กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง
ตอน: ตอนที่ 3 ครึ่งหลัง
อันนาจ่ายเงินมัดจำหอพักแห่งใหม่ซึ่งไกลจากที่เดิมไม่กี่ซอยเท่านั้น เธอนั่งรถเมล์ต่อไปคอนแวนต์เพื่อหาคุณแม่มาเรีย เด็กๆ กำลังเข้าเรียนกันในห้องต่างๆ เธอเดินผ่านสวนหย่อมที่เคยมาปลูกต้นไม้ดอกไม้เมื่อนานมาแล้ว ขนมที่ซื้อมาวางไว้ในห้องพักซิสเตอร์ที่ตอนนี้ไปสอนหนังสือ ส่วนคุณแม่มาเรียนั้นมีความรับผิดชอบมาในฐานะคุณแม่อธิการ ถ้าตอนนี้ไม่อยู่ในห้องทำงานก็คงเป็นห้องสมุด
เสียงเดินเบาๆ ย่ำไปตามทางเดินหินอ่อน ราวกับอดีตได้ตราตรึงไว้ที่นี่ ตรงระเบียงหน้าห้องสมุดเป็นมุมโปรดไว้สำหรับอ่านหนังสือเพราะห้องสมุดเงียบเกินไปสำหรับคนที่ภายในหัวใจเงียบงันอยู่แล้ว อันนาเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ซึ่งมีหนังสือเป็นพันๆ เล่ม สายตามองหาหญิงชราร่างอวบที่มีใบหน้าแสนใจดี
“น้ำเองหรือ ไม่พบกันเกือบเดือน เป็นยังไงบ้าง สอบเสร็จแล้วใช่ไหม” มาเรียกำลังจะปีนขึ้นบันไดไปเก็บหนังสือ พอเห็นอันนาเลยเปลี่ยนใจยืนรออยู่ตรงนั้น
รอยยิ้มเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คุณแม่มาเรียปรารถนาให้เธอมอบให้ในทุกครั้งที่พบกัน
“คิดถึงคุณแม่มาเรียจังเลยค่ะ” แก้มหอมๆ ของผู้หญิงที่ใจดีที่สุดในโลกถูกจูบทั้งซ้ายและขวา “สอบเสร็จแล้ว มั่นใจว่าจบแน่ๆ มาค่ะ เดี๋ยวน้ำเอาหนังสือไปเก็บบนชั้นให้ ทำไมไม่มีใครมาช่วยคุณแม่เลยล่ะคะ ถ้าตกบันไดขึ้นมาจะทำยังไง”
“งานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเองจ้าน้ำ”
อันนาปีนขึ้นบันไปเพียงไม่กี่นาทีหนังสือทั้งหมดก็กลับไปสู่ชั้นวางในที่ของมัน มาเรียยิ้มอย่างเป็นสุขเมื่อเห็นดอกไม้ที่เคยอับเฉาเพราะน้ำมือคนเลว ทว่าตอนนี้ดอกไม้งดงามเบ่งบานกล้าต้านทานแสงอาทิตย์แล้ว
มืออวบอูมลูบไหล่บางคนของเด็กที่เคยเสียใจจาการสูญเสียจนไม่พูดอยู่เป็นเดือน บทเรียนที่เกิดขึ้นทำให้ชีวิตของอันนากลับมาสู่เส้นทางที่ดีงามและปลอดภัย อ้อมแขนของเด็กที่กลายเป็นสาวกอดร่างอวบไว้ การขาดแม่และพ่อทำให้เธอโหยหาความอบอุ่นของใครสักคน ถ้าคุณแม่มาเรียเป็นแม่ของเธอได้จริงๆ ก็คงจะดี
ห้องประชุมกำลังจะกลายเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดระหว่างผู้จัดการฝ่ายผลิตกับผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เมื่อชัคเรียกประชุมด่วนแล้วรอการให้เหตุผลเมื่อเครื่องดื่มตัวใหม่ที่เพิ่งลงขายในดีลเลอร์ทั่วประเทศมียอดขายน้อยกว่าคู่แข่ง ทั้งที่ทำงบโฆษณาไปไม่น้อย แล้วสาเหตุก็หลุดออกมาจนได้
“บริษัท Alpha ออกเครื่องดื่มรสชาติที่ใกล้เคียงกับของบริษัทเรามากครับ เหมือนกับจงใจ แถมยังตัดหน้าเปิดตัวก่อนที่คุณชัคจะกลับมา”
เรียวปากหนายิ้ม แต่ดวงตาแข็งกระด้างยามมององค์กรที่ควรได้รับการผ่าตัดครั้งใหญ่ สีหน้าแปลกใจประหนึ่งว่าเพิ่งรู้เหตุผล ช่างน่าขัน
“จงใจสิ เรื่องแบบนี้คงเรียกว่าบังเอิญไม่ได้หรอก แผนงานการตลาดของเครื่องดื่มตัวต่อไปห้ามหลุดออกไปเด็ดขาด หากเกิดเหตุการณ์เหมือน 6 เดือนก่อน ผมไม่เพียงจะไล่ออก แต่ตำรวจคงต้องเข้ามาหาหนอนบ่อนไส้อย่างจริงๆ จังๆ เสียที”
6 เดือนก่อน การเปิดตัวเครื่องดื่มตัวใหม่ถูกยกเลิกเมื่อบริษัทคู่แข่งอย่าง Alpha เปิดตัวเครื่องดื่มก่อน ทั้งรสชาติ สีและคอนเซ็ปต์ราวกับลอก Prime มาหมด ชัครู้ว่า ‘ใคร’ ทำ แต่ก็จนใจพูดออกมาไม่ได้ มีเพียงพนักงานปลายแถวไม่กี่คนที่ถูกไล่ออกเท่านั้น
“คุณชัคคิดว่ามีสายของคู่แข่งอยู่ในบริษัทหรือครับ” ผู้จัดการฝ่ายผลิตถาม
เสียงหัวเราะฟังแล้วเย็นยะเยือกดังมาก่อนคำตอบที่ทำให้ใครต่อใครร้อนตัวจนเกลื่อนสีหน้ากันแทบไม่ทัน
“ไม่รู้สิ วันนี้กับวันข้างหน้า อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้” ชัคมองนิ่งไม่แสดงอะไรออกมาให้เห็นว่าคิดหรือสงสัยใคร “หัวข้อต่อไป”
เมธาก้าวออกมานำเสนอภาพของแบบต่างๆ จากฝ่ายออกแบบบรรจุภัณฑ์ฉายจากโปรเจคเตอร์ โดยเขาอธิบายคอนเซ็ปต์ของแบบทั้งหมดอย่างคล่องแคล่วและมั่นใจ แต่ละแบบก็จะมีความพิเศษที่ต้องการสื่อกับลูกค้าแตกต่างกัน
สีหน้าเรียบๆ ไม่บ่งบอกความชอบของชัคสร้างความกังวลใจต่อผู้จัดการฝ่ายออกแบบบรรจุภัณฑ์ไม่น้อย การสูญเสียคนรักทำให้ผู้ชายเปลี่ยนไป แต่สำหรับชัคดูเหมือนจะบ้าอำนาจกว่าแต่ก่อนราวกับคนละคน
“ผมอยากได้แบบที่ครอบคลุมได้ทุกวัยตั้งแต่คนอายุ 20 ไปจนถึง 40 ปลายๆ มากกว่าเจาะจงไปเลย เครื่องดื่มตัวนี้ไม่ได้ผสมแอลกอฮอล์ ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกอายุ”
หลายคนในห้องประชุมพากันเห็นด้วย เมธารู้สึกเสียหน้าเพราะจนด้วยคำพูดเช่นกันว่าความคิดของชัคมาถูกทาง แต่ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากรับคำสั่งมาด้วยใบหน้าเห่อชาเมื่อเขากลายเป็นคนที่ตีโจทย์ไม่แตก
“ครับ ถ้างั้นผมจะออกแบบมาให้ใหม่ในการประชุมปลายเดือนนี้”
การประชุมลงเพียงเท่านั้น ชัคกลับไปยังห้องทำงานที่พ่อยกให้อีกครั้ง บางสิ่งวางอยู่กลางโต๊ะ เลขาบอกเขาว่าแม่บ้านพบมันเมื่อเช้า สร้อยทองคำขาวดูไม่มีราคาค่างวดอะไร ชัคมองของที่เหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางแล้วถอนใจ ไม่รู้ว่าเป็นความจงใจหรือบังเอิญกันแน่
...ทิ้งไปเสียก็สิ้นเรื่อง!
ผับ Blue Moon เป็นที่แห่งสุดท้ายของการเดินทางในวันนี้ รวงไฟยังคงส่องประกายสวยล้อกับเลื่อมพรายของน้ำพุที่กำลังพลิ้วไหวตามเสียงเพลง อันนาไม่ได้มาที่นี่เพื่อท่องราตรี แต่เพื่อตามหาแล้วถ้ายังไม่พบสร้อยล็อกเก็ตอีกคงต้องทำใจ ไม่ว่าอะไรจะหายไป พ่อกับแม่ยังอยู่ในสมองและความทรงจำของเธอตลอดไป
แสงไฟปราดเข้าใส่ตาบางสิ่งเข้ามาใกล้ อันนาหันไปเห็นอารามตกใจถอยหลังจนล้มลงพร้อมๆ กับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังใกล้หู พอลืมตาแสงไฟกลับสว่างกว่าเดิมเมื่อมันอยู่ตรงหน้า หัวใจของหญิงสาววูบหายราวกับตายไปแล้ว ตะลึงลานสับสนจนกระทั่งเงยหน้าขึ้นเห็นดวงตาที่เย้ยหยัน เสียงต่างๆ เริ่มเข้ามาในสมองที่ประมวลออกมาเป็นความตกใจของคนรอบข้าง
“นี่เป็นวิธีใหม่ในการเรียกร้องความสนใจจากคุณงั้นหรือ”
...หือ?!?
อันนากะพริบตาสะบัดศีรษะมองไปรอบๆ ก่อนจะมาจบลงที่ใบหน้าหล่อเหลาราวสวรรค์สร้างสิ่งดีงามมา แต่แถมรอยตำหนิให้ รอบแผลเป็นที่หางคิ้วสมควรอยู่ตรงนั้น แต่เรามีเรื่องเคยโกรธกันมาก่อนงั้นหรือ
อันนารู้เจ็บนิดที่เข่าๆ รถไม่ได้ชน แล้วเธอล้มลงไปได้อย่างไร มือทั้งสองข้างยันพื้นเพื่อขยับลุก
“ทำไมเงียบไปล่ะ ไม่เถียงสักหน่อยหรือ อุตส่าห์เดินมาขวางทางรถเชียวนะ ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะคุณ”
เสียงพูดเรียบราบก็จริง แต่เจือความหยามหยันแปล่งหู อันนานิ่วหน้ามองอีตามาเฟียน้ำเมาอย่างไม่พอใจ สติกลับเข้าที่เข้าทางในเวลาอันรวดเร็ว
“ใครจะบ้าเดินมาให้รถชน คุณดูหนังมากไปหรือเปล่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีเพียงฉันมันซวยเอง หรือไม่คุณนั่นแหละจงใจขับรถมาชนฉัน เอาตรงๆ เลยนะ วันนี้เราอย่ามาทะเลาะกันเลย ไม่ว่าคุณโกรธอะไร ฉันขอโทษรวมๆ ไปเลยแล้วกัน”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ เขาน่ะหรือเจตนาขับรถชนผู้หญิงที่หากสั่งคำเดียวคงไม่มีโอกาสได้พาตัวเองมาที่นี่ได้ด้วยซ้ำ
ร่างเพรียวขยับก้าวขารู้สึกว่าเจ็บแปลบที่หัวเข่า แต่เวลานี้ต่อให้เจ็บไปทั้งตัวก็จะไปให้ได้ เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อพบเขาสักหน่อย ชัคมองตามแม้จะเพียงไม่กี่ก้าวก็สังเกตเห็น
“เป็นอะไร”
ไม่มีคำตอบให้ฟัง ชัคเดินไม่กี่ก้าวก็มาดักหน้าอันนาได้แล้ว เธอมองมาเหมือนเห็นเขาเป็นเพียงอากาศยังคงก้าวต่อ มือหนาคว้าข้อมือเล็กไว้ แม้ว่าเจ้าตัวจะสะบัดออก
“ถามว่าเป็นอะไร ผมไม่ได้จะฆ่าคุณสักหน่อย ไม่ต้องทำเหมือนว่าใกล้ตายทุกทีเวลาเห็นหน้ากัน ที่นี่เป็นที่ของผม แต่คุณต่างหากที่จงใจเข้ามาใกล้ๆ เพื่ออะไร บอกมาเลย ใครจ้างคุณ ผมจะจ้างคุณสองเท่า แล้วไม่ต้องมาให้เห็นอีก”
ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าถูกกล่าวหาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง
“สุดจะทนแล้วนะ ไม่มีใครจ้างฉันทั้งนั้นแหละ หลีกไป ถ้าไม่อยากเห็นหน้าก็ไม่ต้องมาขวางไว้”
มือเย็นเฉียบกำแน่นแล้วคลายออกก่อนจะผลักอกหนาเต็มแรง แต่เขากลับไม่ขยับสักนิด ร่างสูงใหญ่กอดอกมองอย่างพิจารณา
“เมื่อเช้าแม่บ้านพบสร้อยล็อคเก็ตเส้นหนึ่งในห้องทำงานของผม”
ขาที่กำลังก้าวชะงัก ใบหน้าหวานหันมาอย่างสนใจ
“ฉันขอดูสร้อยเส้นนั้นได้ไหม บางทีมันอาจจะเป็นสร้อยของฉัน”
เรียวคิ้วหนาขมวดมุ่นนึกอยากแกล้งขึ้นมา
“ไม่รู้ จำไม่ค่อยได้แล้วว่าเอาไปไว้ที่ไหน ติดตัวมาด้วยหรือทิ้งถังขยะไปแล้วก็ไม่แน่ใจ”
ร่างสูงก้าวกลับเข้าไปในรถ อันนาคว้าบานประตูไว้ ดวงตาคมมองมาอย่างรำคาญ แต่เธอไม่สน ตอนนี้ถ้าเขามีสร้อยเส้นนั้นอยู่ ต่อให้ถูกไล่ก็ไม่ไป
“ฉันอยากได้สร้อยคืน คุณก็แค่คืนมาให้ฉัน แล้วเราจะได้ไม่ต้องมาเจอะมาเจอกันอีก ตกลงไหมคะ”
ไร้ซึ่งคำตอบ มือบางถูกปลดออกจากประตู แล้วรถก็เคลื่อนไปจอดหน้าผับ Blue Moon อันนารีบเดินตามไป ชัคยืนนิ่งเหมือนจะรอ พอเธอไปถึงเขาก็เดินเข้าไปในผับผ่านส่วนต่างๆ ไปยังห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นสอง ประตูห้องเปิดเชื้อเชิญราวกับให้ตามเข้าไป ถึงเป็นกับดักเธอก็ไม่กลัว
“ขอสร้อยคืนมาเถอะนะคะ ฉันไม่ได้อยากให้คุณเก็บได้หรอก แล้วก็ไม่มีใครจ้างฉันมาทำอะไรทั้งนั้น คุณช่วยเชื่อหน่อยเถอะ ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
โทรศัพท์ภายในถูกกดโทรออกไป อันนาเม้มปากขัดใจไม่ได้ฟังกันเลยใช่ไหมเนี่ย ถ้ากระโจนไปขย้ำหัวเขาได้คงทำไปนานแล้ว ชัคบอกให้ใครสักคนมาที่ห้อง รอไม่กี่วินาทีหญิงสาวในชุดสูทสีดำกับกางเกงสแล็คก็เข้ามา
“มีอะไรให้ทำหรือเปล่าคะคุณชัค”
“ดูข้อเท้าและเข่าของผู้หญิงคนนั้นให้ที เมื่อครู่หกล้ม” ชัคมองมาที่อันนา “อีกครึ่งชั่วโมงผมจะกลับเข้ามา ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”
“ค่ะคุณชัค”
อันนาก้มลงมองขาตัวเอง กระโปรงที่ใส่พอดีเข่าทำให้เพิ่งเห็นว่ามีเลือดซึมจากแผลถลอก อีกทั้งข้อเท้าก็กำลังบวม เธอถูกพามานั่งแล้วพนักงานคนนั้นก็ทำแผลให้โดยไม่ถามอะไรสักคำ
ห้องทำงานอีกแห่งของมาเฟียน้ำเมาดูเรียบๆ เน้นโทนสีทึมๆ เหมือนหน้าตาและนิสัยเทาๆ ของเขาไม่น้อย ไม่มีรูปหรือของตกแต่งอะไร โต๊ะทำงานวางเด่น แฟ้มงานต่างๆ อยู่ในชั้นเก็บ ไม่มีอะไรดูพิเศษ
“เสร็จแล้วนะคะ อีกสักครู่คุณชัคจะกลับมา จะดื่มอะไรไหมคะ”
อันนาส่ายหน้าพลางยิ้มให้อย่างเกรงใจ พนักงานคนนั้นออกไปจากห้องแล้ว แต่ประตูยังเปิดค้างอยู่ การรอแม้จะไม่กี่นาทีสร้างความกระวนกระวายใจไม่น้อย เขามีสร้อยอยู่จริงๆ หรือว่าทิ้งถังขยะไปแล้วกันแน่ คนอะไรพูดกำกวม
ชัคเดินกลับมาที่ห้องเงียบๆ อันนาเดินไปหาใบหน้านิ่งเรียบราวหินศิลามองมา ริมฝีปากบิดขึ้นคล้ายจะยิ้ม แต่กลับไม่ใช่ ดวงตาปิดลงแล้วลืมขึ้นใหม่ มือยกขึ้นมาทาบที่อก ส่วนอีกข้างเท้ากับโต๊ะ หายใจหอบๆ ทั้งที่เมื่อครู่ยังปกติดี
“เป็นอะไรน่ะคุณ”
“ออกไปเดี๋ยวนี้” เขาบอกเสียงต่ำ ริมฝีปากเม้มปิด
“อ้าว คิดจะเบี้ยวกันเหรอ” อันนาต่อว่าไม่จริงจังอะไรเพราะท่าทางของชัคดูเหมือนทรมานเจ็บปวดเกินกว่าจะมาคิดถึงเรื่องตัวเองได้ในตอนนี้ มือบางยื่นไปจับที่ไหล่ของเขา ใบหน้าคร้ามเงยมอง “เป็นอะไรน่ะคุณ หายใจไม่ออกหรือเปล่า เดี๋ยวฉันไปเรียกคนของคุณให้แล้วกันนะ เผื่อการหนักจะได้ช่วยกันพาไปส่งโรงพยาบาล”
มือหนาคว้ามือบางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย พยายามเค้นเสียงที่ราวกับผ่านออกมาจากริมฝีปากยากเย็น
“ไม่ต้อง ไปปิดประตูแล้วห้ามให้ใครเข้ามา ห้ามเห็นเด็ดขาด เร็วเข้า แล้วผมจะคืนสร้อยล็อคเก็ตให้”
มือของอันนาถูกปล่อย แต่เธอกลับละล้าละลัง ไม่รู้ว่าชัคเป็นอะไร พอช้าเขาก็สั่งซ้ำจนต้องทำตาม แม้ว่าจะไม่เข้าใจสักนิด
แล้วจะมา up ต่อนะคะถึงตอนที่ 15 ค่ะ
มีจำหน่ายแล้วในรูปแบบ E-BOOK ค่ะ ส่วนรูปแบบหนังสือจะมาแจ้งอีกครั้งนะคะ
https://www.mebmarket.com/ebook-26844-กำราบรักจอมเผด็จการ
เสียงเดินเบาๆ ย่ำไปตามทางเดินหินอ่อน ราวกับอดีตได้ตราตรึงไว้ที่นี่ ตรงระเบียงหน้าห้องสมุดเป็นมุมโปรดไว้สำหรับอ่านหนังสือเพราะห้องสมุดเงียบเกินไปสำหรับคนที่ภายในหัวใจเงียบงันอยู่แล้ว อันนาเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ซึ่งมีหนังสือเป็นพันๆ เล่ม สายตามองหาหญิงชราร่างอวบที่มีใบหน้าแสนใจดี
“น้ำเองหรือ ไม่พบกันเกือบเดือน เป็นยังไงบ้าง สอบเสร็จแล้วใช่ไหม” มาเรียกำลังจะปีนขึ้นบันไดไปเก็บหนังสือ พอเห็นอันนาเลยเปลี่ยนใจยืนรออยู่ตรงนั้น
รอยยิ้มเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คุณแม่มาเรียปรารถนาให้เธอมอบให้ในทุกครั้งที่พบกัน
“คิดถึงคุณแม่มาเรียจังเลยค่ะ” แก้มหอมๆ ของผู้หญิงที่ใจดีที่สุดในโลกถูกจูบทั้งซ้ายและขวา “สอบเสร็จแล้ว มั่นใจว่าจบแน่ๆ มาค่ะ เดี๋ยวน้ำเอาหนังสือไปเก็บบนชั้นให้ ทำไมไม่มีใครมาช่วยคุณแม่เลยล่ะคะ ถ้าตกบันไดขึ้นมาจะทำยังไง”
“งานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเองจ้าน้ำ”
อันนาปีนขึ้นบันไปเพียงไม่กี่นาทีหนังสือทั้งหมดก็กลับไปสู่ชั้นวางในที่ของมัน มาเรียยิ้มอย่างเป็นสุขเมื่อเห็นดอกไม้ที่เคยอับเฉาเพราะน้ำมือคนเลว ทว่าตอนนี้ดอกไม้งดงามเบ่งบานกล้าต้านทานแสงอาทิตย์แล้ว
มืออวบอูมลูบไหล่บางคนของเด็กที่เคยเสียใจจาการสูญเสียจนไม่พูดอยู่เป็นเดือน บทเรียนที่เกิดขึ้นทำให้ชีวิตของอันนากลับมาสู่เส้นทางที่ดีงามและปลอดภัย อ้อมแขนของเด็กที่กลายเป็นสาวกอดร่างอวบไว้ การขาดแม่และพ่อทำให้เธอโหยหาความอบอุ่นของใครสักคน ถ้าคุณแม่มาเรียเป็นแม่ของเธอได้จริงๆ ก็คงจะดี
ห้องประชุมกำลังจะกลายเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดระหว่างผู้จัดการฝ่ายผลิตกับผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เมื่อชัคเรียกประชุมด่วนแล้วรอการให้เหตุผลเมื่อเครื่องดื่มตัวใหม่ที่เพิ่งลงขายในดีลเลอร์ทั่วประเทศมียอดขายน้อยกว่าคู่แข่ง ทั้งที่ทำงบโฆษณาไปไม่น้อย แล้วสาเหตุก็หลุดออกมาจนได้
“บริษัท Alpha ออกเครื่องดื่มรสชาติที่ใกล้เคียงกับของบริษัทเรามากครับ เหมือนกับจงใจ แถมยังตัดหน้าเปิดตัวก่อนที่คุณชัคจะกลับมา”
เรียวปากหนายิ้ม แต่ดวงตาแข็งกระด้างยามมององค์กรที่ควรได้รับการผ่าตัดครั้งใหญ่ สีหน้าแปลกใจประหนึ่งว่าเพิ่งรู้เหตุผล ช่างน่าขัน
“จงใจสิ เรื่องแบบนี้คงเรียกว่าบังเอิญไม่ได้หรอก แผนงานการตลาดของเครื่องดื่มตัวต่อไปห้ามหลุดออกไปเด็ดขาด หากเกิดเหตุการณ์เหมือน 6 เดือนก่อน ผมไม่เพียงจะไล่ออก แต่ตำรวจคงต้องเข้ามาหาหนอนบ่อนไส้อย่างจริงๆ จังๆ เสียที”
6 เดือนก่อน การเปิดตัวเครื่องดื่มตัวใหม่ถูกยกเลิกเมื่อบริษัทคู่แข่งอย่าง Alpha เปิดตัวเครื่องดื่มก่อน ทั้งรสชาติ สีและคอนเซ็ปต์ราวกับลอก Prime มาหมด ชัครู้ว่า ‘ใคร’ ทำ แต่ก็จนใจพูดออกมาไม่ได้ มีเพียงพนักงานปลายแถวไม่กี่คนที่ถูกไล่ออกเท่านั้น
“คุณชัคคิดว่ามีสายของคู่แข่งอยู่ในบริษัทหรือครับ” ผู้จัดการฝ่ายผลิตถาม
เสียงหัวเราะฟังแล้วเย็นยะเยือกดังมาก่อนคำตอบที่ทำให้ใครต่อใครร้อนตัวจนเกลื่อนสีหน้ากันแทบไม่ทัน
“ไม่รู้สิ วันนี้กับวันข้างหน้า อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้” ชัคมองนิ่งไม่แสดงอะไรออกมาให้เห็นว่าคิดหรือสงสัยใคร “หัวข้อต่อไป”
เมธาก้าวออกมานำเสนอภาพของแบบต่างๆ จากฝ่ายออกแบบบรรจุภัณฑ์ฉายจากโปรเจคเตอร์ โดยเขาอธิบายคอนเซ็ปต์ของแบบทั้งหมดอย่างคล่องแคล่วและมั่นใจ แต่ละแบบก็จะมีความพิเศษที่ต้องการสื่อกับลูกค้าแตกต่างกัน
สีหน้าเรียบๆ ไม่บ่งบอกความชอบของชัคสร้างความกังวลใจต่อผู้จัดการฝ่ายออกแบบบรรจุภัณฑ์ไม่น้อย การสูญเสียคนรักทำให้ผู้ชายเปลี่ยนไป แต่สำหรับชัคดูเหมือนจะบ้าอำนาจกว่าแต่ก่อนราวกับคนละคน
“ผมอยากได้แบบที่ครอบคลุมได้ทุกวัยตั้งแต่คนอายุ 20 ไปจนถึง 40 ปลายๆ มากกว่าเจาะจงไปเลย เครื่องดื่มตัวนี้ไม่ได้ผสมแอลกอฮอล์ ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกอายุ”
หลายคนในห้องประชุมพากันเห็นด้วย เมธารู้สึกเสียหน้าเพราะจนด้วยคำพูดเช่นกันว่าความคิดของชัคมาถูกทาง แต่ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากรับคำสั่งมาด้วยใบหน้าเห่อชาเมื่อเขากลายเป็นคนที่ตีโจทย์ไม่แตก
“ครับ ถ้างั้นผมจะออกแบบมาให้ใหม่ในการประชุมปลายเดือนนี้”
การประชุมลงเพียงเท่านั้น ชัคกลับไปยังห้องทำงานที่พ่อยกให้อีกครั้ง บางสิ่งวางอยู่กลางโต๊ะ เลขาบอกเขาว่าแม่บ้านพบมันเมื่อเช้า สร้อยทองคำขาวดูไม่มีราคาค่างวดอะไร ชัคมองของที่เหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางแล้วถอนใจ ไม่รู้ว่าเป็นความจงใจหรือบังเอิญกันแน่
...ทิ้งไปเสียก็สิ้นเรื่อง!
ผับ Blue Moon เป็นที่แห่งสุดท้ายของการเดินทางในวันนี้ รวงไฟยังคงส่องประกายสวยล้อกับเลื่อมพรายของน้ำพุที่กำลังพลิ้วไหวตามเสียงเพลง อันนาไม่ได้มาที่นี่เพื่อท่องราตรี แต่เพื่อตามหาแล้วถ้ายังไม่พบสร้อยล็อกเก็ตอีกคงต้องทำใจ ไม่ว่าอะไรจะหายไป พ่อกับแม่ยังอยู่ในสมองและความทรงจำของเธอตลอดไป
แสงไฟปราดเข้าใส่ตาบางสิ่งเข้ามาใกล้ อันนาหันไปเห็นอารามตกใจถอยหลังจนล้มลงพร้อมๆ กับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังใกล้หู พอลืมตาแสงไฟกลับสว่างกว่าเดิมเมื่อมันอยู่ตรงหน้า หัวใจของหญิงสาววูบหายราวกับตายไปแล้ว ตะลึงลานสับสนจนกระทั่งเงยหน้าขึ้นเห็นดวงตาที่เย้ยหยัน เสียงต่างๆ เริ่มเข้ามาในสมองที่ประมวลออกมาเป็นความตกใจของคนรอบข้าง
“นี่เป็นวิธีใหม่ในการเรียกร้องความสนใจจากคุณงั้นหรือ”
...หือ?!?
อันนากะพริบตาสะบัดศีรษะมองไปรอบๆ ก่อนจะมาจบลงที่ใบหน้าหล่อเหลาราวสวรรค์สร้างสิ่งดีงามมา แต่แถมรอยตำหนิให้ รอบแผลเป็นที่หางคิ้วสมควรอยู่ตรงนั้น แต่เรามีเรื่องเคยโกรธกันมาก่อนงั้นหรือ
อันนารู้เจ็บนิดที่เข่าๆ รถไม่ได้ชน แล้วเธอล้มลงไปได้อย่างไร มือทั้งสองข้างยันพื้นเพื่อขยับลุก
“ทำไมเงียบไปล่ะ ไม่เถียงสักหน่อยหรือ อุตส่าห์เดินมาขวางทางรถเชียวนะ ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะคุณ”
เสียงพูดเรียบราบก็จริง แต่เจือความหยามหยันแปล่งหู อันนานิ่วหน้ามองอีตามาเฟียน้ำเมาอย่างไม่พอใจ สติกลับเข้าที่เข้าทางในเวลาอันรวดเร็ว
“ใครจะบ้าเดินมาให้รถชน คุณดูหนังมากไปหรือเปล่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีเพียงฉันมันซวยเอง หรือไม่คุณนั่นแหละจงใจขับรถมาชนฉัน เอาตรงๆ เลยนะ วันนี้เราอย่ามาทะเลาะกันเลย ไม่ว่าคุณโกรธอะไร ฉันขอโทษรวมๆ ไปเลยแล้วกัน”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ เขาน่ะหรือเจตนาขับรถชนผู้หญิงที่หากสั่งคำเดียวคงไม่มีโอกาสได้พาตัวเองมาที่นี่ได้ด้วยซ้ำ
ร่างเพรียวขยับก้าวขารู้สึกว่าเจ็บแปลบที่หัวเข่า แต่เวลานี้ต่อให้เจ็บไปทั้งตัวก็จะไปให้ได้ เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อพบเขาสักหน่อย ชัคมองตามแม้จะเพียงไม่กี่ก้าวก็สังเกตเห็น
“เป็นอะไร”
ไม่มีคำตอบให้ฟัง ชัคเดินไม่กี่ก้าวก็มาดักหน้าอันนาได้แล้ว เธอมองมาเหมือนเห็นเขาเป็นเพียงอากาศยังคงก้าวต่อ มือหนาคว้าข้อมือเล็กไว้ แม้ว่าเจ้าตัวจะสะบัดออก
“ถามว่าเป็นอะไร ผมไม่ได้จะฆ่าคุณสักหน่อย ไม่ต้องทำเหมือนว่าใกล้ตายทุกทีเวลาเห็นหน้ากัน ที่นี่เป็นที่ของผม แต่คุณต่างหากที่จงใจเข้ามาใกล้ๆ เพื่ออะไร บอกมาเลย ใครจ้างคุณ ผมจะจ้างคุณสองเท่า แล้วไม่ต้องมาให้เห็นอีก”
ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าถูกกล่าวหาทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง
“สุดจะทนแล้วนะ ไม่มีใครจ้างฉันทั้งนั้นแหละ หลีกไป ถ้าไม่อยากเห็นหน้าก็ไม่ต้องมาขวางไว้”
มือเย็นเฉียบกำแน่นแล้วคลายออกก่อนจะผลักอกหนาเต็มแรง แต่เขากลับไม่ขยับสักนิด ร่างสูงใหญ่กอดอกมองอย่างพิจารณา
“เมื่อเช้าแม่บ้านพบสร้อยล็อคเก็ตเส้นหนึ่งในห้องทำงานของผม”
ขาที่กำลังก้าวชะงัก ใบหน้าหวานหันมาอย่างสนใจ
“ฉันขอดูสร้อยเส้นนั้นได้ไหม บางทีมันอาจจะเป็นสร้อยของฉัน”
เรียวคิ้วหนาขมวดมุ่นนึกอยากแกล้งขึ้นมา
“ไม่รู้ จำไม่ค่อยได้แล้วว่าเอาไปไว้ที่ไหน ติดตัวมาด้วยหรือทิ้งถังขยะไปแล้วก็ไม่แน่ใจ”
ร่างสูงก้าวกลับเข้าไปในรถ อันนาคว้าบานประตูไว้ ดวงตาคมมองมาอย่างรำคาญ แต่เธอไม่สน ตอนนี้ถ้าเขามีสร้อยเส้นนั้นอยู่ ต่อให้ถูกไล่ก็ไม่ไป
“ฉันอยากได้สร้อยคืน คุณก็แค่คืนมาให้ฉัน แล้วเราจะได้ไม่ต้องมาเจอะมาเจอกันอีก ตกลงไหมคะ”
ไร้ซึ่งคำตอบ มือบางถูกปลดออกจากประตู แล้วรถก็เคลื่อนไปจอดหน้าผับ Blue Moon อันนารีบเดินตามไป ชัคยืนนิ่งเหมือนจะรอ พอเธอไปถึงเขาก็เดินเข้าไปในผับผ่านส่วนต่างๆ ไปยังห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นสอง ประตูห้องเปิดเชื้อเชิญราวกับให้ตามเข้าไป ถึงเป็นกับดักเธอก็ไม่กลัว
“ขอสร้อยคืนมาเถอะนะคะ ฉันไม่ได้อยากให้คุณเก็บได้หรอก แล้วก็ไม่มีใครจ้างฉันมาทำอะไรทั้งนั้น คุณช่วยเชื่อหน่อยเถอะ ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
โทรศัพท์ภายในถูกกดโทรออกไป อันนาเม้มปากขัดใจไม่ได้ฟังกันเลยใช่ไหมเนี่ย ถ้ากระโจนไปขย้ำหัวเขาได้คงทำไปนานแล้ว ชัคบอกให้ใครสักคนมาที่ห้อง รอไม่กี่วินาทีหญิงสาวในชุดสูทสีดำกับกางเกงสแล็คก็เข้ามา
“มีอะไรให้ทำหรือเปล่าคะคุณชัค”
“ดูข้อเท้าและเข่าของผู้หญิงคนนั้นให้ที เมื่อครู่หกล้ม” ชัคมองมาที่อันนา “อีกครึ่งชั่วโมงผมจะกลับเข้ามา ทุกอย่างต้องเรียบร้อย”
“ค่ะคุณชัค”
อันนาก้มลงมองขาตัวเอง กระโปรงที่ใส่พอดีเข่าทำให้เพิ่งเห็นว่ามีเลือดซึมจากแผลถลอก อีกทั้งข้อเท้าก็กำลังบวม เธอถูกพามานั่งแล้วพนักงานคนนั้นก็ทำแผลให้โดยไม่ถามอะไรสักคำ
ห้องทำงานอีกแห่งของมาเฟียน้ำเมาดูเรียบๆ เน้นโทนสีทึมๆ เหมือนหน้าตาและนิสัยเทาๆ ของเขาไม่น้อย ไม่มีรูปหรือของตกแต่งอะไร โต๊ะทำงานวางเด่น แฟ้มงานต่างๆ อยู่ในชั้นเก็บ ไม่มีอะไรดูพิเศษ
“เสร็จแล้วนะคะ อีกสักครู่คุณชัคจะกลับมา จะดื่มอะไรไหมคะ”
อันนาส่ายหน้าพลางยิ้มให้อย่างเกรงใจ พนักงานคนนั้นออกไปจากห้องแล้ว แต่ประตูยังเปิดค้างอยู่ การรอแม้จะไม่กี่นาทีสร้างความกระวนกระวายใจไม่น้อย เขามีสร้อยอยู่จริงๆ หรือว่าทิ้งถังขยะไปแล้วกันแน่ คนอะไรพูดกำกวม
ชัคเดินกลับมาที่ห้องเงียบๆ อันนาเดินไปหาใบหน้านิ่งเรียบราวหินศิลามองมา ริมฝีปากบิดขึ้นคล้ายจะยิ้ม แต่กลับไม่ใช่ ดวงตาปิดลงแล้วลืมขึ้นใหม่ มือยกขึ้นมาทาบที่อก ส่วนอีกข้างเท้ากับโต๊ะ หายใจหอบๆ ทั้งที่เมื่อครู่ยังปกติดี
“เป็นอะไรน่ะคุณ”
“ออกไปเดี๋ยวนี้” เขาบอกเสียงต่ำ ริมฝีปากเม้มปิด
“อ้าว คิดจะเบี้ยวกันเหรอ” อันนาต่อว่าไม่จริงจังอะไรเพราะท่าทางของชัคดูเหมือนทรมานเจ็บปวดเกินกว่าจะมาคิดถึงเรื่องตัวเองได้ในตอนนี้ มือบางยื่นไปจับที่ไหล่ของเขา ใบหน้าคร้ามเงยมอง “เป็นอะไรน่ะคุณ หายใจไม่ออกหรือเปล่า เดี๋ยวฉันไปเรียกคนของคุณให้แล้วกันนะ เผื่อการหนักจะได้ช่วยกันพาไปส่งโรงพยาบาล”
มือหนาคว้ามือบางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย พยายามเค้นเสียงที่ราวกับผ่านออกมาจากริมฝีปากยากเย็น
“ไม่ต้อง ไปปิดประตูแล้วห้ามให้ใครเข้ามา ห้ามเห็นเด็ดขาด เร็วเข้า แล้วผมจะคืนสร้อยล็อคเก็ตให้”
มือของอันนาถูกปล่อย แต่เธอกลับละล้าละลัง ไม่รู้ว่าชัคเป็นอะไร พอช้าเขาก็สั่งซ้ำจนต้องทำตาม แม้ว่าจะไม่เข้าใจสักนิด
แล้วจะมา up ต่อนะคะถึงตอนที่ 15 ค่ะ
มีจำหน่ายแล้วในรูปแบบ E-BOOK ค่ะ ส่วนรูปแบบหนังสือจะมาแจ้งอีกครั้งนะคะ
https://www.mebmarket.com/ebook-26844-กำราบรักจอมเผด็จการ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มิ.ย. 2558, 21:37:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 มิ.ย. 2558, 21:37:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 1257
<< ตอนที่ 3 ครึ่งแรก | ตอนที่ 4 ครึ่งแรก >> |