ลองรัก
ศิญาดา...หญิงสาวโลกส่วนตัวสูง

กับ

เจค...หนุ่ม(ที่เคย)มาดขึม

เมื่อสวิตซ์หัวใจถูกเปิดเพียงแค่สบตา ชายหนุ่มพยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองหัวใจเธอ ส่วนหญิงสาวกลับตั้งมั่นที่จะรักษากำแพงโลกส่วนตัวเอาไว้ให้ตลอด

...สุดท้าย ระหว่าง "เขา" กับ "เธอ" จะลงเลยกันได้อย่างไร ติดตามได้ใน...

~~~~ ลองรัก~~~~
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ทำตามเสียงของหัวใจ 50%

บรรยากาศในการทำงานวันที่สองเป็นไปอย่างเรียบร้อย หลายๆ อย่างที่ติดขัดจากเมื่อวานเริ่มต่อได้มากขึ้นแต่ถึงแม้ว่างานที่ทำจะเป็นไปด้วยดีแต่มีสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวทุกครั้งที่ศิญาดาวางมือจากงานเพื่อผ่อนคลายความเครียดก็คือเรื่องของเจค เธอยังจำประโยคสุดท้ายที่บอกกับเขาเมื่อวานก่อนจะเดินจากมาได้ ‘ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกัน’ ศิญาดายอมรับว่าประโยคนี้รบกวนจิตใจเธอมาตลอดทั้งคืน คำว่าโอกาสถือว่าเป็นเรื่องดีที่อาจจะทำให้เราได้พบเจอหรือทำอะไรใหม่ๆ แต่คำว่าโอกาสสำหรับเธอในตอนนี้เธอไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ แล้วถ้าเกิดว่าเขาเป็นฝ่ายใช้โอกาสนี้เพื่อเจอเธอเธอจะทำอย่างไรต่อไป หลังจากนั่งคิดเรื่องนี้สักพักหญิงสาวก็ตัดสินใจได้แล้วว่าเธอจะเป็นคนปิดโอกาสนั้นเอง และด้วยเหตุนี้เองศิญาดาจึงไม่ไปซื้อกาแฟด้วยตัวเองแต่ใช้วิธีฝากเพื่อนให้ซื้อมาให้แทน
“อ้าว! ไม่ไปด้วยกันหรอ” รมิตาถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝากซื้อกาแฟของเพื่อนสาว
“รู้สึกร้อนน่ะ อีกอย่างร่มก็มีอันเดียวหวานไปกับฝนละกัน” หญิงสาวบอกโดยใช้ร่มเป็นเหตุผลในการไม่ไปซื้อกาแฟด้วยตัวเอง
“โอเค ดาจะเอาอย่างอื่นด้วยรึป่าว”
“ไม่ล่ะ” หญิงสาวปฏิเสธ “แต่ถ้าหวานจะซื้อมาเผื่อหิวในตอนบ่ายก็ซื้อมาก็ได้แล้วค่อยมาเก็บตังค์กับเรา”
“ไม่เป็นไร งั้นไปก่อนนะเดี๋ยวจะบ่ายโมงซะก่อน” พูดพรางยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูแล้วเดินตรงไปยังร้านกาแฟที่ศิญาดาไปเมื่อวาน
ศิญาดารู้ดีว่าเหตุผลที่ไม่ไปซื้อกาแฟด้วยตัวเองก็เพราะเธอไม่อยากเจอเขา เธอกลัวคำว่านี่จะเป็นโอกาสที่ทำให้เขาเข้ามาในชีวิตเธอถึงแม้ใครจะว่าเธอคิดมากเกินไปก็ตามแต่เธอก็ยอมรับว่าเธอคิดมากจริงๆ เพราะระหว่างเขากับเธอมันคงไม่มีทางไปไปได้แน่นอน
ศิญาดาเดินเข้ามาในห้องที่ทางบริษัทของลูกค้าจัดไว้ให้สำหรับทำงาน หญิงสาวนั่งท่องโลกของอินเตอร์เน็ตเพื่อดูข้อมูลข่าวสารรวมถึงติดต่อพูดคุยกับเพื่อนในโลกโซเชียลไปเรื่อยๆ และหูก็แว่วเสียงของรมิตาดังมาแต่ไกล
“ดาดาดา! แกพลาดแล้วที่ไม่ได้ไปซื้อกาแฟวันนี้” เสียงเรียกชื่อเธอติดกันหลายๆ ครั้งบ่งบอกให้รู้ว่าคนที่กำลังเรียกเธอตอนนี้อยู่ในอารมณ์ที่กำลังตื่นเต้นสุดๆ ไม่ได้เรียกแค่ชื่ออย่างเดียวตอนนี้รมิตาเดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะทำงานของเธอทันที
“เป็นอะไรของแกวะ เรียกซะยังกะใครจะคลอดงั้นแหละ” หญิงสาวแซวเพื่อน
“บอกได้คำเดียวว่าแกพลาด พลาดที่สุด”
“ก็แล้วพลาดเรื่องอะไรล่ะ ไม่บอกซะทีแล้วฉันจะรู้เรื่องมั๊ยเนี้ย” เมื่อเห็นเพื่อนไม่ยอมพูดซะทีก็อดที่จะเหน็บไม่ได้ “อย่าบอกนะว่า...ผู้ชาย” ศิญาดาหลี่ตามองเพื่อนอย่างรู้ทัน มีเรื่องเดียวที่ทำให้เพื่อนของเธอตื่นเต้นได้ขนาดนี้นั่นก็คือเจอหนุ่มหล่อนั่นเอง
“ใช่เลยแก” พูดแล้วเอามือทั้งสองข้างกุมแก้มไว้พร้อมกับทำตาลอยอย่างคนกำลังอยู่ในภวังค์แห่งความสุข
“ว่าแล้วเชียว” ศิญาดาสายหน้าอย่างระอากับอาการของเพื่อนในตอนนี้ “แล้วจะเอาไงต่อ ให้พ่อแม่ไปขอเลยมั๊ย”
“ถ้าได้อย่างนั้นก็ดีสิแก” คนที่คล้ายว่ายังอยู่ในภวังค์ตอบ
“ฉันชักอยากจะเห็นหน้าแล้วว่ะแกว่าหน้าตาเป็นยังไง” ศิญาดายกมือขึ้นกอดอกแล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ในท่าเตรียมตัวฟังการบรรยายรูปพรรณของผู้ชายที่ทำให้เพื่อนของเธอเป็นได้ถึงขนาดนี้
“ผู้ชายผิวขาว สูง ผมสีน้ำตาลหยักโสก ตาสีฟ้าใส หุ่นงี้ล่ำมากเลยแก”
แค่ได้ยินว่าตาสีฟ้าใสก็ทำให้รอยยิ้มขบขันในท่าทีบรรยายของเพื่อนหายไปทันที คงไม่ใช่คนเดียวกันหรอกมั๊ง หญิงสาวได้แต่คิดในใจ
“อย่าบอกนะว่าผู้ชายที่แกกำลังพูดถึงเป็นฝรั่ง”
“ถูกต้องเลยแก ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอฝรั่งที่หล่อขนาดนี้” รมิตาตอบกลับมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้สนใจเสียงถามที่เบาคล้ายแฝงความนัยบางอย่างของเพื่อน
ขณะที่รมิตายังคงเพ้อฝันถึงหนุ่มที่พึ่งได้เจอมา แต่ศิญาดากลับคิดไปอีกเรื่อง หวังว่าเขาคงไม่ได้มาดักรอเธอที่ร้านกาแฟหรอกนะ เพราะมัวแต่คิดเลยทำให้หญิงสาวไม่ได้ยินเสียงที่เพื่อนเรียก
“เฮ้ยดา! แกเป็นอะไรวะ อย่าบอกนะว่าแกกำลังจินตนาการถึงหนุ่มหล่อที่ฉันกำลังพูดถึงอยู่น่ะ”
“เปล่า! แค่แปลกใจน่ะ เพราะปกติแล้วแกไม่ชอบผู้ชายต่างชาติไม่ใช่หรอก” หญิงสาวเลี่ยงโดยการถามเพื่อนกลับไปแทน
“ก็ใช่ แต่คนนี้มันหล่อจริงๆ นี่นา รับรองว่าแกเห็นแกต้องชอบแน่” ไม่พูดอย่างเดียวแต่รมิตาจ้องตาเธอราวกับมั่นใจว่ามันต้องเป็นอย่างที่เธอพูดแน่นอน
“บะ..บ้าหรอ” หญิงสาวค้านเสียงตะกุกตะกัก
“ไม่บ้าหรอก ฉันว่าถ้าแกเห็นแกต้องชอบแน่นอน นั่นน่ะสเป็กแกเลยล่ะ” รมิตาย้ำความมั่นใจอีกครั้งเพราะรู้ว่าเพื่อนของเธอชอบหนุ่มตาน้ำข้าวมากว่าคนไทย แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่เคยเห็นศิญาดามีแฟนซะทีอย่าว่าแต่ชาวต่างชาติเลยแม้แต่คนไทยก็ยังไม่มี เมื่อเห็นศิญาดาเงียบเธอก็พูดต่อ “ถ้าไม่เชื่อ พรุ่งนี้เราลองไปร้านกาแฟนี้”
“ดูแกจะมั่นใจมากเลยนะว่าพรุ่งนี้จะได้เจอเขาอีก” แม้จะค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าพรุ่งนี้ไปจริงต้องได้เจอเขาแน่นอนแต่หญิงสาวก็อดถามไม่ได้
“ไม่รู้สิ เอาเป็นว่าฉันมั่นใจว่าแกจะได้เจอเขาแน่ๆ” แววตาฟ้องว่าเธอมั่นใจอย่างที่พูดจริงๆ
“ทำไมแกถึงอยากให้ฉันได้เจอเขาจัง” ศิญาดาสงสัย ทั้งที่ท่าทางเพ้อฝันของรมิตาออกจะแสดงให้เห็นถึงความคลั่งไคล้ขนาดนี้แต่ทำไมถึงอยากให้เธอเจอเขา
“ถึงฉันจะเห็นว่าเค้าหล่อแต่ยังไงซะสเป็กของฉันก็ยังเป็นคนไทย เพราะฉะนั้นคนนี้ฉันยกให้แก” นิ้วชี้ที่ชี้มายังศิญาดาทำให้เธอถึงหัวเราะออกมาดังๆ
“เขาจะรู้ตัวมั๊ยเนี้ยว่าถูกแกยกเขาให้ฉัน”
“ถ้าแกไม่เอา ฉันจะยกแกให้เขาแทนก็ได้ แกจะได้มีแฟนซะทีไง”
“อ้าว! ไอ้บ้า เรื่องอะไรที่แกจะมายกฉันให้คนอื่น” ศิญาดาโวยวาย
“ไม่รู้แหละ เอาเป็นว่าตกลงตามนี้ ทำงานได้แล้ว” รมิตารวบรัดและตัดบททันทีก่อนจะยักคิ้วให้เพื่อนแล้วเดินไปนั่งโต๊ะของตัวเองเพื่อทำงานต่อ โดยทิ้งให้ศิญาดาได้แต่ส่ายหน้าหัวเราะอย่างระอาใจ
ศิญาดาค่อนข้างมั่นใจว่าผู้ชายที่รมิตาเจอที่ร้านกาแฟต้องเป็นเขาแน่นอนแต่สิ่งหนึ่งที่ยังขัดแย้งกันอยู่ในหัวเธอตอนนี้ก็คือมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเป็นเพราะเขาตั้งใจที่จะมาดักรอเจอเธอจริงๆ กันแน่ แต่ที่สุดแล้วเธอก็ยังไม่สามารถคลายข้อสงสัยให้กับตัวเองได้ กว่าจะตั้งสมาธิให้จดจ่อกับงานตรงหน้าได้ก็ใช้เวลาไปพอสมควร แต่ไม่นานเสียงเรียกเข้าที่ดังมาจากกระเป๋าใบย่อมของเธอก็ทำให้เธอต้องวางงานตรงหน้าเพื่อรับสายนั้น ศิญาดาเดินออกมาจากห้องทำงานเพื่อไม่ให้การคุยโทรศัพท์ของเธอรบกวนสมาธิในการทำงานของทุกคน
“จ๊ะแม่ ว่ายังไงจ๊ะ” เสียงหวานที่พูดทักทายผู้อยู่ปลายสายทันทีที่เดินออกมาถึงหน้าบริษัท ซึ่งตรงนั้นมีโต๊ะม้าหินอ่อนให้นั่งโดยมีต้นหูกวางแผ่กิ่งก้านเป็นร่มเงาให้ผู้ที่อยู่ใต้บริเวณไม่ต้องสัมผัสแดดโดยตรง
“ทำงานอยู่รึป่าวลูก” ปลายสายถาม
“ทำจ้า แต่คุยได้ แม่มีอะไรรึป่าวจ๊ะ” หญิงสาวถามแม่กลับไปด้วยน้ำเสียงที่ปรับให้ดูร่าเริงเข้าไว้ เธอรู้ดีว่าแม่ของเธอโทรมาด้วยเรื่องอะไร
“แม่โทรมาเรื่องที่แม่เคยคุยกับดาไว้น่ะลูก ดาพอจะมีให้แม่บ้างมั๊ย” ธิดาเอ่ยกับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงติดเกรงใจ
“แม่จะเอาเท่าไหร่หรอจ๊ะ”
“สักหมื่นนึงได้มั๊ยลูก” พูดไปแล้วก็ต้องกลั้นใจฟังลูกสาวต่อว่าจะตอบกลับมาเช่นไร
“อีก 2 วันได้มั๊ยจ๊ะแม่” เมื่อได้ยินจำนวนเงินที่แม่ของเธอแจ้งมาหญิงสาวก็ครุ่นคิดอย่างหนัก
“ได้จ๊ะ แล้วดาพอจะมีใช้ไหมลูกถ้าให้แม่มาแล้ว” ผู้เป็นแม่ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกแม่ ไว้ค่อยว่ากันเนาะ ถ้าดาไม่มีจริงๆ ดาก็ค่อยขอแม่ก็ได้นี่” เสียงหัวเราะใสที่ดังขึ้นเพื่อทำให้ผู้เป็นแม่สบายใจ
“ได้เลยลูก อีกสักอาทิตย์ผักที่ปลูกไว้ก็จะเก็บขายได้แล้วล่ะ ไว้แม่จะคืนให้ดานะลูก”
“แม่เก็บไว้ใช้เถอะ ไหนจะต้องค่าปุ๋ยค่ายาที่จะต้องซื้ออีก ถ้าดาไม่มีจริงๆ ดาจะบอกแม่นะจ๊ะ”
“จ๊ะ” ธิดารับคำสั้นๆ
“ไว้วันมะรืนดาจะโอนไปให้แม่นะ” หญิงสาวนัดวันที่จะโอนเงินให้แม่เพื่อที่แม่ของเธอจะได้ถอนเงินไปใช้ได้
“งั้นดาทำงานต่อเถอะลูก แม่ไม่กวนแล้ว”
“จ๊ะแม่ งั้นแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ” พูดจบก็กดวางสายไป
ครอบครัวของศิญาดามีอยู่ 4 คน คือพ่อแม่และน้องชายอีกคนคือ ธีรภัทร์ ซึ่งตอนนี้กำลังเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 6 เพราะมีน้องชายที่อยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ที่ต่างจังหวัดจึงทำให้ศิญาดาเบาใจได้อย่างหนึ่งว่าอย่างน้อยก็ยังมีธีรภัทร์คอยดูแลพ่อแม่อยู่ซึ่งน้องชายที่เริ่มโตเป็นหนุ่มแล้วก็ยังเป็นคนช่วยพ่อแม่ดูแลนาข้าวและสวนผักผลไม้ที่ปลูกไว้ในที่ผืนเล็กๆ ของครอบครัว และด้วยเหตุที่ต้องช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนาตั้งแต่เด็กจึงทำให้น้องชายของเธอมีความสนใจที่จะศึกษาเล่าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยในด้านที่เกี่ยวข้องกับวิชาการเกษตรซึ่งเธอก็เห็นด้วย และตอนนี้ความตั้งใจของน้องชายเธอก็สมหวังในระดับหนึ่งแล้วคือสามารถเข้าเรียนต่อได้ในมหาวิทยาลัยในจังหวัดใกล้บ้านตามสาขาที่ต้องการได้แล้ว แต่นั่นหมายถึงว่าค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะมากตามไปด้วยเช่นกัน แต่หญิงสาวก็ยินดีที่จะรับภาระค่าใช้จ่ายนั้นเพราะนั่นคือน้องเธอ คือคนในครอบครัวของเธอ อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องรับภาระทั้งหมดคนเดียวเพราะพืชผลที่ปลูกไว้ใกล้จะให้ผลตอบแทนกลับคืนมาแล้วถึงแม้จะไม่มากแต่ก็ยังช่วยแบ่งเบาภาระของเธอและครอบครัวได้
จุดที่ศิญาดานั่งคุยโทรศัพท์อยู่เป็นมุมที่ไม่สามารถมองเห็นคนที่เดินเข้าออกตัวอาคารได้จึงทำให้เธอไม่สามารถรู้ว่าคนที่พึ่งจะเดินออกไปที่คลาดกับเธอแค่นาทีเดียวนั้นเป็นใคร เท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นเทอร์เรสหน้าตัวอาคารต้องชะงักทันทีเมื่อมีเสียงหนึ่งทักขึ้น
“คุณครับ คุณครับ” เสียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำอาคารนั่นเอง
“มีอะไรรึป่าวคะ” เมื่อหันมองรอบข้างแล้วไม่พบใครเลยนอกจากเธอ หญิงสาวจึงถามเจ้าหน้าที่กลับไป
“ขอโทษนะครับ พอดีเมื่อสักครู่นี้มีคุณฝรั่งคนนึงเขาเอากาแฟกับกระดาษนี้มาฝากให้ผมเอาไปให้กับคุณศิญาดาที่มาทำงานบัญชีครับ แต่ผมไม่รู้จักเธอเลยจะรบกวนคุณช่วยนำไปให้เธอหน่อยได้มั๊ยครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่พอจะจำได้ว่าเธอคนหนึ่งในคนที่มาทำงานบัญชีจึงวานให้เธอช่วยเขาสักหน่อย
“อ๋อ ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้มแล้วก็เดินเข้าอาคารไป
ศิญาดาเดินไปนั่งที่ชุดรับแขกที่ตั้งอยู่หน้าห้องที่เธอใช้ทำงานเพื่ออ่านโน้ตที่มากับแก้วกาแฟ เธอยอมรับว่างงเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อที่ออกมาจากปากของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่าคนที่จะต้องนำแก้วกาแฟไปให้ชื่อศิญาดา ตอนแรกเธอเข้าใจไปว่าอาจจะมีใครที่ทำงานอยู่ที่นี่ชื่อเหมือนกันกับเธอแต่พอบอกว่ามาทำงานบัญชีทำให้เธอมั่นใจว่าเจ้าของแก้วกาแฟที่ต้องนำไปให้เป็นเธอแน่นอน มือเรียวคลี่กระดาษโน้ตที่อยู่ในมือออกก็พบตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เขียนด้วยลายมือที่เป็นระเบียบสวยงามบ่งบอกลักษณะของผู้เขียนได้เป็นอย่างดีว่า

หวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธน้ำใจจากผม
ผมรออยู่หน้าออฟฟิศ
เจค


*****************************************
ขออภัยนะคะที่ตัวหนังสืออาจทำให้อ่านยาก เค้าแก้ไม่เป็นอ่ะ >_<



ศิริรตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ค. 2558, 20:09:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ค. 2558, 20:11:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 921





<< ไม่อยากจะเชื่อสายตา 100%   ทำตามเสียงของหัวใจ 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account