แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"
โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี
แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"
โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี
แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน
ตอน: ตอนที่ 10 เงามืดที่ใกล้เข้ามา
10
เงามืดที่ใกล้เข้ามา
แก้วกัลยานั่งอยู่ในห้อง ใบหน้ามีร่องรอยของความเครียดและคิดหนัก ตั้งแต่เธอได้รับข่าวใหม่จากมงกุฎ รวมถึงข้อมูลใหม่ที่พึ่งได้รับจากมิลา เรื่องของชนกนาถ อดีตโปรดิวเซอร์สาวของวีนัส ภรรยาของทวีป ผู้บริหารบริษัทสื่อโฆษณาชื่อดัง เธอไม่เคยนึกเอะใจมาก่อน มิลาบอกว่าเรื่องนี้มีคนรู้น้อยมาก บวกกับทั้งสองก็ให้ข่าวว่าเป็นเพื่อนกันมาตลอด แต่เพทายไม่เคยปฏิเสธว่าไม่เคยคบชนกนาถ เรื่องนี้มีคนรู้น้อยมาก
เพทายและชนกนาถเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน และต้นเหตุของข่าวซุบซิบของทั้งคู่มาจาก สถานภาพชีวิตคู่ของชนกนาถและทวีปกำลังละหองละแหง มีข่าวแว่วมาว่าขาเตียงทั้งคู่กำลังจะหัก เคยมีนักข่าวตาดีเห็นว่าชนกนาถกลับมานอนที่บ้านเดิม และยังมีการนัดพบกับเพทายบ่อย ๆ ในระยะหลัง ๆ ถ้าเป็นอย่างข่าวว่า เธอกำลังเจอศัตรูหมายเลขสองที่อันตรายกว่าดารินทิพย์แล้วล่ะ
“คุณชนกนาถ คุณเพชร ไม่ได้การแล้วล่ะ ภาวะฉุกเฉินแล้วไง เวลาก็ลดน้อยลง ยังมีตัวละครเข้ามาป่วนเพิ่มอีกหรอเนี่ย” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แก้วกัลยามองเบอร์ที่โชว์อยู่หน้าจอ
“รัก...” แก้วกัลยากดรับสาย
“ฮัลโหล...” แก้วกัลยาเงียบเสียงไป “ฝากรักก่อนนะ แล้วฉันจะไปรับไอ้รักกลับบ้าน ขอบใจนายมาก” แก้วกัลยากดตัดสายรีบเดินไปหยิบกระเป๋าและขับรถออกไป โดยไม่รู้ว่าหลังจากรถของเธอวิ่งเลี้ยวออกจากหมู่บ้านสู่ถนนใหญ่มีรถคันหนึ่งขับตามหลังเธอไปโดยทิ้งระยะห่าง ในมือคนคนที่ซ่อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก
“ครับ ผู้หญิงที่คุณให้ตามออกจากบ้านแล้วครับ จะให้ผมจัดการเลยหรือเปล่าครับ”
(ยังก่อน ทำให้มันกลัว กลัวจนเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ ฉันยังไม่ต้องการให้นังนั่นมันสืบถึงตัว นั่งนั่นมันฉลาดเกินภาพลักษณ์ ระวังตัวไว้ด้วย ถ้าเกิดฉุกเฉินก็ปิดปากมันไปซะ ทำให้เงียบที่สุดด้วย)
“ครับนาย”
แก้วกัลยากำลังขับรถมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล อัสนีเจ้านายคนใหม่ของรักจิราโทรมาหาเธอ และบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เธอฟัง เธอจึงต้องมาขับรถออกจากบ้านในยามวิกาลรีบไปรับรักจิรากลับบ้าน ในใจก็เป็นอดเป็นห่วง ช่วงนี้เธอรู้สึกโหวง ๆ ในใจแปลก ๆ ทั้งฝันไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องของขวัญชีวัน แต่เจ้าตัวก็โทรมายืนยัน ทำให้วางใจไปเปราะแต่กลับมาเกิดเรื่องกับรักจิราเสียได้ อัสนีโทรมาบอกว่านิรุธเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องของรักจิราเสียชีวิตแล้ว รักจิราช็อคจนหมดสติไป เธอรู้ว่ารักจิรากำลังเสียศูนย์ เวลารักจิราเสียศูนย์ทีไร พวกเธอเป็นอันไม่ได้กินไม่ได้นอนทุกครั้ง เพราะรักจิราเอาแต่นั่งนิ่ง จนพวกเธอใจอะไรไม่ถูก สู้ให้โวยวายเสียยังจะดีกว่า ถนนเวลาเกือบห้าทุ่มดูเงียบมาก รถบนถนนในกรุงเทพไม่เยอะเท่าเวลากลางวัน ด้วยเวลานี้คนส่วนใหญ่ก็หลับนอน หรือไม่ก็คลุกตัวอยู่ตามสถานบันเทิงกันหมด ถนนจึงค่อนข้างร้าง แก้วกัลยาจึงขับรถด้วยท่าทีไม่รีบ จนเธอสังเกตเห็นว่ามีรถคันหนึ่งขับตามเธอมา ถ้าแก้วกัลยาไม่เหม่อลอย คงจะรู้ตัวเร็วกว่านี้
“ใครกัน” แก้วกัลยาตัดสินใจเหยียบเกียร์ เธอไม่กล้าดูถูกพวกมันว่าไม่กล้ายิงเธอกลางเมืองหลังจากเหตุการณ์ที่รอบยิงคีตภัทรครั้งก่อน แก้วกัลยาตันสินใจว่าต้องสลัดให้มันหลุด แต่บนถนนในเวลานี้รถน้อยมาก และการที่รถสองคันไล่กวดกัน คนก็คงมองว่ามันเป็นเรื่องปกติของพวกที่ไม่ถูกกัน ขับรถกวนประสาทกันจนเป็นเรื่อง
“บ้าเอ๊ย จะตามทำไมนักหนา หรือจะเป็นพวกเดียวกับที่ตามเก็บคีตะ ตามเก็บคีตะแล้วมาตามฉันทำไมล่ะ” แก้วกัลยาได้แต่คิด แต่แล้วเธอก็ต้องเหยียบเบรกอย่างรวดเร็วเมื่อรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นบิดตามเธอมาก่อนจะขับปาดหน้า
เอี๊ยด!!!
แก้วกัลยาที่ตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าจึงต้องรีบเหยียบเบรกชะลอไม่ให้รถของเธอพุ่งเข้าชนรถที่วิ่งแซงมาจอดขวางแบบที่เธอไม่ทันตั้งตัว แต่เหมือนจะเป็นการคิดที่ผิดพลาดเมื่อคนร้ายที่ยังไม่ได้ดับรถเครื่องเลี้ยวตัวรถหันพุ่งตรงมาทางเธอมันบิดรถเสียงดัง แก้วกัลยาหน้าเสียเมื่อมันบิดรถและพุ่งเข้ามาทางรถของเธอ ในมือของคนซ้อนถือปืนเล็งมาทางตำแหน่งคนขับ และเตรียมลั่นไก
“กรี๊ด!!!” แก้วกัลยาก้มหน้าลงหลบตามสัญชาตญาณ เธอรู้เพียงว่าเธอเห็นเงารถลอยข้ามหลังคารถเธอไป และเสียงดั่งเพล้งก็ตามมาพร้อมกับก้อนหินที่ตกลงมาใส่เบาะ เสียงกระจกแตกที่ดังชัดเจนมาก ก่อนเศษกระจกแตกล่วงกราวลงมา สร้างรอยบาดแผลตามร่างกายให้กับแก้วกัลยา แก้วกัลยานั่งตัวสั่นอย่างหวาดกลัว แต่เธอพยายามตั้งสติ แก้วกัลยารอเมื่อเสียงทุกอย่างสงบลง เธอหยิบโทรศัพท์กดโทรหามงกุฎ แต่มงกุฎกลับปิดเครื่อง เธอรีบต่อสายหามิลา รายนี้รับสายทันทีที่เสียงสัญญาณรอสายแรกดังขึ้น
“ช่วยฉันด้วย ฉันอยู่ที่ถนน...” และสายก็ตัดไป
“แบตหมด” แก้วกัลยาอุทาน เธอได้ยินเสียงบิดรถอีกครั้งหลังจากเงียบเกือบห้านาที แก้วกัลยาหันไปมองด้านหลังพวกมันกำลังจะขับกลับมาอีกครั้ง แก้วกัลยาตัดสินใจสตาร์ชรถและขับกระชากตัวรถออกไปในทันที บาดแผลตามแขนเริ่มออกฤทธิ์ เมื่อการแสบ ๆ ปวด ๆ ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาในความรู้สึก แต่แก้วกัลยาพยายามไม่มองไม่สน ความกลัวขับไล่ความรู้สึกเหล่านั้นให้ค่อยจางหายไป แก้วกัลยาได้แต่คิดว่า เธอต้องหนีไปให้ได้ แต่แล้วรถประสิทธิภาพดีกลับดับลงเอาดื้อ ๆ
“มาเสียอะไรตอนนี้ ใครจะซวยกว่าแก้วกัลยาอีกไหมเนี่ย ฉันต้องดวงตกแน่ ๆ” แก้วกัลยาเปิดประตูคว้ากระเป๋าวิ่งลงจากรถในทันที ล้อไม่หมุนแต่ขาเธอต้องวิ่งจ่อ เธอต้องไปขอความช่วยเหลือ นั่นคือทางรอดเดียว การนั่งเฉย ๆ ไม่ได้ช่วยอะไรเธอได้ ถ้าเกิดเธอเป็นอะไรขึ้นมาอย่างน้อยก็ได้ดิ้นรนจนวินาทีสุดท้าย แก้วกัลยาจำได้ว่าจากที่ ๆ เธอยืนอยู่ถ้าวิ่งไปอีกไม่ไกลจะถึงสถานีตำรวจ แต่รถที่กำลังไล่จี้ตามหลังมาทำให้เธอรนรานมากขึ้น ขาที่วิ่งพันกันจนสะดุดล้มคะมำลง แก้วกัลยาหันกลับไปมองรถมอเตอร์ไซค์ที่เปรียบดังมัจจุราชที่ตามมาเอาชีวิตเธอ
“กรี๊ด!!!” แก้วกัลยากรีดร้องเมื่อมันขับรถลอยข้ามหัวเธอไป เธอรู้สึกได้ว่ารถมันเฉี่ยวหัวเธอไปเพียงนิดเดียว ถ้ามันขับต่ำกว่านี้คงบดหัวเธอไปกับถนนแล้ว
คนร้ายที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เดินลงมาจากรถตรงมาหาร่างที่นอนหมอบอยุ่กับพื้น แก้วกัลยาที่มองหาอาวุธรอบ ๆ แต่มันข้างถนนแบบนี้มันไม่มีอะไรพอจะช่วยเธอได้ แต่เหมือนแก้วกัลยาเพิ่งจะนึกออกว่าในกระเป๋าเธอมีของบางสิ่ง แก้วกัลยาคว้าหยิบมันออกมา คนร้ายหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
“นี่คือคำเตือน อย่าเข้ามายุ่งเรื่องของวีนัส ถอนตัวออกไปซะ ถ้าไม่อยาก...โอ๊ย” แก้วกัลยาอาศัยจังหวะที่มันกำลังพล่ามอารัมภบท จ่อเครื่องช็อคไฟฟ้าไปที่ท้องของมัน มันเซถอยไป แก้วกัลยาเห็นมันยกปืนขึ้นเตรียมจะยิงเมื่อแก้วกัลยาสู้ขัดขืน แก้วกัลยาจ่อเครื่องช็อตไฟฟ้าไปที่กลางร่างมันอีกครั้ง พลางคว้าหยิบรองเท้าที่แอบถอดไว้เมื่อครู่ขึ้นมาฟาดใส่หน้าหัวของมันที่แม้จะมีโม่งแต่ก็คงเรียกเลือดออกมาได้ดี แต่เหมือนคนร้ายจะได้แจ็คพอต เพราะปลายส้นสูงตีเข้าที่เบ้าตาของมันอย่างแรง
“โอ๊ย!!!” เลือดสีแดงสดไหลออกมา เธอคิดว่ามันคงตาบอดแน่ ๆ แก้วกัลยาผลักคนร้ายที่กำลังจะตาบอดในไม่ช้าล้มลงและตัวเองก็รับลุกขึ้นวิ่งออกไปเมื่อคนร้ายอีกคนกระโดดลงจากมอเตอร์ไซต์ถือปืนวิ่งไล่ตามแก้วกัลยามา
“กรี๊ด!!!” แก้วกัลยาร้องเสียงดังเมื่อจังหวะหันไปมองด้านหลังว่ามันตามมาทันหรือยัง พอหันหลับไปกลับเจอแสงสว่างจากไฟหน้ารถที่สว่างจ้าแสบตา ด้วยรถที่พุ่งมาทิศทางที่เธอวิ่งย้อนกลับไป ทำให้แก้วกัลยาตกใจอย่างรุนแรงและทรุดตัวนั่งรถกลับพื้นเอามือปิดหน้า แก้วกัลยานั่งตัวสั่นอย่างหวาดกลัว เธอพึ่งผ่านประสบการณ์เฉียดตาย และกำลังจะตายเพราะถูกรถชน สภาพศพเธอคงไม่น่าดู เธอไม่อยากมาตายแบบนี้ แก้วกัลยาได้แต่คิดไปมา เธอได้ยินเสียงประตูรถเปิดออก แต่สติตอนนี้ไม่อยู่กับเธอกลับตัวแล้ว
“ฮึก...ฉันกำลังจะตาย ฉันยังไม่อยากตาย ฮึก...”
“คุณครับ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม คุณ...แก้ว” แก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นทันทีที่เมื่อได้ยินเสียงนุ่มทุ้มที่เอ่ยเสียงชื่อเธออย่างรู้ตักสนิทชิดใกล้ ดวงตากลมโตจ้องมองคนตรงหน้า เมื่อเห็นบุคคลต้องตรง แก้วกัลยาโผเข้ากอดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองออกมาอย่างหมดสภาพมารร้ายอสรพิษ
“ฮึก...เฮียเจต...ฮือ...แก้ว...พวกมันจะฆ่าแก้ว.....”
“เกิดอะไรขึ้นแก้ว ทำไมแก้ว...แก้ว” หนุ่มหล่อหน้าตี๋รูปร่างสูงโอบอุ้มร่างที่หมดสติไปของแก้วกัลยาไว้ เขามองเห็นรถที่สตาร์ชหนีไป แล้วก้มมองหญิงสาวในอ้อมกอดไว้แน่น เขาช้อนร่างของแก้วกัลยาขึ้น และพากลับเข้าไปในรถ หยิบผ้าเช็ดหน้าซับเลือดตามแขน แขนข้างหนึ่งที่สวมเฝือกไว้ทำให้เขาไม่กล้าจับขยับเขยื้อน
“พรุ่งนี้หลังจากแก้วดีขึ้นฉันจะพาแก้วไปให้ปากคำ นายไม่ต้องห่วงนะ มีอะไรคืบหน้าก็โทรมานะ รู้แล้ว แกเลิกยุ่งเรื่องของฉันเถอะไอ้ผู้กอง” เสียงสนทนาของใครคนหนึ่งดังขึ้นปลุกให้คนที่หลับอยู่บนเตียงคนไข้ขยับเปลือกตาคล้ายกำลังจะตื่น เจษฎากดวางสาย ใบหน้าหล่อตี๋หันหลับมามองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง หนุ่มหล่อคนนี้คือ เจษฎา หรือเฮียเจต ว่าที่คู่หมั้นที่สุนทรจองตัวไว้ให้แก้วกัลยา หนุ่มหล่อสายเลือดจากแดน ใบหน้าหล่อเหลาในปัจจุบันสะท้อนถึงอดีต จากหนุ่มที่หน้าตาขี้เหร่กลับกลายเป็นหนุ่มหล่อเพราะศัลยกรรม ทั้งที่เขาเกลียดการทำศัลยกรรมมาก เขาคิดว่าคนเราไม่ได้วัดกันที่หน้าตา เขาไม่เคยแคร์ แต่เพราะอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อน ทำให้ใบหน้าของเขาแทบจะกลายเป็นผี เสี่ยกรวิทย์ผู้เป็นปู่จึงต้องเซ็นให้หลานชายคนโตทำศัลยกรรมหน้า วันนี้เขาจึงกลายเป็นหนุ่มหล่อเนื้อหอมที่มีพร้อมด้วยรูปทรัพย์คุณทรัพย์ เขาเป็นเจ้าของภัตตาคารอาหารแห่งใหญ่ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศจีนรวมถึงประเทศในแทบเอเชียอีกหลายประเทศ เขาหล่อ รวมเก่ง สาว ๆ ที่เคยพากันเบือนหน้าหนีกลับหันมาสนใจ แต่คนที่เขาสนใจมีเพียงคนเดียว ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาเฝ้ามองเธอมาตลอด
“อย่านะ!!!”
“แก้ว แก้ว นี่เฮียนะ เฮียเจตไง” แก้วกัลยาหอบหายใจอย่างรุนแรงก่อนจะลืมตาขึ้น เธอจ้องมองใบหน้าที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า รักจิราจับมือแก้วกัลยาไว้
“แก้วไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“ที่นี่...”
“โรงพยาบาล แก้วจำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น” แก้วกัลยานั่งนิ่งไล่ย้อนความคิด ใบหน้าแก้วกัลยาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว วินาทีเฉียดตายนั่นเธอไม่มีทางลืมได้ลงแก้วกัลยาคว้าจับมือเจษฎาไว้ราวกับต้องการความช่วยเหลือ
“พวกมันจะฆ่าแก้ว...”
“ไม่มีอะไรแล้วนะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ขับกล่อมจิตใจที่ฟุ้งซ่าน วุ่นวายให้สงบลงได้ แก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นมองเจษฎา เขายังคงยิ้มอบอุ่นส่งมาให้เธอ แววตาที่มักจะแข็งกร้าวของแก้วกัลยาดูหมองลง เจษฎาเดินเข้ามาหยุดข้างเตียงและวางมือลงบนศีรษะของแก้วกัลยาอย่างที่ไม่มีใครกล้าทำ อาจมีแค่เขาเท่านั้นแหละ
“ตัวยุ่งปลอดภัยแล้ว อาจเพราะเราได้ดวงดาวโชคดีของเฮียคุ้มครอง แก้วไม่เป็นอะไรแล้วนะ ไม่ต้องกลัวนะ แก้ว ไม่มีใครทำร้ายแก้วได้แล้ว” แก้วกัลยาจ้องมองเจษฎาด้วยแววตานิ่งน้ำตาเอ่อคลออยู่ที่เบ้าตาก่อนมันจะไหลลงมาอีกครั้ง เจษฎาถอนหายใจเอามือออกจากศีรษะของเธอ เปลี่ยนเช็ดน้ำตาให้เธอแทน
“ไม่เอาน่า นี่ถ้ามีคนผ่านมาเห็น ปาปารัสซี่ผ่านมาคงอายแย่เลยนะ ถ้ารักรู้ว่าเราร้องไห้ขี้มูกโป่งโดนล้อตลอดชาติแน่” แก้วกัลยาโผเข้ากอดเขาไว้แน่น เจษฎาได้แต่กอดตอบ เขารู้ว่าถ้าแก้วกัลยาตกใจ หรือเสียขวัญเธอต้องการแค่คนกอดเธอสักคน ให้เธอหายหวาดกลัว แค่รู้ว่ามีคนอยู่ข้าง ๆ แค่รู้ว่าทุกอย่างปลอดภัยแค่นั้นก็พอแล้ว
“อย่าเล่าให้รักฟังนะเฮียเจต” เสียงสะอื้นเงียบไปแล้ว เจษฎายิ้มและผละตัวแก้วกัลยาออกและเช็ดรอยหยดน้ำตานั้นออกให้อย่างทะนุถนอม
“หายตกใจหรือยัง” แก้วกัลยาส่ายหน้า แต่สติสตางค์ก็เริ่มกลังมาบ้างแล้ว
“เอ่อ...รักล่ะเฮียเจต”
“เฮียเจอกับสายฟ้าแล้ว แล้วตอนนี้เขาก็กลับไปแล้ว สายฟ้าพารักกลับบ้านไปแล้ว ตอนพาแก้วมาโรงพยาบาล รักหมดสติไป เฮียก็เลยให้สายฟ้าพากลับไปก่อน เขาจะจัดการทุกอย่าง แก้วไม่ต้องกังวลนะ ส่วนเรื่องของเรา พรุ่งนี้เราต้องคุยกันนะ ไม่ได้เจอกันแค่ไม่ถึงปี เราไปก่อเรื่องอะไรไว้อีก คืนนี้หลับนะ เดี๋ยวเฮียอยู่เป็นเพื่อน”
“เฮียกลับมาเมื่อไหร่”
“เมื่อเย็น แวะมาดูอากงไม่ต้องถามอะไรแล้วนอนซะ ให้เฮียปิดไฟไหม” แก้วกัลยาส่ายหน้า
“ถ้าอย่างนั้นก็นอนเถอะ เดี๋ยวเฮียนั่งเป็นเพื่อนรอแก้วหลับก่อน” เจษฎาเอ่ย เขารู้ว่าแก้วกัลยากลัวความมืด ยิ่งต้องมาเจอเรื่องไม่ดี เจษฎากำลังจะเดินไปนั่งที่โซฟา แก้วกัลยาก็เอ่ยขึ้น
“ที่เฮียกลับมาก็เพราะอากงใช่ไหม แก้วรู้นะว่าอากงเรียกเฮียกลับมา แต่เฮียจะช่วยแก้วใช่ไหม” เจษฎาทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาและนั่งกุมมือสองข้างของตัวเองไว้แน่น
“แน่สิ เฮียต้องช่วยแก้วอยู่แล้ว ที่เฮียกลับมาก็เพราะจะคุยเรื่องนี้ ไม่ต้องกังวลนะแก้ว เราเป็นพี่น้องกันนี่ถ้าเฮียไม่ช่วยแก้วแล้วเฮียจะช่วยใคร นอนได้แล้ว ไม่ต้องคิดมาก เจ็บขนาดนี้ยังจะห่วงเรื่องนั้นอีก”
“แก้วรักเฮียเจตนะ นอกจากพวกขวัญ วัน รัก อากง แก้วก็รักเฮียเจตที่สุด เฮียเจตอยู่กับแก้วมาตลอดตั้งแต่วันที่พ่อกับแม่เสีย เฮียเจตเป็นพี่ชายที่แก้วรักที่สุด ถ้าเฮียต้องการอะไรเฮียบอกแก้วได้นะ ถ้าเจอคนที่ชอบ แก้วจะช่วยเฮีย ฝันดีนะคะเฮียเจต” แก้วกัลยาเอ่ย และเสียงของเธอก็เงียบลงไปพร้อมกับเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ เจษฎาลุกขึ้นเดินไปคลี่จับผ้าห่มขึ้นมาห่มผิดถึงคอ เขามองใบหน้าที่อยู่ในความมืด
“ฝันดีนะแก้ว เฮียจะเป็นพี่ชายที่ดีของแก้วตลอดไป จะช่วยน้องสาวของเฮียตลอดไป”
“เฮียเจตให้แก้วไปนะ แก้วมีนัด” เสียงแก้วกัลยาดังขึ้น พยายามจะลุกออกจากเตียง จะออกจากห้องนี้ให้ได้ ถ้าไม่มีหนุ่มร่างสูงใหญ่ยืนบังไว้
“แก้วจะไปไหน ดูสภาพเราก่อนสิ แล้วเราก็มีนัดสอบปากคำกับตำรวจ เมื่อวานยังตัวสั่นเป็นลูกนกวันนี้แผลงฤทธิ์อีกแล้วหรือไงเรา” แก้วกัลยาชักสีหน้าเมื่อถูกขัดใจ
“แต่แก้วมีนัด ไม่ไปไม่ได้ แล้วเรื่องนี้แก้วไม่ต้องการให้ถึงหูตำรวจ”
“หมายความว่ายังไงแก้ว แก้วจะไม่แจ้งตำรวจหรอ ไม่ได้นะ เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่ แก้วเกือบจะตายแล้วนะ ถ้าคราวหน้าไม่โชคดีแบบนี้จะทำยังไง”
“ก็ถ้าแจ้งตำรวจคุณเพชรก็ต้องรู้ แล้วถ้าคุณเพชรรู้ คุณเพชรจะไม่ให้แก้วช่วยอีก เค้าต้องกันแก้วออกจากเขา แล้วทีนี้แก้วก็จะไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เขาอีก แก้วเหลือเวลาไม่มาก แก้วไม่ยอมเสียเวลาไปมากกว่านี้....”
“ทำไมเราดื้ออย่างนี้ รู้ไหมว่าพวกนั้นอาจเล่นงานแก้วถึงตายถ้าเราปล่อยไว้”
“ยังไม่ตายสักหน่อย แล้วแก้วจะไม่ยอมตายด้วย แก้วต้องการให้เรื่องนี้เงียบที่สุด เฮียเจต นะคะ” แก้วกัลยามองเขาด้วยแววตาข้อร้อง และเขาก็ไม่เคยปฏิเสธแววตานี้ของแก้วกัลยาได้
“แก้วรักเขามากขนาดนี้เลยหรอ แก้วเคยคิดบ้างไหมว่าแก้ว แค่อยากเอาชนะเขา หรือไม่แก้วก็ยึดติดกับเขามากเกินไป เฮียอยากให้แก้วทบทวนดูนะ แก้วแค่ประทับใจเขาเมื่อเจ็ดปีก่อน หรือแก้วรักเขาจริง ๆ” เจษฎาเอ่ยและมองคนหัวแข็ง
“แก้วตอบไม่ได้ว่าแก้วรักเขาไหม แต่แก้วรู้แค่ว่าแก้วเลือกเขา แก้วไม่มีทางเปลี่ยนใจ ไม่มีใครเปลี่ยนใจแก้วได้” แก้วกัลยาเอ่ยและเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาอีกครั้ง แววตาที่กำลังบอกอะไรบางอย่างกับเขา เขายิ้มตอบกลับมาให้แก้วกัลยา
“แก้วไม่กลัวหรอ ถ้าพลาดแก้วจะตาย”
“แก้วยอมรับว่าแก้วกลัว แต่แก้วจะไม่ยอมตาย จนกว่าแก้วจะได้หัวใจเขา แก้วจะไม่ยอมตาย แก้วสัญญาว่าแก้วจะดูแลตัวเองให้ดี จะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงอีก”
“แก้วทำเฮียลำบากใจ”
“ถ้าไม่มีเขา แก้วอาจจะไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ก็ได้ เฮียเข้าใจแก้วไหม เฮียเจต เฮียเจตคะ นะคะ เฮียเจตไม่รักแก้วแล้วหรอ ไม่รักน้องสาวคนนี้แล้วหรอ” เจษฎาหลบตาแก้วกัลยา เหมือนกลัวว่าถ้ามองต่อเขาจะต้องพ่ายแพ้ แก้วกัลยาจึงขยับเข้ามาใกล้เขาและจับมือเขาไว้
“แก้ว” เจษฎาเอ่ยเสียงแผ่ว และหันไปมองผู้หญิงที่เขาเห็นเธอมาตั้งแต่เด็กด้วยสายตาอ่อนใจ ภาพในวัยเด็กซ้อนทับภาพของแก้วกัลยาที่โตจนเป็นสาวสวยสะพรั่ง ภาพของเด็กแว่นชอบทักเปียสองข้างดั่งพจมาน เด็กผู้หญิงที่ขี้เหงาเป็นที่หนึ่งแต่ก็ทำอวดเก่งแสร้งทำว่าตัวเองเก่งและเข้มแข็งเขาจำได้ว่าเมื่อไม่มีพี่น้อง แก้วกัลยาแทบจะตัวคนเดียว ไร้เพื่อนพ้อง ไม่มีเพื่อนคนไหนอยากจะคบหาแก้วกัลยา คนทั้งโรงเรียนพากันคว่ำบาตรไม่คบหาแก้วกัลยาด้วยนิสัยคุณหนู และเชิดตลอดเวลา และเขาก็เลือกจะเดินเข้าไปหาเธอก่อน เพราะรู้ว่าแก้วกัลยาเข้าหาคนไม่เป็น จึงเข้ากับคนอื่นได้ยาก ยิ่งเป็นคนเฟคไม่เก่ง เสแสร้งแกล้งทำไม่เป็น คิดอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น ทำให้แก้วกัลยาแทบจะไม่มีใครอยากเข้าใกล้ นิสัยนี้ติดตัวแก้วกัลยามาจนโต และคงจะไม่มีวันแก้หาย
“เฮียจะปิดเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด แต่เฮียยังยืนยันว่าจะต้องดำเนินคดีกับเรื่องนี้” แก้วกัลยาพยักหน้าอย่างยอมรับ เพราเธอรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน และจะห่วงยิ่งกว่าถ้าเธอไม่ตกปากรับคำ
“เฮียใจดีกับแก้วเสมอ ทำไมอากงไม่เข้าใจอะไรง่าย ๆ บ้างก็ไม่รู้”
“อย่าไปว่าอากงเลย อากงเป็นห่วงแก้วนะ”
“แก้วรู้นะอากงชอบเฮียมากก็เลยอยากได้เฮียมาเป็นลูกเขย แต่อากงไม่เคยถามแก้วกับน้องเลย แก้วรักเฮีย เพราะเฮียเป็นพี่ชายที่ดีกับแก้ว แก้วเคารพเฮียอย่างที่แก้วไม่เคารพใครที่ไม่ใช่ครอบครัวของแก้ว แต่อากงก็ยังดันทุรัง”
“แก้วไม่ควรไปท้าทายอากงแบบนั้น”
“แก้วไม่ผิด”
“ใช่แก้วไม่เคยผิด ไม่เคยผิดเลย” เขาเอ่ยเสียงคล้ายประชด เขารู้ถ้ายอมรับอะไรง่าย ๆ ก็คงไม่ใช่แก้วกัลยา
“กลับมาเรื่องเฝือก หมอบอกว่าแก้วไม่เป็นอะไร แขนไม่ได้หัก แล้วใส่เฝือกเล่นทำไม” แก้วกัลยาทำสีหน้าคิดคำแก้ตัว ก่อนจะได้พูดออกไป คนรู้ทันเธอก็ตอบกลับมาก่อน
“โกหกแบบนี้ระวังเขาจับได้ขึ้นมา จากจะประทับใจจะเกลียดเราเอานะ”
“แก้วไม่มีทางเลือก เอ่อ...ตกลงให้แก้วไปได้หรือยัง อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัดแล้วนะเฮีย” แก้วกัลยาเอ่ยทักท้วง พลางมองไปที่นาฬิกา เสื้อผ้าเธอเปลี่ยนพร้อม เธอเลือกใส่กระโปรงยาวที่ยาวคลุมคงปลายเท้า เสื้อเป็นผ้าฝ้ายสีขาวแขนยาวที่รัดเข้ารูป ซึ่งมองแล้วแปลกตามาก เพราะปกติแก้วกัลยาจะแต่งตัวมั่นที่ไม่เว้นบนก็เว้าล่างพอให้ได้ลุ้นกัน
“ก็ได้ เดี๋ยวเฮียไปส่ง ไม่ต้องเถียงแล้ว อ่อ ก่อนแก้วจะตื่น แมทมาเยี่ยมแก้วด้วย”
“แมทรู้”
“อืม มิลาคงบอก แต่เห็นว่ามีนัด ก็เลยออกไปก่อน เฮียสงสัยทำไมส่งมิลาไปทำงานกับแมท มิลาดูจะกลัว ๆ แมทอยู่นะ แถมนายแมทนั่นก็เสือ เกิด...”
“ไม่หรอก แมทไม่กล้าหรอกเชื่อแก้วสิ เฮียคงรู้แล้วว่าแมทกำลังจะแต่งงานกับยัยพิตต้า น่าแค้นใจนัก”
“หวงก้าง”
“ไม่ใช่ แมทเป็นเพื่อนแก้ว แก้วรับไม่ได้ที่เพื่อนตัวเองต้องไปแต่งงานกับยัยพิตต้า ยัยพิตต้ากำลังจะเล่นเกมกับแก้ว คอยดูนะถ้าแมทแต่งงานกับพิตต้าจริง ๆ แก้วจะไม่นับแมทเป็นเพื่อนอีก”
“บางทีแมทอาจจะเปลี่ยนให้พิตต้า....”
“ไม่มีทาง ยัยพิตต้าเปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอก แก้วรู้จักพิตต้าดี รู้ดีพอ ๆ กับที่ยัยนั่นรู้จักแก้ว คนอย่างยัยนั่นไม่มีทางมาเปลี่ยนตอนนี้แน่ และแก้วรับไม่ได้ถ้าแมทต้องไปแต่งงานกับยัยนั่น”
“แก้วชอบคิดอะไรเยอะ ๆ บางทีพิตต้าอาจจะรักแมทขึ้นมาก็ได้”
“ไม่มีทาง แก้วรู้จักยัยพิตต้าดี ยัยพิตต้าไม่มีทางชอบแมท และแก้วเดาเลยนะว่ายัยพิตต้ากำลังจะท้าชนกับแก้ว คิดว่าถ้าเอาแมทเป็นแฟนแล้วจะชนะแก้วได้ คอยดูนะแก้วจะทำให้พิตต้าก้มกราบเท้าแก้ว ให้ยัยนั่นรู้ตัวว่าตัวเองไม่มีวันชนะแก้วได้เหมือนที่ผ่านมา”
“แก้ว....”
“ไปกันเถอะค่ะ คุณเพชรรอแก้วอยู่ แก้วไม่อยากไปสาย” แล้วแก้วกัลยาก็เดินนำออกไป เจษฎาได้แต่มองตามไป เรื่องของเพทายแก้วคงไม่มีทางสาย แค่เป็นเรื่องของเพทายเท่านั้น
“พวกแกว่าไงนะ ฉันบอกให้พวกแกแค่ขู่ไง ทำงานพลาดแล้วยังจะเอาเงิน ถ้าพวกแกขู่มันไม่ได้พวกแกควรจะฆ่ามันไปเลย พวกแกหลบไปกบดานที่อื่นก่อน แล้วฉันจะโอนเงินไป ไม่ใช่ตอนนี้ แกขู่ฉันหรอ แกก็รู้ถ้าแกถูกจับ แกจะไม่ได้แม้แต่เอ่ยอะไร เงียบปากแล้วหาที่ซ่อนตัวไปซะ” หญิงสาวปาโทรศัพท์ใส่กำแพงที่มีรูปติดอยู่บนกำแพงอยู่เกือบสิบใบ ใบหน้าสวยโกรธแค้น
“ทำไมฉันต้องล้มตลอดด้วย ฉันไม่ยอมแน่ ยังไงฉันต้องทำลายมันให้หมด ฉันจะทำลายวีนัส ทำลายพวกแกทุกคน ไม่มีทาง ฉันจะ...กรี๊ด!!!!”
พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.ค. 2558, 18:15:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.ค. 2558, 18:15:31 น.
จำนวนการเข้าชม : 996
<< ตอนที่ 9 วิ่งสู้ฟัด | ตอนที่ 11 ปิดคดีภีมะ >> |