กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง
ตอน: ตอนที่ 5 ครึ่งแรก
อันนาแอบมองจากในครัวพอเห็นชัคเหมือนจะอิ่มแล้วค่อยถอนใจโล่งอกได้ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงร้านคงกลับสู่ความปลอดภัย ป้าอรออกไปทำความรู้จักลูกค้ารายสุดท้ายแล้วกลับมาคิดเงิน เพียงไม่นานนักชัคและคนของเขาก็ลุกขึ้น สายตาคมวาวมองมา หญิงสาวหลบวูบ ไม่แน่ใจว่าทำไมต้องหลบ รู้แต่ไม่อยากเห็นหน้าให้เกิดเรื่องอีก
“ไปไหนต่อครับหรือว่าจะ...” ชาญจงใจพูดค้างไว้หันไปมองหาอันนา หากเจ้านายต้องการให้ทำบางอย่าง
ชัคเห็นสายตาของคนสนิทแล้วส่ายหน้า
“กลับบ้าน คิดว่าผมมาที่นี่เพื่ออะไร มันไม่ใช่เรื่องโมแมนติกอย่างที่สมองของนายกำลังคิดหรอก”
ถึงชาญไม่ได้พูดออกมา แต่คนไม่สนใจใครนอกจากเป้าหมายของตัวเอง ถ้าไม่ได้มองเพราะสนใจก็มองด้วยสาเหตุอื่น ชัคเริ่มหงุดหงิดและเดินเร็วขึ้น เพียงครู่เดียวก็จากไปพร้อมๆ กับอันนาออกมาจากห้องครัว ป้าอรยิ้มแก้มแทบแตกเมื่อเห็นเงินทอนที่รวมทิปเกือบ 3 พันบาทได้
อันนายกทิปของตัวเองให้น้องๆ ที่มาทำงานหาค่าเทอม เราช่วยกันปิดร้านแล้วเดินทางกลับบ้าน รถเมล์ยังมีอยู่ ทางเข้าพอพักห่างจากถนนเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น เธอเดินไปเรื่อยๆ ไฟข้างทางเปิดสว่าง ทว่าแผ่นหลังบอบบางสัมผัสได้ว่ากำลังถูกตาม ความโกรธเล่นปราดจะมีใครเล่าที่ตามไม่ลดละ แต่พอหันไปกลับไม่เห็นใครสักคน
ออฟฟิศของ P&I อยู่ไม่ไกลจากหอพัก นั่งรถเมล์ต่อเดียวถึง อันนาไปถึงก่อนเวลาทำงานเกือบครึ่งชั่วโมงเลยเดินสำรวจเผื่อว่าจะมาหาอะไรกินที่นี่ แทนที่จะต้องทำอะไรกินเองในห้อง มีร้านรวงอยู่มากมายเพราะบริเวณนี้เป็นตึกเช่าบริษัทต่างๆ พอใกล้เวลาจึงเดินไปยังออฟฟิศสองชั้นซึ่งมาสัมภาษณ์งานไปเมื่อสัปดาห์ก่อน
พริมมาเห็นพนักงานใหม่ก็เข้าเดินมาหา เสื้อสีขาวกระโปรงสีครีมช่างเรียบร้อยมาก อันนายกมือไหว้คราวก่อนผู้หญิงคนนี้แหละที่สัมภาษณ์เธอ
“นั่งก่อนนะ เดี๋ยวพี่พาไปแนะนำทุกคน วันนี้พี่เมธคงเข้ามาช่วงบ่าย ออฟฟิศรกนิดนึงนะ เรากำลังจะย้ายออฟฟิศกลับไปที่สำนักงานใหญ่น่ะค่ะ”
“ค่ะพี่พริม” มองไปรอบตัวก็เห็นกล่องใบใหญ่ๆ หลายใบ โต๊ะหลายตัวว่างเปล่า “ตอนนี้มีอะไรให้น้ำช่วยไหมคะ”
“ไม่เป็นไรจ้า เดี๋ยวพี่ให้อ่านพวก work plan กับ Scope งานก่อนดีกว่า แล้วพี่จะมาสอนงานให้นะ ขอไปแก้งานแป๊บนึง งานด่วนน่ะ”
แฟ้มถูกหยิบออกมาจากตู้ที่ยังไม่ได้เก็บของลงลังกระดาษ แล้วมาวางให้พนักงานใหม่
“ขอบคุณนะคะ” อันนายิ้มให้แต่กลับถูกจ้องหน้า
“พี่ว่าหน้าของน้ำคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน แปลกจัง”
“น้ำหน้าโหลละมั้งคะ”
คนหน้าโหลหัวเราะ พริมมาหัวเราะตามไม่ติดใจสงสัยอะไร อันนาก้มหน้าอ่านเอกสาร ช่วงเช้าผ่านไปอย่างเงียบๆ พองานด่วนเสร็จแล้วพริมมาก็เข้ามาแจกแจงถึงกฎระเบียบต่างๆ ที่ควรรู้ งานในส่วนความรับผิดชอบของเธอซึ่งคงต้องเริ่มหลังจากย้ายของทุกอย่างไปสำนักงานใหญ่ เวลาที่เหลือเธอเลยช่วยพี่ๆ เก็บของลงกล่อง
เมธากลับจากประชุมแล้วเข้ามาออฟฟิศหลังจากบ่ายโมงไปเล็กน้อย อันนาถือสมุดบันทึกและแทบเล็ตเข้าไปในห้องทำงานของเขาหลังจากถูกโทรตาม พอเห็นหน้าเจ้านายแล้วหญิงสาวก็ก้มหน้าอยากมุดดินได้ ถึงว่าพริมมาบอกว่าคุ้นหน้า เมธาจะจำได้ไหมว่าเคยจ่ายค่าอาหารให้เธอจนเกิดเรื่องตามมา ถูกกล่าวหาว่าซ่องสุมคนมามั่วยา
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“สวัสดีค่ะคุณเมธา”
อันนาเงยหน้ายกมือไหว้แข็งใจไว้ ผ่านไปเป็นเดือนแล้ว แถมวันนั้นเธอใส่หมวกกันน็อคเขาอาจจะจำไม่ได้ ทำไมโลกกลมจนน่าเบี้ยวแบบนี้เนี่ย
เมธารับไหว้ “ยินดีต้อนรับ กฎระเบียนอะไรต่างๆ พริมคงบอกหมดแล้ว”
“ค่ะ”
สายตาขุ่นมัวมองหญิงสาวที่จัดว่าสวย แต่เหนือความสวยคือความสามารถที่เขาเห็นจากผลการเรียนและผลงานการออกแบบที่พริมมาสัมภาษณ์ไป อันนาถอนใจอยู่ในอก ดูเหมือนเมธาจะจำเธอไม่ได้
“การทำงานที่นี่ไม่มีอะไรมากคือการดึงศักยภาพในการออกแบบของคุณออกมา ตั้งใจและจริงจัง เส้นสายต่างๆ บังคับผมประเมินให้คุณผ่านงานไม่ได้ นอกจากความสามารถของคุณเอง”
สีหน้าของอันนาไม่เปลี่ยน แม้คำพูดจะฟังแล้วแปลกๆ ชอบกล การเริ่มต้นของทุกความสัมพันธ์ไม่ว่ารูปแบบใดมักเกิดคำถามที่ไม่ควรเก็บไว้ให้แครงใจ
“เส้นสายหรือคะ”
เรียวปากหนายิ้ม แต่สายตาเครียดยามที่มองมา อันนารอคำตอบ แต่กลับได้ฟังอย่างอื่นแทน
“หลังจาก on the job training แล้ว ผมจะมอบหมายงานให้คุณ มีอะไรสงสัยก็ถามผม พริมหรือคนอื่นๆ ได้ ตอนนี้ก็อ่านเอกสารช่วยพี่ๆ คนอื่นไปก่อน”
“ขอบคุณค่ะ”
ความเงียบเกิดขึ้นราวกับหมดเรื่องที่จะมอบหมายบอกกล่าวแล้ว เมธาก้มหน้าสนใจงานออกแบบบนโต๊ะ อันนายกมือไหว้แล้วขอตัวออกไปจากห้อง รู้สึกว่ามีบางอย่างที่เจ้านายไม่พอใจ แต่ไม่รู้ว่าอะไรเมื่อเธอเพิ่งมาทำงานแค่วันแรก ความไม่พอใจควรเกิดขึ้นหลังจากนี้หากทำอะไรไม่ถูกไม่ควรสิ
ลังใส่เอกสารถูกย้ายไปบางส่วนในเย็นวันนั้น วันต่อมาอันนาได้แผนที่สำหรับสำนักงานใหญ่ซึ่งอยู่ตึก Prime ความประหลาดใจไม่มากเท่าความบังเอิญที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก แต่ยังคิดในแง่ดีว่าตึกนั้นอาจแบ่งชั้นต่างๆ ให้เช่า สำนักงานใหญ่ของ P&I อาจอยู่ที่นั่น แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Prime Corporation ก็ได้
อันนาพบพริมมาที่หน้าตึกพอดีเลยช่วยถือเอกสารบางส่วนเข้ามาด้วยกัน ระหว่างรอลิฟต์เธอพยายามมองหาป้ายบอกสำนักงานแต่ละชั้น แต่กลับไม่มีบริษัทอื่นๆ บอกจากการบอกว่าฝ่ายต่างๆ อยู่ชั้นไหน ชักแปลกๆ P ย่อมาจาก Prime หรือเปล่า ในเอกสารที่อ่านเมื่อวานไม่เห็นจะมีบอกไว้
“สำนักงานใหญ่ของบริษัทคือที่นี่หรือคะพี่พริม”
“จ้า พอดีชั้น 14 ตกแต่งใหม่เสร็จแล้ว พวกพี่ไปเร่ร่อนเช่าตึกข้างนอกอยู่เป็นเดือนๆ แถมยังซวยถูกตำรวจเข้าใจผิดคิดว่ามามั่วยากันอีก เลยย้ายมาตึกที่น้ำไปสัมภาษณ์งานนั่นแหละ”
ลำบากเพราะเธอแท้ๆ เชียว บานลิฟต์เปิดพอดี พริมมาก้าวเข้าไปในขณะที่อันนาเพิ่งปะติดปะต่อที่มาของบริษัทได้ เพิ่งเข้าใจว่าทำไมชัคระแวงเธอนัก พนักงานของเขาเกือบถูกจับเพราะสายตำรวจเก๊ๆ อย่างเธอไงล่ะ
“น้องน้ำ รีบเข้ามาเร็วๆ จ้า”
อันนาสะดุ้ง ลังเลที่จะก้าวต่อ ทว่าการเดินจากไปทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองทำให้ขาก้าวออกเดิน หญิงสาวกังวลอยู่ในใจ ท่องไว้ว่ามาทำงาน แต่ทำไมมันบังเอิญจนน่าสงสัยแบบนี้นะ
“คงไม่ซวยเจอกันหรอกมั้ง”
พริมมาหันมามองได้ยินไม่ถนัด “มีอะไรหรือเปล่าน้องน้ำ”
“เจ้าของสำนักงานใหญ่เป็นใครหรือคะพี่พริม” แทนการตอบอันนาเปลี่ยนเป็นถามให้แน่ใจ
“คุณชัค ธนเกียรติชัย ถ้าน้ำได้เห็นแล้วจะกรี๊ด คู่หมั้นเพิ่งตายไปครึ่งปี เป็นหนุ่มโสด สาวๆ พากันมองตาปรอย แต่สงสัยยังไม่หายเศร้า ตอนนี้เลยไม่เห็นควงใคร” พริมมากระซิบ ถึงไม่บอกตอนนี้เด็กใหม่คงได้ยินจากพนักงานสาวๆ อยู่ดี
“เจ้านายใจดีไหมคะ”
“ก็ใจดีนะ แต่เรื่องงานต้องเนี๊ยบ ไม่งั้นแก้แล้วแก้อีก แต่ก็คุ้มกับความเหนื่อยนั่นแหละ”
ถึงชั้น 14 พอดี บานลิฟต์เปิดออกอันนาก้าวตามพริมมาไปผ่านลิฟต์อีกตัวที่มาชั้นเดียวกันซึ่งเปิดออกแต่กลับไม่มีใครก้าวออกมา แม้จะเพียงพริบตาเดียวยามร่างเพรียวบางเดินผ่าน แต่มีหรือที่ผู้ชายสองคนจะจำไม่ได้ ผู้เป็นนายวางท่าเฉยเมย ต่างจากบอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่พอกัน
“ดูเหมือนฝ่ายออกแบบจะย้ายกลับมาที่สำนักงานใหญ่แล้วนะครับ”
ชัคหันมามองชาญอย่างรู้ทัน เหตุผลที่บอดี้การ์ดกดลิฟต์ผิดชั้นคงไม่ใช่ความบังเอิญ อยากทดสอบเขาหรือว่าสนใจเด็กคนนั้นกันแน่ ชาญยิ้มไม่รู้ไม่ชี้แล้วกดปิดลิฟต์ให้เลื่อนต่อไปจนถึงชั้น 16 คราวนี้ถูกชั้นแล้ว บอดี้การ์ดวัยสามสิบต้นๆ มองตาม หน้าเรียบๆ แบบนี้ใครจะไปเดาถูกว่าคิดอะไรอยู่
อันนาสองจิตสองใจว่าควรลาออกเพื่อไม่ให้ใครเสียเวลาหรือว่าเดินหน้าต่อ ถ้าวันหนึ่งได้เจอชัคจะทำยังไงดี ยกมือไหว้หรือว่าทำเป็นมองไม่เห็น เธอกับเขาไม่ได้มีเรื่องติดค้างอะไรกันอีกแล้วนี่นา ผู้ใหญ่ดีๆ ไม่ควรถือสาเด็ก ว่าแต่เขาจะคิดแบบนี้หรือเปล่าใครจะไปรู้ได้
ผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่เธอเห็นจากผังองค์กรออกมาจากลิฟต์พอดี เธอยกมือไหว้แล้วรีบวิ่งไปจะได้ไม่เสียเวลารอลิฟต์อีกตัว ใกล้จะบ่ายโมงอยู่แล้ว เด็กใหม่ไม่ควรเข้างานช้า
“รอด้วยค่ะ”
บานลิฟต์ที่กำลังจะปิดได้เปิดออกอีกครั้งแล้วค้างอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเจ้าของเสียงใสๆ ก้าวเข้ามา บานลิฟต์ก็ปิดลง ร่างสูงยืนนิ่งมองเงาของคนหอบเบาๆ จากกระจกตรงหน้า
“ดีใจจัง เกือบไม่ทัน ขอบคุณนะคะ” รอยยิ้มขอบคุณค้างกลางอากาศเมื่อเห็นว่าคนใจดีที่เพิ่งชมนั้นทำหน้าเหมือนไม้กระดาน
“คุณ!?!” ความซวยเข้าแล้วคงไม่ออกไปง่ายๆ
สายตาคมวาวมองพนักงานใหม่ในชุดกางเกงสแล็คสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน ผมยาวมัดไว้เรียบร้อย ไม่แน่ใจว่าแต่งหน้ามาเพียงบางๆ หรือไม่ได้แต่งเลย ดูแปลกตาสดใสกว่าพนักงานคนอื่นๆ ทว่าให้อย่างไรสำหรับคนถูกมองคงบอกว่าสายตาแบบนี้บ่งบอกความเป็นมิตรได้ยาก
“มองมาแบบนี้รู้แล้วหรือยังว่าผมเป็นใครสำหรับที่นี่”
อันนายกมือไหว้ไม่ได้กลัว แต่ไหว้ในฐานะที่เขาเป็นเจ้านายอีกคน “ทราบค่ะ แล้วพร้อมจะถูกไล่ออกตอนนี้เหมือนกัน ฉันแปลกใจตั้งแต่ที่นี่รับเข้าทำงานแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีๆ จากความสามารถแน่ๆ”
เรียวปากหนากดลึกคล้ายยิ้ม แต่ไม่น่าใช่ เขากับเธอไม่ได้สนิทกันจนแสดงความรู้สึกต่อกันได้ อันนายืนนิ่งรอฟัง อีกไม่กี่วินาทีลิฟต์จะเปิดออก ตอนนั้นล่ะวินาทีสุดท้ายของการมีงานทำซึ่งจบลงเร็วกว่าที่คิด
“คุณคิดว่าผมจะยอมให้รับคนไม่มีความสามารถเข้ามาทำงานเชียวหรือ นักธุรกิจถ้าได้ประโยชน์แม้จะเล็กน้อยทำไมจะมองข้าม”
“คุณรับฉันเข้ามาทำงานเพราะความสามารถอย่างเดียวหรือคะ ทำไมฉันถึงคิดว่ามันน่าจะมีอะไรแอบแฝง” อันนายังไม่อยากเชื่อนัก การพบชัคที่ร้านอาหารของป้าอร แล้วยังที่รู้สึกว่ามีคนตาม ทำให้เธอเริ่มคิดว่าทุกอย่างเกี่ยวกับเขาไปหมด
“คนอย่างผมถ้าดีมาก็ดีตอบ แต่ถ้าร้ายมาก็อย่าอยู่ร่วมกัน”
“แล้วฉันอยู่เคสไหนล่ะคะ”
“ตอนนี้คุณยังสบายกาย มีงานทำ ไม่ได้ถูกไล่ล่าไม่ใช่หรือ แต่ถ้าถอดใจลาออกเพราะมีผมอยู่ที่นี่ก็ถือว่าขี้ขลาด ไม่น่าสนใจ เสียเวลาเปล่า”
แต่ละคำเหมือนธนูที่พุ่งเข้ามาปักตามร่างกาย อันนาเม้มปากเรื่องลาออกทำไมจะไม่อยาก แต่พอพูดแบบนี้ ต่อให้ต้องลากสังขารมาทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองก็ต้องทำ
“เจอกันอย่าทัก ฉันจะคิดว่าเพิ่งรู้จักคุณ ตอนนี้คุณเป็นเจ้านาย ฉันเป็นพนักงาน บอกก่อนเลยนะ ถ้าฉันตกงานเพราะเบื้องบนสั่งมา แสดงว่าเรามีวุฒิภาวะไม่ต่างกัน”
“คุณยังไม่ได้รับโอกาสนั้นหรอกน่า”
ชัคเลิกคิ้วเหมือนฟังเรื่องแปลกประหลาดก่อนจะเดินออกจากลิฟต์ไปเพื่อเข้าสู่สำนักงานในชั้นที่ 14 ไม่เร่งร้อนอะไร เมื่อการมาครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายที่ใครเป็นพิเศษอย่างที่อันนาคงคิดว่าเขาหมายหัวเธอไปแล้ว
อันนารีบเดินตามไปแค่วันแรกที่คิดว่าคงไม่พบกันง่ายๆ แต่กลับง่ายจนน่าโมโห แล้วเขามาทำอะไรที่นี่ จะถามก็คงไม่ทันเมื่อเมธาเห็นชัคแล้วเดินมาต้อนรับแล้ว หลายคนในออฟฟิศมองจ้านายแล้วเผื่อแผ่มาถึงเธอ
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ ต่อไปคุยงานก็ง่ายขึ้น” เมธายืนผึ่งผายไม่ได้ค้อมไหล่เหมือนคนอื่นๆ ตามแบบฉบับของคนหัวแข็ง
อันนาเดินหลบฉากมาทางพริมมาแล้วมานั่งที่โต๊ะทำงานประจำตัว สายตาของชัคยังมองคู่สนทนาไม่ได้ปรายไปหาใครอย่างที่เมธากำลังสังเกตอยู่เงียบๆ
“ไหนๆ ก็มาแล้ว ผมอยากคุยเรื่องแบบจะได้สรุปกันได้เสียที ทางคุณพร้อมไหม”
“เอ่อ...พร้อมครับ ขอเวลาเตรียมห้องประชุมสักครู่”
พริมมาเดินนำชัคมายังห้องรับรองเล็กๆ ที่ยังไม่เรียบร้อยนักเพราะมีกล่องใส่เอกสารที่ยังไม่ได้เปิดวางอยู่หลายใบ กาแฟมาเสิร์ฟให้หลังจากนั้น ชัคนั่งรอเงียบๆ พนักงานก้มหน้าก้มตาบ้างทำงาน บ้างก็จัดเอกสาร
อันนานั่งหันหลังให้ ไม่อยากให้ใครจับได้ว่ารู้จักอีตามาเฟียน้ำเมามาก่อน คำพูดของเมธายิ่งแปลกๆ อยู่
“เชิญครับห้องประชุมพร้อมแล้ว”
พนักงานทุกคนถูกเรียกเข้ามาในห้องประชุมเพราะนอกจาการตรวจงานตามความต้องการของชัคแล้วยังเป็นการกล่าวต้อนรับทุกคนเข้าสู่สำนักงานใหญ่ อันนาฟังการประชุมแล้วจดคอนเซ็ปต์ของงานไว้ ถึงงานจะผ่านแล้ว แต่ในอนาคตการออกแบบก็ต้องเกิดขึ้นอีก
เมธาหันมามองเธออยู่หลายครั้ง ในขณะที่ชัคไม่แม้จะสนใจด้วยซ้ำว่ามีเธออยู่ด้วย ระหว่างเจ้านายทั้งสองคน คนไหนมีอะไรในใจมากกว่ากัน
แล้วจะมา up ต่อถึงตอนที่ 15 นะคะ มีจำหน่ายในรูปแบบหนังสือและ e-book แล้วค่ะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มิ.ย. 2558, 09:38:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มิ.ย. 2558, 09:38:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 1315
<< ตอนที่ 4 ครึ่งหลัง | ตอนที่ 5 ครึ่งหลัง >> |