กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 4 ครึ่งหลัง

เสียงเพลงดังคลอไปกับบรรยากาศแสนสบายของร้านอาหารเปิดใหม่ย่านชานเมือง โดยมีภาคินเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว เนื้อที่หนึ่งไร่ถูกจัดสรรเป็นร้านอาหาร ฟิตเนสและสวนนั่งสบายๆ แสงไฟส่องสว่างมาจากตึกสูง 5 ชั้น ชั้นหนึ่งและสองแบ่งเป็นฟิตเนส ส่วนชั้น 3 เป็นห้องศิลปะที่ภาคินนำผลงานของตัวเองมาแสดงไว้ ส่วนชั้น 4 และ 5 ซึ่งเป็นดาดฟ้าเป็นร้านอาหาร ความสูงทำให้มองเห็นวิวได้ทั่ว เหมาะกับคู่รักที่อยากได้มุมสวยๆ สำหรับความทรงจำดีๆ งบลงทุนมหาศาล แต่คุ้มค่าในระยะยาว
สายตาของแขกพากันมองอย่างสนใจเมื่อชัคมาถึงงานเพราะข่าวการตายของอารตียังไม่ถูกลืมไป หน้าตาสบายๆ แบบนั้น คงลืมคู่หมั้นได้แล้วกระมัง ทว่าความน่าสนใจยังไม่หมดเพราะมีรถสปอร์ตสีขาวอีกคันได้เข้ามาจอดขนาบข้าง นวัชมาถึงงานอีกคน ภาคินเดินเร็วๆ มาจากชั้นสอง ไม่นึกว่าสองคนนั้นจะมาพบกันเร็วกว่าที่คิด
ชัคมอง ‘อดีต’ เพื่อน ยิ้มเยาะอย่างจงใจ เรื่องในอดีตเขาไม่มีทางให้อภัย อีกฝ่ายชักสีหน้าพลางถอนใจ ภาคินเดินมายืนกั้นกลางระหว่างน้องทั้งสองคน แค่เห็นสายตาก็รู้แล้วว่า...อันตราย
“เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ต่างคนต่างเดินข้างหน้าดีกว่า วันนี้มาร่วมงานมงคลดีๆ ไปทางนี้เถอะชัค ส่วนเจ้าวัชก็ไปทางโน้นจะได้ไม่ต้องมาทนเหม็นหน้ามองกัน”
ชัคแค่นยิ้ม “คนซื่อตรง จริงใจ ต่อหน้าหรือลับหลังย่อมไม่ต่างกัน แต่เท่าที่เห็น...ไม่ใช่”
เราต่างสูญเสียเหมือนกันไม่ใช่หรือ 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนที่เขาไม่นึกย้อนเสียใจ หากว่าเขาห้ามความคิดชั่วๆ ของตัวเองทันคงไม่ต้องสูญเสียใครไป
“งั้นเรอะ แล้วที่แกกำลังทำอยู่หมายความว่ายังไง”
ร่างสูงหันกลับมาเผชิญหน้าเพื่อนเก่า ทุกวันนี้มันยังไม่กล้าปฏิเสธด้วยซ้ำว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้อารตีต้องตาย
“ทำไมไม่คิดให้ได้ก่อนหน้านี้ล่ะนวัช ถ้าแกคิดได้ ตอนนี้เราสองคนคงไม่ต้องมาถึงจุดที่เป็นเพื่อนกันไม่ได้อีก”
ภาคินส่ายหน้าไม่อยากให้กลับมาพูดกันเรื่องเดิมๆ อีก ชัคหันหน้ากลับแล้วเดินต่อไป เสียงรถสปอร์ตดังเพียงครู่เดียวก็เงียบหาย แขกรายล่าสุดได้ลาจากงานไปทั้งๆ ที่ไม่ได้ทักทายแขกคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ คนขี้ขลาดมักเป็นแบบนี้เสมอ ไม่กล้าพูดความจริง ไม่กล้าแม้กระทั่งสู้หน้า
“ขอบใจนะชัคที่มา”
ชัคยิ้มได้เต็มริมฝีปาก นอกจากพ่อแล้วเขาก็มีพี่ชายเท่านั้นที่จริงใจ ไม่เคยทำร้ายลับหลัง งานกลับสู่ความบันเทิงที่ควรเป็น นักข่าวกรูเข้ามาถ่ายรูป ชัคกลายเป็นคนสำคัญของงาน
ภาคินมองพลางถอนใจไม่ใช่สิ่งใหม่ ไม่ว่าไปที่ไหนน้องชายมักได้รับความสนใจเสมอ ซึ่งดีไม่น้อยเพราะร้านอาหารของเขาจะได้เป็นข่าวไปด้วย
“เชิญทางนี้หน่อยครับคุณภาคิน ผมอยากปรึกษาเรื่องอาหาร” พ่อครัวเอยจากด้านหลัง
“รับแขกทางนี้เสร็จจะไปแล้วกันคณิน รอที่ห้องครัวสะดวกกว่านะ” ภาคินหันไปตอบแล้วกลับมายิ้มให้นักข่าวที่มาสัมภาษณ์ไปลงหนังสือเกี่ยวกับอาหาร
พ่อครัวก้มหน้าลงยิ้มให้ภาคินและแขกในงานอย่างนอบน้อมก่อนจะเดินลงไปรอเจ้านายในห้องครัวที่อาหารกำลังนำออกไปเสิร์ฟตามออเดอร์ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่วันนี้มีแขกฝรั่ง เขายังไม่รู้ว่าจะทำเมนูอะไร เจ้านายน่าจะแนะนำเขาได้

เมธาเพิ่งวายสายจากคนสำคัญในสำนักงานใหญ่ คนที่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งและสามารถทำให้เขาขายหน้ากลางที่ประชุมได้ เขาไม่ได้เกลียดเจ้านายตัวเอง แต่เคลือบแคลงว่ากำลังถูกเพ่งเล็งหรือไรถึงได้มีคำสั่งที่จำต้องทำตาม สีหน้าร่าเริงเป็นนิจกลายเป็นเคร่งเครียดในพริบตา บรรยากาศในห้องประชุมฝ่ายออกแบบบรรจุภัณฑ์เปลี่ยนจากคุยสบายๆ กลายเป็นอึมครึมทันที
“เป็นอะไรไปคะพี่เมธ คุณชัคโทรมามีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าเห็นงานที่แก้ไปแล้ว” พริมมาถามเพราะส่วนที่แก้มาจากงานของเธอเหมือนกัน
“ไม่มีอะไรก็แค่...” ถ้านี่เป็นแผนก่อนไล่ออกเขาคงต้องระวังตัวไว้ “ช่างเถอะ ทำยังไงได้ล่ะ เราเป็นลูกจ้าง เป็นบริษัทในเครือ นายสั่งอะไรมาก็แค่ทำตามไปเท่านั้น”
“สงสัยงานถูกแก้อีกแน่เลย ทำไมงานคราวนี้ถึงยุ่งยากจริงๆ ทุกทีผ่านง่ายๆ นี่นา”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก งานผ่านแล้วแต่... ช่างเถอะ”
เมธาหัวเราะเสียงขื่นๆ แล้วเริ่มประชุมต่อ หากใครคิดว่าจะไล่ออกเขาได้ง่ายๆ คงคิดผิด เด็กฝากจากเจ้านายจะถูกจับตามองด้วยความสนใจกว่าใครและลาออกเร็วกว่าที่ใครๆ คิด

พวงมาลัยดอกมะลิสีขาวหอมวางลงที่แผ่นหินอ่อนอย่างเบามือทะนุถนอม ผ้าเช็ดหน้าที่พกติดตัวเสมอสะบัดให้คลี่ออกเพื่อเช็ดทำความสะอาดป้ายบอกชื่อและวันที่เราพ่อลูกจากกัน แม้จะจำไม่ได้เลยว่าตอนนั้นร้องไห้มากไหมและพ่อสั่งเสียอะไร อันนานั่งลงบนหญ้า มือบางยื่นไปสัมผัสความเย็นของร่องชื่อสลัก ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวอะไรในชีวิต พ่อจะเป็นหลักให้เธอยึดแล้วพาตัวเองกลับมาเป็นอันนาคนเดิมได้
“น้ำได้งานแล้วนะคะพ่อ ดีใจใช่ไหมล่ะคะ ถึงจะไม่ได้ยินเสียงของพ่อ แต่น้ำรู้ได้เองจากความทรงจำที่เราเคยมีกันแค่สองคน ยังไม่มีอะไรที่น้ำทำให้พ่อผิดหวังใช่ไหมคะ น้ำรักพ่อนะ”
สายลมพัดเบาๆ กลีบดอกไม้ร่วงหล่นรอบกายราวกับส่งบอกคำตอบมากมายที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูด อันนาย่อตัวลงหยิบดอกกัลปพฤกษ์สีชมพูอ่อนขึ้นมาหอม ถ้าพ่อยังอยู่คงบอกว่า ‘เก่งมากเลยน้ำลูกพ่อ’ เรียวปากบางยิ้มขยับตัวไปใกล้แล้วกอดป้านหินอ่อนไว้ ไม่ว่าอะไรที่อยู่ในสมองและหัวใจ พ่อคงรับรู้ได้ใช่ไหม
ร่างเพรียวเดินจากมาด้วยหัวใจเปี่ยมสุข ความทรงจำในครั้งก่อนทำให้เธอหยุดมองไปยังที่แห่งเดิม ชัคเคยมาที่นั่น ราวกับมีแรงดึงดูดให้เดินเข้าไปใกล้ หน้าแผ่นหินอ่อนสีขาวมีกุหลาบสีขาววางอยู่ ดอกยังตูมสวย วาวน้ำเกาะที่พลาสติกใสซึ่งห่อไว้อย่างสวยงาม
ชื่อของผู้ล่วงลับอ่านออกมาได้เป็น ‘อารตี พินิจกุล’ อาจเป็นคนรักหรือคนที่สำคัญมาก ที่เห็นเขาเศร้าในคราวก่อนคงคิดถึงเธอคนนี้ไม่น้อยสินะ

อันนานยังมาช่วยงานที่ร้านป้าอรตอนเย็นในระหว่างที่ยังไม่ได้ไปทำงาน โต๊ะทุกตัวเอามาตั้งในสนามหญ้าเพราะวันหยุดจะเป็นมีลูกค้ามากจนแทบรับออเดอร์ไม่ทัน ทำอาหารจนเบลอ ยกอาหารมาเสิร์ฟกันมือเกือบหัก เหนื่อยแต่สนุก จนสองทุ่มนั่นล่ะ ลูกค้าถึงได้น้อยลงพอให้มีเวลาพักบ้าง
อันนาเดินมาหาป้าอรที่เคาน์เตอร์ แคชเชียร์ที่ลาพอดี ทำให้ต้องมาคิดเงินเอง ไม่ได้ออกไปดูแลลูกค้า แต่ลูกค้าก็แวะเวียนมาทักทายอยู่ดีเพราะอยู่ในละแวกนี้กันทั้งนั้น เสียงกระดิ่งอันเล็กๆ ดังกรุ้งกริ้งจากประตูไม้ทางเข้าทำให้รู้ว่ามีลูกค้ามาอีกแล้ว ป้าอรยิ้มหน้าบานวันนี้ขายดีเหลือเกิน
“มีลูกค้ามาแน่ะหนูน้ำ ป้าวานหน่อยนะ คนขาดจริงๆ”
“โหย น้ำทำให้อยู่แล้วล่ะคะ งานประจำของน้ำนะคะ ห้ามแย่ง ป้าอรนั่งพักตรงนี้นะดีแล้วค่ะ เหนื่อยมาตั้งแต่บ่ายแล้วนี่นา”
เพียงอรหัวเราะเอ็นดู อันนายักคิ้วแล้วเดินเร็วๆ ไปรับลูกค้าที่กำลังนั่งลงที่โต๊ะตัวใกล้ซุ้มต้นสะบันงาหอมอวล ยากันยุงจุดไว้แล้ว ลูกค้าจะได้กินอาหารได้อย่างเพลิดเพลิน
กริ่งเตือนภัยในสมองของอันนาส่งเสียงเมื่อเห็นชายชุดดำนั่งอยู่เต็มสองโต๊ะ แต่นั่นยังไม่น่ากังวลใจเท่าชายคนที่นั่งหันหลังให้ เพียงแค่เห็นต้นคอ ขาที่ก้าวเดินก็เริ่มช้าลง หญิงสาวถอนใจพยายามคิดว่าโลกคงไม่กลมจนทำให้คนที่ไม่อยากเห็นมาถึงที่นี่ได้
“รับอะไรดีคะ”
ใบหน้านิ่งเรียบราวหินศิลาหันมา อันนาก้าวถอยหลังไป เกร็งทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด เหมือนครั้งก่อนที่พบกัน “คุณ...มาได้ยังไง”
ชัคเลิกคิ้วมองอันนาส่ายหน้าเหมือนรำคาญ
“ที่นี่เป็นร้านอาหาร ถ้าไม่ได้มาเพื่อทานอาหาร คุณคิดว่าผมจะมาเพื่ออะไร”
มือบางจับเมนูอาหารเอาไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว การพบกันถึงสองครั้งไม่หมายความว่าเธอไว้ใจผู้ชายคนนี้ได้ รวมทั้งคนติดตามของเขาด้วย ป้าอรไม่ควรมาซวยเพราะเธอเลย ทำอย่างไรดี
“ถ้ามาหาเรื่องก็กลับไปเถอะค่ะ ฉันไม่ข้องเกี่ยวกับคุณ คุณก็อย่ามาข้องเกี่ยวกับฉันเลย ยิ่งไม่ต้องเจอ ไม่ต้องเห็นหน้า มันไม่ใช่ความต้องการของคุณหรือไงคะ”
ชาญมองแล้วยิ้มอยู่ในใจ ถ้าเมนูในมือของอันนาไม่ใช่กระดาษ แต่เป็นไม้ ตอนนี้เขาคงต้องลุกไปยืนระวังหัวให้เจ้านายแล้ว
“ผมบอกว่าไม่ให้คุณไปให้เห็นหน้า แต่ไม่ได้ห้ามตัวเองให้ทำในสิ่งที่อยากทำสักหน่อย การมากินข้าวให้อิ่ม ต้องมีเหตุผลมากกว่านี้ด้วยหรือ” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าไม่มีอะไรบอกว่าล้อเล่นได้เลย
อันนาถอนใจยาวข่มความกังวลไว้ ถ้าอีตามาเฟียมาเพื่อกินแล้วกลับ ก็รีบๆ ให้ได้กินเสีย เธอจะได้โล่งใจว่าร้านไม่ถูกถล่มแน่ๆ
“รับอะไรคะ” เมนูถูกยื่นให้อย่างพยายามสุภาพ
ชัครับเมนูที่เห็นรายการอาหารแล้วก็วางลง หันไปมองพนักงานที่เห็นลูกค้าเหมือนมดที่อยากบี้ให้ตาย แต่ไม่กล้า
“มีอะไรอร่อยบ้างล่ะ”
“ทุกอย่างค่ะ” ไม่มีอะไรที่พ่อครัวทำแล้วต้องเททิ้งสักอย่างนี่นา
ชัคพยักหน้าดวงตาคมวาบมองมาอย่างนึกสนุก “ถ้างั้นผมสั่งทุกอย่างและข้าวที่พอดีกับจำนวนคน”
เรียวปากบางเม้มตอนนี้รู้สึกเหมือนถูกแกล้ง สั่งขนาดนี้อีกชั่วโมงจะกินกันเสร็จหรือ แทนที่จะรีบกิน จะได้ไป กลายเป็นช้ากว่าเดิม
“คุณจะพาคนมาถล่มร้านนี้หรือไงคะ”
ชาญหัวเราะเบาๆ คนอื่นๆ พากันหัวเราะตาม มีเพียงคนเดียวที่เงียบเฉย แต่มองอันนาเหมือนเด็กที่เข้าใจอะไรยากจนน่ารำคาญอีกรอบ
“นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับคุณ ผมมาทำอะไรก็บอกไปแล้ว ถ้าไม่ทำตามคงได้อย่างอื่นแทน”
‘อย่างอื่น’ ที่เขาบอกคงไม่ใช่เรื่องดีๆ สำหรับป้าอรเป็นแน่
“รอสักครู่นะคะ”
อันนาอยากวีนใจจะขาด ทว่าผลที่ตามมาคงไม่คุ้ม เธอรีบเดินไปเข้าครัวแล้วบอกรายการอาหาร พ่อครัวแทบล้มทั้งยืนเพราะทำอาหารจนมือแทบหักอยู่แล้ว โชคดีที่เหลือลูกค้าอีกสองโต๊ะเท่านั้น ทำให้พอจะมีคนว่างมาช่วย ป้าอรจับตะหลิวควงกระทะทำเมนูต่างๆ อีกแรง แม้แต่อันนายังไม่ยอมรอเฉยๆ ไม่ใช่ว่ากลัวลูกค้าหิว แต่อยากให้กลับไปเร็วๆ ต่างหาก
“ใครน่ะน้ำ อย่างกับพวกมาเฟียในหนัง จะมาถล่มร้านของป้าพังราบไหมเนี่ย” ป้าอรชักตะหงิดๆ แต่เห็นว่าเป็นลูกค้าไม่กล้าไปถาม เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน
“ไม่หรอกค่ะ พวกนั้นแค่มากินแล้วก็ไป”
อาหารเสร็จแต่ละเมนูก็ทยอยนำออกไป อันนาเกาะกระทะไว้มั่นไม่ยอมออกไปเจออีตาชัคและลูกน้องเป็นพรวนอีก ถ้าไม่เห็นหน้าย่อมไม่มีเรื่องละมั้ง หวังให้เป็นอย่างนั้นเถิด
กลิ่นหอมๆ ของอาหารทำให้แต่ละจานที่วางลงได้รับความสนใจทันที ยกเว้นชัคที่ยังมองทางเดินจากครัวมาโต๊ะตรงนี้ เรียวปากที่เม้มปิดเป็นนิจคลายออกคล้ายยิ้ม ชาญมองตามพอจะรู้เหตุผลที่เจ้านายลงทุนมากินอาหารถึงที่นี่ อันนาไม่ใช่เป้าหมาย แต่ก็สร้างความสนุกเล็กๆ น้อยๆ ให้คนช่างวางแผน
“ดูเหมือนคุณอันนาคงไม่มาที่โต๊ะนี้อีกแล้วแน่ๆ”
ชัคหันมามองชาญอย่างพิจารณา นานมากแล้วที่ทำงานให้กันมา ไม่เคยเห็นสนใจมองหาใคร
“ชอบหรือ...เด็กคนนั้น”
ชาญหัวเราะเสียงดัง “เปล่าครับ แค่ตั้งแต่เกิดเรื่อง ผมเพิ่งเห็นคุณชัคยิ้มได้ แล้วที่สำคัญผมมีแฟนแล้ว รักเดียวหวังแต่ง ไม่เคยคิดนอกใจ”
รอยยิ้มบอกอะไรได้มากกว่าริมฝีปากได้ขยับอย่างนั้นหรือ ชัคเลิกคิ้วพลางส่ายหน้า ในโลกธุรกิจ รอยยิ้มไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่าการปิดบังความลับในสมองไม่ให้อีกฝ่ายรู้เท่านั้น
“มันไม่เกี่ยวกับเด็กคนนั้นหรอก ยิ้มรอยของผมเกิดขึ้นเพราะสบายใจเท่านั้นเอง ตอนนี้ถ้าไม่ได้มาที่นี่ ก็คงทำงานจนกว่าจะหมดแรง เด็กคนนั้นคือความยุ่งยาก”
มีเพียงรอยยิ้มเป็นคำตอบแล้วปิดปากตัวเองด้วยอาหารที่รสชาติอร่อย ชัคกินอยู่ไม่กี่คำก็วางช้อนส้อม อาหารอร่อยจะมีประโยชน์อะไรหากไม่อยากกินมาตั้งนานแล้ว การกินสำหรับเขาก็เพื่อให้ร่างกายยังมีพลังงานเพียงเท่านั้นเอง


แล้วจะมา up ต่อนะคะ หนังสือวางแผงแล้วและมีจำหน่ายและในรูปแบบe-book แล้วค่ะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 มิ.ย. 2558, 09:58:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 มิ.ย. 2558, 09:58:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1253





<< ตอนที่ 4 ครึ่งแรก   ตอนที่ 5 ครึ่งแรก >>
แว่นใส 14 มิ.ย. 2558, 21:16:27 น.
เรื่องสนุก แต่ทุกข์ของคนอื่น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account