กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 10 ครึ่งแรก

ภายนอกปิดไฟหมดแล้ว เหลือเพียงห้องทำงานที่ปักหลักอยู่เท่านั้น อันนาพยายามเร่งมือเพราะเพิ่งแปะภาพทับไปได้แค่ลังเดียว นาวินกับธีราโทรมาชวนไปกินข้าวก็ต้องปฏิเสธไป ช่วงนี้เราสามคนไม่ค่อยได้พบกับเท่าไหร่เลย
กาวหมดไปสองหลอด อันนาเดินไปหยิบมาเพิ่มแล้วกรีดภาพแบ่งออก เริ่มเจ็บนิ้วจากมือที่ยื่นออกมาจากเฝือก พอยิ่งมองตั้งของแผ่นพับแล้วก็แทบถอดใจ สังขารไม่ให้จนสังเวชตัวเอง อีกสองชั่วโมงจะเสร็จไหมหนอ
“ทำไมยังไม่กลับบ้าน”
“อุ้ย...”
อันนาสะดุ้งโหยง คมมีดแฉลบโดนปลายนิ้วได้เลือด พอมองคนทำให้เสียสมาธิก็ถอนใจยาวใส่ ไม่เจอกันหลายวัน เขายังหล่อบาดใจเหมือนเดิม
“ทำไมมาเงียบๆ คะฉันตกใจหมด เห็นไหมมีดบาด”
หญิงสาวคว้ากระดาษทิชชู่มาพันนิ้วแล้วทำงานต่อ แผลเพียงนิดเดียวเดี๋ยวเลือดก็หยุดไหลไปเอง ชัคเลื่อนเก้าอี้มานั่งลงข้างๆ คว้านิ้วที่เลือดยังไหลมาแล้วดึงกระดาษออกดู
“เป็นผู้หญิงทำไมซกมก”
“ฉันไม่ตายเพราะแผลเล็กๆ แค่นี้หรอกค่ะ”
“นั่นไง ไม่รักชีวิต”
ร่างสูงลุกขึ้นแล้วดึงให้คนมองมาตาขุ่นลุกตามไปด้วย ไม่ยอมก็ต้องยอมล่ะ ใครแรงมากกว่าคงไม่ต้องถาม
ชัคเปิดก๊อกน้ำ อันนามองห้องน้ำที่เข้าได้ทีละคน แต่พอชัคเข้ามาด้วยกันเลยแปลกๆ เกือบจะอึดอัด นิ้วที่เลือดยังไหลถูกน้ำล้างจนแผลสะอาด เธอดึงมือกลับ แต่เขาจับไว้ไม่ยอมปล่อยแถมยังโอบเอวเสียแน่นบังคับให้เดินกลับมาที่โต๊ะ
“มีพาสเตอร์หรือผ้าอะไรบ้างไหม”
“ไม่มีสักอย่างเลยค่ะ เลือดหยุดแล้ว ช่างมันเถอะ ตอนนี้ฉันกำลังรีบทำงานแข่งกับเวลา”
คนหวังดีถอนใจใส่ยอมปล่อยมือพลางมองหลอดกาว คัตเตอร์และกระดาษมากมายที่กองสุมอยู่บนโต๊ะแล้วยังที่พื้นอีก
“เนี่ยน่ะหรืองานของคุณ”
“ใช่ค่ะ พรุ่งนี้มีประชุมใหญ่ของ Prime ไง คุณสำคัญที่สุดในงาน น่าจะกลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้หล่อเนี้ยบตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้า”
ชัคหยิบแผ่นพับมาดู “มันต้องทำยังไง แล้วต้องทำอีกกี่ลัง”
“2 ลังค่ะ แต่สบายมาก กลับไปได้แล้วคุณ ฉันต้องการสมาธิ”
“อย่างนี้ใช่ไหม” ภาพที่ตัดไว้ถูกทากาวแล้วทาบลงบนภาพบนแผ่นพับที่สีเพี้ยน “โอเค ไม่ยาก ถ้าช่วยกันแผ่นพับทั้งสองกล่องใหญ่คงเสร็จก่อน 3 ทุ่มกระมัง”
“เอาจริงหรือคะคุณ”
ชัคหยิบแผ่นพันมาปึกใหญ่ช่วยทากาวแล้วแปะซึ่งเร็วกว่าอันนาจนไม่อยากเทียบ ทั้งๆ ที่เขาไม่น่าจะชำนาญทำอะไรแบบนี้ คนตั้งใจช่วยหันมามองคนจ้องที่หลุบตาลงทันที
“มองอะไรอยู่รีบๆ ช่วยกันสิ หยิบกาวมาช่วยกันแปะ ถ้าไม่อยากอยู่ที่นี่จนเที่ยงคืน”
คนสั่งถูกค้อนใส่ ชัคหัวเราะอยู่ในลำคอ เนี่ยนะหรือคนที่บอกว่ากลัวเขา ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ แต่กล้าทำแบบนี้ ไม่ใช่แล้วล่ะมั้ง
“ใจดีเหมือนกันนะคุณ ตัวปลอมหรือเปล่า”
“อยากฝึกจูบจริงเมื่อไหร่ ตอนนี้เลยไหม” ชัคเหล่ใส่ สายตาจดจ๋อที่ริมฝีปากสวยๆ ที่เคยประกบ แต่ยังไม่ได้ยลความนุ่มนวล
“ฉันไม่ว่างค่ะ งานล้นมือ” อันนาเม้มปากกำหมัดแน่นค้อนใส่
ชัคขยับเข้ามาใกล้อย่างจงใจ เธอหันไปค้อนใส่อีกรอบ พอถูกมองริมปากก็หันหน้าหนีแก้มแดงอย่างห้ามไม่ได้ คนแกล้งหัวเราะชอบใจขยับกลับไปนั่งที่เดิม ความเงียบเข้ามาเยือนเมื่อต้องทำงานแข่งกับเวลา ชาญมองนายแล้วเปลี่ยนใจออกมาจากห้อง คนอย่างชัคสั่งให้พิมพ์ใหม่ยังง่ายกว่ามานั่งหลังขดหลังแข็งแปะกระดาษ ยกเว้นอยากทำเสียเอง

พอช่วยกันงานก็เร็วขึ้นแผ่นพบเสร็จไปลังครึ่งแล้ว อันนาชักเกรงใจชัค แต่ถึงไล่เขาคงไม่ไปอยู่ดีเลยวางมือจากงานแล้วเดินไปชงกาแฟให้ ชายหนุ่มยกกาแฟขึ้นมาจิบเงียบๆ พลางมองคนกินโอวัลตินกลิ่นหอมฉุย ชาญเดินเข้ามาพร้อมถุงอาหารพะรุงพะรัง งานนี้ฮีโร่ชัดๆ
“หิวกันแล้วใช่ไหมครับ”
“คุณชาญนี่รู้ใจจริงๆ ตอนนี้น้ำหิวจนจะกินหัวคนได้อยู่แล้วค่ะ”
อันนาไปหาจานชามจากแคนทีนมาให้สองหนุ่ม แต่พอกลับมาชาญไม่อยู่แล้ว จะอยู่ก็แต่คนไม่กินอะไรง่ายๆ แต่กลับแก้ยางเอ็นเทบะหมี่เกี๊ยวลงชามอย่างกับทำแบบนี้บ่อยๆ อยู่แล้ว
“กินได้หรือคุณบะหมี่เกี๊ยว น่าจะร้านแถวๆ นี่เสียด้วย ไหนว่าไม่ใช่คนกินอะไรง่าย ท้องเสียไปฉันจะซวยไหมคะเนี่ย”
“ถ้าอร่อยก็กินง่าย ไม่ต้องแพงหรูตามที่คุณเข้าใจไปเองหรอกน่า” ตะเกียบไม้ฉีกออกจากห่อแล้วคีบหมูใส่ปาก โดยที่ไม่ปรุงอะไรสักอย่าง แถมยังแกะห่อข้าวมันไก่ออกสองห่ออีกด้วย
อันนาเลือกกินข้าวมันไก่ที่เขาเพิ่งแกะห่อนั่นแหละ นาวินก็สำอางไฮโซกินข้าวข้างทางได้ แต่กับชัคมันดูแปลกดี ทำตัวเหมือนยาก แต่กลับง่ายๆ หรือว่าเขาจงใจไม่ให้ใครรู้ว่าตัวตนว่าเป็นคนอย่างไรกันแน่ บะหมี่เกี๊ยวเกลี้ยงชาม ตามด้วยข้าวมันไก่ เขากินจุเหมือนกันนะนี่
“คุณไม่กินขิงหรือคะ”
“ใช่ มันเผ็ด”
“ถ้างั้นฉันขอ อร่อยจะตาย ทิ้งไปเสียดายแย่”
อันนาตักขิงจากห่อข้าวของชัคมาแล้วเคียวหลับตาพริ้มฟินสุดๆ พอถูกจ้องเลยแบ่งไก่ให้ใส่ช้อนยื่นไปตรงจาน
“ปกติผมไม่กินของจากคนไม่สนิทนัก”
อันนาหัวเราะพ่อคนเงื่อนไขมาก “เหมือนกัน แต่คราวนี้มองข้ามๆ ไปแล้วกันนะคุณ”
ไก่ถูกคีบจากช้อนมาใส่ปาก อย่าว่าแต่ใครที่แอบมองอยู่ตรงประตูจะแปลกใจเลย ชัคยังไม่เชื่อตัวเองว่าไว้ใจใครได้อีกหลังจากเกือบตายเพราะคนที่ไว้ใจที่สุด อันนาเก็บจานชามช้อนไปล้างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วทีมเล็กๆ ที่มีกันสองคนก็ทำงานกันอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้มีเสียงบ่นผสมเสียงหัวเราะแซมมาด้วยเพราะชัคจะกรีดกระดาษ แต่คนเดี้ยงมาแย่งงานด้วยความเกรงใจ

นาวินพรางใบหน้าตัวเองแล้วใช้คีย์การ์ดที่ได้จากธีราเข้ามานั่งรออันนาที่ลอบบี้ด้านล่าง รออยู่ครู่หนึ่งยังไม่เห็นจึงโทรหาแต่สัญญาณดังอยู่นานแล้วก็เงียบไป เลยเดินไปขอให้พนักงานโทรขึ้นไปบนห้องเผื่อว่าจะกลับมาแล้ว แต่อันนายังไม่กลับมาจริงๆ ดาราหนุ่มนั่งรอต่อไป
เสียงโทรศัพท์เงียบไปนานแล้ว ชัคยังคงช่วยอันนาอยู่ แม้ว่าเจ้าของงานจะเพลียจนหลับไปเมื่อ 10 นาทีก่อน ชาญเดินเงียบๆ เข้ามาแล้วช่วยนายแปะกระดาษ เพียงไม่นานงานก็เสร็จในเวลา 3 ทุ่มนิดๆ สองหนุ่มนั่งพัก อันนาขยับแขนงัวเงียพอรู้ตัวว่าเผลอหลับก็ตกใจกระวีกระวาดมองหาแผ่นพับอีกลัง
“ขอโทษนะคุณที่ฉันหลับไป เดี๋ยวทำที่เหลือเองแล้วกัน คุณกลับไปเถอะ”
ลังทั้งหมดเต็มแน่นไปด้วยแผ่นพับ มันไม่ได้เป็นอย่างนี้ก่อนที่เธอจะเผลอหลับไปสักหน่อย มือหนาคว้าแขนเรียวให้ลุกขึ้น แมวเวลาตื่นนอนหน้าตาคงไม่ต่างจากอันนาเท่าไหร่ ผู้หญิงอะไรบ่นเขาอยู่ดีๆ หันไปอีกทีหลับไปเสียแล้ว
“ไม่มีอะไรเหลือให้คุณทำหรอก ผมกับชาญช่วยกันแปะจนเสร็จ ตอนนี้ถ้าหายง่วงแล้วก็กลับบ้านกัน”
เกือบจะไม่เชื่อ แต่นาฬิกาคงไม่โกหกว่าเธอหลับไปเกือบชั่วโมง ถ้าหายตัวได้คงจะดี น่าขายหน้าชะมัด อันนายกมือไหว้ซึ้งอยู่ในใจ คนสุดท้ายในโลกที่เธอจะขอให้ช่วยกลายเป็นเขาอยู่ด้วยเสมอเวลามีปัญหา
“ขอบคุณมากนะคุณ คุณชาญด้วยค่ะ ขอโทษจริงๆ นะ ทำไมไม่ปลุกฉันล่ะ งานของฉันแท้ๆ แต่คุณต้องมาเหนื่อยไปด้วยกัน คุณชาญอีกคน”
ชาญรับไหว้แทบไม่ทัน ชัคทำหน้าเหมือนกินอะไรขมๆ เข้าไป แค่ไหว้เพียงครั้งเดียวทำให้เขารู้สึกเหมือนที่ผ่านรังแกเด็กอย่างไรก็ไม่รู้ อันนาเพิ่งรู้ตัวว่าเสื้อคลุมของชัคอยู่บนบ่า แน่ล่ะเขาไม่รับคืนของที่ให้ใครแล้ว เสื้อสูทตัวที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย
ชาญเดินนำทุกคนมายังรถที่จอดรอไว้หน้าตึก อันนาจะไปนั่งข้างคนขับ แต่เจ้านายยังอุตส่าห์คว้าแขนให้มาข้างหลัง ช่างบงการไม่ฟังใครได้ตลอดเวลา รถเคลื่อนออกไปพร้อมๆ กับรถอีกคันขับเข้ามา เมธาเห็นทันว่าใครเพิ่งออกไปจากบริษัท เขาขับรถกลับบ้านด้วยคำถามมากมาย

อันนาฝืนความง่วงมาตลอดทางกลัวว่าตื่นมาแล้วจะกลายเป็นว่าไปนอนอยู่ที่บ้านของชัคอีก รถสีดำของเขาจอดที่หน้าตึก หญิงสาวยกมือไหว้บอกขอบคุณแล้วลงมาจากรถ ชัคมองตามอยากให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัยดีก่อน ชาญกำลังจะเหยียบคันเร่งเมื่อเห็นว่าไม่กี่ก้าวอันนาจะเข้าตึกไปอยู่แล้ว แต่พลันประตูรถก็เปิดออกพร้อมๆ กับเจ้านายที่พรวดออกไป
“ระวัง!”
อันนาหันมายังงงๆ อยู่ว่าเขาให้ระวังอะไร ชัคกระโจนเข้าไปคว้าเอวบางมากอดแล้วเอาตัวเองบังไว้ ทั้งน้ำและกะละมังร่วงลงมากระแทกใส่เต็มหลัง ชาญวิ่งมาสมทบระแวดระวังให้ไม่นึกว่าเพียงไม่กี่ก้าวจะเกิดเรื่อง
“ขอโทษค่ะ” มีเสียงตะโกนลงมา
อันนามองขึ้นไปยังตกใจไม่หาย ชัคคลายกอดรู้สึกเจ็บที่หลังนิดๆ แต่ยังเบาใจได้ว่าเฝือกที่แขนของเธอไม่เปียกน้ำ “เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า”
อันนาส่ายหน้าแล้วขยับออกมาจากอ้อมแขนของเขา ก่อนจะโบกมือให้เจ้าของกะละมัง ชัคมองตามสีหน้าไม่พอใจ “ผมจะไปหาเจ้าของห้องนั้น”
มือบางรีบคว้ามือคนตัวใหญ่กว่าไว้ “อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลยคุณ อุบัติเหตุน่ะ แต่เปียกไปหมดเลย แถมเหม็นด้วย มีเสื้อผ้าติดมาในรถบ้างหรือเปล่าคะ”
“ไม่มี คงต้องรบกวนคุณบ้างแล้ว”
อันนาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่เห็นภาพเปียกมะลอกมะแลกของชัคแล้วคงไม่พร้อมเดินทางไปไหน แล้วที่ช่วยเธอไว้อีก ปล่อยให้ไปอย่างนี้คงไร้น้ำใจจนไม่ให้อภัยตัวเอง หญิงสาวเสียบคีย์การ์ดแล้วเดินนำชัคไปที่ลิฟต์ น่าตลก โชคชะตากำลังทำอะไรกับเราสองคน การที่เธอไม่ต้องไปบ้านของเขา มันกลายเป็นว่าเขามาที่ห้องของเธอแทนซะงั้น
นาวินมองตามก้าวขาไม่ออก ไม่มีเสียงแม้จะเรียกอันนาไว้ เขาจำผู้ชายคนนั้นได้ ในฐานะเจ้านาย ทำไมถึงมาอยู่กับลูกน้องในเวลานี้ อยากตามไปถาม แต่เขาจะถามในฐานะอะไร
แล้วจะมา up ต่อถึงตอนที่ 15 นะคะ มีจำหน่ายในรูปแบบหนังสือและ e-book แล้วค่ะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มิ.ย. 2558, 09:55:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มิ.ย. 2558, 09:55:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1138





<< ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง >>
แว่นใส 26 มิ.ย. 2558, 13:11:08 น.
เข้าใจผิดกันไปไกลแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account