Rainbow University สายรุ้งรักปักหัวใจนายต่างชาติ(1)
มหาวิทยาลัยสายรุ้งหรือRainbow University เป็นมหาลัยเอกชนชื่อดังของเมืองไทยที่ใครๆก็ต่างอยากมาเรียนกันทั้งนั้น เพราะที่นี่ผลิตบัณฑิตอย่างมีคุณภาพ และจะมีสิทธิประโยชน์ต่างๆเกินหยั่งถึง
ทำไมนะทำไม คนอย่างฉันจะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย อาจารย์นะอาจารย์ก็รู้อยู่ล้วว่าฉันน่ะมันเป็นคนที่มีความสามารถ(แน่ะ ชมตัวเองด้วย) ยังจะมาท้าทายฉันด้วยการให้โจทย์การแสดงวัฒนธรรมต่างประเทศ แถมยังต้องให้ไปหาคู่แสดงเองอีก ฉันเลยต้องไปพึ่งนักศึกษาที่เป็นเด็กแลกเปลี่ยนมาจากจีนอยู่คณะอื่น ปี3 ยังไม่พออีกนะฉันยังจะต้องมาแข่งกับยัยดาวคณะเน่านี่อีกด้วย เฮ้อ....ชีวิตหน๋อ...ชีวิต
ปล.บ่นโดย ยัยสุพรรณิการ์ นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ สาขานาฏศิลป์ ปี 2
Tags: รัก ฮาๆ ฟินๆจิกหมอนขาด

ตอน: ตอนที่ 4 เรื่องบังเอิญหรือพรหมลิขิตหรือผีผลัก

“วันนี้อากาศดีแจ่มใส ไร้เมฆหมอกใดๆ เหมาะแก่การทำกิจกรรมต่างๆกลางแจ้ง บลาๆๆๆๆๆๆๆ” ฉันนั่งฟังเสียงยัยอัญชันฝอยผ่านเสียงตามสายของมหาวิทยาลัย เกี่ยวกับสภาพอากาศวันนี้ ฉันพกร่มมาทำไมเนี่ยทั้งๆที่วันนี้ก็อากศดีตั้งแต่เช้าแล้ว เจ้าร่มคิตตี้เป็นม่าย เพราะไม่รู้ว่าเจ้าของที่แท้จริงคือใคร ช่วงนี้ก็อยู่กับฉันไปก่อนละกันเนอะ ฉันจะดูแลเธออย่างดีเลยยยยย
วันนี้ฉันมีเรียนคาบเดียวในตอนเช้า กะว่าพอเลิกเรียนเสร็จจะไปอีตาพี่จื่อเฉิงนั่น ฉันเตรียมคำตอบมาแล้ว นั่งคิด นอนคิด ยืนคิด ตีลังกาคิด มาแล้วทั้งคืน ยังไงฉันจะต้องทำให้เค้ายอมมาเป็นคู่แสดงของฉันให้ได้
ว่าแต่แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าอีตาพี่จื่อเฉิงอยู่ที่ไหน วันนี้มีคาบเรียนรึเปล่า หรือว่าไม่มาเรียน โอ๊ยยยชีวิตหนอชีวิต อะไรมันจะมีอุปสรรคขนาดนี้ ยังไม่รู้เลยว่าจะแสดงอะไรดี แถมคู่แสดงก็เล่นตัวอีกต่างหาก(เขายังไม่ยอมรับเลยไม่ใช่เหรอ)
“ขออนุญาตค่ะ” มันเลยจำเป็นที่จะต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง ห้อง SF มาแค่ 2 ครั้งเองแต่ทำถึงรู้สึกเหมือนมากกว่านั้นยังไงชอบกล
“อ้าว...มีอะไรเหรอ” เอ่อ อาจารย์คะ คำพูดมันไม่เหมือนเดิมไปหน่อยเหรอคะ ไม่มีคำอื่นจะพูดรึไงคะ ขอเดาว่าถ้าครั้งหน้าฉันมาอีก แกก็คงถามแบบนี้อีก ก็เป็นด้ายยยยยย
“หนูมีเรื่องรบกวนอาจารย์นิดหน่อยค่ะ”
“ว่ามาสิ” ฉันควรขอสิ่งนั้นจริงๆเหรอ ไม่ดีหรอกมั้ง
“อาจารย์พอจะมีตารางเรียนของ หลี จื่อเฉิง ไหมคะ” ไม่ดียังไงมันก็ต้องพูดอะนะ จำเป็นจริงๆ
“O_o? จะเอาไปทำล่ะ” งานงอกอีกแล้วคร้า ไม่ได้เตรียมคำตอบมาเหมือนเดิม เอ๊ะ ทำไมฉันเป็นแบบนี้เนี่ย ไม่รอบคอบเอาเสียเลย
“คือว่า....หนู....คือ...”
“^o^ เข้าใจละ” อาจารย์เข้าใจฉัน OMG !!! แกอ่านใจฉันออกเหรอวะ แปลกใจจัง
“แอบชอบจื่อเฉิงใช่ไหมล่ะ โอเค จะไม่ขัดขวางเลย”
“O[]O ไม่ชะ.....”
“อาจารย์เข้าใจนะ จื่อเฉิงเค้าหล่อจริงๆ บางมุมก็สวยด้วย บางทีอาจารย์ก็แอบหวั่นไหวบ้างนะ เฮ้ย!!! พูดอะไรไปเนี่ย...เอาใหม่ๆ...เค้าเป็นประธานของคณะด้วยนี่หน่า ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างนี้ใครๆก็ชอบ แต่ก็มีข่าวลือเหมือนกันนะที่ว่าเค้าเป็นชายรักชายน่ะ แต่อาจารย์ว่าเค้าไม่ใช่หรอกเพราะพวกเดียวกันย่อมดูกันออกอยู่แล้ว อุบส์ ^x^” อาจารย์จอนนี่ไม่ปล่อยช่องโหว่ให้ฉันได้พูดเลย แกร่ายยาวเป็นแถวจนกระทั้งมาหยุดตรงคำว่า พวกเดียวกันดูกันออก
-O- เข้าใจแล้วคร๊าบ ว่าทำไมอาจารย์ถึงไม่มีแฟน(ผู้หญิง) แหม...แค่นี้หลุดซะเยอะเชียวนะ ว่าแต่ไรนะหวั่นไหวกับอีตานั่นอะนะ OMG!! อีกครั้งของวันนี้
อาจารย์จอนนี่ ไม่พูดอีกเลยหลังจากหลุดประโยคนั้นออกมา แกค้นโต๊ะหาอะไรสักอย่างจากนั้นก็ยื่นเศษกระดาษที่หาเจอนั้นให้กับฉัน เมื่อรับมาดูก็ปรากฏว่าเป็นตารางเรียนของอีตาพี่จื่อเฉง หุหุ เสร็จฉันอีตาลูกครึ่ง
“ขอบคุณนะคะ” ฉันเดินยิ้มแป้นออกไปจากห้อง SF พุ่งตรงไปยังห้องเรียนทันทีอย่างมีความสุข

คาบนี้เป็นวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เป็นคาบที่สาขาของฉันได้เรียนรวมกับคณะอื่น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะคณะวิทย์ แต่จำไม่ได้ว่าสาขาอะไร แต่เป็น ปี 3 ว่าไปว่ามา เอาตารางเรียนของอีตาพี่จื่อเฉิงขึ้นมาดูดีกว่า
อ้อเรียนภาษาอังกฤษเหมือนเลย แถมมีเรียนแค่คาบเดียวเหมือนกันอีก ฮ่าๆ แปลกจัง เอ๊ะแต่นี่มันอะไรเนี่ย เรียนตึกเดียวกับฉันงั้นเหรอ กินหมูล่ะทีนี้ แล้วห้องอะไรเอ่ย ห้อง 4/5 อ้อฉันเองก็เรียนห้องนี้นี่หน่า หา!!!! ระ..ระ...เรียนห้องเดียวกับฉันงั้นเหรอ ทำไมฉันไม่เคยสังเกตเลยล่ะ
การที่ฉันดิ้นหยุกหยิก หันไปหันมา ส่งผลให้อาจารย์ผู้สอนที่เป็นฝรั่งเรียกถามฉันในคำถามบนกระดานทันที เรียกชื่อฉันถูกด้วยนะ เพราะฉันชอบโดนแกใช้งานบ่อย อาจารย์จึงจ้องแต่ฉันคนเดียว ซวยแล้วไอ้ณิการ์เอ้ย เมื่อกี้ไม่ได้ฟังซะด้วยสิ
“ ขอทวนคำถามอีกรอบค่ะ หนูมองไม่ค่อยเห็น” ฉันขอร้องกลับไปเป็นภาษาอังกฤษ แก้ตัวไปงั้นแหล่ะ ฉันเห็นทุกอย่างแต่แค่อยากขอเวลาในตอนที่ยืนเนี่ยแหล่ะ มองหาคนบางคนไปในตัว
แต่คนประมาณ 60 กว่าคนในห้องนี้ ฉันจะไปหาเจอได้ไง แต่หมอนั่นมันมีความแตกต่าง รัศมีมันจะต้องโผล่มาบ้างแหล่ะ ให้ตายสิ กลมกลืนชะมัด
“ว่ายังไงคำตอบคืออะไร” เงิบล่ะสิคร๊าบ เมื่อกี้ฉันไม่ฟังอะ อ่านเอาเองเลยละกัน บนกระดานมันเขียนว่า “เชื่อในเรื่องบังเอิญไหม” เฮ้ยนี่มันจะบังเอิญไปไหม ตรงกับสถานการณ์พอดีเลย
“เชื่อค่ะ” ตอบอย่างมั่นใจเลยจ้า
“เพราะอะไรบอกได้ไหม” งานงอกเจริญเติบโต ไม่ได้คิดข้อนี้อีกแล้วเมื่อไหร่จะจำสักที ว่าให้คิดคำตอบของคำถามต่อไปไว้
“มันก็คงคล้ายๆพรหมลิขิตล่ะค่ะ” เป็นคำตอบที่โง่สิ้นดี คิดอะไรไม่ออกแล้ว อายหว่ะ คนหัวเราะกันเต็มเลย นั่งลงเหอะ ขายขี้หน้าสิ้นดี
หลังเลิกเรียน ฉันก็โดนใช้งานเหมือนเดิม โดนใช้ให้ยกกองรายงานประมาณ 50 กว่าเล่มไปไว้บนโต๊ะของอาจารย์ที่ห้องสาขาภาษาทั้งหลาย มันหนักนะโว้ย ใช้มาได้ยังไง ผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง
ก่อนที่ฉันกำลังจะเดินไปได้หนึ่งก้าว เพื่อเดินทางหอบเอารายงานทั้งหลายไปไว้ที่ปลายทางอย่างทุลักลุเล ก็มีเงาใหญ่ของใครสักคนมายืนขวางฉันไว้ ฉันค่อยๆเลี่อนกองรายงานที่บังสายตาฉันออกทีละนิด เผยให้เห็นร่างสูงของชายที่ฉันตามหามาทั้งวัน ซึ่งตอนนี้เค้ามายืนอยู่ตรงหน้าฉันเป็นที่เรียกร้อย
“ไงน้องสาว...หนักไหมนั่น” ไม่น่าถามนะ บื้อว่ะ ก็เห็นๆกันอยู่ว่ามันหนักแค่ไหน เซไปหมดละเนี่ย
“=_=^ ถ้าไม่หลีกจะหนักกว่านี้อีก” ฉันพยายามหักตัวไปทางขวาแต่เค้ามาดักฉัน เมื่อเอนไปอีกทางเค้าก็ทำเหมือนเดิม เอ๊ะ จะเอาไงวะ ต่อยกันเลยไหมคร๊าบ(นางเอกเราเป็นหญิงหรือชาย)
อีตาพี่จื่อเฉิงแย่งหอบกองรายงานไปจากอ้อมกอดของฉัน ตอนที่เค้าจับปึกรายงานมือของเราสัมผัสกัน รู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อตไงก็ไม่รู้
เดินไปไม่รอเลยอีตาบ้า ฉันรีบสะพายกระเป๋า และหยิบร่มคิตตี้ วิ่งตามไปทันที เดินเร็วชะมัดเลย
“ฉันหาคำตอบมาละนะ รับรองได้เลยว่าคุณจะต้องชอบ” เริ่มเรื่องทันทีที่ถึงตัว ฉันคิดรอมาทั้งคืนแล้ว ใจร้อนโว้ย
“เหรอ...คืออะไรล่ะ” เค้าตอบทั้งๆที่ไม่มองฉันเลย เหลียวแลกันหน่อยสิคร๊าบ
“เพราะคุณคือคู่ ที่ฟ้าส่งมาให้ฉันแล้ว...ยังไงก็ต้องเป็นคุณ...ฉะ...ฉะ..ฉันหมายถีงคู่แสดงน่ะ อย่าเข้าใจผิดนะ” รู้สึกจักจี้ขึ้นมาทันทีทันใด ต้องรีบแก้ตัวก่อนเดี๋ยวเข้าใจผิด เรื่องมันจะยุ่ง
“....”
แต่คำตอบที่ได้มาคือ .... รับประทานจุดแป๊บ อ้อเข้าใจแล้วเพราะว่าอยู่ในห้องพักครู เลยต้องเงียบเข้าไว้ รอออกข้างนอกก่อนนะ จะจับเค้นคำตอบให้ได้เลย
“ *O* ว่าไงล่ะคุณ...ยอมเป็นคู่แสดงให้ฉันแล้วใช่ไหม” ฉันถามทันทีที่ออกมาจากห้องพักครู
“ยัง” อ้าว...ฉันคิดมาทั้งคืนเลยนะนั่นน่ะ
“แล้วพี่จื่อเฉิงจะให้ฉันทำอะไรล่ะคะ” เค้าทำหน้าครุ่นคิดจากนั้นก็มองมาที่ร่มคิตตี้ของฉัน แล้วยิ้มแปลกๆ มันเป็นรอยยิ้มที่มาเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็นเลย
“ตามพี่มาสิครับ” หลี จื่อเฉิง คุณนี่ชักจะเยอะแล้วนะ รู้สึกเหมือนจะโดนใช้งานยังไงก็ไม่รู้ TOT



Greek
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 มิ.ย. 2558, 10:38:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 มิ.ย. 2558, 10:38:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 799





<< ตอนที่ 3 คู่แท้   ตอนที่ 5 คุณน้องกับคุณพี่ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account