กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 7 ครึ่งแรก

ผ่านหนึ่งคืนอาการเพลียก็หายไป จุดที่ช้ำก็จางลงบ้าง แต่ยังพอสังเกตเห็นได้อยู่ ผมถูกปัดมาปิดไว้ หากใครเห็นจะบอกอย่างไร โดนตีหัวคงพอได้ อันนาชักสงสารตัวเอง ยิ่งกว่านี้ยังผ่านมาได้ ตอนนี้ก็ต้องผ่านไปได้อีกครั้งสิ หญิงสาวหยิบกระเป๋ามาคล้องไหล่ ใส่รองเท้าคัทชูส้นเตี้ยแทนส้นสูงแล้วลงไปชั้นล่างในเวลา 6 โมงครึ่งกว่าๆ
กระจกใสถูกดึงให้กว้างพอจะพาตัวเองออกไป ทว่าเพียงเดินไม่กี่ก้าวก็มีรถสีดำคันใหญ่ติดฟิล์มทึบมาขนาบ แถมยังขับช้าจนน่าสงสัย ประตูด้านข้างคนขับเปิดออก อันนาชะงักขาที่กำลังก้าว เช้าอันสดใสเริ่มเห็นเมฆก่อตัว เมฆดำๆ เสียด้วย อีตาชัคกำลังจะทำอะไรกับเธออีก
“เชิญครับ”
ประตูรถเปิดให้เสียกว้าง อันนายืนมองเฉยๆ ไม่คิดจะก้าวเข้าไปนั่ง
“นายของคุณจะมาข้องเกี่ยวกับฉันทำไมอีก”
ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้หรอกนอกจากคนก่อเรื่อง อันนาถอนใจไม่รู้จะลงกับใคร อีตาคนนี้ก็ใช่ที่ คนสั่งต่างหากสมควรโดน วันนี้อยากไปทำงานด้วยความสุขใจ ไม่ใช่มีเรื่องแต่เช้า
“บอกเจ้านายของคุณด้วยว่า ฉันจะไปทำงานเอง แล้วก็ไม่ต้องมารับฉันอีกนะ”
ชายคนนั้นยิ้มพรายต่างจากเจ้านายที่ทำหน้าเป็นเจ้าหนี้เสียแชร์อยู่ตลอดเวลา แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะนี่ ตอนนี้เธอกำลังเป็นจุดสนใจของคนที่ผ่านเข้าออกตึก รถน่ะไม่เรียกแขกเท่าเสื้อผ้าที่คนของชัคใส่ สูทสีดำคือยี่ห้อของพวกมาเฟียหรืออย่างไรกัน
“คุณคงต้องบอกเองแล้วล่ะครับ นี่ครับเบอร์โทร คุณชัคบอกไว้คุณอาจจะต้องใช้”
นามบัตรที่มีเบอร์เพิ่มเข้ามาที่หลังบัตรยื่นมาให้ อันนาโทรหารอสัญญาณอยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะรับสาย ความโกรธสูงปรี๊ดพอๆ กับเสียงที่ใส่ไปในทันทีที่มีเสียงกดรับ
“นี่คุณ ฉันบอกแล้วว่า...”
“คุณบอกอะไรก็ได้ แต่ผมไม่ได้รับปากสักอย่าง เข้าใจตรงกันแล้วนะ”
ไม่มีเสียงตอบรับหรือปฏิเสธเพราะอันนาวางสายไปแล้ว คนของชัคโทรมารายงาน 5 นาทีหลังจากนั้น รถเมล์ประจำทางน่าปลอดภัยกว่ารถกันกระสุนที่ส่งไปให้ตรงไหนกัน
อันนาเกือบจะสูดหายใจได้เต็มปอดถ้ารถสีดำคันงามที่เธอจำเลขทะเบียนได้จะไม่ขับตามรถเมล์มาตลอดทาง อีตามาเฟียคงเมาเครื่องดื่มที่โรงงานของเขาผลิตถึงได้สั่งให้ทำอะไรแบบนี้ ตามเธอเนี่ยนะ จะตามไปทำไม
เข้าใจตรงกัน? ใครจะไปเข้าใจด้วย
นอกจากเก่งเรื่องธุรกิจแล้ว ชัคยังเก่งในเรื่องกวนประสาท ทำให้เสียการควบคุมตัวเองจนเกือบแหวใส่อย่างที่ใจอยากแล้วเชียว ถ้าวันนี้ถูกไล่ออกอันนาจะไม่แปลกใจเลย เธอวางสายใส่เจ้านายด้วยความตั้งใจไปแบบนั้น

เวลา 7 โมงครึ่งคงเช้าเกินไปถึงได้ไม่มีพนักงานเท่าไหร่ อันนาปัดผมลงมาเคลียแก้มจะได้ปิดรอยช้ำที่ขมับไปด้วย ลิฟต์กำลังเคลื่อนลงมา มีเสียงเดินมาจากข้างหลัง เธอหันไปมองรอยยิ้มกระเจิงหายเมื่อเห็นว่าใครที่มีเป้าหมายเดียวกัน บานลิฟต์เปิดออก เธอยืนเฉยไม่แน่ใจว่าควรเข้าไปเมื่อชัคยืนอยู่ข้างๆ
ขายาวก้าวเข้าไป ตามด้วยบอดี้การ์ด อันนายังอยู่ที่เดิมจนบานลิฟต์กำลังจะปิดลง แขนขาวยื่นออกมาแล้วคว้ามือจนเธอเสียหลักเซถลาเข้าไปในลิฟต์ บานเลื่อนปิดลงหมดทางหนีทันที เธอข่มความโกรธถอนใจเบาๆ เมื่อแผ่นหลังแนบชิดกับหน้าอกภายใต้เสื้อสูทสีดำของคนเอาแต่ใจ ความหล่อแฝงความเหี้ยมจากกระจกเงา
ทำไมต้องมาเขย่าขวัญกันแต่เช้าด้วย!
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ ถึงคุณหายใจดัง ผมก็ไม่อารมณ์เสียจนฆ่าทิ้งหรอกน่า” ชัคขยับห่างออกมานิดหน่อย ลิฟต์แคบหรือว่าเขากับชาญตัวใหญ่กันแน่
“คุณทำให้ฉันอึดอัด”
“อีกไม่นานก็จะชินเอง”
มันเป็นธุระของเธอไหมที่ต้องชินแทนจะได้ไม่อึดอัดเนี่ย คนหน้าตาดีมีปัญหาทางจิตมีไม่น้อย แล้วเขาเข้าข่ายหรือเปล่า ถ้าไม่ได้มีปัญหาทางจิตแล้วจะมีเหตุผลอะไรอีก
“แล้วคุณจะมาตามฉันทำไม ชอบฉันหรือไงคะ”
เพียงสิ้นคำถามผู้ชายสองคนพากันมองเธอเหมือนได้เอาระเบิดเข้ามาในลิฟต์ด้วยอย่างไรอย่างนั้น แก้มทั้งสองข้างเห่อร้อน ถามตรงๆ คงไม่ดีเท่าไหร่ละมั้ง
“ที่ถามนี่ไม่ได้หวังผลอะไรนะคะ แค่สงสัยจริงๆ”
ชัคกอดอกตั้งใจมองอันนาด้วยสายของผู้ชายที่มองหญิงสาว หัวใจของเขาไม่ได้เต้นแรงขึ้นแม้แต่นิดเดียว คำว่าชอบคงไม่ตรงเท่า...สนใจ
“ผมคงชอบหรือรักใครไม่ได้อีกนาน อย่ากลัวไปเลย สิ่งที่ผมทำไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อคุณ อีกไม่นานหรอก เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมคาดการณ์ไว้ ข้างกายของคุณจะว่างเปล่าตามที่ต้องการ”
เหมือนจะเข้าใจ...แต่กลับไม่เข้าใจเท่าไหร่
ถึงกระนั้นการที่ในอนาคตเขาจะไม่มาป่วนเปี้ยนใกล้ๆ ย่อมเป็นข่าวดี เสียงกริ่งตามมาด้วยบานลิฟต์ค่อยๆ เปิดออก อันนาถอนใจยาวโล่งอก แต่คงดังไปเลยถูกผู้ชายสองคนมองกันใหญ่
“ถึงชั้น 14 แล้ว ฉันไม่รู้จะขอบคุณคุณได้ยังไงเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ เอาเป็นว่าอย่างน้อยถ้าลิฟต์ค้าง ก็คงไม่เหงาดี” แต่จะให้ดีเกิดตอนที่ชัคอยู่คนเดียวนั่นแหละ อยากรู้ว่าหน้าตาของเขาจะเปลี่ยนไปบ้างไหม
หญิงสาวก้มหน้าแอบยิ้มแต่กระจกก็สะท้อนให้ชัคเห็นใบหน้าของเธอ คงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเริ่มทำตัวสบายขึ้นเวลาอยู่กับเขา
แน่ล่ะ! เธอกล้าโทรมาขึ้นเสียงและตัดสายใส่เขาแล้วนี่ แม้จะทำเพราะโกรธชั่ววูบก็ตาม
“ผมมีประโยชน์แค่นั้นเองหรือ”
อันนาไม่ตอบแต่ยกมือไหว้แล้วเดินออกไปจากลิฟต์อย่างไม่รีบร้อนอะไร บานลิฟต์ปิดลง ชาญหัวเราะชอบใจ คราวนี้เลยมองกันเอง
“สงสัยจะเราทั้งสองคนนะครับ”
ชัคคลี่ริมฝีปากกว้าง...ยิ้ม
นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้รู้สึกอยากยิ้มออกมา เขาเห็นเงาของตัวเองในกระจก เขาควรมีโอกาสที่จะได้มีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่รอเวลาแก้แค้นให้สาแก่ใจจนกระทั่งบางสิ่งเกิดขึ้นและมันยากที่จะรักษาไปเสียแล้ว

โปรเจคของอันนากลายเป็นงานที่ต้องนำเสนอในอีก 45 วันข้างหน้า ในระหว่างนี้ไม่ใช่เพียงงานของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบเท่านั้น อันนายังต้องทำงานร่วมกับพี่พนักงานคนอื่นๆ ด้วย คนแรกที่เธอต้องร่วมทำงานด้วยชื่อ พิธาน ทำงานที่นี่มาสองปี หนุ่มอารมณ์ดี ไว้ผมยาวอย่างกับนักร้องเพลงร็อค ตอนนี้รับผิดชอบงานออกแบบเครื่องดื่มตัวใหม่ที่เจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่น
อันนาคุยงานกับพิธานจนใกล้เที่ยง งานต่างๆ จดไว้ครบแล้วในสมุดบันทึก เสียงโทรศัพท์ดังอยู่นานจนพี่ๆ มองมา อันนาเปิดกระเป๋าตัวเอง ใช่จริงๆ เสียด้วย คงใช้เวลาอีกหลายวันกว่าเธอจะคุ้นเสียงโทรเข้าของตัวเอง
“ว่าไงวิน ว่างแล้วหรือไงถึงได้โทรมา”
“ว่างสิ ตอนนี้อยู่หน้าตึก Prime แล้วด้วย ไปกินข้าวด้วยกันนะ วินมาถ่ายแบบแถวๆ นี้ ตอนบ่ายก็ไปทำงานต่อแล้วล่ะ ไม่อยากกินข้าวคนเดียว”
นาฬิกาในออฟฟิศเข็มยาวชี้ไปเลข 12 พอดี พนักงานพากันเดินไปกันแล้ว
“ก็ได้ เดี๋ยวอีก 5 นาทีลงไป”
นาวินบอกว่าจะรอแล้ววางสายไป อันนาหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มาแล้วเดินตามคนอื่นๆ ไปแต่ไม่ทันลิฟต์ที่เพิ่งปิดไปเลยยืนรออยู่คนเดียว พนักงานบางคนนำข้าวมากินเองก็ไปแคนทีน
บานลิฟต์เปิดออก อันนากำลังจะก้าวไปแต่ชะงักเปลี่ยนใจ
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉัน...”
“จะรอทำไมในเมื่อน้ำหนักไม่ได้เกินสักหน่อย” ชัคเอ่ยเสียงเรียบๆ ชาญก้าวถอยหลังไปจึงเห็นว่ามีที่ว่างมาก
อันนาเดินเข้าไปไม่อยากทำให้เป็นเรื่องขึ้นมา “ขอบคุณค่ะ”
“การที่ใครสักคนหายไปเพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องดูแลให้ดีมันเจ็บปวด ผมเคยเจ็บปวดแบบนั้น จนถึงตอนนี้หากทำอะไรได้ผมก็จะทำ”
อันนาหันไปมองใบหน้าเรียบกริบของเขา สายตานั้นมองมาสื่อความหมายบางอย่าง แต่เธอแปลไม่ออก ความเจ็บปวดเคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างนั้นหรือ เจ้าของดอกกุหลาบสีขาวที่สุสานกระมัง คนที่มีพร้อมทุกอย่างในชีวิต นอกจากการเสียคนรักไป คงไม่เข้าใจความเจ็บปวดอื่น
“บางสิ่งจะสำคัญก็ต่อเมื่อมันหายไป เคยลืมของสำคัญในวันสำคัญ ของที่มีค่าต่อใจหายไปและรู้ค่ามันในภายหลัง หลงลืมบางสิ่งจนกระทั่งถึงเวลาต้องใช้ แต่มันไม่มีอยู่แล้วบ้างไหม นั่นล่ะ ไม่ว่าอะไรที่ผมทำย่อมมีเหตุผลเสมอ”
เคยสิ สร้อยล็อคเก็ตที่ชัคเกือบทิ้งลงถังขยะเพราะไม่รู้ว่ามีความสำคัญต่อเธอมากอย่างไรล่ะ แล้วเหตุผลของการตามล่ะ อันนาไม่เข้าใจ
“ฉันจะมีอันตรายอีกหรือคะ”
ชาญมองนายที่รู้คำตอบพอๆ กับเขา ทว่าการเงียบไม่ตอบสื่อถึงอะไรได้บ้าง อันนารอแต่ไร้เสียงอื่นใดจนกระทั่งบานลิฟต์เปิดออก ชัคเดินจากไปพร้อมกับบอดี้การ์ดของเขา ทิ้งให้เธอยังคงสงสัยต่อไป
“น้ำ ทางนี้”
อันนาเกือบสะดุ้งมองเห็นนาวินยกมือเรียก เธอรีบเดินเร็วๆ ไปหา กลัวใครจะจำดาราชื่อดังได้ ทีนี่ล่ะงามมาถึงเธอด้วยล่ะ
“ไปใกล้ๆ นะวิน น้ำต้องรีบกลับมาทำงาน”
“ได้อยู่แล้ว มีร้านนึงอร่อย เคยกินกับทีมงานคราวก่อน”
รถสปอร์ตสีขาวล้วนขับออกไป แต่ยังไม่วายไปจ่อท้ายรถสีดำเลขทะเบียนเรียงสวยที่อันนาจำได้แม่น หวังสุดใจให้รถสองคันเลี้ยวไปคนละทาง แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งเมื่อรถสองคันยังขับตามกันไปจนกระทั่ง รถของชัคเปิดไฟเลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารและนาวินก็ขับตาม ของอร่อยๆ มีที่เดียวหรือไงกันนะ

แล้วจะมา up ต่อนะคะ มีจำหน่ายในรูปแบบหนังสือและ e-book แล้วค่ะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 มิ.ย. 2558, 10:24:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 มิ.ย. 2558, 10:24:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1267





<< ตอนที่ 6 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 7 ครึ่งหลัง >>
แว่นใส 19 มิ.ย. 2558, 15:51:52 น.
ดวงปะกันมาก


ใบบัวน่ารัก 20 มิ.ย. 2558, 07:07:03 น.
อืมๆๆๆก็น่าสงสัยนิ
ดูแลมากไปปะ


Zia 20 มิ.ย. 2558, 09:38:43 น.
ชอบบบบ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account