แต่...”

“ผมไม่มีวันทำร้ายน้องแก้ม ผมยินดีทำร้ายตัวเองแต่ไม่มีวันทำร้ายเธอเด็ดขาด”

“คุณธันว์...”

สุดยื้อไว้ได้อีก ความมุ่งมั่นจริงจังของธันวาทำให้นารีจำต้องยอมแพ้และปล่อยให้ชายหนุ่มยกอาหารเช้าของคนป่วยรวมถึงตัวของเขาเดินออกไปจากห้องครัวโดยมีจุดหมายคือห้องนอนของน้องแก้มที่อยู่ชั้นบน ท่ามกลางเสียงถอนหายใจของอดีตพี่เลี้ยงเมื่อนึกถึงเจ้านายของตน

ไม่รู้ว่าถ้าคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายรู้เรื่องนี้ ท่านทั้งสองจะว่ายังไงบ้าง


พี่ธันว์ทั้งแปลกใจทั้งดีใจเมื่อคนป่วยไม่มีทีท่าตื่นกลัวเขาเหมือนที่ผ่านมา ตรงกันข้ามน้องแก้มดูสงบนิ่งราวกับไม่แปลกใจเมื่อเห็นเขาเข้ามาในห้องนอนของเธอตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสางไปได้ไม่นาน

“พี่ซื้อโจ๊กมาฝาก ทานด้วยกันนะ”

ธันวาบอกก่อนยกถาดใส่โจ๊กสองชามไปวางบนโต๊ะเล็กข้างหัวเตียง แต่เมื่อหันกลับมาก็พบว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนป่วยที่มองมาตาแป๋ว ชายหนุ่มยิ้มอย่างนึกเอ็นดูก่อนอังมือกับหน้าผากของอีกฝ่ายแล้วก็ยิ้มมากขึ้นอย่างพอใจ

“ตัวไม่ค่อยร้อนแล้ว...” หลังจากเงียบไปนิดธันวาก็ยิ้มกระจ่างให้กับคนที่ยังเอาแต่มองเขาก่อนโน้มหน้าเข้าไปใกล้แล้วบอกเสียงเบา “แต่ถ้าให้ดี พี่ว่า...พี่ดึงเชื้อไข้มาจากน้องแก้มอีกครั้งดีกว่า”

สุดปัญญาที่คนป่วยจะทันยับยั้งเพราะทันทีที่พูดจบคนที่อาสาตัวก็ก้มหน้าลงมาบดเบียดริมฝีปากอย่างอ่อนโยนแต่ขณะเดียวกันก็ทำให้วาบหวามเข้าไปถึงในหัวใจจนสาวน้อยต้องหลับตาลงเพราะไม่มีแรงใจจะต้านทาน

น้องแก้มหวั่นไหวเมื่อรู้ตัวดีกว่าหัวใจตนเองกำลังเต้นระรัว ไม่เคยนึกมาก่อนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพี่ธันว์จะมาลงเอยในรูปแบบนี้ แต่ขณะเดียวกันสาวน้อยวัยใสก็เริ่มยอมรับ...เธอไม่ได้รังเกียจเขา

พี่ธันว์ใจเต้นแรงเมื่อสัมผัสได้ว่าครั้งนี้น้องแก้มไม่ได้ทำตัวแข็งเหมือนที่ผ่านมา ตรงกันข้ามสาวน้อยของเขากลับตัวอ่อนเหมือนไม่มีแรงจนเอนเข้ามาอิงซบกับอกเขาไม่ต่างจากครั้งที่อีกฝ่ายยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อย

“น้องแก้ม...”

ชายหนุ่มขานเรียกสาวน้อยเมื่อฝืนใจยุติจูบอ่อนหวานก่อนที่เขาจะเผลอลืมตัวไปมากกว่านี้ อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นน้องแก้มปรือตาขึ้นมามองด้วยสีหน้างุนงงราวกับคนที่เพิ่งตื่นจากความฝัน

“ไม่เกลียดพี่ใช่ไหมที่ทำแบบนี้”

พี่ธันว์ถามเสียงเบาไม่ต่างจากกระซิบก่อนจรดจมูกเข้ากับข้างแก้มของเด็กสาวอย่างอดใจไม่อยู่ นึกสงสัยว่าตัวเองเป็นอะไรถึงได้ห้ามใจตัวเองไม่ได้เสมอเวลาที่อยู่ใกล้เธอ

“ไม่ค่ะ แก้ม...ไม่เกลียดพี่ธันว์”

น้องแก้มให้คำตอบที่ตรงกับใจ หลังจากก่อนหน้านั้นใช้เวลาขบคิดและทบทวนความรู้สึกของตัวเองจนแน่ใจแล้ว
ธันวายิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของสาวน้อย ก่อนฉวยมือเล็ก ๆ ของสาวน้อยขึ้นมากุมแล้วบอก

“พี่ขอโทษที่ทำเหมือนเอาเปรียบน้องแก้ม แต่...น้องแก้มต้องโทษตัวเองที่น่ารักเกินไปจนพี่ห้ามใจตัวเองไม่ได้”

น้องแก้มหน้าร้อนผ่าวเมื่อจู่ ๆ ถูกระบุว่าเป็นความผิดของตัวเอง ความรู้สึกในวัยเด็กกำลังย้อนกลับคืนมาจนเจ้าตัวเผลอแย้งอย่างกระเง้ากระงอดนิด ๆ

“มาโทษแก้มได้ยังไงคะ พี่ธันว์ต่างหากล่ะที่ใจร้าย...ชอบ...ชอบรังแกแก้มอยู่เรื่อยเลย”

หัวใจพี่ธันว์จะละลายกับคำบอกแกมตัดพ้ออย่างอึกอักเล็กน้อยในตอนท้าย ก่อนเชยคางคนที่ไม่แน่จริงซึ่งรีบก้มหน้างุดทันทีหลังต่อว่าเขาจบให้แหงนเงยขึ้นมาสบตาด้วย

“พี่ใจร้ายจริง ๆ นั่นล่ะเพราะถึงตอนนี้ยอมรับเลยว่ายังอยากรังแกน้องแก้มจนใจแทบขาดแล้ว”

เห็นใบหน้าแดงจัดของสาวน้อย พี่ธันว์ก็หัวเราะเบา ๆ อย่างนึกขำปนเอ็นดู ก่อนตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงทุ้มอ่อนที่กระชากหัวใจของคนฟัง

“แล้วอยากรู้ไหม...ทำไมพี่ถึงชอบใจร้ายรังแกน้องแก้มเสมอ”

น้องแก้มหลบตาเพราะไม่อาจสู้ประกายบางอย่างในดวงตาคมเข้มที่กำลังสานสบได้ ในขณะที่ในหัวใจก็เหมือนแว่วเสียงเตือนว่าอย่าไปรู้ เพราะการรับรู้ต่อจากนี้อาจทำให้ทั้งเธอและพี่ธันว์ไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนในอดีตได้อีก

“แก้ม...แก้มไม่อยากรู้ค่ะ”

“แต่พี่อยากให้รู้”

วินาทีนั้นพี่ธันว์ก็ตัดสินใจได้ ถึงตอนนี้สาวน้อยของเขายังอายุน้อยเหลือเกินแต่เขาก็เชื่อว่าความรักไม่แบ่งเชื้อชาติ ไม่แบ่งชนชั้น ดังนั้นความรักก็ย่อมไม่แบ่งอายุด้วยเช่นกัน

หรือใครสามารถกำหนดได้ ว่าความรักจะบังเกิดกับคนที่มีอายุเกินยี่สิบปีไปแล้วเท่านั้น

“พี่รักเธอ...ยายแก้มป่องของพี่”


--------------------------------------------------------------------------------


สวัสดีค่ะ เอาตอนใหม่มาส่ง ^^



ตอนนี้สำหรับคนชอบเลี้ยงต้อยแบบพี่ธันว์โดยเฉพาะเลย



ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และ LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ



Zephyr : ขนาดไข้ขึ้น น้องแก้มก็ยังไม่วายโดนจูบ ฮ่าาาาาา พี่ธันว์ของเราช่างสามารถซะจริง



ปิ่นนลิน : ความน่ารักอาจอยู่ได้ไม่นาน ฮ่าาาาาาา ก็แบบ...คนแต่งไม่ถนัดอะไรน่ารัก ๆ อ่ะนะ



LAM : ดีใจค่ะที่อ่านแล้วรู้สึกว่าหวาน...จะพยายามให้พี่ธันว์รักษาระดับความหวานเอาไว้นะคะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มอบให้กันเสมอค่ะ



พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2558, 16:38:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2558, 16:38:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1715





<< ตอนที่ 19   ตอนจบ >>
ปิ่นนลิน 14 มิ.ย. 2558, 17:37:31 น.
ชอบใจที่สุด เสิร์ฟพี่ธันว์เต็มๆๆๆตอนนน!!!

ห้ามใจๆไว้พี่ธันว์ น้องยังเป็นผู้เยาว์ เดี๋ยวจะไอคุกๆๆๆๆนะคะ5555


Zephyr 14 มิ.ย. 2558, 20:40:13 น.
อุต้ะ พี่จินแพ้พี่ธันว์แล้ววววว
เหม่ เห็นนิ่งๆ แต่จะรุกทีก็ไอคุกๆๆๆๆ แบบคุณปิ่นนลินว่า 555
พี่ธันว์ น้องยังเด็กๆๆๆ ท่องไว้ๆๆๆๆ

พี่จินปราบพยศน้องส้มได้แต่เมื่อไรปากกะใจจะไปทางเดียวกันคะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 17 มิ.ย. 2558, 00:01:42 น.
อุ่ยยย พี่ธันว์ หนูป่องแก้ม มารอนานแล้วค่าาาาาา 5555


sonakshi 17 มิ.ย. 2558, 13:47:12 น.
ชอบคู่พี่ธันกะน้องแก้ม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account