~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 8 .. ความคิด ที่สวนทาง






เพลิงกัลป์ชำเลืองมองผู้โดยสารที่รับฝากจากเวหา ว่าให้พาไปส่งที่สนามบินกระบี่ให้ทันเที่ยวบิน ๑๐ นาฬิกาเศษ พร้อมกับที่มารอรับแขกคนสำคัญ ซึ่งเป็นตัวแทนจากโรงแรมมณเฑียร สวีท โฮเทล ที่จะมาถึงในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน

ผู้บริหารสูงสุดของรู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา ออกจะประหลาดใจอยู่บ้าง ที่ผู้จัดการต้อนรับส่วนหน้าของมณเฑียร สวีท เดินทางมาเร็วกว่ากำหนดเดิม ๑ สัปดาห์ แต่ถึงอย่างไรจะมาช้าหรือเร็ว ชายหนุ่มก็เต็มใจต้อนรับอยู่ดี

ชายหนุ่มยอมรับว่า ไม่ใคร่จะพอใจนักเมื่อแรกที่น้องสาวขอร้องให้เขามาส่งมัสลิน ทว่า ชื่อของศิราที่พ่วงท้ายมา ก็สามารถโน้มน้าวความคิดได้อย่างไม่ต้องสงสัย

ถือเสียว่า เขากำลังทำเพื่อน้องสาว .. และ ความต้องการของตนเองก็แล้วกัน

ส่วนใครจะพลอยฟ้าพลอยฝนได้รับอานิสงส์ไปด้วย ก็สุดแท้แต่จะคิด

เพลิงกัลป์ขับรถโฟร์วีลขึ้นจากแพขนานยนต์มาร่วมครึ่งชั่วโมง หลังจากบังเอิญมีส่วนร่วมรับฟังคำสนทนาที่ชวนหงุดหงิดไม่น้อย ระหว่างหญิงสาวคนที่นั่งเป็นตุ๊กตาไร้ชีวิตข้างกาย กับชายหนุ่มรุ่นน้องลูกชายหุ้นส่วนคนสำคัญอีกคน

แต่นั่นยังไม่เท่าความขุ่นข้องในความสัมพันธ์ของมัสลิน .. กับผู้ชายอีกคน

จากที่ทำเพียงแค่ชำเลือง เพลิงกัลป์จึงละสายตาถนนเบื้องหน้า หันมาจ้องมัสลินอย่างจริงจัง กระทั่งอีกฝ่ายที่อุตส่าห์นั่งสงบปากสงบคำมาตลอดเริ่มขมวดคิ้วไม่พอใจ จนต้องเอ่ยออกมาทั้งยังนั่งเชิกหน้านิ่งมองตรง ไม่ได้เหลือบแลชายหนุ่มแม้แต่น้อย

"ถ้าอยากจะพูดก็พูดมาเลยค่ะ .. ฉันไม่ชอบให้ใครจ้องหน้าแบบนั้น"

เพลิงกัลป์ยกมุมปากขึ้นคล้ายเยาะ แต่ในใจกลับรู้สึกขำกับท่าทางของมัสลินมากกว่า เห็นนั่งนิ่งๆนึกว่าจะไม่ได้สนใจเขาเสียอีก

สารถีกิตติมศักดิ์บ่ายหน้ากลับมายังทิศทางเดิม สมาธิในการควบคุมยานพหานะถูกแบ่งมาใช้ตามแต่เห็นสมควร

"ก็ดี .. เพราะฉันมีเรื่องจะถามเธอ .. เหมือนกัน"

"คะ?"

มัสลินได้ยินคำถามถนัดชัดทั้งสองหู แต่ที่เผลอขานออกมา เนื่องจากนึกไม่ออกว่า คนใหญ่คนโตระดับนายหัวเพลิงกัลป์ มีอะไรจะมาถามไถ่ไกด์ตัวเล็กๆอย่างเธอ

"เธอไปรู้จักกับ .. ซายน์ ตั้งแต่เมื่อไหร่"

"คะ? .. ใครนะคะ"

ชื่อที่ชายหนุ่มเอ่ยถึงนั้น ทำให้หญิงสาวแปลกใจได้อีกหน ความไม่เข้าใจจึงพลั้งปากขานซ้ำคำเดิม กับอาการที่แทบจะเรียกได้ว่า งงเป็นไก่ตาแตกไปเลยทีเดียว เพราะอย่าว่าแต่รู้จักเลย ชื่อนี้ยังไม่เคยผ่านหูของเธอด้วยซ้ำ

แต่คำย้ำถามของมัสลิน กลับก่ออารมณ์บางอย่างแก่เพลิงกัลป์ โดยเฉพาะกับสิ่งที่เห็นมากับตา หรือมันกำลังจะถูกบิดเบือนไป จากการแกล้งทำไขสือในตอนนี้

"ฉันน่าจะเป็นฝ่ายถามมากกว่านะ .. ว่าไปรู้จักกันได้ยังไง ไม่ใช่ให้เธอมาย้อนฉันแบบนี้"

"นี่คุณ .. อย่ามาหาเรื่องกันนะ ฉันไม่รู้จักใครชื่อนั้นแน่นอน .. คุณนั่นล่ะ สับสนอะไรอยู่รึเปล่า"

"เธอจะบอกว่า ไม่รู้จัก .. ซายน์ จริงๆงั้นเหรอ"

เพลิงกัลป์พยายามอดใจไม่บุ่มบ่ามจนเกินไป แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันมาทางมัสลิน แล้วเพ่งมองราวกับคาดคั้นให้เธอยอมรับแต่โดยดี ก่อนจะพบว่ามีนัยน์ตาสวยดุทอประกายเรืองๆไม่พอใจ จ้องรออยู่เช่นกัน

"ฉันไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณจะคิดยังไง .. แต่ฉัน ไม่-รู้-จัก คนที่คุณพูดชื่อออกมา"

น้ำเสียงอ่อนหวานที่เขาเคยได้ยิน มีแต่ความแข็งกร้าวในทุกคำยืนยัน ไม่เจือความลังเลให้จับพิรุธได้เลย ทำให้คนถามหรี่ตามองอย่างชั่งใจ และใคร่ครวญไปถึงเจ้าของชื่ออีกคำรบ

สมมติ .. สมมติว่า หญิงสาวผู้ซึ่งมักทำท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับเขาตลอดเวลา จงใจปิดบังความจริง ก็คงมีแต่ต้องหาหลักฐานมาทำให้คนปากแข็งสารภาพ

ทว่า .. เพลิงกัลป์บอกตนเองในขณะเดียวกันว่า ต้องขบคิดให้ถี่ถ้วน ถ้าหากผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จักกับคนที่ไม่น่าไว้ใจในความรู้สึกของเขา .. อย่างซายน์จริง มันก็อาจเป็นไปได้ว่า มัสลินอาจจะกำลังถูกผู้ชายคนนั้น .. ล่อลวง แต่จะเพื่ออะไรนั้นก็คงยังสรุปไม่ได้

ซึ่งถ้ามันเป็นอย่างหลัง .. เขาควรจะทำอย่างไร ?

เพราะยังคิดไม่ตกว่า ควรจะเชื่อคำพูดจริงจังของคนอวดดีดีหรือไม่ นิ้วชี้ข้างขวาของชายหนุ่มจึงเคาะกับพวงมาลัยรถเป็นจังหวะ เพราะความลืมตัวยามต้องใช้ความคิด .. เผลอลืมไปด้วยซ้ำว่า เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังในขณะนี้

อิริยาบถขรึมเครียดกับแววตามองตรงนิ่งๆ ราวกับครุ่นคำนึงถึงเรื่องอะไรสักอย่างที่สำคัญมากๆของเพลิงกัลป์ ทำให้มัสลินที่ยังจับจ้องดวงหน้าคมคายของเขาอยู่อย่างนั้น .. อย่างเผลอไผลไม่รู้ตัว

ความเงียบในห้องโดยสารบังเกิดพร้อมกับบรรยากาศชวนฉงน ในความคิดของแต่ละคน และมันยังแทรกซึมบางความรู้สึกไว้อย่างยากที่ใครจะจับต้องได้




รัศมิทัตเหลือบสายตามองพายพัดที่นั่งบนเบาะผู้โดยสารข้างตัว เธอกำลังทบทวนข้อสัญญาระหว่างวิริยา ไทยทัวร์ กับโรงแรมที่เจรจาตอบตกลงเป็นลูกค้าของบริษัทนำเที่ยวอยู่เงียบๆ หลังจากที่เขาแวะไปรับเพื่อนสาวคนนี้มาจากคอนโดพี่ชายของเธอ

"ยัยแฟน .. อ่านในรถระวังสายตาจะเสียนะ"

"ขับรถไปเหอะน่าทัต .. เดี๋ยวไม่ทันเครื่องลงนะ .. ไม่กลัวเป็นชายไทยไม่ทราบชื่อหรือไง"

พายพัดตอบเพื่อนชายคนสนิทโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากหนังสือสัญญาเลย หากแต่คำพูดช่วงท้ายๆกลับทำให้คนฟังแทบจะแยกเขี้ยวได้ทันใด

"ไม่ต้องเอาคำขู่ของลินินมาใช้กับทัตหรอก .. คนอย่างทัต ไม่เคยกลัว .. "

"เหรอจ๊ะ .."

หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งอ่อนยอมละสายตาจากงาน วางภาระลงบนตักแล้วผินหน้าชำเลืองมองด้วยนัยน์ตาคมหวานฉาบประกายระยับอย่างรู้ทัน อดเหน็บแนมเพื่อนชายที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเยาว์ไม่ได้ แม้รู้ดีว่า บางคำพูดอาจจะบาดหัวใจคนฟังนิดหน่อยก็ตาม

"ขนาดไม่กลัว .. ยังต้องรีบโทรไปดักลินิน ถามความคืบหน้าแต่เช้า .. พายว่านะ ถ้าพี่ฟ้ารู้ อย่าว่าแต่ไม่ทราบชื่อเลย .. องค์ประกอบในร่างกายทัต จะเหลือมวลสักแค่ไหนกัน"

"โธ่ .. ยัยแฟน อย่าพูดให้ทัตห่อเหี่ยวเสียวสันหลังสิ .. ที่ทำไปก็เพราะคำแนะนำของเพื่อน .. หรือเพื่อนไม่หวังดีกับเราก็ไม่รู้ .."

รัศมิทัตออดอ่อยเสียงปร่าเมื่อพายพัดงัดความจริงมากระแทกใจเต็มๆ เขาได้แต่หวังว่า สิ่งที่ทำลงไปจะสามารถพิสูจน์และเห็นความจริง ไม่เช่นนั้น .. ชายไทยไม่ทราบชื่อคงได้ปรากฏขึ้นในไม่ช้าก็เร็วๆนี้แน่นอน

"ก็ใครเขาใช้ให้ใช้ยาแรงแบบนั้นล่ะ พายกับลินินแค่เปรยกันเล่นๆ .. ไม่คิดนี่ว่า ทัตจะกล้าทำจริงๆ"

"มันสายไปแล้วล่ะพาย .. ยิ่งพอเห็นน้ำตาพี่ฟ้า .. ทัต .. คงหันหลังกลับไม่ได้แล้ว"

กระแสความขื่นในน้ำเสียงของรัศมิทัต ยิ่งทำให้พายพัดไม่รู้จะสรรหาคำใดมาปลอบโยน จนเจ้าตัวต้องถอนหายใจเอาความหน่วงหนักออกเสียบ้าง เสมองถนนซึ่งพวกเธอกำลังมุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานภายในประเทศ

ท่ามกลางบรรยากาศหมองมัว ครอบคลุมไปทั้งห้องโดยสารของรถเอสยูวีของสถาปนิกหนุ่ม บางทีเพื่อนสนิททั้งสองคนอาจจะมีความคิดบางอย่างสอดคล้องกันอยู่ก็ได้ .. เป็นต้นว่า

การรักใครสักคน .. ทำไมจะต้องมีอุปสรรคมาคอยทดสอบ เพื่อพิสูจน์ใจกันขนาดนี้ด้วย





ศิราขับรถออกจากพัทยามาตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงบ้านในช่วงสาย ก่อนจะต่อรถแท็กซี่ไปยังท่าอากาศยานภายในประเทศ หลังจากทักทายครอบครัวของเธอเพียงครู่เดียว

หญิงสาวมีกระเป๋าลากใบเล็กเป็นสัมภาระ ซึ่งสามารถนำติดตัวขึ้นไปบนเครื่องได้เพื่อจะได้ไม่เสียเวลารอกระเป๋าตอนลง แต่เพราะมาถึงที่หมายก่อนเวลาพอสมควร เธอจึงเมียงมองหาร้านกาแฟเพื่อนั่งรอ และติดต่อกับเวหาก่อนเช็คอินการเดินทางอย่างที่เกริ่นไว้ล่วงหน้า

เดินต่อมาครู่เดียวศิราก็พบคอฟฟี่ช็อปน่ารักน่านั่ง หญิงสาวก้าวเข้ามาแล้วเลือกมุมสบายมุมหนึ่งปฏิบัติภารกิจก่อนเดินทาง และไม่นานชาดาร์จิลิ่งร้อนๆ อวลกลิ่นหอมละมุนถูกนำมาบริการหลังสั่งไปไม่ถึง ๕ นาที

"ฟ้า .. ตอนนี้น้ำอยู่ดอนเมืองแล้วนะ พอดีมาเร็วไปหน่อย คงได้เช็คอินเกือบเที่ยง น่าจะไปถึงราวๆบ่ายสองบ่ายสามนะ .."

"น้ำ .. ขอโทษทีนะ พอดีว่าวันนี้ ฟ้าป่วยกะทันหัน .."

เวหากรอกเสียงอ่อนระโหยมาตามสาย สร้างความตระหนกให้แก่เพื่อนรักที่กำลังแจกแจงเวลการเดินทางจนต้องชะงักกลางคัน

"เป็นอะไรมากไหมฟ้า .. หรือว่าจะให้น้ำยกเลิกนัดก่อน .. ไม่สิ ยิ่งรู้แบบนี้ น้ำยิ่งเป็นห่วง ถ้าไปถึงแล้ว น้ำจะหาทางไปเอง ฟ้าไม่ต้องกังวลนะ"

ศิราสอบถามและบอกความตั้งใจ ไม่ทันหยุดฟังหรือสังเกตว่า เพื่อนกำลังจะพูดอะไร จนถูกอีกฝ่ายเรียกชื่อรั้งความคิดนั้นไว้ ก่อนจะเตลิดไปกว่านี้

"น้ำๆ .. น้ำใจเย็นนะ ฟ้าให้พี่ไฟไปรับแทน .. คือ เขาต้องไปส่งน้องลินิน เลยจะให้รอรับน้ำมาด้วยกัน .."

“พี่ไฟ? .. คุณเพลิงกัลป์น่ะเหรอ”

“แหม เรียกซะห่างเหินเลย”

เวหาได้ทีเย้าเพื่อนกับสรรพนามที่ศิราเรียกพี่ชายของเธอ จนถูกอีกฝ่ายปรามเสียงเรียบ เตือนเพื่อนกลับไป

“ฟ้า .. ลืมเรื่องที่เราตกลงกันไว้แล้วเหรอ .. ถึงเราจะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ถ้าพี่ชายของฟ้ารู้ว่าน้ำ 'เป็นใคร' คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง”

“จ้า .. ฟ้าลืมไปว่าเพื่อนของฟ้าคนนี้ เป็นห่วงภาพลักษณ์ ไม่อยากถูกมองว่าใช้เส้นใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว หวังความก้าวหน้า”

“ถ้าแค่นั้น .. ก็ดีน่ะสิ”

ศิรายิ้มบางๆกับโทรศัพท์ขณะตอบเพื่อนรัก ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอจะคิดและรู้สึกไปเองหรือไม่ แต่ภายในใจคล้ายดังมีเรื่องรบกวนจิตใจชวนจนกังวล

หญิงสาวได้แต่หวังว่าการลงไปทำงานเร็วกว่ากำหนดในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จด้วยดี อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อหลบเรื่องราวหน่วงหนึบที่มันทับถมจนหนักหัวใจเกินรับ และคงจะไม่มีอะไรมาตอกย้ำซ้ำความรู้สึกให้ย่ำแย่ไปกว่านี้





มัสลินเพิ่งได้รับรู้และเข้าใจว่า ทำไมท่านประธานฯแห่งอาณาจักรรู้ค จึงยอมรับหน้าที่ที่ดูแล้วคงฝืนใจและจำทน มาส่งเธอถึงท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่

หญิงสาวลืมไปได้อย่างไรกัน .. หลงลืมไปว่า เขารังแครังคัดเธอแค่ไหน

เพราะถ้าไม่มีจุดประสงค์ที่สำคัญมากพอ นายหัวของใครๆคงไม่ยอมเสียเวลาอันมีค่า เพื่อคนตัวเล็กๆอย่างมัสลินเป็นแน่

โทรศัพท์คู่กายของชายหนุ่มดังขึ้นขณะที่เขาเปิดประตูด้านหลัง แล้วคว้าเป้สะพายส่งให้หญิงสาวที่ยืนรอรับไม่ไกลกัน

อาจจะด้วยความที่เขาทราบได้ทันทีว่าใครติดต่อเข้ามา จึงรับสายและสนทนาโดยไม่ต้องอารัมภบทให้มากความ ทั้งที่ประตูรถก็ยังเปิดคาอยู่อย่างนั้น

“ติดต่อคุณศิราไปหรือยังฟ้า .. เอาแบบนี้ก็แล้วกัน หลังจากนี้พี่จะติดต่อกับคุณศิราเอง ได้ไม่ต้องลำบากคุยทางโน้นทีทางนี้ที .. ฟ้าพักผ่อนไปก็แล้วกัน ..”

หูของมัสลินไม่ได้ฝาดเฝื่อนไปใช่ไหม กับน้ำเสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลชวนฟัง ผิดจากความห้วนห้าวดุกระด้างเช่นที่พูดกับเธอทุกที .. ยามเอ่ยถึงใครบางคนระหว่างสนทนาโต้ตอบกับเวหาในขณะนี้

แล้วยังสีหน้าอ่อนโยนของเพลิงกัลป์ ในเงาสะท้อนจากกระจกรถยนต์ ซึ่งมัสลินไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นไปได้

คนๆนั้น คงสำคัญกับเขามากเลยสินะ!

กว่าหญิงสาวจะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นกับใจตน เท้าทั้งสองกลับเท่าทันความรู้สึกแฝงเร้นมากว่าเจ้าตัว มันชักนำให้เธอหันหลังแล้วก้าวเข้าสู่อาคารผู้โดยสารภายในสนามบิน โดยไม่รอขอบคุณคนที่มาส่งแม้สักนาที




เพลิงกัลป์ทำความเข้าใจกับเวหาเรื่องที่ศิราจะมาถึงเป็นที่เรียบร้อย ชายหนุ่มไม่ได้กังวลว่าจะจดจำหญิงสาวจากมณเฑียร สวีทไม่ได้

จะมีผู้ชายคนไหน ลืมความประทับใจแรกพบไปได้เล่า

เขากระหยิ่มยิ้มกริ่มกับเงาตนเองในกระจก ก่อนจะระลึกได้ว่า ยังมีใครอีกคนรอเดินทางกลับ แต่เมื่อหันมากลับพบเพียงความว่างเปล่า

มัสลินหายไปไหน?

เพลิงกัลป์กดล็อกรถอัตโนมัติอย่างว่องไว รีบหันกลับมาแล้วกวาดตามองโดยรอบ ใจหนึ่งคิดในแง่ดีว่า เธอคงเห็นเขาคุยธุระ จึงปลีกตัวมาอย่างมีมารยาท

หากความคิดด้านบวกกลับมีให้คนอวดดีในสายตาของเขาได้ไม่นาน ใจก็นึกพาลต่อว่าหญิงสาว .. เด็กบ้า ไร้การอบรมหรือไง จะขอบคุณกันสักคำก็ไม่มี

สีหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เอาแต่นึกกล่าวโทษมัสลินตลอดทางที่ขายาวๆเร่งสาวเท้า ก้าวเข้าไปภายในอาคารให้ทันก่อนหญิงสาวจะเช็คอิน แล้วหนีเข้าช่องทางสำหรับผู้โดยสารที่จะเดินทาง .. เท่านั้น

เพลิงกัลป์เดินจ้ำอ้าวไปได้ไม่กี่ก้าวก็ค่อยชะลอความเร็วลง เหตุและผลเริ่มตีกันพัลวันในความคิด

'เออนะ .. ท่าจะบ้าซะเอง หมดหน้าที่แล้ว เราจะต้องมาร้อนอกร้อนใจกับภาระที่ถูกปลดเปลื้องไปแล้วอีกทำไม'

ชายหนุ่มถึงกับเอามือเสยผมของตน อย่างไม่รู้ว่าควรจะวางมันไว้ที่ไหน และอดไมได้เช่นกันที่จะเหลือบไปยังเคาน์เตอร์ของสายการบินหนึ่ง ซึ่งเขาพอจะจำได้ว่า เวหาจองตั๋วให้มัสลินโดยใช้บริการสายการบินนี้

พลันสายตาของเขาก็สบกับสายตาของคนที่ไม่ได้อยากดูดำดูดีด้วยเท่าไรนัก

เพลิงกัลป์เห็นมัสลินยืนหันมาทางนี้ ทว่า เหตุใดนัยน์ตาของเธอจึงดูหม่นเศร้า .. อย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

เพียงครู่เดียวเท่านั้นกับสีหน้าท่าทางของหญิงสาว ก่อนที่เธอจะกระพุ่มมือไว้ระดับอก เสมือนไหว้ลาเขา แล้วเธอก็หันหลังไปอีกทาง พร้อมก้าวเดินเข้าไปข้างในทันที




เสียงประกาศแจ้งเตือนในแต่ละเที่ยวบิน ให้ผู้โดยสารเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางดังอย่างทั่วถึงกัน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่พายพัดและรัศมิทัตมาถึง

สายตาทั้งสองคู่ที่แหงนเงยมองตารางของสายการบิน ต่างช่วยกันดูแล้วก็พบว่าอีกไม่กี่นาที เครื่องบินลำที่มัสลินโดยสารก็จะมาถึง

พายพัดยืนมองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสายตาก็บังเอิญทอดไปเห็นเรือนร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อแจ็คเก็ตสูทคลุมทับเสื้อตัวใน กับกางเกงยีนส์ชนิดใส่พอดีตัวทำให้เน้นสัดส่วนสะโพกสวยและช่วงขาเรียว รองเท้าที่สวมก็เป็นแบบมีส้นรับกับสรีระเข้ากัน เดินผ่านหน้าปะปนกับนักท่องเที่ยวที่มีจุดหมายปลายทางเดียวกันไปอย่างรวดเร็วชนิดที่ใครก็เรียกไม่ทัน

“พี่น้ำ .. ทัต .. นั่นพี่น้ำนี่”

“ไหน .. ไม่เห็นมี .. ตาฝาดรึเปล่า ลุงกรีเพิ่งกลับจาก นรข. พี่น้ำจะมาอยู่นี่ได้ไง .. ยัยแฟน”

รัศมิทัตเหลียวซ้ายแลขวาตามคำบอกของพายพัด แต่เขากลับไม่พบใครที่มีลักษณะเช่นศิรา รุ่นพี่ร่วมคณะของเพื่อนสาว จนต้องหยิบยกข้อใหญ่ใจความที่เป็นไปได้มาแย้งกับเธอ

“พายเห็นจริงๆนะ .. ถ้าไม่เชื่อ พายจะโทรหาพี่กรีตอนนี้เลย”

“เฮ้ย .. พาย ทำแบบนั้นก็รบกวนพวกเขาน่ะสิ .. นานๆจะได้สวีทหวานกันซะที .. อย่าไปรบกวนเขาเลย .. บาปกรรม”

หนุ่มสถาปนิกทายาทหุ้นส่วนคนสำคัญโน้มน้าวมัคคุเทศก์สาว ว่าที่ผู้บริหารบริษัทวิริยา ไทยทัวร์คนต่อไป ไม่ให้ยุ่งหรือวุ่นวายกับความเป็นส่วนตัวของคนที่กำลังพูดถึง

“แค่พายจะถามพี่กรีเรื่องพี่น้ำ .. มันเกี่ยวกับบาปกรรมตรงไหน .. ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“โบราณเขาถือนะ .. ยัยแฟน .. เขาว่า การไปรบกวนคู่รักโดยไม่จำเป็น คนรบกวนนั่นล่ะ จะมีความรักที่ไม่ค่อยราบรื่น ..”

พายพัดนิ่วหน้ากับคำโบราณว่าของรัศมิทัต แม้ว่าตามหลักการและเหตุผลจะไม่มีสิ่งใดมายืนยัน ถึงคำพูดของเพื่อน แต่ในส่วนลึกของเธอก็อดนึกไปถึงเรื่องราวของตนเองกับตามพ์ที่ยังขัดแย้งกันในหัวใจไม่ได้

หญิงสาวสลดลงเล็กน้อยพยายามจะไม่ฟุ้งซ่าน เธอมีสิ่งที่ยังต้องทำ ไม่มีเวลามานึกถึงเรื่องอื่น หรือคนอื่นที่เขาไม่มาสนใจสักหน่อย ก่อนจะชักชวนกึ่งลากกึ่งจูงชายหนุ่มคนข้างตัวไปด้วยกัน

“เพ้อเจ้อแล้วนะทัตน่ะ .. ไปทัต ไปหาไรดื่มรอลินินกันเถอะ”




ศรตฤณมองธนบัตรที่เพิ่งดึงออกจากซอง ซึ่งเขารับมาจากเชดส์เมื่อคืน มาวางตรงหน้าอย่างพิจารณา และเพราะความช่างสังเกตทำให้เห็นถึงสิ่งไม่ชอบมาพากล ที่ซุกซ่อนมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง

ใครบางคนกำลังทดสอบเขาอยู่

ชายหนุ่มผู้มีสายเลือดตะวันตกกึ่งหนึ่ง หากแต่จิตใจมีความเป็นไทยเต็มร้อย กลับไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ ก่อนจะเก็บเงินทั้งหมดใส่ซองไว้ตามเดิม

ธนบัตรเรียงเลขแบบนี้ล่ะ ที่เขาขอร้องเชดส์ให้จัดหามาให้

ส่วนเขาจะนำไปใช้อย่างไรนั้น .. ก็คงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ถูกกำหนดไว้นั่นล่ะ

“ซายน์ .. ทำอะไรอยู่คะ .. งามเห็นคุณนั่งมองซองเงินเป็นนานสองนาน”

งาม .. เพชรงามที่หล่นมาอยู่ในมือของศรตฤณ เอ่ยถามมาจากเตียงนอน ก่อนจะเอื้อมมือคว้าเสื้อคลุมเนื้อบางเบาสวมใส่อำพรางเรือนร่างอรชร
ทว่า มันกลับแนบสรีระเสียจนไม่ต่างจากยามไร้อาภรณ์บนกายสมส่วน ที่มีความโค้งความเหว้าชัดเจน

หญิงสาวเยื้องย่างเข้ามาทางด้านหลังแล้วสอดแขนเรียวสวมกอดร่างกำยำ ที่ทำให้เธอได้รู้จักและหลงใหลไปกับเสน่หาอันลึกลับของเขา

“ผมคงต้องหางานทำเป็นชิ้นเป็นอันซะที .. คุณพอจะแนะนำงานตำแหน่งในเซอร์เพนท์ให้ผมได้ไหม”

เพชรงามแนบแก้มกับแผ่นหลังอมยิ้ม เธอเข้าใจได้ว่า ชายหนุ่มคงคิดถึงอนาคตบนเกาะลาลัล เพราะถ้าลองเขาพูดแบบนี้ เขาคงไม่อยากจากที่นี่ไปไหน

“ที่จริง .. คุณไม่ต้องทำอะไร งามก็ดูแลคุณได้นะคะ”

มือใหญ่แข็งแรงค่อยแกะมือและสองแขนของหญิงสาวพราวเสน่ห์ ที่โอบกอดชายหนุ่มออกจากกัน ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พลางหันมาพูดกับเธอเสียงเข้ม ตีสีหน้านิ่งขรึมจนคนที่ปรารถนาไออุ่นจากเขาหน้าเสีย

“ผมต้องการทำงาน ไม่ใช่เกาะชายกระโปรงใคร”

“ซายน์ .. งามขอโทษ .. งามล้อเล่นค่ะ .. อย่าโกรธงามนะคะ”

เพชรงามละล่ำละลักงอนง้อ เมื่อรู้ตัวว่าพลั้งวาจาไม่น่าฟังออกไป แม้ว่านั่นจะเป็นความในใจจริงแท้ของเธอ

ถ้าเขาจะอยู่กับเธอแบบนี้ .. ทุกวัน ทุกคืน .. จะให้เธอปรนเปรอเขาอย่างไรก็ยอมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง .. หรือตัวเธอเอง

ศรตฤณสะบัดหน้าอย่างคนเอาแต่ใจตนเป็นใหญ่ มีเพียงความคิดภายในที่ก่นด่าการกระทำของตนไม่มีชิ้นดี

แต่ทั้งหมด .. ก็เพื่องานสำคัญ!

หญิงสาวที่รู้ตัวเองเสมอมาว่า กำลังหลงผู้ชายคนนี้หัวปักหัวปำ ไม่อาจทนความหมางเมินจากเขาได้ ก็รีบลงจากเตียงก้าวตามมา หวังว่าคำพูดและอากัปกิริยาเย้ายวนจะลดโทสะของเขาได้

“งามเข้าใจค่ะ .. ว่าคุณไม่คิดจะเอาเปรียบงาม .. รอสักสองสามวันนะคะ งามจะถามฝ่ายบุคคลให้ ว่ามีตำแหน่งไหนที่เหมาะกับคุณบ้าง”

ศรตฤณมองเพชรงามด้วยสายตาชนิดหนึ่ง ชวนให้เธอสั่นสะท้านหวั่นไหว วงแขนของเขารวบเอวอ้อนแอ้นรั้งเข้าหาตัวจนชิดสนิทแนบ

นัยน์ตาคมกล้าทอประกายหวามจนหญิงสาวเกิดอาการวาบหวิว คล้ายล่องลอยแทบจะยืนไม่ติดพื้น สองมือจึงต้องยกสูงแล้วโอบรอบคอของเขาประคองตัวเอาไว้ รอว่า

เขาจะทำอย่างไรกับเธอ .. ต่อไป

ชายหนุ่มก้มลงช้าๆโดยไม่ละสายตาจากดวงหน้าสวยเฉี่ยว ที่แม้ไร้เครื่องประทินโฉมก็ยังงดงามสมชื่อ

“ขอบคุณครับ .. งามของผม”

เสียงกระซิบพร่าพรายที่ข้างหูเร้าอารมณ์ของเพชรงามให้กระเจิดกระเจิง ราวกับว่า การขอบคุณนี้จะไม่มีวันสิ้นสุด หากว่าชายหนุ่มไม่สามารถทำให้เธอพึงพอใจได้มากกว่านี้





ศิราเหลียวซ้ายแลขวามองหาคนที่เพื่อนรักบอกมาว่า ส่งมารับเธอเป็นการเฉพาะ ทำให้ไม่ทันได้ระวังตัวเท่าที่ควร ว่าจะไปกีดขวางทางของใครที่ออกมาพร้อมๆกันหรือไม่

กระทั่งหญิงสาวรู้สึกว่า ได้ยินเสียงเรียกชื่อเธอมาจากทางด้านซ้ายของช่องทางออก จึงหันมาอย่างเร็วพร้อมกับสาวเท้าไปทันที

“โอ๊ะ ..”

ศิรารับรู้ได้ถึงแรงปะทะราวกับกำแพงใหญ่ที่แข็งแกร่ง แต่ก่อนที่เธอจะล้มลงให้ขายหน้าเพราะความสะเพร่าไม่ดูตาม้าตาเรือ หญิงสาวคิดว่าตัวเองกำลังถูกใครบางคนยึดต้นแขนก่อนจะคว้าร่างเอาไว้

“ไม่เป็นไรนะครับ”

ภาษาไทยสำเนียงแปร่งๆ บอกให้ศิราเข้าใจไม่ยากว่า คนพูดต้องเป็นชาวต่างชาติที่ชำนาญการใช้ภาษาพอตัว

เมื่อตั้งหลักได้หญิงสาวจึงค่อยปลดตัวเองให้พ้นจากความช่วยเหลือของผู้ชายตรงหน้า

“ฉันไม่เป็นไร .. ขอบคุณค่ะ ..”

ศิราสูดลมหายใจแล้วผ่อนออกช้าๆ ก่อนเงยหน้าขอบคุณคนใจดีที่ทำให้เธอ ..ปลอดภัย แต่ก็ช้าเกินกว่าคำพูดกล่าวลาแสนสุภาพของชายคนนี้

“ดีแล้วครับ .. งั้นผมไปล่ะ .. โชคดี”

หญิงสาวจึงพลาดโอกาสที่จะเห็นหน้าเขาชัดๆ แต่จากสรีระด้านหลัง บอกได้เลยว่า เขาต้องเป็นคนที่สมาร์ทมากและหน้าตาดีไม่น้อย

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ .. คุณศิรา”

คำถามแสดงความห่วงใยดังจากทิศทางเดียวกับที่ทำให้หญิงสาวประสบเหตุ ซึ่งเธอก็จำเสียงทุ้มต่ำนี้ได้เป็นอย่างดี และก็จริงอย่างที่คิด

เจ้าของรู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา ให้เกียรติเป็นตัวแทนเพื่อนรัก มารับศิราด้วยตนเอง

“สวัสดีค่ะ .. คุณเพลิงกัลป์”

“คุณยังไม่ได้บอกผมเลย .. ที่ชนกับ .. เขาน่ะ .. ไม่เป็นอะไรนะครับ”

ผู้มาเยือนเลิกคิ้วแปลกใจกับคำถามย้ำของเพลิงกัลป์ เหมือนกับว่าเขารู้จักคนที่เธอเพิ่งเกือบจะปะทะกันสดๆร้อนๆเมื่อครู่

“ไม่ค่ะ .. ดิฉันไม่เป็นอะไร ..”

“มาถึง .. ก็ชนกับยักษ์ใหญ่เลยนะครับ”

เพลิงกัลป์พูดติดตลก ไม่ได้ขยายความให้หายสงสัย และเพราะศิรามัวแต่สนเท่ห์กับทุกอย่าง ทำให้ชายหนุ่มถือโอกาสฉวยกระเป๋าเดินทางใบย่อมมาอยู่กับเขาเสียเอง

“เอาไว้ไปถึงรู้ค .. คุณศิราก็จะเข้าใจครับ .. ไปกันเถอะ”

ว่าแล้วคนที่เปรียบเสมือนเจ้าบ้าน ก็เดินนำไปยังพาหนะที่เขานำมาจอดรอพร้อมมุ่งหน้าไปยังเกาะลาลัล พร้อมกับคนที่เจ้าตัวเต็มใจดูแล .. มากกว่า ใครบางคนที่ป่านนี้ คงถึงกรุงเทพฯโดยสวัสดิภาพแล้ว









*******************************************************







โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2558, 11:26:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2558, 11:26:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1196





<< ใยเส้นที่ 7 .. นัดพบ   ใยเส้นที่ 9 .. ยากเกินจะหยั่งถึง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account