กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 14 ครึ่งหลัง

นวัชกำลังใช้ผ้าห่อน้ำแข็งประคบปากที่ช้ำ อันนายิ้มนำมาก่อนถ้าชัคชกเขาจนปากแตก งานนี้คงไม่ต้องมาถึงเธอหรอก สำหรับเพื่อนที่ใช้มิตรภาพมาเป็นอาวุธทำลายกัน สิ่งที่ได้รับคงต้องบอกว่าสมควรแล้ว
“สวัสดีค่ะ”
เธอยกมือไหว้ อีกฝ่ายรับไหว้แทบไม่ทัน
“คุณคงรู้จักฉันจากข่าวแล้วว่าชื่ออันนา แต่เรียกสั้นๆ ว่าน้ำก็ได้นะคุณนวัช คุณชัคบอกฉันว่าคุณไม่ใช่เพื่อนที่ดีเท่าไหร่”
จากหน้าเฉยกลายเป็นยิ้มออกมา นวัชลุกขึ้นผายมือให้อันนานั่งลง ดูท่าแล้วคงได้คุยกันยาว ยกเว้นว่าชัคจะดุ่ยๆ เข้ามาชกเพราะโมโหหึง
“ก็ทำนองนั้นครับ เรื่องมันนานมาแล้วล่ะ แต่ผมมายินด้วยจริงๆ ไม่ได้หวังอะไร หรือต้องการก่อกวน ถ้าเป็นไปได้คุณช่วยบอกชัคให้ด้วยนะครับ ถึงเราจะเป็นคู่แข่งกันหลายเรื่องๆ จนทำนอกเกมไปบ้าง แต่ผมก็ยังเป็นเพื่อนของมันอยู่”
“พิสูจน์สิคะ” อันนาเสียงแข็งใส่
นวัชถอนใจกลุ้มๆ ดูไม่ออกว่าแกล้งทำหรือเป็นอย่างนี้จริงๆ
“ไม่มีประโยชน์หรอกครับ ตอนนี้ผมทำอะไรก็ดูเสแสร้งในสายตาของชัค แต่เพื่อคุณอันนาผมจะลองดู เพื่อเป็นของขวัญให้ทั้งสองคนก็แล้วกัน”
มือหนายื่นมารอเป็นสัญญา อันนายื่นมือไปจับก่อนจะยิ้มพราวหยิบน้ำทั้งเหยือกไว้อย่างเจ้าเล่ห์
“ห้ามโกรธนะคะ”
“ทำอะไรน่ะอันนา!”
เสียงภาคินดังพอให้ทุกคนหันมามอง น้ำทั้งเหยือกในมืออันนากำลังราดใส่หัวนวัชแล้วหยดย้อยลงตามเนื้อตัวเปียกปอนไปหมด
ชัคกระโจนมาคว้าร่างของอันนาไปหากนวัชจะทำร้ายต้องผ่านเขาไปก่อน ชรันกับบูรชัยมองอยู่ห่างๆ พร้อมเข้ามาห้ามหากเรื่องราวกลายเป็นใหญ่โต นวัชหัวเราะร่วนๆ มองสภาพตัวเอง ชาวมุงทั้งหลายพากันงง คนก่อเรื่องเลยต้องรีบอธิบาย
“ฉันบอกคุณนวัชว่าต้องพิสูจน์ก่อน คุณถึงจะเชื่อว่ามาด้วยความจริงใจ เห็นไหม เขาไม่โวยวาย ไม่ต่อว่า เพราะเขาอยากให้คุณรู้ไงคะ” อันนานหัวเราะแหะๆ พลางยกมือไหว้นวัช “ขอโทษนะคะ”
“ขอผ้าเช็ดตัวด้วยครับพี่คิน” ชัคทำหน้ารำคาญหันไปมองเพื่อน “ไปเช็ดตัวซะ”
นวัชหน้าเหรอหราไม่แน่ใจว่าแบบนี้เรียกว่าได้ผลที่ดีหรือแย่กว่าเดิม อันนายิ้มให้เขาอย่างรู้สึกผิดนิดๆ คนมองอยู่แล้วฉุนกึกคว้าข้อมือเล็กรั้งให้เดินตามไปด้วยกัน
“ทำอะไรของคุณ”
“สั่งให้คนของคุณไปเก็บผ้าขนหนูผืนนั้นเร็วๆ เข้า” อันนารีบบอกคนขี้โมโห “มันต้องมีเส้นผมของคุณนวัชบ้างล่ะน่า ทีนี้ก็เอาไปตรวจ DNA ถ้าเข้าใช่คนที่คุณตามหาเราก็แค่ออกข่าวว่าเลิกกัน ทางใครทางมัน แต่ถ้าไม่ใช่ฉันคิดว่าคุณน่าจะให้อภัยเพื่อนได้แล้วล่ะ”
เขาอยากจับยัยตัวยุ่งเขย่าให้มึนแล้วเดินไม่ไหวทำได้เพียงนั่งข้างๆ เขาไปทั้งคืนเสียจริง แต่สายตาแบบนั้นใครจะโกรธได้ลง อยากช่วยทำไมไม่บอกกันดีๆ ไหล่บางถูกกดให้นั่งลงก่อนที่ร่างสูงกว่าจะนั่งลงขนาบข้าง แล้วเรียกชาญมาสั่งงานไม่กี่คำ รายนั้นก็รีบตามนวัชไป ยังไงต่อล่ะสายตาแบบนี้ไม่พอใจอะไรอีกแล้วกระมั้ง
“คืนดีกับเพื่อนเสียก็สิ้นเรื่องแล้ว ไม่รู้จะมีฟอร์มไปทำไม” ผู้ชายปากแข็งนี่น่าหมั่นไส้เหมือนกันแฮะ อุตส่าห์ช่วยยังมาทำหน้ายักษ์ใส่
“เมื่อกี้ไอ้วัชมันจับมือข้างไหน”
“ข้างนี้ ทำไมหรือคุณ”
ชัคคว้าหมับแล้วใช้น้ำในเหยือกบนโต๊ะล้างมือของอันนาแต่คงไม่สาแก่ใจยังถูแล้วถูอีกอย่างกับเธอไปจับของเหม็นมาอย่างไรอย่างนั้น ปากก็บ่นพึมน้ำเสียงหงุดหงิด
“ต่อไปนี้ห้ามจับมือผู้ชายคนไหนต่อหน้าผมอีก”
“งั้นลับหลังทำได้ใช่ไหม” อันนาถามล้อๆ ตอนนี้ไม่อยากทะเลาะ
คิ้วเข้มขมวดคว่ำ สายตาวาววับ “ไม่ได้ ตราบใดเราดูเหมือนคบกันอยู่ ผมจะไม่มีทำรุ่มร่ามกับผู้หญิงที่ไหน ส่วนคุณก็ต้องไม่ยอมให้ผู้ชายจับมือ สัมผัสตัวเด็ดขาด”
“แค่จะหมั้นหลอกๆ เวอร์ไปไหม” เธอบ่นเสียงเบาๆ แต่คนหูดียังอุตส่าห์ได้ยิน
“ผมยังรอสอนวิธีจูบอยู่นะ หรือว่าที่ท้าทายไม่ยอมทำตามคำสั่งบ่อยๆ ก็เพราะอยากให้ผมโกรธ พอโกรธก็จะได้จูบ อย่างนี้หรือเปล่า”
ใบหน้าคร้ามยื่นเข้ามาใกล้ อันนาเอียงหน้าหลบ อยากแหวใส่แต่กลัวใจเขาถ้าเกิดเฮี้ยนทำขึ้นมาจริงๆ คงไม่มีใครช่วยห้ามหรอก มีแต่เชียร์เท่านั้นน่ะสิ ชัคหัวเราะร่าสุดท้ายคนดื้อก็ยอมแพ้
“คุณทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้จะขออะไรก็บอกมา”
“ขอกลับบ้านของฉัน” สีหน้าของเธอจริงจัง ข่าวกำลังจะเงียบแล้วหากลิลลาไม่สร้างกระแสอีก
“ก็ได้ ผมจะเซ็นโอนบ้านหลังนั้นให้คุณ”
กำปั้นน้อยๆ ชกใส่อกหนาไม่เบา มือใหญ่จับมือเล็กไว้ไม่ให้ถูกชกซ้ำเป็นหนสอง ญาติของเขาพากันมองแล้วยิ้มเข้าใจว่าสองหนุ่มสาวกำลังหยอกล้อกัน
อันนาถอนใจพรืด “อย่ามาแกล้งไม่เข้าใจ คุณก็รู้ว่าฉันไม่ได้หมายถึงบ้านหลังนั้น”
“ขอเรื่องอื่น บางทีผมอาจจะยอมตกลง” ชัคบอกหน้าตาจริงจัง
นวัชเดินออกมาจากห้องน้ำมองเพื่อนกับแฟนแล้วยิ้มกว้าง แต่สองคนนั้นกำลังงอนกันหรือไง ไม่สิ คนหน้าบึงกลายเป็นอันนา ทว่าชัคกำลังยิ้มกว้างอย่างกับชอบใจอะไรสักอย่าง สรุปแล้วเขาเปียกฟรีหรือว่าได้เพื่อนกลับมาแล้วล่ะนี่

สองวันต่อมา ธีราถูกนาวินลากมาหาอันนาตั้งแต่เช้าเมื่อเพื่อนส่งข่าวว่าอยู่ที่ไหนพร้อมอาหารเช้าที่สั่งให้แม่บ้านทำมา เรียกว่าแสดงออกและเอาใจกันสุดตัว แต่พอรู้ว่าชัคอยู่บ้านข้างๆ อาการลิงโลดก็ลดลงโดยพลัน ธีราหัวเราะชอบใจแม้จะเจ็บที่ใจจี๊ดๆ อันนาพาทั้งสองคนมานั่งเล่นที่สวนหย่อมหลังบ้านไกลจากคนของชัคพอสมควร
“ไปทำอีท่าไหนอีตามาเฟียน้ำเมาถึงยอมให้พวกเราเข้ามาในถ้ำเสือได้น่ะยัยน้ำ คราวก่อนอีตาวินยังบอกว่าแทบหัวขาด”
อันนาหัวเราะฮึๆ ไม่ยอมเล่า ไม่ใช่ว่าเป็นความลับ แต่เดี๋ยวได้โมโหไปบุกบ้านข้างๆ น่ะสิ คนอะไรเผด็จการวางอำนาจ
“น้ำมีเรื่องขอให้ทั้งสองคนช่วย แต่เราต้องแอบไปจากบ้านหลังนี้ ต้องไม่ให้คนของคุณชัครู้เด็ดขาด”
“เอาจริงใช่ไหมเนี่ย”
ธีรามองอย่างหวาดๆ ไปยังชายชุดดำที่พากันมองมาอย่างพร้อมเพียง ขนาดนกสักตัวยังบินผ่านไปยังยากเลยมั้ง
แต่อันนามีวิธีจนได้ ธีรากับนาวินขับรถออกไปจากบ้านสองคน แต่อีกไม่กี่นาทีต่อมาร่างที่นอนคุดคู่อยู่ท้ายรถก็ออกมาและหาทางไปยังบ้านหลังเดิมของพ่อ ชาญได้รับรายงานแล้วรีบขับรถตามไปห่างๆ ให้สมกับคำสั่งของชัคที่แม่นอย่างกันรู้ว่าอนาคต...ตามไปเงียบๆ ก็แล้วกัน คงเบื่อ อยากไปเที่ยวไปกันแค่นั้นกระมัง

ปลายทางเป็นร้านอาหารเล็กๆ ชาญไม่ได้ตามเข้าไป แต่กลับพบคนที่รู้จักในอดีต ปรเมศมาถึงในชุดลำลองไม่ใช่เครื่องแบบตำรวจ อันนายกมือไหว้แล้วเล่าทุกอย่างเท่าที่จำได้ให้นายตำรวจฟังและรับข้อมูลที่มาจากความทรงจำในอดีต ช่างน่าขันเมื่อเรื่องจบสวยไม่มีใครผิด ทั้งๆ ที่ผู้เสียหายยังมีลมหายใจอยู่
“ถ้าจะให้ข้อมูลแน่นอนและครบ ลุงต้องได้สำนวนคดีมาก่อน ตอนนั้นลุงไม่ได้ทำคดีนี้ แต่รุ่นพี่เป็นคนทำ เกษียรไปแล้วต้องขอไปทางต้นขั้ว คงต้องใช้เวลาสักหน่อย”
ธีรากับนาวินพลอยเครียดตามเพื่อนไปด้วย อยากขอให้เตรียมทำใจ แต่ไม่กล้า พ่อทั้งคนใครจะยอมให้ตายเงียบๆ ไปแบบนั้น
อันนายกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะคุณลุง ขอโทษที่รบกวนทำให้เสียเวลานะคะ”
“ไม่เป็นไร เพื่อนเจ้าวินก็เหมือนหลานของลุงเหมือนกัน”
ปรเมศขอตัวกลับไปก่อน หลังจากทานอาหารกันอิ่มแล้วอันนายังไม่อยากลับบ้าน จึงไปแห่งหนึ่ง ถึงอยากทำตามใจ ผลที่ตามมาคงแย่กว่าเดิมเมื่อชัคคงตามจนเจอว่าเธอไปอยู่ที่ไหน เดือดร้อนเพื่อนเปล่าๆ ทนอีกนิด อาจได้อะไรก่อนการหมั้นจะเกิดขึ้นก็ได้
รถมุ่งหน้าสู่ชานเมือง บ้านแต่ละหลังปลูกห่างจากกันไม่ติดเป็นพืดเหมือนกับในเมือง ถึงจะลืมเรื่องต่างๆ ไปในช่วงเกือบหนึ่งปี แต่อันนายังจำทางไปบ้านของพ่อที่เราเคยอยู่กันสองคนได้ ทว่ายามนี้บ้านไม่มีอีกแล้ว
“ที่นี่ที่ไหนเหรอน้ำ”
“บ้านเก่าของพ่อน้ำเอง มันถูกไฟไหม้หลังพ่อตายไม่นาน” ตอนนั้นเธอไม่ได้สงสัยอะไรเลย “ตอนนี้มันกลายเป็นสวนดอกไม้ไปแล้ว ไม่รู้ใครทำเนอะ”
“อ้าว มันนานหลายปีแล้ว ที่ดินตรงนี้เป็นชื่อใครล่ะ” ธีราสงสัย
“ตอนนี้คงเป็นของธนาคารละมั้ง พ่อผ่อนที่ไม่หมดเลยตอนที่บ้านหลังนี้ยังไม่ถูกไฟไหม้”
นาวินอ้าปากกว้างลุ้นกว่าใคร “น้ำจำได้หมดแล้วเหรอ”
“ยังไม่หมดหรอก น้ำจำบ้านได้มาตั้งแต่แรก แต่เมื่อมันถูกไฟไหม้แล้วไม่ใช่ของเรา น้ำจะกลับมาทำไมอีก”
สองเกลอพยักหน้าเห็นด้วย ดีใจวืดไป ธีราถ่ายรูปเมื่อไม่มีอะไรให้ดูมากไปกว่าสวนดอกไม้หน้าตาแปลกๆ สีชมพูเป็นรูปหัวใจห้อยหยดน้ำด้านล่างในโรงเรือนที่เหมือนจะดูแลควบคุมให้อุณหภูมิต่ำ สงสัยจะปลูกเอาไว้ขาย นาวินมองตามสายตาของอันนาไป
“แล้ววันนี้เรามาที่นี่ทำไมเหรอน้ำ อย่าบอกนะว่าจะไปคุยกับเพื่อนบ้าน”
เธอส่ายหน้า ป่านนี้แล้วเพื่อนบ้านคงจำเด็กคนนั้นไม่ได้หรอก
“ก็แค่...คิดถึง”
ถ้ารู้ว่าพ่อไม่ได้จากไปเพราะหัวใจวาย เธอจะมาที่นี่แล้วเก็บหลักฐานทุกอย่าง เท่าที่คุณภีมเล่าบ้านถูกไฟไหม้ก็เพราะมีเด็กวัยรุ่นแอบมาเสพยา ตำรวจมาตามจับพวกวัยรุ่นก็เลยเผายาเสพติดทำลายหลักฐาน แต่ก็ไม่พ้นถูกจับได้ในที่สุดอยู่ดี อย่างน้อยจากบ้านกลายเป็นสวนดอกไม้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับคนบ้านนั้น เธอไม่อยากเกลียดชัคเพราะเขาเหมือนจะเป็นคนดี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ค. 2558, 09:36:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ค. 2558, 09:36:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1102





<< ตอนที่ 14 ครึ่งแรก   ตอนที่ 15 ครึ่งแรก >>
แว่นใส 10 ก.ค. 2558, 20:11:45 น.
มันต้องมีเหตุผลนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account