กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง
ตอน: ตอนที่ 12 ครึ่งหลัง
หนังสือพิมพ์กรอบเช้าวางรอให้อ่านที่โต๊ะทำงานในห้องสีขาวของอธิการบดี มาเรียมาแต่เช้าตามเคย นมสดกับขนมคุกกี้เป็นของที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ หญิงชราหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านตามปกติของทุกวัน สายตาที่ยังไม่ฝ้าฟางอ่านข่าวอย่างตั้งใจจนไปพบกรอบข่าวหนึ่ง
ความกลัวทะยานพุ่งสู่กลางใจ มืออันสั่นเทาควานหาโทรศัพท์มาแล้วโทรออก เพียงอึดใจเดียวเท่านั้นปลายสายก็รับทักทายมาน้ำเสียงสดชื่น
“สวัสดีครับคุณแม่มาเรีย ของที่ผมส่งไปหมดแล้วหรือไงครับ ผมจะได้ส่งไปให้ใหม่”
มาเรียส่ายหน้าไม่ใช่เพื่อตอบ แต่รับไม่ได้ในสิ่งที่อาจเกิดขึ้น โชคชะตากำลังทำร้ายคนดีอีกแล้วใช่ไหม
“คุณภีมเรื่องที่กลัวมันเกิดขึ้นแล้ว ถ้าทางนั้นจำอันนาได้คงแย่แน่ๆ ความลับทั้งหมดคงเปิดเผยในไม่ช้า”
ภีมรู้ได้ทันทีว่าเรื่องอะไร “ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้ อย่าเพิ่งคิดมากเกินไปครับ”
มาเรียวางสายรู้สึกเป็นห่วงอันนาจับใจ ทำไมต้องเป็นลูกชายของชรันด้วย ทำไมต้องกลับมาเจอกันอีก ทำไมพ่อลูกจะมีชะตากรรมเดียวกันหรืออย่างไร ไม่ได้ อันนาต้องหนี คราวนี้จะต้องห่างไกลคนพวกนั้นมากขึ้นไปอีก
ปวดหัว...
อันนาโผเผตายังไม่ค่อยลืมเข้าห้องน้ำไป พอน้ำกระทบผิวแก้มสติที่เลือนพร่าจึงเริ่มกลับมา เมื่อคืนเธอกลับมาที่ห้องได้ยังไงหนอ นึกสินึก ปวดหัวชะมัด หญิงสาวหลับตาลงความทรงจำที่เหมือนภาพก็ค่อยๆ หลั่งไหลเข้าสู่การระลึกได้
ใช่แล้ว!
อีตามาเฟียอุ้มมาส่งถึงห้อง อันนาก้มลงสำรวจร่างกายตัวเอง ชุดยังเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรให้น่าห่วง พอเดินเร็วๆ มาดูที่นอนก็ค่อยโล่งใจ ผ้าห่มเลิกขึ้นตรงที่เธอนอนเท่านั้น แต่เดี๋ยวนะ ก่อนอุ้มมานอนชัคพูดเรื่องของเราสองคน หญิงสาวหลับตาปี๋จำไม่ได้ว่าตอบไปว่ายังไงบ้าง ทำยังไงดี อาบน้ำก่อนเดี๋ยวค่อยคิดต่อ
อันนาเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดลงมาที่ชั้นล่าง แม่บ้านเดินมาบอกว่าอาหารเตรียมไว้แล้ว เธอไม่หิวเลย แต่จำต้องเดินตามไป ชาญเดินมาสมทบส่งโทรศัพท์มาให้ อันนารับไปแบบงงๆ พอรับสายก็ยิ้มร่าดีใจเพราะธีราโทรมาบอกว่าคุณแม่มาเรียอยากพบ ปัญหามีอยู่นิดเดียวตรงที่จะออกไปจากบ้านหลังนี้ได้ยังไง บอดี้การ์ดกล้ามโตยืนเฝ้าอย่างกับมาติดคุกดังว่าไว้จริงๆ หญิงสาวนำโทรศัพท์ไปคืนชาญ
“คุณชัคสั่งไว้ว่าถ้าคุณต้องการจะไปไหน ให้ไปได้ครับ แต่ต้องมีผมไปด้วย ถ้าพบนักข่าวไม่ต้องหนี แค่อย่าให้สัมภาษณ์ก็พอแล้ว”
อันนายิ้มกว้างรีบวิ่งขึ้นไปหยิบกระเป๋าสะพายแล้วลงมารอที่รถ ที่นี่ก็ไม่ได้เหมือนคุกนักหรอก เหมือนโรงเรียนมากกว่า ไปไหนมาไหนต้องให้อาจารย์ฝ่ายปกครองอนุญาต เขามีสิทธิ์นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เธอบอกทางจนมาถึงคอนแวนต์ย่านชานเมืองเล็กๆ
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะคุณชาญ”
ชาญพยักหน้าแล้วปักหลักรอ อันนาเดินแกมวิ่งมายังตึกอธิการ ทางเดินเงียบเพราะเป็นเวลาเรียน หญิงชรานั่งรออยู่ที่ห้องทำงานพร้อมกับลุงคุณภีมผู้อุปการะรายใหญ่ของโรงเรียน หญิงสาวยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณภีม”
ภีมรับไหว้แล้วมองอันนานั่งลงข้างๆ มาเรีย อ้อมแขนของเด็กน้อยในสายตาของเขากอดหญิงชราด้วยความรัก โชคดีเหลือเกินที่อันนายังจำเขากับมาเรียได้ ความทรงจำที่ถูกพระเจ้าดึงออกไปช่วยปกป้องจนมาถึงวันนี้
“คิดถึงจังเลยค่ะคุณแม่มาเรีย”
มาเรียยิ้มอิ่มสุขทว่าดวงตากลับหม่นเศร้า มือเหี่ยวย่นลูบแก้มของอันนาประหนึ่งแม่ที่รักลูกสาว ตลอด 10 ปีที่ดูแลกันมา หากจะเกิดอะไรขึ้นอีก นางคงยอมไม่ได้
“น้ำบอกแม่ตามตรงได้ไหมเรื่อง...ข่าว มันเป็นความจริงหรือเปล่าที่น้ำกับคุณชัคกำลังคบหากันอยู่”
อันนาหัวเราะฝืดๆ ข่าวของเธอกับชัคคงมาแรงแบบฉุดไม่อยู่จริงๆ ถ้าเขาไม่ใช่ว่าที่แฟนของลิลลา นักข่าวคงไม่สนใจหรอก
“เอ่อ...มันเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาเพื่อแก้หน้าให้น้ำกับบริษัทของคุณชัคค่ะ มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับเราสองคน แต่เราไม่ได้เกินเลยไปกว่าที่เห็นในภาพนะคะ”
“แล้วที่ข่าวบอกว่าน้ำทำงานที่บริษัทของคุณชัคล่ะ จริงหรือเปล่า” ภีมถาม ที่ผ่านมาเขาไม่เคยละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเด็กที่อุปการะไว้ แต่ครั้งนี้ต้องถามก่อนที่จะตัดสินใจบางอย่างลงไป
“จริงค่ะ ก่อนหน้านี้ก็เจอกันบ้าง คุณชัคเข้าใจว่าน้ำเป็นสปายของบริษัทคู่แข่ง เลยมีเรื่องทะเลาะกัน จนมาเกิดเรื่องนั่นแหละค่ะ”
มาเรียมองภีมด้วยความเศร้ายิ่งกว่าเดิม เกิดความเงียบที่อันนาไม่เข้าใจจนกระทั่งหญิงชราพยักหน้าแล้วเดินไปหยิบกล่องใบหนึ่งออกจากตู้เซฟมาให้เธอเปิดดู
“อะไรหรือคะ”
รูปหลายอัลบั้ม เอกสารต่างๆ ที่น่าจะเกี่ยวกับเธอ อีกทั้งยังมีหนังสือพิมพ์เก่านานจนกระดาษเหลืองกรอบ ข่าวอุบัติเหตุรถพุ่งตกหน้าผาจนไฟครอกคนขับเสียชีวิต สาบานได้ว่าเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก แต่ทำไมคุ้นเหมือนเคยไปที่นี่มาก่อน พออ่านคำบรรยายใต้ภาพข่าวโลกพลันดับวูบ ชายที่ถูกไฟครอกชื่อว่า อิศรา อัศวนานนท์
พ่อของเธอเอง!
น้ำเย็นๆ ไหลลงจากตา พ่อจากไปแล้วด้วยโรคหัวใจไม่ใช่ขับรถตกหน้าผา แต่ข่าวนี้หมายความยังไง ทำไมเธอถึงจำไม่ได้ อัลบั้มรูปถูกเปิดอย่างเร่งร้อน วันเกิดกับพ่อเมื่อ 8 ปีก่อน สิงคโปร์ในเดือนธันวา บ้านของเราในวันครบรอบหนึ่งปีของการจากไปของแม่ ทำไม...
อันนาส่ายหน้าร้องไห้ออกมา เธอจำไม่ได้ว่าเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นในชีวิต แม่จากไปเพราะอุบัติเหตุ เธอจำได้ไม่ลืมว่ากอดกับพ่อแล้วร้องไห้จนหลับไป แต่หลังจากนั้นล่ะ เกิดอะไรขึ้นบ้าง ความทรงจำตรงนี้หายไปไหน
ไม่ใช่! เธอตื่นขึ้นมาในบ้านหลังหนึ่งมีพยาบาลอยู่ด้วยกันต่างหาก
คุณแม่มาเรียเป็นคนออกค่ารักษาแล้วบอกว่าพ่อจากไปแล้วเพราะหัวใจวาย เธอตกบันไดจนสลบไปเกือบเดือนเพราะผ่าตัดสมอง ทำให้ศพของพ่อฝังไปแล้ว แต่ทำไมข่าวถึงลงว่าพ่อตายเพราะขับรถตกหน้าผา สมองราวกับระเบิดที่ถูกถอดสลัก เธอปวดจนยกมือขึ้นมากุมขมับ สายตาพร่า มืออวบอูมคว้าเธอไปกอดไว้แล้วร้องไห้
ฝัน...ตอนนี้คงฝันอีกแล้วใช่ไหม เมื่อไหร่ฝันร้ายจะออกไปจากเธอเสียที
ชัคยังมาทำงานตามปกติ แม้ว่าจะยังมีนักข่าวมารอสัมภาษณ์หาเรื่องไปเขียนอยู่หลายคน เพื่อไม่ให้เกิดความไม่พอใจเลยสั่งให้จัดห้องให้อยู่รอกันไป แต่รอไปเถิดวันนี้หรือวันไหนๆ คงไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องส่วนตัวอีกแล้ว เมื่อเช้าเขาไปเยี่ยมลิลลาที่โรงพยาบาล สายตาของภารดีที่มองมาบอกชัดไม่พอใจ แต่ไม่พูดเรื่องระคายหูออกมา
แผนงานเปิดตัวเครื่องดื่มถูกเลื่อนออกไปเป็นปลายเดือนเพราะชัคไม่อยากให้ใช้กระแสจากเรื่องฉาวมาทำให้เกิดความสนใจในตัวสินค้า แล้วที่สำคัญอยากเคลียร์เรื่องระหว่างเขากับอันนาให้ลงตัวเสียก่อน เมื่อคืนก็สลบพับไปยังไม่ได้คำตอบเสียนี่
“ของที่ให้ไปหา ได้แล้วนะคะ”
เสียงของเลขากระชากชัคให้หลุดจากภวังค์ นี่เขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า ถุงสีขาววางบนโต๊ะ ข้างๆ มีแฟ้มงานที่ต้องเซ็น ชายหนุ่มเลือกหยิบแฟ้มงานมาเปิดทำทีตั้งใจฟัง
“ทางตำรวจให้ซิมกลับมาค่ะ แต่ข้อมูลต่างๆ ในซิมถูกดึงไปหมดแล้ว ตอนนี้กลายเป็นซิมเปล่าๆ”
“ขอบใจมากครับ”
เลขาก้มหน้าให้นิดหนึ่งแล้วขอตัวไปทำงานต่อแม้จะรู้สึกแปลกๆ ที่วันนี้เจ้านายไม่ถามอะไรเลย ชัควางมือจากแฟ้มแล้วหยิบถุงสีขาวมาเปิดดู เรียวปากหนายิ้มขันเมื่อนึกถึงหน้าคนรับ
“ถ้าให้อีกคราวนี้คงถูกบ่นแน่ๆ”
โทรศัพท์เปิดเครื่องไว้แล้ว เมมโมรี่ว่างเปล่า ชัคเปิดเมนูรายชื่อแล้วใส่เบอร์ของตัวเองลงไปกดบันทึก ไม่ได้คาดหวังอะไร ก็แค่ต่อไปเขากับอันนาคงมีเรื่องต้องคุยกันบ่อยขึ้นเท่านั้นเอง
แสงสีแดงฉานกำลังครอบครองขอบฟ้า อันนานั่งมองอยู่ในที่แห่งใดก็ไม่รู้ได้ รู้แต่มันเงียบ สงบและว่างเปล่า มีเพียงขอบฟ้าแสนไกลที่มองเห็นได้จากดวงตาแต่ไม่ชัด เธอหลับตาลงพลันเสียงฟ้าร้องกัมปนาทดังเข้าใส่ ดวงตาทั้งคู่เปิดขึ้นอย่างตื่นตะลึง แสงจ้าขาวใสไม่ใช่แดงฉานกระทบใส่จนต้องปิดตาลงไป
ความหอมละมุนคุ้นจมูกนำทางให้มองหาที่มา ผ้านุ่มกำลังเช็ดใบหน้าและแขนให้อย่างอาทรห่วงใย น้ำตาพานจะไหลออกมาอีกครั้ง หญิงสาวผวากอดมาเรียไว้ราวกับเด็กหลงทางต้องการใครสักคนพาออกไปจากเขาวงกตอันน่าสับสน
“มันอะไรกันคะคุณแม่มาเรีย ทำไมน้ำจำรูปพวกนี้ไม่ได้เลย แล้วยังข่าวนั้น”
มาเรียหลับตาลงไม่คิดเลยว่าจะต้องมาถึงเวลานี้ ทั้งๆ ที่ผ่านมาได้ 8 ปี ชีวิตใหม่ของอันนาไม่ควรกลับไปเริ่มนับใหม่อีกแล้ว ภีมส่ายหน้าไม่ยอมใจอ่อนอีก
“หมอบอกว่าที่น้ำจำทุกอย่างได้แค่ถึงวันที่แม่ตายก็เพราะกลไกของสมองปิดปั้นสิ่งเจ็บปวด รุนแรงเกินกว่าสภาพจิตใจจะรับไหว สมองถึงได้ปิดกั้นความทรงจำหลังจากนั้นไว้ หรืออาจมาจากการผ่าตัดสมองส่งผลต่อกลีบสมอง ทำให้ความจำบางส่วนหายไป คุณแม่มาเรียเล่าให้ลุงฟังว่าน้ำฝันเห็นอะไรบ้าง นั่นไม่ใช่ความฝัน อิศราตายเพราะถูกฆ่า แต่ลุงไม่มีหลักฐานจะเอาผิดคนบงการได้ถึงไม่รื้อฟื้นเรื่องในอดีต หนูจะได้มีชีวิตต่อไปอย่างปลอดภัย การที่สลบไปยาวนานทำให้ใครๆ เข้าใจว่าหนูตายไปแล้ว”
อันนายังไม่แน่ใจ ไม่ใช่ใคร แต่เป็นตัวเอง 8 ปีที่ขาดพ่อ 9 ปีที่แม่จากไป ความทรงจำของเธอหายไปเกือบหนึ่งปีทำไมเธอไม่จำขึ้นมาได้สักครั้งว่าพ่อถูกฆ่า ไม่ใช่หัวใจวาย ทุกอย่างที่เคยรู้มาเกี่ยวกับการตายของพ่อไม่เคยมีความจริงอยู่เลยเลยหรือ
“มันคือเรื่องจริง” มาเรียย้ำ “ตอนนั้นน้ำสลบไปนาน พอฟื้นขึ้นมาก็จำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพื่อกันไม่ให้น้ำต้องเป็นอันตราย แม่กับคุณภีมถึงบอกว่าอิศหัวใจวาย ถึงน้ำจะสงสัยแต่คงเชื่อแม่มากกว่า ทุกอย่างก็เพื่อให้น้ำปลอดภัยนะ”
ฝันหรือ...? ไม่ใช่อีกแล้ว ทุกครั้งที่ฝันเห็นห้องสลัวราง พ่อถูกทำร้าย เธอกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้พ่อต้องให้บางอย่างกับคนร้ายไป ในรถคันนั้น แล้ว...ยังไงต่อ เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เธอออกมาจากรถได้ยังไง ใครอยู่ที่นั่น ถ้าพ่อจากไปเพราะถูกฆาตกรรม แล้วสุสานที่เธอไปหาพ่อมาตลอด 8 ปีล่ะ
“ใครกันคะที่น้ำไปหาทุกครั้งที่สุสาน หากพ่อ...”
มาเรียน้ำตาคลอ การหลอกลวงเพราะหวังดี ให้อย่างไรก็ทำร้ายจิตใจอันนาเมื่อรู้ความจริงอยู่ดี
“ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น มีแต่ความทรงจำของหนูน้ำเท่านั้น” ภีมตอบ
“แม่ขอโทษ ที่ต้องบอกน้ำก็เพราะการใกล้กับคุณชรันและลูกๆ ของเขา น้ำจะเป็นอันตราย”
ยิ่งกว่าไม่เข้าใจ “ยังไงหรือคะ น้ำสับสนไปหมดแล้ว
“ตอนนั้นคุณชรันกำลังถูกตรวจสอบบัญชีเพราะถูกกล่าวหาว่าเลี่ยงภาษี อิศราทำงานกับคุณชรันและรู้ทุกอย่าง พอเป็นข่าวไม่กี่วัน อิศราก็ถูกฆ่าแต่ตำรวจกลับสรุปว่าเขาตายเพราะขับรถประมาททำให้ตกหน้าผาพร้อมกับลูกสาว ทุกอย่างไหม้หมดจนตรวจสอบอะไรไม่ได้มาก”
ตรงกับที่เธอเห็นในฝันที่มาจากความทรงจำ สมองพยายามจะบอกไม่ให้เธอลืมมาตลอด แต่หลังจากนั้นกลับจำอะไรไม่ได้เลย ในฝันก็ไม่เห็นภาพตัวเองมากไปกว่ากระเด็นออกมาจากรถ เข้าใจแล้วว่าทำไมในหนึ่งปีแรกของการสูญเสียเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน นอกจากอยู่ในคอนแวนต์
“แล้วคุณลุงกับคุณแม่มาเรียไปพบน้ำได้ยังไงหรือคะ”
ภีมเล่าต่อ “ลุงขับรถตามไปห่างๆ จนเห็นร่างของหนูน้ำนอนแน่นิ่งอยู่ข้างถนน มีเพลิงไหม้สว่างจ้าตรงหน้าผา พอลงไปช่วยยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ เสียงหวอตำรวจก็ดังมาไกลๆ ลุงเลยต้องพาหนูน้ำหนีมาจากตรงนั้นก่อน แล้วพามารักษาตัวและปิดบังทุกคนไว้ ถ้าคนร้ายเป็นชรันจริงๆ ให้เขาเข้าใจว่าหนูตายไปแล้วเพื่อความปลอดภัยดีกว่า”
มืออวบอูมรั้งร่างอันนาเข้าไปกอด
“ไปให้ไกลจากคนพวกนั้น แล้วลืมว่าเคยเป็นใครมาก่อน เพื่อความปลอดภัยของน้ำเอง มันอันตราย ถ้ามีชีวิตใหม่มาได้ 8 ปีแล้ว ก็ปล่อยให้มันผ่านไปดีกว่า แม่ไม่อยากเสียน้ำไป”
อันนาซึมซับความห่วงใยจากแม่คนที่สองบนโลกใบนี้ น้ำตาที่เสียไปไม่เท่ากับเวลาที่เธอไม่อาจหวนย้อนคืน ความโกรธแค้นทำให้การหนีเป็นทางเลือกสุดท้าย แม้ว่าตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรกับตัวเอง
“น้ำต้องการเวลาสำหรับคิดค่ะ มันเร็วไปที่จะเชื่อว่าอดีตที่เคยเชื่อมันไม่มีอยู่จริง มีคนฆ่าพ่อของน้ำ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยคนชั่วให้ลอยนวล”
อันนาคลายกอดลุกขึ้นมาแล้วไหว้เทวดาและนางฟ้าในชีวิต การรู้ความจริงไม่ได้ทำให้หัวใจแตกสลาย แต่ทำให้ยิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาทั้งสองคนหวังดีขนาดไหน
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยชีวิตน้ำไว้ น้ำสัญญาถ้าตัดสินใจทำอะไรลงไป น้ำจะบอกก่อนค่ะ”
มาเรียเหมือนจะพูดอะไร แต่ภีมส่ายหน้าห้ามไว้ เราสองคนกำหนดชีวิตของอันนามาแล้ว ต่อไปนี้สิ่งใดก็ตามที่ลูกสาวของเพื่อนเลือก เขาจะสนับสนุน อันนาเข้ามากอดมาเรียอีกรอบก่อนจะเดินออกจากห้อง พื้นที่เหยียบราวกับสั่นคลอนไม่มั่นคงดังเดิม
เธอเสียเวลาไป 8 ปีเพื่อกลับมาพบคนที่อาจฆ่าพ่องั้นหรือ ชีวิตของพ่อมีความหมายกับเธอที่สุด คนเลวๆ ต้องชดใช้บ้าง แต่ต้องทำยังไงให้รู้ว่าใครเป็นคนบงการ
แล้วจะมา up ต่อถึงตอนที่ 15 นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ มีจำหน่ายในรูปแบบหนังสือและ e-book แล้วค่ะ
ความกลัวทะยานพุ่งสู่กลางใจ มืออันสั่นเทาควานหาโทรศัพท์มาแล้วโทรออก เพียงอึดใจเดียวเท่านั้นปลายสายก็รับทักทายมาน้ำเสียงสดชื่น
“สวัสดีครับคุณแม่มาเรีย ของที่ผมส่งไปหมดแล้วหรือไงครับ ผมจะได้ส่งไปให้ใหม่”
มาเรียส่ายหน้าไม่ใช่เพื่อตอบ แต่รับไม่ได้ในสิ่งที่อาจเกิดขึ้น โชคชะตากำลังทำร้ายคนดีอีกแล้วใช่ไหม
“คุณภีมเรื่องที่กลัวมันเกิดขึ้นแล้ว ถ้าทางนั้นจำอันนาได้คงแย่แน่ๆ ความลับทั้งหมดคงเปิดเผยในไม่ช้า”
ภีมรู้ได้ทันทีว่าเรื่องอะไร “ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้ อย่าเพิ่งคิดมากเกินไปครับ”
มาเรียวางสายรู้สึกเป็นห่วงอันนาจับใจ ทำไมต้องเป็นลูกชายของชรันด้วย ทำไมต้องกลับมาเจอกันอีก ทำไมพ่อลูกจะมีชะตากรรมเดียวกันหรืออย่างไร ไม่ได้ อันนาต้องหนี คราวนี้จะต้องห่างไกลคนพวกนั้นมากขึ้นไปอีก
ปวดหัว...
อันนาโผเผตายังไม่ค่อยลืมเข้าห้องน้ำไป พอน้ำกระทบผิวแก้มสติที่เลือนพร่าจึงเริ่มกลับมา เมื่อคืนเธอกลับมาที่ห้องได้ยังไงหนอ นึกสินึก ปวดหัวชะมัด หญิงสาวหลับตาลงความทรงจำที่เหมือนภาพก็ค่อยๆ หลั่งไหลเข้าสู่การระลึกได้
ใช่แล้ว!
อีตามาเฟียอุ้มมาส่งถึงห้อง อันนาก้มลงสำรวจร่างกายตัวเอง ชุดยังเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรให้น่าห่วง พอเดินเร็วๆ มาดูที่นอนก็ค่อยโล่งใจ ผ้าห่มเลิกขึ้นตรงที่เธอนอนเท่านั้น แต่เดี๋ยวนะ ก่อนอุ้มมานอนชัคพูดเรื่องของเราสองคน หญิงสาวหลับตาปี๋จำไม่ได้ว่าตอบไปว่ายังไงบ้าง ทำยังไงดี อาบน้ำก่อนเดี๋ยวค่อยคิดต่อ
อันนาเดินหน้านิ่วคิ้วขมวดลงมาที่ชั้นล่าง แม่บ้านเดินมาบอกว่าอาหารเตรียมไว้แล้ว เธอไม่หิวเลย แต่จำต้องเดินตามไป ชาญเดินมาสมทบส่งโทรศัพท์มาให้ อันนารับไปแบบงงๆ พอรับสายก็ยิ้มร่าดีใจเพราะธีราโทรมาบอกว่าคุณแม่มาเรียอยากพบ ปัญหามีอยู่นิดเดียวตรงที่จะออกไปจากบ้านหลังนี้ได้ยังไง บอดี้การ์ดกล้ามโตยืนเฝ้าอย่างกับมาติดคุกดังว่าไว้จริงๆ หญิงสาวนำโทรศัพท์ไปคืนชาญ
“คุณชัคสั่งไว้ว่าถ้าคุณต้องการจะไปไหน ให้ไปได้ครับ แต่ต้องมีผมไปด้วย ถ้าพบนักข่าวไม่ต้องหนี แค่อย่าให้สัมภาษณ์ก็พอแล้ว”
อันนายิ้มกว้างรีบวิ่งขึ้นไปหยิบกระเป๋าสะพายแล้วลงมารอที่รถ ที่นี่ก็ไม่ได้เหมือนคุกนักหรอก เหมือนโรงเรียนมากกว่า ไปไหนมาไหนต้องให้อาจารย์ฝ่ายปกครองอนุญาต เขามีสิทธิ์นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เธอบอกทางจนมาถึงคอนแวนต์ย่านชานเมืองเล็กๆ
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะคุณชาญ”
ชาญพยักหน้าแล้วปักหลักรอ อันนาเดินแกมวิ่งมายังตึกอธิการ ทางเดินเงียบเพราะเป็นเวลาเรียน หญิงชรานั่งรออยู่ที่ห้องทำงานพร้อมกับลุงคุณภีมผู้อุปการะรายใหญ่ของโรงเรียน หญิงสาวยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณภีม”
ภีมรับไหว้แล้วมองอันนานั่งลงข้างๆ มาเรีย อ้อมแขนของเด็กน้อยในสายตาของเขากอดหญิงชราด้วยความรัก โชคดีเหลือเกินที่อันนายังจำเขากับมาเรียได้ ความทรงจำที่ถูกพระเจ้าดึงออกไปช่วยปกป้องจนมาถึงวันนี้
“คิดถึงจังเลยค่ะคุณแม่มาเรีย”
มาเรียยิ้มอิ่มสุขทว่าดวงตากลับหม่นเศร้า มือเหี่ยวย่นลูบแก้มของอันนาประหนึ่งแม่ที่รักลูกสาว ตลอด 10 ปีที่ดูแลกันมา หากจะเกิดอะไรขึ้นอีก นางคงยอมไม่ได้
“น้ำบอกแม่ตามตรงได้ไหมเรื่อง...ข่าว มันเป็นความจริงหรือเปล่าที่น้ำกับคุณชัคกำลังคบหากันอยู่”
อันนาหัวเราะฝืดๆ ข่าวของเธอกับชัคคงมาแรงแบบฉุดไม่อยู่จริงๆ ถ้าเขาไม่ใช่ว่าที่แฟนของลิลลา นักข่าวคงไม่สนใจหรอก
“เอ่อ...มันเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาเพื่อแก้หน้าให้น้ำกับบริษัทของคุณชัคค่ะ มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับเราสองคน แต่เราไม่ได้เกินเลยไปกว่าที่เห็นในภาพนะคะ”
“แล้วที่ข่าวบอกว่าน้ำทำงานที่บริษัทของคุณชัคล่ะ จริงหรือเปล่า” ภีมถาม ที่ผ่านมาเขาไม่เคยละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเด็กที่อุปการะไว้ แต่ครั้งนี้ต้องถามก่อนที่จะตัดสินใจบางอย่างลงไป
“จริงค่ะ ก่อนหน้านี้ก็เจอกันบ้าง คุณชัคเข้าใจว่าน้ำเป็นสปายของบริษัทคู่แข่ง เลยมีเรื่องทะเลาะกัน จนมาเกิดเรื่องนั่นแหละค่ะ”
มาเรียมองภีมด้วยความเศร้ายิ่งกว่าเดิม เกิดความเงียบที่อันนาไม่เข้าใจจนกระทั่งหญิงชราพยักหน้าแล้วเดินไปหยิบกล่องใบหนึ่งออกจากตู้เซฟมาให้เธอเปิดดู
“อะไรหรือคะ”
รูปหลายอัลบั้ม เอกสารต่างๆ ที่น่าจะเกี่ยวกับเธอ อีกทั้งยังมีหนังสือพิมพ์เก่านานจนกระดาษเหลืองกรอบ ข่าวอุบัติเหตุรถพุ่งตกหน้าผาจนไฟครอกคนขับเสียชีวิต สาบานได้ว่าเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก แต่ทำไมคุ้นเหมือนเคยไปที่นี่มาก่อน พออ่านคำบรรยายใต้ภาพข่าวโลกพลันดับวูบ ชายที่ถูกไฟครอกชื่อว่า อิศรา อัศวนานนท์
พ่อของเธอเอง!
น้ำเย็นๆ ไหลลงจากตา พ่อจากไปแล้วด้วยโรคหัวใจไม่ใช่ขับรถตกหน้าผา แต่ข่าวนี้หมายความยังไง ทำไมเธอถึงจำไม่ได้ อัลบั้มรูปถูกเปิดอย่างเร่งร้อน วันเกิดกับพ่อเมื่อ 8 ปีก่อน สิงคโปร์ในเดือนธันวา บ้านของเราในวันครบรอบหนึ่งปีของการจากไปของแม่ ทำไม...
อันนาส่ายหน้าร้องไห้ออกมา เธอจำไม่ได้ว่าเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นในชีวิต แม่จากไปเพราะอุบัติเหตุ เธอจำได้ไม่ลืมว่ากอดกับพ่อแล้วร้องไห้จนหลับไป แต่หลังจากนั้นล่ะ เกิดอะไรขึ้นบ้าง ความทรงจำตรงนี้หายไปไหน
ไม่ใช่! เธอตื่นขึ้นมาในบ้านหลังหนึ่งมีพยาบาลอยู่ด้วยกันต่างหาก
คุณแม่มาเรียเป็นคนออกค่ารักษาแล้วบอกว่าพ่อจากไปแล้วเพราะหัวใจวาย เธอตกบันไดจนสลบไปเกือบเดือนเพราะผ่าตัดสมอง ทำให้ศพของพ่อฝังไปแล้ว แต่ทำไมข่าวถึงลงว่าพ่อตายเพราะขับรถตกหน้าผา สมองราวกับระเบิดที่ถูกถอดสลัก เธอปวดจนยกมือขึ้นมากุมขมับ สายตาพร่า มืออวบอูมคว้าเธอไปกอดไว้แล้วร้องไห้
ฝัน...ตอนนี้คงฝันอีกแล้วใช่ไหม เมื่อไหร่ฝันร้ายจะออกไปจากเธอเสียที
ชัคยังมาทำงานตามปกติ แม้ว่าจะยังมีนักข่าวมารอสัมภาษณ์หาเรื่องไปเขียนอยู่หลายคน เพื่อไม่ให้เกิดความไม่พอใจเลยสั่งให้จัดห้องให้อยู่รอกันไป แต่รอไปเถิดวันนี้หรือวันไหนๆ คงไม่ให้สัมภาษณ์เรื่องส่วนตัวอีกแล้ว เมื่อเช้าเขาไปเยี่ยมลิลลาที่โรงพยาบาล สายตาของภารดีที่มองมาบอกชัดไม่พอใจ แต่ไม่พูดเรื่องระคายหูออกมา
แผนงานเปิดตัวเครื่องดื่มถูกเลื่อนออกไปเป็นปลายเดือนเพราะชัคไม่อยากให้ใช้กระแสจากเรื่องฉาวมาทำให้เกิดความสนใจในตัวสินค้า แล้วที่สำคัญอยากเคลียร์เรื่องระหว่างเขากับอันนาให้ลงตัวเสียก่อน เมื่อคืนก็สลบพับไปยังไม่ได้คำตอบเสียนี่
“ของที่ให้ไปหา ได้แล้วนะคะ”
เสียงของเลขากระชากชัคให้หลุดจากภวังค์ นี่เขาพลาดอะไรไปหรือเปล่า ถุงสีขาววางบนโต๊ะ ข้างๆ มีแฟ้มงานที่ต้องเซ็น ชายหนุ่มเลือกหยิบแฟ้มงานมาเปิดทำทีตั้งใจฟัง
“ทางตำรวจให้ซิมกลับมาค่ะ แต่ข้อมูลต่างๆ ในซิมถูกดึงไปหมดแล้ว ตอนนี้กลายเป็นซิมเปล่าๆ”
“ขอบใจมากครับ”
เลขาก้มหน้าให้นิดหนึ่งแล้วขอตัวไปทำงานต่อแม้จะรู้สึกแปลกๆ ที่วันนี้เจ้านายไม่ถามอะไรเลย ชัควางมือจากแฟ้มแล้วหยิบถุงสีขาวมาเปิดดู เรียวปากหนายิ้มขันเมื่อนึกถึงหน้าคนรับ
“ถ้าให้อีกคราวนี้คงถูกบ่นแน่ๆ”
โทรศัพท์เปิดเครื่องไว้แล้ว เมมโมรี่ว่างเปล่า ชัคเปิดเมนูรายชื่อแล้วใส่เบอร์ของตัวเองลงไปกดบันทึก ไม่ได้คาดหวังอะไร ก็แค่ต่อไปเขากับอันนาคงมีเรื่องต้องคุยกันบ่อยขึ้นเท่านั้นเอง
แสงสีแดงฉานกำลังครอบครองขอบฟ้า อันนานั่งมองอยู่ในที่แห่งใดก็ไม่รู้ได้ รู้แต่มันเงียบ สงบและว่างเปล่า มีเพียงขอบฟ้าแสนไกลที่มองเห็นได้จากดวงตาแต่ไม่ชัด เธอหลับตาลงพลันเสียงฟ้าร้องกัมปนาทดังเข้าใส่ ดวงตาทั้งคู่เปิดขึ้นอย่างตื่นตะลึง แสงจ้าขาวใสไม่ใช่แดงฉานกระทบใส่จนต้องปิดตาลงไป
ความหอมละมุนคุ้นจมูกนำทางให้มองหาที่มา ผ้านุ่มกำลังเช็ดใบหน้าและแขนให้อย่างอาทรห่วงใย น้ำตาพานจะไหลออกมาอีกครั้ง หญิงสาวผวากอดมาเรียไว้ราวกับเด็กหลงทางต้องการใครสักคนพาออกไปจากเขาวงกตอันน่าสับสน
“มันอะไรกันคะคุณแม่มาเรีย ทำไมน้ำจำรูปพวกนี้ไม่ได้เลย แล้วยังข่าวนั้น”
มาเรียหลับตาลงไม่คิดเลยว่าจะต้องมาถึงเวลานี้ ทั้งๆ ที่ผ่านมาได้ 8 ปี ชีวิตใหม่ของอันนาไม่ควรกลับไปเริ่มนับใหม่อีกแล้ว ภีมส่ายหน้าไม่ยอมใจอ่อนอีก
“หมอบอกว่าที่น้ำจำทุกอย่างได้แค่ถึงวันที่แม่ตายก็เพราะกลไกของสมองปิดปั้นสิ่งเจ็บปวด รุนแรงเกินกว่าสภาพจิตใจจะรับไหว สมองถึงได้ปิดกั้นความทรงจำหลังจากนั้นไว้ หรืออาจมาจากการผ่าตัดสมองส่งผลต่อกลีบสมอง ทำให้ความจำบางส่วนหายไป คุณแม่มาเรียเล่าให้ลุงฟังว่าน้ำฝันเห็นอะไรบ้าง นั่นไม่ใช่ความฝัน อิศราตายเพราะถูกฆ่า แต่ลุงไม่มีหลักฐานจะเอาผิดคนบงการได้ถึงไม่รื้อฟื้นเรื่องในอดีต หนูจะได้มีชีวิตต่อไปอย่างปลอดภัย การที่สลบไปยาวนานทำให้ใครๆ เข้าใจว่าหนูตายไปแล้ว”
อันนายังไม่แน่ใจ ไม่ใช่ใคร แต่เป็นตัวเอง 8 ปีที่ขาดพ่อ 9 ปีที่แม่จากไป ความทรงจำของเธอหายไปเกือบหนึ่งปีทำไมเธอไม่จำขึ้นมาได้สักครั้งว่าพ่อถูกฆ่า ไม่ใช่หัวใจวาย ทุกอย่างที่เคยรู้มาเกี่ยวกับการตายของพ่อไม่เคยมีความจริงอยู่เลยเลยหรือ
“มันคือเรื่องจริง” มาเรียย้ำ “ตอนนั้นน้ำสลบไปนาน พอฟื้นขึ้นมาก็จำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพื่อกันไม่ให้น้ำต้องเป็นอันตราย แม่กับคุณภีมถึงบอกว่าอิศหัวใจวาย ถึงน้ำจะสงสัยแต่คงเชื่อแม่มากกว่า ทุกอย่างก็เพื่อให้น้ำปลอดภัยนะ”
ฝันหรือ...? ไม่ใช่อีกแล้ว ทุกครั้งที่ฝันเห็นห้องสลัวราง พ่อถูกทำร้าย เธอกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้พ่อต้องให้บางอย่างกับคนร้ายไป ในรถคันนั้น แล้ว...ยังไงต่อ เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เธอออกมาจากรถได้ยังไง ใครอยู่ที่นั่น ถ้าพ่อจากไปเพราะถูกฆาตกรรม แล้วสุสานที่เธอไปหาพ่อมาตลอด 8 ปีล่ะ
“ใครกันคะที่น้ำไปหาทุกครั้งที่สุสาน หากพ่อ...”
มาเรียน้ำตาคลอ การหลอกลวงเพราะหวังดี ให้อย่างไรก็ทำร้ายจิตใจอันนาเมื่อรู้ความจริงอยู่ดี
“ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น มีแต่ความทรงจำของหนูน้ำเท่านั้น” ภีมตอบ
“แม่ขอโทษ ที่ต้องบอกน้ำก็เพราะการใกล้กับคุณชรันและลูกๆ ของเขา น้ำจะเป็นอันตราย”
ยิ่งกว่าไม่เข้าใจ “ยังไงหรือคะ น้ำสับสนไปหมดแล้ว
“ตอนนั้นคุณชรันกำลังถูกตรวจสอบบัญชีเพราะถูกกล่าวหาว่าเลี่ยงภาษี อิศราทำงานกับคุณชรันและรู้ทุกอย่าง พอเป็นข่าวไม่กี่วัน อิศราก็ถูกฆ่าแต่ตำรวจกลับสรุปว่าเขาตายเพราะขับรถประมาททำให้ตกหน้าผาพร้อมกับลูกสาว ทุกอย่างไหม้หมดจนตรวจสอบอะไรไม่ได้มาก”
ตรงกับที่เธอเห็นในฝันที่มาจากความทรงจำ สมองพยายามจะบอกไม่ให้เธอลืมมาตลอด แต่หลังจากนั้นกลับจำอะไรไม่ได้เลย ในฝันก็ไม่เห็นภาพตัวเองมากไปกว่ากระเด็นออกมาจากรถ เข้าใจแล้วว่าทำไมในหนึ่งปีแรกของการสูญเสียเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน นอกจากอยู่ในคอนแวนต์
“แล้วคุณลุงกับคุณแม่มาเรียไปพบน้ำได้ยังไงหรือคะ”
ภีมเล่าต่อ “ลุงขับรถตามไปห่างๆ จนเห็นร่างของหนูน้ำนอนแน่นิ่งอยู่ข้างถนน มีเพลิงไหม้สว่างจ้าตรงหน้าผา พอลงไปช่วยยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ เสียงหวอตำรวจก็ดังมาไกลๆ ลุงเลยต้องพาหนูน้ำหนีมาจากตรงนั้นก่อน แล้วพามารักษาตัวและปิดบังทุกคนไว้ ถ้าคนร้ายเป็นชรันจริงๆ ให้เขาเข้าใจว่าหนูตายไปแล้วเพื่อความปลอดภัยดีกว่า”
มืออวบอูมรั้งร่างอันนาเข้าไปกอด
“ไปให้ไกลจากคนพวกนั้น แล้วลืมว่าเคยเป็นใครมาก่อน เพื่อความปลอดภัยของน้ำเอง มันอันตราย ถ้ามีชีวิตใหม่มาได้ 8 ปีแล้ว ก็ปล่อยให้มันผ่านไปดีกว่า แม่ไม่อยากเสียน้ำไป”
อันนาซึมซับความห่วงใยจากแม่คนที่สองบนโลกใบนี้ น้ำตาที่เสียไปไม่เท่ากับเวลาที่เธอไม่อาจหวนย้อนคืน ความโกรธแค้นทำให้การหนีเป็นทางเลือกสุดท้าย แม้ว่าตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าควรทำอย่างไรกับตัวเอง
“น้ำต้องการเวลาสำหรับคิดค่ะ มันเร็วไปที่จะเชื่อว่าอดีตที่เคยเชื่อมันไม่มีอยู่จริง มีคนฆ่าพ่อของน้ำ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยคนชั่วให้ลอยนวล”
อันนาคลายกอดลุกขึ้นมาแล้วไหว้เทวดาและนางฟ้าในชีวิต การรู้ความจริงไม่ได้ทำให้หัวใจแตกสลาย แต่ทำให้ยิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาทั้งสองคนหวังดีขนาดไหน
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยชีวิตน้ำไว้ น้ำสัญญาถ้าตัดสินใจทำอะไรลงไป น้ำจะบอกก่อนค่ะ”
มาเรียเหมือนจะพูดอะไร แต่ภีมส่ายหน้าห้ามไว้ เราสองคนกำหนดชีวิตของอันนามาแล้ว ต่อไปนี้สิ่งใดก็ตามที่ลูกสาวของเพื่อนเลือก เขาจะสนับสนุน อันนาเข้ามากอดมาเรียอีกรอบก่อนจะเดินออกจากห้อง พื้นที่เหยียบราวกับสั่นคลอนไม่มั่นคงดังเดิม
เธอเสียเวลาไป 8 ปีเพื่อกลับมาพบคนที่อาจฆ่าพ่องั้นหรือ ชีวิตของพ่อมีความหมายกับเธอที่สุด คนเลวๆ ต้องชดใช้บ้าง แต่ต้องทำยังไงให้รู้ว่าใครเป็นคนบงการ
แล้วจะมา up ต่อถึงตอนที่ 15 นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ มีจำหน่ายในรูปแบบหนังสือและ e-book แล้วค่ะ
บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ค. 2558, 10:04:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ค. 2558, 10:04:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 1236
<< ตอนที่ 12 ครึ่งแรก | ตอนที่ 13 >> |