แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"

โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"

แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี

แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน

ตอน: ตอนที่ 9 วิ่งสู้ฟัด



9
วิ่งสู้ฟัด




เฮ้อ

เสียงถอนหายใจจากหญิงสาวทั้งสามดังขึ้นพร้อมกัน รักจิราหันไปมองพี่สาวที่นั่งเป็นคุณนายอยู่เบาะหลัง มือถือสมาร์ทโฟนจิ้มหน้าจอไม่ได้สนใจภารกิจที่เรียกเธอมาเลย เธอและมิลา ผู้ช่วยสาวที่ถูกลากเข้ามาร่วมขบวนการด้วย ทั้งสามมาถึงหน้าอพาร์ตเม้นท์แห่งนี้ตั้งแต่ช่วงบ่ายสอง จนตอนนี้สี่โมงแล้ว เธอยังไม่เห็นเป้าหมายของวันนี้ ขึ้นไปเคาะก็ไม่มีใครออกมาเปิด จนแก้วกัลยาเกือบจะพังประตูเข้าไป ถ้าคนดูแลอพาร์ทเม้นท์ไม่ขึ้นมาห้าม และบอกว่าเจ้าของห้องไม่อยู่ พอเธอทำท่าจะไม่ยอมจะเข้าไปในห้องนั้น ผู้ดูแลอพาร์ทเม้นจึงอ้างว่าจะแจ้งตำรวจ ทั้งสามจึงต้องกลับออกมาปักหลักนั่งรอเพราคิดว่ายังไง เป้าหมายก็ต้องออกมาซื้ออะไรกิจบ้าง ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเท่าไหร่ อารมณ์ของรักจิราก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นมากเท่านั้น

“เจ๊แก้ว ตัวช่วยเลิกกดโทรศัพท์นั่นแล้วเงยหน้าขึ้นมาคุยกันก่อนได้ไหม”

“อะไรของแกอีกล่ะไอ้รัก”

“นี่ตัวลากเค้ามาเพื่อมานั่งเพื่อดูตัวเล่นเกมเศรษฐีหรอ เลิกเล่นแล้วมาคิดได้แล้วว่าเราจะทำยังไงกัน ไอ้หมอนั่นไม่เห็นเดินลงมาสักที มันอยู่ที่นี่แน่นะ”

“คุณมงกุฎไม่เคยทำงานพลาด แล้วคุณมงกุฎก็บอกเองว่ามันยังทำงานอยู่ที่นี่ เพียงแต่มันอาจรู้ตัวก็ได้ถึงไม่ผ่านลงมา หรือไม่แกก็มัวแต่หลับไม่ได้มอง”

“นี่เค้ากับมิลารวมตากันได้สี่ตา คนเดินลงมาจะไม่เห็นได้ยังไง เค้าว่าเราบุกเข้าไปอีกครั้งดีไหม รอบนี้พังประตูเข้าไปเลย ขืนนั่งอยู่แบบนี้เค้าว่าเราไม่ได้อะไรกลับไปแน่ เลิกเล่นได้แล้วโทรศัพท์น่ะ เค้าจะลงไป”

ครืด ครืด ครืด

รักจิรามองโทรศัพท์ของตัวเอง กรอกตาไปมาอย่างหงุดหงิดใจ และกดรับทันที

“ฮัลโหลว่าไง...”

“แกอยู่ไหนไอ้รุจ.... แกใจเย็น ๆ นะไอ้รุจ ตั้งสติ อย่าสติแตก ตอนนี้แกหาที่ซ่อนก่อน ฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นั่นจะรีบไป ถ้าเจอพวกมัน ถ่วงเวลาทำอะไรไปก่อนก็ได้ ฉันจะไม่ให้แกเป็นอะไร รอฉันก่อนนะ แกจะปลอดภัย ตั้งสติไว้นะ โอเค” รักจิรากดตัดสายและหันไปมองแก้วกัลยาที่เลิกเล่นโทรศัพท์ไปแล้วและหันมามองหน้าเธอ

“เจ๊แก้ว เค้ามีธุระด่วนตัวอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน คุณมิลาถ้ามีเหตุฉุกเฉินโทรเรียกตำรวจเลยนะ อย่าให้เจ๊แก้วตัดสินใจอะไรคนเดียว ยิ่งชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่ด้วย”

“แกจะทิ้งฉันหรอไอ้รัก แล้วถ้าเกิดไอ้หมอนั่นมา ฉันจะจัดการยังไง”แก้วกัลยาถาม

“ระดับเจ๊แก้ว คงไม่ต้องรอให้ถึงมือเค้าหรอก ไหนจะมิลา ตอนนี้เค้ามีเรื่องคอขาดบาดตายมากกว่าเรื่องของตัว” รักจิราเอ่ย

“แต่...”

“เอาเป็นว่าเค้าไม่มีเวลาแล้ว ไว้จะกลับมาเล่าให้ฟัง ถ้ามีอะไรโทรเรียกตำรวจ เรียกคุณมงกุฎ คุณเพชร ใครก็ได้จะมีคนมาช่วยแน่นอน เค้าไปก่อนนะเจ๊แก้ว ฝากด้วยนะมิลา” รักจิราเปิดประตูลงจากรถวิ่งออกไปหน้าซอย แก้วกัลยานั่งนิ่งอยู่ในรถเหมือนจับต้นชนปลายไม่ถูก

“คุณแก้วคะ ดิฉันว่าเรากลับไปคิดแผนกันก่อนดีไหมคะ เรานั่งรอแบบนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ที่สำคัญ คุณแมทธิวโทรตามดิฉัน แล้วถ้าอีกสิบห้านาทีฉันยังไม่ไป คุณแมทธิวอาจจะเปลี่ยนผู้ช่วย แล้วจะสืบเรื่องคุณพิตต้ายังไงคะ” มิลาเอ่ยและยกโทรศัพท์ของเธอให้แก้วกัลยาอยู่ ที่ตอนนี้ปลายสายกำลังโทรตามมิลาที่เธอยกให้เป็นผู้ช่วยของแมทธิวชั่วคราวระหว่างอยู่ไทย เมื่อฟังเหตุผล ได้ยินชื่อโสภิตตา เธอก็ยอมรับคำ

“ก็ได้” แก้วกัลยาตัดสินใจว่าจะกลับบ้านก่อน แล้วพรุ่งนี้จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง วันนี้รอมาหลายชั่วโมงแล้วบางทีเป้าหมายอาจจะรู้ตัว ขณะที่ถอดใจแล้วเธอกลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาจึงตวัดสายตาขึ้นไปมองระเบียงห้อง ๆ หนึ่งซึ่งอยู่ชั้นสี่ เป็นห้องของนายเอกฤทธิ์ เป้าหมายที่ทำให้เธอต้องมาในวันนี้ แก้วกัลยามองเห็นเงาคนหลังประตูกระจกวูบหนึ่ง

“คุณแก้ว!!!” มิลาร้องเรียกเมื่อเข้านายคว้าหยิบกระเป๋าสะพายออกมาและเดินลงจากรถไปแบบที่เธอก็ตามอารมณ์เจ้านายสาวไม่ทัน มิลารีบวิ่งตามเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์ โดยจุดหมายของเธอไม่ใช่ห้อง 304 แต่ที่เธอไปคือห้องของผู้ดูแลอพาร์ทเม้นที่อยู่ชั้นล่างต่างหาก

“คุณแก้วทำแบบนี้คนดูแลอพาร์ทเม้นท์จะหาว่าเราบุกรุกนะคะ”

“ตามมาเงียบ ๆ เถอะน่า” แก้วกัลยามาหยุดอยู่หน้าห้องกระจก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“คุณนั่นเอง” ผู้ดูแลเอ่ยเมื่อเปิดมาเจอแก้วกัลยา หญิงสาวที่เขาจำได้ว่าบุกขึ้นไปจะพังห้องด้านบน

“ฉันขอถามอีกครั้งว่านายเอกฤทธิ์เจ้าของห้อง 304 อยู่ไหมคะ” ผู้ดูแลอพาร์ทเม้นส์มีท่าทีพิรุธผิดจนผิดสังเกต

“ไม่ค่ะ เขาไม่ได้กลับห้องมาหลายวันแล้ว”แก้วกัลยากำลังมองอย่างจับผิด ยังไงซะท่าทีและการกระทำก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของแก้วกัลยา เธอไม่ใช่คนโง่ และเธอจับผิดสีหน้าคนเก่งไม่แพ้คุณหมอวันวิวาห์

“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย ครั้งนี้ฉันจะเชิญคุณไปคุยกับคุณตำรวจ ข้อหาให้ที่พักพิงหลบซ่อนแก่คนร้าย ฉันจะถามอีกครั้งเดียวเท่านั้น ว่าเจ้าของห้อง 304 อยู่ข้างบนไหม”

“เอ่อ...ไม่”

“ดี เตรียมตัวไปคุยกันที่โรงพัก ไอ้หมอนั่นขโมยแหวนเพชรฉันไป เตรียมตัวโดนจับพร้อมกับไอ้หมอนั่นละกันนะ เจ้าของอพาร์ทเม้นท์คงไล่เธอออกแน่ถ้าเรื่องนี้ถึงหูตำรวจ” แก้วกัลยาทำทีกดโทรศัพท์และยกขึ้นโทร หญิงสาวผู้ดูแลอพาร์ทเม้นท์ห้องเริ่มแสดงท่าทีมีพิรุธมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ฮัลโหล คุณตำรวจ...”

“อยู่ค่ะ เจ้าของห้อง 304 ยังอยู่ เขาโทรมาบอกให้ฉันมาไล่คุณ ฉันไม่รู้เห็นอะไรเลยนะคะ อย่าแจ้งตำรวจจับฉันนะคะ ฉันบอกแล้ว” แก้วกัลยายิ้มและเก็บโทรศัพท์

“ก็แค่นั้น โทรไปบอกไอ้หมอนั่นว่าฉันกลับไปแล้ว ถ้าไม่ทำตามฉันจะแจ้งตำรวจ” แก้วกัลยาเดินออกไป

“คุณแก้วคะ เราจะกลับกันจริง ๆ หรอคะ”

“ใครบอกฉันจะกลับ เอากุญแจรถมา” มิลาทำหน้างง ๆ ยื่นกุญแจรถให้เจ้านายสาว

“คุณแก้ว เดี๋ยวดิฉันขับ”

“ขึ้นรถมา” มิลาทำตามที่บอก รีบขึ้นไปนั่ง แก้วกัลยาไม่ได้ขับรถไปไหนไกล เพียงขับรถออกมาจอดหลบแถว ๆ มุมตึกที่อยู่ไม่ไกลมากอพาร์ทเม้นมากนัก

“เรากำลังรออะไรคะคุณแก้ว”

“ทำงานกับฉันหัดฉลาดหน่อย แล้วจะเอาอะไรไปจัดการนายแมทกัน เอาเป็นรอดูแล้วกัน” แก้วกัลยาเดินลงจากรถมิลาเดินตามลงมา ทั้งสองหลบซุ่มอยู่มุมตึก แก้วกัลยาจ้องมองทางข้างหน้าตาไม่กระพริบ เธอคิดว่าเอกฤทธิ์นี่คงรู้แล้วว่ามีคนตามตัวเขา ยังไงเมื่อมีโอกาสก็ต้องหนี และเป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเอกฤทธิ์ก็เดินออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ และกำลังจะเดินออกจากซอย

“นั่นมันนายเอกฤทธิ์นี่คะ คุณแก้ว!!!” แก้วกัลยาไม่รอช้าพุ่งตัวออกจากมุมตึกขวางหน้าเอกฤทธิ์ไว้

“คิดจะหลอกฉันหรอ จำไว้คนอย่างแก้วกัลยาสวยแต่ไม่โง่หรอกนะ” เอกฤทธิ์มีท่าทีตกใจเมื่อเจอหน้าแก้วกัลยาเขาหันหลังวิ่งหนีไป

“หยุดนะแก” แก้วกัลยารีบสาวเท้าวิ่งตาม ยังไงวันนี้เธอต้องจับเอกฤทธิ์นี่ให้ได้ ผลงานชิ้นนี้เพทายจะต้องยอมรับในตัวเธอมากขึ้น เธอจะเขี่ยดารินทิพย์ออกจากสารบบของเพทาย ไหนจะตัวละครใหม่อย่างชนกนาถอีก เธอต้องรีบทำแต้มเก็บคะแนนจากเพทาย เอกฤทธิ์วิ่งเข้าตรอกเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลังอพาร์ทเม้นท์ที่จะลัดเลาะทะลุไปที่หลังตลาด แก้วกัลยาพยายามวิ่งตามไป แต่อุปสรรคของแก้วกัลยาคือรองเท้าส้นสูงห้านิ้วนี่ต่างหากล่ะ เธอพึ่งรู้ว่าการใส่ส้นสูงมันคืออุปสรรคในชีวิตเธอก็วันนี้

“หยุดนะไอ้บ้า ฉันเหนื่อยแล้วนะ” แก้วกัลยาตะโกนไล่หลัง พยายามจะวิ่งตามให้ทัน

ตุบ

จังหวะที่แก้วกัลยาสะดุดขาตนเองล้มลงเป็นเหตุให้ส้นสูงยาวหกนิ้วหักออกจากรองเท้า ขาที่ไถลไปกับพื้นทำให้เกิดรอยแผลบนหัวเข่า แต่แก้วกัลยาไม่ได้สนใจแผลนั่น สิ่งที่แก้วกัลยาสนใจคือรองเท้าปราด้าคู่สวยที่ราคาแพงเหยียบแสนที่สำคัญมันมีแค่เจ็ดคู่ในประเทศไทย แต่กลับหักไม่แคร์ราคาสักนิด ความโกรธที่ต้องมาวิ่งไล่ตามอยู่แล้ว ยิ่งมีมากขึ้นเมื่อเห็นรองเท้าคู่ใจพังต่อหน้าต่อตา

“แกตายแน่ ฉันจะฆ่าแกแน่” แก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นตอนนี้นายเอกฤทธิ์ก็คลาดสายตาไปแล้ว แก้วกัลยากวาดตามองไปรอบ ๆ ตอนนี้เป็นเวลาโพล้เพล้แล้ว ท้องฟ้ากำลังมืดลงทุกที บรรยากาศแถวนี้ก็ดูไม่น่าไว้ใจ ตลาดก็วายแล้ว ทำให้แผงขายของไร้วี่แววของแม่ค้า แก้วกัลยาดันตัวเองและลุกขึ้นยืน

“ถ้าฉันจับแกได้ ฉันจะจัดการแกแน่ที่ทำให้ฉันต้องมาวิ่งแบบนี้ และทำให้รองเท้าฉันพัง” แก้วกัลยาได้ยินเสียงวิ่งจึงหันกลับไปมองก็เห็นเอกฤทธิ์กำลังวิ่งหน้าตั้งหนีไป แก้วกัลยาคิดในใจว่าไอ้หมอนี่มันโคตรโง่หลบก็ดีอยู่แล้ว วิ่งออกมาให้เธอเห็นทำไม แก้วกัลยาถอดส้นสูงห้านิ้วที่พังออกทั้งสอง และฉวยหยิบติดมือไปคู่หนึ่งและวิ่งตามไป แก้วกัลยาหยุดวิ่ง เส้นทางนี้แม้ไม่เคยมาแต่นี่มันในตลาดยังไงซะก็หนีไม่พ้นหรอก แก้วกัลยาถอยหลังวิ่งลัดเข้าไปในซอกซอยตลาด พลันเธอก็วิ่งมาดักอยู่ข้างหน้าเอกฤทธิ์

“ถ้าไม่หยุดวิ่งฉันสาบานเลยว่าถ้าจับนายได้ฉันจะทรมานนายให้เจ็บปวดที่สุดก่อนจะฆ่านาย ฉันจะถลกหนังนายแล้วทาด้วยเกลือ แล้วฉีกปากนายยัดปราด้าของฉันใส่ปากนาย ให้สาสมกับสิ่งที่นายทำให้ฉันแก้วกัลยาต้องมาวิ่งไล่ตามแบบนี้” นายเอกฤทธิ์ไม่เชื่อคำขู่หันหลังวิ่ง แก้วกัลยายกรองเท้าขึ้นและเล็งกะทิศทางอย่างแม่นยำก่อนจะกว้างรองเท้าออกไป

โป๊ก!!!

ส้นสูงห้านิ้วลอยกระแทกเข้าที่หัว เอกฤทธิ์ถึงกับเซสะดุดส้มลง ที่หัวมีเลือดไหลออกมาจากแรงกระแทกและแรงเจาะของส้นเข็ม แก้วกัลยาเดินเข้าหยุดอยู่ตรงหน้า ใบหน้าสวยยิ้มอย่างพอใจ

“รู้จักแก้วมือปาเป้าพิฆาตมารน้อยไปซะแล้ว” แก้วกัลยาเอ่ย เอกฤทธิ์ไม่ได้สิ้นฤทธิ์อย่างที่คิดมันฉวยโอกาสที่แก้วกัลยาเผลอดันตัวลุกขึ้นผลักแก้วกัลยาล้มลง และวิ่งหนี แก้วกัลยาดูเหมือนจะไม่ยอมเช่นกันรีบผลุนตัวลุกขึ้นโชคดีที่ตัวเธอไม่ได้บาดเจ็บ ในขณะที่เอกฤทธิ์ข้อเท้าแพงจากการสะดุดล้มเมื่อครู่ แก้วกัลยาคว้ามือจับข้อเสื้อนายเอกฤทธิ์ไว้ ด้วยความกลัวความผิด และไม่ยอมให้จับเอกฤทธิ์หันตัวกลับไป

เพียะ!!!

แก้วกัลยาล้มลงไปตามแรงตบ แก้วกัลยานิ่งช็อค ดวงตากำลังตกตะลึงสุด ๆ เกิดมาในชีวิตไม่เคยมีใครกล้าทำร้ายเธอขนาดนี้ เอกฤทธิ์หันไปผลักเข่งที่ซ้อนกันอยู่ล้มลงใส่แก้วกัลยาและฉวยโอกาสจะวิ่งหนี

“ฉันจะฆ่าแก!!!” แก้วกัลยาตะโกนอย่างโกรธแค้น

“คุณแก้ว!!!” เสียงของมิลาดังขึ้น มิลาที่วิ่งอ้อมมาอีกทางมองแก้วกัลยาด้วยสายตาตกใจ

“จับไอ้หมอนั่นมิลา” แก้วกัลยาสั่งมิลา มิลาเองที่แม้จะทำอะไรไม่ถูกแต่เมื่อได้รับคำสั่งก็กางแขนกันทางไว้ไม่ให้เอกฤทธิ์ไป เอกฤทธิ์วิ่งเข้าไปผลักสาวร่างเล็กบอบบางที่ดูไร้พิษสง

ตุบ!!!

โอ๊ย

มิลาร้องเมื่อโดนผลักล้มลง แต่เธอก็รีบลุกขึ้นและเข้าไปกอดเอวเอกฤทธิ์ไว้แน่นไม่ยอมให้เอกฤทธิ์หนีไป เอกฤทธิ์พยายามสะบัดตัวให้หลุด ใช้เวลาไม่นานด้วยพละกำลังที่ต่างกัน เขาก็ดันตัวมิลาจนล้มลงไปกองกับพื้นทำท่าจะวิ่งหนี แต่ขาทั้งสองข้างกลับหยุดชะงักเมื่อแก้วกัลยาลุกขึ้นยืนในมือถือไม้กวาดด้านยาวยกขึ้นฟาดใส่ร่างเอกฤทธิ์

พลั่ก

“กล้าตบหน้าฉัน ทำร้ายคนของฉันต่อหน้า ฉันเอานายตายแน่วันนี้ ไม่อย่างนั้นก็อย่ามาเรียกฉันมาแก้วกัลยาเลย ไอ้เลว” แก้วกัลยาตีไม่ยั้งมือจน

“โอ๊ย!!! หยุดนะนังบ้า” เอกฤทธิ์รับไม่ฟาดที่ฟาดลงมานั่นไว้ และกระชากไม้กวาดนั่นหลุดออกจากมือ ผลักแก้วกัลยาล้มลงอีกครั้ง ทำท่าจะตีแก้วกัลยากลับด้วยไม้กวาด ถ้าเสียงใครคนหนึ่งไม่ดังขึ้นพร้อมกับคนกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาล็อคตัวเอกฤทธิ์ไว้

“แก้ว / คุณแก้ว” แก้วกัลยาที่ฟุบอยูกับพื้นเงยหน้าขึ้นมอง สองหนุ่มที่วิ่งเข้ามา คนหนึ่งคือเพื่อน อีกคนคือชายหนุ่มที่เธอต้องการครอบครองหัวใจ ส่วนเอกฤทธิ์ถูกคนของแมทธิวจับกุมไว้ เพทายวิ่งเข้ามาถึงตัวแก้วกัลยาก่อนแมทธิว ใบหน้าหล่อเหลายังคงความนิ่งขรึมแสนสุภาพดั่งสุภาพบุรุษผู้ดีเช่นทุกครั้ง

“คะ...คุณเพชร” แก้วกัลยามีสีหน้าตกใจ แต่กลับรู้สึกดีใจมากเช่นกันที่เห็นหน้าเขา

“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคุณแก้ว” เพทายเอ่ยและมองสภาพที่เกือบจะมอมแมมของแก้วกัลยา ตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ที่เข่ามีรอยแผลที่เกิดจากการหกล้มมีเลือดไหลออกมาซิบ ๆ ส่วนเท้าของเธอนั้นเปลือยเปล่า แขนข้างที่ใส่เฝือกเหมือนจะไม่ได้รับอันตราย แต่ผ้าคล้องแขนกลับหายไป

“เอ่อ...ไม่ค่ะ ฉัน...ฉันโอเค” เพทายมองสภาพร่างกายที่แก้วกัลยาบอกว่าโอเค

“เดี๋ยวแมท ฉันขอชำระแค้นก่อน” แมทธิวมองแก้วกัลยาที่มีเพทายประคองร่างไว้ด้วยสายตาเจ็บใจ แก้วกัลยาเดินเข้าไปหาคนของแมทธิวที่จับกุมตัวนายเอกฤทธิ์ไว้แก้วกัลยาผละตัวออกจากอ้อมแขนของเพทาย และเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านายเอกฤทธิ์ เอกฤทธิ์มองหน้าแก้วกัลยาอย่างตื่นตนกเมื่อเห็นสายตามาดร้ายของเธอที่เหมือนต้องการแยกร่างเขาออกเป็นชิ้น ๆ แก้วกัลยากำลังจะยกมือข้างที่ใส่เฝือกแต่เหมือนนึกขึ้นได้ก็เปลี่ยนมือ

เพียะ

เพียะ

เพียะ

เสียงมือกระทบใบหน้าสามครั้งเน้น ๆ ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ เงียบสนิท แก้วกัลยาเหมือนจะตบหน้าเอกฤทธิ์ต่อแต่เพทายกลับเดินมาจับมือเธอไว้ก่อน

“พอก่อนเถอะครับ”

“แต่ไอ้หมอนี่มันตบหน้าฉัน มันทำรองเท้าฉันพัง มันทำให้ฉันต้องมาวิ่งตามมันเหมือนคนบ้า มันรู้จักคนอย่างแก้วกัลยา มารร้ายอสรพิษน้อยไปแล้ว”

“แต่สภาพคุณตอนนี้ถ้าใครมาเห็นคุณคงไม่น่าชอบนะครับ กลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยมาจัดการดีไหมครับ ยังไงนายคนนี้ก็หนีไปไหนไม่ได้แล้ว” แก้วกัลยาก้มมองสภาพตัวเอง และยอมพยักหน้า

“ก็ได้ แต่...ที่รักต้องไปส่งเค้านะ” แก้วกัลยาหันกลับมายิ้มอย่างออดอ้อน เพทายพยักหน้า

“ไปครับ” แต่แก้วกัลยากลับไม่เดินตาม เขาหันกลับไปมองแก้วกัลยา แก้วกัลยาก้มมองเท้าของตัวเอง เพทายมองอย่างเหนื่อยใจ เขาเดินไปหยิบรองเท้าทั้งสองข้างที่อยู่ไม่ไกลและเดินกลับมา หักส้นอีกข้างให้เหมือนกัน แก้วกัลยาเกือบจะกรีดร้องออกมาอยู่แล้วเมื่อเขาทำลายรองเท้าคู่โปรดของเธอ แต่เมื่อเขาก้มตัวนั่งลง จับเท้าของแก้วกัลยาบรรจงใส่รองเท้าให้ปากที่อ้าค้างก็ปิดฉับลง

“ทีนี้ไปได้หรือยังครับ” แก้วกัลยาพยักหน้า เพทายคว้ามือของแก้วกัลยาและดึงให้เดินตามไป แก้วกัลยามองผู้ชายที่เดินจูงมือเธอด้วยแววตาลอย ๆ เหมือนโดยเป่ามนตร์สะกด

แมทธิวมองแก้วกัลยาที่เดินขึ้นรถไปพร้อมกับเพทาย ได้แต่ถามตัวเองในใจเขาตามมาทำไมในเมื่อแก้วกัลยาก็มีคนช่วยอยู่แล้ว ถ้ามิลาไม่บอกว่าแก้วกัลยาอยู่ในอันตรายเขาคงไม่รีบมา เขาสบถอย่างหงุดหงิดและหันกลังจะเดินกลับไปที่รถ แต่หางตาเหลือไปเห็นมิลาที่พยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล แมทธิวทนมองสภาพที่ดูแล้วน่าสมเพชของมิลาได้ไม่นาน จึงเดินเข้าไปช่วยพยุงร่างเล็กนั้นขึ้น

“ขอบคุณค่ะ”

“ไม่เป็นไร คนที่ฉันมาช่วยเขาไม่รอให้ฉันช่วย แล้วฉันก็ไม่ใจดำพอ เวลาเห็นคนเจ็บแล้วไม่ช่วย” แมทธิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายไม่ใส่ใจ แต่มิลาไม่ใช่คนโง่ พอจับในน้ำเสียงได้ว่าเขาเองก็ยังเสียใจเรื่องแก้วกัลยาอยู่บ้าง

“เอ่อ...”

“ไม่ต้องพูดแล้ว ยิ่งเห็นเธอฉันก็ยิ่งหงุดหงิด ถ้าทีหลังโทรตามไอ้หมอนั่นแล้วก็บอกฉันด้วย ฉันจะได้ไม่มาให้เสียเวลา” แมททิวเอ่ยอย่างหงุดหงิด

“ฉันไม่ได้...”

“ไม่ต้องเถียง แล้วทีหลังจำไว้ว่าตอนนี้แก้วยกเธอให้ทำงานกับฉัน เธอต้องไปกับฉันไม่ใช่แวบไปกับแก้วแบบนี้ แก้วน่ะถึกขนาดนั้น ยังไงก็เอาตัวรอดได้ แต่เธอไม่เหมือนแก้ว โง่ ๆ ซื่อ ๆ บื่อ ๆ ตายขึ้นไม่มีใครเขามานั่งรับผิดชอบนะ” มิลายิ้มนิด ๆ ถึงแม้เขาจะต่อว่าเธอแต่ก็สัมผัสได้ว่าเขาก็เป็นห่วงเธอ

“พวกนายจับตัวไอ้หมอนั่นส่งไปให้แก้วด้วยแล้วกัน” เขาเอ่ยสั่งคนของเขาและประคองมิลาให้เดินตามเขาไป





“คุณไม่ควรทำแบบนี้” เพทายเอ่ยขึ้นหลังจากขึ้นมานั่งอยู่บนรถ แก้วกัลยายังคงจ้องหน้าเขาและยิ้มตาเยิ้มหวานเช่นทุกครั้งก่อนกลีบปากสวยจะเริ่มขยับเอ่ยขึ้นบ้าง

“ทำอะไรคะ” แก้วกัลยาทำเป็นไม่เข้าใจสิ่งที่เพทายถาม

“มาคนเดียว ถ้าคุณรักไม่โทรมาหาผม คุณรู้ไหมว่านายคนนั้นอาจจะฆ่าคุณได้ คนเราเวลามันกลัวความผิดมาก ๆ มันทำร้ายคนได้จริง ๆ นะครับ” แก้วกัลยาไม่ได้มีสีหน้าสลดลงสักนิดแต่กลับยิ้ม

“ดีสิคะ คุณจะได้มาดูแลฉัน ถ้าฉันบาดเจ็บ”

“อย่าทำเป็นเล่นไปนะคุณแก้ว นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถ้าคุณเกิดไม่ใช่แค่บาดเจ็บล่ะครับ”

“คุณเป็นห่วงฉันหรอคะ” แก้วกัลยาเอ่ย ดวงตาเป็นประกายยังจับจ้องมองเขา เพทายนิ่งไปทันทีเหมือนพูดไม่ออก แก้วกัลยาขยับตัวไปใกล้อีกนิด มือคว้าจับมือเพทายขึ้นมาแนบแก้ม

“ไม่ต้องห่วงเค้านะที่รัก เค้าไม่เป็นอะไรหรอก เค้าต้องอยู่กับที่รักอีกนาน ไม่ยอมให้อะไรมาพรากเค้ากับที่รักไปหรอก เลิกทำหน้าเครียดได้แล้วนะคะที่รัก เดี๋ยวหน้าก็เหี่ยวก่อนวัยหรอก” แก้วกัลยามองผู้ชายที่ตอนนี้หูแดง หน้าก็เริ่มแดงขึ้น สร้างความภิรมย์ใจให้กับแก้วกัลยา เพทายดึงมือออกเหมือนทำอะไรไม่ถูก เขาปรับสีหน้าให้นิ่งสุขุมเช่นเดิม

“คุณชอบทำเป็นเล่นไปทุกเรื่อง”

“ใครบอกเล่นคะ ฉันจีบคุณจริง ๆ ไม่เคยเล่นเลยนะคะ หรือฉันยังแสดงออกไม่พออีกคะ” เพทายถอนหายใจให้กับผู้หญิงตรงหน้า
“คุณจะไปหาหมอไหม แขนคุณ...” เหมือนแก้วกัลยาจะตกใจเมื่อเขาเอ่ยถึงแขนตัวเอง

“เอ่อ...ไม่ค่ะ ฉันไม่เป็นอะไร แขนปกติดี”

“คุณไม่ใช่หมอ ผมว่า...”

“ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ แขนไม่ได้กระเทือนอะไร ถ้าเป็นอะไรจริง ๆ ฉันจะรีบโทรตามคุณ ตอนนี้คุณพาฉันกลับบ้านทีเถอะ ฉันอยากอาบน้ำ นะคะที่รัก” เพทายพยักหน้าและยอมขับรถไปส่งแก้วกัลยา





แก้วกัลยากลับมาอยู่ในภาพลักษณ์สาวไฮโซอีกครั้ง เพทายพาแก้วกัลยามาที่บริษัทของเขาในเวลาสองทุ่ม ซึ่งพนักงานก็เริ่มกลับกันหมดแล้ว อาจจะเหลือนักร้อง นักเต้นที่ยังซ้อมกันอยู่ชั้นบน แก้วกัลยาเดินตามเพทายมาที่ห้องทำงานของเขาที่ตอนนี้เอกฤทธิ์โดนจับมัดและมีบอดี้การ์ดคอยคุมอยู่ แก้วกัลยาเห็นหน้าเอกฤทธิ์อารมณ์ที่สงบไปแล้วขึ้นมาอีกครั้ง แต่โชคดีที่เพทายมาห้ามเธอไว้ก่อน

“สอบสวนถึงไหนแล้วคะคุณเพชร”

“เขายอมรับแล้วค่ะว่าโดนจ้างมาแต่ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นคนว่าจ้าง” แก้วกัลยาสาวเท้าเดินเข้าไป เอกฤทธิ์ผงะถอยหลังหนี แต่โดนการ์ดจับตัวไว้

“ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าคนจ้างเป็นใคร ผมไม่รู้ว่าคนที่จ้างผมจะเอาคลิปไปทำอะไร ผมแค่ทำไปเพราะอยากได้เงินไปใช้หนี้ ผมไม่รู้จริง ๆ นะครับ”

“นายไม่รู้หรือไม่บอกกันแน่”

“ผมไม่รู้จริง ๆ ครับ มีคนจ้างผม เขาโทรมาแต่ผมไม่เคยเห็นหน้า ตอนรับเงินก็โอนเข้ามาในบัญชีผม อย่าแจ้งตำรวจจับผมนะครับ ผม...”

“แน่ใจว่าไม่รู้” แก้วกัลยาตะคอกเสียงดัง และพุ่งเข้ามาจับคอเสื้อเอกฤทธิ์และเขย่าอย่างไม่ปราณีจนเพทายต้องเดินมาจับตัวแก้วกัลยาแยกออก

“เดี๋ยวผมคุยเองดีกว่า” แก้วกัลยายอมปล่อยมือออก

“นายแน่ใจว่าไม่รู้”

“จริงครับ เอาผมไปสาบานก็ได้ ผมแค่ทำตามที่เขาจ้างมาเท่านั้น ผมไม่รู้ว่าจะมีเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาบอกแค่ว่าจะนำไปลงฉากในหนังเรื่องหนึ่ง เขาต้องการความสมจริง ผมก็แค่ทำไปตามหน้าที่ แต่ผมไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เชื่อผมนะครับ ผมไม่รู้” แก้วกัลยาทำหน้าไม่แน่ใจ

“แต่นายเป็นคนเอาคลิปไปปล่อย”

“เขาบอกว่าให้ผมอัพลงเน็ต ผมไม่รู้ ผมแค่ทำตามที่เขาสั่ง”

“คุณเพชรคะให้คนของคุณเช็คบัญชีที่โอนเงินเข้ามาของนายคนนี้ให้ด้วย แล้วก็นาย เอาเบอร์ของคนที่จ้างนายมา” แก้วกัลยาเอ่ยปากแทนเพทายหมด เขาเองกำลังจะอ้าปากพูดแต่ก็ไม่ทันเธอแล้ว

“ถ้าฉันรู้ว่านายโกหกฉันจะเลาะฟันนายออกมาแน่”

“คุณแก้ว” เพทายมองแก้วกัลยา

“ขู่ไว้ก่อน เผื่อหมอนี่มันกล้าโกหก ถ้าเกิดฉันหาตัวคนร้ายไม่เจอ ฉันจะแก้แค้นนายแทนที่กล้าตบหน้าฉัน แต่ถ้าฉันจับได้นายก็รอด ภาวนาไว้เลยว่าให้ฉันจับได้” แก้วกัลยาเอ่ย สายตาของแก้วกัลยามองอย่างอาฆาตเธอยังจำได้แม่นว่านายเอกฤทธิ์นี่กล้าตบเธอคว่ำ ถ้าเธอหาตัวต้นเหตุของเรื่องนี้ไม่เจอ ไอ้หมอนี่จะต้องเป็นตัวรองรับอารมณ์ของเธอ

“แล้วผู้หญิงในคลิปที่ตายคนนั้นล่ะ นายฆ่าเธอหรือเปล่า” เพทายเอ่ยถามบ้าง

“ผมไม่ได้ฆ่านะ ผมไม่ได้ข่มขืนเธอด้วย ผู้หญิงคนนั้นชื่อแจน ถูกจ้างมาเหมือนกับผม แต่ผมไม่รู้อะไรไปมากกว่านั้น แต่ผมไม่ได้ฆ่าเธอจริง ๆ นะ หลังจากถ่ายคลิปเสร็จคืนนั้นผมกับเธอก็แยกกัน ผมไม่รู้เรื่องนะครับ”

“ไร้ประโยชน์จริง จับส่งตำรวจดีไหมคุณเพชร”

“ผมไม่รู้ ผม”

“นายรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเยาวชน อายุยังไม่ถึงสิบแปดปี”

“ผมจะไปรู้ได้ไง ก็แต่งหน้าแต่งตัวแก่กว่าอายุแบบนั้น เชื่อผมเถอะนะ ผมว่าบางทีอาจจะเป็นคนที่จ้างก็ได้ที่ฆ่าปิดปาก ผมว่าพวกนั้นเองก็คงจะฆ่าผม ผมรู้สึกว่าสองวันมานี้มีคนตามผมอยู่” แก้วกัลยาหันไปมองเพทายทันที

“เริ่มเข้าเคล้าแล้วล่ะค่ะคุณเพชร”

“ผมจะให้คนของผมสืบประวัติผู้หญิงที่ตาย แล้วพรุ่งนี้ผมจะไปพบภีม” แก้วกัลยาพยักหน้าเห็นด้วย

“ฉันไปด้วยนะคะ” เพทายพยักหน้า เขาคิดว่าพกผู้หญิงคนนี้ไปด้วยเรื่องอาจจะง่ายขึ้นก็ได้ เสียงโทรศัพท์แก้วกัลยาดังขึ้น เบอร์ปลายสายเป็นเบอร์ของคุณมงกุฎที่เธอให้หยุดพัก แก้วกัลยากดรับสาย

“ว่าไงคะคุณมงกุฎ ฉันให้คุณมงกุฎพักอยู่นะคะ”

(เอ่อ...คุณแก้วคะ ดิฉันพึ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกอะไรบางอย่าง ตอนที่ไปสืบประวัติของนายเอกฤทธิ์ ดิฉันได้ประวัติคุณภีมด้วย ดิฉันคิดว่าที่คุณภีมไม่บอกความจริงว่าคืนนั้นเธอหายไปไหน อาจเป็นเพราะว่า...)




...ติดตามตอนต่อไป...




พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มิ.ย. 2558, 16:32:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มิ.ย. 2558, 16:32:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1000





<< ตอนที่ 8 แฟนเก่าของเพทาย   ตอนที่ 10 เงามืดที่ใกล้เข้ามา >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account