แค้นรักแค้นเสน่หา
“ผมไม่วิปริตเหมารวมทั้งครอบครัวหรอกจ้ะ เอาแค่คุณคนเดียวแต่ไม่ใช่ครั้งเดียว โอเค้?” พูดหน้าตายแล้วแนบฝ่ามือเข้าหา ในขณะที่เจ้าตัวไม่รู้จะปกปิดส่วนไหนของร่างกายที่ถูกเขาคุกคามอย่างหนัก “อีกอย่าง... คุณต้องทรีตร่างกายผมให้หนักกว่านี้สักหน่อย ไม่ใช่เงอะงะ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ถ้าผมไม่กำไรอย่างน้อยก็เท่าทุนยังดี”
เมื่ออสังหาริมทรัพย์หลายแปลงถูกโกงไปอย่างน่าโมโห มีหรือที่CEO แห่งติโมชุก อินดัสตรี ซึ่งมีผลประกอบการสูงติดอันดับโลกจะยอมถูกลูบคม “ฮาร์คิฟ ติโมชุก” จึงต้องมาทวงคืนจากผู้เป็น “พ่อบุญธรรม” ด้วยตัวเอง
หากรูปร่างน่าปรารถนาและแววตาที่ใช้เชิญชวนเพศตรงข้ามของลูกสาวพ่อบุญธรรม ก็ทำให้เขาอยากสั่งสอนสองพ่อลูกได้ตระหนักว่า... การฉกเอาทรัพย์สินคนอื่นไปเป็นของตนนั้นต้องชดใช้ทั้งต้นและดอกเบี้ยให้ครบถ้วน
“อภินรา” ไม่เคยระแวงใจในดวงตาสีเขียวอมฟ้าแสนเซ็กซี่คู่นั้นเลยสักครั้ง เขามีเสน่ห์ ดึงดูดใจจนทำให้โลกของเธอสั่นสะเทือน เขากำลังใช้เสน่ห์ทางกายล่อลวงให้เธอ “เผลอใจ” และคิดดอกเบี้ยอย่างหฤโหดด้วยการทำให้เธอ “เผลอตัว” แม้จะรู้แก่ใจว่ากำลังใช้หนี้ แต่ดอกเบี้ยแห่งปรารถนาที่เขาทวงจากเธอทุกค่ำคืนก็เริงร้อน วาบหวามน่าหลงใหล
เขากำลังทำสงครามบนเตียงกับลูกหนี้สาว ที่ไม่เคยใจดียอมให้ใครรีเควสได้อย่างเธอ ไม่ว่าจะ... ดับเบิ้ล ทริปเปิ้ลหรือนอนสต็อป เขาก็ไม่เคยเกี่ยงที่จะเก็บหนี้เลยสักวินาทีทั้งยังติดอกติดใจจนคิดแผนการเหนือชั้นเพื่อ “ตลบหลัง” ลูกหนี้สาว ด้วยการ... ทำให้เธออยู่บนเตียงของเขาตลอดไป
“ฉันไม่นิยมความสัมพันธ์แบบ วัน ไนท์ สแตนด์ หรอกค่ะ คุณคงมาหาผิดคนแล้ว”
เขาเงียบและจ้องหน้าเธอชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะร่วนอย่างชอบใจ “เอลก้าที่รัก... แน่นอนว่าผมคิดกับคุณมากกว่าหนึ่งคืน อันที่จริงผมคิดทุกวินาทีด้วยซ้ำ แต่ถ้าพูดออกไปตรงๆกลัวว่าคุณจะรังเกียจ พานเกลียดขี้หน้าผมน่ะสิ”
อภินราทำตาโต มองค้อนเขาตาเขียวปัด ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดเปิดเผย ตรงเสียจนกลายเป็นแข็งทื่อเช่นนี้
“คนเหลือทน! คุณพูดมันออกมาแล้วต่างหาก”
เมื่ออสังหาริมทรัพย์หลายแปลงถูกโกงไปอย่างน่าโมโห มีหรือที่CEO แห่งติโมชุก อินดัสตรี ซึ่งมีผลประกอบการสูงติดอันดับโลกจะยอมถูกลูบคม “ฮาร์คิฟ ติโมชุก” จึงต้องมาทวงคืนจากผู้เป็น “พ่อบุญธรรม” ด้วยตัวเอง
หากรูปร่างน่าปรารถนาและแววตาที่ใช้เชิญชวนเพศตรงข้ามของลูกสาวพ่อบุญธรรม ก็ทำให้เขาอยากสั่งสอนสองพ่อลูกได้ตระหนักว่า... การฉกเอาทรัพย์สินคนอื่นไปเป็นของตนนั้นต้องชดใช้ทั้งต้นและดอกเบี้ยให้ครบถ้วน
“อภินรา” ไม่เคยระแวงใจในดวงตาสีเขียวอมฟ้าแสนเซ็กซี่คู่นั้นเลยสักครั้ง เขามีเสน่ห์ ดึงดูดใจจนทำให้โลกของเธอสั่นสะเทือน เขากำลังใช้เสน่ห์ทางกายล่อลวงให้เธอ “เผลอใจ” และคิดดอกเบี้ยอย่างหฤโหดด้วยการทำให้เธอ “เผลอตัว” แม้จะรู้แก่ใจว่ากำลังใช้หนี้ แต่ดอกเบี้ยแห่งปรารถนาที่เขาทวงจากเธอทุกค่ำคืนก็เริงร้อน วาบหวามน่าหลงใหล
เขากำลังทำสงครามบนเตียงกับลูกหนี้สาว ที่ไม่เคยใจดียอมให้ใครรีเควสได้อย่างเธอ ไม่ว่าจะ... ดับเบิ้ล ทริปเปิ้ลหรือนอนสต็อป เขาก็ไม่เคยเกี่ยงที่จะเก็บหนี้เลยสักวินาทีทั้งยังติดอกติดใจจนคิดแผนการเหนือชั้นเพื่อ “ตลบหลัง” ลูกหนี้สาว ด้วยการ... ทำให้เธออยู่บนเตียงของเขาตลอดไป
“ฉันไม่นิยมความสัมพันธ์แบบ วัน ไนท์ สแตนด์ หรอกค่ะ คุณคงมาหาผิดคนแล้ว”
เขาเงียบและจ้องหน้าเธอชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะร่วนอย่างชอบใจ “เอลก้าที่รัก... แน่นอนว่าผมคิดกับคุณมากกว่าหนึ่งคืน อันที่จริงผมคิดทุกวินาทีด้วยซ้ำ แต่ถ้าพูดออกไปตรงๆกลัวว่าคุณจะรังเกียจ พานเกลียดขี้หน้าผมน่ะสิ”
อภินราทำตาโต มองค้อนเขาตาเขียวปัด ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดเปิดเผย ตรงเสียจนกลายเป็นแข็งทื่อเช่นนี้
“คนเหลือทน! คุณพูดมันออกมาแล้วต่างหาก”
Tags: ฮาร์คิฟ - อภินรา
ตอน: ตอนที่ 11 50%
หลังจากที่คุณหมอกลับไปตั้งแต่ช่วงเช้า โดยฉีดยานอนหลับและยาบำรุงให้ผู้เป็นพ่อพักผ่อน ท่านหลับไปราวสี่ชั่วโมง ตื่นขึ้นมาทานข้าวต้มได้ครึ่งชาม ท่านยังตัดพ้อต่อว่าไม่หยุดที่เธอไม่เชื่อฟังคำเตือน จนทำให้ฮาร์คิฟมีโอกาสเข้ามาสร้างความปั่นป่วนเช่นนี้ อภินราก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆให้ตฤณได้รับรู้หลังจากที่ท่านหลับไปอีกครั้งในช่วงบ่าย
“ผมคิดอยู่แล้วเชียวว่ามันต้องมีจุดประสงค์ร้าย สายตาที่มองพวกเรามันฟ้องว่ามีแผนการชั่วๆในสมอง” ตฤณพูดออกมาเมื่อได้รู้ว่า ฮาร์คิฟวางแผนปั่นป่วนในเรื่องธุรกิจอย่างไร “แต่คุณไม่ต้องกลัวนะเอลก้า เดี๋ยวผมจะจ้างรปภ. มาเฝ้าหน้าบ้าน ถ้ามันคิดจะเข้ามาก่อกวนอีกล่ะก็ ได้เจอดีแน่”
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่สั่งคนในบ้านไว้ว่าไม่ให้เขาเข้ามาอีกก็น่าจะพอแล้ว” อภินราบอกเพราะคิดว่าคงไม่มีใครบุ่มบ่ามหรือกล้าทำอะไรที่เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางเช่นนั้น
“ก็มันประกาศเองว่าจะแย่งซีโลไปให้ได้” ตฤณแย้ง
“มันก็ใช่ค่ะ แต่ซีโลอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือที่บ้าน ฉันเชื่อว่าเขาคงไม่กล้าทำอันตรายกับซีโล อีกอย่างซีโลติดฉันมาก ถ้าเขาคิดจะเอาตัวไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ฉันคิดว่าคงรับมือไม่ได้หรอกค่ะ”
ตฤณพยักหน้ารับเมื่อคิดตามเหตุผลของเธอ “มันแสดงธาตุแท้ออกมาให้คุณได้เห็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ต่อไปนี้เรื่องของเราคงจะราบรื่นสักที”
“เขาเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเราคะ คุณหมายถึงเรื่องแต่งงานใช่ไหม” อภินราถามพลางขมวดคิ้วมุ่น
“ก็ทุกอย่างระหว่างเราก่อนที่มันจะเข้ามาดูราบรื่นไม่มีอุปสรรค แต่พอมีมันเข้ามาก็ทำให้จิตใจคุณไขว้เขว” ตฤณพูดและหยุดเพียงเท่านั้นเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเธอ “แต่ช่างเถอะ ต่อไปนี้เราก็...”
“ตฤณคะ... ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนไปเลย” อภินราตัดสินใจที่จะสะสางเรื่องหนักใจของตนให้จบสิ้น เมื่อเขาเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนจึงคิดว่าควรชี้แจงให้เขาเข้าใจด้วยตัวเอง
“เรื่องระหว่างเราสองคน ฉันไม่เคยเอาไปเกี่ยวข้องกับใคร คุณเคยสังเกตบ้างไหมว่า... เมื่อก่อนนี้ฉันคบกับคุณด้วยความรู้สึกจริงใจเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง แต่จู่ๆจะมาทำให้มันเป็นความรักระหว่างหญิงชาย ฉันทำไม่ได้นะคะ”
“หมายความว่ายังไง ทำไมถึงพูดแบบนี้ เอลก้า?” ตฤณส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับ “คุณพูดเหมือนจะล้มการแต่งงานของเราทั้งที่ผมคุยกับพ่อคุณแล้ว”
“นี่ก็เป็นเรื่องที่ฉันอยากจะถามคุณ คุณรักฉัน อยากแต่งงานกับฉัน อยากใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ทำไมไม่คุยเรื่องนี้กับฉันตรงๆ การอยู่ร่วมกับผู้หญิงคนหนึ่งไปจนตาย เธอต้องรักคุณในแบบเดียวกันกับที่คุณรักเธอ การคุยเรื่องสำคัญแบบนี้ต้องเริ่มที่คนสองคนก่อนไม่ใช่เริ่มที่บุคคลที่สาม” อภินราระบายความรู้สึกของตัวเองออกมา พยายามพูดกับเขาด้วยเหตุผล “ฉันขี้ขลาดเองและขอยอมรับความผิดที่เกิดขึ้น ฉันน่าจะคุยเรื่องนี้กับคุณตรงๆ แต่ก็ปล่อยให้ทุกอย่างล่วงเลยมาจนถึงวันนี้”
“ไม่ได้นะเอลก้า ผมรักคุณมาก ผมไม่ยอมให้คุณมายกเลิกการแต่งงานของเรากลางคันแบบนี้แน่ๆ” ตฤณยังไม่ยอมรับในสิ่งที่เธออธิบาย เขากำลังว้าวุ่นใจที่ของรักกำลังจะหลุดลอยไปจากมือ
อภินราตกใจเมื่ออีกฝ่ายจู่โจมเข้ามาเกาะกุมต้นแขนทั้งสองข้างเอาไว้ จึงพยายามใช้มือแกะฝ่ามือของเขาออก “ถอยออกไปก่อนค่ะตฤณ เรานั่งคุยกันดีๆก็ได้ ปล่อยฉันก่อน...”
“ไม่! ผมรักคุณ และจะไม่ยอมเสียคุณไปให้มันแน่ บอกผมมาเอลก้า คุณยังรักมันอยู่ใช่ไหม คุณรักไอ้คนที่มันเข้ามาหลอกลวงรักคนที่ทำให้พ่อคุณต้องนอนซมอย่างนั้นเหรอ” ตฤณเขย่าร่างบางด้วยความเสียใจระคนโมโห
“ปล่อยนะตฤณ ฉันเจ็บ!” อภินราพยายามขัดขืน
“ผมก็เจ็บเหมือนกัน!” ตฤณตวาดกลับเสียงดุจนอภินราตกใจ หยุดการดิ้นรนไปชั่วขณะ “บอกมาเอลก้า ผมไม่ดีตรงไหน สู้มันไม่ได้ตรงไหน แค่คุณเจอหน้ามันไม่กี่วันทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ทำไมไม่คิดถึงความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้ผมบ้าง”
“มันคนละเรื่องกัน ปล่อยฉันแล้วสงบสติอารมณ์ ฟังฉันก่อนได้ไหม!” อภินรารวบรวมแรงที่มีอยู่ทั้งหมด ผลักหน้าอกกว้างของตฤณออกไปสุดแรงเกิด จนเจ้าตัวล้มลงไปนั่งอย่างคนหมดกำลังใจอยู่บนโซฟา หากภาพที่เห็นทำให้อภินรารู้สึกผิดไม่น้อย แต่แรงโทสะที่เขาแสดงอออกต่อเธอเมื่อครู่ก็มีมากเสียจนไม่กล้าเข้าไปปลอบโยนใกล้ๆ
“ฉันขอโทษที่ต้องพูดว่าขอยกเลิกการแต่งงาน แต่ฉันไม่อาจฝืนใจหรือทำใจให้รักคุณฉันชู้สาวได้”
“ไม่มีวันเอลก้า ยังไงงานแต่งของเราก็ต้องเกิดขึ้น” ตฤณไม่ยอมรับฟังเหตุผลใดๆ ยังไงเสียเขาก็ต้องแต่งงานกับเธอให้ได้
อภินราส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจในความดื้อดึงของตฤณ หากเธอเองก็ไม่สามารถอดทนอธิบายได้มากกว่านี้ เพราะเรื่องร้ายๆมากมายที่ประดังประเดเข้ามาอย่างไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ “ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังโกรธ ฉันเองก็อารมณ์ไม่ปกติเท่าที่ควร เอาไว้ให้เราใจเย็นกว่านี้แล้วค่อยมาคุยกันอีกทีนะคะ ถึงตอนนี้คุณอาจจะเข้าใจความรู้สึกของฉันบ้างก็ได้”
ตฤณมองผู้หญิงที่พูดจาตัดขาดตนอย่างไร้เยื่อใยด้วยความเจ็บปวด เธอเดินออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามองเขาสักนิด ไม่เคยเห็นถึงความตั้งใจจริงและสิ่งดีๆที่เขามอบให้ “ผมรักคุณเอลก้า รักคุณได้มากกว่าที่คุณคิดนัก”
เขาย้ำกับตัวเอง นั่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอ เริ่มตั้งแต่รู้จักกันทุกอย่างก็ดูสดใส ราบรื่น ต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือเกื้อกูล ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็เห็นดีเห็นความกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ แต่... ทุกอย่างกลับกลายเป็นเรื่องผิดหวัง เมื่อไอ้หน้าหล่อนิสัยเลวนั้นก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ
แต่เขานี่แหละจะเป็นคนดึงเธอกลับมา จะทำให้เธอเห็นว่าคนที่คู่ควรกับความรักของเธอ คือเขาเพียงผู้เดียว!
อภินราขับรถออกจากบ้านในทันทีที่เดินออกมาจากห้องรับแขกเพราะใกล้เวลาที่ซีโลจะเลิกเรียนเต็มที่แล้ว หากเรื่องหนักๆที่ถาโถมเข้ามาจากผู้ชายสามคนทำให้เธอเหนื่อยทั้งใจเหนื่อยทั้งกาย
พ่อ... ทำให้เธอไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดท่านถึงได้ทำเรื่องผิดพลาดเช่นนั้น หรือถ้ามันไม่ใช่ความจริงทำไมท่านถึงไม่ยอมแก้ต่าง เอาหลักฐานมายืนยันให้ทุกคนได้เห็นว่าไม่ได้เอาทรัพย์สมบัติของวาเรียไปสักชิ้น ถ้ายังเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเช่นที่บอกเธอทำไมถึงไม่เอามันออกมายืนยันความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง
ตฤณ... เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าเขาเป็นคนมีเหตุผล เป็นเพื่อนที่คอยให้ความช่วยเหลือในยามยากลำบาก แต่ลึกๆแล้วเขาก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ยอมรับฟังเหตุผลของผู้อื่น ถึงนาทีนี้ก็ไม่เคยเสียใจที่ยกเลิกการแต่งงาน มันเป็นการกระทำที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
ฮาร์คิฟ... ผู้ชายที่เธอรู้จักเขาเพียงไม่กี่วัน ดวงตาสีเขียวอมฟ้าเป็นกับดักชั้นเยี่ยมที่ทำให้เธอหลงวนจนหาทางออกไม่เจอ สัมผัสละมุนละไมทว่าแฝงไว้ด้วยความเร่าร้อน น่าค้นหา ความจริงใจ สัมผัสอบอุ่น คำพูดหวานหูที่ทำให้เธออมยิ้มระคนเขินอายนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นจอมปลอม ตลบตะแลง เขาจงใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อตบตาแต่เธอกลับโง่งม หลงเชื่อและมอบหัวใจให้เขาทั้งดวง
การขับรถทั้งที่ในใจมีเรื่องให้คิดมากมายทำให้เธอไม่รู้ตัวว่ามีรถยนต์คันหนึ่งกำลังขับตามในระยะกระชั้นชิด เมื่อเธอพ้นประตูรั้วคฤหาสน์วรโชติไม่ไกลนัก รถยนต์ที่ขับตามมาก็เร่งความเร็วให้แซงรถของเธอและหักเข้าปาดหน้าจนอภินราต้องเหยียบเบรกอย่างแรง หากไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยเธอคงได้รับอันตรายเป็นแน่
หากร่างสูงใหญ่ที่ก้าวลงมาจากรถทำให้อภินราทั้งโกรธทั้งตกใจ ท่าทางคุกคามของเขาที่เดินมาค้ำฝ่ามือกับขอบกระจกรถทำให้อภินราไม่สามารถเดาใจเขาได้
“เปิดประตูเอลก้า” ฮาร์คิฟสั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน มั่นใจว่าเธอได้ยินอย่างชัดเจนแม้ว่าจะอยู่ในรถที่ล็อกประตูไว้อย่างหนาแน่น
“ไม่ เอารถของคุณออกไปไม่งั้นฉันจะ...”
นั่นเป็นคำตอบที่เขาคาดการเอาไว้แล้วว่าจะได้ยินจากปากเธอ ฮาร์คิฟเอียงศีรษะไปยังรถยนต์ของตัวเองแล้วพูดดักคอเธอในทันที “ซีโลอยู่บนรถ กำลังโวยวายหาคุณอยู่พอดี”
แวบแรกที่ได้ยินเธอตกใจและหลงเชื่อในทันที แต่บทเรียนเกี่ยวกับผู้ชายหลอกลวงคนนี้ทำให้เธอชะงักมือที่กำลังจะยื่นไปกดปุ่มปลดล็อกประตู แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคร้ามคมผ่านกระจกรถ “อย่าคิดว่าจะหลอกฉันได้ คุณไม่มีทางรับตัวซีโลออกจากโรงเรียนได้แน่”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ ผมบริจาคเงินเป็นล้านให้โรงเรียน คุณเองก็เป็นคนอนุญาตให้ผมไปเล่นกับแกได้ แล้วแค่เรื่องรับกลับบ้านนี่มันขี้ผงนะเอลก้า” พูดพลางถอยห่างจากรถของเธอ “ผมแค่หวังดีอยากให้แกได้เห็นหน้าคุณก่อนไปยูเครน”
การเดินถอยหลังอย่างไม่แยแส คำพูดที่อาจจะเป็นไปได้ ความร้อนใจนึกกลัวไปสารพัดทำให้อภินราปลดล็อกและเปิดประตูรถยนต์ก่อนที่เขาจะถอยหลังไปถึงรถที่จอดขวางหน้าอยู่นี้ หากมันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุด เพราะแค่ได้ยินเสียงปลดล็อก ประตูเปิดยังเปิดออกได้ไม่กว้างพอที่เธอจะก้าวลงจากรถด้วยซ้ำ ฮาร์คิฟก็เข้าจู่โจมอย่างรวดเร็ว เขาดึงประตูไว้มั่นและสอดตัวเข้าไปเบียดเธอจนต้องถอยไปนั่งเบาะข้างๆ
“ทำบ้าอะไรของคุณ” อภินราผลักไส ทั้งทุบทั้งตีคนที่เบียดตัวเข้ามา “ลงไปจากรถฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“เงียบ! ถ้าไม่อยากให้ผมทำอะไรรุนแรงกว่านี้” ฮาร์คิฟสั่งเสียงดุ
อภินราชะงักงันกับท่าทางขึงขังนั้น นึกเจ็บใจตัวเองที่ยอมให้เขาหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้ายังยอมทำตามคำสั่งเขาง่ายๆก็คงจะโง่เกินไปแล้ว “ช่วยด้วย...”
ฮาร์คิฟรั้งต้นแขนข้างหนึ่งของเธอไว้ เอื้อมมือไปดึงประตูรถที่เธอเปิดออกให้ปิดสนิทและกดล็อกอัตโนมัติทั้งคัน “นั่งนิ่งๆได้ไหมเอลก้า”
อภินรากรีดร้องสุดเสียง ทุบตี หยิกข่วนเขาเป็นพัลวัน “คนชั่ว คนเลวปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ช่วยด้วย... ช่วยด้วย”
ฮาร์คิฟส่ายหน้าเพราะไม่เพียงเธอจะกรีดร้องลั่นจนหูแทบดับ ยังทุบกระจกรถขอความช่วยเหลือจนต้องตัดสินใจจัดการขั้นเด็ดขาด
อภินราตกใจเมื่อท่อนแขนแข็งแรงเกี่ยวเข้าที่ใต้ทรวงอก ผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่อยู่ในฝ่ามืออีกข้างทำให้เธอร้องดังขึ้น ดิ้นรนหนักขึ้น สติเลือนหายไปพร้อมกับความร้าวรานใจ “กรี๊ด... อื้อ ปล่อยนะ ช่วย...”
ฮาร์คิฟผ่อนแรงรัดร่างอ่อนระทวยที่อยู่ในอ้อมแขน เธอแน่นิ่งคอพับคออ่อนอยู่ในอ้อมกอดของเขาในขณะที่รถยนต์คันข้างหน้าขับออกไป ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่เขาวางเอาไว้แม้ว่าการโปะยาสลบเธอจะเป็นสิ่งที่เขาหนักใจที่สุด แต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอสงบและเดินทางไปกับเขาอย่างไม่เกิดปัญหา
“ผมคิดอยู่แล้วเชียวว่ามันต้องมีจุดประสงค์ร้าย สายตาที่มองพวกเรามันฟ้องว่ามีแผนการชั่วๆในสมอง” ตฤณพูดออกมาเมื่อได้รู้ว่า ฮาร์คิฟวางแผนปั่นป่วนในเรื่องธุรกิจอย่างไร “แต่คุณไม่ต้องกลัวนะเอลก้า เดี๋ยวผมจะจ้างรปภ. มาเฝ้าหน้าบ้าน ถ้ามันคิดจะเข้ามาก่อกวนอีกล่ะก็ ได้เจอดีแน่”
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่สั่งคนในบ้านไว้ว่าไม่ให้เขาเข้ามาอีกก็น่าจะพอแล้ว” อภินราบอกเพราะคิดว่าคงไม่มีใครบุ่มบ่ามหรือกล้าทำอะไรที่เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางเช่นนั้น
“ก็มันประกาศเองว่าจะแย่งซีโลไปให้ได้” ตฤณแย้ง
“มันก็ใช่ค่ะ แต่ซีโลอยู่ในที่ที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือที่บ้าน ฉันเชื่อว่าเขาคงไม่กล้าทำอันตรายกับซีโล อีกอย่างซีโลติดฉันมาก ถ้าเขาคิดจะเอาตัวไปโดยไม่บอกไม่กล่าว ฉันคิดว่าคงรับมือไม่ได้หรอกค่ะ”
ตฤณพยักหน้ารับเมื่อคิดตามเหตุผลของเธอ “มันแสดงธาตุแท้ออกมาให้คุณได้เห็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ต่อไปนี้เรื่องของเราคงจะราบรื่นสักที”
“เขาเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเราคะ คุณหมายถึงเรื่องแต่งงานใช่ไหม” อภินราถามพลางขมวดคิ้วมุ่น
“ก็ทุกอย่างระหว่างเราก่อนที่มันจะเข้ามาดูราบรื่นไม่มีอุปสรรค แต่พอมีมันเข้ามาก็ทำให้จิตใจคุณไขว้เขว” ตฤณพูดและหยุดเพียงเท่านั้นเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของเธอ “แต่ช่างเถอะ ต่อไปนี้เราก็...”
“ตฤณคะ... ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยนไปเลย” อภินราตัดสินใจที่จะสะสางเรื่องหนักใจของตนให้จบสิ้น เมื่อเขาเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนจึงคิดว่าควรชี้แจงให้เขาเข้าใจด้วยตัวเอง
“เรื่องระหว่างเราสองคน ฉันไม่เคยเอาไปเกี่ยวข้องกับใคร คุณเคยสังเกตบ้างไหมว่า... เมื่อก่อนนี้ฉันคบกับคุณด้วยความรู้สึกจริงใจเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง แต่จู่ๆจะมาทำให้มันเป็นความรักระหว่างหญิงชาย ฉันทำไม่ได้นะคะ”
“หมายความว่ายังไง ทำไมถึงพูดแบบนี้ เอลก้า?” ตฤณส่ายหน้าอย่างไม่ยอมรับ “คุณพูดเหมือนจะล้มการแต่งงานของเราทั้งที่ผมคุยกับพ่อคุณแล้ว”
“นี่ก็เป็นเรื่องที่ฉันอยากจะถามคุณ คุณรักฉัน อยากแต่งงานกับฉัน อยากใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ทำไมไม่คุยเรื่องนี้กับฉันตรงๆ การอยู่ร่วมกับผู้หญิงคนหนึ่งไปจนตาย เธอต้องรักคุณในแบบเดียวกันกับที่คุณรักเธอ การคุยเรื่องสำคัญแบบนี้ต้องเริ่มที่คนสองคนก่อนไม่ใช่เริ่มที่บุคคลที่สาม” อภินราระบายความรู้สึกของตัวเองออกมา พยายามพูดกับเขาด้วยเหตุผล “ฉันขี้ขลาดเองและขอยอมรับความผิดที่เกิดขึ้น ฉันน่าจะคุยเรื่องนี้กับคุณตรงๆ แต่ก็ปล่อยให้ทุกอย่างล่วงเลยมาจนถึงวันนี้”
“ไม่ได้นะเอลก้า ผมรักคุณมาก ผมไม่ยอมให้คุณมายกเลิกการแต่งงานของเรากลางคันแบบนี้แน่ๆ” ตฤณยังไม่ยอมรับในสิ่งที่เธออธิบาย เขากำลังว้าวุ่นใจที่ของรักกำลังจะหลุดลอยไปจากมือ
อภินราตกใจเมื่ออีกฝ่ายจู่โจมเข้ามาเกาะกุมต้นแขนทั้งสองข้างเอาไว้ จึงพยายามใช้มือแกะฝ่ามือของเขาออก “ถอยออกไปก่อนค่ะตฤณ เรานั่งคุยกันดีๆก็ได้ ปล่อยฉันก่อน...”
“ไม่! ผมรักคุณ และจะไม่ยอมเสียคุณไปให้มันแน่ บอกผมมาเอลก้า คุณยังรักมันอยู่ใช่ไหม คุณรักไอ้คนที่มันเข้ามาหลอกลวงรักคนที่ทำให้พ่อคุณต้องนอนซมอย่างนั้นเหรอ” ตฤณเขย่าร่างบางด้วยความเสียใจระคนโมโห
“ปล่อยนะตฤณ ฉันเจ็บ!” อภินราพยายามขัดขืน
“ผมก็เจ็บเหมือนกัน!” ตฤณตวาดกลับเสียงดุจนอภินราตกใจ หยุดการดิ้นรนไปชั่วขณะ “บอกมาเอลก้า ผมไม่ดีตรงไหน สู้มันไม่ได้ตรงไหน แค่คุณเจอหน้ามันไม่กี่วันทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ทำไมไม่คิดถึงความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้ผมบ้าง”
“มันคนละเรื่องกัน ปล่อยฉันแล้วสงบสติอารมณ์ ฟังฉันก่อนได้ไหม!” อภินรารวบรวมแรงที่มีอยู่ทั้งหมด ผลักหน้าอกกว้างของตฤณออกไปสุดแรงเกิด จนเจ้าตัวล้มลงไปนั่งอย่างคนหมดกำลังใจอยู่บนโซฟา หากภาพที่เห็นทำให้อภินรารู้สึกผิดไม่น้อย แต่แรงโทสะที่เขาแสดงอออกต่อเธอเมื่อครู่ก็มีมากเสียจนไม่กล้าเข้าไปปลอบโยนใกล้ๆ
“ฉันขอโทษที่ต้องพูดว่าขอยกเลิกการแต่งงาน แต่ฉันไม่อาจฝืนใจหรือทำใจให้รักคุณฉันชู้สาวได้”
“ไม่มีวันเอลก้า ยังไงงานแต่งของเราก็ต้องเกิดขึ้น” ตฤณไม่ยอมรับฟังเหตุผลใดๆ ยังไงเสียเขาก็ต้องแต่งงานกับเธอให้ได้
อภินราส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจในความดื้อดึงของตฤณ หากเธอเองก็ไม่สามารถอดทนอธิบายได้มากกว่านี้ เพราะเรื่องร้ายๆมากมายที่ประดังประเดเข้ามาอย่างไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ “ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณกำลังโกรธ ฉันเองก็อารมณ์ไม่ปกติเท่าที่ควร เอาไว้ให้เราใจเย็นกว่านี้แล้วค่อยมาคุยกันอีกทีนะคะ ถึงตอนนี้คุณอาจจะเข้าใจความรู้สึกของฉันบ้างก็ได้”
ตฤณมองผู้หญิงที่พูดจาตัดขาดตนอย่างไร้เยื่อใยด้วยความเจ็บปวด เธอเดินออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามองเขาสักนิด ไม่เคยเห็นถึงความตั้งใจจริงและสิ่งดีๆที่เขามอบให้ “ผมรักคุณเอลก้า รักคุณได้มากกว่าที่คุณคิดนัก”
เขาย้ำกับตัวเอง นั่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอ เริ่มตั้งแต่รู้จักกันทุกอย่างก็ดูสดใส ราบรื่น ต่างฝ่ายต่างช่วยเหลือเกื้อกูล ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็เห็นดีเห็นความกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ แต่... ทุกอย่างกลับกลายเป็นเรื่องผิดหวัง เมื่อไอ้หน้าหล่อนิสัยเลวนั้นก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ
แต่เขานี่แหละจะเป็นคนดึงเธอกลับมา จะทำให้เธอเห็นว่าคนที่คู่ควรกับความรักของเธอ คือเขาเพียงผู้เดียว!
อภินราขับรถออกจากบ้านในทันทีที่เดินออกมาจากห้องรับแขกเพราะใกล้เวลาที่ซีโลจะเลิกเรียนเต็มที่แล้ว หากเรื่องหนักๆที่ถาโถมเข้ามาจากผู้ชายสามคนทำให้เธอเหนื่อยทั้งใจเหนื่อยทั้งกาย
พ่อ... ทำให้เธอไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดท่านถึงได้ทำเรื่องผิดพลาดเช่นนั้น หรือถ้ามันไม่ใช่ความจริงทำไมท่านถึงไม่ยอมแก้ต่าง เอาหลักฐานมายืนยันให้ทุกคนได้เห็นว่าไม่ได้เอาทรัพย์สมบัติของวาเรียไปสักชิ้น ถ้ายังเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีเช่นที่บอกเธอทำไมถึงไม่เอามันออกมายืนยันความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง
ตฤณ... เมื่อก่อนเธอเคยคิดว่าเขาเป็นคนมีเหตุผล เป็นเพื่อนที่คอยให้ความช่วยเหลือในยามยากลำบาก แต่ลึกๆแล้วเขาก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ยอมรับฟังเหตุผลของผู้อื่น ถึงนาทีนี้ก็ไม่เคยเสียใจที่ยกเลิกการแต่งงาน มันเป็นการกระทำที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
ฮาร์คิฟ... ผู้ชายที่เธอรู้จักเขาเพียงไม่กี่วัน ดวงตาสีเขียวอมฟ้าเป็นกับดักชั้นเยี่ยมที่ทำให้เธอหลงวนจนหาทางออกไม่เจอ สัมผัสละมุนละไมทว่าแฝงไว้ด้วยความเร่าร้อน น่าค้นหา ความจริงใจ สัมผัสอบอุ่น คำพูดหวานหูที่ทำให้เธออมยิ้มระคนเขินอายนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นจอมปลอม ตลบตะแลง เขาจงใจสร้างมันขึ้นมาเพื่อตบตาแต่เธอกลับโง่งม หลงเชื่อและมอบหัวใจให้เขาทั้งดวง
การขับรถทั้งที่ในใจมีเรื่องให้คิดมากมายทำให้เธอไม่รู้ตัวว่ามีรถยนต์คันหนึ่งกำลังขับตามในระยะกระชั้นชิด เมื่อเธอพ้นประตูรั้วคฤหาสน์วรโชติไม่ไกลนัก รถยนต์ที่ขับตามมาก็เร่งความเร็วให้แซงรถของเธอและหักเข้าปาดหน้าจนอภินราต้องเหยียบเบรกอย่างแรง หากไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยเธอคงได้รับอันตรายเป็นแน่
หากร่างสูงใหญ่ที่ก้าวลงมาจากรถทำให้อภินราทั้งโกรธทั้งตกใจ ท่าทางคุกคามของเขาที่เดินมาค้ำฝ่ามือกับขอบกระจกรถทำให้อภินราไม่สามารถเดาใจเขาได้
“เปิดประตูเอลก้า” ฮาร์คิฟสั่งด้วยน้ำเสียงดุดัน มั่นใจว่าเธอได้ยินอย่างชัดเจนแม้ว่าจะอยู่ในรถที่ล็อกประตูไว้อย่างหนาแน่น
“ไม่ เอารถของคุณออกไปไม่งั้นฉันจะ...”
นั่นเป็นคำตอบที่เขาคาดการเอาไว้แล้วว่าจะได้ยินจากปากเธอ ฮาร์คิฟเอียงศีรษะไปยังรถยนต์ของตัวเองแล้วพูดดักคอเธอในทันที “ซีโลอยู่บนรถ กำลังโวยวายหาคุณอยู่พอดี”
แวบแรกที่ได้ยินเธอตกใจและหลงเชื่อในทันที แต่บทเรียนเกี่ยวกับผู้ชายหลอกลวงคนนี้ทำให้เธอชะงักมือที่กำลังจะยื่นไปกดปุ่มปลดล็อกประตู แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคร้ามคมผ่านกระจกรถ “อย่าคิดว่าจะหลอกฉันได้ คุณไม่มีทางรับตัวซีโลออกจากโรงเรียนได้แน่”
“ไม่เชื่อก็ตามใจ ผมบริจาคเงินเป็นล้านให้โรงเรียน คุณเองก็เป็นคนอนุญาตให้ผมไปเล่นกับแกได้ แล้วแค่เรื่องรับกลับบ้านนี่มันขี้ผงนะเอลก้า” พูดพลางถอยห่างจากรถของเธอ “ผมแค่หวังดีอยากให้แกได้เห็นหน้าคุณก่อนไปยูเครน”
การเดินถอยหลังอย่างไม่แยแส คำพูดที่อาจจะเป็นไปได้ ความร้อนใจนึกกลัวไปสารพัดทำให้อภินราปลดล็อกและเปิดประตูรถยนต์ก่อนที่เขาจะถอยหลังไปถึงรถที่จอดขวางหน้าอยู่นี้ หากมันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุด เพราะแค่ได้ยินเสียงปลดล็อก ประตูเปิดยังเปิดออกได้ไม่กว้างพอที่เธอจะก้าวลงจากรถด้วยซ้ำ ฮาร์คิฟก็เข้าจู่โจมอย่างรวดเร็ว เขาดึงประตูไว้มั่นและสอดตัวเข้าไปเบียดเธอจนต้องถอยไปนั่งเบาะข้างๆ
“ทำบ้าอะไรของคุณ” อภินราผลักไส ทั้งทุบทั้งตีคนที่เบียดตัวเข้ามา “ลงไปจากรถฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“เงียบ! ถ้าไม่อยากให้ผมทำอะไรรุนแรงกว่านี้” ฮาร์คิฟสั่งเสียงดุ
อภินราชะงักงันกับท่าทางขึงขังนั้น นึกเจ็บใจตัวเองที่ยอมให้เขาหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้ายังยอมทำตามคำสั่งเขาง่ายๆก็คงจะโง่เกินไปแล้ว “ช่วยด้วย...”
ฮาร์คิฟรั้งต้นแขนข้างหนึ่งของเธอไว้ เอื้อมมือไปดึงประตูรถที่เธอเปิดออกให้ปิดสนิทและกดล็อกอัตโนมัติทั้งคัน “นั่งนิ่งๆได้ไหมเอลก้า”
อภินรากรีดร้องสุดเสียง ทุบตี หยิกข่วนเขาเป็นพัลวัน “คนชั่ว คนเลวปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! ช่วยด้วย... ช่วยด้วย”
ฮาร์คิฟส่ายหน้าเพราะไม่เพียงเธอจะกรีดร้องลั่นจนหูแทบดับ ยังทุบกระจกรถขอความช่วยเหลือจนต้องตัดสินใจจัดการขั้นเด็ดขาด
อภินราตกใจเมื่อท่อนแขนแข็งแรงเกี่ยวเข้าที่ใต้ทรวงอก ผ้าเช็ดหน้าสีขาวที่อยู่ในฝ่ามืออีกข้างทำให้เธอร้องดังขึ้น ดิ้นรนหนักขึ้น สติเลือนหายไปพร้อมกับความร้าวรานใจ “กรี๊ด... อื้อ ปล่อยนะ ช่วย...”
ฮาร์คิฟผ่อนแรงรัดร่างอ่อนระทวยที่อยู่ในอ้อมแขน เธอแน่นิ่งคอพับคออ่อนอยู่ในอ้อมกอดของเขาในขณะที่รถยนต์คันข้างหน้าขับออกไป ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่เขาวางเอาไว้แม้ว่าการโปะยาสลบเธอจะเป็นสิ่งที่เขาหนักใจที่สุด แต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอสงบและเดินทางไปกับเขาอย่างไม่เกิดปัญหา
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ค. 2558, 12:24:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ค. 2558, 12:24:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 1161
<< ตอนที่ 10 100% | ตอนที่ 11 100% >> |
konhin 3 ก.ค. 2558, 13:37:05 น.
จะพาออกนอกประเทศยังไงน้อออออ
จะพาออกนอกประเทศยังไงน้อออออ