กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 14 ครึ่งแรก

ตอนที่ 14

ความเงียบเป็นคำตอบว่าคืนนั้นเราทะเลาะกันจริงๆ ชัคไม่มา ไม่สั่ง และทำตัวเหมือนไม่ได้กำลังหาคนร้ายด้วยกัน อันนารู้สึกผิดในวันแรก พอวันต่อมาก็เริ่มให้เหตุผลเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจจะเป็นแบบนั้นถึงได้โกรธ นาวินส่งข่าวมาว่าลุงเมศจะนัดคุย แต่ยังไม่สะดวก แน่ล่ะ ตอนนี้เธอก็ไม่สะดวกเหมือนกันเพราะกำลังถูกกักบริเวณ ชาญหายต๋อมตามนายไปอีกคน เหลือแต่หุ่นยนต์ชุดดำหน้าเหี้ยมเฝ้าทั้งวันทั้งคืน
โทรศัพท์เปิดเมื่อต้องการใช้ หลายวันมานี้มีสายแปลกๆ โทรเข้ามา แล้วยังพวกที่บริษัทอยากรู้เรื่องของเธอกับชัคการอยู่คนเดียวถึงจะมีคนคอยเฝ้าก็ดีอยู่เหมือนกันเพราะทำให้มีเวลาคิดมากขึ้น แต่ก็เหงาเวลากินข้าวคนเดียว อันนาถือจานขนมมานั่งกินแทนข้าวข้างสระน้ำ มองท้องฟ้ามองดาวไปเรื่อย
“ค่ำแล้วมายืนตากน้ำค้างทำไม”
อันนาสะดุ้งหันไปมองชัคดีใจที่ไม่ใช่ผี แต่ทำไมเขามาเงียบๆ เสื้อดูยับผิดมาด กระดุมเสื้อก็ถอดออกจนเห็นขนที่หน้าอกรำไร เธอเบือนหน้าอำพรางอาการเขิน คนบ้า ทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อย
“คุณเข้ามาทางไหน ฉันไม่ได้ยินเสียงรถ”
ไม่เจอกันตั้งหลายวัน รอยยิ้มปลิวหายกลายเป็นหน้าตูมๆ ของอันนาเสียนี่ ชัคเลิกคิ้วใส่พลางเดินไปแถวๆ ขอบสระน้ำ
“ผมไม่ได้แอบย่องเข้ามาฆ่าคุณหรอกน่า บ้านผมก็อยู่ข้างๆ บ้านหลังนี้นั่นแหละ เพิ่งซื้อเมื่อวาน วันนี้เลยเข้ามาอยู่ มีอะไรสงสัยอีกไหม”
อันนามองชะเง้อมองไปก็เห็นบันไดที่ชัคเพิ่งปีนข้ามกำแพงมา ถึงว่าเหงื่อพราว แต่ตาไม่ขวางใส่
“แล้วคุณมาทำไมคะ” ร่างเพรียวถูกดึงให้นั่งลงใกล้ๆ
ซองเอกสารยื่นมาให้ก่อนที่ความเพลียจะทำให้ชัคนอนลงเอาหัวมาหนุนตักอันนาไว้ ขายังจุ่มอยู่ในน้ำ หญิงสาวนั่งนิ่งเหมือนตัวกลายเป็นหิน สีหน้ากระอักกระอ่วนอยากลุกขึ้น
“ผล DNA ของคนร้าย แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า กล้องวงจรปิดของหอพักก็ช่วยได้ไม่มากเพราะคนร้ายอาจจะอยู่ในหอพักก็ได้ ไม่มีใครน่าสงสัย”
ผล DNA ไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่ามันคือรหัสชีวิตของคนร้ายที่เข้ามาในห้อง
“มี DNA แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นของใครจะมีประโยชน์ยังไงล่ะคุณ”
“ไม่ยากหรอก ก็แค่หา DNA ของคนที่น่าสงสัยมาเทียบ แต่ไปขอดีๆ คงไม่มีใครให้ก็แค่นั้น” ชัคขยับตัวเอียงแก้มซบต้นขาเรียว ระบายยิ้มบางเมื่อได้ยินเสียงคนกลั้นหายใจ “แต่พอไปเทียบกับเส้นผมคนที่จับคุณไปกลับตรงกัน แสดงว่ามันวางแผนเอาไว้แล้ว น่าเสียดายคนร้ายอีกคนที่คุณบอกรายละเอียดใบหน้าไว้ ตำรวจยังจับตัวไม่ได้”
“แล้วคุณจะทำยังไงต่อ ฉันไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ทุกอย่างน่าจะมาจากคุณทั้งนั้น ที่ผ่านมาคุณหรือคนในบ้านเคยฆ่าใครหรือเปล่า เลยถูกตามแก้แค้น”
“ทำไมชอบคิดว่าผมต้องไปฆ่าใคร”
อันนาขยับจะลุก แต่เขาคว้าเอวไว้ จะนอนอย่างนี้ทั้งคืนหรือไง พอไม่ตอบก็จ้อง เผด็จการไม่สร่างซา
“ฉันคงดูละครมากไหมละมังคะ ประเภทมาเฟียที่ฆ่าคนเพื่อปิดความลับ หรืออยากได้บางอย่าง พอไม่ได้ก็ฆ่าแล้วทำเนียนๆ ว่าไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย เป็นคนดีในสายตาของคนอื่น” อันนาปิดปากตัวเอง หน้าเบ้เพิ่งรู้ตัว นี่เธอกำลังพูดมากไปหรือเปล่า
“แน่ใจหรือว่ามาจากละคร ตอนพบกันครั้งแรก คุณดูเหมือนผู้หญิงที่เปิดเผย ไม่มีความลับ แต่ตอนนี้ผมคงต้องเปลี่ยนใจแล้วล่ะ” ชายหนุ่มเปลี่ยนใจลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าคร้ามเขยิบใกล้คนมีพิรุธ “ทำไมถึงยอมหมั้น”
“ถามผิดหรือเปล่า คุณบังคับฉันไม่ใช่หรือไง แล้วถ้าฉันเสียชื่อเสียงไปแล้ว ทำไมจะต้องไปนั่งร้องไห้อยู่ในห้องไม่กล้าสู้หน้าใครคนเดียวล่ะ”
เชื่อบ้างไหมโอ้ย...ช่างเหอะ อันนาลุกขึ้น ขืนอยู่ต่อได้หลุดพิรุธถูกจับได้แน่ๆ
“ขอตัวละ ฉันง่วงแล้ว”
อันนาเดินช้าๆ แต่พอลับสายตายิ่งเดินเร็วขึ้น เสียงชัคเรียกตามหลังมา เธอมองซ้ายมองขวารีบหลบไปไปในห้องเก็บของ ใจสั่นระทึกยามเอาหูแนบประตูไว้ ชัคกำลังเดินห่างออกไป มันไม่ยุติธรรมหากว่าเธอจะพยายามเกลียดเขา ทั้งที่คนก่อเรื่องอาจเป็นคุณชรันเพียงคนเดียวก็ได้
นานพอให้แน่ใจ อันนาเปิดประตูก้าวออกไปความรู้สึกข้างในปนเปสับสน รู้สึกผิดต่อชัค เช่นเดียวกับเกลียดตัวเองที่ไปสงสารลูกชายของคนที่อาจสั่งฆ่าพ่อ ลมพลิ้วผ่านบางเบาร่างเพรียวรับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นอ่อนโยนที่เอวและแผ่นหลัง พอจะหันไปมอง ใบหน้าของชัคกลับแนบลงบนไหล่ เขาทำแบบนี้ทำไม
“ขอโทษ บางทีผมก็อยากจะเข้าใจคุณให้มากกว่านี้ อยากปกป้องคุณให้มากเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้”
กอดเดียวทว่านิ่งนาน อันนารู้สึกถึงจังหวะเต้นจากหัวใจของชัค ความเหงาเดียวดายราวกับถูกฟาดกระหน่ำ หากว่าเขาไม่ลูกชายของคุณชรัน เธอคงเป็นผู้หญิงที่โชคดีใช่ไหม
“ไปนอนซะนะ ขอให้ฝันดี ถ้ามีอะไรผมอยู่ใกล้ๆ...เสมอ”
อ้อมแขนคลายออกอย่างเชื่องช้า ลมหายใจอุ่นผะผ่าวแทนที่ด้วยอากาศเย็นไม่มาก ทว่าเจ็บร้าวไปทั้งใจ อันนาหันหลังกลับไปมอง แต่ไม่อาจก้าวขาตาม ทำได้เพียงมองแผ่นหลังของชัคจนลับตา ถ้าเขากลายเป็นลูกชายของฆาตกร เธอจะทำยังไงดี เมื่อถึงวันนั้นเราจะเกลียดกันหรือเปล่า

วันหมั้นกำหนดออกมาแล้วอีก 2 เดือนข้างหน้าตามฤกษ์ที่ชรันไปขอจากพระ อันนารู้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ ชาวเนตพากันส่งคะแนนสงสารให้ลิลลา ส่วนเธอยังเป็นนางมารร้ายเจ้าของมือที่สามเหมือนเดิม ถ้าออกจากบ้านหลังนี้ได้ การหาเบะแสต่างๆ คงง่ายขึ้น หลักฐานน่าจะยังเหลือให้เธอบ้าง หรือไม่ถ้าไม่มีอะไรให้ตาม การเปิดเผยตัวจะทำให้เกิดอะไรที่โยงไปถึงคนร้ายได้ไหมนะ
“เสียใจหรือเปล่า”
อันนาหยุดคิดหันมามองทางที่รถกำลังแล่นฝ่าการจราจรในยามค่ำ สายตาว่างเปล่าคงบอกเขาว่าเธอเหม่อลอยอีกแล้ว
“การหมั้นครั้งนี้นักข่าวจะถูกกันออกไป ทำให้เป็นเรื่องภายในครอบครัวเท่านั้นน่ะ เสียใจไหม”
เรียวปากบางยิ้มกว้างถึงว่าวันนี้ฟ้าครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก เขาสนใจความรู้สึกอยากฟังความคิดเห็นจากเธอด้วย
“ดีออกค่ะ เวลาที่เราถอนหมั้นกันจะได้ไม่มีใครมาสนใจ ฉันคงเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยที่ไม่มีใครมาขุดอดีต เหมือนกับคุณ”
“คิดเป็นเด็กๆ ก็ทำให้สุขใจดีเหมือนกัน บางทีผมก็อยากย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กน้อย” เสียงหัวเราะลอยมา มองอันนาเหมือนเด็กน้อยไม่รู้จักโตคนนั้น
อันนารู้สึกปวดตุบๆ เหมือนเห็นภาพบางอย่างในสมอง แต่มันสว่างจ้าจนไม่แน่ใจ ทว่าคำพูดของเขาราวกับเคยได้ยินในความฝัน ถ้าเขาเป็นหนึ่งในความทรงจำที่สมองเลือกจะปิดกั้นหรือหายไปล่ะ
“คุณกับฉันเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่าคะ ไม่ใช่ที่สุสานนะ แต่เป็นที่อื่น”
คิ้วเข้มขมวดแล้วคลายราวกับแกล้งคนรอคำตอบที่ทำหน้าเหมือนจะหายใจไม่ออกอยู่รอมร่อ
“ไม่รู้สิ มีหลายอย่างในโลกใบนี้ที่เห็นคนหนึ่ง แต่กลับทำให้คิดถึงอีกคน ถ้าเป็นอย่างนั้น เราสองคนก็อาจจะได้พบกันมาก่อนก็ได้”
อันนาหันหน้าหนี คำตอบของเขาหมายความว่ายังไง เคยหรือไม่พบมาก่อน ถ้าเคยพบ เขาต้องแสดงอะไรออกมาสิ อีตาบ้าจงใจพูดกำกวมอยู่เรื่อย ชัคหันมอง เรียวปากหนากดยิ้ม ใครบ้างไม่มีความลับ

ภาคินปิดดาดฟ้าที่ร้านอาหารเพื่อจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ต้อนรับอันนา มีเพียงคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทบางคนเท่านั้นที่ได้รับเชิญ นักข่าวยังคงตามชัคอยู่เรื่อยๆ เขาแสร้งทำไม่เห็นแล้วโอบเอวพาว่าที่คู่หมั้นเข้ามาในร้าน ถ้าเธอไม่เหม่อคงหันมาค้อนใส่แล้ว บางทีเขาก็สงสัยว่ามีอะไรให้คิดหนักหนา
พลุสีสวยดวงเล็กถูกจุดเมื่อคนสำคัญของงานมาถึง ชรันยิ้มกว้างรับไหว้ว่าที่คู่หมั้นของลูกชาย ภาคินตีไหล่น้องชายแล้วคุยกันเสียงเบาลง
“ยินดีด้วยมากๆ เลยนะชัค ดีใจใช่ไหมล่ะ ว่าที่เจ้าสาวน่ารักจริงๆ คุณภารดีกับลูกสาวไม่อกแตกตายไปหรือนั่น”
“ไม่รู้สิครับ ไม่เห็นว่ามา แต่ดีแล้ว ไม่งั้นคงเป็นข่าวกันล่ะ จะได้ไม่วุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของผมกับอันนาอีก”
ความห่วงใยเผยจากดวงตาที่เผลอแสดงออกมา ภาคินยิ้มตามพลางมองอันนารู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีความหมายกับน้องชายเพิ่มขึ้นทุกวันๆ
“คุณพ่อน่าจะพอใจอันนาได้ไม่ยากนะ เห็นมาถึงก็เรียกให้ไปหาเลย”
ดวงตาอ่อนโยนห่วงใยพลันว่างเปล่า คิ้วขมวดอีกครั้งก่อนจะหันไปมองหาชาญ เบาใจที่บอดี้การ์ดไม่เคยละจากคำสั่งของเขา อันนาหันมามองชักเมื่อรู้สึกว่าถูกจ้อง ปั่นป่วนในใจและสมองเมื่ออยู่ท่ามกลางครอบครัวของเขาอีกแล้ว เธอไม่ชอบสายตาของชรันเพราะทำให้ระแวงทุกครั้งว่าเขาอาจรู้ความลับไปแล้วก็ได้
“หนูมีญาติคนไหนที่ชื่ออิศบ้างหรือเปล่า ที่ถามเพราะลุงมองหนูกี่ครั้งก็นึกถึงเพื่อนเก่าคนนี้จริงๆ แถมหนูยังชื่อเหมือนลูกสาวของเพื่อนลุงเสียด้วย”
อันนาใจหายวาบฝืนยิ้มทั้งที่ปากสั่น “หรือคะ คงไม่ใช่หรอกค่ะ น้ำเป็นเด็กกำพร้าที่คอนแวนต์รับเลี้ยงส่งเสียจนเรียนจบ ทำไมคุณชรันคิดถึงเพื่อนคนนี้มากนักล่ะคะ มีอดีตอะไรที่น่าจดจำแน่ๆ เลย น้ำอยากฟังจังค่ะ”
สายตาของชรันมองออกไปยังท้องฟ้า รอยยิ้มประดับที่ริมฝีปากและดวงตา อันนามองอย่างตั้งใจการคิดถึงเพื่อนเก่าทำให้มีความสุขขนาดนี้เชียวหรือ
“เป็นเพื่อนรุ่นน้องน่ะ ตอนที่ก่อตั้ง Prime แรกๆ ก็ได้อิศมาช่วยดูบัญชีให้ ลุงไม่เก่งพวกตัวเลขเท่าไหร่ พอได้คนที่ไว้ใจมาทำส่วนนี้เลยสบายใจส่วนหนึ่งน่ะ ตอนที่มีปัญหาก็ช่วยหาแหล่งเงินกู้ เวลาท้อก็มีคนปรับทุกข์ด้วย”
เรียวปากบางเม้มปิดด้วยกลัวจะถามออกไปว่า ‘ถ้าอิศดีขนาดนั้น แล้วคุณฆ่าเขาทำไม’ ไม่! ยังไม่ถึงเวลา อันนายิ้มตามแม้เจ็บปวด กลืนน้ำตาตัวเองยังดีกว่าเสียเลือดให้คนเลว
“แล้วตอนนี้คุณอิศไปไหนแล้วหรือคะ”
เสียงถอนใจขื่นๆ นำมาก่อนคำตอบ “อุบัติเหตุทางรถยนต์น่ะ น่าเสียใจมาก อิศตายไปพร้อมกับลูกสาว จนถึงตอนนี้ลุงก็ไม่เข้าใจว่าอิศไปทำอะไรแถวๆ นั้น”
“คุณลุงไม่ทราบจริงๆ หรือคะ”
“หนูอันนา ไม่เจอกันไม่แค่เดือนเดียว ตอนนี้จะกลายเป็นหลานสะใภ้ลุงเสียแล้ว”
ชรันยิ้มร่าเดินไปหาน้องชายกอดกันตบหลังกันป๊าบๆ ชัคเข้ามาร่วมวงอีกคน อันนายกมือไหว้บูรชัย ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นเธอยังไม่ได้ไปที่ไร่อีกเลย พรุ่งนี้จะถูกตัดเฝือกออกครบเดือนจริงๆ นั่นล่ะ
“สวัสดีค่ะครับลุงบูร ผมนึกว่างานยุ่งจนปลีกเวลามาไม่ได้เสียแล้ว”
“ต้องมาสิเจ้าชัค เป็นยังไงบ้างหนูอันนา”
อันนายิ้มเขินๆ ชักทำตัวไม่ถูก “ดีใจที่ลุงบูรมาได้นะคะ ตอนนี้น้ำยังแปลกๆ ตัวเองอยู่เลยค่ะ ไม่เคยมีญาติพี่น้องที่ไหน”
บูรชัยหัวเราชอบใจหลิ่วตาใส่ชัคกับว่าที่หลานสะใภ้ “คนเยอะมากๆ เวียนหัว ปวดตับก็ไปหาลุงที่ไร่”
“นายมาทำไม”
เสียงชัคตะคอกใส่แขกรายล่าสุด ทุกคนหันไปมองตาม สายตาแต่ละคนเปลี่ยนเป็นกังวลจนอันนาสังเกตได้
“พี่คินเชิญมันมาหรือ”
นวัชยกมือห้ามไม่ให้เพื่อนไปเอาเรื่องใคร เขาเตรียมใจแทบแย่กว่าจะขับรถมาถึงที่นี่ได้
“เปล่าหรอก ฉันมาเอง อยากมาแสดงความยินดีจากใจจริง คิดมาตลอดว่าที่นายเป็นอย่างนั้นก็เพราะฉัน ตอนนี้เห็นนายเริ่มต้นใหม่ได้ ฉันก็ดีใจ”
ยิ่งกว่าเอาระเบิดมาโยนใส่ ชัคเดินตรงดิ่งไปหาเพื่อนทรยศแล้วชกจนกระเด็นหงาย ภาคินเข้ามายืนขวางห้ามน้องชายที่ยังไม่หายแค้น อันนากระโดดเข้าไปจับคนบ้าเลือดไว้ นวัชถูกดึงขึ้นมา บรรยากาศดีๆ กลายเป็นมัวซัวคล้ายจะเกิดสงคราม
“มาทางนี้ดีกว่านะวัช คุณอันนาพาชัคไปทางโน้นก่อน วันนี้วันดีๆ ไม่อยากให้มีเรื่องน่ะครับ”
อันนาทั้งดึงยังเย่อกว่าอีกตาก้อนหินหนักจะยอมขยับตามมา แต่เธอดันซุ่มซ่ามตกส้นสูงจนเขาเป็นฝ่ายต้องประคองมาที่เก้าอี้ด้านนอก ยังดีไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่คืนนี้จะใส่อะไรกันล่ะ รองเท้าพังไปข้างนึงแล้ว ก้อนหินคงรู้ตัวว่าก่อความซวยไว้เลยหารองเท้าฟองน้ำมาให้ใส่แก้ขัด อย่างนี้ค่อยกลับมาเป็นคนได้หน่อย
“คนนี้หรือเปล่าที่คุณสงสัย”
คนขี้โมโหพยักหน้าไม่นึกรู้มาก่อนว่าอันนาสนใจ “ใช่ นวัชเป็นอดีตเพื่อนที่ส่งผู้หญิงเข้ามาล้วงความลับ แล้วผมก็โง่งมหลงเชื่อเสียด้วย”
เวลาทำให้เขาพูดเรื่องพวกนี้ได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรหรือเพราะใครบางคนกันแน่ ชัคแปลกใจตัวเองไม่น้อย นานเท่าไหร่แล้วที่ความเจ็บปวดทางใจไม่ส่งผลต่อร่างกายของเขา
อันนามองชัคอย่างชั่งใจแล้วเป็นฝ่ายลุกขึ้นมองไปทางนวัช
“เดี๋ยวมาไม่ว่าฉันทำอะไร คุณห้ามโมโหเด็ดขาด”
ใครบ้างจะเข้าใจ ยังไม่ทันได้ถามอะไรอันนาก็เดินลิ่วๆ ไปหานวัชโดยที่ชัคไม่ได้อนุญาตสักคำ อยากให้เขาอาการกำเริบหรือยังไง แล้วนั่นเดินไปเท่าไหร่ก็เกือบชนใครอีกแล้ว อันนาหันมายิ้มว่าไม่มีอะไรก่อนจะสนใจคู่กรณี แต่งตัวด้วยเสื้อสีขาวมีหมวกคลุมผมคงเป็นอะไรไปไม่ได้
“ขอโทษครับ” คณินก้มหน้าลงนอบน้อม
หญิงสาวยกมือห้ามเพราะงานนี้เขาไม่ได้ผิดอะไร เธอต่างหากที่ไม่ทันมอง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันคงรีบไปหน่อย”
พ่อครัวยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะเดินผ่านลงไปชั้นล่าง อันนามองตามจะรู้สึกว่าพ่อครัวของภาคินตัวใหญ่และดูบึกบึนเหมือนลูกน้องของชัค แต่ผู้ชายสมัยนี้คงชอบตัวหนาๆ กล้ามโตเป็นมัดๆ ละมั้ง
แล้วจะมา up ต่อถึงตอนที่ 15 นะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านค่ะ มีจำหน่ายในรูปแบบหนังสือและ e-book แล้วค่ะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.ค. 2558, 09:43:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.ค. 2558, 09:43:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1147





<< ตอนที่ 13   ตอนที่ 14 ครึ่งหลัง >>
แว่นใส 10 ก.ค. 2558, 08:04:34 น.
คณินเป็นใครที่สำคัญในเรื่องแน่เลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account