ลองรัก
ศิญาดา...หญิงสาวโลกส่วนตัวสูง
กับ
เจค...หนุ่ม(ที่เคย)มาดขึม
เมื่อสวิตซ์หัวใจถูกเปิดเพียงแค่สบตา ชายหนุ่มพยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองหัวใจเธอ ส่วนหญิงสาวกลับตั้งมั่นที่จะรักษากำแพงโลกส่วนตัวเอาไว้ให้ตลอด
...สุดท้าย ระหว่าง "เขา" กับ "เธอ" จะลงเลยกันได้อย่างไร ติดตามได้ใน...
~~~~ ลองรัก~~~~
กับ
เจค...หนุ่ม(ที่เคย)มาดขึม
เมื่อสวิตซ์หัวใจถูกเปิดเพียงแค่สบตา ชายหนุ่มพยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองหัวใจเธอ ส่วนหญิงสาวกลับตั้งมั่นที่จะรักษากำแพงโลกส่วนตัวเอาไว้ให้ตลอด
...สุดท้าย ระหว่าง "เขา" กับ "เธอ" จะลงเลยกันได้อย่างไร ติดตามได้ใน...
~~~~ ลองรัก~~~~
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ไม่อยากจะเชื่อสายตา 100%
“สวัสดีค่ะ” ประโยคทักทายพื้นฐานถูกปล่อยออกจากริมฝีปากบางอย่างอัตโนมัติ
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ” สายตาที่ส่งมาพร้อมกับประโยคดังกล่าวทำให้หัวใจของศิญาดาเต้นรัว
“เช่นกันค่ะ” ‘นี่เราเป็นอะไรไปเนี้ย’ ศิญาดาได้แต่คิดในใจ
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” เจคเสนอตัว โอกาสที่จะได้รู้จักเธอมาถึงแล้วเขาไม่ยอมพลาดแน่
“เชิญค่ะ” ภาษาอังกฤษที่เข้ากรุไปแล้วตั้งแต่ตอนเรียนทำให้คิดหนักว่าจะถ้าเกิดเขาคุยมากว่านี้เธอคงแย่แน่
“ผม..เจคครับ” ชายหนุ่มชิงแนะนำตัวก่อนเพื่อเป็นในเบิกทาง
“ฉัน..ศิญาดาค่ะ”
“คุณพักอยู่แถวนี้หรอครับ ขอโทษที่ถามแบบนี้ เพราะผมเจอคุณที่งานสัปดาห์หนังสือซึ่งมันไกลจากที่นี่มาก” เจคออกตัวเพราะกลัวว่าเธอจะหาว่าเขาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเกินไป
“เปล่าค่ะ พอดีฉันมาทำงานน่ะค่ะ” แล้วเรื่องที่เธอคิดไว้ก็ไม่ผิดเมื่อเขาเล่นพูดมาซะยาวแบบนี้ หญิงสาวพยายามอย่างเต็มที่ที่จะขุดภาษาอังกฤษที่อยู่ในกรุออกมา
“คุณไม่สบายรึเปล่าครับ” เมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทีครุ่นคิดจึงถามอย่างเป็นห่วง
“เปล่าค่ะ” ศิญาดาส่งยิ้มแรกตั้งแต่เจอกันครั้งที่สองให้เขา แล้วเสียงของพนักงานก็เรียกให้ไปรับกาแฟที่สั่งไว้ก็ดังขึ้นทำให้ศิญาดารีบลุกขึ้นเพื่อเดินไปรับกาแฟ
“ขอตัวก่อนนะคะ”
“ขอให้ผมได้เลี้ยงกาแฟคุณวันนี้ได้ไหมครับ” เมื่อเห็นเธอกำลังจะเดินจากไปชายหนุ่มจึงรีบยืนขึ้นแล้วหาวิธีรั้งไว้
“ขอบคุณนะคะ แต่อย่าดีกว่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ
“ให้ผมเลี้ยงเถอะนะครับ ถือว่าเพื่อการที่เราได้พบกันอีกครั้ง” ชายหนุ่มยังคงยืนยันเจตนาเดิม
ท่าทีของเขาทำให้ศิญาดาไม่แน่ใจ จะหาว่าเธอมองโลกในแง่ร้ายก็ได้ หรือไม่เขาอาจจะทำทีเป็นเข้ามาตีสนิทแล้วอาจจะหลอกลวงเธอก็เป็นได้ ยิ่งเขายังยืนยันที่จะเลี้ยงกาแฟเธอเธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจเขามากขึ้น
“ขอโทษครับที่ผมทำให้คุณลำบากใจ” เมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของเธอทำให้เจคจึงกล่าวขอโทษ “ถ้าคุณไม่สบายใจที่ผมจะเลี้ยงกาแฟก็ไม่เป็นไรครับ” และเสียงของพนักงานก็ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อกาแฟที่เขาสั่งไว้บังหน้าทำเสร็จแล้ว แต่เธอก็ยังคงไม่พูดอะไร
“ผมว่าเราไปรับกาแฟที่สั่งไว้ดีกว่านะครับ”
“ค่ะ” ทั้งเขาและเธอเดินไปยังเค้าเตอร์เพื่อชำระเงินค่ากาแฟโดยที่ต่างคนต่างจ่ายค่าเครื่องดื่มของตัวเอง จากนั้นก็เดินออกจากร้านพร้อมกันโดยมีชายหนุ่มเป็นฝ่ายเปิดประตูให้
ศิญาดาเอ่ยขอบคุณเบาๆ ในขณะที่เจคกำลังคิดหาวิธีที่จะใช้ติดต่อเธอหลังจากนี้แต่ดูจากท่าทีของเธอแล้วทำให้เขาถึงกับคิดไม่ออกเพราะไม่เคยเจอใครที่ปฏิเสธเขาเหมือนที่เธอปฏิเสธที่เขาจะเลี้ยงกาแฟเธอแค่แก้วเดียว!
“เห็นคุณบอกว่าคุณมาทำงานแสดงว่าคุณไม่ได้ทำงานประจำแถวนี้หรอครับ” เจคไม่ปล่อยให้เสียเวลาที่จะรู้จักเธออีกแล้วเพราะเขาเหลือเวลาก่อนที่จะออกเดินทางอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
“ใช่ค่ะ แค่มาทำงานแถวนี้ไม่กี่วัน” ศิญาดายังคงสงวนคำพูดเช่นเคย
“คุณพักแถวนี้ด้วยหรอครับ” เมื่อเห็นว่าเธอมาทำงานแถวนี้เขาเลยเข้าใจว่าเธอต้องพักแถวนี้ด้วยในระหว่างที่ทำงาน
“เปล่าหรอกค่ะ ตอนเย็นก็กลับแล้วค่อยมาใหม่ในตอนเช้า” คำอธิบายของเธอทำเอาเขาแอบผิดหวังนิดๆ “แล้วคุณล่ะคะ มาทำงานหรือมาเที่ยวคะ” เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวถามเขา
“ผมมาพักผ่อนครับ” เจคตอบแล้วพร้อมส่งยิ้มมาให้เธอ แต่เมื่อเห็นเธอเงียบเจคจึงคิดเรื่องที่จะใช้พูดคุยทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้น คนอย่างเขาไม่เคยมีสักครั้งที่ต้องมาทำตัวแบบนี้ ปกติมีแต่คนที่อยากจะคุยกับเขาทั้งนั้น
“งานของคุณเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ดีค่ะ” เธอพูดแล้วก็หยุดเดิน “ขอตัวก่อนนะคะ ฉันต้องไปทำงานต่อ” พูดแล้วก็หมุนตัวเตรียมเดินไปทันทีทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเรียกเธอไว้
“คุณครับ”
“คะ” ศิญาดาหันมาตามเสียงเรียก
“เอ่อ..เราจะได้เจอกันอีกไหมครับ” เป็นครั้งแรกที่เจคหาคำพูดที่จะมาพูดไม่ถูก ขนาดเจรจาธุรกิจเขายังไม่เครียดขนาดนี้เลย
“ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่คงมีโอกาสได้เจอกันอีก 2-3 วันค่ะ” หญิงสาวตอบไปตามความจริง
“ถ้าผมจะของเบอร์โทรศัพท์ของคุณจะได้ไหมครับ” ชายหนุ่มลองถามโดยแอบหวังลึกๆ ว่าเธอจะตอบตกลง
“คงไม่ได้ค่ะ” คำตอบของศิญาดาชัดเจนจนชายหนุ่มใจฝ่อรอยยิ้มที่มีหายไปทันที
“ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกัน ขอตัวก่อนนะคะ” เอ่ยลาพร้อมรอยยิ้มแล้วเธอก็เดินเข้าไปในตัวตึกที่เป็นบริษัทของลูกค้าที่เธอมาทำงานให้ ทันทีที่หันหลังให้เขาหญิงสาวถึงกับเป่าลมออกจากปากไม่รู้จะบอกว่าโล่งอกหรืออะไรดี รู้แต่ว่าเธอทำตัวไม่ถูกเลยตอนนี้ การเจอกับเขาเป็นครั้งที่สองทำให้เธอสับสนในท่าทีที่เขาส่งมาด้วยการเสนอตัวเข้ามาทำความรู้จักกับเธอ หญิงสาวไม่อยากจะแปลความหมายของท่าทีนั้นเข้าข้างตนเองจนเกินไปแต่ก็ไม่สามารถจะแปลเป็นอย่างอื่นได้นอกจากว่าเขาสนใจเธอ เมื่อไม่รู้จะทำตัวยังไงดีถ้าจะเข้าไปเจอทุกคนในตอนนี้หญิงสาวจึงเลือกที่จะปรับอารมณ์ของตัวเองให้นิ่งซะก่อนซึ่งตอนนี้ก็คงไม่มีที่ไหนที่จะเป็นส่วนตัวได้เท่าที่นี่แล้ว...ห้องน้ำ!
เบื้องหน้าของเขาคือแผ่นหลังของเธอที่พึ่งจะเดินจากเขาไป หญิงสาวคนแรกที่เขาให้ความสนใจแต่เธอกลับไม่ได้มีท่าทีที่จะสนใจเขาเลยด้วยซ้ำ การปฏิเสธที่จะให้เบอร์โทรศัพท์ในการติดต่อได้ให้คำตอบกับชายหนุ่มอย่างชัดเจนมากว่าเธอไม่ได้มีความสนใจเขาเลย หรือว่าเธอจะมีคนรักแล้ว! คำว่า ‘คนรัก’ ทำให้หัวใจของเจคถึงกับเบาโหวง
เกือบ 3 นาทีที่เจคยืนมองหญิงสาวเดินจากไป สุดท้ายแล้วเขาก็หันหลังเดินกลับห้องพักของเขา ตลอดทางที่เดินกลับห้องพักชายหนุ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่เธออาจจะมีคนรักแล้ว นี่เขาเจอเธอช้าไปอย่างนั้นหรือ ตอนอยู่ที่อเมริกาเขาเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มที่ป๊อปปูล่าติดอันดับหนุ่มในฝันเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวไม่ว่าจะเป็นสาวแรกรุ่นหรือแม้แต่รุ่นใหญ่แทบทุกคนล้วนอยากให้เขาสนใจพวกเธอทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเสนอตัวทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อให้ได้ครอบครองเขาแต่เขาก็หาได้สนใจไม่ อย่างมากแล้วก็แค่ One night stand เท่านั้น ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาคิดจะจริงจริงด้วยแม้แต่คนเดียว แต่กับเธอเขาเป็นฝ่ายเสนอตัวที่จะสานสัมพันธ์ด้วยซ้ำแต่ก็ถูกเธอปิดทางเสียทุกอย่าง นี่เขากับเธอจะจบกันแค่เพียงได้รู้จักชื่อเท่านั้นหรือเพราะคืนนี้เขาก็ต้องเดินทางกลับอเมริกาแล้ว เจคคิดอย่างเซ็งๆ แต่แล้วเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเธอยังไม่มีคนรักล่ะ ใช่! ตราบใดที่เขาไม่เห็นกับตาว่าเธอมีคนรักแล้วเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปเป็นอันขาด ชายหนุ่มคิดอย่างหมายมั่นก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมขึ้นมาต่อสายไปยังลูกน้องคนสนิท
“นิค ฉันอยากให้นายยกเลิกเที่ยวบินคืนนี้ จัดการให้ที”
“คุณเจคมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ” ทันทีที่เขากดรับสายคำสั่งของเจ้านายก็ดังขึ้นทันทีจนเขารู้สึกงง
“ไม่มีอะไร ฝากนายดูแลทางโน้นด้วยไว้ฉันจะบอกนายอีกทีเรื่องวันเดินทางกลับ”
“ได้ครับ” สั่งงานเสร็จเจ้านายของนิคก็กดวางสาย ในเมื่อเจ้านายของเขาไม่บอกตัวเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกน้องคนสนิทที่ทำงานด้วยกันมานานก็ตามที นิคได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจถึงสาเหตุการเลื่อนวันเดินทางกลับในครั้งนี้
พอวางสายจากลูกน้องคนสนิทชายหนุ่มก็เดินกลับไปที่ร้านกาแฟอีกครั้ง ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเธอเขาก็สนใจทั้งนั้นและในตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าในช่วง 2-3 วันนี้เธอทำงานอยู่ที่ไหนถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ก็ตาม และอีกอย่างที่เขากำลังจะได้รู้คือกาแฟที่เธอดื่ม เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มผลักประตูเข้าไป
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” เสียงใสของพนักงานกล่าวต้อนรับ
“พอจะจำคุณผู้หญิงที่มาซื้อกาแฟเมื่อสักครู่ได้มั๊ยครับ” เจคถามพนักงาน
“ใช่คุณผู้หญิงที่คุยกับคุยรึเปล่าคะ”
“ใช่ครับ พอดีว่าเธอต้องการกาแฟที่เธอสั่งไปเมื่อสักครู่นี้อีกแก้วน่ะครับ แต่ผลจำไม่ได้ว่าคือรสอะไร” ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นลืม
“อ๋อ เธอสั่งเอสเพรสโซ่เย็นหวานน้อยค่ะ” พนักงานตอบกลับเมื่อเดาถูกว่าเป็นคนคนเดียวกับที่เขาถาม “ขอทวนรายการเครื่องดื่มนะคะ เอสเพรสโซ่เย็นหวานน้อยหนึ่งแก้วนะคะ”
“ครับ” เจคตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ได้รู้ว่ากาแฟรสโปรดของเธอคืออะไร
“เชิญนั่งรอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวผายมือเชิญให้เขานั่งรอยังโต๊ะที่ว่างอยู่เช่นเคย รอไม่ถึง 5 นาทีกาแฟที่เขาสั่งก็เสร็จเรียบร้อย เจคจัดการชำระค่ากาแฟแล้วเดินออกจากร้านไป
เจคมองแก้วกาแฟรสโปรดของเธอในมือยิ้มๆ ปกติแล้วเขาไม่นิยมดื่มกาแฟที่ใส่นมและน้ำตาล กาแฟรถโปรดของเขาคือกาแฟดำ แต่ถ้านี่คือกาแฟรสโปรดของเธอแล้วล่ะก็เขาก็ยินดีที่จะลองดื่มดูเพื่อจะได้รู้ว่ารสที่เธอชอบเป็นแบบไหน ชายหนุ่มยกแก้วกาแฟในมือขึ้นดูด รสหวานนิดๆ ตามแบบที่สั่งบวกกับความมันของนมข้นและนมสดรวมถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟก็นับว่ากลมกล่อมใช้ได้ จากนั้นชายหนุ่มเดินดูดกาแฟในมือกลับห้องพักอย่างอารมณ์ดี
ศิญาดามองตัวเองในกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ หญิงสาวตาโตที่ตอนนี้แก้มทั้งสองข้างซับสีระเรื่อทำให้ศิญาดาถึงกับตาโต นี่เธอคงไม่ได้แสดงอาการแบบนี้ให้เขาเห็นใช่ไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย ยิ่งอายแก้มนวลสองข้างก็ยิ่งแดงจนต้องเอามือทั้งสองข้างกุมไว้ สัมผัสที่ได้รับเพิ่มคือความร้อน โอ๊ย..ตายแล้ว นี่เธอเป็นมากขนาดนี้เลยหรือนี่ แล้วอย่างนี้เธอจะออกไปเจอเพื่อนที่ทำงานได้ยังไงล่ะขืนไปแบบนี้มีหวังโดนรมิตาสอบสวนยับแน่ หญิงสาวพยายามสะกดอาการเหล่านี้ด้วยการหายใจเข้าออกช้าอยู่กว่านาทีสีแก้มนวลทั้งสองข้างจึงกลับเป็นปกติ จากนั้นก็เดินออกไปเพื่อทำงานต่อ
“นึกว่าไปปลูกกาแฟเห็นหายไปซะนานเลย” ทันทีที่ศิญาดาก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงานที่ทุกคนนั่งอยู่เสียงของรมิตาก็ดังขึ้น
“นานที่ไหน นี่ก็มาทันบ่ายโมงพอดีเลยนะ” ศิญาดาตอบเมื่อยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดูเห็นว่าบ่ายโมงพอดี
“ก็เห็นหายไปนานไง” พูดแล้วรมิตาก็ก้มลงหยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนพื้นข้างๆ เก้าอี้ที่เธอนั่ง แล้วอยู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมามองศิญาดาอย่างรวดเร็ว “เอ๊ะ! หรือว่าแกไปฉุดใครมารึเปล่าวะดา” ดวงตาที่โตขึ้นประกอบคำพูดเรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน แต่คำถามมุกเดิมๆ ของเพื่อนในครั้งนี้กลับทำให้ศิญาดาไพล่คิดไปถึงเขาแล้วแก้วสองข้างที่คิดว่าซับสีขึ้นอีกครั้ง
“เฮ้ย! พูดแค่นี้มีหน้าแดงด้วย ฮั่นแน่! ต้องมีอะไรแน่ๆ บอกมาซะดีๆ เลยนะดา” อาการของเพื่อนทำให้รมิตาชักสงสัย อย่างนี้เธอไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ หรอก โอกาสงามๆ ที่เธอจะได้ไล่ต้อนหญิงสาวที่ทุกคนเรียกว่าหญิงแกร่งมีบ่อยที่ไหนกัน
“แดดแรงขนาดนี้หน้าจะไม่แดงได้ไงล่ะ” หญิงสาวเฉไฉ แต่มีหรือที่รมิตาจะยอมแค่นี้
“ฉันกับแกก็เดินกลางแดดเปรี้ยงๆ กันออกบ่อยไม่เห็นว่าแกจะหน้าแดงแบบนี้เลยสักครั้ง” รมิตายังไม่ยอมหยุด
“พอเลย ทำงานได้แล้วบ่ายโมงกว่าแล้ว” เมื่อจนมุมที่รมิตาต้อนหญิงสาวก็เลี่ยงโดยการไล่ให้เพื่อนทำงานซะดื้อๆ
“แนะ! มีเฉไฉด้วยแฮะ อย่าให้รู้น้าว่าแอบไปคุยกับหนุ่มที่ไหนมา” รมิตาทำเสียงยานคางล้อเพื่อนสาว
“ถ้าแอบไปคุยจริงแกไม่มีทางได้รู้หรอกย่ะ” ศิญาดายักคิ้วให้เพื่อนอย่างท้าทาย
“อย่าให้จับได้ก็แล้วกัน” รมิตาพูดอย่างหมายมั่น
“ทำงานได้แล้วนะสาวๆ มัวแต่ท้ากันไปท้ากันมาอยู่นั่นแหละเดี๋ยวก็ได้นอนที่จะหาว่าไม่เตือน” เป็นเสียงของสุรัตนานั่นเองที่เป็นฝ่ายห้ามทัพ
“รับทราบค่ะ” สองสาวสามัคคีกันประสานเสียงรับทราบทันทีพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก จากนั้นบรรยากาศการทำงานงานก็เริ่มขึ้น สีหน้าขี้เล่นเมื่อสักครู่หายไปทันทีเมื่อเข้าโหมดทำงาน เนื่องด้วยงานตรวจสอบเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดรอบครอบจึงทำให้ทุกคนต่างตั้งใจทำงานในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบกันอย่างเคร่งเครียด ต่างคนต่างทำงานจนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเกือบ 2 ทุ่มทั้งหมดจึงพากันกลับไปพักผ่อนเพื่อลุยงานต่อพรุ่งนี้
เสียงเรียกเข้าดังมากจากโทรศัพท์ของชายหนุ่มที่วางอยู่ข้างโน้ตบุ๊กบนโต๊ะทำงาน แต่เจ้าของเครื่องที่ตอนนี้กำลังอาบน้ำอย่างสบายใจเมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เขาก็จะได้เจอเธออีก เสียงเพลงยังคงดังอยู่อีกสักพักเมื่อฝ่ายที่โทรมาคิดว่าเจ้าของเครื่องคงยังไม่รับสายในตอนนี้ก็ตัดสินใจวางสายไป เจคเดินออกมาจากห้องน้ำทันได้ยินเสียงสุดท้ายของโทรศัพท์ ชายหนุ่มก็เดินตรงไปยังตำแหน่งที่เครื่องมือสื่อสารสุดทันสมัยวางอยู่ทันที เมื่อกดดูแล้วเห็นว่าใครเป็นคนโทรมาก็เรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มได้ทันทีเมื่อรู้จุดประสงค์ของบุคคลที่โทรมา เจคจัดการต่อสายกลับไปยังเบอร์ที่โทรเข้ามาหาเขา
“ว่าไงไอ้เสือ” เสียงของผู้เป็นพ่อทักทายลูกชายคนโต
“ไม่มีอะไรครับ แค่อยากอยู่ต่ออีกสักพัก” แน่นอนว่าพ่อของเขารู้แล้วว่าเขาเลื่อนการเดินทางกลับอเมริกา และคนที่เป็นคนบอกนั้นไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเขาก็รู้ว่าใคร
“ติดใจมากรึไง” ผู้เป็นพ่อถามอย่างรู้ทัน
“ไม่รู้สิครับ เธอไม่เหมือนใครเลย” เจคถอนหายใจให้ผู้เป็นพ่อได้ยินจนวิลล์ถึงกับหัวเราะลั่นอย่างพอใจ
“ถ้ามั่นใจแล้วจะกลัวอะไร” ผู้เป็นพ่อให้กำลังใจ
“ผมไม่ทำให้พ่อผิดหวังแน่นอนครับ” ชายหนุ่มพูดกับพ่อราวกับให้คำสัญญา
“โชคดีนะไอ้เสือ” วิลล์อวยพร
“ขอบคุณครับ ฝากหอมแม่แทนทีนะครับ” คนที่อยู่อีกซีกโลกหัวเราะลั่นแล้ววางสายไป ทิ้งให้คนที่อยู่ทางนี้ครุ่นคิดต่อว่าจะทำอย่างไรถึงจะเข้าถึงใจเธอ
เขารู้ดีว่าพ่อกับแม่อยากจะเห็นเขาเป็นฝั่งเป็นฝามากแค่ไหน หลายครั้งที่แม่ของเขาพยายามพาลูกสาวของเพื่อนมาทำความรู้จักกับเขาหวังจะให้เขาชอบพอใครสักคนเพื่อที่จะได้แต่งงานมีหลานให้ท่านเลี้ยง แต่ทุกครั้งก็ถูกเขาปฏิเสธอย่างรักษาน้ำใจของแม่ตลอดด้วยเหตุผลที่ว่าเขารักและเอ็นดูทุกคนเหมือนน้องเท่านั้นขืนยังฝืนใจคบกันต่อไปอาจจะทำให้มีปัญหาทีหลัง ซึ่งแม่เขาก็เข้าใจเขาเป็นอย่างดีและไม่ใช่ว่าแม่ของเขาจะหยุดการหาหญิงสาวมาแนะนำกับเขาหรอกเพียงแต่ว่าช่วงนี้ท่านไม่รู้จะหาจากที่ไหน เพราะบรรดาลูกสาวหลานสาวของเพื่อนที่มีอยู่ก็ล้วนถูกพามาแนะนำตัวแล้วก็ถูกเขาปฏิเสธไปหมดแล้วนั่นเอง เขารู้ดีว่าพ่อกับแม่ของเขาอยากมีหลานมากแค่ไหนดูได้จากที่ท่านเคยไปบ้านของเพื่อนเพื่อไปช่วยเพื่อนเลี้ยงหลานของเพื่อน แต่ในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของหัวใจถ้ามันไม่ใช่ก็ไม่สามารถบังคับใจกันได้แม่ของเขาเลยต้องรอต่อไป
“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ” สายตาที่ส่งมาพร้อมกับประโยคดังกล่าวทำให้หัวใจของศิญาดาเต้นรัว
“เช่นกันค่ะ” ‘นี่เราเป็นอะไรไปเนี้ย’ ศิญาดาได้แต่คิดในใจ
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” เจคเสนอตัว โอกาสที่จะได้รู้จักเธอมาถึงแล้วเขาไม่ยอมพลาดแน่
“เชิญค่ะ” ภาษาอังกฤษที่เข้ากรุไปแล้วตั้งแต่ตอนเรียนทำให้คิดหนักว่าจะถ้าเกิดเขาคุยมากว่านี้เธอคงแย่แน่
“ผม..เจคครับ” ชายหนุ่มชิงแนะนำตัวก่อนเพื่อเป็นในเบิกทาง
“ฉัน..ศิญาดาค่ะ”
“คุณพักอยู่แถวนี้หรอครับ ขอโทษที่ถามแบบนี้ เพราะผมเจอคุณที่งานสัปดาห์หนังสือซึ่งมันไกลจากที่นี่มาก” เจคออกตัวเพราะกลัวว่าเธอจะหาว่าเขาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเกินไป
“เปล่าค่ะ พอดีฉันมาทำงานน่ะค่ะ” แล้วเรื่องที่เธอคิดไว้ก็ไม่ผิดเมื่อเขาเล่นพูดมาซะยาวแบบนี้ หญิงสาวพยายามอย่างเต็มที่ที่จะขุดภาษาอังกฤษที่อยู่ในกรุออกมา
“คุณไม่สบายรึเปล่าครับ” เมื่อเห็นหญิงสาวมีท่าทีครุ่นคิดจึงถามอย่างเป็นห่วง
“เปล่าค่ะ” ศิญาดาส่งยิ้มแรกตั้งแต่เจอกันครั้งที่สองให้เขา แล้วเสียงของพนักงานก็เรียกให้ไปรับกาแฟที่สั่งไว้ก็ดังขึ้นทำให้ศิญาดารีบลุกขึ้นเพื่อเดินไปรับกาแฟ
“ขอตัวก่อนนะคะ”
“ขอให้ผมได้เลี้ยงกาแฟคุณวันนี้ได้ไหมครับ” เมื่อเห็นเธอกำลังจะเดินจากไปชายหนุ่มจึงรีบยืนขึ้นแล้วหาวิธีรั้งไว้
“ขอบคุณนะคะ แต่อย่าดีกว่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ
“ให้ผมเลี้ยงเถอะนะครับ ถือว่าเพื่อการที่เราได้พบกันอีกครั้ง” ชายหนุ่มยังคงยืนยันเจตนาเดิม
ท่าทีของเขาทำให้ศิญาดาไม่แน่ใจ จะหาว่าเธอมองโลกในแง่ร้ายก็ได้ หรือไม่เขาอาจจะทำทีเป็นเข้ามาตีสนิทแล้วอาจจะหลอกลวงเธอก็เป็นได้ ยิ่งเขายังยืนยันที่จะเลี้ยงกาแฟเธอเธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจเขามากขึ้น
“ขอโทษครับที่ผมทำให้คุณลำบากใจ” เมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของเธอทำให้เจคจึงกล่าวขอโทษ “ถ้าคุณไม่สบายใจที่ผมจะเลี้ยงกาแฟก็ไม่เป็นไรครับ” และเสียงของพนักงานก็ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อกาแฟที่เขาสั่งไว้บังหน้าทำเสร็จแล้ว แต่เธอก็ยังคงไม่พูดอะไร
“ผมว่าเราไปรับกาแฟที่สั่งไว้ดีกว่านะครับ”
“ค่ะ” ทั้งเขาและเธอเดินไปยังเค้าเตอร์เพื่อชำระเงินค่ากาแฟโดยที่ต่างคนต่างจ่ายค่าเครื่องดื่มของตัวเอง จากนั้นก็เดินออกจากร้านพร้อมกันโดยมีชายหนุ่มเป็นฝ่ายเปิดประตูให้
ศิญาดาเอ่ยขอบคุณเบาๆ ในขณะที่เจคกำลังคิดหาวิธีที่จะใช้ติดต่อเธอหลังจากนี้แต่ดูจากท่าทีของเธอแล้วทำให้เขาถึงกับคิดไม่ออกเพราะไม่เคยเจอใครที่ปฏิเสธเขาเหมือนที่เธอปฏิเสธที่เขาจะเลี้ยงกาแฟเธอแค่แก้วเดียว!
“เห็นคุณบอกว่าคุณมาทำงานแสดงว่าคุณไม่ได้ทำงานประจำแถวนี้หรอครับ” เจคไม่ปล่อยให้เสียเวลาที่จะรู้จักเธออีกแล้วเพราะเขาเหลือเวลาก่อนที่จะออกเดินทางอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
“ใช่ค่ะ แค่มาทำงานแถวนี้ไม่กี่วัน” ศิญาดายังคงสงวนคำพูดเช่นเคย
“คุณพักแถวนี้ด้วยหรอครับ” เมื่อเห็นว่าเธอมาทำงานแถวนี้เขาเลยเข้าใจว่าเธอต้องพักแถวนี้ด้วยในระหว่างที่ทำงาน
“เปล่าหรอกค่ะ ตอนเย็นก็กลับแล้วค่อยมาใหม่ในตอนเช้า” คำอธิบายของเธอทำเอาเขาแอบผิดหวังนิดๆ “แล้วคุณล่ะคะ มาทำงานหรือมาเที่ยวคะ” เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวถามเขา
“ผมมาพักผ่อนครับ” เจคตอบแล้วพร้อมส่งยิ้มมาให้เธอ แต่เมื่อเห็นเธอเงียบเจคจึงคิดเรื่องที่จะใช้พูดคุยทำความรู้จักกับเธอให้มากขึ้น คนอย่างเขาไม่เคยมีสักครั้งที่ต้องมาทำตัวแบบนี้ ปกติมีแต่คนที่อยากจะคุยกับเขาทั้งนั้น
“งานของคุณเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ดีค่ะ” เธอพูดแล้วก็หยุดเดิน “ขอตัวก่อนนะคะ ฉันต้องไปทำงานต่อ” พูดแล้วก็หมุนตัวเตรียมเดินไปทันทีทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเรียกเธอไว้
“คุณครับ”
“คะ” ศิญาดาหันมาตามเสียงเรียก
“เอ่อ..เราจะได้เจอกันอีกไหมครับ” เป็นครั้งแรกที่เจคหาคำพูดที่จะมาพูดไม่ถูก ขนาดเจรจาธุรกิจเขายังไม่เครียดขนาดนี้เลย
“ถ้าคุณยังอยู่ที่นี่คงมีโอกาสได้เจอกันอีก 2-3 วันค่ะ” หญิงสาวตอบไปตามความจริง
“ถ้าผมจะของเบอร์โทรศัพท์ของคุณจะได้ไหมครับ” ชายหนุ่มลองถามโดยแอบหวังลึกๆ ว่าเธอจะตอบตกลง
“คงไม่ได้ค่ะ” คำตอบของศิญาดาชัดเจนจนชายหนุ่มใจฝ่อรอยยิ้มที่มีหายไปทันที
“ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกัน ขอตัวก่อนนะคะ” เอ่ยลาพร้อมรอยยิ้มแล้วเธอก็เดินเข้าไปในตัวตึกที่เป็นบริษัทของลูกค้าที่เธอมาทำงานให้ ทันทีที่หันหลังให้เขาหญิงสาวถึงกับเป่าลมออกจากปากไม่รู้จะบอกว่าโล่งอกหรืออะไรดี รู้แต่ว่าเธอทำตัวไม่ถูกเลยตอนนี้ การเจอกับเขาเป็นครั้งที่สองทำให้เธอสับสนในท่าทีที่เขาส่งมาด้วยการเสนอตัวเข้ามาทำความรู้จักกับเธอ หญิงสาวไม่อยากจะแปลความหมายของท่าทีนั้นเข้าข้างตนเองจนเกินไปแต่ก็ไม่สามารถจะแปลเป็นอย่างอื่นได้นอกจากว่าเขาสนใจเธอ เมื่อไม่รู้จะทำตัวยังไงดีถ้าจะเข้าไปเจอทุกคนในตอนนี้หญิงสาวจึงเลือกที่จะปรับอารมณ์ของตัวเองให้นิ่งซะก่อนซึ่งตอนนี้ก็คงไม่มีที่ไหนที่จะเป็นส่วนตัวได้เท่าที่นี่แล้ว...ห้องน้ำ!
เบื้องหน้าของเขาคือแผ่นหลังของเธอที่พึ่งจะเดินจากเขาไป หญิงสาวคนแรกที่เขาให้ความสนใจแต่เธอกลับไม่ได้มีท่าทีที่จะสนใจเขาเลยด้วยซ้ำ การปฏิเสธที่จะให้เบอร์โทรศัพท์ในการติดต่อได้ให้คำตอบกับชายหนุ่มอย่างชัดเจนมากว่าเธอไม่ได้มีความสนใจเขาเลย หรือว่าเธอจะมีคนรักแล้ว! คำว่า ‘คนรัก’ ทำให้หัวใจของเจคถึงกับเบาโหวง
เกือบ 3 นาทีที่เจคยืนมองหญิงสาวเดินจากไป สุดท้ายแล้วเขาก็หันหลังเดินกลับห้องพักของเขา ตลอดทางที่เดินกลับห้องพักชายหนุ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่เธออาจจะมีคนรักแล้ว นี่เขาเจอเธอช้าไปอย่างนั้นหรือ ตอนอยู่ที่อเมริกาเขาเรียกได้ว่าเป็นหนุ่มที่ป๊อปปูล่าติดอันดับหนุ่มในฝันเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวไม่ว่าจะเป็นสาวแรกรุ่นหรือแม้แต่รุ่นใหญ่แทบทุกคนล้วนอยากให้เขาสนใจพวกเธอทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเสนอตัวทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อให้ได้ครอบครองเขาแต่เขาก็หาได้สนใจไม่ อย่างมากแล้วก็แค่ One night stand เท่านั้น ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาคิดจะจริงจริงด้วยแม้แต่คนเดียว แต่กับเธอเขาเป็นฝ่ายเสนอตัวที่จะสานสัมพันธ์ด้วยซ้ำแต่ก็ถูกเธอปิดทางเสียทุกอย่าง นี่เขากับเธอจะจบกันแค่เพียงได้รู้จักชื่อเท่านั้นหรือเพราะคืนนี้เขาก็ต้องเดินทางกลับอเมริกาแล้ว เจคคิดอย่างเซ็งๆ แต่แล้วเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเธอยังไม่มีคนรักล่ะ ใช่! ตราบใดที่เขาไม่เห็นกับตาว่าเธอมีคนรักแล้วเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไปเป็นอันขาด ชายหนุ่มคิดอย่างหมายมั่นก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดที่กำลังเป็นที่นิยมขึ้นมาต่อสายไปยังลูกน้องคนสนิท
“นิค ฉันอยากให้นายยกเลิกเที่ยวบินคืนนี้ จัดการให้ที”
“คุณเจคมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ” ทันทีที่เขากดรับสายคำสั่งของเจ้านายก็ดังขึ้นทันทีจนเขารู้สึกงง
“ไม่มีอะไร ฝากนายดูแลทางโน้นด้วยไว้ฉันจะบอกนายอีกทีเรื่องวันเดินทางกลับ”
“ได้ครับ” สั่งงานเสร็จเจ้านายของนิคก็กดวางสาย ในเมื่อเจ้านายของเขาไม่บอกตัวเขาเองก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นลูกน้องคนสนิทที่ทำงานด้วยกันมานานก็ตามที นิคได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจถึงสาเหตุการเลื่อนวันเดินทางกลับในครั้งนี้
พอวางสายจากลูกน้องคนสนิทชายหนุ่มก็เดินกลับไปที่ร้านกาแฟอีกครั้ง ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเธอเขาก็สนใจทั้งนั้นและในตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าในช่วง 2-3 วันนี้เธอทำงานอยู่ที่ไหนถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ ก็ตาม และอีกอย่างที่เขากำลังจะได้รู้คือกาแฟที่เธอดื่ม เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มผลักประตูเข้าไป
“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” เสียงใสของพนักงานกล่าวต้อนรับ
“พอจะจำคุณผู้หญิงที่มาซื้อกาแฟเมื่อสักครู่ได้มั๊ยครับ” เจคถามพนักงาน
“ใช่คุณผู้หญิงที่คุยกับคุยรึเปล่าคะ”
“ใช่ครับ พอดีว่าเธอต้องการกาแฟที่เธอสั่งไปเมื่อสักครู่นี้อีกแก้วน่ะครับ แต่ผลจำไม่ได้ว่าคือรสอะไร” ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นลืม
“อ๋อ เธอสั่งเอสเพรสโซ่เย็นหวานน้อยค่ะ” พนักงานตอบกลับเมื่อเดาถูกว่าเป็นคนคนเดียวกับที่เขาถาม “ขอทวนรายการเครื่องดื่มนะคะ เอสเพรสโซ่เย็นหวานน้อยหนึ่งแก้วนะคะ”
“ครับ” เจคตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ได้รู้ว่ากาแฟรสโปรดของเธอคืออะไร
“เชิญนั่งรอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวผายมือเชิญให้เขานั่งรอยังโต๊ะที่ว่างอยู่เช่นเคย รอไม่ถึง 5 นาทีกาแฟที่เขาสั่งก็เสร็จเรียบร้อย เจคจัดการชำระค่ากาแฟแล้วเดินออกจากร้านไป
เจคมองแก้วกาแฟรสโปรดของเธอในมือยิ้มๆ ปกติแล้วเขาไม่นิยมดื่มกาแฟที่ใส่นมและน้ำตาล กาแฟรถโปรดของเขาคือกาแฟดำ แต่ถ้านี่คือกาแฟรสโปรดของเธอแล้วล่ะก็เขาก็ยินดีที่จะลองดื่มดูเพื่อจะได้รู้ว่ารสที่เธอชอบเป็นแบบไหน ชายหนุ่มยกแก้วกาแฟในมือขึ้นดูด รสหวานนิดๆ ตามแบบที่สั่งบวกกับความมันของนมข้นและนมสดรวมถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกาแฟก็นับว่ากลมกล่อมใช้ได้ จากนั้นชายหนุ่มเดินดูดกาแฟในมือกลับห้องพักอย่างอารมณ์ดี
ศิญาดามองตัวเองในกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ หญิงสาวตาโตที่ตอนนี้แก้มทั้งสองข้างซับสีระเรื่อทำให้ศิญาดาถึงกับตาโต นี่เธอคงไม่ได้แสดงอาการแบบนี้ให้เขาเห็นใช่ไหม ยิ่งคิดก็ยิ่งอาย ยิ่งอายแก้มนวลสองข้างก็ยิ่งแดงจนต้องเอามือทั้งสองข้างกุมไว้ สัมผัสที่ได้รับเพิ่มคือความร้อน โอ๊ย..ตายแล้ว นี่เธอเป็นมากขนาดนี้เลยหรือนี่ แล้วอย่างนี้เธอจะออกไปเจอเพื่อนที่ทำงานได้ยังไงล่ะขืนไปแบบนี้มีหวังโดนรมิตาสอบสวนยับแน่ หญิงสาวพยายามสะกดอาการเหล่านี้ด้วยการหายใจเข้าออกช้าอยู่กว่านาทีสีแก้มนวลทั้งสองข้างจึงกลับเป็นปกติ จากนั้นก็เดินออกไปเพื่อทำงานต่อ
“นึกว่าไปปลูกกาแฟเห็นหายไปซะนานเลย” ทันทีที่ศิญาดาก้าวเท้าเข้าไปในห้องทำงานที่ทุกคนนั่งอยู่เสียงของรมิตาก็ดังขึ้น
“นานที่ไหน นี่ก็มาทันบ่ายโมงพอดีเลยนะ” ศิญาดาตอบเมื่อยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดูเห็นว่าบ่ายโมงพอดี
“ก็เห็นหายไปนานไง” พูดแล้วรมิตาก็ก้มลงหยิบแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนพื้นข้างๆ เก้าอี้ที่เธอนั่ง แล้วอยู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมามองศิญาดาอย่างรวดเร็ว “เอ๊ะ! หรือว่าแกไปฉุดใครมารึเปล่าวะดา” ดวงตาที่โตขึ้นประกอบคำพูดเรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน แต่คำถามมุกเดิมๆ ของเพื่อนในครั้งนี้กลับทำให้ศิญาดาไพล่คิดไปถึงเขาแล้วแก้วสองข้างที่คิดว่าซับสีขึ้นอีกครั้ง
“เฮ้ย! พูดแค่นี้มีหน้าแดงด้วย ฮั่นแน่! ต้องมีอะไรแน่ๆ บอกมาซะดีๆ เลยนะดา” อาการของเพื่อนทำให้รมิตาชักสงสัย อย่างนี้เธอไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ หรอก โอกาสงามๆ ที่เธอจะได้ไล่ต้อนหญิงสาวที่ทุกคนเรียกว่าหญิงแกร่งมีบ่อยที่ไหนกัน
“แดดแรงขนาดนี้หน้าจะไม่แดงได้ไงล่ะ” หญิงสาวเฉไฉ แต่มีหรือที่รมิตาจะยอมแค่นี้
“ฉันกับแกก็เดินกลางแดดเปรี้ยงๆ กันออกบ่อยไม่เห็นว่าแกจะหน้าแดงแบบนี้เลยสักครั้ง” รมิตายังไม่ยอมหยุด
“พอเลย ทำงานได้แล้วบ่ายโมงกว่าแล้ว” เมื่อจนมุมที่รมิตาต้อนหญิงสาวก็เลี่ยงโดยการไล่ให้เพื่อนทำงานซะดื้อๆ
“แนะ! มีเฉไฉด้วยแฮะ อย่าให้รู้น้าว่าแอบไปคุยกับหนุ่มที่ไหนมา” รมิตาทำเสียงยานคางล้อเพื่อนสาว
“ถ้าแอบไปคุยจริงแกไม่มีทางได้รู้หรอกย่ะ” ศิญาดายักคิ้วให้เพื่อนอย่างท้าทาย
“อย่าให้จับได้ก็แล้วกัน” รมิตาพูดอย่างหมายมั่น
“ทำงานได้แล้วนะสาวๆ มัวแต่ท้ากันไปท้ากันมาอยู่นั่นแหละเดี๋ยวก็ได้นอนที่จะหาว่าไม่เตือน” เป็นเสียงของสุรัตนานั่นเองที่เป็นฝ่ายห้ามทัพ
“รับทราบค่ะ” สองสาวสามัคคีกันประสานเสียงรับทราบทันทีพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก จากนั้นบรรยากาศการทำงานงานก็เริ่มขึ้น สีหน้าขี้เล่นเมื่อสักครู่หายไปทันทีเมื่อเข้าโหมดทำงาน เนื่องด้วยงานตรวจสอบเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดรอบครอบจึงทำให้ทุกคนต่างตั้งใจทำงานในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบกันอย่างเคร่งเครียด ต่างคนต่างทำงานจนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเกือบ 2 ทุ่มทั้งหมดจึงพากันกลับไปพักผ่อนเพื่อลุยงานต่อพรุ่งนี้
เสียงเรียกเข้าดังมากจากโทรศัพท์ของชายหนุ่มที่วางอยู่ข้างโน้ตบุ๊กบนโต๊ะทำงาน แต่เจ้าของเครื่องที่ตอนนี้กำลังอาบน้ำอย่างสบายใจเมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เขาก็จะได้เจอเธออีก เสียงเพลงยังคงดังอยู่อีกสักพักเมื่อฝ่ายที่โทรมาคิดว่าเจ้าของเครื่องคงยังไม่รับสายในตอนนี้ก็ตัดสินใจวางสายไป เจคเดินออกมาจากห้องน้ำทันได้ยินเสียงสุดท้ายของโทรศัพท์ ชายหนุ่มก็เดินตรงไปยังตำแหน่งที่เครื่องมือสื่อสารสุดทันสมัยวางอยู่ทันที เมื่อกดดูแล้วเห็นว่าใครเป็นคนโทรมาก็เรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มได้ทันทีเมื่อรู้จุดประสงค์ของบุคคลที่โทรมา เจคจัดการต่อสายกลับไปยังเบอร์ที่โทรเข้ามาหาเขา
“ว่าไงไอ้เสือ” เสียงของผู้เป็นพ่อทักทายลูกชายคนโต
“ไม่มีอะไรครับ แค่อยากอยู่ต่ออีกสักพัก” แน่นอนว่าพ่อของเขารู้แล้วว่าเขาเลื่อนการเดินทางกลับอเมริกา และคนที่เป็นคนบอกนั้นไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเขาก็รู้ว่าใคร
“ติดใจมากรึไง” ผู้เป็นพ่อถามอย่างรู้ทัน
“ไม่รู้สิครับ เธอไม่เหมือนใครเลย” เจคถอนหายใจให้ผู้เป็นพ่อได้ยินจนวิลล์ถึงกับหัวเราะลั่นอย่างพอใจ
“ถ้ามั่นใจแล้วจะกลัวอะไร” ผู้เป็นพ่อให้กำลังใจ
“ผมไม่ทำให้พ่อผิดหวังแน่นอนครับ” ชายหนุ่มพูดกับพ่อราวกับให้คำสัญญา
“โชคดีนะไอ้เสือ” วิลล์อวยพร
“ขอบคุณครับ ฝากหอมแม่แทนทีนะครับ” คนที่อยู่อีกซีกโลกหัวเราะลั่นแล้ววางสายไป ทิ้งให้คนที่อยู่ทางนี้ครุ่นคิดต่อว่าจะทำอย่างไรถึงจะเข้าถึงใจเธอ
เขารู้ดีว่าพ่อกับแม่อยากจะเห็นเขาเป็นฝั่งเป็นฝามากแค่ไหน หลายครั้งที่แม่ของเขาพยายามพาลูกสาวของเพื่อนมาทำความรู้จักกับเขาหวังจะให้เขาชอบพอใครสักคนเพื่อที่จะได้แต่งงานมีหลานให้ท่านเลี้ยง แต่ทุกครั้งก็ถูกเขาปฏิเสธอย่างรักษาน้ำใจของแม่ตลอดด้วยเหตุผลที่ว่าเขารักและเอ็นดูทุกคนเหมือนน้องเท่านั้นขืนยังฝืนใจคบกันต่อไปอาจจะทำให้มีปัญหาทีหลัง ซึ่งแม่เขาก็เข้าใจเขาเป็นอย่างดีและไม่ใช่ว่าแม่ของเขาจะหยุดการหาหญิงสาวมาแนะนำกับเขาหรอกเพียงแต่ว่าช่วงนี้ท่านไม่รู้จะหาจากที่ไหน เพราะบรรดาลูกสาวหลานสาวของเพื่อนที่มีอยู่ก็ล้วนถูกพามาแนะนำตัวแล้วก็ถูกเขาปฏิเสธไปหมดแล้วนั่นเอง เขารู้ดีว่าพ่อกับแม่ของเขาอยากมีหลานมากแค่ไหนดูได้จากที่ท่านเคยไปบ้านของเพื่อนเพื่อไปช่วยเพื่อนเลี้ยงหลานของเพื่อน แต่ในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของหัวใจถ้ามันไม่ใช่ก็ไม่สามารถบังคับใจกันได้แม่ของเขาเลยต้องรอต่อไป
ศิริรตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ค. 2558, 23:16:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.ค. 2558, 23:16:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 1091
<< ตอนที่ 3 ไม่อยากจะเชื่อสายตา 50% | ทำตามเสียงของหัวใจ 50% >> |
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 8 ก.ค. 2558, 00:51:36 น.
เนื้อเรื่องน่าสนใจ ติดตาม ค่ะ แต่อ่านยากจัง ควรเว้นบรรทัด หรือ ช่องไฟ ให้น่าอ่าน สบายตา มากขึ้น นะคะ
เนื้อเรื่องน่าสนใจ ติดตาม ค่ะ แต่อ่านยากจัง ควรเว้นบรรทัด หรือ ช่องไฟ ให้น่าอ่าน สบายตา มากขึ้น นะคะ
ศิริรตา 8 ก.ค. 2558, 21:36:10 น.
คุณ ปลาวาฬสีน้ำเงิน
ขอบคุณมากๆๆ นะคะ สำหรับกำลังใจ ขอแก้มือใหม่ตอนหน้าเด้อค่ะ ^_^
คุณ ปลาวาฬสีน้ำเงิน
ขอบคุณมากๆๆ นะคะ สำหรับกำลังใจ ขอแก้มือใหม่ตอนหน้าเด้อค่ะ ^_^