กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 6 ครึ่งแรก

ชาญขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านสองชั้นซึ่งเป็นหนึ่งในหลายหลังของชัค การถูกปองร้ายหลายครั้งทำให้การอยู่ที่เดิมนานๆ เป็นอันตราย บริเวณบ้านโดยรอบไม่มีคนเฝ้าเอิกเกริก ดูเหมือนบ้านหลังอื่นๆ แต่ในจุดต่างๆ มีกล้องฝังไว้ ภายในบ้านมีห้องควบคุมบันทึกจากภาพกล้องวงจรปิด
ชัคนั่งอยู่ในห้องทำงานที่ภาพจากห้องควบคุมส่งมาถึงด้วยจึงเอ่ยปากอนุญาตก่อนที่ชาญจะเคาะประตูตามเคย ร่างใหญ่ก้าวเข้ามาเห็นนายยังใส่เสื้อผ้าชุดเดิม ภาพจากห้องหนึ่งกำลังขายเป็นภาพใหญ่ หมอยังดูอาการอันนาอยู่
“ตำรวจพบบางอย่างในที่เกิดเหตุ น่าสนใจดีเหมือนกันครับ”
“อะไรหรือที่พบ” แค่คนร้ายหนีไปได้ ตอนนี้ยังหวังอะไรอีก เป็นคำถามที่น่าขบคิด อันนาถูกจับตัวไปเพราะอะไร
“วิกผมครับ มีเส้นผมของคนร้ายอยู่ เป็นหลักฐานชิ้นใหม่ที่อาจโยงไปถึงคนร้ายได้”
ริมฝีปากเม้มปิดเสมอเผยอยิ้ม ไม่ใช่สุขใจแต่ไม่มีอะไรต้องเสียแล้วต่างหาก
“คุณอันนาเป็นยังไงบ้างครับ”
“ฟื้นแล้ว ตามร่างกายไม่ได้มีบาดแผลอะไรนอกจากรอยแดงที่ข้อมือเพราะถูกมัดไว้”
“ผมรู้ดีว่านี่ไม่ใช่หน้าที่ของผม แต่ก็อยากพูด ผมกังวลว่าคุณอันนาอาจจะถูกปองร้ายเหมือนกับคุณอารตี ถึงจะมีเป้าหมายต่างกัน แต่ทั้งสองคนก็เข้ามาใกล้ชิดกับคุณเหมือนกัน มากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ” ลิลลาคงนับไม่ได้ เพราะเข้ามาใกล้ที่ไร ถูกทิ้งห่างออกไปทุกที
ชัคก็เริ่มคิดแบบเดียวกับชาญ ใครก็ตามที่ใกล้ชิดกับเขามักมีอันเป็นไปหรือไม่ก็จากไปอย่างไร้เหตุผลอยู่บ่อยครั้ง คนที่น่าสงสัยตอนนี้มีแค่คนเดียว ชัคยังไม่ทันได้พูดตามที่คิด เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน หมอที่เขาพามารักษาอันนานั่นเอง
“คุณชัคจะเข้าไปเยี่ยมไหมครับ ตอนนี้ไม่มีอะไรน่ากังวลแล้ว”
ชัคพยักหน้ารับรู้พลางลุกขึ้นแล้วเดินตามหมอไป ชาญมองแต่ไม่ตามไปเพราะยังมีธุระต้องไปสถานีตำรวจต่อ เส้นผมตรวจ DNA ได้ แต่จะเอาไปเทียบกับใครดีล่ะ คู่แข่งในธุรกิจก็ไม่น้อย ไปขอดีๆ คงไม่มีใครยอมให้

วันนี้คงยาวนานเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาๆ อย่างอันนาจะรับไหว ทำให้เธอรู้สึกเหมือนใกล้ตายยามเมื่อลืมตาขึ้น ชายแปลกหน้าคนหนึ่งถามอะไรหลายอย่าง เธอตอบไปอย่างมึนงงพลางสำรวจตัวเองจนโล่งใจราวกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง อยากมองไปรอบๆ แต่เวียนหัวจนต้องหลับตานิ่งๆ ฟังเสียงเดินที่จากไป ทว่าเพียงไม่นานนักเสียงเดินก็แว่วมา
อันนายันแขนทรงตัวมองไปตามเสียง แต่พอเห็นว่าเป็นชัคที่เข้ามาความทรงจำก่อนสลบไปก็กลับคืน
“เธอยังเวียนหัวอยู่นะครับ แต่สื่อสารได้” หมอบอกพลางหาที่นั่งให้ตัวเอง
สายตาของอันนาบอกชัคว่าเขาคงไม่ใช่ฮีโร่ที่อุ้มเธอออกมาจากโกดังแห่งนั้น แต่เป็นอะไรสักอย่างที่ไม่สมควรอยู่ด้วย ร่างสูงนั่งลงใกล้ๆ มือบางเลื่อนไปที่หัวเตียงเป้าหมายของเธอคงเป็นหนังสือเล่มใหญ่สินะ ของแค่นั้นจะปกป้องตัวเองได้หรือ
อันนาหยิบหนังสือมากอดไว้ ถึงมันจะไม่ใช่ไม้สักอันหรือโคมไฟหัวเตียงซึ่งไกลมือไป แต่อย่างน้อยมือทั้งสองข้างของเธอก็ไม่ได้ว่างเปล่าล่ะ
“สายตาของคุณคงเสียใจมากที่เห็นผม เดาถูกไหมใช่ไหม”
ถ้าเขามองสายตาของเธอว่าดีใจคงไม่ต้องไปเป็นเจ้านายใครหรอก แล้วนั่นกอดอกมองมานิ่งๆ อยากให้เหยื่อช็อกตายไปต่อหน้าต่อตากระมัง ฝันไปเถอะ
“สิ่งสุดท้ายที่ฉันอยากเห็นเมื่อลืมตาคือคุณ ถ้าไม่มีเหตุผลมากพอฉันจะแจ้งความที่คุณมาโผล่ในห้องนอนของฉัน ทั้งๆ ที่ฉันมั่นใจว่าไม่ได้อนุญาตให้คุณเข้ามา”
“คุณจำไม่ผิดหรอก”
ชัคเอ่ยพลางพยักพเยิดให้อันนามองไปรอบๆ ห้อง หญิงสาวมองตามแล้วก็ชัดแปลกๆ เมื่อไม่มีอะไรในห้องนี้เป็นของเธอสักอย่าง โคมไฟระย้า ผ้าม่านสีขาวสบายตา นี่มันไม่ใช่ห้องของเธอนี่นา
“คุณไม่ได้อนุญาตให้ผมเข้ามาในห้องนอนของคุณ ยกเว้นแต่ว่าที่นี่เป็นบ้านของผม หมดความสงสัยว่าทำไมผมมาอยู่ตรงนี้แล้วใช่ไหม”
หลังจากรอดตายมาได้ การเข้าใจผิดจนหน้าแตกต่อหน้าชัคไม่ใช่เรื่องใหญ่จนต้องเมินหน้าหนีความอาย แล้วมีเหตุผลอะไรที่เธอต้องมาอยู่ที่นี่
“มีมากกว่าเดิม ทำไมฉันถึงมาอยู่บ้านของคุณ แล้วชุดของฉันไปไหน ชุดนี้ของใคร ฉันจะแจ้งความ ฉันจะกลับบ้าน” ยิ่งพูดเสียงดัง วินาทีนี้อันนาโวยวายลั่น อย่างน้อยก็ไล่ความกลัวออกไปจากตัวเอง
เธอเหวี่ยงขาลงข้างเตียงอีกฝั่ง กำลังจะลุกแล้ววิ่งออกไป ทว่าข้อมือกลับถูกดึงไว้ ความอ่อนเพลียทำให้เพียงชัคออกแรงกระชากเบาๆ ตัวของเธอก็กลับมาอยู่บนเตียงอีกครั้ง
“จะลุกหนีไปไหน เดี๋ยวก็ตกเตียง”
หนังสือกลายเป็นอาวุธใช้ฟาดมือใหญ่ หมอจะเข้ามาช่วยห้าม ชัคยกมือให้หยุด ปล่อยให้อันนาทำตามใจจนกระทั่งหอบแฮกหมดแรง เหงื่อซึมไรผม แก้มเนียนกลับมาแดงซ่านไม่ใช่เพราะเขินอาย แต่โกรธจนหากหนังสือเปลี่ยนเป็นไม้ เขาคงได้ไปโรงพยาบาลในคืนนี้แทน
“เหนื่อยแล้วก็หยุด ไม่มีใครทำอะไรคุณ มากไปกว่าที่คุณทำให้ตัวเองเหนื่อยจนอาจเป็นลมอีกรอบ” ชัคบอกเสียงเรียบๆ ก่อนจะปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระ เจ้าตัวกระถดไปไกล ช่างน่าสงสารระคนขบขัน หากจะทำอะไรคงไม่รอให้ฟื้นแบบนี้หรอก
“ตกเตียงเสียยังดีกว่า ถ้าที่นี่เป็นบ้านคุณจริงๆ ล่ะก็ช่วยพาฉันจะกลับบ้านได้ไหม ฉันไม่ได้บอกอะไรพวกมันเลยนะ”
ความเงียบถูกทอดยาวออกไปอีกนิด ชัครอจนอันนาหายใจสะดวกขึ้น จึงถามในสิ่งที่เขาสงสัยตั้งแต่เธอถูกลักพาตัวไป
“พวกมันต้องการรู้อะไร”
“ถ้าตอบแล้วคุณจะยอมปล่อยให้ฉันกลับบ้านใช่ไหม แล้วจะไม่มายุ่งกับฉันอีก”
เขากอดอกเลิกคิ้วมองมา “ผมไม่เคยให้ใครขออะไรได้มากกว่าหนึ่งอย่าง”
เขี้ยวชะมัด...สายตาของอันนาบอกชัคอย่างนั้น คนต่อรองทีหลังใช้ความเงียบเป็นตัวกดดัน เธออยากต่อรอง แต่เปิดช่องโหว่ จะไปได้กำไรได้อย่างไร
“ฉันอยากกลับบ้าน พอคุณรู้ว่าคนพวกนั้นต้องการอะไรก็เลิกมายุ่งกับฉันเสียดี”
“ก็ไม่แน่” ชัคหัวเราะเสียงต่ำ “บอกมาได้แล้วพวกมันต้องการรู้อะไร”
อันนาเม้มปากจะลองเชื่อชัคสักครั้ง “พวกมันอยากรู้ว่าคุณป่วยเป็นอะไร ฉันไม่ได้บอกอะไรไป ดูเหมือนแค้นคุณมากเลยนะ” แน่ละ เขาคงรู้อยู่แล้ว เธอมันหาเรื่องใส่ตัวจนซวยซ้ำซาก
“คุณจำหน้าพวกมันได้หรือเปล่า โดยเฉพาะคนที่อยากรู้ว่าผมป่วยเป็นอะไร”
อันนานิ่วหน้าสมองที่ถูกรังแกกำลังป่วยหนักจนนึกอะไรแต่ละอย่างยากเย็นเหลือเกิน
“มันใส่แว่นตากับผ้าปิดปาก ตรงๆ ง่ายๆ ฉันไม่เห็นหน้าของคนร้าย อ้อ ฉันจำหน้าคนที่บอกว่าเป็นคนของคุณได้”
“คนของผม...งั้นหรือ”
ความสงสัยต่างๆ ได้รับคำตอบ เหตุผลที่คนของเขาคลาดกับอันนาไปง่ายๆ เพราะเธอไม่ได้ขัดขืนผู้ลักพาหากว่าเป็นคนของเขาอย่างนั้นหรือ ผู้หญิงบ้าอะไรกันไว้ใจคนแปลกหน้า
อันนาพยักหน้ารู้ตัวแล้วว่าพลาดไปมาก “ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นคนของคุณ เพราะมันบอกว่าคุณอยากพบฉันเพื่อถาม แล้วจะไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีก ไม่คิดเลยว่าจะถูกหลอกไปเจอฆาตกรโหด โชคดีชะมัดที่รอดมาได้ คุณตามไปถูกได้ยังไง”
เกิดความเงียบชั่ววินาที อันนามองชัคอย่างไม่ไว้ใจอย่างจงใจให้รู้ตัว เสียงถอนใจเบาๆ มาก่อนคำพูดที่ไร้ซึ่งคำตอบที่รอฟัง
“นอนพักซะ ตอนเช้าตำรวจจะมาสอบปากคำแล้ว สเก็ตซ์หน้าคนร้าย”
น้ำเสียงชัคอ่อนลง แต่คนฟังคงไม่ทันรู้สึกจึงจ้องเขม็ง มือทั้งสองข้างกำแน่นพร้อมต่อสู้ทั้งที่น่าจะรู้ว่าอย่างไรก็แพ้
“อ้าวคุณ ฉันจะกลับบ้าน ถ้าตำรวจอยากสอบปากคำไปที่หอพักฉันก็ได้มั้ง...คะ” เธอต่อรอง ที่เกือบตายนี่เพราะใครล่ะ
“ผมไม่ได้ผิดสัญญา คุณได้กลับบ้านแน่ๆ แต่ไม่ใช่คืนนี้”
ตอนอยู่บริษัทเขาทำหน้าเป็นพ่อพระอย่างไรก็ได้ แต่ต่อหน้าเธอเขาไม่ต่างจากซาตานในคราบนักบุญ
“เกินไปแล้วนะ คุณจะกักขังหน่วงเหนี่ยวฉันไปทำไมไม่ทราบ”
“ไปส่องกระจกดู นั่นล่ะเหตุผลของผม”
ชัคลุกขึ้นแล้วชี้ไปยังห้องน้ำ ในนั้นคงบอกคำตอบอะไรแก่อันนาได้บ้าง คนระแวงมองตามไม่ยอมขยับจนกระทั่งประตูห้องเปิดออก คนผิดคำสัญญาก้าวออกไปนั่นล่ะ เธอไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ พอเห็นใบหน้าของตัวเองแทบลมจับ
ตรงขมับของอันนาเป็นรอยแดงที่เห็นชัดเมื่อสัมผัสถึงได้รู้ว่าเจ็บไม่น้อย อีกทั้งยังมีรอยถลอก ก่อนจะสิ้นสติไปเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้น เสียงปืนที่ได้ยินไกลๆ แท้จริงแล้วใกล้เพียงนิดเดียว ไม่ใช่รอยถูกยิง แล้วมันคือรอยอะไรกัน หญิงสาววักน้ำจากก๊อกมาล้างหน้า พยายามคิดให้ออก แต่กลับยากเกินไปจนนิ่วหน้า
“รอยตรงนี้มาได้ยังไงเนี่ย”
ความเพลียทำให้การเดินกลับมาที่เตียงก็เหนื่อยแล้ว พอได้นั่งนิ่งๆ บางสิ่งที่สำคัญย่อมผุดพรายขึ้นมาในสมอง เธอมองหา แต่ไม่พบ ขาเรียวเรียวเหวี่ยงลงข้างเตียงแล้วเดินช้าๆ มายังประตูที่ปิดตาย
“นี่คุณ แผลแค่นี้ฉันไม่ตายหรอก สั่งให้คนพาฉันกลับบ้านเลยนะ” อันนาเอาหูแนบประตูฟังเสียงยิ่งแน่ใจว่ามีคนเฝ้า “รู้นะว่ามีคนอยู่ข้างนอก ฉันอยากได้กระเป๋ากับโทรศัพท์คืน”
เงียบ ไร้ซึ่งความเคลื่อนไหวใดๆ อันนาอยากวีนให้สาแก่ใจ แต่ก็ล้าจนยืนแทบไม่ไหว สุดท้ายต้องยอมฝืนเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง พอมองสภาพตัวเองก็สงสัยขึ้นมาอีก
ใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้?
ชัครวยขนาดนี้คงมีแม่บ้านล่ะน่า ประตูเปิดออกอีกครั้ง อันนาสะดุ้งหันไปมองหญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ในมือมีกระเป๋าใบคุ้นตา
“คุณชัคให้นำมาให้ค่ะ บอกว่าคุณต้องใช้บางอย่างและบางอย่างคงเปลี่ยนไปบ้าง”
ยังไม่ทันได้ถามว่าบางอย่างคืออะไร คนเอากระเป๋ามาให้ก็ออกไปจากห้องรวดเร็วอย่างกับกลัวถูกจับเป็นตัวประกันอย่างไรอย่างนั้น อันนาเปิดกระเป๋าดูพบของต่างๆ ยังอยู่ครบ รวมทั้งโทรศัพท์ที่ใหม่เอี่ยมแต่มันไม่ใช่ของเธอ เอามาให้ทำไม คนรวยบางทีก็น่ารำคาญเหมือนกัน

แล้วจะมา up ต่อนะคะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 มิ.ย. 2558, 10:13:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 มิ.ย. 2558, 10:13:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1263





<< ตอนที่ 5 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 6 ครึ่งหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account