แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"
โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี
แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"
โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี
แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน
ตอน: ตอนที่ 8 แฟนเก่าของเพทาย
8
แฟนเก่าของเพทาย
แก้วกัลยามองนาฬิกาที่ตอนนี้ใกล้จะสิบโมงแล้ว เพราะนอนดึกเมื่อคืน ทำให้วันนี้แก้วกัลยาตื่นสายและเมื่อเธอออกมาก็ไม่มีใครอยู่ในบ้านแล้ว วันวิวาห์ที่ลาพักร้อนไม่มีกำหนด รักจิราที่ออกไปทำงานแต่เช้าหลังจากมีเจ้านายคนใหม่ เมื่อจัดการกับตัวเองเสร็จแก้วกัลยาแทบจะเหาะไปให้ทันงานแถลงข่าวที่ตึกวีนัส บริษัทของเพทาย แก้วกัลยาจอดรถลงและวิ่งไปที่ห้องแถลงข่าวที่จัดขึ้นในตึกวีนัสชั้นสิบสอง ใบหน้าสวยแสดงท่าทีเหนื่อยหอบ ทันทีที่เปิดประตูห้องจัดแสดงแก้วกัลยายืนนิ่งกับความเงียบของห้องแถลงข่าว งานแถลงข่าวมันควรจะมีคนพลุกพล่านมากกว่านี้สิ แก้วกัลยาหันไปมองมินตราที่วิ่งหน้าตื่นมาหาเธอ
“เกิดอะไรขึ้น นี่มันใกล้เวลาแถลงข่าวแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมไม่เห็นมีนักข่าวเลย เธอได้ส่งข่าวไปบอกนักข่าวหรือเปล่าว่าวันนี้มีงานแถลงข่าว” แก้วกัลยาเอ่ยถาม
“ดิฉันโทรไปแจ้งไว้แล้วค่ะ แต่ดิฉันไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมไม่มีนักข่าวมาเลยค่ะ ตอนนี้ดิฉันกำลังให้พนักงานช่วยกันติดต่อไปนักข่าวอยู่”
“นี่มันบ้าอะไรกัน มีเรื่องตลอดเลย เธอไปทำงานของเธอเถอะ” แก้วกัลยาสั่งเมื่อเห็นเพทายที่วางสายโทรศัพท์แล้ว เธอรีบเดินเข้าไปหาเขาที่กำลังยืนหน้าเครียด
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ทำไมไม่มีนักข่าวมางานเลย รู้สาเหตุหรือยังคะ”
“มีคนไปปล่อยข่าวว่าเรายกเลิกการสัมภาษณ์ และวันนี้ ทีเอ็มมิวสิค ก็เปิดแถลงข่าวจัดคอนเสิร์ตของเดวา นักข่าวไปทางโน้นหมด” แก้วกัลยาขมวดคิ้ว
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงคะ”
“ผมก็ไม่รู้ แต่ผมกำลังติดต่อนักข่าวอยู่ ถ้าไม่ได้เราจะเลื่อนแถลงข่าวพรุ่งนี้”
“ไม่ได้ค่ะ ต้องวันนี้ ถ้าเรายืดไปเดี๋ยวมันก็จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำ ๆ แบบนี้อีก เราต้องทำให้พวกที่คิดจะล้มเรารู้ว่าเราไม่ยอมให้ลอบกัดหรอก รอเดี๋ยวนะคะ บางทีคน ๆ นี้อาจช่วยเราได้” แก้วกัลยากดโทรศัพท์ต่อสายหาใครคนหนึ่งที่จะช่วยจัดการปัญหาให้เธอได้ เธอรอไม่นานปลายสายก็กดรับ
(ว่าไงเจ๊แก้ว)
“เกิดเรื่องแล้ว ฉันมีเรื่องให้แกช่วยหน่อย”
(เรื่องอะไร)
“มีคนปล่อยข่าวว่าวีนัสยกเลิกสัมภาษณ์ตอนนี้ไม่มีนักข่าวมาเลย นักข่าวไปอยู่ที่ T.M. หมด แกช่วยได้ไหมรัก ถ้าแกไม่ช่วยนะงานนี้บริษัทคุณเพชรต้องแย่แน่”
(แล้วเค้าจะช่วยตัวได้ยังไง ทำไมตัวไม่โทรไปหาตั่วเจ้เล่า รายนั้นช่วยได้แน่ เค้าไม่ใช่เจ้าของหนังสือพิมพ์จะได้โทรกริ๊งเดียวเรียกนักข่าวไปได้) รักจิราเอ่ยถึงเพื่อนสาวประเภทสองของเธอที่ทำงานเกี่ยวกับสื่อเช่นกัน
“ถ้านังชาช่ามันอยู่ให้โทร ฉันจะโทรหาแกหรอรัก ปิดเครื่องหนีฉันมาสามวันแล้ว ถ้าแกไม่ช่วยฉันจะกลับไปประหารไอ้หมีเน่าแก ฉันหวังว่าอีกครึ่งชั่วโมงแกจะช่วยฉันได้นะรัก”
(เฮ้ย!!! เจ๊แก้ว นี่มันเรื่องของตัวนะ ไม่ใช่ของเค้า แล้วเวลาแค่นั้นมันจะไปทำอะไรได้)
“ไม่รู้แหละแกต้องช่วยฉัน คุณเพชรเป็นว่าที่สามีของฉัน ว่าที่พี่เขยแกเชียวนะ ดังนั้นแกต้องช่วย เอาล่ะหวังว่าฉันจะได้รับข่าวดีภายในครึ่งชั่วโมง ขอบใจมากน้องสาวที่รัก บาย) แก้วกัลยาตัดสายทันทีไม่รอให้รักจิราได้ปฏิเสธ ยังไงรักจิราต้องมีทางช่วยแน่ เธอจะต้องรู้ต้นตอของปัญหาให้ได้
“คุณแก้วคะนักข่าวมาแล้วค่ะ คุณเพทายกำลังขึ้นแถลงข่าวค่ะ” แก้วกัลยาที่วางโทรศัพท์หลังจากคุณกับผู้ช่วยส่วนตัวที่โทรมาร้องไห้อ้อนวอนให้เธอยกเลิกคำสั่ง เธอคิดว่าแมทธิวของทำพิษมิลาเข้าแล้ว
“ไอ้รักมันเก่งจริง” แก้วกัลยาเอ่ยและเดินเข้าไปด้านใน เธอเห็นนักข่าวที่เดินเข้ามานั่งภายในห้องจัดแถลงข่าว บนเวทีที่ตั้งโต๊ะยาวมีเพทายนั่งอยู่ตรงกลาง ด้านข้างเป็นทีมงานและเหล่านักร้อง ศิลปินของค่าย การแถลงข่าว แก้วกัลยามองผู้ชายที่อยู่บนเวที
“สวัสดีสื่อมวลชนทุกคนครับ วันนี้ที่ผมเปิดแถลงข่าว ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้น และเป็นข่าวเสียหายที่ถูกแพร่กระจายออกไป สร้างความเสียหายให้กับวีนัสเป็นอย่างมาก วันนี้ที่เปิดการแถลงข่าวไม่ใช่เพื่อแก้ตัวใด ๆ แต่เพื่ออธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กระจ่าง.....” แก้วกัลยามองเพทายที่นั่งอยู่บนเวที บุคลิกท่าทางการพูดที่สง่าผ่าเผยของเขา ไม่มีร่องรอยของความเครียดส่งผ่านมาดั่งเวลาปกติ และทุกคำพูดที่เขาเอ่ยผ่านออกมาดูมั่นใจน่าเชื่อถือสมกับเป็นประธานบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ เขาเว้นจังหวะช่วงให้นักข่าวถามหลังจากอธิบายเรื่องต่าง ๆ ของการแถลงข่าววันนี้เสร็จ แก้วกัลยามองเหล่าสื่อมวลชนที่ยกมือถาม ทำหน้าที่ของตน นักร้องที่เป็นบุคคลในข่าวเอ่ยตอบคำถามที่นักข่าวเจาะจงถาม แก้วกัลป์ยาเผลอจ้องหน้าเพทายจนเพลินวูบหนึ่งเธอเห็นเขาเบนสายตามามองเธอ แก้วกัลยาชูนิ้วโป้งเป็นเชิงชมเชยให้กับเขา และเธอก็เห็นเขายิ้มมุมปากส่งกลับมา แก้วกัลยาแทบอยากกรี๊ด ไม่บ่อยนักที่เขาจะยิ้มให้เธอแม้จะแค่ยิ้มมุมปากก็เถอะ หลังจากนักข่าวซักถามจบ เพทายก็เอ่ยขึ้น
“ครับ อย่างที่บอกไปแล้ว สิ่งที่เกิดกับทางวีนัส สร้างผลเสียต่อบริษัทและตัวนักร้องของวีนัสทุกคนมากมาก น้องศิลปิน ทุกคนยอมรับว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ เพื่อพิสูจน์ความจริงใจ แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องราวในอดีต และน้อง ๆ ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ การกระทำทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความเลือดร้อนอยากรู้อยากร้องเหมือนกับวัยรุ่นหลาย ๆ คน ผมจะไม่พูดคำว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่สิ่งเหล่านั้นที่น้อง ๆ ทำก็สร้างบทเรียนสำคัญให้กับน้อง ๆ ทุกคน จนตอนนี้น้อง ๆ เติบโตขึ้น ผมยังขอยืนยันว่าวีนัสคัดคุณภาพของเด็กมาอย่างดี คัดจากความสามารถคุณภาพในปัจจุบัน ผมรับรู้ประวัติในอดีตของน้อง ๆ ที่ไม่ได้ขาวสะอาดดังผ้าขาวตั้งแต่แรก แต่นั่นก็เป็นการเตือนใจให้เรารู้ว่าไม่มีใครดีมาตั้งแต่เกิดน้อง ๆ ศิลปินเหล่านี้เป็นผ้าขาวที่เคยเปื้อนแต่เมื่อเรานำมาซักล้างผ้าผืนนั้นจะสะอาดในวันหนึ่ง แต่มันจะเหลือรอยจาง ๆ ให้ได้จดจำอย่างในวันนี้ที่ทุกคนได้เห็น เพื่อย้ำเตือนว่าความผิดก็คือความผิดมันจะอยู่กับเราไปจนตาย แต่อยู่ที่เราเลือกจะมองข้ามสีที่เปื้อนเหล่านั้นแล้วเริ่มต้นใหม่ไหม ผมไม่อยากให้ทุกคนเอาความผิดในอดีตมาตัดสินตัวตนปัจจุบัน อย่าเอาความผิดเหล่านั้นมาตอกย้ำให้คนที่เคยทำผิดแย่ลง การกระทำเหล่านั้น จะยิ่งทำให้เขาหันไปสู่ทางที่มือ สังคมที่ดีคือสังคมที่รู้จักการให้โอกาส ผมอยากให้ทุกคนตัดสินน้อง ๆ จากสิ่งที่น้อง ๆ ทำในปัจจุบันไม่ใช่อดีต” เพทายเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะเอ่ยต่อ
“ศิลปินในค่ายแม้ผมอาจจะไม่ได้คัดเลือกเองกับมือทุกคน แต่ผมมั่นใจในคุณภาพน้อง ๆ เพราะพวกเขาผ่านการเก็บตัวมาไม่ต่ำกว่าห้าปี กว่าจะผ่านมายืนจุดนี้ มีผลงานเป็นของตัวเองได้ ผมจะไม่ปล่อยให้นักร้องในสังกัดของผมผ่านตาไปง่าย ๆ ทุกคนก็เห็นแล้วในปัจจุบันนักร้องของเหล่าที่เห็นนั่งกันอยู่ตอนนี้ทำความดีเพื่อสังคม ไม่ได้ทำแค่ต่อหน้า แต่ชีวิตจริงหลังเลนส์กล้องพวกเขาก็ทำ บรรดาแฟนคลับของน้อง ๆ จะรู้เรื่องนี้ดี เพราะน้อง ๆ ทุกคนเห็นค่าความสำคัญของอาชีพของตัวเอง น้อง ๆ รู้ว่ากว่าจะมีวันนี้น้องต้องเจออะไรมาบ้าง ส่วนเรื่องที่ถูกตีแผ่ไปในวันนี้ ผมถือว่าเป็นการเปิดให้ได้รู้ และอยากให้ทุกคน ให้โอกาสน้องเขาอีกครั้ง ขอให้ตัดสินจากผลงานและคุณภาพในปัจจุบันของน้อง ๆ
อีกเรื่องที่ผมจะไม่พูดไม่ได้ ทุกคนคงเห็นแล้วว่ามีคนพยายามปล่อยข่าวเสีย ๆ หาย ๆ ของวีนัสอยู่ตลอด รวมถึงข่าวเหล่านั้นบางข่าวยังเป็นข่าวเท็จ ผมอยากให้รู้ไว้ว่าตอนนี้มีคนไม่หวังดีต่อบริษัทวีนัส จึงพยายามลงข่าวให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสียหาย สถานการณ์ของวีนัสตอนนี้อยู่ในภาวะที่ไม่ปกติ ถ้าเกิดมีข่าวเสียหายอะไร ผมอยากให้มาถามที่ผมเป็นคนแรก ผมในฐานะผู้บริหารรู้ทุกความเป็นไปของบริษัท ผมจะตอบทุกคำถามตามความเป็นจริงแน่นอนครับ”
“แล้วเรื่องของน้องภีม น้องแบร์ และคีตะล่ะครับ”
“เรื่องของภีม และแบร์ ทางตำรวจกำลังสืบหาความจริง ผมอยากขอให้พี่ ๆ น้อง ๆ สื่อมวลชนทุกคนช่วยรอความจริงที่จะเปิดเผยอีกไม่นานนี้”
“แล้วถ้าน้องภีม น้องแบร์ทำผิดจริงล่ะครับ”
“กระบวนการทางกฎหมายจะตัดสินน้อง ๆ เขาเอง ความจริงยังไม่ปรากฏผมไม่อยากให้ทุกคนด่วนตัดสินใจอะไร ถ้าน้องผิดจริง ผมจะไม่มีทางเข้าข้าง แต่ถ้าน้องไม่ผิด ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดแน่นอนครับ”
“แล้วเรื่องน้องคีตะล่ะคะ” นักข่าวคนหนึ่งถาม
“ตอนนี้ผู้อำนวยการธนากร และคุณพรรณรายยังไม่ว่างพอจะให้สัมภาษณ์ แต่ผมจะติดต่อให้ท่านออกมาแถลงข่าวอีกครั้ง แต่ถ้าถามผมในตอนนี้ ผมจะไม่ตอบอะไรที่ทำให้ทุก ๆ ฝ่ายเสียหาย”
“แล้วทำไมต้องพักงานน้องคีตะคะ” นักข่าวคนเดิมถาม
“ตอนนี้ทุกคนคงรู้ว่ามีคนไม่หวังดี และคิดจะทำร้ายคีตะ ผมขอบอกตรงนี้เลยละกันนะครับ รถคีตะที่คว่ำแท้จริงไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มีคนจงใจฆ่าคีตะ เราจึงไม่สามารถให้คีตะกลับมาทำงานได้ ส่วนเรื่องคดีผมยังไม่สามารถบอกอะไรได้เพราะคนร้านอาจจะไหวตัวทัน ผมขอให้ทุกคนเข้าใจ อีกไม่นานความจริงจะเปิดเผย เราคงได้รู้แน่นอนครับว่าใครคือผู้หวังร้ายต่อวีนัส” นักข่าวพากันพยักหน้าทำหน้าที่ของตนอย่างแข็งขันผลักกันถามคำถามไปมา
“แล้วจะมีการแถลงข่าวอีกครั้งใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ หลังจากทั้งสามคนพร้อมผมจะจัดแถลงข่าว ผมจะขอเชิญสื่อมวลชนมาอีกครั้ง ผมขอให้พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคนอย่าเขียนข่าวทำร้ายวีนัสไปกว่านี้ และขอโอกาสให้น้อง ๆ นักร้องอีกครั้ง”
“แล้วเรื่องคุณนกล่ะคะ มีข่าวว่าคุณเพชร เป็นมือที่สามของคุณชนถนาถอดีตโปรดิวเซอร์ของวีนัสและคุณทวีปผู้บริการช่องสิบสาม” แก้วกัลยาทำตาโตกับข่าวที่ได้รับรู้มาใหม่ ทำไมเธอไม่เห็นเคยได้ยินข่าวนี้เลย แล้วเขาเคยเป็นแฟนกับชนกนาถ ไหนเธอเคยได้ข้อมูลว่าเพื่อนเก่า
“ถ้ามันมีมูลความจริง ผมขอเจอคนปล่อยข่าว ให้เขาหาหลักฐานมาเปิดต่อหน้าผม อาจจะจริงที่ผมกับนกเคยคบกันแต่นั่นก็สมัยเรียน แต่นั่นก็นานมากแล้ว ตอนนี้ผมกับนกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอด ผมไม่อยากให้ใครปล่อยข่าวเสียหายทำให้ชีวิตของเพื่อนผมต้องเดือดร้อน”
“คุณเพชรจะปฏิเสธ”
“ผมไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวออก ผมคงยอมรับไม่ได้”
“แล้วที่มีคนเห็นคุณไปไหนสองต่อสองกับคุณนกล่ะครับ แล้วตอนนี้ยังมีข่าวว่าคุณทวีปกับคุณนกเหมือนจะละหองละแหงกันด้วย” แก้วกัลยาขยับเข้าไปยืนใกล้ขึ้น ทำไมเธอไม่เห็นเคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย นี่เธอตกข่าวอะไรไปกันนะ
“ผมยังยืนยันว่าผมกับนกเป็นเพื่อนกัน ผมไม่คิดจะไปทำลายชีวิตคู่ใครส่วนเรื่องละหองละแหง ผมไม่ทราบครับ ถ้าไม่มีใครสงสัยอะไร หรือถามอะไรแล้ว ผมขอจบการแถลงข่าว ขอบคุณครับที่เข้ามาฟังการแถลงข่าว และผมจะนัดวันเวลาอีกครั้งเมื่อพร้อมจะแถลงข่าวเรื่องภีม แบร์ และคีตะ ขอจบการแถลงข่าวขอบคุณครับ” เพทายลุกขึ้น นักร้องทุกคนยกมือไหว้สื่อมวลชนและเดินลงมาให้นักข่าวในงานได้สัมภาษณ์ ส่วนเพทายเดินมาหาแก้วกัลยาที่ประตูทางออกด้นหลังของห้องประชุมใหญ่ แก้วกัลยายิ้มและกระโดดเข้ากอดเพทาย
“ที่รักเก่งที่สุดเลยค่ะ” เพทายยิ้มออกมาอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สองของวันแล้วที่เขายิ้มให้เธอ เธอฝันอยู่หรือเปล่า และที่น่าแปลกเขาไม่ได้หนีเธอเหมือนเคยทั้งที่เธอกอดเขาขนาดนี้ ปกติเขาจะต้องทำหน้าเหม็นบูดใส่เธอและผลักเธอออกราวกับเธอเป็นตัวเชื่อโรค แก้วกัลยาผละออกและทำหน้าสงสัยที่วันนี้เพทายไม่ยอมดันออก และมองเขาที่มองหน้าเธอนิ่ง ๆ เหมือนพิจาณาบางอย่าง สถานการณ์ระหว่างเธอกับเขาเริ่มไม่ปกติ มันเป็นสัญญาณที่ดีแต่แก้วกัลยารู้สึกถึงลางบางอย่าง
“ขอบคุณ” เพทายเอ่ยออกมาอย่างเบาใจ เขารู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ถ้าไม่มีแก้วกัลยาวันนี้เขาก็คงแย่เหมือนกัน
“ขอบคงขอบคุณอะไรกันคะ เพื่อที่รักแก้วทำได้ค่ะ ถ้าจะให้ดีพาแก้วไปกินข้าวสักมื้อก็ดีนะคะ” แก้วกัลยาเอ่ย
“พี่เพชรคะ” แก้วกัลยาทำหน้าเซ็งและหันไปมองก้างชิ้นโตที่มาขวางทางรักของเธออย่างได้จังหวะเพทายหันไปยิ้มให้กับดารินทิพย์ที่เดินเข้ามา ในมือถือช่อดอกไม้ที่จัดเอง
“ดีใจด้วยนะคะ”
“ขอบคุณครับน้องดา พี่ไม่คิดว่าเราจะมาด้วย เห็นว่าร้านยุ่ง ๆ”
“ต้องมาสิคะ น่าเสียดายที่ดาช่วยพี่เพชรไม่ได้ แต่ดาเป็นกำลังใจ สวดมนต์ขอให้เรื่องร้าย ๆ ผ่านไปทุกคืน” แก้วกัลยาขยับปากทำสีหน้าล้อเลียนอยู่ด้านหลังอย่างหมั้นไส้ ชีไม่ได้ทำอะไรเลย จะมาเอาหน้าตอนท้ายเนี่ยนะ
“มาช้าไปไหมคะคุณดาหวัน” แก้วกัลยาเอ่ย เพทายหันไปมองและส่ายหน้าอย่างปราม ๆ
“พี่เพชรว่างหรือยังคะ เราไปทานอาหารด้วยกันดีไหมคะ” แก้วกัลยาค้อนทันที เธอชวนก่อนนะ เธอไม่ยอมแน่ ๆ ถ้าต้องไปกินข้าวโดยมียัยหนูตาหวานนี่เป็นกว้างขวางคอเธอ
“คุณแก้ว..”
“ฉันไม่ไป คุณเชิญไปกับคุณดาหวันเถอะค่ะ ใช่ซี้ ฉันมันหมดประโยชน์แล้วนี่” แล้วแก้วกัลยาก็เดินลงจากตึกวีนัส ปากพร่ำบ่นตลอดทาง สาปส่งดารินทิพย์ไปด้วย หรือเธอจะสั่งคนมาอุ้มแม่นี่ไปปล่อยป่าดีนะ
“มาร มารความสุขของฉันจริง ๆ ฉันต้องใช้แผนแอปเปิ้ลอาบยาพิษเหมือนแม่มดไหมเนี่ยถึงจะกำจัดยัยหนูดาหวันได้ โธ่เว้ย!!!” แก้วกัลยาลงมาถึงพึ่งนึกได้ว่าเธอไล่มงกุฎกลับไปแล้ว เพราะมโนว่าหลังจบการแถลงข่าว เธอจะไปกินดินเนอร์กับเพทาย แล้วให้เขาไปส่ง แต่นี่อะไร ยัยนี่หนูนั่นทำเธอพัง แถมเธอต้องมานั่งโบกรถกลับบ้านเนี่ยนะ เจริญเถอะ
“พายุมา” เสียงมิลาดังขึ้น บรรดาพนักงานหลบหลีกหนีกันทันทีเมื่อเห็นพายุที่ตั้งเคล้ามาแต่ไกล มงกุฎเองก็รับไปหาที่ซ่อนเวลาแก้วกัลยาหงุดหงิดจะฟาดงวงฟาดงาไปทั่ว คนที่จะรับมือได้ต้องเป็นภัยพิบัติเหมือนกันเท่านั้น นั่นก็คือบรรดาสี่พี่น้อง ดังนั้นหลบดีที่สุด แต่เหมือนจะไม่พ้น
“จะไปไหนมิลา!!!” มิลาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้และหันหลังกลับไปมองวันนี้เธอซวยมาทั้งวันเริ่มจากต้องไปพบแมทธิว ที่พอเห็นหน้าเธอก็โวยวายลั่น จะหนีก็หนีไม่ได้ เขายังออกคำสั่งให้เธอทำโน่นทำนี่ เพราะต้องการระบายความโกรธ ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมมาลงกับเธอ พอกลับมาไม่วายเจอพายุอีกลูก
“คุณแก้วกลับมาเร็วจังนะคะ”
“เร็วสิ กรี๊ด!!!!” แก้วกัลยาส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นสปา บรรดาแขกพากันวิ่งกรูออกมา พนักงานพากันขอโทษขอโพยขอพาย แก้วกัลยาวิ่งไปที่ด้านหลังสปาเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่งภายในห้องโล่ง ๆ มีอุปกรณ์ระบายความโกรธนานาชนิด แก้วกัลยาเดินไปที่จานที่ตั้งสูง ก่อนจะ
เพล้ง!!!
มิลาเอามืออุดหู และรีบปิดประตูทันที มหกรรมปาจานเริ่มขึ้น ห้องระบายความโกรธห้องนี้เป็นห้องที่สร้างขึ้นเฉพาะสี่พี่น้อง เวลาหงุดหงิดก็จะมาลงที่ห้องนี้ ซึ่งแขกประจำมีอยู่สองคนนั้นคือแก้วกัลยา และรักจิรา เพราะขวัญชีวันกับวันวิวาห์จะสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ไม่ให้พุ่งพ่านแปรปรวนดังนั้นวันวิวาห์จึงเป็นพายุน้ำแข็งไงล่ะ มิลายืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน แต่รู้อย่างเดียวว่าหลังจากเสียงจานเงียบหายไป เสียงที่ดังแปรเปลี่ยนเป็นเสียง
ฉึก
“ผมมาหาคุณแก้ว พนักงานบอกให้ผมมาที่นี่” มิลาหันไปมอง และทำสีหน้าตกใจที่เห็นเขา
“มาหาคุณแก้วหรอคะ เอ่อ...มั่นใจนะคะว่าจะหยุดเฮอริเคนได้” เขาขมวดคิ้ว
“เอาอย่างนี้นะคะ ถ้าไม่อยากโดยลูกหลงก็อย่าเข้าไป แต่ถ้าคุณเตรียมใจไว้แล้ว เชิญค่ะ ระวังศีรษะของคุณไว้ด้วย” มิลาหลีกทางให้ เพทายเดินไปจับลูกบิดประตูและเปิดออก พลันมีดเล่มหนึ่งก็ลอยเฉียดหน้าเขาไป และปักที่ต้นไม้ด้านนอก มิลาที่รู้ทิศทางลมเบี่ยงตัวหนีออกจากประตูทัน แก้วกัลยาชกมวยไม่เป็น แต่ปามีดเธอแม่นมาก นี่คือสิ่งที่ยังไม่ได้เตือนเพทาย
“มาทำไม” เพทายสำรวจห้องที่มีเศษจานกระเบื้องแตกละเอียดกระจายไปทั่วห้อง ที่กลางผนังห้องฝั่งตรงข้ามมีเป้าหนังปักอยู่อันหนึ่ง ที่กลางเป้ามีรูปของดารินทิพย์ติดไว้ และมีดหลายอันที่คิดว่าแก้วกัลยาเป็นคนปาปักอยู่ที่รูปแทบจะสิบเล่มได้
“โมโหแล้วพาลใส่โน่นนี่มันดูไม่น่ารักเลยนะครับ” เขาพูดเสียงนิ่มลงกว่าแต่ก่อน
“ถ้ารับได้ก็อยู่ รับไม่ได้ก็ไปสิ” แก้วกัลยาพลั่งปากพูดออกไปเพราะยังหงุดหงิด
“แน่นะ งั้นผมไป”
“คุณเพชร” แก้วกัลยาวิ่งไปเกาะแขนข้างขวาเขาไว้ทันที พลางทำหน้ามุ่ยใส่
“คุณช่วยง้อฉันหน่อยไม่ได้หรือไงล่ะ ปุปปับมาปุปปับไป แล้วนี่คุณไม่ได้ไปกินข้าวกับยัยหนูตาหวานนั่นหรอคะ” แก้วกัลยาถามเสียงประชด เพทายแกะมือปลาหมึกนั่นออก ซึ่งเธอก็ยอมเดินออกไปและปาเป้าต่อ โดยเปลี่ยนตำแหน่งเป้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามมุมห้อง ซึ่งเธอแม่นมาก ปาทีหนึ่งก็ปักทีหนึ่งทั้งที่มีแขนอยู่ข้างเดียวแต่แก้วกัลยากับปาได้อย่างคล่องแคล่งจนปิดสังเกต
“ผมไม่ได้บอกสักนิดเลยนะว่าจะไป อยู่ ๆ คุณก็เดินออกมาเอง” เขาตอบ แก้วกัลยาหันไปมองหน้าเขา
“หมายความว่าไงคะ”
“ก็ผมสัญญากับคุณไว้ว่าผมจะดูแลคุณจนกว่าร่างกายคุณจะกลับมาครบสามสิบสอง แล้วอีกอย่างคุณช่วยผม ผมตอบแทนคุณมันก็ถูกแล้ว” แก้วกัลยาหันมามองเขาด้วยแววตาแปลกกว่าทุกครั้ง
“ถ้าไม่นับเรื่องสัญญาบังคับ ไม่นับเรื่องบุญคุณถ้าฉันชวนคุณ ๆ ก็คงไม่ออกมาสินะคะ” เขามองเห็นแววตาน้อยใจฉายออกมา ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงจะเมินและเดินหนี แต่เพราะเธอกลายเป็นผู้มีพระคุณ เป็นคนที่เขาไว้ใจได้ในระดับหนึ่งแล้ว เขาจึงไม่ปล่อยผ่าน
“ถ้าเป็นแต่ก่อนก็คงใช่” แก้วกัลยายิ้มหน้าบานขึ้นมาทันที “แต่ตอนนี้คุณเป็นเพื่อนผม ผมก็ต้องไปอยู่แล้วถ้าคุณชวน” ใบหน้าห่อเหี่ยวขึ้นมาอีกครั้ง
“โห คุณเพชรอ่ะจะให้ฉันยิ้มค้างอีกห้านาทีไม่ได้หรือไงกัน เพื่อนก็เพื่อน แต่อาทิตย์หน้าขอเป็นตำแหน่งอื่นนะคะที่รัก” แก้วกัลยาเอ่ย เดินไปหยิบรองเท้าที่ถอดทิ้งไว้ แต่เพทายกลับจับมือเธอไว้ แก้วกัลยาหันมามองและยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ไม่ต้องยิ้ม ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดอยู่แน่ ๆ ผมแค่จะบอกว่าเดินเท้าเปล่าเข้าไป ผมกลัวคุณจะโดนเศษจานพวกนั้นบาด เดี๋ยวผมเข้าไปหยิบเอง” แล้วเขาก็เดินไปหยิบรองเท้าที่วางอยู่ริม ๆ ห้อง แล้ววางลงตรงหน้า
“ต้องให้ผมใส่ให้ไหม”
“ถ้าคุณกล้าทำ” แก้วกัลยาพูดเล่น แต่เขากลับทำจริง จับข้อเท้าเธอเบา ๆ และค่อย ๆ บรรจงจับเท้าเธอใส่ลงไปในรองเท้าส้นสูงสีน้ำเงิน แก้วกัลยายืนนิ่งอึ้ง ในขณะที่มิลาที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นอกประตูก็อึ้งเช่นกัน ไม่คิดว่านักธุรกิจคนดังแบบเขาจะกล้าทำ
“เสร็จแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้น มองดวงตาของเธอที่มองเขาเหมือนตกใจ
“คุณทำอะไรน่ะ”
“ช่วยคุณใส่รองเท้าไง” เขาอยากจะหัวเราะกับใบหน้าอึ้ง ๆ ที่ดูตกใจมากของเธอเหลือเกิน
“ฉันรู้ แต่ฉันพูดเล่นคุณไม่ต้องทำก็ได้”
“ผมต้องดูแลคุณ ไปได้แล้วจะไปกินข้าวไม่ใช่หรอ วันนี้ผมว่างยาวก่อนจะต้องเริ่มงาน” แก้วกัลยายิ้มและโผเข้ากอดเขา เปลี่ยนสลับเป็นเพทายที่ตกใจ โชคดีที่เขาตั้งตัวให้ทัน แก้วกัลยาซบหน้าลงที่อกของเขา เขารู้สึกได้มามันเสื้อของเขาเริ่มชื้น
“คุณเป็นอะไร” แก้วกัลยาส่ายหน้า นานแล้วที่ไม่มีผู้ชายคนไหนทำแบบนี้ให้เธอด้วยท่าทีอ่อนโยนแบบนี้นอกจากบิดา และอีกคนก็คือเจษฎา แต่เขากลับทำให้เธออย่างไม่กลัวเสียภาพพจน์ พอเห็นแบบนี้แล้วอยู่ ๆ ก็คิดถึงพ่อของเธอที่เสียชีวิตไป แก้วกัลยายังไม่ต้องการให้เขารู้ว่าเธอร้องไห้ เธอกลัวเสียภาพพจน์มารร้ายอสรพิษ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคุณแก้ว”
“คุณยิ่งทำแบบนี้ฉันก็ยิ่งหลงรักคุณ คุณ
จะทำให้ฉันตกหลุมรักคุณอีกกี่ครั้งกันนะ ไม่รู้แหละฉันจองคุณแล้ว ยัยน้องหนูตาหวานนั่นฉันก็ไม่ยกให้” เพทายยิ้มมองท่าทีของผู้หญิงที่ร้องไห้แต่ไม่ยอมให้เขาเห็น มิลาที่ยืนอยู่หน้าประตูแอบยิ้มและเดินออกไปทิ้งให้เจ้านายที่ปกติเป็นแมวป่าเจ้าอารมณ์ได้มีท่าทีเหมือนแมวขี้อ้อนบ้าง
“ฉันขอถามอะไรสักอย่างหนึ่งก่อนไปกินข้าวได้ไหมคะ”
“ถ้าผมตอบได้” แก้วกัลยายังไม่ยอมเคยหน้าขึ้น
“เรื่องคุณนก มันเป็นความจริงไหมคะ” แก้วกัลยาตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบ เขาเงียบไปนานมากจนแก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นมองเขา ที่ยืนเหม่อลอย ทำเอาใจแก้วกัลยาเริ่มสั่นไหว
“ตกลงว่าจะไปกินข้าวกันหรือยังครับ เดี๋ยวผมจะแวะไปธุระอีกนิดหน่อย” แก้วกัลยามองคนที่เลี้ยงตอบคำถามเธอ และเธอพอจะเดาอะไรบางอย่างออกแล้วล่ะ แก้วกัลป์ยาเปลี่ยนอารมณ์ฉบับพลันและยิ้มร่า
“ตอนนี้ขอกินคุณแทนก่อนได้ไหมล่ะคะ คุณน่ากินกว่าข้าวอีก” ดวงตาคมสวยมองเพทายอย่างเป็นประกาย และอยากจะหัวเราะออกมา เมื่อเพทายหลบตาเธอ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง แม้จะไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนหน้าเขา แต่เธอก็ชอบเหลือเกิน
“คุณนี่เป็นผู้ชายที่หลอกคนไม่เก่งเลยนะคะ ไปเถอะค่ะฉันหิวแล้ว” แต่เพทายไม่ยอมเดินไปตามแรงดึง แก้วกัลยาเหมือนนึกออกก็หันไปมองหน้าเขาและเอ่ยต่อ
“ฉันหิวข้าวค่ะ ส่วนกินคุณคงต้องรอก่อน เอาไว้ฉันหิวมาก ๆ ค่อยว่ากัน ไปเร็วค่ะ ถ้าช้าฉันเปลี่ยนใจมากินคุณแทนนะ คุณไปรอฉันที่รถก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันตามไป” เพทายรีบเดินนำหน้าไปทันที แก้วกัลยาเดินกลับเข้าไปในร้าน
“มิลา” มิลาเดินออกมาปรากฏตัวทันทีที่ได้ยินเสียงที่แม้จะเบามาก แต่การทำงานกับแก้วกัลยาเธอต้องหูตาไว ไม่อย่างนั้นคงมีระเบิดลง มิลาหยิบกระเป๋าส่งให้แก้วกัลยา แก้วกัลยารับมาและมองมิลา
“ฉันให้คุณมงกุฎลาพักร้อนตั้งแต่วันนี้ เธอต้องไปทำงานแทนคุณมงกุฎสืบเรื่อง คุณชนกนาถ ภรรยาคุณทวีปให้ฉัน ว่าเธอคนนี้เคยเป็นอะไรกับคุณเพชร และฉันต้องการได้คำตอบคืนนี้ เข้าใจไหมมิลา” มิลารับคำสั่ง
“ค่ะ” แก้วกัลยากำลังจะหันหน้าไป
“ช่วยโทรหายัยรักให้ด้วยบอกว่าที่นัดไว้วันนี้เลื่อนเป็นพรุ่งนี้ตอนสามโมงเหมือนเดิม อ้ออย่าลืมบอกรักด้วย เคลียร์คิวให้ว่าง” มิลาพยักหน้ารับทราบ แก้วกัลยามองมิลาด้วยสายตาประเมินก่อนจะพูดต่ออีก
“มีงานอะไรฉันจะโทรสั่งเธอเอง หลังอาทิตย์หน้าเธอไม่ต้องมาทำงานกับฉันนะ”
“คุณแก้วจะไล่ดิฉันออก”
“ฉันยังไม่ได้บอกจะไล่เธอออก แมททิวจะมาอยู่ที่นี่ประมาณสองอาทิตย์หรืออาจจะนานกว่านั้น ฉันจะให้เธอไปเป็นผู้ช่วยแมทธิวชั่วคราวระหว่างเขาอยู่ที่นี่”
“คุณแมทหรอคะ คุณแก้วให้ดิฉันทำอย่างอื่นเถอะค่ะ”
“ฉันสั่ง ไม่ได้ขอ และฉันแค่ให้เธอไปช่วยเขาระหว่างที่อยู่ไทยไม่ใช่ตลอดชีวิต เธอควรจะเรียนรู้งานมาก ๆ ถ้าเธอสามารถทำงานกับแมทธิวได้เธอสามารถทำงานให้ฉันได้อย่างสบายเลยล่ะหลังจากนี้”
“แต่คุณแก้ว”
“นอกจากหน้าที่ผู้ช่วย ฉันมีหน้าที่เสริมให้เธอด้วย ฉันต้องการรู้สาเหตุที่ทำให้แมทยอมแต่งงานกับพิตต้า ฉันคิดว่าพิตต้าต้องวางแผนอะไรอยู่แน่ ๆ และแผนนั่นมันต้องเกี่ยวกับฉัน บางทียัยนั่นอาจรอตลบหลังฉันอยู่ เข้าใจไหม มิลา” มิลาได้แต่พยักหน้าอย่างไม่กล้าปฏิเสธ แก้วกัลยาเธอก็กลัว แมทธิวเธอก็กลัว
“แต่ถ้าฉันโทรเรียกเธอต้องมาพบฉันทันที เข้าใจนะ” มิลานั่งหน้าซีด
“แต่ถ้าดิฉันทำงานให้คุณแมทธิวอยู่ล่ะคะ”
“ทวนคำสั่งฉันเองแล้วกัน ฉันต้องไปแล้ว” และแก้วกัลยาก็เดินออกไป มิลายืนถอนหายใจออกมาอย่างหนักอก แต่ก็ไม่รู้ทำไมทั้งที่แก้วกัลยาจู้จี้จุกจิก แถมยังชอบสั่งโน่นสั่งนี่ซับซ้อนแต่เธอกลับไม่ยอมลาออก เพราะคงไม่มีเจ้านายคนไหนจะเสียเงินส่งเธอเรียนต่อ และให้ที่อยู่ที่กินกับเธอแบบแก้วกัลยาอีกแล้ว
“ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ นักข่าวไปอยู่ในงานนั้นได้ยังไง” ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานนั่งอยู่บนโซฟามองโทรทัศน์ช่อง วีนัส มีเดียที่กำลังถ่ายทอดสดการแถลงข่าวที่พึ่งจบไป ใบหน้าที่แม้มีริ้วรอยแห่งกาลเวลาแต่ก็ยังมีเค้าโครงความหล่อในอดีตดูเกรี้ยวกราดขึ้น
“ถ้าไม่มีนังนั่นช่วย แผนเราก็ไม่พังหรอก” หญิงสาวเอ่ยด้วยแววตาโกรธจัด
“ใคร”
“ก็นังแก้วกัลยา ยัยไฮโซตัวยั่งนั่นไงล่ะ”
“แค่นังนั่นคนเดียวเนี่ยนะ”
“ใช่นังนั่นคนเดียว มีเส้นสายกว้างขวาง มันโทรกริ๊งเดียวมันหานักข่าวมาเต็มไปหมด ทางที่ดีถ้าอยากจะให้วีนัสล่มจม ต้องจัดการนังนั่นไม่ให้มายุ่งก่อน”
“ก็ดี ดูสิทีนี้ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างไอ้เพชรมันจะทำยังไง ปากดี ทำอวดเก่งกับฉัน ถ้าไม่มีมันสักคน ทีเอ็มของฉันก็จะเป็นที่หนึ่ง”
“จะทำอะไรก็ทำ ก่อนจะไม่ได้ทำ เพราะถ้ามันตั้งตัวได้ คุณจะไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง นังแก้วกัลยามันไม่ปล่อยให้เราทำอะไรแน่ นังนี่ร้ายกว่าที่เราคิด ทางที่ดีหาทางจัดการนังนี่ไว้ก่อน ก่อนที่มันจะเข้ามายุ่งวุ่นวายและตามกลิ่นถึงคุณได้” ผู้หญิงหุ่นสูงโปร่งเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงสาวมองเงาสะท้อนในกระจก หญิงสาวคนนี้เป็นผู้หญิงสวยมาก ใบหน้าสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางสีจัดจ้าน เรือนผมสั้นตัดเป็นบ๊อบเทเก๊ไก๋ ชุดเดรสสีดำเกาะอกสั่นขับเน้นผิวขาวผ่องของเธอให้ขาวขึ้น และยังโชว์เรียวขาที่สวยยิ่งกว่านางแบบ ใบหน้าสวยยิ่งยโสมีประกายความแค้นออกมา ตวัดสายตาหนุ่มที่อายุมากกว่าด้วยดวงตาสมเพชและเดินออกจากห้องไป
...ติดตามตอนต่อไป...
หายไปนาน ด้วยปัญหาสุขภาพทำให้ไรเตอร์ไม่ได้มาลงนิยายเลย
แทบไม่ได้แตะโน๊ตบุ๊คในช่วงนี้ วันนี้ก็รีบนำตอนใหม่มาลง
เนื้อเรื่องเริ่มเดินแล้ว ตัวร้ายกำลังวางแผนบางอย่่าง แต่จะทำอะไร
จะเกิดอะไรขึ้นกับเจ๊แก้วกันบ้าง
พบกันตอนต่อไปค่ะ
พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มิ.ย. 2558, 18:13:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2558, 18:13:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 867
<< ตอนที่ 7 ผู้ชายในคลิป | ตอนที่ 9 วิ่งสู้ฟัด >> |