แก้วขวัญวันรัก "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
เป็นเรื่องราวต่อยอดมาจาก แก้วขวัญวันรัก
โดยเรานำเรื่องราวของนางเอกทั้งสี่แบ่งพาสเป็นเรืองของตัวเองประกอบไปด้วย
"ประกาสิตรักแก้วกัลยา"
"พันธนาการรักขวัญชีวัน"
"ละลายรักวันวิวาห์"
"กลบ่วงรักรักจิรา"

โดยเรื่องแรกของ แก้วขวัญวันรักที่นำมาให้ได้อ่านกันคือ "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"

แก้วกัลยาพี่สาวของโตของบ้านสิทธิทรัพย์อาภา
เมื่อถูกกดดันให้คลุมถุงชนกับเจษฎา เธอจึงต้องหาทางดิ้นให้พ้นบ่วงนี้
เธอจึงออกปากท้าอากง ว่าจะหาสามีที่ดีมาโชว์ให้ได้
แก้วกัลยาเลือก "เพทาย" ประธานหนุ่มแห่งวินัสมีเดีย
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ผู้ชายที่เธออยากจะเอาชนะใจ
ผู้ชายที่ติดอยู่ในความทรงจำของเธอมาตลอดเจ็ดปี

แก้วกัลยาจะพิชิตใจเพทายได้หรือไม่ติดตามได้ใน "ประกาศิตรักแก้วกัลยา"
Tags: แก้วกัลยา เพทาย ความรัก เดิมพัน

ตอน: ตอนที่ 12 พายุเฮอริเคน


12
พายุเฮอริเคน





แก้วกัลยาเปิดเมนูเลือกสั่งเมนูโปรดอย่างสบายอารมณ์ ที่วันนี้มีโอกาสมาดินเนอร์สองต่อสองกับเพทายอีกครั้ง เมื่อชั่วโมงก่อนดารินทิพย์โทรมาชวนเขามาทานข้าวฉลองที่บ้านเธอ บวกกับวันนี้แม่ดารินทิพย์ไม่อยู่เธอเลยชวนเพทายไปทานข้าวด้วยกัน แต่เพทายกลับเลือกมากับเธอ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรอย่างน้อยเขาก็มากับเธอ แก้วกัลยาคิดอย่างย่ามใจว่าอีกไม่นานเธอจะเขี่ยดารินทิพย์ออกไปได้สำเร็จ รวมถึงเรื่องชนกนาถที่ยังไม่กระจ่าง แต่เธอไม่มีทางให้ถ่านไฟเก่าที่มอดดับมันคุขึ้นมาอีกแน่ เพทายที่รับโทรศัพท์เดินออกไปคุยด้านนอกได้สักพักก็เดินกลับมาที่โต๊ะ แก้วกัลยามัวแต่นั่งอยู่ในภวังค์ความคิดจนไม่เห็น ว่าเพทายเดินมานั่งแล้ว เพทายมองแก้วกัลยาอย่างสงสัย ผู้หญิงคนนี้ชอบยิ้มคนเดียว นี่ถ้าไม่รู้จักกันเขาต้องคิดว่าเธอเป็นพวกมีปัญหาทางจิตแน่นอน

“คุณยิ้มอะไรของคุณ..แก้วกัลยา” แก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นเมื่อถูกเสียงของเขาทักขึ้น เธอยังคงยิ้มให้เขา

“เปล่าค่ะ ฉันแค่ดีใจที่วันนี้คุณเลือกฉันไม่ใช่คุณหนูดาหวัน”

“ตามหน้าที่ครับ คุณช่วยผม ผมตอบแทนก็ยุติธรรมดีนี่ครับ” ใบหน้าที่ยิ้มอยู่หุบฉับลงทันที

“บางทีคุณจะช่วยพูดให้ฉันรู้สึกดีบ้างก็ไม่เป็นไรนะคะ ไม่ต้องพูดตามอะไรที่ใจคิดก็ได้ เพราะมันทำให้ฉันเฟลมาก” แก้วกัลยาปิดเมนูลงอย่างอารมณ์เสีย

“เอาแค่เท่าที่สั่งนั่นแหละ” แก้วกัลยารู้สึกหายอยากอาหาร

“อุ้ยตาย คุณเพชร” แก้วกัลยาหันไปมองคนที่เดินเข้ามา สุจิราเดินขนาบข้างมากับดารินทิพย์ ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญแต่มันไม่บังเอิญแน่นอนเธอมั่นใจ

“ฉันกับดาหวันแวะมาทานอาหารกันค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะ ซูซี่มีเดินแบบที่โรงแรมใกล้ ๆ นี้เอง ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณเพชรกับเธอที่นี่ เห็นดาบอกว่าคุณเพชรมีนัดทานข้าว ใครจะไปคิดว่าจะมาร้านเดียวกันเสียได้” สุจิราปลายตามองมาที่เธอก่อนจะหันกลับไปสนใจเพทาย

“หรอ ฉันไม่คิดว่ามันจะบังเอิญขนาดนั้นนะ ฉันได้ข่าวว่าวันนี้เธอเดินแบบอยู่ที่โรงแรมอควอเทียร์ ห่างจากที่นี่สี่สิบห้าสิบกิโล แถวนั้นร้านอาหารก็เยอะ เธอเจาะจงมาที่นี่ก็ยอมรับมาเถอะ คำโกหกเธอมันไม่เนียนซูซี่” แก้วกัลยาเอ่ย สุจิรามองจิกตามองแก้วกัลยาก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มหวานให้เพทายแทนอีกครั้ง

“ร้านนี้ร้านโปรดของเพื่อนซูซี่ แล้ววันนี้คุณแม่ของดาหวันก็ไม่อยู่ ซูซี่เลยพาดาหวันมาทานอาหารนอกบ้านเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง มัวแต่ทำตัวเป็นกุลสตริผิดยุค ขุกตัวอยู่แต่ในบ้าน คงไม่ทันป้าแก่ ๆ สมัยนี้” สุจิราหันมามองแก้วกัลยานิด ๆ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเพทาย

“เอ่อ...ซูซี่...เราไปนั่งเถอะ เรากวนคุณแก้วกับ....”

“นั่ง...แย่จังนะคะ โต๊ะเต็มแทบทุกโต๊ะแบบนี้พวกเราจะไปนั่งตรงไหนล่ะ” แก้วกัลยากวาดตามองไปรอบ ๆ ร้าน เธอยังมองเห็นโต๊ะที่วางอยู่อีกฝั่งของร้าน และว่างหลายโต๊ะเสียด้วย เธอคิดว่าสุจิราอาจจะใช้ตาตุ่มมองถึงมองไม่เห็นโต๊ะที่ว่างเหล่านั้น

“เปลี่ยนร้านไปสิ” แก้วกัลยาเอ่ยตัดบทขึ้นมาทันควันไม่รอให้สุจิราเอ่ยอย่างที่ใจคิด สุจิราทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของแก้วกัลยา และหันไปยิ้มให้กับเพทาย

“พวกเราขับรถมาตั้งไกล แล้วตอนนี้ดาหวันคงจะหิวแล้ว ดาหวันเป็นโรคกระเพาะทานอาหารไม่ตรงเวลาจะต้องปวดท้องแน่ ๆ คุณเพชรเข้าใจใช่ไหมคะ พวกเราขอนั่งด้วยนะคะคุณเพชร” เพทายหันไปสบตากับแก้วกัลยาที่กำลังมองเขาเหมือนสั่งว่าให้ปฏิเสธ เขาปรายตามองสุจิราและมองไปที่ดารินทิพย์ที่เกาะแขนเพื่อนไว้

“เมื่อกี้นี้เธอยังบอกเลยว่าทำงานใกล้ ๆ เธอจะ...”

“นั่งด้วยกันก็ได้ครับน้องดาคุณซูซี่ คุณแก้ว...” เขามองมาที่เธอ แก้วกัลยาเกิดอาการฉุนขาดขึ้นมาทันที แต่เพราะสายตาของเพทายที่มองเธอเหมือนขอร้องนิด ๆ ทำให้เธอยอมใจอ่อน ขอให้สองคนอย่าทำให้เธอฟิวส์ขาดแล้วกัน เธอรับรองเลยว่าเธอจะคว่ำชามอาหารใส่หัวคนที่ทำให้เธอหมดความอดทนแน่นอน

“ตามใจคุณเถอะค่ะ ไหน ๆ ก็อุตส่าห์ขับรถตามมากันแล้ว อยากทาน หิวจนทนไม่ไหวก็นั่งด้วยกันเถอะค่ะ” ดารินทิพย์มองอย่างไม่สบายใจ เธอจับแขนสุจิรา แต่สุจิรากับจัดแจงเดินไปดึงเก้าอี้และดันดารินทิพย์นั่งลงข้าง ๆ เพทาย ในขณะที่สุจิราเดินมานั่งข้าง ๆ แก้วกัลยา แก้วกัลยามองแขกไม่ได้รับเชิญตาขวาง พยายามใช้มือจิกเก้าอี้เพื่อสกัดกั้นความโกรธที่กำลังพวยพุ่งออกมา

“ถ้าอย่างนั้นซูซี่ขอสั่งอาหารเพิ่มนะคะ น้องคะ” แล้วบริกรก็มานำเมนูมาให้

“น้องดาอยากทานอะไรไหมครับ”

“พี่เพชรสั่งเลยค่ะ น้องดาทานอะไรก็ได้” แก้วกัลยาเบะปากใส่อย่างไม่ชอบใจ เพทายรับเมนูอีกเล่มมาและเปิดดู

“เอาต้มจืดเต้าหู้ ไข่เจียวทรงเครื่อง แล้วก็ยำผักรวมครับ” เพทายสั่งอาหารง่าย ๆ ให้กับดารินทิพย์ แก้วกัลยาเบ้หน้าและคิดในใจ สั่งอาหารจืดให้คนจืด ๆ ชีวิตคงจืดไปทั้งชีวิต

“คุณเพชรนี่น่ารักจังนะคะจำเมนูโปรดของยัยดาหวันได้ด้วย น่าอิจฉาจริง ๆ ว่าไหมคุณแก้ว ไม่สิเรารู้จักกันมานานแต่ก็ไม่สนิทกันเท่าไหร่ คุณแก้วอายุก็เกือบจะสามสิบแล้ว อายุมากกว่าพวกเรา ฉันกับดาหวันขอเรียกพี่แก้วได้ไหม จะได้สนิทกันมากขึ้น” แก้วกัลยากัดริมฝีปากแน่น มือจิกเก้าอี้แรงขึ้น อย่างที่สุจิราพูดเธออายุเกือบจะสามสิบแล้วปีหน้าเธอจะสามสิบแล้ว ส่วนดารินทิพย์พึ่งจะยี่สิบสาม แต่กับยัยสุจิราอายุไม่ได้อ่อนไปกว่าเธอมากขนาดนั้น แต่มาทำตีเนียนเพราะตัวเองคบกับดารินทิพย์ไฮโซสาวอายุน้อยจึงคิดตัวเองก็อายุน้อยตามไปด้วย

“ฉันว่าคงไม่ดีนะ ฉันไม่ค่อยชอบนับญาติกับใครเท่าไหร่ ต่อให้ฉันแก่จนเป็นป้า ฉันก็ไม่ชอบนับญาติกับพวกคนแปลกหน้าหรอก ยิ่งพวกจอมปลอมเสแสร้ง พวกบุญกำลังตกเลยต้องมาคบกับเพื่อนที่มีหน้าตาทางสังคมเพื่อดันตัวเองน่ะ ฉันก็ไม่อยากให้ใครมาเกาะฉันเพื่อมีหน้าในสังคมด้วย”

“แก!!!...เอ่อ...หรอคะ แต่คุณเป็นผู้อาวุโสในสังคม พวกเราเรียกพี่แก้วเหมาะกว่านะคะ จริงไหมคะคุณเพชร” เพทายไม่รู้จะตอบอย่างไร

“แต่เธออายุน้อยกว่าฉันแค่ไม่กี่ปีคงไม่ต้องเรียกพี่หรอก ที่สำคัญฉันไม่ชอบให้ลูกจ้างที่รับงานเดินแบบกับฉันเรียกฉันแบบสนิทสนม เพราะเดี๋ยวจะปืนเกลียว แล้วหิวไม่ใช่หรอ มัวแต่พูดมากแล้วจะได้สั่งไหมอาหารน่ะ รีบสั่งจะได้รีบกินจะได้รีบไป”

“โธ่...ฉันสั่งเสร็จแล้วล่ะค่ะ แต่ระหว่างรออาหารบรรยากาศจะได้ไม่กร่อยก็ต้องคุยกันสิคะ ว่าแต่แขนพี่แก้วยังไม่หายอีกหรอคะ หมอนัดตัดเฝือกเมื่อไหร่คะ” คำว่าพี่แก้วยิ่งทำให้อารมณ์ของแก้วกัลยาเดือด

“อาทิตย์หน้า” แก้วกัลยาตอบกลับไป ดีเหมือนกันเธอควรจะเอาเฝือกเจ้าปัญหานี่ออกก่อนมันจะมาเป็นปัญหาของเธอในภายหลัง เธอรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างประหลาด

“แขนพี่แก้วเป็นหนักขนาดนั้นเลยหรอคะ ใส่เฝือกนานเกือบเดือน แขนพี่แก้วไม่น่าจะเป็นอะไรมากนะคะ” แก้วกัลยาเริ่มรู้สึกหนังตาเธอจะกระตุกอย่างประหลาด

“ฉันเป็นพวกกระดูกเปราะ โดนกระแทกแรง ๆ มันจะหักก็ไม่แปลกหรอก”

“หรอคะ แต่วันนั้นวันที่พี่แก้วโดนรถชน มีคนเห็นว่าพี่แก้วไม่ได้แขนหักนะคะ แต่พออีกวันพี่แก้วมีเฝือกจริงไหมคะ” แก้วกัลยารู้สึกเหมือนกำลังโดนต้อนให้จนมุม เธอมองสายตาของสุจิราออก และรู้ว่าสุจิรามีแผนร้ายกับเธอ

“คงตาฝาดแล้วล่ะ คนแขนหักก็ต้องดามเฝือกเลยสิ จะมาทิ้งไว้ได้ยังไง”

“นั่นสิ ถ้าแขนหักจริง ๆ ล่ะนะ”

“อาหารมาแล้วครับ” เพทายตัดบทเพื่อไม่ให้สองสาวทะเลาะกันกลางวง พนักงานเอามาหารมาวาง แก้วกัลยาแทบจะกินไม่ลง ตักช้อนเพียงแตะ ๆ เท่านั้น ตอนนี้สายตาแก้วกัลยากำลังจ้องมองภาพที่ไม่ต่างจากคู่รักที่ตักอาหารใส่จานให้กัน มันควรจะเป็นเธอไม่ใช่หรอที่ได้รับสิทธิ์นั้น

“คุณเพชรเทคแคร์ดูแลดาดีแบบนี้เมื่อไหร่จะมีข่าวดีคบกันเสียทีล่ะคะ เพื่อนซูซี่เนี่ยรอคุณเพชรนานแล้วนะคะ คุณเพชรให้เพื่อนดาไม่มีหนุ่มมาจีบเพราะคิดว่ามีเจ้าของแล้ว คุณเพชรต้องรับผิดชอบนะคะ” เพทายเงยหน้ามองสุจิราและหันไปมองแก้วกัลยาที่กำช้อนจนมันเริ่มผิดรูป

ครืด

“ฉันขอตัวนะคะ แถวนี้เหม็นอะไรก็ไม่รู้ แก้วขอตัวไปอ้วกก่อน” แก้วกัลยาลุกขึ้นและรีบเดินหนีไป ขืนเธอนั่งอยู่ต่ออีกสักวินาทีเดียวเธอต้องพังโต๊ะแน่ ๆ แผนของเธอกำลังจะไปได้สวยต้องมาพังเพราะยัยคุณหนูตาแบ๊วนั้นคนเดียว แก้วกัลยาเข่นเขี้ยวในใจ เมื่อวิ่งเข้ามาถึงในห้องน้ำสิ่งแรกที่แก้วกัลยาทำก็คือ

“กรี๊ด!!! มารความสุขฉันจริง ๆ เลยนังคุณหนูตาแบ๊ว นังนางแบบตกอับ ทำไมส่งฉันมาต้องส่งเธอสองคนมาด้วย กรี๊ด!!!” แก้วกัลยากรีดเสียงประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับผู้หญิงสองคนที่เดินออกมาใบหน้ามองแก้วกัลยาที่กำลังร้องเหมือนคนบ้า แก้วกัลยาหันกลับไปมองพร้อมตะคอกกลับอย่างพาล

“ไม่เคยเห็นคนกรี๊ดหรือไง เสร็จแล้วก็ออกไปสิ” ทั้งสองรีบวิ่งออกไป แก้วกัลยาหันกลับไปมองภาพตัวเองในกระจก ตอนนี้ใบหน้าสวยกำลังยับยู่ยี่

“ไม่ได้ โกรธมากตีนกาขึ้น แบบนี้ยัยคุณหนูตาหวานนั่นก็สวยกว่าสิ ใจเย็นแก้ว ใจเย็น ดีมาก เธอต้องใจเย็น ๆ อย่างนั้นล่ะ สวย ฉันขัดไม่ให้คุณเพชรกับเธอคบกันไปรอบหนึ่งแล้ว ยังไงฉันก็จะขัดรอบนี้ รอบนี้เป็นของฉัน...” แก้วกัลยาเอ่ย พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น แก้วกัลยามองเบอร์ที่โทรมา โทรมาได้จังหวะจริง ๆ นะ แก้วกัลยากดรับ

“มีอะไรของแกอีก” แก้วกัลยากรอกเสียงลงไป อารมณ์ที่สูงขึ้นเริ่มสงบลง

(เจ๊แก้ว ตัวใช่ไหมที่เป็นคนบอกที่ทำงานของเค้าให้ไอ้เปารู้อ่ะ) แก้วกัลยานิ่งไป เหมือนจะเริ่มนึกบางอย่างออก ใช่สิ เธอยังไม่ได้บอกรักจิรามาวันนี้ปรัชญาจะไปดักรอพบรักจิราที่สำนักงาน

“ฉันไม่ได้บอกไอ้เปานะ...”

(แล้วตัวบอกใครเจ๊แก้ว)

“อากง อากงโทรมาฉันไม่รู้นี่ อยู่ ๆ ก็โทรมาถามว่าแกทำงานที่ไหนฉันก็ตอบไป”

(แล้วตัวไม่เอะใจเลยหรอว่ามันแปลก ตัวรู้ไหมตอนนี้ไอ้เปามันอยู่หน้าสำนักงานเค้าแล้ว แล้วเค้าจะกลับบ้านได้ยังไง เจ๊แก้ว) ใครว่าไม่เอะใจ เธอเอะใจแต่ถ้าเธอไม่ตอบวันหรือไม่ขวัญอาจจะด้วยตามตัว รวมถึงตัวเธอ บางทีอากงอาจมีแผนร้ายอะไรรอเธอถ้าเอไม่บอก เธอต้องเอาตัวรอดก่อน รักจิราเก่งเดี๋ยวก็เอาตัวรอดได้

“ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อยไอ้รัก ฉันก็บอกแกไปแล้วว่าอีกสองวันไอ้เปามันจะมาชวนแกกินข้าว แล้ววันนี้ฉันก็กำลังจะบอกแกว่าไอ้เปามันอาจจะมาดักรอแกที่สำนักงาน แต่...”

(มัวแต่สนใจผู้ชายจนต้องรีบแจ้นไปใช่ไหม) แก้วกัลยารู้สึกเหมือนโดนชกอย่างแรง

“จะแรงไปไหนไอ้รัก ฉันพี่แกนะ เอาล่ะ โทรมาแค่นี้ใช่ไหม ...แค่นี้ก่อนนะ สงสัยจะมีเรื่องแต่หัววันเลย แล้วค่อยคุยกันใหม่...” แก้วกัลยากดตัดสายไปเมื่อเห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเธอจากภาพบานกระจก ไม่ใช่ผี วิญญาณร้าย แต่เป็นตัวมาร แก้วกัลยาหันกลับไปมองผู้หญิงที่ยืนมองเธอผ่านกระจกอยู่ข้างหลัง ใบหน้าที่แสนจะเย่อหยิ่งปรากฏรอยยิ้มเหมือนเย้ยหยันเธอ แก้วกัลยาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า วันนี้เธอไม่อยากมีเรื่องทั้งที่อยากจะเอาเล็บสวย ๆ ของเธอข่วนหน้าใครสักคนในสองตัวมารที่มาจัดขวางเธอ แต่ทางที่ดีเธอควรรอบคอบไว้ก่อนเผื่อยัยนี่จะมีแผน แก้วกัลยาหยิบกระเป๋าทำท่าจะเดินไป แต่สุจิรากลับมายืนขวางหน้าเธอไว้

“ถอยไป”

“เธอนี่ร้ายกว่าที่คิดนะ โกหกหน้าตาย สมกับเป็นมารร้ายอสรพิษ” แก้วกัลยามองคนที่พยายามหาเรื่องเธอ

“ฉันไม่ว่าง ถอยไป อย่าทำให้ฉันอารมณ์เสียไปมากกว่านี้นะซูซี่” สุจิราไม่ยอมถอยหนี แต่เดินหน้าเข้ามา แก้วกัลยาที่วิสัยไม่ใช่คนกลัวยืนนิ่งรอดูว่าสุจิราคิดจะทำอะไร พลันสุจิราก็ก้าวเข้ามากระชากผ้าคล้องแขนเธอออกและโยนทิ้ง แรงกระตุกที่สุจิราดึงผ้าจนขาดทำให้แก้วกัลยาเจ็บเล็กน้อย

“เธอทำบ้าอะไรของเธอ”

“แขนไม่ได้หัก ไอ้นี่ก็ไม่ต้องใช้แล้วมั้ง”

“เธอพูดบ้าอะไรของเธอ” แก้วกัลยาเอ่ย เธอพยายามไม่โมโหแล้วด้วยนะ แต่สุจิรากำลังกระชากอารมณ์โกรธของเธอขึ้นมา และเจ้าตัวดูจะไม่ได้กลัวเกรงเธอเลย

“แขนแกไง หักปลอมไม่ใช่หรอ วันนี้ฉันจะช่วยตัดเฝือกแกเองแล้วพาตัวแกไปหาคุณเพชร พาแกไปให้คุณเพชรดูว่าแกมันโกหก อยากรู้ว่าคุณเพชรรู้เขาจะทำยังไงกับแก” สุจิราหยิบมีดออกมา แก้วกัลยาถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างระมัดระวังนี่เธอคิดว่าเธอบ้าแล้ว แต่มีคนบ้ากว่าเธออีก

“ยัยบ้าเธอจะทำบ้าอะไร”

“ตัดเฝือกปลอมไง” แก้วกัลยาถอยหนีอย่างหวาดระแวง เธอไม่ได้กลัวสุจิราสักนิด สิ่งที่เธอกลัวคือมีดที่สุจิราถือมาด้วย ถ้าเกิดพลาดจากตัดเฝือกมาตัดคอเธอแทนนี่สิเรื่องใหญ่ สุจิราเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ แก้วกัลยาก็ยิ่งถอยหลังหนี แต่เพราะแผ่นหลังชิดกำแพงแล้ว แก้วกัลยาจึงเสี่ยงพุ่งตัววิ่งออกไป แต่สุจิราคว้าดึงมือเธอไว้ได้ทัน

“ปล่อยนะ”

“ปล่อยให้โง่สิ คุณเพชรจะต้องเกลียดแกแน่ถ้ารู้ความจริงว่าแกโกหก”

“บอกให้ปล่อยไง” สุจิราสะบัดมือออก และผลักแก้วกัลยากลับไปชนกับผนัง และเดินถือมีดเข้ามาดั่งฆาตกรโรคจิตที่เธอเห็นในหนัง

“เธอจะเอาไอ้มีดนี่มาตัดเฝือกฉันได้ยังไง”

“ฉันจะทำให้เธอดูไงล่ะว่ามันตัดยังไง ฉันตัดให้ฟรีไม่เสียเงินมานี่” ซูซี่กระชากแขนข้างที่ใส่เฝือกเข้าไป พร้อมเงื่อมีดขึ้นทำท่าจะตัดเฝือก

แก้วกัลยาหน้าซีดเผือดเธออยากจะบอกเหลือเกินนี่มันแขนคนนะไม่ใช่ทุเรียนที่จะถือมืดมาผ่ากันง่าย ๆ และก่อนที่สุจิราจะได้ลงมีดกับเฝือกของเธอแก้วกัลยาก็อาศัยจังหวะสุจิราเผลอสะบัดแขนข้างที่สุจิราจับอยู่ออกไป และใช้เท้าถีบเข้าที่ท้องน้อยสุจิราจนสุจิราล้มลงไปนอนกับพื้น พร้อมกับมีดในมือที่กระเด็นหลุดไปด้วย แก้วกัลยาหันไปไปหยิบถังน้ำถูพื้นที่วางอยู่มุมห้องน้ำขึ้นมาก่อนจะสาดออกไปด้วยความสะใจที่ได้เอาคืน

ซ่า!!!

“กรี๊ด!!!” สุจิราร้องกรีดเสียงดังราวกับโดนน้ำมนต์

“โทษฉันไม่ได้นะ เธอหาเรื่องฉันก่อน” แก้วกัลยาคว้ากระเป๋ารีบก้าวเท้าวิ่งออกจากห้องน้ำไป ใครจะอยู่รอให้สุจิราคว้ามีดวิ่งตามไล่แทงเธอล่ะ และที่สำคัญเธอต้องรีบพาเพทายออกจากที่นี่ ก่อนที่สุจิราจะมาบอกความจริง ทางที่ดีพรุ่งนี้เธอจะต้องไปผ่าเฝือกออกทีนี้ก็ไม่มีหลักฐานมาฟ้องเพทายแล้ว

ตุบ!!!

“โอ๊ย...”

“คุณแก้ว” แก้วกัลยาเงยหน้าขึ้นมอง

“คุณเพชร”

“ครับ ผมเห็นคุณออกมานานแล้ว คุณซูซี่ก็บอกว่าจะมาตามคุณก็หายเงียบไป เป็นหรือเปล่าครับ แล้วทำไมสภาพคุณเยินแบบนี้ แขนคุณ...”

“คนบ้าค่ะ ฉันเจอคนบ้าในห้องน้ำ”

“คุณบอกพนักงานหรือยัง”

“ไม่ต้องแล้วค่ะ คนบ้ามันวิ่งหนีไปแล้ว คือ...ฉันไม่หิวแล้ว ฉันเหนื่อย ฉันอยากกลับบ้านเรากลับบ้านกันนะคะคุณเพชร” แก้วกัลยาเอ่ยรัวชนิดที่เพทายยังพูดแทรกไม่ทัน

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า คุณพึ่งทานข้าวไปไม่กี่คำเองนะครับ”

“ฉันไม่หิวแล้ว กลับนะคะ นะคะคุณเพชร ฉันรู้สึกปวดหัวยังไงก็ไม่รู้” เพทายพยักหน้า แก้วกัลยาจับมือเขาและลากเขาให้ตามออกไป

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ แกทำฉันแล้วจะหนีหรอนังแก้วอสรพิษ” แก้วกัลยาไม่ยอมหยุด สุจิราที่สภาพเปียกปอนถอดส้นสูงทิ้งและวิ่งมาดักหน้าแก้วกัลยาไว้

“คุณสุจิรา...” เพทายมองสภาพสุจิราที่ดูแย่กว่าแก้วกัลยามาก

“เธอยังไม่ไปไหนไม่ได้จนกว่าฉันจะกระชากหน้ากากเธอ”

“คุณซูซี่ผมว่าคุณกลับบ้านดีไหมครับ” เพทายมองสุจิราที่กำลังจะหาเรื่องแก้วกัลยา

“ซูซี่ไม่กลับจนกว่าจะได้บอกความจริงกับคุณเพชร”

“ซูซี่” ดารินทิพย์ที่วิ่งออกมาจากร้านวิ่งเข้าไปหาเพื่อน เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่หน้าร้าน

“คุณมีอะไรจะบอกผม”

“คุณเพชร...”

“ก็ยัยแก้วอสรพิษโกหกคุณว่าเข้าเฝือกไงคะ เฝือกที่ใส่อยู่ก็ใส่ไปอย่างนั้น แขนยัยนี่ไม่ได้หักยัยนี่แค่หาเรื่องมากดดันคุณ หาทางเข้าใกล้ชิดคุณ ยัยแก้วอสรพิษนี่หลอกคุณค่ะคุณเพชรตั้งแต่ต้น”

“ไม่จริงนะคะ” แก้วกัลยาเอ่ย “ฉันไม่กล้าเอาเรื่องพวกนี้มาล้อเล่นหรอกค่ะ คุณอย่าไปเชื่อยัยซูซี่นะคะ ใคร ๆ ก็รู้ว่ายัยนี่ไม่ชอบหน้าฉัน หาเรื่องใส่ความฉันตลอด”

“แกกล้าไปผ่าเฝือกออกไหมล่ะ” แก้วกัลยามองสุจิราที่กำลังยิ้มอย่างมีชัย แต่ชัยครั้งนี้มันต้องเป็นของเธอสิ

“กล้าสิ ถ้าเธออยากเห็นฉันจะไปผ่าให้ดู ตอนนี้เลยไหมล่ะ” แก้วกัลยาเอ่ย สุจิราทำหน้าเหมือนข้องใจที่แก้วกัลยากล้าพูดออกมาอย่างไม่กลัวความจริง

“ไปค่ะคุณเพชรไปผ่าเฝือก ซูซี่จะได้เลิกจับผิดฉันสักที” แก้วกัลยาดึงแขนเพทายให้เดินตาม

“ไม่ต้องหรอกครับ คุณอยากกลับบ้านไม่ใช่หรอ ผมจะพาคุณกลับบ้าน”

“คุณเพชรคะ คุณไม่เชื่อฉันหรอ นังแก้วอสรพิษเนี่ยไม่ได้แขนหัก ก็แค่ใส่เฝือกเล่นละคร หลอกตบตาคุณเพื่อจะได้ใกล้ชิดกับคุณ นังนี่มันหวังจะเครมคุณ เหมือนที่มันเครมผู้ชายคนอื่น ที่สำคัญคุณกำลังจะตกลงกับเพื่อนฉัน แล้ว...”

“ผมขอตัวนะครับ ค่าอาหารให้ส่งบิลด์ไปที่บ้านผม ไปครับคุณแก้ว” เพทายเอ่ยและพาแก้วกัลยาไปที่รถ สุจิรามองตามอย่างขุ่นเคืองใจ เธอจะกระชากหน้ากากแก้วกัลยาได้อยู่แล้ว

“ฉันไม่ยอมหรอก ยังไงคุณเพชรก็ต้องรู้ธาตุแท้ของแก”

“ซูซี่” ดารินทิพย์รีบวิ่งตามสุจิราออกไป







“พี่แก้วคะ” แก้วกัลยายืนนิ่งเสียงที่เรียกมันคุ้นหูมาก คุ้นจนเธอไม่อยากหันไปมองแต่เพทายกลับเป็นคนหันไปก่อนทั้งที่เธออยากจะลากเข้าขึ้นรถ ทั้งที่รถอยู่ตรงหน้าเธอแท้ ๆ อีกนิดเดียวเธอก็จะรอดอยู่แล้ว

“พี่แก้ว” แก้วกัลยาค่อย ๆ หันกลับไปฉีกยิ้มกว้างให้กับยิหวาคุณหมอคนสวยผู้เป็นเพื่อนกับวันวิวาห์นั่นเอง

“พี่แก้วจริง ๆ ด้วย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ถ่ายละครเป็นไงบ้างคะ” เพทายมองผู้หญิงที่บีบมือเขาแน่น แก้วกัลยาพยายามส่งสายตาไปให้ยิหวา แต่ยิหวาดูเหมือนจะไม่รู้ข้อความทางสายตาของแก้วกัลยา

“คุณถ่ายละครด้วยหรอ ผมไม่เห็นรู้” เพทายถามอย่างสงสัย

“ก็...”

“ถ่ายละครนี่ต้องใส่เฝือกไหมคะ” สุจิราเดินออกมา เธอยอมอยู่ในสภาพนี้จนกว่าเธอจะเอาคืนแก้วกัลยาได้

“ดิฉันก็ไม่รู้ แต่พี่แก้วกำลังซ้อมบทอยู่ แล้วเมื่อไหร่จะไปตัดเฝือกออกค่ะ ไหนว่าจะใส่สักอาทิตย์ไงคะ มันไม่ดีนะคะใส่เผือกนาน ๆ แบบนั้น” แก้วกัลยาสัมผัสได้ว่ามือของเพทายหลุดจากการเกาะกุมของเธอแล้ว

“คุณแก้วไม่ได้แขนหักหรอคะ” สุจิราแสร้งถามต่อ

“ไม่นี่คะ อาการพี่แก้วปกติเกือบทุกอย่างนอกจากรอยช้ำก็ไม่มีอะไรแล้วค่ะ พี่แก้วแข็งแรงกว่าคนไข้ทั่วไปด้วยซ้ำ อ้าวทุกคนไม่รู้หรอคะพี่แก้วกำลังซ้อมเป็นคนแขนหัก” แก้วกัลยารู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังพังลงให้พริบตาเธอมองเห็นแววตาสะใจมาจากสุจิรา สายตาใสซื่อของดารินทิพย์ งวยงงของยิหวา และสายตาผิดหวังจากเพทาย เรื่องมันจะจบอยู่แล้ว ทำไมเธอมาตายตอนจบแบบนี้

“คุณเพชร” แก้วกัลยาหันไปมองเพทายที่ถอยหลังออกห่างจากเธอ

“คุณเพชรคุณฟังฉันก่อนนะคะ ฉันอธิบายได้ คุณเพชร คุณเพชร” แก้วกัลยาไม่ยอมให้เพทายเดินหนีรีบวิ่งมาดักหน้าเขาไว้ เพทายไม่ยอมมองหน้าเธอ ใบหน้าของเขาเฉยชาขึ้นมาอีกครั้งเหมือนช่วงที่เขากับเธอยังไม่สนิทกัน

“คุณเพชร ฉัน...”

“ผมขอตัวนะครับ แขนคุณก็ปกติ ผมคงไม่ต้องดูแลคุณแล้ว แล้วสัญญาของเราทั้งหมดถือเป็นโมฆะ จากนี้ผมกับคุณเราควรจะอยู่ห่าง ๆ กันจะดีที่สุด ขอบคุณมากสำหรับที่ช่วยผมในทุกเรื่อง ถือว่าการที่ผมเป็นของเล่นชั่วคราวของคุณเป็นการตอบแทนแล้วกัน แต่ถ้าคุณอยากได้ค่าตอบแทนที่มากกว่านี้ถ้าไม่ยากเกินไปผมจะทำให้ ผมขอตัว”

“คุณโกรธฉันหรอ”

“ผมไม่ได้โกรธครับ” เพทายเอ่ยตอบเสียงเรียบ

“คุณไม่โกรธฉันแล้วทำไมต้องหนี ทำไมไม่มองหน้าฉันล่ะ ฉันไม่ผิดนะ ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้คุณจะยอมให้ฉันเข้าใกล้คุณ ให้ฉันอยู่กับคุณหรอ ที่ฉันทำฉันไม่ได้หวังร้ายอะไรเลยนะคะ” เพทายมองแก้วกัลยาด้วยสายตาที่ผิดหวังมาก

“ครับคุณไม่ผิด แต่ผมไม่อยากฟัง ผมอยากอยู่คนเดียว” แก้วกัลยาจับแขนเขาไว้ก่อนเขาจะเดินหนีไป

“ไม่...”

“คุณแก้ว ผมไม่อยากเกลียดคุณหรอกนะ ผมขอร้อง ปล่อยผมไปเถอะ แล้วผมจะถือว่าเรื่องพวกนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น แต่คุณอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีกเลยนะ ผมขอร้อง อย่าให้ผมต้องเสียความรู้สึกกับคนที่ผมคิดว่าเขาต่างจากที่ผมคิดไว้มากไปมากกว่านี้เลย”

“แล้วสัญญาของเราล่ะ” แก้วกัลยาทวงสัญญา

“สัญญามันเป็นโมฆะไปตั้งแต่คุณหลอกผมแล้ว ปล่อยผมเถอะครับคุณแก้ว”

“ไม่ ฉันไม่ยอม”

“ผมไม่อยากเป็นคนใจร้ายทั้งที่คุณช่วยผมไว้หลายต่อหลายครั้ง ผมไม่เกลียดคุณหรอกคุณแก้ว แต่จะให้ผมมองหน้าคุณตอนนี้ ผมทำไม่ได้ ผมขอโทษ ผมขอตัวนะครับ” เพทายมองมือของเขาที่ยังถูกแก้วกัลยาจับไว้แน่น เขาหลบตาเธอก่อนจะดึงมือออก

“คุณเพชร!!!” แก้วกัลยามองเขาด้วยดวงตาสั่นไหวและจับมือเขาไว้แน่นกว่าเดิมไม่ยอมให้เขาดึงออกไปได้ง่าย ๆ เธอไม่ปล่อยเขา ไม่ปล่อยเด็ดขาด

“ดา!!! คุณเพชรช่วยดาด้วยค่ะ ดาหวันเป็นลมไปแล้วค่ะ” เพทายพยายามดึงมือออก แต่แก้วกัลยาพยายามยื้อไว้สุดท้ายเขาตัดสินใจทำสิ่งที่ใจร้ายคือสะบัดมือแก้วกัลยาออก ร่างของแก้วกัลยาเซถลาถอยไปชนกับรถคันที่จอดอยู่ด้านหลัง เขาหันไปมองเหมือนลังเลอะไรบางอย่าง ทำท่าจะเดินไปช่วยแก้วกัลยาที่ดูเหมือนจะเจ็บจากแรงกระแทก

“คุณเพชร ยัยดานิ่งไปแล้วค่ะ” เพทายตัดสินใจหันหลังวิ่งไปอุ้มดารินทิพย์วิ่งขึ้นรถเขาไป แก้วกัลยามองตามเขาไปด้วยสายตาเจ็บปวดเจ็บใจ ทำไมเธอจะไม่เห็นว่าสุจิรากระซิบสั่งให้ดารินทิพย์แกล้งเป็นลม

สุจิรามองแก้วกัลยาและยิ้มเยาะด้วยความสะใจก่อนจะเดินตามขึ้นรถไป แก้วกัลยากำมือแน่นอย่างแค้นใจ เธอต้องเอาคืนแน่ หลังจัดการปัญหาของเธอเสร็จ แก้วกัลยามองตามไฟท้ายรถของเพทายที่เลี้ยวหายลับไป

“พี่แก้ว...เอ่อ..ยิหวาพูดอะไรพูดไปไหมคะ หวาขอโทษ”

“ช่างเถอะ” ปากบอกช่างเถอะแต่พายุกำลังก่อตัวขึ้น ยิหวาทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนหน้าซีด ยามดวงตาคู่สวยคมดุตวัดมามองเธอแทบอยากจะสลายหายไป แก้วกัลยาหันไปเห็นลูกค้าในร้านที่ยืนเกาะระเบียงร้านมองลงมา ด้วยความพาลและหาที่ลงไปได้จึงเอ่ยตวาดออกไป

“มองอะไร จะกินกันไหมข้าวน่ะ ยุ่งเรื่องของชาวบ้านมีเวลาเยอะนักหรือไง” แก้วกัลยาหยิบกระเป๋าที่ตกบนพื้นและวิ่งออกจากร้านไป คืนนี้คงมีอีกหลายคนได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนที่กำลังก่อตัวใหญ่ขึ้นและอยากเกินควบคุม







“กรี๊ด!!!!” แก้วกัลยากรีดร้องเมื่อรถแท็กซี่จอดลงที่หน้าสปา พนักงานเริ่มอลหม่านอีกครั้ง พวกเธอได้แต่หลบุมยืนมองพายุที่ใหญ่กว่าทุกครั้ง แก้วกัลยาที่ก้าวเข้ามาในสปาได้เพียงก้าวเดียวก็เริ่มปัดของโน่นนี่ตกลงมา

เพล้ง!!!

เพล้ง!!!

เพล้ง!!!

เสียงข้าวของแตกกระจายทำเอาพนักงานทุกคนสะดุ้งไม่กล้าเข้าไปห้ามปราม จานที่ใช้ปาในห้องระบายอารมณ์หมดแล้ว ล็อตใหม่จะมาวันพรุ่งนี้ดังนั้นถ้าไม่มีอะไรรับอารมณ์ร้าย ๆ ของแก้วกัลยามีหวังคนที่โดนหางพายุอาจเป็นพวกเธอ แก้วกัลยาไม่ได้อาละวาดด้วยกันตบตี แต่เธอจะด่า ๆ ๆ ไม่หยุด จนไม่รู้ว่าหายใจทางผิวหนังหรือเปล่า

“กรี๊ด!!!!” แก้วกัลยาร้องไม่หยุด เธอวิ่งกลับเข้าไปในห้องทำงานและเริ่มมหกรรมปาข้าวของ

“คุณคิดว่าคุณเป็นใครคุณเพชร คุณกล้าปฏิเสธผู้หญิงที่สวย รวย เก่งอย่างฉันหรอ คุณมันโง่ที่สุด โง่ โง่ โง่!!!” เมื่ออาละวาดจบข้าวของก็ปาไปต่อไม่หยุด เธอไม่เคยโกรธขนาดนี้ และคนที่ต้องรับผิดชอบต้องเป็นยัยสุจิรา เธอจะทำให้ยัยนั้นรู้ว่าการมีเรื่องกับคนอย่างเธอมันจะเป็นอย่างไร สงสัยพักนี้ฉายามารร้ายอสรพิษของเธอมันจะเงียบไป เธอจะจัดการยัยนั้น เอาให้ไม่มีหน้าออกมายืนอยู่บนสังคมเลยคอยดู

“กรี๊ด!!! ผมกับคุณเราควรจะอยู่ห่าง ๆ กันมันน่าจะดีที่สุด”

เพล้ง

“แล้วผมจะถือว่าเรื่องพวกนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น แต่คุณอย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก”

เพล้ง!!!

“สัญญามันเป็นโมฆะไปตั้งแต่คุณหลอกผมแล้ว ปล่อยผมเถอะครับคุณแก้ว”

เพล้ง!!!!

“ผมไม่อยากเป็นคนใจร้ายทั้งที่คุณช่วยผมไว้หลายต่อหลายครั้ง ผมไม่เกลียดคุณหรอกคุณแก้ว แต่จะให้ผมมองหน้าคุณตอนนี้ ผมทำไม่ได้ นี่ยังไม่ใจร้ายอีกหรอ แล้วที่ฉันทุ่มเทให้คุณไม่มีความหมายเลยหรือไงคุณเพชร คุณมองไม่เห็นความจริงใจของฉันเลยหรือไง” แก้วกัลยาหันไปมองรูปกรอบใหญ่ของเพทายที่แบนอยู่หลังโต๊ะทำงาน แก้วกัลยาคว้าที่ทับกระดาษรูปตุ๊กตาเต้นระบำที่ทำจากคริสตัลง้างขึ้นเตรียมจะปาไปที่รูปของเพทาย

“คุณเพชร!!!”

เพล้ง!!!

ตุ๊กตาคริสตัลตัวนั้นไม่ได้ปาใส่ไปที่รูปแต่ปากลับไปที่ผนังห้องเช่นเดิม แม้แต่รูปเธอยังตัดสินใจทำร้ายเขาไม่ลง ทำไมเธอต้องไปหลงรักผู้ชายใจร้ายคนนี้ด้วยนะ

“ฉันอยากเกลียดคุณ อยากเกลียด อยากเกลียด แต่ทำไมถึงไม่เกลียด ทำไมฉันต้องกลายเป็นยัยหน้าโง่ด้วย แล้วคุณจะต้องเสียใจ ฉันจะทำให้คุณเสียใจที่กล้าทำกับฉันแบบนี้ ฉันจะทำให้คุณต้องรู้สึกผิด รู้สึกเสียใจ” แก้วกัลยาเอ่ยเสียงดังและพังทุกอย่าง เธอทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บใจ ทั้งแค้นใจ ทุกอารมณ์มันมะรุมมะตุ้มกันไปหมด

เพล้ง!!!

เพล้ง!!!

โครม!!!

“ทำไงดีขืนปล่อยไว้แบบนี้ คุณแก้วพังร้านแน่ ๆ คุณมงกุฎก็ไม่อยู่ คุณมิลาก็ไม่อยู่เอาไงดี”

“ถ้าในห้องไม่มีอะไรให้พังเธอต้องออกมาพังสปาแน่ ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยเห็นคุณแก้วโกรธ โมโหขนาดนี้ อย่างมากถ้าโมโหไม่เคยพังของในร้านเลย เอาไงดีพวกเรา ก่อนพวกเราจะซวยเป็นลำดับต่อไป”

“คุณขวัญไม่อยู่ คุณวันไม่อยู่ โทรตามคุณรัก คุณรัก โทรสิ เดี๋ยวฉันจะไปดูสถานการณ์ก่อน” พนักงานในร้านคนหนึ่งหยิบโทรศัพท์โทรหารักจิรา ที่เป็นตัวช่วยสุดท้าย แม้วิธีรักจิราจะห่ามไปบ้างแต่ไม่มีใครสามารถหยุดพายุเฮอริเคนได้นอกจากสามพี่น้องด้วยกันอีกแล้ว





“คุณแก้วอย่านะคะ อย่ากระโดดลงมานะคะ มันอันตรายนะคะคุณแก้ว” พนักงานที่ซุ่มอยู่เผยตัวออกมาเมื่อเห็นแก้วกัลยากำลังจะกระโดดลงจากบันไดที่สูงเกือบยี่สิบขั้น ตกมาแม้ไม่ตายแขนขาก็ต้องหักบ้างแหละ

“ถอยออกไปให้หมด ฉันจะกระโดด”

“คุณแก้ว”

“ตัวทำอะไรน่ะเจ๊แก้ว” เสียงรักจิราที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาดังขึ้น ทั้งหมดถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างน้อยก็ ถ้ารักจิรามาแก้วกัลยาอาจจะปลอดภัย...หรือเปล่านะ

“ถอยไปเลย ฉันจะกระโดดลงไป ถ้าฉันเจ็บจริง ๆ คุณเพชรจะต้องรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ฉันต้องเจ็บตัว ทีนี้คุณเพชรจะได้หายโกรธฉันสักที ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันก็แค่อยากให้เขาให้โอกาสฉันบ้างไม่ใช่ปิดประตูหนีแบบนี้”

“ตัวโง่หรือตัวบ้ากันแน่เจ๊แก้ว ตัวนี่มันไอคิวสูงแต่อีคิวต่ำสุด ๆ ตัวจบปริญญาโทมาได้ยังไง ตัวคิดได้แค่นี้หรอ เค้าเคยคิดว่าตัวฉลาดมาตลอด มารร้ายอสรพิษคนเดิมหายไปไหน ใครเอาวิญญาณยัยโง่มาใส่ร่างของเจ๊แก้วกัน”

“กรี๊ด!!! แกว่าใครไอ้รัก”

“ก็ว่าตัวนั่นแหละ ตัวคิดว่าตัวทำแบบนี้คุณเพชรเขาจะรู้สึกผิด และหายโกรธหรอ เค้าว่าคุณเพชรจะเกลียดตัวมากกว่าเดิมอีก คุณเพชรเธอเกลียดผู้หญิงขี้ตื้อ โกหก แต่ก็เกลียดผู้หญิงโง่มากเหมือนกัน และตัวกำลังจะเป็นยัยโง่ ไอ้ความฉลาดที่ช่วยเขาที่ผ่านมาจะถูกหักล้างหมดในคราวเดียว”

“แกว่าฉันหรอไอ้รัก”

“ไม่ได้ว่า แต่เค้ากำลังด่า เค้าเตือนตัวแล้วนะว่าให้เลิกแต่ตัวก็ดึงดันจะทำ ทุกอย่างมันเป็นเพราะตัวของเจ๊เอง ไม่เคยเชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันผิด คิดตลอดว่าตัวเองถูก แล้วทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิดก็มาอาละวาดเป็นยัยบ้าน่าสมเพช ตัวอายุจะสามสิบแล้วนะเจ๊แก้ว ยังทำตัวอาละวาดเป็นเด็ก ๆ ที่สำคัญตอนนี้ตัวเป็นเจ้านาย มีลูกน้องเยอะแยะ ทำแบบนี้ใครจะมาเคารพตัวอีก เอาล่ะ อยากกระโดดเรียกร้องความสนใจใช่ไหม กระโดดลงมาเลยสิเจ๊แก้ว ถ้าตัวไม่กระโดดเค้าจะขึ้นไปผลักตัวลงมาเอง”

“แกท้าฉันหรอ”

“ใช่ กระโดดลงมา แต่ถ้ากระโดดลงมาแล้ว ตัวต้องคลานไปหารถพยาบาลเองนะ ตอนนี้เค้าไล่ทุกคนกลับไปหมดแล้ว เค้าจะไม่ช่วยตัวแน่ ๆ เมื่อทำตัวเองก็ช่วยตัวเองเถอะ กระโดดลงมา อ้อ...จะบอกอะไรให้นะ ถ้าพลาดเอาหน้าลง หน้าเละขึ้นมาสวยสู้คุณดาหวันไม่ได้ทีนี้จะมาโอดครวญไม่ได้นะ” แก้วกัลยาชะงักทันที

...จริงสิ ถ้ากระโดดลงไปแล้วพลาดหน้าเธอเละพังหมดสวย เธอทำใจไม่ได้แน่ ๆ แล้วถ้าคุณเพชรรู้ คุณเพชรจะไม่ได้แค่จะโกรธ แต่จะเกลียดเธอไปด้วยเพราะเธอมันโง่และน่าสมเพช...

“ปัญหามันอยู่ที่ตรงไหนก็ไปแก้ที่ตรงนั้น อย่าสร้างปัญหาต่อด้วยปัญหาสิเจ๊แก้ว ผิดก็ยอมรับผิดและขอโทษมันก็จบ ตัวขอโทษคุณเพชรเขาหรือยัง”

“ฉันไม่ผิด” รักจิราส่ายหน้ากับพี่สาวที่โตแต่ตัว แต่นิสัยของเธอไม่เคยโตไปเลย ยังคงเป็นคุณหนูที่เชื่อมั่นใจความคิดของตัวเอง
“นั่นไง แบบนี้ไงคุณเพชรถึงโกรธ ตัวลองนึกสิ นึกดี ๆ ว่าที่ตัวโกหกมันผิดจริงไหม นึกสิ เวลาตัวโดนคนอื่นหลอกตัวรู้สึกยังไง คุณเพชรเขาก็รู้สึกแบบนั้นแหละ แล้วยิ่งตัวไม่รับผิดคุณเพชรเขาก็ยิ่งโกรธ เค้าบอกเลยนะเวลาคนเราทำผิดแล้วขอโทษมันไม่น่าอายเลย บางทีวิธีเบสิคด้วยการพูดขอโทษอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดก็ได้ ตัวไม่ต้องลงทุนกระโดดลงจากชั้นบนเพื่อพิสูจน์ใจให้ต้องเจ็บตัวเล่น ๆ ถ้าไม่ได้ผลมีแต่ตัวนั่นแหละที่จะเจ็บ เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ”

“จบหรือยัง”

“นี่ตัวไม่เข้าใจที่เค้าพูดเลยหรอ เอาล่ะอยากกระโดดก็กระโดดลงมาเลย แต่เงื่อนไขเดิม เค้าและพนักงานทุกคนจะไม่ช่วยหามตัวไปส่งโรงพยาบาล ไม่โทรตามให้ด้วย ตัวคลานออกไปเองแล้วกัน”

“ยัยรักแกมันใจดำจริง ๆ ฉันเป็นเจ้แกนะ และที่ถามว่าจบหรือยังฉันจะกลับแล้ว ฉันไม่โง่ขนาดฟังไม่รู้เรื่อง คิดไม่ได้ และฉันจะไม่ยอมหน้าเละ กลายเป็นคนไอคิว อีคิวต่ำให้คุณเพชรไม่ชอบฉันไปมากกว่านี้หรอก” แก้วกัลยาเอ่ยและหันหลังจะเดินกลับเข้าห้องทำงานแต่เท้ากลับไปเหยียบผ้าผืนหนึ่งที่หล่นอยู่บนพื้นตอนที่แก้วกัลยาอาละวาดปัดของล่วงลงมา ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก รักจิราเองก้ตกใจตาค้างเมื่อร่างของพี่สาวถลาลื่นลงสู่พื้นเบื้องล่างในทันที

“กรี๊ด!!!”

“เจ๊แก้ว / คุณแก้ว” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกับเมื่อร่างของแก้วกัลยาล่วงลงจากชั้นบนและกลิ้งลงมาหยุดอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย รักจิราเรียกสติกลับคืนมาเป็นคนแรก

“โทรตามรถพยาบาลสิยืนทำอะไรกันอยู่ เจ๊แก้ว ตัวไม่เป็นอะไรใช่ไหม เจ๊แก้ว” รักจิราวิ่งเข้าไปทำท่าจะประคองแต่กลัวว่าถ้าแก้วกัลยากระดูกหักหรือแตกจะแย่จึงได้แต่เดินมานั่งลงข้าง ๆ ด้วยความเป็นห่วง ดวงตาฉายแววกังวลตอนที่แก้วกัลยาล่วงหล่นลงมาเธอรู้สึกใจหายวาบไปทันที เธอไม่อยากจะพูด แต่คงต้องพูดว่านี่มันกรรมตามสนองหรือเปล่า ไปโกหกไว้เลยต้องมาเจอแบบนี้



...ติดตามตอนต่อไป...


เป็นบนเรียนให้กับเจ๊แก้วไปอีกนานสำหรับตอนนี้
มาเอาใจช่วยว่าเจ๊แก้วจะยอมง้อคุณเพชรไหม
และจะแก้ตัวยังไงต่อไป พบกันในตอนหน้าค่ะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.ค. 2558, 14:36:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.ค. 2558, 14:36:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 951





<< ตอนที่ 11 ปิดคดีภีมะ   ตอนที่ 13 ห่วงหา >>
yapapaya 5 ก.ค. 2558, 23:33:23 น.
สู้ต่อไปเจ้ ไม่มีคุณเพชร ก็ยังมีเฺฮียเจษให้อ้อน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account