กว่าหัวใจจะเจอรัก
คำโปรย กว่าหัวใจจะเจอรัก
หนึ่งคน...ยโสเอาแต่ใจ เคยชินต่อการที่ใครต่อใครยอมศิโรราบ จนไม่ยอมแม้แต่จะฟังเสียงหัวใจของตัวเอง
หนึ่งคน...อวดดื้อถือดี พยายามต่อต้านทุกวิถีทางทั้งที่หัวใจร่ำร้องว่าไม่ต้องการ
หนึ่งคน...ภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่ข้างในซุกซ่อนความเอาแต่ใจกระทั่งยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
หนึ่งคน...หัวอ่อนว่าง่าย หากในใจกลับเข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ ถึงแม้หัวใจจะถูกใครบางคนฉกฉวยยึดเอาไปแล้วก็ตาม
...ในเมื่อไม่ยอมฟังเสียงหัวใจ ไม่ยอมทำในสิ่งที่หัวใจร่ำร้อง แล้วอย่างนี้เมื่อไรหัวใจทุกดวงจึงจะค้นพบรักแท้ที่จริง ๆ แล้วอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม...
หนึ่งคน...ยโสเอาแต่ใจ เคยชินต่อการที่ใครต่อใครยอมศิโรราบ จนไม่ยอมแม้แต่จะฟังเสียงหัวใจของตัวเอง
หนึ่งคน...อวดดื้อถือดี พยายามต่อต้านทุกวิถีทางทั้งที่หัวใจร่ำร้องว่าไม่ต้องการ
หนึ่งคน...ภายนอกสุภาพอ่อนโยน แต่ข้างในซุกซ่อนความเอาแต่ใจกระทั่งยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
หนึ่งคน...หัวอ่อนว่าง่าย หากในใจกลับเข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ ถึงแม้หัวใจจะถูกใครบางคนฉกฉวยยึดเอาไปแล้วก็ตาม
...ในเมื่อไม่ยอมฟังเสียงหัวใจ ไม่ยอมทำในสิ่งที่หัวใจร่ำร้อง แล้วอย่างนี้เมื่อไรหัวใจทุกดวงจึงจะค้นพบรักแท้ที่จริง ๆ แล้วอยู่ใกล้แค่มือเอื้อม...
Tags: พี่จิน พี่ธันว์ น้องส้ม น้องแก้ม ปากแข็ง ทิฐิ
ตอน: ตอนจบ
ตอนจบ
หลังจากน้องแก้มไปเรียนต่อต่างประเทศ ธันวาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน
ครึ่งปีแรก จากคนใจเย็นกลายเป็นคนใจร้อนและหงุดหงิดง่ายจนจินตเมธยังต้องยกมือยอมแพ้ แต่เหมือนรู้ตัวเพราะครึ่งปีหลังธันวาก็เปลี่ยนเป็นไม่สุงสิงกับใคร ใช้ชีวิตราวกับคนใจสลายจนทำให้จินตเมธเป็นห่วงต้องคอยโทร. ตามเวลาเพื่อนรักทำตัวเหมือนหายเข้ากลีบเมฆ
ขึ้นปีที่สอง ธันวาก็ทำให้จินตเมธเป็นห่วงมากขึ้นกับความเงียบขรึมไม่ค่อยพูด จากที่เคยแวะเวียนมาพูดคุยมาระบายความในใจ ธันวากลับปิดปากเงียบ ราวกับต้องการขังตัวเองในโลกส่วนตัว จนบางทีทำให้จินตเมธนึกน้อยใจและโมโหเพราะรู้สึกเหมือนถูกผลักไสออกมาเป็นเพื่อนร่วมโลกมากกว่าเป็นเพื่อนรักที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ
ความเปลี่ยนแปลงของธันวา ไม่เพียงสร้างความกังวลให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนสนิท แต่ยังทำให้คุณเพ็ญพิสุทธิ์พลอยเป็นห่วงเช่นกัน
จริงอยู่ว่าธันวายังแวะเวียนมาที่บ้านบ้างเมื่อต้องนำข้าวของที่พ่อและแม่ของเขาซื้อฝากมาให้ แต่ท่าทีสุภาพห่างเหินและแววตาไร้ความรู้สึกของเขาทำให้คุณเพ็ญพิสุทธิ์รู้สึกผิดปนหนักใจเสมอ จนหลายครั้งอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไปถูกต้องแล้วแน่เหรอ
คุณเพ็ญพิสุทธิ์ถอนหายใจเมื่อนึกถึงการตัดสินใจส่งน้องแก้มไปเรียนต่อต่างประเทศ
ใช่ว่ารังเกียจธันวาจนใช้วิธีนี้กีดกัน เพียงแต่คิดว่าอายุของชายหนุ่มกับลูกสาวต่างกันมากเหลือเกิน ยิ่งนึกถึงโอกาสค่อนข้างสูงที่ธันวาจะได้เจอหรืออาจถูกใจกับหญิงสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ท่านก็นึกกังวลแทนลูกสาว
อีกตั้งหลายปีกว่าน้องแก้มจะเรียนจบ ถึงตอนนั้นบางทีธันวาอาจเจอคนถูกใจจนแต่งงานกันแล้วก็ได้
นั่นคือสิ่งที่คุณเพ็ญพิสุทธิ์พยายามบอกตัวเองเวลารู้สึกผิดที่เห็นท่าทีเหมือนคนไร้หัวใจของธันวา แต่ยังคงไม่เปลี่ยนใจเรื่องน้องแก้ม
ทว่าเมื่อเวลาล่วงเข้าปีที่สี่ ก็เกิดเหตุร้ายที่ทำให้คุณเพ็ญพิสุทธิ์ต้องเปลี่ยนใจ
น้องแก้มน้ำตาไหลไม่หยุดนับแต่เหยียบย่างสู่แผ่นดินบ้านเกิดแล้วรู้ถึงสาเหตุที่มารดาเรียกตัวเธอกลับบ้าน
พ่อของเธอเสียชีวิตเพราะหัวใจวาย!
“แล้วแม่ล่ะคะพี่นารี”
คำถามติดสะอื้นของน้องแก้มที่ตอนนี้มีน้ำตานองเต็มใบหน้าทำให้นารีสงสารจับใจ ไม่คิดเลยว่าเธอจะต้องรับหน้าที่แจ้งข่าวร้ายนี้ให้กับเด็กน้อยในอดีตที่เธอมีส่วนเลี้ยงดู ถึงแม้ตอนนี้น้องแก้มเป็นสาวน้อยวัยสิบแปดที่ทั้งสวยและน่ารัก แต่ในสายตาของเธอตอนนี้น้องแก้มก็ไม่ต่างจากเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เลยเมื่ออีกฝ่ายกำลังสะอื้นไห้จนตัวโยน
“คุณแม่ไม่สบายค่ะ ตั้งแต่รู้ข่าวก็นอนซมลุกจากเตียงไม่ขึ้น”
“งั้นน้าว่าเรารีบไปดูคุณแม่กันเถอะ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน”
น้องแก้มหันไปมองน้าบุษ หรือ บุษบา เพื่อนรักของมารดาที่ท่านไว้ใจส่งเธอให้ไปพักอาศัยด้วยขณะเรียนต่อ พลางคิดว่าน้าบุษคงรู้ข่าวเรื่องพ่อของเธอตั้งแต่แรกแล้วถึงได้ขอตามมาด้วยโดยอ้างว่าจะมาหาแม่ของเธอ แต่คงไม่กล้าพูดถึงปล่อยให้นารีเป็นคนรับหน้าที่นี้แทน เด็กสาวทำได้แค่ขานรับก่อนทำตัวไม่ต่างจากหุ่นยนต์ยามก้าวตามอดีตพี่เลี้ยงและเพื่อนสนิทของมารดาไปทีละก้าวอย่างเชื่องช้า ปวดไปทั้งใจเมื่อนึกว่าอีกไม่กี่นาทีเธอก็จะได้กลับบ้าน
ใช่มีเพียงน้องแก้มที่เจอเรื่องไม่คาดฝัน ธันวาเองก็เช่นกันที่แทบตั้งหลักไม่ทันกับการเผชิญหน้ากันในรอบสามปีนับตั้งแต่สาวน้อยไปเรียนไกลถึงต่างแดน
หัวใจที่คิดว่าตายด้านเริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อได้สบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของคนที่ทำให้เขาเกือบเป็นบ้ามาตลอดระยะเวลาสามปีเต็ม แต่ชายหนุ่มก็พูดไม่ออกกับการพบกันท่ามกลางบรรยากาศของความสูญเสีย
แวบแรก การได้เห็นหน้าคนที่เธอเฝ้าคิดถึง ทำให้น้องแก้มเกือบโผเข้าไปกอดเพื่อขอไออุ่นและการปลอบประโลม แต่ไหนแต่ไรธันวาไม่ได้เป็นเพียงพี่ แต่เขาเหมือนเป็นพ่อเพราะความเอาใจใส่คอยดูแลเธอราวกับจะทดแทนในส่วนที่พ่อของเธอแทบไม่มีเวลาให้ ดังนั้นสำหรับเธอแล้วเขาจึงเป็นเหมือนโลกทั้งใบก็ว่าได้
ดังนั้นเมื่อเห็นคนที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบทำท่าเฉยชากับการได้พบกัน สาวน้อยก็ตื้อไปทั้งอก ความเสียใจจากการสูญเสียพ่อหนักหนาแล้ว เมื่อมาเจอกับการไม่แยแสของคนที่เธอหวังพักพิงใจ หัวใจดวงน้อยจึงหวั่นไหวจากเหมือนเรือขาดหางเสือก็เพิ่มความรู้สึกว่าเหมือนถูกตัดหางปล่อยวัดซ้ำอีก
หากไม่ติดว่าไม่เหมาะสม พี่ธันว์ก็อยากดึงน้องแก้มเข้ามากอดและบอกว่าเธอยังมีเขาอยู่ ยิ่งเห็นน้ำตาที่เอ่อคลอของสาวน้อยเขาก็สงสารจับใจ การที่ต้องฝืนตัวเองให้นิ่งเฉยทำให้เขาปวดใจจนต้องระบายออกด้วยการกำมือแน่น ก่อนขอตัวผละจากไปนั่งรวมกับแขกคนอื่น
ห้าวันหลังจากนั้นงานศพพ่อของน้องแก้มก็สิ้นสุด แต่คุณเพ็ญพิสุทธิ์ยังทำใจรับไม่ได้จนส่งผลให้ร่างกายยิ่งทรุดกระทั่งในที่สุดถูกนำส่งโรงพยาบาล นับว่าโชคดีที่มีเพื่อนรักอย่างคุณบุษบาคอยอยู่เป็นเพื่อนและช่วยดูแลแต่ก็แค่วันเดียว เพราะหลังจากนั้นลูกสาวของคุณบุษบาก็โทร. มาแจ้งข่าวว่าสามีชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บจากการตกบันไดทำให้ร้อนใจจนต้องรีบเดินทางกลับ
ตอนสายของวันนี้เมื่อน้องแก้มเปิดประตูบ้านออกมาเพื่อเตรียมจะไปเปลี่ยนหน้าที่กับอดีตพี่เลี้ยงที่โรงพยาบาล เธอก็พบว่ามีใครคนหนึ่งเฝ้ารออยู่แล้ว
“พี่ธันว์”
“จะไปหาคุณน้าใช่ไหม พี่จะไปส่ง”
น้องแก้มนิ่งไปเมื่อความรู้สึกในวันที่เจอกันตอนงานศพของพ่อหวนกลับมาทำร้ายหัวใจ นอกจากคำพูดแสดงความเสียใจตามมารยาทเขาแทบไม่ได้พูดกับเธออีกเลย โดยเฉพาะในคืนที่สองเมื่อเขาพาผู้หญิงคนนั้นมาด้วย
“ขอบคุณค่ะ แต่แก้มไปเองได้”
พี่ธันว์นิ่วหน้ากับคำตอบที่ได้รับ เมื่อน้องแก้มทำท่าจะเดินผ่านเขาไปโดยไม่พูดอะไรอีก ชายหนุ่มก็คว้ามือเด็กสาวเอาไว้
“ไปเรียนเมืองนอกแค่ไม่กี่ปี กลับมาเป็นเด็กอวดดีขนาดนี้เชียว!”
น้องแก้มสะอึกเมื่อเจอกับวาจากระด้าง ยิ่งสบกับแววตาแข็งกร้าวของพี่ธันว์ เด็กสาวก็อดคิดไม่ได้ว่าคนที่เธอกำลังเผชิญหน้าไม่ใช่พี่ธันว์คนเดิม
“ไงล่ะ! ไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวที่นั่นคงเอาอกเอาใจดีสินะ ตอนนี้ถึงไม่เห็นไอ้บ้าหน้าโง่คนนี้อยู่ในสายตา!”
“พี่ธันว์!”
น้องแก้มเริ่มโกรธเมื่อเจอกับการถากถาง นึกสงสัยว่าอะไรที่เปลี่ยนคนใจดีเป็นคนปากจัดและร้ายกาจ
“ยังจำได้อีกเหรอว่าพี่ชื่ออะไร นึกว่าจะจำได้แต่ชื่อของไอ้พวกฝรั่งที่ออกเดทด้วยเท่านั้น!”
พี่ธันว์โกรธมากขึ้นเมื่อนึกถึงการเงียบหายไร้การติดต่อของน้องแก้ม ยิ่งเห็นเธอทำมึนตึงเหมือนจงใจสร้างระยะห่างกับเขา ทำให้ชายหนุ่มพานคิดไปในทางร้ายว่าน้องแก้มอาจหลงเสน่ห์หนุ่มตาน้ำข้าวคนไหนเข้าแล้ว
ความเจ็บปวดในใจที่เหมือนถูกของมีคมทิ่มแทง ทำให้พี่ธันว์สาดใส่คำพูดร้าย ๆ อย่างไม่ยั้งคิด
“แล้วจูบของพวกนั้นเทียบพี่ได้ไหม หรือลืมไปแล้วว่าจูบของพี่เป็นยังไง จะให้ทบทวนใหม่ก็ยังได้นะ”
“หยาบคาย!”
น้องแก้มสะบัดมือหวังจะให้พ้นจากการเกาะกุม แต่กลับทำให้เธอเจ็บตรงข้อมือเพราะพี่ธันว์เหมือนยิ่งเพิ่มแรงบีบมากขึ้น
“แค่นี้ยังไม่เรียกว่าหยาบคายหรอก ถ้าหยาบคายมันต้องหลังจากนี้!”
น้องแก้มน้ำตาจะหยดเมื่อพี่ธันว์สาธิตคำพูดด้วยการออกแรงกระชากเธอไปที่รถยนต์ของเขา ก่อนเปิดประตูด้านคนขับแล้วผลักเธอเข้าไปอย่างไม่แยแสว่าเธอจะเจ็บจากการกระทำของเขาหรือเปล่า
เมื่อขึ้นมานั่งประจำที่บนรถ ธันวาก็เริ่มใจเย็นและได้สติหลังจากระบายความโกรธออกไปบ้างแล้ว กระนั้นทิฐิทำให้ชายหนุ่มยังปิดปากเงียบแต่ก็ลอบมองคนข้างตัวไปด้วย เมื่อเห็นน้องแก้มเริ่มมีอาการตัวสั่นก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมา ชายหนุ่มก็ใจแป้วนึกอยากพูดอะไรออกไปสักอย่าง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พูด
แต่หลังจากเวลาผ่านไปราวหนึ่งนาที ชายหนุ่มก็ทนไม่ไหว
“ขอโทษ”
เหมือนคำขอโทษนั้นไปตัดโดนเส้นความอดทนของน้องแก้ม เมื่อเจ้าตัวหันมาระดมกำปั้นทุบลงไปบนอกของคนใจร้ายจนนับไม่ทัน
“เกลียด! แก้มเกลียดพี่ธันว์คนนี้ เอาพี่ธันว์คนเดิมของแก้มกลับมานะ เอากลับมา!”
การถูกรัวทุบลงมาบนอกยังไม่ทำให้พี่ธันว์เจ็บปวดเท่ากับการได้เห็นน้ำตาและได้ยินเสียงสะอื้นของน้องแก้ม ชายหนุ่มกัดฟันรวบตัวคนที่กำลังรัวกำปั้นใส่เขาเข้ามากอดแน่น
“ขอโทษครับ พี่ขอโทษ เลิกร้องไห้เถอะนะ”
ราวกับเกรงว่าแค่คำพูดยังไม่พอพี่ธันว์จึงอ้อนวอนด้วยการกระทำผ่านจุมพิตอ่อนโยนบนเรือนผมคนตัวเล็กกว่า
น้องแก้มยังคงสะอื้นถึงแม้ความเสียใจเริ่มเบาบางลงเพราะความพยายามไถ่โทษของพี่ธันว์ กระนั้นความเสียใจก็ยังคงเหลือจนทำให้เจ้าตัวดิ้นรนจะพาตัวเองออกจากการถูกกักขัง
“ขอพี่กอดให้หายคิดถึงหน่อยเถอะ”
น้องแก้มเหมือนถูกดูดเรี่ยวแรงจนไม่มีแก่ใจจะดิ้นรนอีกเมื่อถูกขอร้องจากน้ำเสียงพร่าสั่นของพี่ธันว์ ใช่มีเขาคนเดียวที่จมอยู่กับความคิดถึง สามปีมานี้เธอก็ถูกทรมานจากความคิดถึงด้วยเช่นกัน
“พี่รักน้องแก้ม”
ความรักและคิดถึงผลักดันให้พี่ธันว์พูดออกไปตามความรู้สึก ถึงแม้แปลบปลาบใจเพราะเข้าใจว่าความรักของเขาคงไม่มีความหมายสำหรับเธออีกแล้ว
คนถูกบอกรักน้ำตาไหลอีกครั้งเมื่อนึกไปถึงตอนที่เห็นเขาพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในงานศพ จนอดไม่ได้ต้องแย้งเสียงสั่น
“ยังรักแก้มอีกเหรอคะ แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ พี่ธันว์เอาเธอไปไว้ที่ไหน”
ความงุนงงและสับสนทำให้พี่ธันว์ยอมปล่อยน้องแก้มเป็นอิสระเพื่อจะได้เห็นสีหน้าและแววตา
“ผู้หญิงคนไหน น้องแก้มพูดอะไร พี่ไม่เข้าใจ”
เห็นสีหน้าแววตาของพี่ธันว์ น้องแก้มก็อยากเชื่อใจจะขาดแต่ความน้อยใจผลักดันให้ยังแง่งอน
“ก็ผู้หญิงคนนั้นไงคะที่พี่ธันว์พาเธอมางานศพคุณพ่อ หรือมีหลายคนจนจำไม่ได้”
พี่ธันว์อมยิ้มเมื่อจับได้ถึงน้ำเสียงกระเง้ากระงอด ความเอ็นดูปนหมั่นไส้ทำให้ก้มหน้าลงไปหอมแก้มใสหนึ่งที
“พี่ธันว์!”
“นี่ถือเป็นการลงโทษที่น้องแก้มหนีพี่ไปตั้งสามปี”
น้องแก้มพลอยเจ็บไปด้วยเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของพี่ธันว์ทั้งจากน้ำคำและแววตาของเขา
“แก้มไม่ได้หนี พี่ธันว์ต่างหากที่ไม่มาหาไม่ยอมไปส่งแก้มเลย ทั้งที่แก้มรอ...อยากเจอพี่ธันว์อีกสักครั้ง”
“น้องแก้ม...”
พี่ธันว์ปวดไปทั้งใจกับคำตัดพ้อนั้น ก่อนอธิบายด้วยความรู้สึกที่ยังคงเสียใจไม่หาย
“พี่ขอโทษ แต่พี่มารู้เรื่องน้องแก้มก็ตอนที่น้องแก้มเดินทางไปแล้ว รู้ไหมที่ผ่านมาพี่เหมือนมีชีวิตแค่ครึ่งเดียว เพราะคนที่เป็นหัวใจบินไปอยู่อีกซีกโลกแล้วไม่เคยติดต่อส่งข่าวมาหากันบ้างเลย”
“แก้ม...”
น้องแก้มพูดไม่ออก ทั้งที่อยากบอกเหลือเกินว่าไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่เหลือชีวิตเพียงครึ่ง เพราะเธอเองก็เพิ่งเข้าใจหลังจากเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่งว่าแท้จริงแล้วเธอก็ทิ้งหัวใจเอาไว้ที่นี่เหมือนกัน
“เรื่องผู้หญิงคนนั้น แก้มคงหมายถึงรสรินสินะ เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่บริษัทของพี่แค่นั้นเอง”
พี่ธันว์วกเข้าเรื่องที่คาใจเมื่อนึกออกในวินาทีนั้นถึงผู้หญิงคนที่น้องแก้มพูดถึง วันนั้นเป็นเพราะรสรินขอตามมาด้วยทันทีที่รู้ว่าเขาจะรีบกลับมาร่วมงานศพ ทั้งที่เขาทักท้วงแต่เธอก็ไม่สนใจ ทำให้เขาจำใจต้องพาเธอไปด้วย
“แล้วห้ามคิดเหลวไหลเชียว เพราะรสรินเป็นได้แค่เพื่อนร่วมงานของพี่เท่านั้น แต่ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงก็ไม่มีวันทำให้พี่เปลี่ยนใจไปจากน้องแก้มได้ ไม่มีวัน!”
เพราะเกรงคนชอบคิดมากจะพานเข้าใจผิด ธันวาจึงไม่ได้เล่าเรื่องราวต่อจากนั้นว่าเมื่อเขาพารสรินกลับคอนโดฯ ของเธอ อีกฝ่ายก็สารภาพความในใจกับเขาแต่เขาก็ปฏิเสธทันที
น้องแก้มยิ้มอย่างดีใจเมื่อรู้ว่าพี่ธันว์ยังไม่เปลี่ยนใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นนึกฉงนเมื่อได้ยินคำบอกต่อมา
“พี่คงต้องผิดคำพูดกับคุณน้า”
พี่ธันว์ยิ้มกว้างอย่างปลอดโปร่งใจ หลังจากที่ผ่านมารู้สึกเหมือนอยู่กับความมืดมนมาเนิ่นนาน
“เพราะหลังจากนี้พี่คงปล่อยน้องแก้มไปจากพี่ไม่ได้อีกแล้ว”
“พี่ธันว์...”
“พยายามรักพี่บ้างได้ไหม พี่จะเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดเท่าที่น้องแก้มเคยเจอมาให้ได้ พี่สัญญา”
น้องแก้มพูดไม่ออกเพราะเต็มตื้นกับความรู้สึกที่พี่ธันว์สื่อผ่าน ความเชื่อมั่นเปี่ยมล้นจนได้แต่ยิ้มปากสั่นอยู่เป็นครู่
“ไม่ต้องสัญญาหรอกค่ะ ถึงพี่ธันว์ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุด ก็ไม่สำคัญสำหรับแก้มเลย”
“น้องแก้ม”
พี่ธันว์ใจเต้นแรง รอยยิ้มสดใสของสาวน้อยวัยสิบแปดครั้งนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากรอยยิ้มในความทรงจำของเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยังไม่กล้าหวัง
“หลังจากนี้ ช่วยดูแลหัวใจของแก้มด้วยนะคะ”
ถึงไม่ได้ยินคำว่ารัก แต่แค่นั้นก็ทำให้พี่ธันว์นึกกลัวว่าตนเองจะหัวใจวายจากความตื่นเต้นและดีใจจนมากเกินไป
“พี่สัญญา พี่จะดูแลหัวใจดวงนี้ให้ดีที่สุด”
น้องแก้มยิ้มยามหลับตารับจุมพิตอ่อนโยนตรงหน้าผากจากคนที่เธอรัก พลางนึกถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับเขา
ความรักของเธออาจเริ่มต้นจากความผูกพัน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แล้วค่อย ๆ เติบโตขึ้นด้วยรอยจูบจากหัวใจในแต่ละครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มีความเชื่อมั่น
พี่ธันว์ของเธอไม่มีวันยอมให้บทสรุปของความรักต้องจบลงด้วยน้ำตาอย่างแน่นอน!
คุณเพ็ญพิสุทธิ์มองลูกสาวที่กำลังเปิดประตูห้องคนป่วยเข้ามาด้วยความรู้สึกแตกต่างไปจากทุกครั้ง
การตายอย่างกะทันหันของสามีทำให้ได้ข้อคิดว่าชีวิตคนเราไม่เที่ยงแท้ ที่ผ่านมาทั้งท่านและคุณจิตติต่างทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างหนักก็เพื่ออนาคตของลูกสาว แต่สุดท้ายสามีของท่านก็ด่วนตายจากโดยไม่ทันได้เอ่ยคำร่ำลา
ถ้าท่านไม่ตีกรอบชีวิตให้กับน้องแก้ม ไม่ตัดสินใจส่งลูกไปเรียนไกลถึงต่างประเทศ ไม่แน่ว่าคุณจิตติอาจมีโอกาสสั่งเสียกับน้องแก้มเป็นครั้งสุดท้าย
ความคิดนั้นสร้างความสะเทือนใจจนอดคิดไม่ได้ว่าบางทีท่านอาจชะล่าใจและเอาแต่มองอนาคตมากเกินไป จนไม่ได้ฉุกใจนึกถึงปัจจุบันและไม่ได้หยุดคิดว่าชีวิตของคนเราไม่มีอะไรแน่นอน
ใครจะไปรู้ อีกไม่นานท่านอาจตามไปอยู่กับคุณจิตติก็ได้
“ถอนหายใจทำไมคะแม่”
น้องแก้มนึกห่วง นับแต่สิ้นพ่อไปแม่ของเธอก็เหมือนคนไร้หลักยึด ผู้หญิงแกร่งที่มุ่งมั่นกับการทำงานจนได้เลื่อนตำแหน่งภายในระยะเวลารวดเร็วเหมือนว่าหายไปแล้ว
หญิงสาวลอบถอนใจเมื่อต้องซ่อนความรู้สึกเอาไว้จากสายตาของคนป่วย ถึงแม้ที่ผ่านมาพ่อและแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้มากนักแต่เธอก็รู้ว่าพวกท่านรักเธอมากแค่ไหน ความตายของพ่อทำให้เธอเสียใจและเสียศูนย์ไม่น้อยแต่เพราะรู้และเห็นถึงสภาพร่างกายและจิตใจที่กำลังอ่อนแอของแม่ ทำให้น้องแก้มจำต้องเข้มแข็งและเก็บน้ำตาจากความสูญเสียเอาไว้จนกว่าจะถึงตอนที่อยู่ตามลำพัง
“แก้มมายังไงลูก”
น้องแก้มนิ่งไปนิดอย่างลังเล ก่อนบอกออกไปตามตรง
“พี่ธันว์มาส่งค่ะ”
เห็นมารดานิ่งไป น้องแก้มก็นึกหวั่นเพราะเดาว่าท่านคงไม่ชอบใจนัก
“แล้วตาธันว์อยู่ไหนล่ะ”
“พี่ธันว์รออยู่ข้างนอกค่ะ บอกว่าจะรอรับพี่นารีกลับบ้านด้วยเลย”
“แล้วทำไมถึงไม่เข้ามารอข้างใน”
“พี่ธันว์...คิดว่าแม่คงไม่อยากเห็นหน้าเขาค่ะ”
คำตอบตรง ๆ ของลูกสาวทำให้คุณเพ็ญพิสุทธิ์นิ่งงันอีกรอบ ทั้งเสียใจและรู้สึกผิดเพราะพอเดาได้ว่าทำไมธันวาจึงทำแบบนี้
“ไปบอกเขาเถอะว่าแม่มีเรื่องจะพูดด้วย”
น้องแก้มใจไม่ดีเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของมารดา แต่ก็จำใจเดินออกไปหาคนที่รออยู่ด้านนอก
ธันวาก็รู้สึกไม่ต่างจากน้องแก้มเมื่อต้องเข้ามาเผชิญหน้ากับคุณเพ็ญพิสุทธิ์ แต่ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็มุ่งมั่น
เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ ขอแค่อย่าพรากน้องแก้มไปจากเขาอีกเลย
“นารี ออกไปข้างนอกก่อน”
คล้อยหลังนารีที่เดินออกไปตามคำสั่ง คุณเพ็ญพิสุทธิ์ก็เริ่มตั้งคำถาม
“ยังไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม”
เพียงแค่นั้นธันวาก็เข้าใจได้ว่าคนป่วยหมายถึงเรื่องอะไร
“ไม่ครับ ผมยังรักน้องแก้มและเต็มใจจะรอ”
“ดี...”
คนป่วยยิ้มแม้เป็นรอยยิ้มที่ไม่สดใสเหมือนเคย ก่อนทำให้คนฟังทั้งสองพากันนิ่งงันอย่างคาดไม่ถึง
“ถ้าอย่างนั้น น้าขอฝากยายแก้มด้วยละกัน ไม่ว่าจะในฐานะน้องหรือฐานะอื่น ก็ขอให้ช่วยดูแลให้ดีที่สุด ธันว์จะทำให้น้าได้ไหม”
ไม่มีการลังเลแม้เสี้ยวนาทีเมื่อคนถูกร้องขอเปิดรอยยิ้มที่สว่างสดใสมากที่สุดในช่วงสามปีที่ผ่านมายามรับคำ
“ได้ครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมไม่มีวันทิ้งน้องแก้มเด็ดขาด”
เพราะน้องแก้มไม่อาจทิ้งผู้เป็นแม่ได้ ส่วนคุณเพ็ญพิสุทธิ์ก็อยากให้ลูกสาวเรียนต่อในประเทศ ดังนั้นน้องแก้มจึงไม่ต้องกลับไปประเทศเนเธอร์แลนด์อีก แน่นอนว่าไม่เพียงเธอดีใจแต่ธันวาก็ดีใจไม่แพ้กัน
ในขณะที่ความรักของพี่จินกับน้องส้มยังดำเนินไปด้วยการถกเถียง เพราะชายหนุ่มยังทำให้หญิงสาวตอบรับเรื่องแต่งงานด้วยไม่ได้ แต่คนที่เชื่อมั่นตัวเองสูงและเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งอย่างจินตเมธก็มั่นใจว่าเขามีวิธีที่จะทำให้คู่ปรับในวัยเด็กยอมเป็นคู่คิดในชีวิตได้แน่นอนและในเร็ววันอีกด้วย
ทางด้านความรักต่างวัยระหว่างพี่ธันว์กับน้องแก้ม ถึงได้รับการยอมรับจากคุณเพ็ญพิสุทธิ์ ก็ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกหลายปีจนกว่าจะถึงวันที่ธันวาเฝ้ารอ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ท้อเพราะได้กำลังใจจากน้องแก้ม
ความรักของทั้งสี่คน อาจไม่ต่างไปจากความรักของใครอีกหลายคนบนโลกใบนี้ ซึ่งเริ่มต้นด้วยความขัดแย้งหรือบางทีจากความไม่เข้าใจ แต่เมื่อถึงเวลา...หัวใจก็จะนำไปสู่ความรักได้เอง
------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ เอาตอนจบมาแปะ หลังจากหายไปนานมากกกกกกกก
ขออภัยนะคะที่หายไปนานเกิน เพราะตอนที่แต่งตอนจบออกมา คนแต่งไม่ค่อยพอใจนัก ก็เลยตัดสินใจเริ่มต้นรีไรท์เรื่องนี้ใหม่ แต่เพราะมีเวลาแค่วันอาทิตย์ กว่าจะรีไรท์เสร็จก็ใช้เวลานานมากทีเดียว แต่ที่สำคัญ..ตอนจบก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เฮ้อออออ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และทุก LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันเสมอมาค่ะ
หลังจากน้องแก้มไปเรียนต่อต่างประเทศ ธันวาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน
ครึ่งปีแรก จากคนใจเย็นกลายเป็นคนใจร้อนและหงุดหงิดง่ายจนจินตเมธยังต้องยกมือยอมแพ้ แต่เหมือนรู้ตัวเพราะครึ่งปีหลังธันวาก็เปลี่ยนเป็นไม่สุงสิงกับใคร ใช้ชีวิตราวกับคนใจสลายจนทำให้จินตเมธเป็นห่วงต้องคอยโทร. ตามเวลาเพื่อนรักทำตัวเหมือนหายเข้ากลีบเมฆ
ขึ้นปีที่สอง ธันวาก็ทำให้จินตเมธเป็นห่วงมากขึ้นกับความเงียบขรึมไม่ค่อยพูด จากที่เคยแวะเวียนมาพูดคุยมาระบายความในใจ ธันวากลับปิดปากเงียบ ราวกับต้องการขังตัวเองในโลกส่วนตัว จนบางทีทำให้จินตเมธนึกน้อยใจและโมโหเพราะรู้สึกเหมือนถูกผลักไสออกมาเป็นเพื่อนร่วมโลกมากกว่าเป็นเพื่อนรักที่คบกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ
ความเปลี่ยนแปลงของธันวา ไม่เพียงสร้างความกังวลให้กับคนในครอบครัวและเพื่อนสนิท แต่ยังทำให้คุณเพ็ญพิสุทธิ์พลอยเป็นห่วงเช่นกัน
จริงอยู่ว่าธันวายังแวะเวียนมาที่บ้านบ้างเมื่อต้องนำข้าวของที่พ่อและแม่ของเขาซื้อฝากมาให้ แต่ท่าทีสุภาพห่างเหินและแววตาไร้ความรู้สึกของเขาทำให้คุณเพ็ญพิสุทธิ์รู้สึกผิดปนหนักใจเสมอ จนหลายครั้งอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไปถูกต้องแล้วแน่เหรอ
คุณเพ็ญพิสุทธิ์ถอนหายใจเมื่อนึกถึงการตัดสินใจส่งน้องแก้มไปเรียนต่อต่างประเทศ
ใช่ว่ารังเกียจธันวาจนใช้วิธีนี้กีดกัน เพียงแต่คิดว่าอายุของชายหนุ่มกับลูกสาวต่างกันมากเหลือเกิน ยิ่งนึกถึงโอกาสค่อนข้างสูงที่ธันวาจะได้เจอหรืออาจถูกใจกับหญิงสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ท่านก็นึกกังวลแทนลูกสาว
อีกตั้งหลายปีกว่าน้องแก้มจะเรียนจบ ถึงตอนนั้นบางทีธันวาอาจเจอคนถูกใจจนแต่งงานกันแล้วก็ได้
นั่นคือสิ่งที่คุณเพ็ญพิสุทธิ์พยายามบอกตัวเองเวลารู้สึกผิดที่เห็นท่าทีเหมือนคนไร้หัวใจของธันวา แต่ยังคงไม่เปลี่ยนใจเรื่องน้องแก้ม
ทว่าเมื่อเวลาล่วงเข้าปีที่สี่ ก็เกิดเหตุร้ายที่ทำให้คุณเพ็ญพิสุทธิ์ต้องเปลี่ยนใจ
น้องแก้มน้ำตาไหลไม่หยุดนับแต่เหยียบย่างสู่แผ่นดินบ้านเกิดแล้วรู้ถึงสาเหตุที่มารดาเรียกตัวเธอกลับบ้าน
พ่อของเธอเสียชีวิตเพราะหัวใจวาย!
“แล้วแม่ล่ะคะพี่นารี”
คำถามติดสะอื้นของน้องแก้มที่ตอนนี้มีน้ำตานองเต็มใบหน้าทำให้นารีสงสารจับใจ ไม่คิดเลยว่าเธอจะต้องรับหน้าที่แจ้งข่าวร้ายนี้ให้กับเด็กน้อยในอดีตที่เธอมีส่วนเลี้ยงดู ถึงแม้ตอนนี้น้องแก้มเป็นสาวน้อยวัยสิบแปดที่ทั้งสวยและน่ารัก แต่ในสายตาของเธอตอนนี้น้องแก้มก็ไม่ต่างจากเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เลยเมื่ออีกฝ่ายกำลังสะอื้นไห้จนตัวโยน
“คุณแม่ไม่สบายค่ะ ตั้งแต่รู้ข่าวก็นอนซมลุกจากเตียงไม่ขึ้น”
“งั้นน้าว่าเรารีบไปดูคุณแม่กันเถอะ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน”
น้องแก้มหันไปมองน้าบุษ หรือ บุษบา เพื่อนรักของมารดาที่ท่านไว้ใจส่งเธอให้ไปพักอาศัยด้วยขณะเรียนต่อ พลางคิดว่าน้าบุษคงรู้ข่าวเรื่องพ่อของเธอตั้งแต่แรกแล้วถึงได้ขอตามมาด้วยโดยอ้างว่าจะมาหาแม่ของเธอ แต่คงไม่กล้าพูดถึงปล่อยให้นารีเป็นคนรับหน้าที่นี้แทน เด็กสาวทำได้แค่ขานรับก่อนทำตัวไม่ต่างจากหุ่นยนต์ยามก้าวตามอดีตพี่เลี้ยงและเพื่อนสนิทของมารดาไปทีละก้าวอย่างเชื่องช้า ปวดไปทั้งใจเมื่อนึกว่าอีกไม่กี่นาทีเธอก็จะได้กลับบ้าน
ใช่มีเพียงน้องแก้มที่เจอเรื่องไม่คาดฝัน ธันวาเองก็เช่นกันที่แทบตั้งหลักไม่ทันกับการเผชิญหน้ากันในรอบสามปีนับตั้งแต่สาวน้อยไปเรียนไกลถึงต่างแดน
หัวใจที่คิดว่าตายด้านเริ่มมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อได้สบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของคนที่ทำให้เขาเกือบเป็นบ้ามาตลอดระยะเวลาสามปีเต็ม แต่ชายหนุ่มก็พูดไม่ออกกับการพบกันท่ามกลางบรรยากาศของความสูญเสีย
แวบแรก การได้เห็นหน้าคนที่เธอเฝ้าคิดถึง ทำให้น้องแก้มเกือบโผเข้าไปกอดเพื่อขอไออุ่นและการปลอบประโลม แต่ไหนแต่ไรธันวาไม่ได้เป็นเพียงพี่ แต่เขาเหมือนเป็นพ่อเพราะความเอาใจใส่คอยดูแลเธอราวกับจะทดแทนในส่วนที่พ่อของเธอแทบไม่มีเวลาให้ ดังนั้นสำหรับเธอแล้วเขาจึงเป็นเหมือนโลกทั้งใบก็ว่าได้
ดังนั้นเมื่อเห็นคนที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบทำท่าเฉยชากับการได้พบกัน สาวน้อยก็ตื้อไปทั้งอก ความเสียใจจากการสูญเสียพ่อหนักหนาแล้ว เมื่อมาเจอกับการไม่แยแสของคนที่เธอหวังพักพิงใจ หัวใจดวงน้อยจึงหวั่นไหวจากเหมือนเรือขาดหางเสือก็เพิ่มความรู้สึกว่าเหมือนถูกตัดหางปล่อยวัดซ้ำอีก
หากไม่ติดว่าไม่เหมาะสม พี่ธันว์ก็อยากดึงน้องแก้มเข้ามากอดและบอกว่าเธอยังมีเขาอยู่ ยิ่งเห็นน้ำตาที่เอ่อคลอของสาวน้อยเขาก็สงสารจับใจ การที่ต้องฝืนตัวเองให้นิ่งเฉยทำให้เขาปวดใจจนต้องระบายออกด้วยการกำมือแน่น ก่อนขอตัวผละจากไปนั่งรวมกับแขกคนอื่น
ห้าวันหลังจากนั้นงานศพพ่อของน้องแก้มก็สิ้นสุด แต่คุณเพ็ญพิสุทธิ์ยังทำใจรับไม่ได้จนส่งผลให้ร่างกายยิ่งทรุดกระทั่งในที่สุดถูกนำส่งโรงพยาบาล นับว่าโชคดีที่มีเพื่อนรักอย่างคุณบุษบาคอยอยู่เป็นเพื่อนและช่วยดูแลแต่ก็แค่วันเดียว เพราะหลังจากนั้นลูกสาวของคุณบุษบาก็โทร. มาแจ้งข่าวว่าสามีชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บจากการตกบันไดทำให้ร้อนใจจนต้องรีบเดินทางกลับ
ตอนสายของวันนี้เมื่อน้องแก้มเปิดประตูบ้านออกมาเพื่อเตรียมจะไปเปลี่ยนหน้าที่กับอดีตพี่เลี้ยงที่โรงพยาบาล เธอก็พบว่ามีใครคนหนึ่งเฝ้ารออยู่แล้ว
“พี่ธันว์”
“จะไปหาคุณน้าใช่ไหม พี่จะไปส่ง”
น้องแก้มนิ่งไปเมื่อความรู้สึกในวันที่เจอกันตอนงานศพของพ่อหวนกลับมาทำร้ายหัวใจ นอกจากคำพูดแสดงความเสียใจตามมารยาทเขาแทบไม่ได้พูดกับเธออีกเลย โดยเฉพาะในคืนที่สองเมื่อเขาพาผู้หญิงคนนั้นมาด้วย
“ขอบคุณค่ะ แต่แก้มไปเองได้”
พี่ธันว์นิ่วหน้ากับคำตอบที่ได้รับ เมื่อน้องแก้มทำท่าจะเดินผ่านเขาไปโดยไม่พูดอะไรอีก ชายหนุ่มก็คว้ามือเด็กสาวเอาไว้
“ไปเรียนเมืองนอกแค่ไม่กี่ปี กลับมาเป็นเด็กอวดดีขนาดนี้เชียว!”
น้องแก้มสะอึกเมื่อเจอกับวาจากระด้าง ยิ่งสบกับแววตาแข็งกร้าวของพี่ธันว์ เด็กสาวก็อดคิดไม่ได้ว่าคนที่เธอกำลังเผชิญหน้าไม่ใช่พี่ธันว์คนเดิม
“ไงล่ะ! ไอ้ฝรั่งตาน้ำข้าวที่นั่นคงเอาอกเอาใจดีสินะ ตอนนี้ถึงไม่เห็นไอ้บ้าหน้าโง่คนนี้อยู่ในสายตา!”
“พี่ธันว์!”
น้องแก้มเริ่มโกรธเมื่อเจอกับการถากถาง นึกสงสัยว่าอะไรที่เปลี่ยนคนใจดีเป็นคนปากจัดและร้ายกาจ
“ยังจำได้อีกเหรอว่าพี่ชื่ออะไร นึกว่าจะจำได้แต่ชื่อของไอ้พวกฝรั่งที่ออกเดทด้วยเท่านั้น!”
พี่ธันว์โกรธมากขึ้นเมื่อนึกถึงการเงียบหายไร้การติดต่อของน้องแก้ม ยิ่งเห็นเธอทำมึนตึงเหมือนจงใจสร้างระยะห่างกับเขา ทำให้ชายหนุ่มพานคิดไปในทางร้ายว่าน้องแก้มอาจหลงเสน่ห์หนุ่มตาน้ำข้าวคนไหนเข้าแล้ว
ความเจ็บปวดในใจที่เหมือนถูกของมีคมทิ่มแทง ทำให้พี่ธันว์สาดใส่คำพูดร้าย ๆ อย่างไม่ยั้งคิด
“แล้วจูบของพวกนั้นเทียบพี่ได้ไหม หรือลืมไปแล้วว่าจูบของพี่เป็นยังไง จะให้ทบทวนใหม่ก็ยังได้นะ”
“หยาบคาย!”
น้องแก้มสะบัดมือหวังจะให้พ้นจากการเกาะกุม แต่กลับทำให้เธอเจ็บตรงข้อมือเพราะพี่ธันว์เหมือนยิ่งเพิ่มแรงบีบมากขึ้น
“แค่นี้ยังไม่เรียกว่าหยาบคายหรอก ถ้าหยาบคายมันต้องหลังจากนี้!”
น้องแก้มน้ำตาจะหยดเมื่อพี่ธันว์สาธิตคำพูดด้วยการออกแรงกระชากเธอไปที่รถยนต์ของเขา ก่อนเปิดประตูด้านคนขับแล้วผลักเธอเข้าไปอย่างไม่แยแสว่าเธอจะเจ็บจากการกระทำของเขาหรือเปล่า
เมื่อขึ้นมานั่งประจำที่บนรถ ธันวาก็เริ่มใจเย็นและได้สติหลังจากระบายความโกรธออกไปบ้างแล้ว กระนั้นทิฐิทำให้ชายหนุ่มยังปิดปากเงียบแต่ก็ลอบมองคนข้างตัวไปด้วย เมื่อเห็นน้องแก้มเริ่มมีอาการตัวสั่นก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมา ชายหนุ่มก็ใจแป้วนึกอยากพูดอะไรออกไปสักอย่าง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พูด
แต่หลังจากเวลาผ่านไปราวหนึ่งนาที ชายหนุ่มก็ทนไม่ไหว
“ขอโทษ”
เหมือนคำขอโทษนั้นไปตัดโดนเส้นความอดทนของน้องแก้ม เมื่อเจ้าตัวหันมาระดมกำปั้นทุบลงไปบนอกของคนใจร้ายจนนับไม่ทัน
“เกลียด! แก้มเกลียดพี่ธันว์คนนี้ เอาพี่ธันว์คนเดิมของแก้มกลับมานะ เอากลับมา!”
การถูกรัวทุบลงมาบนอกยังไม่ทำให้พี่ธันว์เจ็บปวดเท่ากับการได้เห็นน้ำตาและได้ยินเสียงสะอื้นของน้องแก้ม ชายหนุ่มกัดฟันรวบตัวคนที่กำลังรัวกำปั้นใส่เขาเข้ามากอดแน่น
“ขอโทษครับ พี่ขอโทษ เลิกร้องไห้เถอะนะ”
ราวกับเกรงว่าแค่คำพูดยังไม่พอพี่ธันว์จึงอ้อนวอนด้วยการกระทำผ่านจุมพิตอ่อนโยนบนเรือนผมคนตัวเล็กกว่า
น้องแก้มยังคงสะอื้นถึงแม้ความเสียใจเริ่มเบาบางลงเพราะความพยายามไถ่โทษของพี่ธันว์ กระนั้นความเสียใจก็ยังคงเหลือจนทำให้เจ้าตัวดิ้นรนจะพาตัวเองออกจากการถูกกักขัง
“ขอพี่กอดให้หายคิดถึงหน่อยเถอะ”
น้องแก้มเหมือนถูกดูดเรี่ยวแรงจนไม่มีแก่ใจจะดิ้นรนอีกเมื่อถูกขอร้องจากน้ำเสียงพร่าสั่นของพี่ธันว์ ใช่มีเขาคนเดียวที่จมอยู่กับความคิดถึง สามปีมานี้เธอก็ถูกทรมานจากความคิดถึงด้วยเช่นกัน
“พี่รักน้องแก้ม”
ความรักและคิดถึงผลักดันให้พี่ธันว์พูดออกไปตามความรู้สึก ถึงแม้แปลบปลาบใจเพราะเข้าใจว่าความรักของเขาคงไม่มีความหมายสำหรับเธออีกแล้ว
คนถูกบอกรักน้ำตาไหลอีกครั้งเมื่อนึกไปถึงตอนที่เห็นเขาพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในงานศพ จนอดไม่ได้ต้องแย้งเสียงสั่น
“ยังรักแก้มอีกเหรอคะ แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ พี่ธันว์เอาเธอไปไว้ที่ไหน”
ความงุนงงและสับสนทำให้พี่ธันว์ยอมปล่อยน้องแก้มเป็นอิสระเพื่อจะได้เห็นสีหน้าและแววตา
“ผู้หญิงคนไหน น้องแก้มพูดอะไร พี่ไม่เข้าใจ”
เห็นสีหน้าแววตาของพี่ธันว์ น้องแก้มก็อยากเชื่อใจจะขาดแต่ความน้อยใจผลักดันให้ยังแง่งอน
“ก็ผู้หญิงคนนั้นไงคะที่พี่ธันว์พาเธอมางานศพคุณพ่อ หรือมีหลายคนจนจำไม่ได้”
พี่ธันว์อมยิ้มเมื่อจับได้ถึงน้ำเสียงกระเง้ากระงอด ความเอ็นดูปนหมั่นไส้ทำให้ก้มหน้าลงไปหอมแก้มใสหนึ่งที
“พี่ธันว์!”
“นี่ถือเป็นการลงโทษที่น้องแก้มหนีพี่ไปตั้งสามปี”
น้องแก้มพลอยเจ็บไปด้วยเมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของพี่ธันว์ทั้งจากน้ำคำและแววตาของเขา
“แก้มไม่ได้หนี พี่ธันว์ต่างหากที่ไม่มาหาไม่ยอมไปส่งแก้มเลย ทั้งที่แก้มรอ...อยากเจอพี่ธันว์อีกสักครั้ง”
“น้องแก้ม...”
พี่ธันว์ปวดไปทั้งใจกับคำตัดพ้อนั้น ก่อนอธิบายด้วยความรู้สึกที่ยังคงเสียใจไม่หาย
“พี่ขอโทษ แต่พี่มารู้เรื่องน้องแก้มก็ตอนที่น้องแก้มเดินทางไปแล้ว รู้ไหมที่ผ่านมาพี่เหมือนมีชีวิตแค่ครึ่งเดียว เพราะคนที่เป็นหัวใจบินไปอยู่อีกซีกโลกแล้วไม่เคยติดต่อส่งข่าวมาหากันบ้างเลย”
“แก้ม...”
น้องแก้มพูดไม่ออก ทั้งที่อยากบอกเหลือเกินว่าไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่เหลือชีวิตเพียงครึ่ง เพราะเธอเองก็เพิ่งเข้าใจหลังจากเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่งว่าแท้จริงแล้วเธอก็ทิ้งหัวใจเอาไว้ที่นี่เหมือนกัน
“เรื่องผู้หญิงคนนั้น แก้มคงหมายถึงรสรินสินะ เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่บริษัทของพี่แค่นั้นเอง”
พี่ธันว์วกเข้าเรื่องที่คาใจเมื่อนึกออกในวินาทีนั้นถึงผู้หญิงคนที่น้องแก้มพูดถึง วันนั้นเป็นเพราะรสรินขอตามมาด้วยทันทีที่รู้ว่าเขาจะรีบกลับมาร่วมงานศพ ทั้งที่เขาทักท้วงแต่เธอก็ไม่สนใจ ทำให้เขาจำใจต้องพาเธอไปด้วย
“แล้วห้ามคิดเหลวไหลเชียว เพราะรสรินเป็นได้แค่เพื่อนร่วมงานของพี่เท่านั้น แต่ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงก็ไม่มีวันทำให้พี่เปลี่ยนใจไปจากน้องแก้มได้ ไม่มีวัน!”
เพราะเกรงคนชอบคิดมากจะพานเข้าใจผิด ธันวาจึงไม่ได้เล่าเรื่องราวต่อจากนั้นว่าเมื่อเขาพารสรินกลับคอนโดฯ ของเธอ อีกฝ่ายก็สารภาพความในใจกับเขาแต่เขาก็ปฏิเสธทันที
น้องแก้มยิ้มอย่างดีใจเมื่อรู้ว่าพี่ธันว์ยังไม่เปลี่ยนใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นนึกฉงนเมื่อได้ยินคำบอกต่อมา
“พี่คงต้องผิดคำพูดกับคุณน้า”
พี่ธันว์ยิ้มกว้างอย่างปลอดโปร่งใจ หลังจากที่ผ่านมารู้สึกเหมือนอยู่กับความมืดมนมาเนิ่นนาน
“เพราะหลังจากนี้พี่คงปล่อยน้องแก้มไปจากพี่ไม่ได้อีกแล้ว”
“พี่ธันว์...”
“พยายามรักพี่บ้างได้ไหม พี่จะเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดเท่าที่น้องแก้มเคยเจอมาให้ได้ พี่สัญญา”
น้องแก้มพูดไม่ออกเพราะเต็มตื้นกับความรู้สึกที่พี่ธันว์สื่อผ่าน ความเชื่อมั่นเปี่ยมล้นจนได้แต่ยิ้มปากสั่นอยู่เป็นครู่
“ไม่ต้องสัญญาหรอกค่ะ ถึงพี่ธันว์ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุด ก็ไม่สำคัญสำหรับแก้มเลย”
“น้องแก้ม”
พี่ธันว์ใจเต้นแรง รอยยิ้มสดใสของสาวน้อยวัยสิบแปดครั้งนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากรอยยิ้มในความทรงจำของเขา แต่ชายหนุ่มก็ไม่ยังไม่กล้าหวัง
“หลังจากนี้ ช่วยดูแลหัวใจของแก้มด้วยนะคะ”
ถึงไม่ได้ยินคำว่ารัก แต่แค่นั้นก็ทำให้พี่ธันว์นึกกลัวว่าตนเองจะหัวใจวายจากความตื่นเต้นและดีใจจนมากเกินไป
“พี่สัญญา พี่จะดูแลหัวใจดวงนี้ให้ดีที่สุด”
น้องแก้มยิ้มยามหลับตารับจุมพิตอ่อนโยนตรงหน้าผากจากคนที่เธอรัก พลางนึกถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับเขา
ความรักของเธออาจเริ่มต้นจากความผูกพัน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ แล้วค่อย ๆ เติบโตขึ้นด้วยรอยจูบจากหัวใจในแต่ละครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็มีความเชื่อมั่น
พี่ธันว์ของเธอไม่มีวันยอมให้บทสรุปของความรักต้องจบลงด้วยน้ำตาอย่างแน่นอน!
คุณเพ็ญพิสุทธิ์มองลูกสาวที่กำลังเปิดประตูห้องคนป่วยเข้ามาด้วยความรู้สึกแตกต่างไปจากทุกครั้ง
การตายอย่างกะทันหันของสามีทำให้ได้ข้อคิดว่าชีวิตคนเราไม่เที่ยงแท้ ที่ผ่านมาทั้งท่านและคุณจิตติต่างทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างหนักก็เพื่ออนาคตของลูกสาว แต่สุดท้ายสามีของท่านก็ด่วนตายจากโดยไม่ทันได้เอ่ยคำร่ำลา
ถ้าท่านไม่ตีกรอบชีวิตให้กับน้องแก้ม ไม่ตัดสินใจส่งลูกไปเรียนไกลถึงต่างประเทศ ไม่แน่ว่าคุณจิตติอาจมีโอกาสสั่งเสียกับน้องแก้มเป็นครั้งสุดท้าย
ความคิดนั้นสร้างความสะเทือนใจจนอดคิดไม่ได้ว่าบางทีท่านอาจชะล่าใจและเอาแต่มองอนาคตมากเกินไป จนไม่ได้ฉุกใจนึกถึงปัจจุบันและไม่ได้หยุดคิดว่าชีวิตของคนเราไม่มีอะไรแน่นอน
ใครจะไปรู้ อีกไม่นานท่านอาจตามไปอยู่กับคุณจิตติก็ได้
“ถอนหายใจทำไมคะแม่”
น้องแก้มนึกห่วง นับแต่สิ้นพ่อไปแม่ของเธอก็เหมือนคนไร้หลักยึด ผู้หญิงแกร่งที่มุ่งมั่นกับการทำงานจนได้เลื่อนตำแหน่งภายในระยะเวลารวดเร็วเหมือนว่าหายไปแล้ว
หญิงสาวลอบถอนใจเมื่อต้องซ่อนความรู้สึกเอาไว้จากสายตาของคนป่วย ถึงแม้ที่ผ่านมาพ่อและแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้มากนักแต่เธอก็รู้ว่าพวกท่านรักเธอมากแค่ไหน ความตายของพ่อทำให้เธอเสียใจและเสียศูนย์ไม่น้อยแต่เพราะรู้และเห็นถึงสภาพร่างกายและจิตใจที่กำลังอ่อนแอของแม่ ทำให้น้องแก้มจำต้องเข้มแข็งและเก็บน้ำตาจากความสูญเสียเอาไว้จนกว่าจะถึงตอนที่อยู่ตามลำพัง
“แก้มมายังไงลูก”
น้องแก้มนิ่งไปนิดอย่างลังเล ก่อนบอกออกไปตามตรง
“พี่ธันว์มาส่งค่ะ”
เห็นมารดานิ่งไป น้องแก้มก็นึกหวั่นเพราะเดาว่าท่านคงไม่ชอบใจนัก
“แล้วตาธันว์อยู่ไหนล่ะ”
“พี่ธันว์รออยู่ข้างนอกค่ะ บอกว่าจะรอรับพี่นารีกลับบ้านด้วยเลย”
“แล้วทำไมถึงไม่เข้ามารอข้างใน”
“พี่ธันว์...คิดว่าแม่คงไม่อยากเห็นหน้าเขาค่ะ”
คำตอบตรง ๆ ของลูกสาวทำให้คุณเพ็ญพิสุทธิ์นิ่งงันอีกรอบ ทั้งเสียใจและรู้สึกผิดเพราะพอเดาได้ว่าทำไมธันวาจึงทำแบบนี้
“ไปบอกเขาเถอะว่าแม่มีเรื่องจะพูดด้วย”
น้องแก้มใจไม่ดีเมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของมารดา แต่ก็จำใจเดินออกไปหาคนที่รออยู่ด้านนอก
ธันวาก็รู้สึกไม่ต่างจากน้องแก้มเมื่อต้องเข้ามาเผชิญหน้ากับคุณเพ็ญพิสุทธิ์ แต่ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็มุ่งมั่น
เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความจริงใจ ขอแค่อย่าพรากน้องแก้มไปจากเขาอีกเลย
“นารี ออกไปข้างนอกก่อน”
คล้อยหลังนารีที่เดินออกไปตามคำสั่ง คุณเพ็ญพิสุทธิ์ก็เริ่มตั้งคำถาม
“ยังไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม”
เพียงแค่นั้นธันวาก็เข้าใจได้ว่าคนป่วยหมายถึงเรื่องอะไร
“ไม่ครับ ผมยังรักน้องแก้มและเต็มใจจะรอ”
“ดี...”
คนป่วยยิ้มแม้เป็นรอยยิ้มที่ไม่สดใสเหมือนเคย ก่อนทำให้คนฟังทั้งสองพากันนิ่งงันอย่างคาดไม่ถึง
“ถ้าอย่างนั้น น้าขอฝากยายแก้มด้วยละกัน ไม่ว่าจะในฐานะน้องหรือฐานะอื่น ก็ขอให้ช่วยดูแลให้ดีที่สุด ธันว์จะทำให้น้าได้ไหม”
ไม่มีการลังเลแม้เสี้ยวนาทีเมื่อคนถูกร้องขอเปิดรอยยิ้มที่สว่างสดใสมากที่สุดในช่วงสามปีที่ผ่านมายามรับคำ
“ได้ครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมไม่มีวันทิ้งน้องแก้มเด็ดขาด”
เพราะน้องแก้มไม่อาจทิ้งผู้เป็นแม่ได้ ส่วนคุณเพ็ญพิสุทธิ์ก็อยากให้ลูกสาวเรียนต่อในประเทศ ดังนั้นน้องแก้มจึงไม่ต้องกลับไปประเทศเนเธอร์แลนด์อีก แน่นอนว่าไม่เพียงเธอดีใจแต่ธันวาก็ดีใจไม่แพ้กัน
ในขณะที่ความรักของพี่จินกับน้องส้มยังดำเนินไปด้วยการถกเถียง เพราะชายหนุ่มยังทำให้หญิงสาวตอบรับเรื่องแต่งงานด้วยไม่ได้ แต่คนที่เชื่อมั่นตัวเองสูงและเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งอย่างจินตเมธก็มั่นใจว่าเขามีวิธีที่จะทำให้คู่ปรับในวัยเด็กยอมเป็นคู่คิดในชีวิตได้แน่นอนและในเร็ววันอีกด้วย
ทางด้านความรักต่างวัยระหว่างพี่ธันว์กับน้องแก้ม ถึงได้รับการยอมรับจากคุณเพ็ญพิสุทธิ์ ก็ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกหลายปีจนกว่าจะถึงวันที่ธันวาเฝ้ารอ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ท้อเพราะได้กำลังใจจากน้องแก้ม
ความรักของทั้งสี่คน อาจไม่ต่างไปจากความรักของใครอีกหลายคนบนโลกใบนี้ ซึ่งเริ่มต้นด้วยความขัดแย้งหรือบางทีจากความไม่เข้าใจ แต่เมื่อถึงเวลา...หัวใจก็จะนำไปสู่ความรักได้เอง
------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ เอาตอนจบมาแปะ หลังจากหายไปนานมากกกกกกกก
ขออภัยนะคะที่หายไปนานเกิน เพราะตอนที่แต่งตอนจบออกมา คนแต่งไม่ค่อยพอใจนัก ก็เลยตัดสินใจเริ่มต้นรีไรท์เรื่องนี้ใหม่ แต่เพราะมีเวลาแค่วันอาทิตย์ กว่าจะรีไรท์เสร็จก็ใช้เวลานานมากทีเดียว แต่ที่สำคัญ..ตอนจบก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เฮ้อออออ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และทุก LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันเสมอมาค่ะ
พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ส.ค. 2558, 21:33:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ส.ค. 2558, 21:33:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 1596
<< ตอนที่ 20 | ตอนพิเศษ (กว่าจะตกลง) >> |
ปิ่นนลิน 29 ส.ค. 2558, 22:58:25 น.
Happy Ending แล้วว ^^
พี่ธันว์กับน้องแก้มก็มีความสุขสักที น่ารักสุดๆๆ
^____^
Happy Ending แล้วว ^^
พี่ธันว์กับน้องแก้มก็มีความสุขสักที น่ารักสุดๆๆ
^____^
Zephyr 30 ส.ค. 2558, 00:47:08 น.
มีส่งท้ายป่ะคะ
แฮปปี้นะคะ แต่ยังไงดีอ่ะ
เรารู้สึกมันห้วนๆนะ
แต่ดีใจกะพี่ธันว์ที่ในที่สุด คุณแม่ก็ยอมซักที
ต้องให้มีการสูญเสียก่อนถึงคิดได้เนอะ
อยากอ่านคู่พี่จินน้องส้มอีกนิดน่ะค่า
ข้ามไปตอนเลี้ยงลูกเลยกะได้ค่า 5555 ท่าจะฟิน
มีส่งท้ายป่ะคะ
แฮปปี้นะคะ แต่ยังไงดีอ่ะ
เรารู้สึกมันห้วนๆนะ
แต่ดีใจกะพี่ธันว์ที่ในที่สุด คุณแม่ก็ยอมซักที
ต้องให้มีการสูญเสียก่อนถึงคิดได้เนอะ
อยากอ่านคู่พี่จินน้องส้มอีกนิดน่ะค่า
ข้ามไปตอนเลี้ยงลูกเลยกะได้ค่า 5555 ท่าจะฟิน