พันธกานต์สิเน่หา
งานเขียนนี้เคยตีพิมพ์ในนามปากกาทิตภากร ปัจจุบันต้นฉบับได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่องและวางจำหน่ายในรูปแบบ e-book เท่านั้น!!
(เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วน)
(เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วน)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 6
“คุณไม่ควรจะใช้วิธีสกปรกอย่างนี้กับผม!”
น้ำเสียงกร้าวที่ดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้กอร์ดอนประมุขของบ้านที่ยืนทอดสายตามองทัศนียภาพยามเช้าผ่านผนังกระจกต้องละสายตาจากภาพตรงหน้าพลางหันมอง
“อ้าว...อันโตนิโอ ตื่นแล้วเหรอ กาแฟหน่อยไหม เผื่ออารมณ์จะดีขึ้น” กอร์ดอนยิ้มให้คนที่ก้าวเข้ามาในห้องอาหาร ไม่มีทีท่าว่าจะใส่ใจในคำต่อว่าต่อขาน หากแต่เดินไปฉวยกากาแฟบนโต๊ะมารินใส่แก้วแล้วยกขึ้นในระดับสายตา
“อย่าโยกโย้ได้ไหม”
“ไม่เอาน่า ก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำไมต้องเก็บเอามาเป็นอารมณ์ด้วย เมื่อคืนคุณก็หลับสบายดีไม่ใช่เหรอ” เจ้าของคฤหาสน์ยกกาแฟขึ้นจิบในอิริยาบถสบายๆ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับปฏิกิริยาของหุ้นส่วนหนุ่ม
“ใช่! สบายมาก”
“ก็ดีแล้วนี่น่า” กอร์ดอนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงกระแทกกระทั้นนั่นเสียด้วยซ้ำ เขาจิบกาแฟอึกใหญ่แล้ววางลงก่อนจะหันมองคู่สนทนา สะดุดตากับบาดแผลคล้ายรอยแมวข่วนเป็นทางยาวบริเวณลำคอและแผงอกที่โผล่พ้นเสื้อคลุมอาบน้ำ ไม่จำเป็นต้องคาดเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร จึงเลือกที่จะกระเซ้าออกไป
“แล้วน้องสาวผมล่ะ เธอหลับสบายในอ้อมแขนคุณหรือเปล่า”
“กอร์ดอน! มันไม่ตลกเลยนะ บอกผมมา...คุณทำอย่างนี้ทำไม ต้องการอะไรกันแน่” สีหน้าของอันโตนิโอแลเครียดขึ้นไม่ต่างจากน้ำเสียง
“คุณก็รู้อยู่แล้วนี่ ถ้าตกลง...เงื่อนไขที่เราคุยกันไว้ก็เป็นไปตามนั้น”
“แต่ผมไม่เแต่งงานเพื่อผลประโยชน์!”
“หมายความว่าคุณจะไม่รับผิดชอบอย่างนั้นเหรอ”
“คุณไม่ควรพูดอย่างนี้กับผม เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือคุณ!”
“ไม่ว่าจะเป็นฝีมือผมหรือฝีมือใคร ตอนนี้เพนนีก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงของคุณแล้ว มันคงจะไม่ดีแน่ ถ้าคุณไม่จัดการอะไรให้ถูกต้อง”
“แต่คุณวางยาผม!”
“ใช่ ผมยอมรับ แล้วยังไง...” กอร์ดอนไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ ความลำพองในตัวนั้นกวนโทสะไม่น้อย จนคนใจเย็นอย่างอันโตนิโอเหลืออด ปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อของอีกฝ่าย
“คุณจัดฉากแล้วยังจะกล่าวหาว่าผมผิดอีกอย่างนั้นเหรอ ทั้งที่คุณก็รู้ว่าผมไม่มีปัญญาทำอะไรเธอ”
“มันช่วยไม่ได้ เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของเกม”
“เกม...?”
“ใช่...เกมที่มีให้เลือกอยู่สองทาง ถ้าไม่แพ้ก็ชนะ เวลาแพ้ก็ไม่เรียกว่าผิดหรอกนะ แต่เรียกว่าพลาด และตอนนี้คุณก็พลาดแล้วอันโตนิโอ” กอร์ดอนสบตากับหุ้นส่วนหนุ่มอย่างไม่กลัวเกรง พลางปลดมือที่ขยุ้มคอเสื้อเขาออก แน่นอน...เวลานี้คนเป็นต่ออย่างเขาย่อมใจเย็นและนิ่งกว่าอีกฝ่าย
“กอร์ดอน! คุณมันปีศาจชัดๆ”
“ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะคิดยังไง แต่ตอนนี้ผมคือผู้ชนะ!”
“คิดว่าทำอย่างนี้แล้วผมจะยอมง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะ! เรื่องอย่างนี้มันพิสูจน์กันได้”
“คุณนี่ใจแคบกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยนะ แพ้แล้วก็ควรยอมรับความพ่ายแพ้สิ ไม่ใช่ไม่ยอมรับความผิดพลาด”
“ผมคงยอมรับได้ ถ้าคุณไม่ใช้วิธีสกปรก”
“แล้วคุณจะต้องคิดมากทำไม การที่ผมทำทุกอย่างให้มันง่ายเข้าก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ หรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่มีใจให้น้องสาวผม”
“ข้อนั้นผมไม่เถียง แต่ผมไม่ชอบวิธีการของคุณ”
“จะวิธีไหนก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะสุดท้ายแล้ว คุณก็ต้องลงเอยกับน้องสาวผมอยู่ดี”
“อย่ามั่นใจอะไรนัก เพราะคนอย่างผมไม่ชอบการขู่บังคับ ถ้าคุณไม่เล่นสกปรก บางที...อาจจะจบสวยกว่านี้ก็ได้”
“หมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าคุณจะไม่แต่งงานกับน้องสาวผม” กอร์ดอนหยั่งเชิง ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนใจเย็น ถ้าอยากรู้อยากเห็นก็ต้องได้รู้ได้เห็น ไม่เคยต้องเก็บความสงสัยให้ว้าวุ่นใจ ครั้นเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งเก็บอาการก็แสร้งปรารภขึ้น
“เฮ้อ! นึกแล้วเชียวว่าคุณต้องไม่โอเค แต่เอาเถอะ...ผมเองก็ไม่อยากเซ้าซี้ สงสารก็แต่ยัยเพนนี รายนั้นเปราะบาง ถ้าต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านก็ไม่รู้จะรับสภาพไหวหรือเปล่า”
“คิดว่าพูดอย่างนี้แล้วผมจะใจอ่อนอย่างนั้นเหรอ”
“เปล่า...ผมไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะเห็นใจ ก็แค่อยากบอกให้รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่เราเท่านั้นที่รู้ แต่ยังมีคนอื่นด้วย”
“หมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าคุณกระจายข่าวออกไป”
“ผมจะทำอย่างนั้นทำไมให้ขายหน้า มันเป็นเรื่องบังเอิญต่างหาก พอดีว่าเมื่อคืนนี้บอดี้การ์ดของคุณ...”
“ปีร์โลมาที่นี่อย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ เขามาขอพบคุณ ผมก็เลยให้มาเรียพาไปที่ห้อง แต่เคาะประตูแล้วคุณไม่เปิด ปีร์โลเป็นห่วงก็เลยขอร้องมาเรียให้ไปเอากุญแจมาไข พอเปิดเข้าไปแล้วเห็นคุณอยู่กับเพนนีในสภาพนั้น มันก็ช่วยไม่ได้ที่คนจะรู้กันทั้งคฤหาสน์ เพราะสาวใช้ของผมเป็นคนขี้ตกใจและเสียงของเธอก็...” กอร์ดอนพูดไปก็ลอบสังเกตอาการไป
อันโตนิโอได้ฟังเรื่องราวก็มีสีหน้าเคร่งเครียด หลุดคำสบถออกมาอย่างลืมตัว กอร์ดอนเห็นดังนั้นก็วางมือบนไหล่หนาพลางตบเบาๆ อย่างเห็นอกเห็นใจ แต่ก็ไม่วายหย่อนระเบิดลูกโตเร่งให้หุ้นส่วนหนุ่มรีบตัดสินใจ
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ผมเข้าใจ...เรื่องอย่างนี้มันฝืนใจกันไม่ได้ นี่ผมก็กะว่าจะทุ่มเงินปิดปากพวกคนรับใช้”
“แล้วจะได้ผลเหรอ” อันโตนิโอพูดแทรกขึ้น สีหน้าเขาบ่งบอกว่ายังวิตกกังวล
“ก็นั่นน่ะสิ เรื่องคาวๆ อย่างนี้...ใครก็ชอบ ก็คงต้องรอไปอีกสักพักแล้วค่อยจับยัยเพนนีใส่ตะกร้าล้างน้ำ น้องสาวผมก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ คงมีผู้ชายสักคนล่ะน่าที่อยากเป็นหนูตกถังข้าวสาร คุณว่าจริงไหม?”
อันโตนิโออึ้งไป คำถามบาดใจนั้นทำให้เขาต้องครุ่นคิด แต่เวลาผ่านไปแค่เสี้ยววิเท่านั้น เขาก็ย้อนถามกลับไปแทนคำตอบ
“ทำไมต้องเป็นผม...”
กอร์ดอนลอบยิ้มในหน้า พลางโอบไหล่หุ้นส่วนหนุ่ม ไม่จำเป็นต้องบอกก็ทราบว่าคำถามนั้นแทนความหมายการตอบรับว่าจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตระกูลแบรนเนต
“เพราะผมมั่นใจในตัวคุณ ฝากเพนนีด้วยนะอันโตนิโอ”
น้ำเสียงกร้าวที่ดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้กอร์ดอนประมุขของบ้านที่ยืนทอดสายตามองทัศนียภาพยามเช้าผ่านผนังกระจกต้องละสายตาจากภาพตรงหน้าพลางหันมอง
“อ้าว...อันโตนิโอ ตื่นแล้วเหรอ กาแฟหน่อยไหม เผื่ออารมณ์จะดีขึ้น” กอร์ดอนยิ้มให้คนที่ก้าวเข้ามาในห้องอาหาร ไม่มีทีท่าว่าจะใส่ใจในคำต่อว่าต่อขาน หากแต่เดินไปฉวยกากาแฟบนโต๊ะมารินใส่แก้วแล้วยกขึ้นในระดับสายตา
“อย่าโยกโย้ได้ไหม”
“ไม่เอาน่า ก็แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำไมต้องเก็บเอามาเป็นอารมณ์ด้วย เมื่อคืนคุณก็หลับสบายดีไม่ใช่เหรอ” เจ้าของคฤหาสน์ยกกาแฟขึ้นจิบในอิริยาบถสบายๆ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับปฏิกิริยาของหุ้นส่วนหนุ่ม
“ใช่! สบายมาก”
“ก็ดีแล้วนี่น่า” กอร์ดอนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงกระแทกกระทั้นนั่นเสียด้วยซ้ำ เขาจิบกาแฟอึกใหญ่แล้ววางลงก่อนจะหันมองคู่สนทนา สะดุดตากับบาดแผลคล้ายรอยแมวข่วนเป็นทางยาวบริเวณลำคอและแผงอกที่โผล่พ้นเสื้อคลุมอาบน้ำ ไม่จำเป็นต้องคาดเดาก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร จึงเลือกที่จะกระเซ้าออกไป
“แล้วน้องสาวผมล่ะ เธอหลับสบายในอ้อมแขนคุณหรือเปล่า”
“กอร์ดอน! มันไม่ตลกเลยนะ บอกผมมา...คุณทำอย่างนี้ทำไม ต้องการอะไรกันแน่” สีหน้าของอันโตนิโอแลเครียดขึ้นไม่ต่างจากน้ำเสียง
“คุณก็รู้อยู่แล้วนี่ ถ้าตกลง...เงื่อนไขที่เราคุยกันไว้ก็เป็นไปตามนั้น”
“แต่ผมไม่เแต่งงานเพื่อผลประโยชน์!”
“หมายความว่าคุณจะไม่รับผิดชอบอย่างนั้นเหรอ”
“คุณไม่ควรพูดอย่างนี้กับผม เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือคุณ!”
“ไม่ว่าจะเป็นฝีมือผมหรือฝีมือใคร ตอนนี้เพนนีก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงของคุณแล้ว มันคงจะไม่ดีแน่ ถ้าคุณไม่จัดการอะไรให้ถูกต้อง”
“แต่คุณวางยาผม!”
“ใช่ ผมยอมรับ แล้วยังไง...” กอร์ดอนไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ ความลำพองในตัวนั้นกวนโทสะไม่น้อย จนคนใจเย็นอย่างอันโตนิโอเหลืออด ปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อของอีกฝ่าย
“คุณจัดฉากแล้วยังจะกล่าวหาว่าผมผิดอีกอย่างนั้นเหรอ ทั้งที่คุณก็รู้ว่าผมไม่มีปัญญาทำอะไรเธอ”
“มันช่วยไม่ได้ เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของเกม”
“เกม...?”
“ใช่...เกมที่มีให้เลือกอยู่สองทาง ถ้าไม่แพ้ก็ชนะ เวลาแพ้ก็ไม่เรียกว่าผิดหรอกนะ แต่เรียกว่าพลาด และตอนนี้คุณก็พลาดแล้วอันโตนิโอ” กอร์ดอนสบตากับหุ้นส่วนหนุ่มอย่างไม่กลัวเกรง พลางปลดมือที่ขยุ้มคอเสื้อเขาออก แน่นอน...เวลานี้คนเป็นต่ออย่างเขาย่อมใจเย็นและนิ่งกว่าอีกฝ่าย
“กอร์ดอน! คุณมันปีศาจชัดๆ”
“ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะคิดยังไง แต่ตอนนี้ผมคือผู้ชนะ!”
“คิดว่าทำอย่างนี้แล้วผมจะยอมง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะ! เรื่องอย่างนี้มันพิสูจน์กันได้”
“คุณนี่ใจแคบกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยนะ แพ้แล้วก็ควรยอมรับความพ่ายแพ้สิ ไม่ใช่ไม่ยอมรับความผิดพลาด”
“ผมคงยอมรับได้ ถ้าคุณไม่ใช้วิธีสกปรก”
“แล้วคุณจะต้องคิดมากทำไม การที่ผมทำทุกอย่างให้มันง่ายเข้าก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ หรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่มีใจให้น้องสาวผม”
“ข้อนั้นผมไม่เถียง แต่ผมไม่ชอบวิธีการของคุณ”
“จะวิธีไหนก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะสุดท้ายแล้ว คุณก็ต้องลงเอยกับน้องสาวผมอยู่ดี”
“อย่ามั่นใจอะไรนัก เพราะคนอย่างผมไม่ชอบการขู่บังคับ ถ้าคุณไม่เล่นสกปรก บางที...อาจจะจบสวยกว่านี้ก็ได้”
“หมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าคุณจะไม่แต่งงานกับน้องสาวผม” กอร์ดอนหยั่งเชิง ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนใจเย็น ถ้าอยากรู้อยากเห็นก็ต้องได้รู้ได้เห็น ไม่เคยต้องเก็บความสงสัยให้ว้าวุ่นใจ ครั้นเห็นอีกฝ่ายยังนิ่งเก็บอาการก็แสร้งปรารภขึ้น
“เฮ้อ! นึกแล้วเชียวว่าคุณต้องไม่โอเค แต่เอาเถอะ...ผมเองก็ไม่อยากเซ้าซี้ สงสารก็แต่ยัยเพนนี รายนั้นเปราะบาง ถ้าต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านก็ไม่รู้จะรับสภาพไหวหรือเปล่า”
“คิดว่าพูดอย่างนี้แล้วผมจะใจอ่อนอย่างนั้นเหรอ”
“เปล่า...ผมไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะเห็นใจ ก็แค่อยากบอกให้รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่เราเท่านั้นที่รู้ แต่ยังมีคนอื่นด้วย”
“หมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าคุณกระจายข่าวออกไป”
“ผมจะทำอย่างนั้นทำไมให้ขายหน้า มันเป็นเรื่องบังเอิญต่างหาก พอดีว่าเมื่อคืนนี้บอดี้การ์ดของคุณ...”
“ปีร์โลมาที่นี่อย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ เขามาขอพบคุณ ผมก็เลยให้มาเรียพาไปที่ห้อง แต่เคาะประตูแล้วคุณไม่เปิด ปีร์โลเป็นห่วงก็เลยขอร้องมาเรียให้ไปเอากุญแจมาไข พอเปิดเข้าไปแล้วเห็นคุณอยู่กับเพนนีในสภาพนั้น มันก็ช่วยไม่ได้ที่คนจะรู้กันทั้งคฤหาสน์ เพราะสาวใช้ของผมเป็นคนขี้ตกใจและเสียงของเธอก็...” กอร์ดอนพูดไปก็ลอบสังเกตอาการไป
อันโตนิโอได้ฟังเรื่องราวก็มีสีหน้าเคร่งเครียด หลุดคำสบถออกมาอย่างลืมตัว กอร์ดอนเห็นดังนั้นก็วางมือบนไหล่หนาพลางตบเบาๆ อย่างเห็นอกเห็นใจ แต่ก็ไม่วายหย่อนระเบิดลูกโตเร่งให้หุ้นส่วนหนุ่มรีบตัดสินใจ
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ผมเข้าใจ...เรื่องอย่างนี้มันฝืนใจกันไม่ได้ นี่ผมก็กะว่าจะทุ่มเงินปิดปากพวกคนรับใช้”
“แล้วจะได้ผลเหรอ” อันโตนิโอพูดแทรกขึ้น สีหน้าเขาบ่งบอกว่ายังวิตกกังวล
“ก็นั่นน่ะสิ เรื่องคาวๆ อย่างนี้...ใครก็ชอบ ก็คงต้องรอไปอีกสักพักแล้วค่อยจับยัยเพนนีใส่ตะกร้าล้างน้ำ น้องสาวผมก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ คงมีผู้ชายสักคนล่ะน่าที่อยากเป็นหนูตกถังข้าวสาร คุณว่าจริงไหม?”
อันโตนิโออึ้งไป คำถามบาดใจนั้นทำให้เขาต้องครุ่นคิด แต่เวลาผ่านไปแค่เสี้ยววิเท่านั้น เขาก็ย้อนถามกลับไปแทนคำตอบ
“ทำไมต้องเป็นผม...”
กอร์ดอนลอบยิ้มในหน้า พลางโอบไหล่หุ้นส่วนหนุ่ม ไม่จำเป็นต้องบอกก็ทราบว่าคำถามนั้นแทนความหมายการตอบรับว่าจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตระกูลแบรนเนต
“เพราะผมมั่นใจในตัวคุณ ฝากเพนนีด้วยนะอันโตนิโอ”
กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 มิ.ย. 2558, 16:52:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 มิ.ย. 2558, 16:52:40 น.
จำนวนการเข้าชม : 1359
<< ตอนที่ 5 | ตอนที่ 7 >> |